หลังจากพยาบาลกลับไปในตอนเย็น ยุทธนาก็อยู่ในความดูแลของศิวาพร หลังจากที่รับประทานอาหารเย็นแล้วเธอก็พาเขาอาบน้ำและเข้านอนอย่างเช่นทุกวัน“วันนี้พี่วัฒน์มีประชุมผู้บริหารน่าจะกลับค่ำหน่อย” เขาบอกภรรยาที่ดูตื่นเต้นกับคืนแรกที่จะให้พี่ชายเขามามีส่วนร่วมในการให้ความสุขแทนตนเองที่ทำไม่ได้“ค่ะ ยังไงก็ต้องรอให้คนในบ้านเข้านอนก่อนอยู่ดี” ศิวาพรหมายถึงแม่บ้านและคนรับใช้ที่อยู่บ้านหลังนี้ เพราะครอบครัวเขามีกันอยู่แค่สองพี่น้องเท่านั้น“ตื่นเต้นเหรอ” เขาถามภรรยายิ้มๆ ถามว่าหึงไหมเขาไม่หึงหวงเธอเลย ยุทธนารักเธอและอยากให้เธอมีความสุขมากกว่า อีกทั้งเขาเองก็ถูกเธอร่วมรักแทบทุกวัน การที่เขาป่วยเดินไม่ได้ชั่วคราวแบบนี้เป็นการได้พักจากการถูกภรรยาร่วมหอและเมื่อเขาหายดีก็อยากให้พี่ชายช่วยให้ความสุขกับเธอต่อ เพราะเขาคนเดียวคงรับมือกับแรงปรารถนาของเธอไม่ไหว‘คนเดียวที่ผมจะยอมคือพี่ชายผมคนเดียวเท่านั้น’ เขาคิดในใจ มองดูภรรยาที่อยู่ไม่สุขเพราะความตื่นเต้นในค่ำคืนแรกที่จะเปลี่ยนรสชาติสวาทจากคนน้องไปเป็นคนพี่ด้วยความเต็มใจตามข้อเสนอของเขาเอง“ฉันเปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมคะ” เธอถามเขาเมื่อใกล้เวลาแล้ว“ศิครับ ผมเต็
เมื่อคืนนี้ตอนที่เข้าห้องมายุทธนาก็หลับสนิทแล้ว ในตอนเช้าพอตื่นมาเจอหน้ากันเธอก็ขยับเข้าไปนอนกอดในอ้อมแขนของเขา ตื่นเต้นและรู้สึกผิดระคนกันไปหมด“เป็นยังไงบ้างพี่วัฒน์ทำดีไหม”“ก็ดีนะคะ” เธอตอบด้วยความเอียงอายปนรู้สึกผิดที่นอกใจสามี แม้จะเป็นข้อเสนอของเขาเอง“ศิมีความสุขผมก็มีความสุข” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยินดี แล้วโอบกอดภรรยาเอาไว้ด้วยความรักใคร่“อาบน้ำกันเถอะค่ะ” เธอบอกสามีแล้วค่อยๆ พาเขาขึ้นรถเข็น โชคดีที่ยุทธนาแข็งแรงจึงยกตัวเองขึ้นรถเข็นได้ง่ายเธอพาเขาไปที่ห้องน้ำแล้วย้ายเขาไปนั่งที่เก้าอี้อาบน้ำที่เตรียมไว้ จากนั้นก็เริ่มอาบน้ำไปพร้อมกับเขาอย่างเช่นเคยเพราะไหนๆ ก็ต้องเปียกด้วยกันอยู่แล้วยุทธนาดึงภรรยามานั่งที่ตักแล้วจูบริมฝีปากของเธอด้วยความรักใคร่ หอมกลิ่นกายที่คุ้นเคยอยากรีบหายแล้วชดเชยให้เธอสักครั้งเหลือเกิน แต่ว่าก็ให้พี่ชายรับช่วงดูแลภรรยาไปก่อน“เช้าๆ แบบนี้ให้ผมใช้นิ้วให้ไหม” เขาถามเธออย่างเอาใจและรู้ใจภรรยา“คุณยังป่วยอยู่เลยค่ะ ไม่เป็นไรหรอก ศิเองก็รู้สึกผิดที่ทำทุกเช้าเย็นจนคุณขาอ่อนแรงแล้วเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ ศิเลยพยายามที่จะลดเรื่องนั้นลงไปบ้าง” เธอต
