ช่วงเวลาเดียวกันนี้ ภายในห้องพักระดับวีไอพีสนนราคาอยู่ที่คืนละหนึ่งแสนบาทบนชั้นสูงสุดที่ชั้น 22 ถูกเปิดออกเพื่อต้อนรับบอสรูปหล่อของเจอร์รี่ ซึ่งเจอร์รี่ได้ขึ้นมาต้อนรับที่บนห้อง พร้อมกับให้กุญแจห้องเอาไว้กับเจ้านายเรียบร้อย กระเป๋าถูกนำมาเก็บในตู้เสื้อผ้า แต่เจ้าของห้องกลับเดินไปยังระเบียง ซึ่งมีกระจกใสบานสไลด์ขนาดใหญ่ เขาเปิดผ้าม่านออก แล้วแสร้งมองวิวเมืองกรุงเทพ ฯ อย่างไร้จุดหมาย“เจ้านายครับ ผมนัดคุณกันตพงษ์และเจ้าของโรงแรมมาดินเนอร์กับเราคืนนี้นะครับ” เจอร์รี่เอ่ยพลางสังเกตอาการของเจ้านายหนุ่มจากทางด้านหลัง“คุณกันตพงษ์กับเจ้าของโรงแรมอย่างนั้นเหรอ” นิโคไลถามกลับ ทว่าไม่ได้หันหน้ามาแต่อย่างใด“ครับผม อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ” เจอร์รี่ตอบและถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ แล้วเจ้าของโรงแรมเป็นใคร” นิโคไลถามด้วยความอยากรู้“จริงสิเจ้านายยังไม่ทราบ เดี๋ยวคงจะได้เจอเธอในตอนเย็นนี้ล่ะครับ เธอชื่อ... คุณไอลดาเป็น...”ก
“เปล่าครับ ผมแค่รู้สึกว่าเคยเจอคนหน้าคล้ายคุณไอลดามาก่อน แต่ก็แค่หน้าคล้ายน่ะครับ คงไม่ใช่คนเดียวกัน”“ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละครับ หรือถ้าจะเคยเจอก็อาจจะเป็นที่อเมริกา ไอซ์เคยเรียนอยู่ที่นั่น”“ที่วอร์ชิงตัน” นิโคไลเสริมขึ้นพร้อมกับปรับสีหน้าให้เรียบตึง และสติเขากลับเข้าที่เรียบร้อย“เอ่อ ใช่... คุณทราบได้ยังไงครับ” กันตพงษ์ถามด้วยความสงสัย“ผมเดาน่ะ เพราะผมอยู่วอร์ชิงตัน เคยเจอคนหน้าคล้ายคุณไอลดาและเธอก็อยู่ที่นั่นมาก่อนเหมือนกัน ผมคิดว่าคนเอเชียหน้าคล้ายๆ กัน” นิโคไลบอกเสียงเรียบพลางมองหน้าไอลดาอย่างมีเลศนัย“ฉันว่า คุณคุ้นหน้าฉันตอนอยู่ในลิฟต์มากกว่ามั้งคะ” ไอลดาแทรกขึ้นเสียงเรียบ“ก็อาจเป็นได้ครับ ตอนอยู่ในลิฟต์ เอ่อขอโทษทีที่ไม่ได้ทักทายครับ ไม่คิดว่าจะเป็นคุณสองคนที่ผมต้องมาทำธุรกิจด้วย ผมนึกว่าเป็นแขกของโรงแรมด้วยซ้ำ” นิโคไลแสร้งเออออกับเธอ ทั้งที่ไม่ใช่อย่างนั้น&
มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ในวอร์ชังตันดีซี นักศึกษาบางส่วนจบการศึกษาและเตรียมตัวรับปริญญาในอีกไม่กี่วัน ฉะนั้นการเฉลิมฉลองจึงได้เริ่มต้นขึ้น แน่นอนว่าบรรดาหนุ่มสาวต่างนัดแนะที่จะไปปาร์ตี้เรียนจบกันที่ผับประจำซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มก้อน แต่สุดท้ายยังคงไปสังสรรค์ในที่เดียวกันทุกที “ไอซ์! เฮ้! ไอซ์! เย็นนี้วางหรือเปล่า” หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบ และเอ่ยถามเพื่อนสาวคนสนิทที่กำลังเดินอยู่“อ้าวเทรซีย์ ว่าง มีอะไรจ๊ะ ถามทำไม” ไอลดานักศึกษาไทยแสนสวย ถามกลับและเดินให้ช้าลงเพื่อจะได้คุยกัน“เพื่อนๆ เรา ชวนไปปาร์ตี้กันน่ะ ไปนะห้ามปฏิเสธ” เทรซีย์บอกกึ่งบังคับ“แบบนี้ไม่น่าจะเรียกว่าชวน แต่เรียกว่าบังคับ แล้วจะถามฉันทำไม” ไอลดาออกปากบ่นแต่ไม่ได้จริงจังนัก “งั้นไปนะ เพื่อนๆ เราไปกันหมดเลย เครียดกันมาตลอดทั้งปีต้องหาเวลาผ่านคลายบ้าง” เทรซีย์บอกอีกครั้งแต่ไอลดากลับทำท่าครุ่นคิดเหมือนกำลังชั่งใจอยู่“อะไร ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นเชียวเหรอ ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะไอซ์” “ก็... กำลังคิดว่าจะใส่ชุดอะไรไปดีไง แล้วเพื่อนเราน่ะกลุ่มไหนบ้าง” ไอลดาถาม แต่เทรซีย์เงียบไป เพราะบอกไม่ถูกเนื่องจากมีหลายกล
จวนจนกระทั่งถึงเวลาแห่งแสงสี ที่ผับแห่งหนึ่ง เริ่มมีนักท่องราตรีทยอยเข้าร้านแล้ว เนื่องจากว่าผับเปิดไม่ดึกนัก ใครมีเวลามาดื่มกินตอนไหนก็สามารถมาได้ แน่นอนว่าเป็นเวลาของเหล่าวัยรุ่นหรือกลุ่มนักศึกษามาดื่มกินกันก่อน พอดึกหน่อยจะเป็นวัยทำงาน เพราะคนพวกนี้กว่าจะออกจากบ้านได้เสียเวลากว่าวัยรุ่นเสียด้วยซ้ำ ในร้านเริ่มเปิดเพลงฮิบฮอบให้ได้ขยับโยกบ้างแล้ว นักศึกษาที่มาปาร์ตี้กินดื่มก็ต่างมารวมตัวกันแล้วแต่อยู่กันเป็นกลุ่มก้อน กลุ่มใครกลุ่มมัน สาวๆ แต่ละคนก็แต่งตัวจัดเต็มชนิดที่เรียกได้ว่าแซ่บกันทุกคน เพื่อหวังลึกๆ ว่าคืนนี้จะได้ควงหนุ่มหล่อสักคนไปต่อให้จบ ส่วนหนุ่มๆ ก็คิดไม่ต่างกัน“วันนี้คนเยอะผิดปกตินะ” นิโคไล ลูกค้าหนุ่มหล่อล่ำคนหนึ่งเอ่ยกับเพื่อนที่มาด้วยกันอีกสองคน ระหว่างนี้เขากำลังเดินเข้ามาในร้าน ค่อยๆ แทรกตัวเข้ามาเรื่อยๆ กระทั่งพบกับที่นั่งที่ต้องการ นั่นคือหน้าเคาน์เตอร์ “น่าจะรู้ว่าที่นี่นักศึกษาชอบมาเพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย” เพื่อนอีกคนตอบ“อ่อใช่ฉันลืมไป แต่วันนี้เยอะมากสงสัยจะมาปาร์ตี้” นิโคไล ตอบและยังคงมองไปรอบๆ ตัวเช่นเคย“คงใช่ สาวๆ เพียบเรามาได้ถูกจังหวะเวลาเสียจริง” “เฮ
