กลับมาที่ปัจจุบัน
หญิงสาวในชุดส่าหรีสีฟ้ากลับเข้ามาในบ้าน ร่างเพรียวเดินเข้ามาในบ้านอย่างช้าๆ ในใจมีแต่ความรู้สึกผิด ที่เธอได้ทำผิดต่อคนรัก " พี่อามู พี่เป็นอะไร" "อามิ...พี่" อัมมาวดีลังเลที่จะพูดเพราะเธอรู้ว่าน้องสาวของเธอนั้นเคารพศิวะเหมือนดั่งพี่ชายแท้ๆ "คะ?." "พี่กับศิวะเราเลิกกันแล้ว" "ฮะ.." ในที่สุดอัมมาวดีก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้น้องสาวฟังรวมไปถึงเรื่องที่เธอแอบคบหาราฟีตอนที่ยังคบกับศิวะอยู่ด้วย "พี่อามู! พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง...พี่บอกเลิกพี่ศิวะเพื่อไปคบกับผู้ชายที่เพิ่งเจอได้ยังไง" อัมพิกาโวยวายเสียงดัง "อามิ ฟังพี่ก่อน พี่ไม่ได้ทำอะไรผิด ราฟีไม่ใช่คนเลว เขาทำให้พี่รู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย" "แล้วพี่ศิวะล่ะคะ" "พี่ไม่ได้รักเขาแล้ว อีกอย่างพวกเราก็ไม่เหมาะสมกัน" อัมพิกายืนนิ่งไปชั่วขณะหลังจากได้ยินคำพูดของพี่สาว น้ำเสียงที่แฝงความแน่วแน่ของอัมมาวดีสะท้อนถึงการตัดสินใจที่ชัดเจน ทว่าในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความขัดแย้ง “พี่อามู...พี่เคยคิดถึงความรู้สึกของพี่ศิวะบ้างไหมคะ? ผู้ชายที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อพี่...”น้ำเสียงของอัมพิกาแผ่วลง ดวงตาคู่สวยฉายแววผิดหวัง หญิงสาวไม่เคยเลยว่าพี่สาวของเธอจะลุ่มหลงชายที่พึ่งเจอได้ไม่นาน อัมมาวดีเบือนหน้าหนีไปทางหน้าต่าง เธอไม่กล้าสบตาน้องสาวที่กำลังตัดพ้อต่อว่าเธอ “พี่คิดถึง...แต่คนเราจะฝืนความรู้สึกตัวเองไปได้นานแค่ไหนล่ะอามิ? ถ้าพี่ไม่มีความสุข การอยู่กับเขาก็ไม่ต่างจากการหลอกตัวเอง” อัมมาวดีแย้งในมุมของเธอ “แต่พี่ศิวะ...เขารักพี่มากนะคะ เขาไม่สมควรได้รับการทรยศแบบนี้” คำว่า ทรยศ ทำให้หญิงสาวชะงัก เธอรู้ดีว่าสิ่งที่เธอทำผิด แต่จะให้เธอทำยังไงในเมื่อเธอหมดรักศิวะแล้ว “อามิ... พี่ขอโทษ แต่พี่ก็ต้องเลือกชีวิตของตัวเองเหมือนกัน ศิวะเขาเป็นคนดี แน่นอนว่ามีผู้หญิงที่ดีกว่าพี่มากมายรอที่จะรักเขาอยู่” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อัมพิกาถอนหายใจหนัก เธอกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าฝ่ามือ “งั้นพี่ก็เลือกไปเลยค่ะ” อัมพิกาหันหลังให้พี่สาว ดวงตาของเธอเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา “แต่อย่าคิดว่าพี่จะไม่ต้องรับผลของการเลือกครั้งนี้นะคะ ผู้ชายคนนั้นเพิ่งเข้ามาในชีวิตพี่ได้ไม่นานพี่ก็ตัดสินใจทิ้งผู้ชายที่ดีที่สุดที่อยู่กับพี่มาตั้งห้าปี