เกือบสองเดือนแล้วกับการทำกายภาพบำบัดผสานกับกำลังใจจากคนรอบตัว ยุทธนาเริ่มเคลื่อนไหวได้และกำลังฝึกเดินด้วยตนเองแต่ยังต้องใช้วอร์กเกอร์สี่ขาช่วยพยุงในการเดิน“แบบนี้อีกไม่กี่เดือนผมก็จะเดินได้เป็นปกติแล้วนะที่รักดีใจไหม” เขาถามภรรยาสาวด้วยน้ำเสียงที่ดีใจ หลังจากที่วันนี้ลองอาบน้ำด้วยตนเองถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว“ดีใจสิคะ” เธอตอบอย่างตื่นเต้นก่อนจะสลดลงไปเมื่อนึกได้ว่าเวลาของตนกับพี่ชายของสามีก็คงกำลังจะจบลงเช่นกัน“ผมรู้นะว่าคุณคิดอะไรอยู่ อันที่จริงแล้วถึงผมหายดีก็ต้องให้พี่วัฒน์ช่วยอยู่ดี เพราะขืนโดยภรรยาขย่มทุกวันขนาดนั้นผมคงขาอ่อนอีกรอบแน่” เขาพูดอย่างรู้ใจภรรยา แล้วขยับไปนอนบนเตียงข้างๆ เธอ ดึงภรรยามากอดด้วยความรักใคร่“จริงๆ เหรอคะ จะให้พี่วัฒน์ช่วยต่อจริงๆ เหรอคะ” เธอถามด้วยความดีใจแล้วขยับกอดซบอกสามีด้วยความดีใจ“ใช่สิ ผมอยากคุยกับพี่วัฒน์ให้รู้เรื่อง ความลับของเราสามคนผัวเมียจะเป็นความลับกันสามคนตลอดไป ผมเองจะได้มีคนช่วยแบ่งเบาความเหน็ดเหนื่อย พี่วัฒน์ก็จะมีเมียโดยไม่ต้องแต่งงาน ที่รักเองก็จะได้มีคนช่วยบำเรอสวาทให้มีความสุข แบบนี้พอใจไหม” เขาบอกความคิดของเขาให้แก่ภรรยาฟัง“ดี
ศิวาพรรอให้สามีหลับแล้วเธอก็ลุกขึ้นอาบน้ำอีกรอบเพื่อเตรียมตัวรอให้วีรวัฒน์มาถึงเมื่อได้ยินเสียงรถของเขาแล้วเธอก็รอเวลาสักพักให้เขาจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วจึงไปหาเขาที่ห้อง“วันนี้ศิรบกวนได้รึเปล่าคะ” เธอถามเขาตามมารยาทเพราะวันนี้เขากลับดึกมากแล้วอาจเหนื่อยที่จะต้องมาปรนเปรอสวาทให้แก่เธอ“พี่รบกวนให้ศินวดให้พี่ก่อนค่อยนาบได้หรือเปล่า” เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า เพราะต้องโหมงานหนักแทนน้องชายในส่วนที่ไม่สามารถจัดการเองที่บ้านได้ จึงทำงานหนักเป็นสองเท่า“ยินดีมากๆ ค่ะ” เธอบอกแล้วไปช่วยนวดให้เขาโดยใช้ทักษะที่เคยนวดให้สามีทำให้วีรวัฒน์ผ่อนคลายแล้วครางในลำคอด้วยความพอใจกับแรงมือของเธอและท่านวดที่เป็นงานนั้น“รู้สึกดีจัง” เขาพูดขึ้นมาอย่างชื่นชม แล้วหลับตารับการนวดจากเธออย่างผ่อนคลาย“แบบนี้ถ้าศินวดจนพี่วัฒน์หลับคงไม่ได้นาบแล้วมั้งคะ” เธอพูดแล้วอมยิ้มเล็กน้อย หากไม่ได้คืนนี้เธอก็เข้าใจ เพราะถึงจะชื่นชอบเซ็กส์มากแต่ว่าเริ่มปลงได้มากแล้ว และยุทธนาก็พึ่งจัดให้เธอไปเมื่อตอนหัวค่ำ“ถ้าพี่หลับศิก็แค่ปลุกมันให้ตื่นแล้วลักหลับพี่สิครับ” เขาพูดแล้วอมยิ้ม เปลือกตายังคงไม่ขยับและเริ่มจะง่ว
นับตั้งแต่ที่เกิดอุบัติเหตุตอนนี้ก็ผ่านมาห้าเดือนแล้ว ในที่สุดยุทธนาก็สามารถเดินได้เป็นปกติโดยไม่ต้องใช้วอร์กเกอร์หรือไม้เท้าช่วยในการเดินอีกต่อไปอีกทั้งร่างกายเขาก็แข็งแรงจนสามารถให้ความสุขกับภรรยาได้ดังเดิมแล้ววันนี้ยุทธนาจึงนัดคุยกับพี่ชายและภรรยาตามลำพังสามคน เพื่อที่จะตกลงเรื่องการปรนเปรอสวาทให้แก่เธอ“ถึงผมหายแล้วผมก็อยากให้พี่วัฒน์ช่วยต่อ เพราะผมคนเดียวคงให้ความสุขกับศิไม่ไหว” ยุทธนาเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนวีรวัฒน์พยักหน้ารับรู้ หลังจากที่เป็นชู้รักแบบสมยอมมาหลายเดือนก็พอเข้าใจหัวอกของน้องชายว่าเหตุใดจึงยอมให้ภรรยาของตนเองนอนกับผู้ชายคนอื่น นั่นก็เพราะศิวาพรชื่นชอบในเรื่องนี้ และสงสัยว่าอาจจะเป็นโรคที่ขาดเซ็กส์ไม่ได้“พี่ยินดีช่วย แต่เราจะอยู่ในสถานะชู้รักแบบนี้แน่ใจนะว่านายรับได้” วีรวัฒน์ถามน้องชายแล้วมองด้วยแววตาที่จริงจัง ศิวาพรเองก็มองหน้าสามีว่าเขาอาจจะหึงเธอบ้างหรือไม่“ผมยอมรับนะว่าไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ แต่พอเห็นศิมีความสุขผมก็รู้สึกมีความสุข แล้วอีกอย่างผมเองก็ไม่มีพละกำลังมากพอที่จะปรนเปรอความสุขให้เมียตัวเองได้ ผลไม่ไว้ใจใครเลยนะนอกจากพี่” เขาบอกเหตุผลของตัวเองแล้ว
หลังจากพักจนหายเหนื่อยแล้ว ทั้งสามคนก็เริ่มบรรเลงเพลงรักขึ้นอีกครั้ง พวกเขาพาเธอมายืนที่ข้างเตียงประกบศิวาพรอยู่ที่คนละข้าง แล้วแอ่นสะโพกเบียดถูสะโพกของเธอคนละฝั่งเธอยิ้มอย่างรู้ทันแล้วนั่งคุกเข่าลงจับท่อนลำของพวกเขารูดรั้งด้วยมือทั้งสองข้างแล้วสลับเลียที่ปลายหัวแล้วรูดมือให้แก่ท่อนลำทั้งสองอย่างรู้ใจปลายลิ้นนุ่มเลียไปตามรอบหยักของส่วนปลายหัว ดูดเลียเส้นเลือดที่ขดตัวอยู่แล้วส่วนปลายหัวดูดเลียเหมือนไอศกรีมสลับให้ทั้งคู่อย่างเท่าเทียมกันเสียงครางกระเส่าอย่างพอใจของสองพี่น้องทำให้เธอยิ่งเอาใจให้พวกเขาครางออกมาซ้ำแล้วซ้ำอีก ยิ่งร้องก็ยิ่งแสดงถึงความชำนาญในการใช้ปากให้พวกเขายุทธนาดึงเธอให้ยืนขึ้น เขายืนประกบจากด้านหลังจูบที่ซอกคอก่อนจะช่วยวีรวัฒน์ยกเธอขึ้นไปอุ้ม ทำให้ศิวาพรรีบกอดคอคนพี่เอาไว้แล้วเอาขาเกี่ยวที่เอวรับแรงกระแทกที่ดุดันของเขาสะโพกของเธอถูกเขากระแทกจนลอยขึ้นลงจากนั้นสามีหนุ่มก็หยิบเจลมาป้ายที่รูจีบเตรียมตัวเข้ามาแซนด์วิชในท่ายืน แล้วใช้ปลายนิ้วแยงเข้ามาในจังหวะที่ภรรยาถูกกระแทกลอยขึ้นลง“เบาๆ นะคะที่รัก” เธอบอกสามีแล้วกอดคอซบวีรวัฒน์เอาไว้ด้วยความตื่นเต้นท่อนลำอันที่สองถู
การแต่งงานคือความใฝ่ฝันของใครหลายๆ คน แต่ไม่ใช่กับ ‘ณรา’ เพราะการแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักนั้นไม่ใช่ความปรารถนาของเธอเลยสักนิด“ทำไมต้องเป็นฉันคะ” เธอถามชายตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจเพราะอีกฝ่ายเป็นถึงผู้ทรงอิทธิพลในย่านนี้ที่ผู้หญิงทุกคนต่างต้องการอยากก้าวไปอยู่เคียงข้างเขา‘กีรติ’ ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม เสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในปลดกระดุมสามเม็ดโชว์แผงอกกว้างสวมแว่นกันแดดแบรนด์หรู