“ขอเป็นเตกีลา ว่าแต่คืนนี้ใครเลี้ยงเนี่ย” ไอลดาสั่งและแสร้งถามไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้หวังจะให้ใครมาเลี้ยง“มากับหนุ่ม ๆ งานนี้ก็ต้องให้หนุ่มเลี้ยงสิ ใช่ไหม เดฟ” เทรซีย์หันไปขอความเห็นจากเพื่อนชายในกลุ่มซึ่งชื่อเดวิด“ใช่ สั่งเลย เผลอๆ อาจมีหนุ่มๆ ในนี้อยากจะเสนอตัวเลี้ยง ดริ้งค์ด้วยก็เป็นได้นะ” เดวิดให้ความยิ้มๆ จากนั้นจึงลุกไปพร้อมกับเพื่อนผู้ชายคนอื่น เพื่อสั่งเครื่องดื่มและนำมาให้สาวๆ ที่โต๊ะ“ถามจริงโต๊ะเรามากันแค่สี่คนเองเหรอ ไหนว่าปาร์ตี้เพื่อนๆ ที่เรียนจบพร้อมกันไง แต่กลุ่มยัยคาร่าตั้งสองโต๊ะ” “นี่สังเกตด้วยเหรอเนี่ย กลุ่มยัยนั่นนักเที่ยวทั้งนั้นนี่จ้ะ แถมยังมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอีก ส่วนกลุ่มเราเดี๋ยวก็มาสมทบ ฉันชวนเพื่อนๆ ประมาณสิบคน เอาเป็นว่าทั้งคณะ ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่หมด” “งั้นก็คงสนุกแน่ๆ แต่เราเหมาที่นี่หรือเปล่าเนี่ย” “เปล่า ใครจะกล้าเหมาล่ะเพื่อน แขกทั่วไปก็มีเราไม่ได้มีอิทธิพลขนาดนั้น ว่าแต่หนุ่มๆ น่าสนนะ” เทรซีย์พูดพลางมองไปรอบๆ ก็สะดุดตาที่หนุ่มหล่อสามคนซึ่งนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ไม่ห่างจากพวกเธอนัก แต่เสียอย่างเดียวคือมองเห็นแต่เพียงแผ่นหลังเท่านั้น “เห็นหนุ่มๆ
“เอางั้นก็ได้ แต่รอจังหวะก่อน จากนั้นฉันจัดเต็มอย่างแน่นอน” เมื่อพูดจบครูสจึงยกเหล้าขึ้นดื่ม และรอจังหวะที่ต้องการ ระหว่างนี้ก็เฝ้ามองไอลดาเป็นระยะ แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นครูสกับคาร่าไม่ทันได้สังเกตว่าการคุยกันของทั้งคู่จะมีใครมาได้ยินเข้า เพราะเสียงเพลงมันดังพอสมควร ทว่าหนึ่งในเพื่อนของไอลดาดันมาได้ยินเข้าพอดี ฉะนั้นเพื่อเป็นการปกป้องเพื่อน เรื่องนี้จึงต้องไปถึงหูไอลดาแต่โดยเร็ว เพื่อจะได้รับมือกับผู้ชายที่อยากจะรวบกินเธอ เมื่อไอลดารู้เรื่องเข้า เธอจึงหาทางรับมือกับผู้ชายที่คาร่าส่งมา แต่ก็หวั่นใจไม่น้อย เพราะคนพวกนี้เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวจนตามไม่ทัน แต่สุดท้าย เธอต้องหยุดคิดเพื่อลดความเครียด ไปที่เคาน์เตอร์เพื่อสั่งเครื่องดื่มที่ชอบ“เตกีล่าค่ะ” ไอลดาสั่งกับบาร์เทนเดอร์หนุ่มพร้อมกับชูหนึ่งนิ้ว จังหวะเดียวกันนั้น หนุ่มหล่อสามคนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม และเมื่อได้ยินเสียงหวานๆ สำเนียงภาษาอังกฤษค่อนไปทางเอเชียเล็กน้อยก็ทำให้พวกเขาหันมามอง หนุ่มหล่อสองคนแค่ชื่นชมความสวย และมองสัดส่วนเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เสียมารยาท แต่อีกหนุ่มนั้นสำคัญคือนิโคไล เขานั่งตรงกลางแต่โน้มตัวไปค้ำที่เคาน์เตอร์ พร้อ
