วันรุ่งขึ้น เวลาตีห้า หน้าจอโทรศัพท์มือถือของฟู่สือถิงสว่างขึ้น มีข้อความใหม่เข้ามา สองชั่วโมงต่อมา ฟู่สือถิงตื่นขึ้นมาเปิดโทรศัพท์และเห็นข้อความจากโจวจื่ออี้ : บอสครับ ไมค์บอกว่าตัวเองเป็นแฮกเกอร์ที่เก่งมาก : เขาเป็นเกย์ : บอสครับ ผมอยากขอลางาน เมื่ออ่านข้อความทั้งสาม ฟู่สือถิงก็ขมวดคิ้วทันที ‘จื่ออี้จะได้ข้อมูลสำคัญมากมายในคืนเดียวได้ยังไง?’ ไมค์ไม่น่าใช่คนเปิดเผยแบบนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เขาที่จะเปิดเผยข้อมูลของตัวเองกับคนแปลกหน้าโดยไม่มีเหตุผลใด ๆ เมื่อคิดแบบนี้ ฟู่สือถิงจึงโทรหาโจวจื่ออี้ “จื่ออี้ นายได้ข้อมูลจากไมค์ได้ยังไง?” โจวจื่ออี้เงียบไปสองวินาที น้ำเสียงของเขาเหนื่อยเล็กน้อย “เมื่อคืนเขาเมา เขาก็เลยพูดออกมาหมดเลยครับ” “ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” “ครับ ผมก็ดื่มหนักเหมือนกัน ผมปวดหัวเลยอยากพัก” “ได้ งั้นนายพักผ่อนให้เต็มที่”……คฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ แปดโมงเช้า ฉินอันอันกำลังเตรียมตัวจะส่งลูกสองคนไปโรงเรียน “แม่คะ เมื่อคืนลุงไมค์ไม่ได้กลับมานอนที่บ้านเหรอคะ? หนูไปดูที่ห้องเขาแล้วไม่มีใครอยู่เลย!” รุ่ยลาถือกระเป๋านักเรียนด้วยสีหน้าสงสัย เมื่อคืน
ฟู่สือถิงเห็นใบหน้าเล็ก ๆ ของรุ่ยลา รุ่ยลาหน้าตาคล้ายฉินอันอันมาก ขณะที่เธอเดินผ่านเขา รุ่ยลาก็จ้องมองเขาด้วยดวงตาโตที่ดุร้ายเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเด็ก ๆ มีความคิดแบบไหนถึงได้เกลียดเขามากขนาดนั้น ไม่นานหลังจากนั้น ฉินอันอันก็เดินเข้าไปหาเขา “มาเช้าขนาดนี้ คุณมีธุระอะไรเหรอ?” ฟู่สือถิงมองใบหน้าที่เย็นชาของเธอและถามด้วยสีหน้าสงสัย “ฉินอันอัน เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกแท้ ๆของคุณหรือเปล่า? เธอเหมือนคุณมาก” “คุณมาที่นี่เพื่อมาเจอลูกสาวของฉันโดยเฉพาะเลยเหรอ?” “พ่อของเธอคือใคร?” เสียงของฟู่สือถิงเริ่มทุ้มขึ้นเล็กน้อย “เธออยู่ชั้นอนุบาลแล้ว อายุน่าจะเกินสามขวบแน่ ๆ” เหมือนว่าเรื่องโกหกที่เธอรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมจะไม่สามารถปิดบังต่อไปได้ รุ่ยลาหน้าคล้ายฉินอันอันตอนที่เธอยังเป็นเด็กมาก แทบจะแกะสลักจากพิมพ์เดียวกัน “ใช่ เธอเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของฉัน แต่คุณไม่ใช่พ่อของเธอ” ฉินอันอันยิ้ม “ฉันบังเอิญพบสเปิร์มของผู้ชายคนหนึ่งในธนาคารสเปิร์มต่างประเทศเพื่อเติมเต็มความปรารถนาที่อยากจะเป็นแม่ของฉัน” ความปรารถนาที่อยากจะเป็นแม่! ประโยคนี้ทำให้ฟู่สือถิงพูดอะไรไม่ออก “ถ้าคุณมาที่นี่เพีย