กำลังมองเธอด้วยความรู้สึกหมั่นไส้มากกว่าจะหลงใหล“เพราะฉันต้องการเธอ” เขาพูดเสียงเรียบสายตาคมกริบภายใต้แว่นดำมองใบหน้าที่แสนธรรมดาของเธอด้วยแววตาที่เรียบนิ่ง อีกฝ่ายดูไม่ตื่นเต้นหรือดีใจสักนิดที่เป็นฝ่ายถูกเลือก“ฉันไม่ได้เป็นหนี้คุณ ไม่ได้รู้จักคุณ แล้วทำไมฉันต้องแต่งงานกับคุณคะ ผู้หญิงคนอื่นมีเยอะแยะที่อยากเป็นเจ้าสาวของคุณ ฉันไม่รับคำขอค่ะ”“ผมไม่ได้ขอคุณแต่งงาน ผมสั่งให้คุณแต่งงานกับผม” เขาเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิม ลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาเริ่มมองหน้ากันเหมือนรู้ว่าเจ้านายของตนกำลังจะมีน้ำโหให้เตรียมตัวรับมือพี่สาวกับพี่เขยของณรารีบมองหน้ากันแล้วฝ่ายพี่สาวก็แตะไหล่น้องสาวให้ทำตัวเรียบร้อยต
เมื่อณราเต็มใจที่จะมอบความสาวของตนให้แก่เขา กีรติจึงไม่รอช้าแล้วโน้มหน้าลงไปจูบเจ้าสาวของตนแต่ถูกเธอดันอกเอาไว้ก่อน“ชุดนี้ร้อนและหนักมากเลยค่ะ ให้นัทไปอาบน้ำก่อนนะคะตัวจะได้หอมๆ ให้คุณหลัวได้ชื่นใจ” เธอบอกเขาอย่างเอาใจ“งั้นเราอาบน้ำด้วยกันเลยสิ จะได้ไม่เสียเวลา” เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น ตอนแรกคิดว่าเลือกแต่งงานกับคนที่ดูธรรมดาที่สุดแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นไปกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเธอไม่ได้ณราค่อยๆ ถอดชุดเจ้าสาวแบบจีนออกไปด้วยความกระดากอายเล็กน้อย แต่ว่าก็ต้องทำให้ชินเพราะเธอต้องอยู่เอาใจเขาไปอีกหนึ่งปีในห้องน้ำที่กว้างเกือบเท่าห้องนอนของเธอ ณราถูกเจ้าบ่าวพาไปที่ห้องกระจกใสที่กั้นไว้สำหรับอาบน้ำด้วยฝักบัวใบหน้าของเธอแดงเรื่อเมื่อถูกอีกฝ่ายลูบไล้ถูสบู่ปลุกเร้าอารมณ์จนเกิดความปรารถนา ยอดอกชูชันสู้มือของเขาที่ลูบไล้ เธอเองจึงถูสบู่ให้เขาบ้างเริ่มลูบที่หน้าอกไปถึงหน้าท้องที่มีพุงหมาน้อยหน่อยๆแม้ไม่ได้มีลอนกล้ามซิกแพ็กเหมือนพระเอกในนิยายแต่อาวุธเขาก็มีขนาดใหญ่ราวแปดนิ้วแถมยังอวบเต็มมือจนเธอต้องลอบกลืนน้ำลายด้วยความกระหายที่อยากจะลิ้มลอง“อมสิ” ยังไม่ทันสิ้นความคิดว่าหากมันเข้า
ในค่ำคืนที่เร่าร้อน เราทั้งสองจูบเล้าโลมกันบนเตียงในสภาพที่เปลือยเปล่าทั้งคู่ปลายลิ้นของเราเกี่ยวกระหวัดแลกจูบกันอย่างดูดดื่มโดยที่ฉันเป็นฝ่ายขึ้นไปอยู่บนตัวเขาฉันเบียดชิดสะโพกถูไถกับท่อนเนื้อของเขาไปมาในขณะที่จูบเล้าโลมกันอย่างดูดดื่มก่อนจะเลื่อนตัวลงไปจูบที่ซอกคอของเขาฉันลากปลายลิ้นเลื่อนลงไปที่หน้าอกตวัดเลียเม็ดตุ่มที่แข็งเป็นไต ละเลงลิ้นเลียจนมันฉ่ำไปด้วยน้ำลายแล้วเลื่อนลงไปที่ท่อนเนื้อของเขาแล้วเลียไปรอบๆ ปลายหัวหยักอย่างเอาใจ“บุ๋ม พอแล้ว ขย่มเถอะ” เขาขอร้องฉันแต่ฉันก็แกล้งไม่สนใจ ห่อปากอมท่อนเนื้อนั้นแล้วโยกคอขึ้นลงให้เขาทรมานจากความเสียววินอดใจไม่ไหว เขาดันตัวฉันนอนลงไปแล้วแยกขาออกกว้าง กดท่อนเอ็นเข้ามาอย่างรีบร้อยจนมิดด้ามแล้วขยับซอยถี่ๆ อย่างดุดัน“นี่แน่ะแกล้งผมดีนัก” เขากัดฟันพูดกระเส่า ลงโทษฉันด้วยลีลาสวาทที่แสนหฤหรรษ์ที่ฉันไม่เกรงกลัว“อื้อ อ๊าส์ ลงโทษเมียแรงๆ เลยผัวขา” ฉันครางออกมาเสียงกระเส่าอย่างท้าทาย เรียกสรรพนามที่กระตุ้นความกำหนัดตับ ตับ ตับ! เขากระแทกเข้าไปถี่รัวจนร่างฉันโยกคลอนไปตามแรงกระทำนั้น สักพักก็ชะลอความเร็วลงในขณะที่ฉันอารมณ์พุ่งถึงจุดสูงสุด“อ๊าส์
ฉันย้ายกลับมาอยู่ด้วยกันในห้องเดิมของเราตามที่เขาร้องขอ เราสองคนตกลงจะให้อิสระแก่กันแต่อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมเขาดูแลฉันดีกว่าแต่ก่อนจนฉันกลัวว่าจะหมดโปรโมชั่น แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะอยากมีโปรฯเอาใจในช่วงนี้“ถ้าหมดโปรฉันต้องเสียดายแย่เลย”“อย่าคิดอย่างนั้นสิ คนเป็นแฟนกันต้องสร้างโปรโมชั่นให้กันบ้าง ของในห้างยังมีโปรฯทุกเดือนเลย ผมก็จะมีโปรฯให้คุณทุกเดือน”“จริงเหรอคะ หมดโปรฯนี้ก็มีโปรฯเดือนหน้าอีก” ฉันถามด้วยความดีใจ“จริงสิ” เขาพูดแล้วช่วยฉันทำงานบ้าน แย่งไม้กวาดจากมือแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่วันหยุดแบบนี้เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งวันไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนเพราะฉันไม่ชอบความวุ่นวายเขาจึงตามใจฉัน การกลับมาอยู่ด้วยกันในครั้งนี้ทำให้เรารู้ใจกันมากขึ้น“วันนี้ผมตามใจคุณแล้ว คืนนี้คุณต้องตามใจผมนะ” เขาพูดขอดักเอาไว้“ได้สิคะ ฉันจะตามใจคุณทุกอย่าง”ฉันยิ้มยั่วเขาแล้วเลียริมฝีปากแกล้งทำตัวหื่นใส่จนวินอดใจไม่ไหวต้องเดินมาหอมแก้มฉันอีกฟอดเรายิ้มให้กันอย่างรู้ใจ การกลับมาอยู่ด้วยกันครั้งนี้เราต่างคนต่างเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและความรักที่มีให้กันก็มากขึ้นกว่าเดิม---------------------เสียงฝักบัวสงบลง ฉันรู
ฉันที่โหยหาในตัวของวินกำลังเกิดความลังเลว่าอยากจะคืนดีกับเขาเร็วๆ แต่อีกใจก็ยังหวงความโสด เพราะช่วงที่อยู่คนเดียวมันมีอิสระและมีความสุขกับช่วงเวลานั้นแม้จะคิดถึงเขาอยู่ตลอด“เลิกงานแล้วไปหานะ ผมจะซื้อกับข้าวเข้าไปหุงข้าวรอเลย” เสียงสดใสจากปลายสายรีบพูดขึ้นมาหลังจากที่ฉันกดรับโทรศัพท์“ใครให้มา” ฉันถามเขาเสียงเรียบ เมื่อวานนี้เขามาหาฉันอย่างที่เคยพูดว่าจะมาหาทุกวันแม้จะรู้ว่าคำว่าทุกวันไม่ได้หมายความว่าทุกวันจริงๆ แต่ก็อยากหาเรื่องแง่งอนเขา“วันก่อนยังบอกอยู่เลยว่าอยากให้ไปหาทุกวัน” เขาถามกลับเสียงอ้อน“ก็เมื่อวานไม่มานี่ ก็คิดว่าคงไม่อยากมาแล้ว” เธอแกล้งพูดงอนเขา“วันนี้มีกุยช่ายขาวหมูกรอบ กับแกงจืดเต้าหู้สาหร่าย แล้วก็แหนมหมูทอด ของหวานก็เป็นทับทิมกรอบใส่ขนุนฉีกเจ้าดัง ถ้าไม่ได้ไปผมคงต้องกินคนเดียว” เขาเอาของโปรดฉันมาล่อฉันถึงกับอมยิ้มที่เขายังจำได้“ของหวานเก็บไว้กินวันอื่นนะ วันนี้ต้องทำโอทีต่ออีกชั่วโมง ฉันอยากดื่ม” ฉันบอกเขาเป็นนัยว่าอยากดื่มเครื่องดื่มมึนเมาและให้เขาซื้อมาให้“ได้เลยบุ๋ม งั้นซื้อของเสร็จผมจะไปรอที่ลานจอดรถนะเวลาเราน่าจะถึงพอดีกัน”“อืม แล้วเจอกันนะ” ฉันกดวางสา
วินยังคงเต็มไปด้วยเสน่ห์น่าหลงใหลในสายตาของฉัน รูปร่างของเขาถูกดูแลเป็นอย่างดีไม่เคยเปลี่ยนเขาดันตัวฉันไปที่เตียง หลังจากนั้นเราทั้งสองก็เริ่มกอดจูบกันอย่างดูดดื่ม รื้อฟื้นความหลังของเราในฐานะแฟนเก่าที่มาขอจีบใหม่ในคืนแรกที่เจอกันอีกครั้ง“ผมรู้ว่าคุณชอบ” เขาพูดจบก็แทรกปลายลิ้นเข้าไปเกี่ยวจูบลิ้นเรียวเล็กของฉันอย่างดูดดื่ม แล้วช่วยกันถอดเสื้อผ้าออกไปอย่างชำนาญเรากอดจูบกันอยู่บนเตียงด้วยลีลารักที่ฉันคุ้นเคย เขาเลื่อนริมฝีปากจูบที่ซอกคอซุกไซ้ด้วยตอหนวดที่ปลายคางด้วยความหื่นกระหายมือหนาขยำหน้าอกแล้วบีบขึ้นมา เลื่อนใบหน้าลงไปมุดที่สองเต้าแล้วดูดเม้มยอดอกอย่างดูดดื่ม ฉันชอบให้เขาเล้าโลมนานๆ แบบนี้ นอนนิ่งแล้วครางอื้ออึงในลำคอ มือกำซองถุงยางเตรียมความพร้อมเอาไว้“วิน ลงลิ้นให้ฉันที” ฉันขอร้องอดีตคนรักด้วยน้ำเสียงที่สั่นกระเส่า แยกขาทั้งสองออกเตรียมรับการกระทำที่สุขสมนั้นเขาดูดที่เนินอกและปลายยอดอก ทั้งบีบเคล้นทั้งดูดขบด้วยความหื่นกระหาย จากนั้นก็ค่อยๆ พรมจูบลงมาที่หน้าท้อง ใช้ลิ้นเลียวนรอบสะดือแล้วลากปลายลิ้นลงมาที่เนินอูบนิ้วของเขาที่เขี่ยเล่นที่เม็ดเสียว แล้วบดคลึงเบาๆ เลื่อนลงไปแยงท
หลังจากที่เลิกรากันไปเพียงเพราะความไม่เข้าใจกัน ในที่สุดวันนี้เราสองคนก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งต่างคนต่างก็ทำตัวไม่ถูก เพราะหลังจากวันนั้นเราก็ขาดการติดต่อไปเลย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฉันเองที่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ไม่ให้เขาตามพบ“คุณดูดีขึ้นนะ” เขาเป็นคนทักทายฉันขึ้นมาก่อนพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังคงเต็มไปด้วยเสน่ห์ของเขา“คุณสบายดีนะ” ฉันทักทายกลับไปบ้าง แล้วยิ้มให้เขาน้อยๆ ยังรู้สึกว่าวางตัวไม่ค่อยถูกนักเมื่อเจอกับอดีตคนรักในสถานการณ์ที่น่าอับอายแบบนี้“คุณลูกค้าจะชำระเงินได้หรือยังคะ” พนักงานขายถามฉันด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ แต่ก็รับรู้ได้ว่ากำลังเร่งรัดให้ฉันรีบชำระค่าสินค้าตรงหน้าอยู่ โดยที่อดีตคนรักก็ต่อคิวอยู่ด้านหลัง“ลืมเอากระเป๋าเงินมาอีกแล้วใช่ไหม” เขาพูดอย่างรู้ทัน แล้วหยิบกระเป๋าเงินออกมาจ่ายเงินให้กับฉันเรียบร้อย“แบตฉันหมดน่ะ เดี๋ยวโอนคืนให้นะ” ฉันพูดเสียงสั่นเล็กน้อยพยายามข่มความตื่นเต้นเอาไว้แล้วรับถุงสินค้าจากพนักงานเตรียมตัวจะรีบกลับแต่โดนเขาคว้ามือเอาไว้ก่อน“ของมันเยอะเดี๋ยวผมถือช่วย” พูดจบเขาก็แย่งถือถุงเหล่านั้นเอาไว้ในมือ ก่อนที่จะวางสินค้าที่เขาซื้อเพียงชิ้นเดียว
กีรติใช้เวลาทบทวนหัวใจตัวเองอยู่นาน สัปดาห์หน้าก็จะครบกำหนดหนึ่งปีตามที่ตกลงกันเอาไว้แล้ว ทั้งสองดูเหมือนจะรีบเก็บเกี่ยวเอาเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันเอาไว้ให้มากที่สุด“ไปเที่ยวยุโรปกันไหม” เขาถามเธอเสียงนุ่มในขณะที่กำลังแต่งตัวเตรียมไปทำงานอยู่“ไม่ดีกว่าค่ะ เอาเวลาที่เราเดินทางข้ามวันข้ามคืนมานอนกอดกันยังจะดีกว่า” เธอพูดเอาใจเขาแล้วช่วยขยับเสื้อสูทให้เข้าที่ มองดูแผ่นอกแกร่งที่ตนเหลือเวลาให้ซุกกอดอีกเพียงไม่กี่วันด้วยความใจหายกีรติดูเหมือนมีอะไรจะพูดมากกว่านั้น แต่เขากลับมองเธออย่างพิจารณาแล้วจุมพิตที่หน้าผากก่อนจะออกไปจัดการปัญหาที่รบกวนจิตใจ“ตอนเย็นเจอกันนะ” เขาบอกเธอก่อนออกไปจากห้อง ณรามองตามด้วยความใจหาย เริ่มนับถอยหลังอีกไม่กี่วันก็ต้องไปจากที่นี่และไม่ได้เจอเขาอีกแล้วกีรติขึ้นไปนั่งบนรถ ลูกน้องเขาปิดประตูให้แล้วนั่งประจำที่คนขับแล้วขับรถออกไปจากบ้าน“ไปที่ตำหนักซินแสซ้ง” เขาพูดเสียงเรียบ ตั้งใจจะเอาดวงของตนกับณราไปถามว่าจะสามารถไปด้วยกันได้หรือไม่ ก่อนจะพูดความในใจกับเธอในคืนนี้เมื่อไปถึงที่ตำหนักเขาก็พบว่ามีรถของที่บ้านจอดอยู่ก่อนหน้าแล้วจึงสั่งให้ลูกน้องทั้งสองรออยู่ที่รถแล้ว
เหลืออีกสามเดือนแล้วสำหรับการแต่งงานแก้เคล็ดของตน หากต้องต่อเวลาจะให้ต้องจ่ายเท่าไรเขาก็ยอมขอแค่ให้เธออยู่ต่อกับเขาแบบนี้ตลอดไปแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเธอจะเปลี่ยนใจเลยทั้งๆ ที่เขาก็จัดการปัญหาเรื่องคนในบ้านให้แล้ว“เหลืออีกสามเดือนแล้ว คุณไม่อยากอยู่ต่อจริงเหรอ ผมรวยนะซื้อความสุขให้คุณได้ทุกอย่างเลย”“ฉันรู้ค่ะ ฉันก็เคยมีความคิดว่าอยากอยู่ต่อ แต่คิดไปคิดมาก็ไม่อยากเป็นของเล่นคนรวย ขอกลับไปขายข้าวแกงอย่างเดิมจะดีกว่า” ณราบอกความตั้งใจของตนเพราะเธอไม่รู้ว่าเขาจะหมดความหลงใหลเธอไปในตอนไหน การแต่งงานที่รับรู้แค่ไม่กี่คนไม่นับว่าเป็นการแต่งงาน เพราะคนภายนอกที่มองเธอมาไม่ต่างอะไรจากเด็กเสี่ย คู่ควง หรือนางบำเรอ“จะทำยังไงคุณถึงจะยอมอยู่ที่นี่ต่อกับผม” เขาถามแล้วลูบไล้สะโพกของเธอชวนให้เคลิบเคลิ้ม“เป็นสิ่งที่คุณให้ฉันไม่ได้หรอกค่ะ” เธอไม่บอกเขา เพราะพูดไปก็ไม่มีวันที่จะได้รับ นั่นคือ ความรักและการให้เกียรติเธอเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ลบคำดูถูกที่คนอื่นพูดถึงเธอคนที่ร่ำรวยและมีอำนาจอย่างเขานะเหรอจะให้ค่ากับแม่ค้าขายข้าวราดแกงหน้าตาธรรมดาที่เป็นได้แค่ตัวประกอบในนิยาย แค่เธอได้มาเป็นเมีย
ในตอนเย็นหลังจากที่กีรติกลับมา เชงที่เป็นพ่อบ้านก็รีบเข้าไปรายงานเรื่องความเรื่องมากในวันนี้ของณราให้เขาฟังแต่กีรติรู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่จะเรื่องมากขนาดนั้นจึงเรียกเข้ามาถามความทั้งแก้วนรีและภรรยาของตนณราเดินเข้ามาก่อนตามแก้วนรี เขาผายมือให้ทั้งสองนั่งลงต่อหน้าที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่มีโต๊ะทำงานกั้นอยู่ แล้วมองหน้าทั้งสองอย่างวิเคราะห์“ว่าไงล่ะแก้วบอกคุณหลัวไปสิว่าเกิดอะไรขึ้น”“ค่ะลุงเชง” แก้วนรีรับคำเสียงเบาแล้วก้มหน้าก้มตาพูดออกมา“คุณนัทแกล้งแก้วค่ะ เธออยากกินของที่ในครัวไม่มี ตั้งใจจะแกล้งให้พวกเราวุ่นวาย”ณราหันไปมองไม่อยากเชื่อเลยว่าที่ถูกเรียกมาจะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยนี้“อาจฟังดูเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นะคะ แต่ทำแบบนี้ทุกวันพวกเราอึดอัดใจมากเลยค่ะ วันนี้ก็อยากกินกุ้งล็อบเตอร์อบซอสมะขามบอกต้องได้กินภายในสิบนาทีพวกเราจะไปหาได้จากที่ไหนล่ะคะ”เหมือนจะรู้ทันความคิดเธอ แก้วนรีเธออธิบายต่อแล้วบีบน้ำตาออกมาทำตัวน่าสงสาร ให้รู้ว่าปัญหาเล็กน้อยแต่เป็นปัญหาซ้ำซากที่ต้องเจอบ่อยๆ ก็รู้สึกว่าตนเองไม่ไหว“ว่าไงนัท เป็นอย่างที่แก้วพูดไหม” เขาถามเธอแล้วมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม“ไม่จริงค
บ้านหลังใหญ่ของกีรติที่มีพ่อบ้านดูแลให้ ณรารู้ว่าถูกชายวัยกลางคนจับตามองเธออยู่ แม้จะให้คนดูแลรับใช้เธอตามปกติไม่ต่างจากเจ้านายคนหนึ่งแต่แววตาที่มองนั้นดูเหมือนไม่พอใจอยู่ตลอดเวลา แน่ละก็สาวใช้วัยยี่สิบเอ็ดที่เป็นหลานสาวของเขาอีกฝ่ายหมายมั่นปั้นมือจะให้รับใช้กีรติแต่ว่าเขาไม่สนใจพอมีเรื่องคำทำนายของซินแสที่แนะนำให้แก้เคล็ดก็ตั้งใจจะให้หลานสาวของตัวเองแต่งงานกับเจ้าของบ้านแต่กีรติรู้ทันและกลัวจะสลัดไม่หลุดในภายหลังจึงทำพ่อบ้านเก่าแก่ที่รับใช้มาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ของเขารู้สึกไม่พอใจแล้วพาลเกลียดเธอไปด้วย“นั่นถุงอะไรเยอะแยะเชียว”“ข้าวของของคุณนัทครับคุณเชง” มือขวาของกีรติตอบแล้วนำถุงข้าวของเหล่านั้นไปวางที่โต๊ะกระจกทรงเตี้ยในห้องนั่งเล่นกีรติและณราเดินตามเข้ามาในภายหลังตามด้วยมือซ้ายของเขาที่หอบถุงของตามเข้ามาอีกเต็มมือเชงมองณราด้วยสายตาที่ไม่พอใจที่อีกฝ่ายซื้อของมากมายขนาดนี้ ในขณะที่หญิงสาวรู้ว่าถูกมองด้วยสายตาที่เกลียดชังแต่เธอเองก็ไม่ได้จะอยากโดนเกลียดแบบนี้ และเธอก็ปฏิเสธกีรติไปแล้วแต่ไม่สำเร็จ“นัทบอกแล้วไงคะว่าเอาแค่ต่างหู คุณหลัวไม่น่าซื้อเครื่องประดับครบเซ็ตให้นัทขนาดนี้เลย”