“อ๋อ เอ่อ ฉันมากับเพื่อนค่ะ เรามากันหลายคน โน่นไงคะกำลังสนุกเชียว” พูดจบเธอก็บุ้ยหน้าไปตรงกลางฟลอ ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าเยอะมาก นับไม่ถ้วนเลยทีเดียว เท่านี้เขาก็เดาได้แล้วว่าพวกเธอมาจากที่ไหนกัน“ให้ผมเดา บัณฑิตจากจอร์จทาวน์” เขาเดาได้ถูกต้องเลยทีเดียว ซึ่งเธอคิดว่าเขาได้ข้อมูลมาจากคาร่านั่นแหละ“อะไรทำให้คุณเดาได้ถูกต้องขนาดนั้น” ไอลดาหันมาถามเขาด้วยน้ำเสียงหวาน สายตายั่วยวนแปลกๆ “ก็ไม่เห็นจะยาก ผับนี้ใกล้มหาวิทยาลัยที่สุด อีกอย่างคุณมากับเพื่อนนับสิบๆ คนแบบนี้ ก็ต้องเป็นกลุ่มนึกศึกษาอยู่แล้ว” เขาเดาได้ถูกต้องอีกแล้ว และมันยิ่งสร้างความมั่นใจให้เธอเพิ่มมากขึ้น ว่าเขาคือคนที่คาร่าส่งมาชัวร์“แสดงว่าคุณก็มาที่นี่บ่อย ถึงได้ดูออกขนาดนี้ หรือไม่ก็ควงสาวนักศึกษามาด้วยหรือเปล่าคะ” เธอถามหยั่งเชิง“หึๆ เห็นผมควงใครล่ะครับ” เขายิ้มและส่งสายตาเจ้าชู้ให้กับเธอ ทำให้รู้สึกเขิน แต่ไม่ชอบความเจ้าชู้ของเขาเลย นิสัยเพลย์บอยแบบนี้ไม่ขอใกล้จะดีกว่า แต่เพื่อให้แผนของคาร่าดำเนินไปได้ ไอลดาต้องเล่นไปตามน้ำเสียก่อน จากนั้นจะตอกหน้าผู้ชายคนนี้ให้หงายไปเลย “ก็ไม่แน่ว่าคนที่คุณควงมาอาจจะอยู่ในกลุ่มของเพื่อน
“คนแปลกหน้าคงไม่รู้จักชื่อกัน แต่ผมรู้จักชื่อคุณแล้วนะไอซ์” เมื่อ นิโคไลพูดจบ เธอจึงเอี้ยวตัวหันกลับไปหาและไม่ทันได้ระวังว่าเขายืนประชิดด้านหลัง ทำให้เธอชนเข้ากับแผงอกกว้างๆ จนต้องเซถลาเล็กน้อย เป็นจังหวะให้นิโคไลสอดวงแขนขวา คว้าเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ล้ม ก่อนจะรั้งเข้ามากอดโดยอัตโนมัติ“เอ่อ ขอบคุณค่ะ” เธอรีบตั้งสติแล้วก็ดันตัวออกจากวงแขนของเขาทันที ในความยั่วและอ่อยของเธอ เขามองว่ามีความระมัดระวังตัวอยู่พอสมควร เหมือนจะง่ายแต่ไม่ง่ายซะทีเดียว เขาคิดและยิ้มกริ่มเจ้าชู้“นะครับเต้นรำกัน” นิโคไลเอ่ยปากขอร้องอีกครั้ง ดูซิว่าเธอจะยอมหรือเปล่า แน่นอนว่าเธอจะยั่วให้ถึงขีดสุด“แต่ในมือคุณยังถือแก้วเหล้าอยู่เลย เอาเป็นว่าเราไปนั่งดื่มต่อดีกว่านะคะ” ไอลดายื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วเอ่ย ก่อนจะจับมือเขา แล้วพาเดินกลับออกไปนั่งที่เดิม จากนั้นเธอจึงปล่อยมือเขาให้เป็นอิสระ “ดูเหมือนคุณไม่อยากจะสนุกกับเพื่อนสักเท่าไหร่” นิไคไลถามพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้และหันหน้าออกไปฟลอ “ฉันมีเรื่องที่น่าสนใจต้องทำค่ะ” พูดจบปุ๊บไอลดาก็ปรายตามองเขาด้วยแววตาแพรวพราว“อย่างเช่น...” เขาถามเพื่อว่าคำตอบจะเป็นการเล่นสนุกกับเข
“เปล่าครับ ผมแค่รู้สึกว่าเคยเจอคนหน้าคล้ายคุณไอลดามาก่อน แต่ก็แค่หน้าคล้ายน่ะครับ คงไม่ใช่คนเดียวกัน”“ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละครับ หรือถ้าจะเคยเจอก็อาจจะเป็นที่อเมริกา ไอซ์เคยเรียนอยู่ที่นั่น”“ที่วอร์ชิงตัน” นิโคไลเสริมขึ้นพร้อมกับปรับสีหน้าให้เรียบตึง และสติเขากลับเข้าที่เรียบร้อย“เอ่อ ใช่... คุณทราบได้ยังไงครับ” กันตพงษ์ถามด้วยความสงสัย“ผมเดาน่ะ เพราะผมอยู่วอร์ชิงตัน เคยเจอคนหน้าคล้ายคุณไอลดาและเธอก็อยู่ที่นั่นมาก่อนเหมือนกัน ผมคิดว่าคนเอเชียหน้าคล้ายๆ กัน” นิโคไลบอกเสียงเรียบพลางมองหน้าไอลดาอย่างมีเลศนัย“ฉันว่า คุณคุ้นหน้าฉันตอนอยู่ในลิฟต์มากกว่ามั้งคะ” ไอลดาแทรกขึ้นเสียงเรียบ“ก็อาจเป็นได้ครับ ตอนอยู่ในลิฟต์ เอ่อขอโทษทีที่ไม่ได้ทักทายครับ ไม่คิดว่าจะเป็นคุณสองคนที่ผมต้องมาทำธุรกิจด้วย ผมนึกว่าเป็นแขกของโรงแรมด้วยซ้ำ” นิโคไลแสร้งเออออกับเธอ ทั้งที่ไม่ใช่อย่างนั้น&
ช่วงเวลาเดียวกันนี้ ภายในห้องพักระดับวีไอพีสนนราคาอยู่ที่คืนละหนึ่งแสนบาทบนชั้นสูงสุดที่ชั้น 22 ถูกเปิดออกเพื่อต้อนรับบอสรูปหล่อของเจอร์รี่ ซึ่งเจอร์รี่ได้ขึ้นมาต้อนรับที่บนห้อง พร้อมกับให้กุญแจห้องเอาไว้กับเจ้านายเรียบร้อย กระเป๋าถูกนำมาเก็บในตู้เสื้อผ้า แต่เจ้าของห้องกลับเดินไปยังระเบียง ซึ่งมีกระจกใสบานสไลด์ขนาดใหญ่ เขาเปิดผ้าม่านออก แล้วแสร้งมองวิวเมืองกรุงเทพ ฯ อย่างไร้จุดหมาย“เจ้านายครับ ผมนัดคุณกันตพงษ์และเจ้าของโรงแรมมาดินเนอร์กับเราคืนนี้นะครับ” เจอร์รี่เอ่ยพลางสังเกตอาการของเจ้านายหนุ่มจากทางด้านหลัง“คุณกันตพงษ์กับเจ้าของโรงแรมอย่างนั้นเหรอ” นิโคไลถามกลับ ทว่าไม่ได้หันหน้ามาแต่อย่างใด“ครับผม อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ” เจอร์รี่ตอบและถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ แล้วเจ้าของโรงแรมเป็นใคร” นิโคไลถามด้วยความอยากรู้“จริงสิเจ้านายยังไม่ทราบ เดี๋ยวคงจะได้เจอเธอในตอนเย็นนี้ล่ะครับ เธอชื่อ... คุณไอลดาเป็น...”ก
ทำไมเขาต้องเกิดมาเป็นผู้ให้ด้วยวะ เขาคิดแต่ยังคงมีความสุขดี แม้จะเป็นเพียงฉากหน้าที่ฉาบเอาไว้ให้คนภายนอกเห็น และมองว่าเขากับไอลดาเป็นคู่หมั้นที่เหมาะสมสำหรับการแต่งงานมากที่สุดก็ตาม แต่เบื้องหลังนี่สิที่ภายในครอบครัวเท่านั้นที่รู้สามปีมาแล้วที่กันตพงษ์กับไอลดาอยู่ในฐานะคู่หมั้น ภายใต้สัญญาที่ว่ากันด้วยเรื่องธุรกิจ เธอกลับมาเมืองไทยได้ถูกเวลาเป็นอย่างยิ่ง เมื่อทางครอบครัวประสบปัญหาเรื่องการบริหารโรงแรม จนขาดสภาพคล่องทางการเงิน จึงต้องขอความช่วยเหลือให้ฝ่ายของกันตพงษ์ซึ่งเป็นเครือญาติเข้ามาช่วยอีกแรง โดยการให้กันตพงษ์เข้ามาถือหุ้นในโรงแรมเกินกว่าครึ่งหนึ่ง พร้อมทั้งเม็ดเงินมหาศาลที่โอบอุ้มต่อลมหายใจของโรงแรมต่อไปแต่กันตพงษ์ไม่อยากขึ้นชื่อว่าฮุบโรงแรมที่สร้างจากครอบครัวไอลดามาเป็นของตัวเอง และไม่ได้ต้องการให้ใช้หนี้คืนแต่อย่างใด เขาจึงยื่นข้อเสนอเนียนๆ ให้ไอลดาแต่งงานด้วย หรือเรียกว่าเอาตัวมาแลกกับเงินก็ยังได้ และเพื่อเขาจะได้เข้ามาช่วยบริหารงานแบบไม่ต้องรู้สึกผิดนักครั้งแรกไอลดาไม่ยอมเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะรักและเคารพกัน
เวลาต่อมา ห้าโมงเย็นได้เวลาที่ไอลดาต้องกลับบ้าน โดยมีกันตพงษ์มารับ เรียกได้ว่าทำหน้าที่คู่หมั้นได้อย่างสมบูรณ์เลยทีเดียว ปิ๊น! ปิ๊น! ปิ๊น! คนขับรถบีบแตรเมื่อมาถึงหน้าประตูทางเข้า ประตูบานคู่จึงถูกเปิดออกอัตโนมัติขณะที่รถแล่นเข้าบ้านอยู่นั้น เด็กน้อยวัยสองขวบรูปร่างหน้าตาราวกับตุ๊กตาฝรั่งวิ่งออกมายืนอยู่ตรงบันได โดยมีหญิงวัยล่วงเลยกว่าหกสิบปีเดินตามออกมา พร้อมกับจับมือของเด็กน้อยเอาไว้ ท่าทางของเด็กน้อยดีอกดีใจแต่พูดออกมาไม่เป็นความ ได้แต่กระโดดโลดเต้นตามประสา ก่อนจะเอ่ยออกมาเพียงคำเดียว“มะ มะ” คำว่าแม่ถูกเปล่งออกมาจากปากเด็กน้อยแบบไม่ชัดเจนนัก แต่ก็รู้ได้ว่ากำลังเรียกผู้ที่กำลังมาเยือน เมื่อรถจอดสนิทประตูเปิดออก ไอลดาก็รีบลงจากรถทันที เด็กน้อยแสนน่ารักก็วิ่งเข้าไปกระโดดกอด“มะ มะ จ๋าๆๆ” ภาษาดอกไม้ของเด็กๆ ที่ไอลดาฟังแทบจะไม่รู้เรื่องแต่รู้ว่าเด็กน้อยเรียกแม่“คิดถึงจังเลย หนูดื้อไหมคะ หืม ทำให้คุณยายเหนื่อยหรือเปล่า” ไอลดาเอ่ยกับเด็กน้อยราวกับฟังรู้เรื่อง แต่เด็กน้อยก็ย
“แต่พี่กันยิ้มแปลกๆ” เกลียดจริงๆ เลยคนรู้ทัน เขาคิด“ฮ่าๆ ยิ้มก็ไม่ได้เลยเหรอ พี่ไม่ใช่คนหน้าเคร่งซะหน่อย” เขาแก้ตัวพร้อมกับเสียงหัวเราะชอบใจ ทว่าสายตาของเขานี่แหละที่ปิดไม่มิด แต่เธอจะไม่ถามอีกและปล่อยให้เขาขับรถพาไปจนถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยที่โต๊ะถูกจองเอาไว้เรียบร้อยแล้ว กระทั่งเขาพาเธอเดินไปนั่งแต่กลับมีผู้ชายอีกคนรออยู่ ซึ่งไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลยแถมยังเป็นฝรั่งอีกต่างหาก“สวัสดีครับ รอนานหรือเปล่า” กันตพงษ์ทักทายและถามชายแปลกหน้าอย่างสุภาพ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่มาก่อนเวลาเสียอีก และเมื่อได้ยินเสียงกันตพงษ์ ชายหนุ่มคนนั้นก็หันมามองทันที“อ้าว สวัสดีครับคุณกัน อย่าห่วงผมเพิ่งมานั่งได้ห้านาที” ชายหนุ่มซึ่งเป็นแขกกล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืน แล้วยื่นมือไปจับทักทายกับกันตพงษ์“เชิญนั่งครับ แล้วสุภาพสตรีท่านนี้คือ” ชายหนุ่มถามกันตพงษ์อีกครั้งและยิ้มอย่างสุภาพ“อ๋อนี่ ไอลดาคู่หมั้นผมครับ ไอซ์จ้ะนี่คุณเจอร์รี่” กันตพงษ์แนะนำโดยที่ย
“ผมต้องการคำนั้นจากปากคุณไม่ใช่เขียนใส่กระดาษ แต่ช่างเถอะ... ช่างเถอะ ลาก่อนไอซ์” เป็นการหักห้ามใจไม่ให้เจ็บปวดเป็นครั้งแรก และมันช่างยากเย็นเหลือเกินบัดนี้ชีวิตของเขาจะดำเนินไปอย่างปกติที่สุด ไอลดาจะไม่มีอิทธิพลอะไรต่อหัวใจของเขาเป็นอันขาด เซ็กส์คืนเดียวมันจบแล้วและมันเป็นสิ่งที่เขาปรารถนาคือ ไม่ผูกมัดไม่ผูกพัน นี่แหละชีวิตของนิโคไล แอนตัน และเขาต้องอยู่กับความเป็นอิสระไร้บ่วงตราบเท่าที่เขาต้องการช่วงเวลาของความสุข มันเกิดขึ้นเร็วและมันจบลงเร็วเหลือเกิน พร้อมกับสิ่งที่หวงแหนมาตลอดตั้งแต่เติบโตเป็นสาว ต้องสูญเสียไปอย่างง่ายดาย ให้กับผู้ชายแปลกหน้าที่รู้จักเพียงหนึ่งวันกับอีกสองคืน เพราะฤทธิ์แอลกอฮอลโดยแท้ที่ทำให้สติสัมปชัญญะทั้งหมดดับวูบ และนำพาไปสู่ความอยากลอง อยากรู้ จนทำให้หวั่นไหวไปกับสิ่งแปลกใหม่ ซึ่งในชีวิตวัยสาวไม่เคยได้พบ ไอลดาเรียกมันว่าอุบัติเหตุทางอารมณ์ และเรื่องนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีก เธอสัญญากับตัวเอง ว่าเซ็กส์สำหรับเธอจะยอมให้มันเกิดขึ้นกับนิโคไลเพียงคนเดียวด้วยความเต็มใจ
นิโคไลหลับตาครุ่นคิดว่าจะไม่ปล่อยให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้เป็นทางผ่าน หรือเพียงเพราะอุบัติเหตุทางอารมณ์ แต่อยากจะใช้เวลาศึกษาไอลดาเพื่อว่าเขาจะได้เลิกใช้ชีวิตแบดบอย พร้อมกับลงหลักปักฐานที่ใครสักคน และอยากให้เธอเป็นคนพิเศษ บอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไรแต่ไม่อยากเสียเธอไป อีกทั้งอยากจะจริงจังขึ้นมา ถามใจตัวเองว่าแท้ที่จริงแล้วที่วางแผนพาเธอมาที่นี่ เพราะว่าแอบชอบเธอตั้งแต่วินาทีแรกแล้วระหว่างที่นิโคไลกำลังใคร่ครวญเรื่องที่เกิดขึ้น ไอลดาก็ยังคงเงียบกริบ แสร้งหลับตาประหนึ่งว่าอ่อนเพลียไม่อยากจะคุยด้วย เขาจึงเงยหน้าขึ้นแล้วยื่นหน้าไปจูบตรงปลายคางเบา ๆ ทว่าเธอยังนอนนิ่ง จึงเปลี่ยนเป็นก้มจูบตรงเนินอก พลางลูบไล้ฝ่ามือไปตามเรือนร่างเปลือยเปล่า“อืม” ไอลดาครางงึมงำเหมือนถูกรบกวน เขาจึงใช้ไม้ตายด้วยการถูไถกายแกร่งกับร่องรักอันอ่อนนุ่มอีกครั้ง“อื้อ ยังเจ็บอยู่เลยค่ะ พักก่อนนะคะ” เธอตอบเสียงหวานแผ่วเบา ทว่ายังไม่ได้ลืมตา“เหนื่อยเหรอครับ หืม” เขาถามเสียงนุ่ม เธอจึงพยักหน้าเท่านั้น
“ฮ่าๆ คุณเป็นเลขาส่วนตัวของเขา หรือว่าเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจของเขากันแน่” ไอลดาหัวเราะร่าอย่างชอบใจ ทำให้เจอร์รี่นึกแปลกใจมากเลยทีเดียว เพราะปกติแล้วเธอมักวางตัวเคร่งขรึมไม่ยิ้มแย้ม“ก็ทำทุกอย่างครับ รวมถึงเก็บขยะบนเตียงด้วยในบางครั้ง” คำว่าขยะคงไม่ได้ประชดเธอหรอกมั้ง“ไม่ได้หมายถึงฉันใช่ไหมคะ” เธอถามตรงๆ เสียเลย“ผมบอกแล้วคุณสำคัญ เอาจริงนะจะเป็นไปได้ไหมครับ ถ้าคุณสองคนจะ...”“เจอร์รี่คะ มัน... ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ความรู้สึกของฉันบอกว่าเขาอยากเอาชนะฉันเท่านั้น เขาอยากให้ฉันขอโทษเพราะคิดว่าฉันผิด” “ผมก็คิดว่าคุณผิดที่หนีเขามา น่าจะบอกเขาสักนิด ว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี ทำแบบนี้เหมือนทิ้งให้เขาสับสนอยู่คนเดียว” ให้ตายสิ ยิ่งฟังก็ยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่าเธอผิดหนักหนา เหมือนหักอกผู้ชายดีๆ สักคนหนึ่งอย่างนั้นแหละ นี่หมายความว่าเธอคิดเองเออเอง ว่าเรื่องคืนนั้นมันเป็นความสนุกของเขาสินะ ซึ่งนิโคไลมองว่ามันสำคัญอย่างนั้นหรือ
แต่ยังไม่ทันให้ร่างกายเธอกลับเข้าที่ เขาก็ขยับริมฝีปากออกแล้วเคลื่อนตัวขึ้นมาทาบทับเธอเอาไว้ ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองใบหน้าสวยหวานที่เต็มไปเม็ดเหงื่อซึมออกมา แล้วกดจูบที่ปากอิ่มเร่าร้อน ขณะที่มืออีกข้างซึ่งกอบกุมกายแกร่งเอาไว้ ก็จับมันถูไถกับเนินเนื้อนุ่ม บดเบียดกระตุ้นให้เธอมีความปรารถนาอีกครั้งกระทั่งเสียวซ่าน เขาจะไม่รั้งรออะไรอีกต่อไปแล้ว จึงตัดสินใจกดส่วนปลายของแท่งร้อนเข้าไปอย่างช้าๆ ทว่ากลับทำให้เธอสะดุ้งจนต้องยกมือขึ้นดันเขาออก“อื้อ!” ไอลดาร้องอื้ออึงเพราะความเจ็บ และทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระก็รีบทัดทาน“หยุด หยุดได้ไหมคะ พอก่อน” เธอบอกและหายใจหอบ พยายามกดกลั้นความเจ็บเอาไว้“ได้โปรด ผมหยุดไม่ได้ ให้ผมเถอะนะที่รัก” เขากระซิบเสียงหอบพร่าพร้อมกับกดสะโพกนำพากายแกร่งสอดแทรกเข้าไปอย่างช้าๆ“มะ ไม่... นิคคะเจ็บมาก” ใจหนึ่งก็ปรารถนา ทว่าไม่เคยถูกสัมผัสแตะต้องเช่นนี้ มันเจ็บแสบจนสุดจะบรรยาย“นะครับ นิดเดียวเจ็บแค่นิดเดียวเท่านั้น” เขาปลอบใจแ