ฉินอันอันได้รับแจ้งจึงรีบไปที่แผนกเทคนิคทันที “ประธานฟู่ วันนี้หัวหน้าไม่ได้เข้าบริษัทครับ” ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้าฝ่ายเทคนิค แต่สังเกตุจากสีหน้าเย็นชาของฟู่สือถิง อาจเป็นเพราะไมค์ทำให้เขาขุ่นเคือง “ผมจะพาคุณไปเจอเจ้านายของเรา!” หลังจากที่หัวหน้างานพูดจบ ฉินอันอันก็เดินเข้ามา เธอเดินไปหาฟู่สือถิง เห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาแล้วพูดว่า “ไปคุยที่ห้องทำงานของฉัน” เขามาตามหาไมค์ที่แผนกเทคนิค น่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเขากับไมค์ ไมค์ไม่ได้พูดอะไรกับเธอ แต่เมื่อเห็นสีหน้าน่ากลัวของฟู่สือถิง ก็คิดว่าต้องมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น เมื่อมาถึงห้องทำงานของฉินอันอัน ฟู่สือถิงและเซิ่งเป่ยก็นั่งลงบนโซฟาโดยมีบอดี้การ์ดรออยู่ข้างนอก “เกิดอะไรขึ้น?” ฉินอันอันเทน้ำใส่แก้วให้พวกเขาทีละคน เซิ่งเป่ย “คุณฉิน หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของคุณรังแกจื่ออี้ ฉินอันอันพูดไม่ออก “...” จื่ออี้เป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถมากที่สุดของฟู่สือถิง เทียบเท่ากับมือขวาของเขา การที่โจวจื่ออี้ถูกรังแกก็เท่ากับว่าเขาถูกรังแกด้วย เธอปวดหัว ไม่คิดว่าไมค์จะทำเรื่องเลวร้ายขนาดนี้! เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทร
ถ้าไมค์ทำแบบนั้นจริง ๆ จากที่เธอได้รู้จักฟู่สือถิง ฟู่สือถิงไม่ไว้ชีวิตเขาแน่นอน สักพักไมค์ก็กลับมาที่บริษัท เขาเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงาน “อันอัน! ฟังฉันอธิบายนะ! ฉันไม่ได้รังแกโจวจื่ออี้จริง ๆ! ถ้าฉันรู้ว่าคืนนั้นเขาเป็นคนของฟู่สือถิง ฉันคงไม่ดื่มกับเขาหรอก! ฉันคงจะต่อยและให้เขาได้ลิ้มรสหมัดของฉัน!” หลังจากที่ไมค์พูดจบ เขาก็เพิ่งเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ในออฟฟิศด้วย สำนักงานก็เงียบลงทันที ฟู่สือถิงหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบน้ำ เซิ่งเป่ยก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบน้ำ ฉินอันอันเปลี่ยนเรื่องและเอ่ยถามไมค์ “นายเคยแฮกข้อมูลโรงเรียนนานาชาติแองเจลาไหม? แล้วที่เอสทีกรุ๊ปโดนแฮกเมื่อไม่นานมานี้ ใช่ฝีมือนายด้วยหรือเปล่า?” ไมค์ยกมือขึ้นและสบถว่า “ไม่ใช่ฉันนะ! ถ้าฉันทำ ฉันต้องยอมรับแน่ แม้ว่าทักษะของฉันในด้านนี้จะดี แต่นั่นไม่ใช่ฉันจริง ๆ นะ” หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ขยิบตาให้ฉินอันอัน ดวงตาของเขากำลังบอกเะอว่า ลูกชายของเธอทำ ฉินอันอันเงียบไป “...” “อืม...ฉันยังไม่ได้กินข้าวเลย พวกคุณกินกันหรือยัง? เรามากินข้าวด้วยกันไหม?!” แน่นอนว่าฉินอันอันต้องการปกป้องลูกชายของเธอ ดังนั้นเธอจึง