ฉันไม่เชื่อเด็ดขาดค่ะว่าผู้ชายคนนั้นเป็นผู้ชายที่ดี” อัมมาวดีมองตามแผ่นหลังของน้องสาวที่เดินห่างออกไป น้ำตาไหลรินอาบแก้ม เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอทำกำลังทำลายความเชื่อใจและความสัมพันธ์กับน้องสาวที่รักเธอมากที่สุด หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ในห้องโถง ความเงียบงันค่อยๆโอบล้อมตัวเธอท่ามกลางแสงอาทิตย์ค่อยๆลอยลับขอบฟ้า “ฉันเลือกทางเดินนี้เอง... แต่ทำไมมันถึงเจ็บปวดนักล่ะ” จากที่เธอคิดว่าอัมพิกาจะเป็นคนที่เข้าใจเธอมากที่สุด ว่าทำไมเธอถึงเลือกราฟีมากกว่าที่จะเป็นศิวะ เธอไม่เข้าใจทำไมน้องสาวของเธอถึงคิดว่าเธอตัดสินใจเลือกสิ่งที่ผิดพลาดให้กับตัวเองล่ะ.. น้ำตารินไหลออกจากดวงตาคู่สวย ที่ตอนนี้บอบช้ำอย่างน่าสงสาร เธอยกมือกุมขมับอย่างคิดไม่ตกพลางร้องไห้ออกมาเสียงดัง เสียงร้องไห้ของเธอดังไปถึงหูของคนที่พึ่งหันหลังเดินจากมา อัมพิกาเดินออกมาได้ไม่ไกลก็ทรุดลงทันที หญิงสาวรู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้พี่สาวเลย อัมมาวดีกับศิวะเป็นคนที่เธอรักและเคารพมากที่สุด เธอไม่นึกเลยว่าวันนึงทั้งสองจะกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันเพราะพี่สาวของเธอเปลี่ยนใจไปชอบคนอื่นอย่าง ราฟี เชค เธอนั่งอยู่ที่โซฟาไม่ไกลจากพี่สาวนัก ดวงตากลมโตที่เคยเปล่งประกายสดใสตอนนี้กลับหม่นหมองอย่างน่าใจหาย ร่างอรชรจมอยู่ในเกลียวคลื่นแห่งความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาในใจ น้ำตาเอ่อคลอเบ้าตา อัมพิการักศิวะเหมือนพี่ชายของเธอคนนึง เขาเป็นคนที่คอยดูแลและปกป้องเธอ ให้คำปรึกษา ปลอบโยนเธอในวันที่เธอต้องการกำลังใจ ขณะเดียวกันเธอก็รักพี่สาวมาก พี่สาวเป็นคนสมบูรณ์แบบสำหรับเธอ เป็นคนที่มั่นคง และเชื่อในความรัก ทั้งสองคนรักกันมากราวกับว่าทั้งคู่ใช้หัวใจดวงเดียวกัน "ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้..?" หญิงสาวตั้งคำถามกับตัวเอง พลางมองไปทางอัมมาวดี พี่สาวที่เธอรักมากที่สุด เสียงร้องไห้ของพี่สาวเสียดแทงหัวใจเธอ ไหล่ที่บอบบางสั่นไหว พี่สาวแสนสวยของเธอกำลังร้องไห้อย่างหนัก "ทำไมพี่ถึงรักเขาล่ะ..ฮึก!...ทำไมถึงเปลี่ยนใจ" ราฟี...เชค ชื่อนี้แค่ได้ยินอัมพิกาก็เบือนหน้าหนี นักธุรกิจหนุ่มชื่อดังจากเมืองมุมไบ แล้วว่าที่นักการเมือง หนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ ไม่สิ...เขามันเจ้าชู้ตัวพ่อ ราฟีเป็นเสือผู้หญิง พี่สาวของเธอจะต้องตกหลุมพรางของเขาแน่ เขาอาจจะดูดี เจ้าเสน่ห์ มีฐานะและอำนาจ ที่สำคัญแววตาของเขาที่มองพี่สาวเธอในวันนั้น เธอไม่เคยลืม “พี่อามู...” อัมพิกาเดินเข้าไปหาพี่สาว ยิ่นจับไหล่บอบบางของเธออย่างแผ่วเบา "พี่...ช่วยตอบคำถามฉันซักหน่อยได้ไหม" "ได้สิ..เธอจะถามอะไร" อัมมาวดียกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลนองหน้า "พี่รักเขาอย่างนั้นหรอคะ ผู้ชายคนนั้น" หญิงสาวถามคำถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ใช่..พี่รักเขา...มันไม่เหมือนความรักที่ผ่านมาของพี่" อัมมาวดีชะงักไปครู่นึงก่อนจะตอบออกไป เมื่อพูดถึง ราฟี เชค สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรักและความหลงใหล "เธอ...เชื่อพี่สักครั้ง ขอแค่เธอเชื่อพี่ พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ตัดสินใจผิดพลาด ราฟีคือคนที่พี่อยากใช้ชีวิตร่วมกับเขาไปชั่วชีวิต ชื่อพี่สักครั้งเถอะนะอามิ" ดวงตาคู่สวยมองใบหน้าน้องสาวด้วยสายตาเว้าวอน น้ำเสียงปริ่มจะขาดใจของพี่สาวทำให้อัมพิกาค่อยๆทำจะยอมรับ "ค่ะ ฉันจะเชื่อพี่สักครั้ง " "ขอบคุณนะ! ขอบคุณจริงๆ! " อัมมาวดีโผเข้ากอดน้องสาวด้วยความโล่งใจและดีใจ รอยยิ้มหวานชวนใจสั่นไหวของพี่สาวทำให้อัมพิกาใจอ่อนยวบยาบก่อนจะเผลอยิ้มออกมายังอ่อนโยน หวังว่า...การตัดสินใจของพี่สาวของเธอในครั้งนี้แต่เป็นการสินใจที่ถูกต้องนะ....แสงดวงอาทิตย์สาดส่องลงมากระทบพื้นผิวน้ำทะเล เสียงคลื่นกระทบชายฝั่งช่างเงียบสงบและไพเราะ สายลมพัดเข้ามากระทบผ้าม่านสีขาวผื่นบางพริ้วไสวตามสายลม ทว่า....มันไม่ได้ช่วยดับแรงโทสะของเจ้าบ้านเลยสักนิด เพี๊ยะ! ฝ่ามือใหญ่ของเจ้าบ้านฟาดลงไปบนแก้มภรรยาอย่างแรง "แม่!!" " คุณสั่งสอนลูกยังไง ให้มันหลงผู้ชายขนาดนี้!! " เสียงกัมปนาทราวกับพายุตลาดลั่นใส่ภรรยา เหล่าคนงานในบ้านต่างแตกตื่นตกใจเมื่อคุณผู้หญิงของบ้านถูกทำร้าย "มันไม่แหกตาดูหน่อยเหรอ! ว่าผู้ชายคนนั้นมันคนละศาสนากับเรา!!" อัมพิกาก้าวออกจากห้องของตนหลังได้ยินเสียงโต้เถียงดังมาจากห้องโถง เธอสวมชุดส่าหรีสีขาวงาช้างลวดลายปักด้วยดิ้นทองละเอียดอ่อน ชายส่าหรีพลิ้วไหวตามจังหวะก้าวเดิน ผมสีดำขลับถูกรวบไว้หลวมๆ มีปอยผมเล็กๆร่วงหล่นคลอเคลียกับแก้มสีชมพูอ่อนที่ถูกแต่งแต้มด้วยบลัชออน มือเรียวยกชายส่าหรีขึ้นเล็กน้อยก่อนเร่งฝีเท้า หัวใจเต้นระรัวเต็มไปด้วยความตื่นตระหนัก ดวงตาสีน้ำผึ้งจับจ้องไปยังภาพตรงหน้าราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนเมื่อ ปราโมทย์ เชาฮาน บิดาของเธอกำลังตะคอกใส่มารดาเธออย่างรุนแรง มือหนาของเขาตบลงโต๊ะด้านหน้าเสียงดังสนั่น ตรงพวงแก
บ้านเชาฮาน, เมืองอุทัยปุระ บรรยากาศยามเย็นในบ้านเชาฮานเต็มไปด้วยความเงียบงันและอึมครึม หลังจากเหตุการณ์ทะเลาะกันเมื่อช่วงสาย อัมพิกายังคงเป็นกังวลเรื่องอาการของมารดา แม้ว่าแม่ของเธอจะยืนยันว่าตัวเองไม่เป็นอะไรมาก แต่แววตาที่ดูอ่อนล้าของกาญจีกลับทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ"แม่นั่งพักตรงนี้ก่อนนะคะ" หญิงสาวบอกกับมารดาก่อนจะตัดสินใจโทรหาคุณหมอประจำตระกูล "หมอศานนท์ ปัทมกุล" ชายวัยกลางคนที่มีความรู้และประสบการณ์ในการรักษา และยังเป็นคนที่ครอบครัวเชาฮานไว้ใจมาอย่างยาวนาน( ฮัลโหล) เสียงแหบทุ้มดังขึ้นจากปลายสาย ( สวัสดีค่ะ คุณลุง หนูเองค่ะ อัมพิกา ) ( คุณลุงคะ คุณลุงช่วยมาตรวจดูคุณแม่ให้หนูหน่อยได้ไหมคะ พอดีว่าคุณแม่ท่านเป็นลมน่ะคะ ) ( ได้สิ เดี๋ยวอีกสักพักลุงเข้าไปนะ ) ( ค่ะคุณลุง ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ) พูดจบเธอก็ตัดสายไป อัมพิกาเดินเข้ามาดูกาญจีที่นั่งอ่อนแรงอยู่ในห้องนั่งเล่น" เป็นยังไงบ้างคะแม่ " " แม่ไม่เป็นอะไร อีกสักพักแม่ก็หาย" เสียงอ่อนแรงของมารดาทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วแน่น กาญจีเอามือไปแตะมือลูกสาวเบาๆ เธอไม่อยากให้ลูกสาวต้องเป็นกังวลเพราะเธอ " อามิ เชื่อแม่นะลูก " " ไม่เชื่อได
ภายในคฤหาสน์ตระกูลเชาฮาน ที่ตกแต่งด้วยผ้าไหมสีทองและแดงเข้ม ประดับด้วยดอกไม้หลากสีเรียงรายตลอดแนวระเบียง กลิ่นกำยานอ่อนๆ หอมอบอวลทั่วงานโถงใหญ่ แสงไฟจากโคมระย้ากระทบกับเครื่องประดับอันหรูหรา สร้างบรรยากาศอันโอ่อ่าศิวะปรากฏตัวในชุดโจฎปุรีประดับลวดลายทองอันวิจิตร บ่งบอกถึงความสง่างามและฐานะที่น่าเกรงขาม เสื้อคลุมของเขาถักทอด้วยผ้าชั้นดีตัดเย็บอย่างประณีต มีลวดลายราชสีห์อันทรงอำนาจ เขาก้าวเข้ามาในงานอย่างสง่าผ่าเผย ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาที่หน้าทางเข้างาน อัมมาวดีและอัมพิกา ลูกสาวทั้งสองของตระกูลเชาฮาน ยืนต้อนรับแขกด้วยรอยยิ้มอัมมาวดีอยู่ในชุดส่าหรีสีแดงเข้มปักลายทองละเอียดอ่อน ผ้าอาภรณ์สะท้อนแสงไฟระยิบระยับ ทรงผมเกล้ามวยสูง ตกแต่งด้วยดอกมะลิสดและจิวเวลรีที่ทำจากเพชรน้ำงาม ดูงดงามราวกับนางพญาอัมพิกาแต่งกายในชุดเลเฮนกาสีชมพูพีชประดับด้วยงานปักสีเงิน เสื้อครอปเข้ารูปเผยให้เห็นความอ่อนหวานของวัยสาว เธอประดับสร้อยคอพลอยสีชมพูเข้ากับต่างหูระย้าเข้ากับดวงตาสีน้ำผึ้งประกายสดใสของเธอ สองพี่น้องยืนเคียงกันเป็นภาพที่งดงามประหนึ่งนางเทพีแห่งความงามประจำค่ำคืน สร้างความประทับใจให้แขกเหรื่อที่เ
ห้าปีก่อน เสียงเพลงพื้นเมืองดังก้องไปทั่วบริเวณงาน ผู้คนสวมเสื้อผ้าสีสันสดใสร่วมขบวนแห่ที่คึกคัก เทศกาลแกงการาเป็นการเฉลิมฉลองให้กับพระอิศวรและพระแม่ปารวตี เทพเจ้าแห่งความรักและความสมบูรณ์ในชีวิตแต่งงานศิวะ อัคราวัล ชายหนุ่มในวัยสามสิบปี เจ้าของธุรกิจที่กำลังเติบโต มองผู้คนรอบตัวด้วยสายตาเรียบนิ่ง เขามางานเทศกาลนี้เพียงเพื่อมอบทุนสนับสนุนในนามบริษัทของครอบครัว งานที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาไม่ได้มีความหมายสำหรับเขามากนัก... จนกระทั่งเขาได้เห็นเธอกลางขบวนแห่ หญิงสาวในชุดส่าหรีสีแดงประดับทองอร่ามเดินถือหม้อน้ำที่ตกแต่งอย่างงดงาม บนใบหน้าของเธอประดับด้วยรอยยิ้มที่สดใส เส้นผมดำยาวพริ้วไหวตามสายลม เธอดูราวกับเทพธิดาที่ก้าวลงมาจากสรวงสวรรค์ศิวะมองเธอราวกับถูกดึงดูด ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาไม่อาจละสายตาได้"ระวัง!" เสียงของเขาดังขึ้นเมื่อหม้อน้ำในมือของหญิงสาวทำท่าจะหลุดจากศีรษะเขาก้าวเข้าไปคว้าหม้อน้ำไว้ทันเวลา ก่อนที่มันจะตกลงพื้น"ขอบคุณค่ะ..." เสียงของเธอนุ่มนวลแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา คนแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือเธอ และรอยยิ้มเล็ก ๆ ของเธอก็ทำให้หัวใจของศิวะเต้นแรง"ค
3 เดือนก่อนหน้านั้น บ้านตระกูลเชาฮาน, เมืองอุทัยปุระบ้านตระกูลเชาฮานตั้งอยู่ใจกลางเมืองชัยปุระ ตัวบ้านเป็นอาคารสไตล์ราชสถานแท้ ๆ ผนังสีชมพูตกแต่งด้วยลวดลายแกะสลักประณีต หน้าบ้านมีสวนขนาดย่อมที่เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้สีสันสดใส น้ำพุหินอ่อนกลางสวนส่งเสียงเบา ๆ ช่วยเพิ่มความร่มรื่นภายในบ้าน ห้องโถงใหญ่ประดับโคมไฟระย้าคริสตัล พื้นหินอ่อนเย็นเฉียบสะท้อนภาพเพดานสูงที่ตกแต่งด้วยลวดลายศิลปะโบราณในห้องนั่งเล่น หญิงสาวนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายข้างหน้าต่าง เธออยู่ในชุดส่าหรีสีฟ้าอ่อนที่ประดับด้วยดิ้นเงิน ผมยาวตรงของเธอถูกปล่อยลงมาคลอเคลียไหล่ ใบหน้าเรียวเล็กของเธอแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ดวงตากลมโตเปล่งประกายคล้ายสะท้อนแสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่าน"อามิ! มาช่วยแม่จัดโต๊ะหน่อยลูก" เสียงเรียกของคุณนายเชาฮานดังขึ้นจากห้องอาหาร"ค่ะ คุณแม่!" อามิหรือ อัมพิกาตอบรับอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปช่วยแม่โต๊ะอาหารยาวถูกปูด้วยผ้าลินินสีขาวสะอาดตา บนโต๊ะมีจานชามที่จัดเรียงอย่างประณีต พร้อมดอกไม้สดที่ถูกตัดแต่งอย่างสวยงามอัมพิกาช่วยแม่จัดช้อนส้อมและแก้วน้ำ เธอทำงานด้วยความคล่องแคล่ว"คืนนี้พวกเราต้
ภายในคฤหาสน์ตระกูลเชาฮาน ที่ตกแต่งด้วยผ้าไหมสีทองและแดงเข้ม ประดับด้วยดอกไม้หลากสีเรียงรายตลอดแนวระเบียง กลิ่นกำยานอ่อนๆ หอมอบอวลทั่วงานโถงใหญ่ แสงไฟจากโคมระย้ากระทบกับเครื่องประดับอันหรูหรา สร้างบรรยากาศอันโอ่อ่าศิวะปรากฏตัวในชุดโจฎปุรีประดับลวดลายทองอันวิจิตร บ่งบอกถึงความสง่างามและฐานะที่น่าเกรงขาม เสื้อคลุมของเขาถักทอด้วยผ้าชั้นดีตัดเย็บอย่างประณีต มีลวดลายราชสีห์อันทรงอำนาจ เขาก้าวเข้ามาในงานอย่างสง่าผ่าเผย ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาที่หน้าทางเข้างาน อัมมาวดีและอัมพิกา ลูกสาวทั้งสองของตระกูลเชาฮาน ยืนต้อนรับแขกด้วยรอยยิ้มอัมมาวดีอยู่ในชุดส่าหรีสีแดงเข้มปักลายทองละเอียดอ่อน ผ้าอาภรณ์สะท้อนแสงไฟระยิบระยับ ทรงผมเกล้ามวยสูง ตกแต่งด้วยดอกมะลิสดและจิวเวลรีที่ทำจากเพชรน้ำงาม ดูงดงามราวกับนางพญาอัมพิกาแต่งกายในชุดเลเฮนกาสีชมพูพีชประดับด้วยงานปักสีเงิน เสื้อครอปเข้ารูปเผยให้เห็นความอ่อนหวานของวัยสาว เธอประดับสร้อยคอพลอยสีชมพูเข้ากับต่างหูระย้าเข้ากับดวงตาสีน้ำผึ้งประกายสดใสของเธอ สองพี่น้องยืนเคียงกันเป็นภาพที่งดงามประหนึ่งนางเทพีแห่งความงามประจำค่ำคืน สร้างความประทับใจให้แขกเหรื่อที่เ
บ้านเชาฮาน, เมืองอุทัยปุระ บรรยากาศยามเย็นในบ้านเชาฮานเต็มไปด้วยความเงียบงันและอึมครึม หลังจากเหตุการณ์ทะเลาะกันเมื่อช่วงสาย อัมพิกายังคงเป็นกังวลเรื่องอาการของมารดา แม้ว่าแม่ของเธอจะยืนยันว่าตัวเองไม่เป็นอะไรมาก แต่แววตาที่ดูอ่อนล้าของกาญจีกลับทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ"แม่นั่งพักตรงนี้ก่อนนะคะ" หญิงสาวบอกกับมารดาก่อนจะตัดสินใจโทรหาคุณหมอประจำตระกูล "หมอศานนท์ ปัทมกุล" ชายวัยกลางคนที่มีความรู้และประสบการณ์ในการรักษา และยังเป็นคนที่ครอบครัวเชาฮานไว้ใจมาอย่างยาวนาน( ฮัลโหล) เสียงแหบทุ้มดังขึ้นจากปลายสาย ( สวัสดีค่ะ คุณลุง หนูเองค่ะ อัมพิกา ) ( คุณลุงคะ คุณลุงช่วยมาตรวจดูคุณแม่ให้หนูหน่อยได้ไหมคะ พอดีว่าคุณแม่ท่านเป็นลมน่ะคะ ) ( ได้สิ เดี๋ยวอีกสักพักลุงเข้าไปนะ ) ( ค่ะคุณลุง ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ) พูดจบเธอก็ตัดสายไป อัมพิกาเดินเข้ามาดูกาญจีที่นั่งอ่อนแรงอยู่ในห้องนั่งเล่น" เป็นยังไงบ้างคะแม่ " " แม่ไม่เป็นอะไร อีกสักพักแม่ก็หาย" เสียงอ่อนแรงของมารดาทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วแน่น กาญจีเอามือไปแตะมือลูกสาวเบาๆ เธอไม่อยากให้ลูกสาวต้องเป็นกังวลเพราะเธอ " อามิ เชื่อแม่นะลูก " " ไม่เชื่อได
แสงดวงอาทิตย์สาดส่องลงมากระทบพื้นผิวน้ำทะเล เสียงคลื่นกระทบชายฝั่งช่างเงียบสงบและไพเราะ สายลมพัดเข้ามากระทบผ้าม่านสีขาวผื่นบางพริ้วไสวตามสายลม ทว่า....มันไม่ได้ช่วยดับแรงโทสะของเจ้าบ้านเลยสักนิด เพี๊ยะ! ฝ่ามือใหญ่ของเจ้าบ้านฟาดลงไปบนแก้มภรรยาอย่างแรง "แม่!!" " คุณสั่งสอนลูกยังไง ให้มันหลงผู้ชายขนาดนี้!! " เสียงกัมปนาทราวกับพายุตลาดลั่นใส่ภรรยา เหล่าคนงานในบ้านต่างแตกตื่นตกใจเมื่อคุณผู้หญิงของบ้านถูกทำร้าย "มันไม่แหกตาดูหน่อยเหรอ! ว่าผู้ชายคนนั้นมันคนละศาสนากับเรา!!" อัมพิกาก้าวออกจากห้องของตนหลังได้ยินเสียงโต้เถียงดังมาจากห้องโถง เธอสวมชุดส่าหรีสีขาวงาช้างลวดลายปักด้วยดิ้นทองละเอียดอ่อน ชายส่าหรีพลิ้วไหวตามจังหวะก้าวเดิน ผมสีดำขลับถูกรวบไว้หลวมๆ มีปอยผมเล็กๆร่วงหล่นคลอเคลียกับแก้มสีชมพูอ่อนที่ถูกแต่งแต้มด้วยบลัชออน มือเรียวยกชายส่าหรีขึ้นเล็กน้อยก่อนเร่งฝีเท้า หัวใจเต้นระรัวเต็มไปด้วยความตื่นตระหนัก ดวงตาสีน้ำผึ้งจับจ้องไปยังภาพตรงหน้าราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนเมื่อ ปราโมทย์ เชาฮาน บิดาของเธอกำลังตะคอกใส่มารดาเธออย่างรุนแรง มือหนาของเขาตบลงโต๊ะด้านหน้าเสียงดังสนั่น ตรงพวงแก
กลับมาที่ปัจจุบันหญิงสาวในชุดส่าหรีสีฟ้ากลับเข้ามาในบ้าน ร่างเพรียวเดินเข้ามาในบ้านอย่างช้าๆ ในใจมีแต่ความรู้สึกผิด ที่เธอได้ทำผิดต่อคนรัก " พี่อามู พี่เป็นอะไร" "อามิ...พี่" อัมมาวดีลังเลที่จะพูดเพราะเธอรู้ว่าน้องสาวของเธอนั้นเคารพศิวะเหมือนดั่งพี่ชายแท้ๆ "คะ?." "พี่กับศิวะเราเลิกกันแล้ว" "ฮะ.." ในที่สุดอัมมาวดีก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้น้องสาวฟังรวมไปถึงเรื่องที่เธอแอบคบหาราฟีตอนที่ยังคบกับศิวะอยู่ด้วย "พี่อามู! พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง...พี่บอกเลิกพี่ศิวะเพื่อไปคบกับผู้ชายที่เพิ่งเจอได้ยังไง" อัมพิกาโวยวายเสียงดัง"อามิ ฟังพี่ก่อน พี่ไม่ได้ทำอะไรผิด ราฟีไม่ใช่คนเลว เขาทำให้พี่รู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย""แล้วพี่ศิวะล่ะคะ" "พี่ไม่ได้รักเขาแล้ว อีกอย่างพวกเราก็ไม่เหมาะสมกัน" อัมพิกายืนนิ่งไปชั่วขณะหลังจากได้ยินคำพูดของพี่สาว น้ำเสียงที่แฝงความแน่วแน่ของอัมมาวดีสะท้อนถึงการตัดสินใจที่ชัดเจน ทว่าในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความขัดแย้ง“พี่อามู...พี่เคยคิดถึงความรู้สึกของพี่ศิวะบ้างไหมคะ? ผู้ชายที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อพี่...”น้ำเสียงของอัมพิกาแผ่วลง ดวงตาคู่สวยฉายแววผิดหวัง หญิงสาวไม่เคยเลยว
3 เดือนก่อนหน้านั้น บ้านตระกูลเชาฮาน, เมืองอุทัยปุระบ้านตระกูลเชาฮานตั้งอยู่ใจกลางเมืองชัยปุระ ตัวบ้านเป็นอาคารสไตล์ราชสถานแท้ ๆ ผนังสีชมพูตกแต่งด้วยลวดลายแกะสลักประณีต หน้าบ้านมีสวนขนาดย่อมที่เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้สีสันสดใส น้ำพุหินอ่อนกลางสวนส่งเสียงเบา ๆ ช่วยเพิ่มความร่มรื่นภายในบ้าน ห้องโถงใหญ่ประดับโคมไฟระย้าคริสตัล พื้นหินอ่อนเย็นเฉียบสะท้อนภาพเพดานสูงที่ตกแต่งด้วยลวดลายศิลปะโบราณในห้องนั่งเล่น หญิงสาวนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายข้างหน้าต่าง เธออยู่ในชุดส่าหรีสีฟ้าอ่อนที่ประดับด้วยดิ้นเงิน ผมยาวตรงของเธอถูกปล่อยลงมาคลอเคลียไหล่ ใบหน้าเรียวเล็กของเธอแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ดวงตากลมโตเปล่งประกายคล้ายสะท้อนแสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่าน"อามิ! มาช่วยแม่จัดโต๊ะหน่อยลูก" เสียงเรียกของคุณนายเชาฮานดังขึ้นจากห้องอาหาร"ค่ะ คุณแม่!" อามิหรือ อัมพิกาตอบรับอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปช่วยแม่โต๊ะอาหารยาวถูกปูด้วยผ้าลินินสีขาวสะอาดตา บนโต๊ะมีจานชามที่จัดเรียงอย่างประณีต พร้อมดอกไม้สดที่ถูกตัดแต่งอย่างสวยงามอัมพิกาช่วยแม่จัดช้อนส้อมและแก้วน้ำ เธอทำงานด้วยความคล่องแคล่ว"คืนนี้พวกเราต้
ห้าปีก่อน เสียงเพลงพื้นเมืองดังก้องไปทั่วบริเวณงาน ผู้คนสวมเสื้อผ้าสีสันสดใสร่วมขบวนแห่ที่คึกคัก เทศกาลแกงการาเป็นการเฉลิมฉลองให้กับพระอิศวรและพระแม่ปารวตี เทพเจ้าแห่งความรักและความสมบูรณ์ในชีวิตแต่งงานศิวะ อัคราวัล ชายหนุ่มในวัยสามสิบปี เจ้าของธุรกิจที่กำลังเติบโต มองผู้คนรอบตัวด้วยสายตาเรียบนิ่ง เขามางานเทศกาลนี้เพียงเพื่อมอบทุนสนับสนุนในนามบริษัทของครอบครัว งานที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาไม่ได้มีความหมายสำหรับเขามากนัก... จนกระทั่งเขาได้เห็นเธอกลางขบวนแห่ หญิงสาวในชุดส่าหรีสีแดงประดับทองอร่ามเดินถือหม้อน้ำที่ตกแต่งอย่างงดงาม บนใบหน้าของเธอประดับด้วยรอยยิ้มที่สดใส เส้นผมดำยาวพริ้วไหวตามสายลม เธอดูราวกับเทพธิดาที่ก้าวลงมาจากสรวงสวรรค์ศิวะมองเธอราวกับถูกดึงดูด ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาไม่อาจละสายตาได้"ระวัง!" เสียงของเขาดังขึ้นเมื่อหม้อน้ำในมือของหญิงสาวทำท่าจะหลุดจากศีรษะเขาก้าวเข้าไปคว้าหม้อน้ำไว้ทันเวลา ก่อนที่มันจะตกลงพื้น"ขอบคุณค่ะ..." เสียงของเธอนุ่มนวลแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา คนแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือเธอ และรอยยิ้มเล็ก ๆ ของเธอก็ทำให้หัวใจของศิวะเต้นแรง"ค