หัวใจของฉินอันอันบีบรัด เธอได้ยินเสียงของตัวเองที่แสร้งทำเป็นผ่อนคลาย แต่จริง ๆ แล้วกังวลมากจนตัวสั่น “อืม...ท้าทายแบบไหนเหรอ?” ฟู่สือถิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเย็นชา “ไอ้ห่วย มาบีบคอฉันสิ!” ฉินอันอันพูดไม่ออก “...” เซิ่งเป่ยไม่รู้จะแสดงสีหน้าอย่างไร “ผมสงสัยว่าแฮกเกอร์คนนี้ยังอายุน้อย!” ฉินอันอัน “ไม่เกี่ยวกันหรอกค่ะ! ประโยคนี้ประโยคเดียวบอกอะไรไม่ได้หรอก!” เซิ่งเป่ย “ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ไม่ใช้คำว่า ไอ้ห่วยหรอก ว่าไหม? แน่นอน อาจจมีในละครโบราณ” เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาสงสัยว่าเป็นผู้เยาว์ ฉินอันอันจึงพึมพำกับเซิ่งเป่ยว่า “ไอ้ห่วย” จากนั้นจึงพูดกับฟู่สือถิงว่า “ไอ้ห่วย” เซิ่งเป่ย “...” ฟู่สือถิง “...” ฉินอันอัน “คุณดูสิ คำ ๆ นี้ ไม่ได้อ่อนหัดขนาดนั้น! ผู้ใหญ่ก็ใช้ได้เหมือนกัน” เธอดูเหมือนพยายามกลบเกลื่อนตัวเอง เมื่อมองใบหน้าของเธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสุภาษิตหนึ่ง ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิด ฟู่สือถิงกับเซิ่งเป่ยแอบสบตากันชั่วครู่ พวกเขามีลางสังหรณ์ในใจอยู่แล้ว “คุณฉิน คุณกับไมค์เจอกันได้ยังไงเหรอครับ? ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณจะรู้จักคนเก่งขนาดนี้” เซิ่งเป่ยเปลี่ยนเรื่อง
ตอนเย็น ฉินอันอันกลับถึงบ้านเร็วกว่าปกติ หลังจากที่จางหยุนไปรับเสี่ยวหานกลับมาแล้ว เธอก็อุ้มรุ่ยลาเข้าไปในห้อง เสี่ยวหานมองคุณยายอุ้มน้องสาวไป ในใจก็รู้แล้วว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น“เสี่ยวหาน เอากระเป๋านักเรียนมาให้แม่” ฉินอันอันเอื้อมมือไปหาเสี่ยวหาน เสี่ยวหานส่งกระเป๋านักเรียนให้เธอด้วยมือทั้งสองข้าง เธอเปิดกระเป๋านักเรียนของเขาออกแล้วหยิบแล็ปท็อปของเขาออกมา เธอไม่ได้เปิดแล็ปท็อปของเขา แต่พูดออกมาตรง ๆ เลยว่า “ลุงไมค์ของลูกบอกแม่ทุกอย่างแล้ว ลูกใช้เทคนิคที่เขาสอนทำเรื่องไม่ดีไปมาก เสี่ยวหาน ลูกรู้หรือเปล่าว่ามันผิดกฎหมาย? แล้วลูกรู้ไหมว่าต้องเจอกับอะไรบ้างถ้าถูกคนตรวจพบเข้า?” เสี่ยวหานตาไม่กระพริบ “ผมเพิ่งจะสี่ขวบ พวกเขาจับผมเข้าคุกได้เหรอครับ?” ฉินอันอันพูดไม่ออก “…” ถึงแม้ว่าฟู่สือถิงจะสมารถปิดแผ่นฟ้าของประเทศเอด้วยฝ่ามือข้างเดียวได้ แต่เขาก็ไม่มีทางส่งเด็กอายุสี่ขวบเข้าคุกได้เช่นกัน แต่นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นสำคัญคือทัศนคติทั้งสามด้าน*ของเสี่ยวหานเริ่มบิดเบี้ยวแล้ว “ลูกสี่ขวบไปไม่ได้ตลอดหรอกนะ ยังไงลูกก็ต้องเติบโต” ฉินอันอันสอนเขา “แม่ทนเห็นลูกทำผิดซ้ำแ
เสิ่นอวี๋ที่สวมชุดกระโปรงสายเดี่ยวสีแดง ผลักประตูห้องวีแปดศูนย์เก้าให้เปิดออกแสงสลัวภายในห้องทำให้เธอสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานนัก เธอก็มองเห็นแสงเทียนสลัวอยู่ในด้านใน เทียนสีแดง! ข้างเชิงเทียนมีไวน์แดงและของว่างตั้งเอาไว้ และที่เก้าอี้ข้าง ๆ ก็มีช่อดอกกุหลาบสีแดงวางไว้อยู่ เสิ่นอวี๋กำลังจะละลายไปกับบรรยากาศที่โรแมนติก!คิดไม่ถึงเลยว่าฟู่สือถิงจะโรแมนติกแบบนี้ด้วย! เธอตั้งตาคอยสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นคืนนี้! เธอหยิบดอกกุหลาบขึ้นมา กลิ่นหอมฉุนทำให้เธอรู้สึกมึนเล็กน้อย เธอถือช่อดอกกุหลาบเอาไว้แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ‘สี่ทุ่มแล้ว ทำไมฟู่สือถิงถึงยังมาไม่ถึงอีกนะ?’ ‘หรือเป็นเพราะว่ารถติด?’ ผ่านไปสิบห้านาที ฟู่สือถิงก็ยังไม่ปรากฏตัว เธอเริ่มวิตกกังวลขึ้นมาแล้ว ‘หรือเขาจะไม่มาแล้ว?’ ‘แต่ว่าห้องที่ตกแต่งอย่างประณีตแบบนี้ จู่ ๆ จะลุกขึ้นมาทำมันก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?’ ‘หรือว่าเขาจะส่งข้อความผิด?’ เธอรินไวน์ให้ตัวเองหนึ่งแก้ว ขณะที่ใช้นิ้วมือจับแก้วไวน์ทรงสูง ก็เขย่าของเหลวสีแดงด้านในเบา ๆ แล้วจิบด้วยริมฝีปากสีแดง ไม่เลวเลย! ไวน์มีกลิ่นหอม
เสิ่นอวี๋ตัวแข็งทื่อ อุณหภูมิในร่างกายของเธอลดลงทันที ฟู่เย่เฉินหันกลับมามองเธอด้วยใบหน้างัวเงียแล้วพูดติดตลกว่า “คุณหมอเสิ่น คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเป็นผู้หญิงแบบนี้…” เสิ่นอวี๋มองเห็นใบหน้าของฟู่เย่เฉินชัดเจนแล้ว! นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เสิ่นอวี๋เจอฟู่เย่เฉิน หลังจากที่มือของเธอถูกน้ำร้อนลวก แม่เฒ่าฟู่ก็มาเยี่ยมเธอ ตอนนั้นเป็นฟู่เย่เฉินที่มาส่งแม่เฒ่าฟู่ เสิ่นอวี๋ดื่มมากเกินไปเมื่อคืนนี้ ประกอบกับไม่ได้เปิดไฟในห้อง มีแค่เทียนจุดอยู่ไม่กี่เล่มเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ฟู่สือถิง! ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้?! เมื่อคืนฟู่สือถิงเป็นคนนัดเธอมาที่นี่นี่นา! ทำไมคนที่มาถึงเป็นฟู่เย่เฉิน?! “ทำไมถึงเป็นคุณ?! ทำไมเป็นคุณ?!” เสิ่นอวี๋หยิบหมอนขึ้นมาฟาดหน้าฟู่เย่เฉินอย่างแรงทันที ฟู่เย่เฉินเอามือกุมหัวแล้วตะโกน “คุณหมอเสิ่น! คุณหยุดตีผมได้แล้ว! ผมเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น! เมื่อคืนผมได้รับข้อความจากฉินอันอันขอให้ผมมาที่ห้องแปดศูนย์เก้า ผมก็เลยมา! ใครจะรู้ว่าทันทีที่ผมเข้ามา คุณจะเข้ามากอดผมไว้…ผมพยายามให้คุณปล่อยแขนตั้งหลายครั้ง แต่ให้ตายยังไงคุณก็ไม่ยอมปล่อย…
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง