หมู่บ้านบัวงามเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกล คนที่จะผ่านหมู่บ้านนี้ส่วนมากจึงเป็นนักเดินทางหรือนักท่องเที่ยว ที่มาแวะชมสระบัวก่อนจะเดินทางไปเที่ยวชมป่าที่มีลานกางเต็นท์ชมวิวที่อยู่ลึกเข้าไปใกล้กับเขตป่าสงวน
นักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูปสระบัวแล้วก็ผ่านหมู่บ้านไปเป็นเรื่องปกติที่เห็นได้อยู่บ่อยครั้ง แต่นักท่องเที่ยวที่จะมาพักที่หมู่บ้านนั้นไม่ค่อยมีให้เห็น
“ผมอยากพักทำสารคดีที่หมู่บ้านนี้พอจะมีห้องเช่าหรือโฮมสเตย์หรือเปล่าครับ”
ประโยคนั้นทำให้หลายคนมองเขาด้วยความสนใจ เป็นเวลานานหลายเดือนแล้วที่หมู่บ้านไม่มีนักท่องเที่ยวมาขอพักจึงทำให้ชาวบ้านตื่นเต้นมาก
“มีจ้า เรามีโฮมสเตย์ให้พักอยู่กับชาวบ้าน” หญิงวัยกลางคนพูดแล้วเดินพาหนุ่มหล่อจากเมืองกรุงไปที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน
เมื่อไปถึง ‘คเชนทร์’ ก็ยกมือไหว้ทักทายผู้ใหญ่บ้านและภรรยา คนที่พามาก็แนะนำเขาให้ทั้งคู่รู้จัก
“นี่นักท่องเที่ยว เขาจะมาพักที่หมู่บ้านเพื่อทำสารคดี” หญิงวัยกลางคนที่ชอบใส่ใจเรื่องของคนอื่นบอกแล้วนั่งรอฟังไม่ยอมไปไหน
ผู้ใหญ่บ้านมองหน้าภรรยาแล้วพยักหน้าให้อย่างรู้กัน จากนั้นเธอก็เดินไปหยิบสมุดที่พักมาให้แก่ผู้ใหญ่บ้านเพื่อดูว่าตอนนี้ถึงคราวบ้านหลังไหนที่จะได้ต้อนรับชายหนุ่มคนนี้
“บงกชเอ๊ย เอาน้ำมาต้อนรับแขกหน่อย”
“จ้าพ่อ” เสียงหวานที่ดังมาจากในบ้านทำให้หนุ่มเมืองกรุงสนใจมิใช่น้อย
“จะมาทำสารคดีอะไรล่ะพ่อหนุ่ม” ผู้ใหญ่บ้านถามด้วยความสงสัย
“เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของสระบัวงามและหมู่บ้านนี้ครับ” เขาตอบอย่างสุภาพ
“แล้วสนใจบ้านหลังไหนเป็นพิเศษไหมหรือให้จัดหาให้เลย” ผู้ใหญ่บ้านถามความต้องการของอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้เป็นการบังคับใจกันมากนัก
“แล้วแต่เลยครับ ผมเองก็ไม่เคยมาที่นี่มาก่อน” เขาตอบอย่างเกรงใจ
ผู้ใหญ่บ้านจึงเปิดสมุดที่ภรรยานำมาให้แล้วไล่รายชื่อบ้านในหมู่บ้านดู พบว่าคราวนี้เป็นสิทธิ์ของบ้านยายแก้ว
“บ้านยายแก้ว ป้าพรช่วยไปบอกให้นังเกล้ามันทำความสะอาดห้องพักให้แขกหน่อยนะ” ผู้ใหญ่บ้านหันไปบอกคนที่พามา
“ได้จ้ะ” ป้าพรรีบรับปากแล้วไปบอกบ้านของยายแก้วให้เตรียมพร้อม
“พ่อหนุ่มรออยู่นี่ก่อน ถ้าเขาทำความสะอาดพร้อมแล้วจะมาเรียก” ผู้ใหญ่บ้านบอกด้วยน้ำเสียงที่น่าเกรงขามทำให้คเชนทร์ได้แต่ยิ้มรับ
“น้ำมาแล้วจ้ะ” น้ำเสียงหวานที่ได้ยินคราแรกนั้นเดินยกถาดวางแก้วน้ำและขวดน้ำเย็นมาให้
คเชนทร์มองหญิงสาวด้วยความตกตะลึงในความน่ารักและงดงามแบบบ้านๆ ที่สวยบริสุทธิ์ยิ่งกว่าสาวชาวกรุงเป็นไหนๆ
“ตกใจล่ะสิที่หมู่บ้านนี้มีน้ำบรรจุขวดขาย”
ผู้ใหญ่บ้านเข้าใจว่าเขาตกใจกับขวดน้ำที่ลูกสาวยกมา คเชนทร์จึงรีบละสายตาจากหญิงสาวแล้วมองที่ขวดน้ำพลาสติกยี่ห้อที่คุ้นเคย
“ที่นี่นักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูปเยอะจ้ะ คนที่นี่จึงเข้าเมืองซื้อของมาขาย ราคาแพงกว่าที่เคยซื้อก็เพราะเราต้องเดินทางไปกลับรวมเกือบร้อยกิโล แต่ก็เป็นราคาที่พอรับได้” ภรรยาของเจ้าบ้านอธิบายแล้วรับถาดน้ำจากลูกสาวส่งต่อ
“จริงสิ ระหว่างรอก็ให้บงกชพาไปชมสระบัวงามก็ได้ คนนี้เขาพานักท่องเที่ยวชมสระตั้งแต่เด็ก รู้ประวัติดีเชียวล่ะ” ผู้ใหญ่บ้านบอกแก่เขา เพราะที่นี่อะไรก็ดูเป็นเงินเป็นทองไปหมด
“พ่อ คุณเขาจะไปนอนบ้านยายแก้ว ให้เกล้าทำหน้าที่นั้นก็ได้จ้ะ ขืนให้ฉันพาไปก็จะหาว่าฉันแย่งงานเปล่าๆ” บงกชรีบออกตัวเมื่อบิดาอยากให้เธอนำทางเขาเที่ยวชมสระ
“ไม่เป็นไรครับ วันนี้ผมจ้างคุณบงกชก่อน ระหว่างที่รอทำความสะอาดจะได้ไม่เสียเวลา” คเชนทร์บอกด้วยความเต็มใจ
“อย่างนั้นก็ได้จ้ะ” หญิงสาวรับปากเมื่อเป็นความต้องการของเขา
บงกชตามคเชนทร์ไปยังรถของเขา แล้วนำทางไปยังสระบัวงาม ในระหว่างนั้นก็เล่าประวัติความเป็นมาของสระให้แก่อีกฝ่ายฟังคร่าวๆ
“สระบัวงามมีอาถรรพ์จ้ะ ใครลงไปจะเกิดความร้อนรุ่มและตามมาด้วยเหตุการณ์ที่เลวร้าย ชาวบ้านจึงล้อมรั้วหนามเอาไว้รอบสระ”
“เหตุการณ์เลวร้ายแบบไหนครับ”
“เอาไว้ให้เกล้าเล่าพรุ่งนี้ดีกว่าจ้ะ วันนี้พามาดูและถ่ายรูปเอาไว้ก่อน” เธอบอกเขาแล้วหน้าแดงก่ำเมื่อพูดถึงอาถรรพ์ของสระแห่งนี้
เมื่อไปถึงฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ทั้งคู่จึงยังไม่ได้ลงจากรถไป แต่กลิ่นดอกบัวอ่อนๆ ลอยตลบอบอวลไปทั่วบริเวณอย่างน่าอัศจรรย์ทั้งๆ ที่ปกติแล้วจะไม่เป็นแบบนี้
คู่หนุ่มสาวบนรถจึงออกอาการร้อนรุ่มอย่างประหลาด จากนั้นสติทุกอย่างก็เลือนรางแล้ว
“ผมไม่ไหวแล้ว” เขาพูดเสียงพร่า แววตาที่เคยฉายแววคมเข้มแปรเปลี่ยนเป็นฉ่ำปรือด้วยความปรารถนา
“ฉันก็ไม่ไหวแล้ว” หญิงสาวเองก็ไม่ต่างกัน
ทั้งสองปีนไปยังเบาะหลังโดยไม่ได้นัดหมาย ถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็วแล้วพุ่งจู่โจมจูบกันอย่างเร่าร้อน เพราะกลิ่นหอมที่แสนรัญจวนจากดอกบัวกลีบสีเหลืองทองดอกเดียวที่เกิดอยู่ท่ามกลางดอกบัวสีขาวและสีชมพูที่กระจายเต็มสระ
ร่างที่เปลือยเปล่ากอดจูบกันอย่างไม่มีใครยอมใครท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจนมองไม่เห็นบรรยากาศนอกรถ
คเชนทร์บดคลึงริมฝีปากของสาวชาวบ้านอย่างดูดดื่มและเกินหักห้ามใจ มือหนึ่งกอดรัดแผ่นหลังลูบไล้ไปถึงสะโพก อีกมือล้วงควักที่เม็ดเต่งตึงกลางกายสาวจนบงกชสูดปากไม่หยุด
หญิงสาวเองที่โดยปกติจะเรียบร้อย พอเสพกลิ่นบัวทองเข้าไปก็ไม่สามารถหยุดความใคร่นี้ลงได้
เธอดันตัวหนุ่มเมืองกรุงให้นั่งเอนไปกับเบาะรถ จากนั้นก็นั่งที่ปลายขาของเขาแล้วก้มลงจับท่อนเนื้อขึ้นมาดูดเลียอย่างคนที่ชำนาญทั้งๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน
“อื้ม อ๊าส์ ซี๊ด...ดูดเก่งมากเลยครับ อ๊าส์” เขาครางกระเส่า มองดูริมฝีปากที่ครอบครองท่อนเนื้อของเขาแล้วดูดเม้มอย่างออกรสก็ยิ่งทำให้เกิดความปรารถนา
บงกชจับท่อนเนื้ออวบรูดรั้งอย่างมันมือ ริมฝีปากก็ดูดเม้มชิมรสหวานจากท่อนเนื้อนั้นอย่างเอร็ดอร่อย ในสมองเธอบอกให้ทำเรื่องนี้ไม่มีช่องว่างให้คิดถึงเรื่องอื่นเลยสักนิด
หญิงสาวทั้งรูดด้วยมือและเม้มรูดด้วยริมฝีปาก สลับกับการดูดปลายหัวมนนั้นแล้วเลียไปรอบๆ ปลายหัวหยักจนเขาต้องให้เธอหันสะโพกมาให้เขาบ้าง
คเชนทร์เลื่อนตัวลงไปนอนราบในท่าชันเข่า บงกชเองก็คร่อมอยู่บนตัวเขาในท่าคลานกลับหัวเป็นเลขหกเก้าเป็นแนวเดียวกับเบาะหลัง
ริมฝีปากและปลายลิ้นของทั้งคู่ปรนเปรอสวาทกันด้วยความหื่นกระหาย อารมณ์กำหนัดที่ลุกโชนด้วยไฟปรารถนาทำให้ต่างฝ่ายต่างวาดลวดลายอย่างเต็มที่
ปลายลิ้นหนาของคเชนทร์ฉกชิมรสหวานจากกลีบบัวสีหวานที่ลอยเด่นตรงหน้า ละเลงลิ้นไล้เลียจนกลีบชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำลายและน้ำรักที่เอ่อล้น บันดาลความสุขให้แก่บงกชจนครางในลำคอไม่หยุด
“อ๊าส์ แตกแล้ว ซี๊ด” หญิงสาวคายท่อนเอ็นออกจากปากแล้วหวีดร้องด้วยความสุขสม
“น้ำหวานมากเลยครับ ข้างในตอดลิ้นไม่หยุดเลย” เขาพูดเสียงพร่า
“อยากเอาก็รีบเอาสิจ๊ะ ฉันเองก็อยากโดนเอาจะแย่แล้ว” หญิงสาวพูดเสียงพร่าอย่างคนที่มีอารมณ์
คเชนทร์ยิ้มอย่างชอบใจ ต่อไปถึงคราวที่เขาจะแย้มกลีบบงกช ดอกบัวแสนงามตรงหน้าแล้ว
---------------------
“เริ่มเลยสิจ๊ะ ฉันอยากได้แล้ว” เธอบอกเสียงกระเส่า นั่งพิงประตูรถแล้วแยกขาออกกว้างอย่างยั่วยวนเขาลุกขึ้นมองกลีบบัวสีหวานที่ฉ่ำน้ำนั้นอย่างชอบใจ ยื่นปลายนิ้วไปคลึงเม็ดเต่งตึงที่ถูกกลีบสวาทห่อหุ้มเอาไว้แล้วสบตาเธอไปด้วยอย่างคนที่หื่นกระหาย“กดนิ้วหนักๆ เลยจ้ะ อ๊าส์ เสียวจัง ซี๊ด” เธอครางเสียงเบา หลับตาพริ้มด้วยความสุขจากปลายนิ้วหนาที่บดคลึงอย่างหนักเน้น“บงกชสวยมาก สวยจนผมอดใจไม่ไหว” ริมฝีปากของเขาเลื่อนไปจูบไซ้ที่ซอกคอระหงของเธอ แล้วเลื่อนริมฝีปากผ่าวร้อนไปจูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม“มันเสียวและร้อนไปทั้งตัวเลย อ๊าส์” เธอครางบอกเขาขณะที่อีกฝ่ายเลื่อนจูบไปที่เนินอกแล้วดูดเม้มปลายจุกอย่างบ้าคลั่งคเชนทร์ดูดจุกสีหวานนั้นอย่างมูมมาม ปลายนิ้วยังคงทำหน้าที่บดขยี้ความเสียวให้แก่หญิงสาวจนบงกชครางลั่นรถ“อยากเสียวหรือเปล่า พร้อมจะโดนเอารึยัง” เขาถามเสียงพร่าแล้วดูดเนินอกขาวเนียนนั้นจนเกิดรอยจ้ำสีกุหลาบช้ำ“อยากโดนเอาแล้ว ซี๊ด อยากโดนอะไรที่ใหญ่กว่านิ้ว และแข็งกว่าลิ้น” หญิงสาวกัดฟันพูดอย่างกลัดมัน แอ่นสะโพกรับปลายนิ้วที่ละเลงรัวเข้ามาไม่หยุด“ขึ้นมาขย่มเองสิครับ” เขากระซิบข้างหูเสียงเบาขอให้เธอเ
คเชนทร์ขับรถไปส่งบงกชที่บ้าน ระหว่างทางเธอปฏิเสธการรับผิดชอบจากเขาเพราะไม่อยากอับอายชาวบ้านที่ตนเองชิงสุกก่อนห่ามก่อนที่จะเดินทางไปยังบ้านยายแก้วที่บงกชชี้ให้ดู ชายหนุ่มกลับไปที่สระบัวงามอีกครั้ง แล้วใช้ถุงพลาสติกสวมมืออย่างระมัดระวังตักน้ำใสสระบรรจุใส่ขวดแก้วเตรียมจะไปส่งตรวจที่ศูนย์วิจัยที่เพื่อนของตนทำงานอยู่ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อคำพูดของบงกช หรือลบหลู่ทั้งๆ ที่เจอมากับตัวแล้ว แต่เพราะอยากได้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในการอ้างอิงสิ่งที่เขาจะใส่ในสารคดีรถของชายหนุ่มมาจอดที่บ้านของยายแก้ว หญิงวัยหกสิบสองที่ยังดูแข็งแรงอยู่ จากนั้นหญิงสาววัยใกล้เคียงกับบงกชก็ออกมาต้อนรับเขาด้วยอาหารมื้อเย็นพร้อมกับผลไม้ที่แกะไว้ให้พร้อมรับประทาน“ฉันชื่อเกล้านะจ๊ะคุณ นี่เป็นรายละเอียดของโฮมสเตย์แห่งนี้ค่ะ” เธอแนะนำตัวด้วยท่าทางที่สดใส จากนั้นก็นำใบรายการราคาและกฎระเบียบการพักให้แก่เขาอ่าน“ครับ ผมคเชนทร์นะครับ เรียกว่าช้างก็ได้” เขาพูดอย่างเป็นกันเอง แม้รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยกับท่าทางอ่อยนิดๆ ของอีกฝ่ายแต่ก็ต้องเป็นผู้พักอาศัยตามมารยาท“ห้องนอนคุณช้างอยู่ชั้นสองด้านซ้ายมือนะคะ ห้องน้ำถ้าชอบแบบบรรยากาศชนบท
ในตอนสายบงกชเดินออกมาหน้าบ้านก็พบว่าคเชนทร์นั่งคุยกับบิดาของเธออยู่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม“บงกชมาพอดี เมื่อคืนบ้านยายแก้วเกิดเรื่องเลยให้คุณเขามานอนที่บ้านเรา เอ็งไปเตรียมห้องรับแขกให้ที” ผู้ใหญ่บ้านบอกลูกสาวแล้วยิ้มอย่างพอใจบงกชมองดูเหล้ายี่ห้อต่างประเทศในมือของบิดาก็พอรู้แล้วว่าถูกคเชนทร์ซื้อตัวไปเสียแล้ว“จ้ะพ่อ” เธอตอบรับแล้วขึ้นไปทำความสะอาดและจัดห้องนอนให้เขาผู้ใหญ่มองตามสายตาของคเชนทร์ก็พอรู้ว่าชื่นชอบลูกสาวของตน แต่ชายหนุ่มจากเมืองกรุงแบบนี้ไม่รู้จะไว้ใจได้ขนาดไหน“ลูกสาวข้าไม่ใช่ของเล่นให้ใครมาเล่นทิ้งๆ ขว้างๆ หรอกนะพ่อหนุ่ม” เขาพูดลอยๆ ขึ้นมา“ผมก็ไม่ได้คิดจะเล่นครับ” พูดจบเขาก็เปิดกระเป๋าล้วงนามบัตรให้แก่ผู้ใหญ่“พ่อแม่ผมเปิดร้านขายอาหารครับ ส่วนผมทำงานกับสำนักพิมพ์รับผิดชอบคอลัมน์สารคดีท่องเที่ยวแนวประวัติท้องถิ่น ฐานะปานกลาง ไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้าแต่ก็ไม่มีหนี้สินใดๆ หากบงกชยอมเปิดใจให้ผม ผมจะให้พ่อแม่มาสู่ขอและพาไปอยู่ที่บ้านด้วย” เขาพูดออกมาตามตรงก่อนหน้านี้ไม่ได้รักแต่ก็ยอมรับว่ารู้สึกดีด้วยมาก และความเป็นสุภาพบุรุษก็ทำให้เขาทอดทิ้งเธอไม่ได้“บ๊ะ! ไอ้นี่มันเข้าท่าเว้ย เอ
ครบสัปดาห์แล้วที่คเชนทร์ไปจากหมู่บ้านสระบัวงามแล้วยังไม่ได้ติดต่อกลับมา บงกชรู้สึกร้อนใจและเศร้ากับคำสัญญาที่เลือนรางของตนผู้ใหญ่และภรรยามองบุตรสาวของตนเองที่ซึมลงมาในหลายวันมานี้ สงสัยว่าหนุ่มจากเมืองกรุงจะคว้าหัวใจอีกฝ่ายไปได้สำเร็จเสียแล้วแต่ยังไม่ทันที่จะคิดเกินเลยว่าถูกเขาทอดทิ้ง รถคันคุ้นตาก็วิ่งมาจอดที่หน้าบ้านพร้อมกับคเชนทร์และพ่อแม่ของเขาที่ลงมาจากรถเขากลับไปเพื่อเอาน้ำในขวดไปตรวจในช่วงที่ยังมีฤทธิ์อยู่ ตรวจพบสารอะไรบางอย่างที่ไม่เคยมีใครค้นพบ พบจะตรวจซ้ำก็เหมือนว่าสารนั้นจะหายไปเพราะเลยกำหนดเจ็ดวันแล้ว“ผมกลับมาตามสัญญาแล้วนะครับ” เขาบอกพ่อผู้ใหญ่แต่สายตานั้นสบตาหวานเชื่อมกับบงกชไม่หยุดช่วงเวลาที่ห่างเธอไปไม่คิดว่าเขาจะคิดถึงเธอและรู้หัวใจตัวเองว่ารักหญิงสาวอ่อนหวานที่ร่านรักคนนี้เสียแล้ว“พี่ผู้ใหญ่คงต้องผูกแขนให้เข้าหอตามสัญญาแล้วล่ะจ้ะ” ผู้เป็นภรรยาพูดแล้วปิดปากอมยิ้มกับใบหน้าเคร่งเครียดของสามี“พวกเราเตรียมสินสอดมาพร้อมแล้วนะคะ วันนี้ก็ดูฤกษ์ยามมาแล้ว แต่งวันนี้เลยก็ได้ พานบายศรีก็พร้อมแล้วจ้ะ” มารดาของคเชนทร์พูดเสียงนุ่มจากนั้นรถกระบะก็ขับเข้ามาจอดแล้วยกหม้อข้าวหม้
งานแต่งงานที่กำลังจะมาถึงของเพื่อนคนที่สามในกลุ่ม ทำให้ ‘รตี’ สมาชิกคนที่สี่กลายเป็นคนสุดท้ายในกลุ่มที่ยังโสดอยู่“พวกแกต้องมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ฉัน โดยเฉพาะแก...รตี งานนี้ฉันตั้งใจจะโยนช่อดอกไม้เจ้าสาวให้แก” เอมอรซึ่งเป็นว่าที่เจ้าสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแล้วยิ้มให้เพื่อนรักคนเดียวที่ยังโสดอยู่“ยังไงรตีมันก็ไปแน่ งานแต่งฉันก็ฟาดเพื่อนเจ้าบ่าวไปสองคน งานแกมีเหรอว่ามันจะพลาด” สุพิตพูดขึ้นแล้วพยักหน้าให้แก่ฤดีอย่างรู้ทัน เพราะรตีเป็นแม่เสือสาวนักล่าเพื่อนเจ้าบ่าว“พอเลย พวกแก แต่งงานหนีฉันไปก่อนแบบนี้ไม่ให้เหงาไปเอากับเพื่อนเจ้าบ่าวหล่อได้ยังไง” สาวโสดคนสุดท้ายพูดแล้วกอดอกทำหน้างอง้ำ เพราะทุกคนบอกจะโสดไปด้วยกันจนอายุสามสิบแต่กลับทยอยแต่งงานกันไปจนหมด“โอเค งั้นงานนี้ฉันยกเพื่อนเจ้าบ่าวให้แก่หมดเลยสามคน ญาติของเจ้าบ่าวฉันมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ งานนี้แกอิ่มแบบจุกๆ แน่” เอมอรบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยจริตที่เย้าแหย่“แล้วนี่ทำไมแต่งกะทันหันจัง เดือนหน้าเนี่ยนะ” ฤดีหันไปถามว่าที่เจ้าสาว แล้วมองดูการ์ดเชิญที่เพื่อนรักนำมาให้“เจ้าบ่าวฉันเป็นเศรษฐีบ้านนอกน่ะ เขาต้องแต่งงานตามคำทำนายอ
ชายหนุ่มวัยสามสิบหกลุกนั่งที่ปลายเตียง สายตาคมกริบมองดูรตีที่เดินนวยนาดออกมาจากห้องน้ำด้วยแววตาที่หื่นกระหายเธอลดตัวนั่งคุกเข่าแล้วให้เธอใช้รูดท่อนเอ็นนั้นขึ้นลง ใช้ปลายลิ้นแตะเลียไปรอบๆ ปลายลำแล้วอมมันเข้าไปอย่างดูดดื่มมือหนาขยุ้มกลุ่มผมนุ่มของเธอแล้วกดโยกเข้าหาท่อนเอ็นให้เข้าไปลึกในโพรงปาก หญิงสาวจับท่อนลำเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาดันเข้าไปลึกกว่านี้เพราะโก่งคอรับความยาวนั้นไม่ไหว“อ๊าส์ ดีมาก อ๊าส์ ซี๊ด มีแฮงคัก อ๊าส์” เขาครางอย่างชอบใจ กัดฟันแล้วสูดปากครางออกมาเสียงหลงภาษาถิ่นจากริมฝีปากของหนุ่มหล่อทำให้หญิงสาวยิ่งเกิดความปรารถนา เธอคายท่อนเนื้อนั้นออกแล้วขึ้นไปนั่งตักเขาแล้วเริ่มขย่มให้แก่เขาในท่านั่งหันหลังให้ภูผาจูบแผ่นหลังของเธอแล้วสูดกลิ่นหอมจากน้ำหอมราคาแพง มือทั้งสองขยำเต้าอวบที่ด้านหน้าใช้นิ้วขยี้เม็ดยอดอกไปด้วยอย่างมันเขี้ยวรตีขย่มลงไปด้วยลีลาที่ยั่วยวนและเร่าร้อน ครางกระเส่าอย่างออกรสคลอไปกับเสียงเนื้อที่เสียดสีกันดังสวบๆ ตามจังหวะที่เธอบดกลีบสวาทเสียดสีกับท่อนเนื้ออุ่นที่อวบยาวนั้น“คุณรตีขย่มเก่งมากเลยครับ ผมไม่เคยเจอใครขย่มเก่งเท่านี้มาก่อน” ภูผาออกปากชมเธอไม่หยุด ชื่น
อีกสองวันก็จะถึงงานแต่งงานของเอมอรและซันแล้ว เพื่อนเจ้าสาวล่ารักอย่างรตีจึงต้องช่วยเพื่อนเตรียมงานเช่นเดียวกับเพื่อนเจ้าสาวอีกสองคนสุพิตช่วยดูแลเรื่องช่างแต่งหน้าที่จะมาแต่งหน้าให้ในงาน ส่วนฤดีที่เป็นออแกไนเซอร์อยู่แล้วก็ทำงานตามหน้าที่ของตนโดยมีทีมงานคุณภาพคอยช่วยเหลือรตีช่วยตรวจสอบความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานซึ่งใช้โรงแรมเป็นที่จัดงานและประสานงานห้องพักของญาติเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ใช้พักในช่วงจัดงาน รวมไปถึงห้องที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวใช้แต่งตัวซึ่งเหมาเช่าชั้นห้าทั้งชั้นเอาไว้ในงานนี้“สวัสดีครับคุณรตี” ธารที่มาถึงโรงแรมก่อนคนแรกทักทายเธอด้วยน้ำเสียงที่สดใส“มาไวจังเลยค่ะ โรงแรมจะเปิดให้พักในวันพรุ่งนี้ก่อนวันงานหนึ่งวันนะคะ” เธอบอกเขาเมื่อเห็นอีกฝ่ายที่ล็อบบี้“ผมเปิดห้องที่ชั้นเจ็ดไว้แล้วครับ พรุ่งนี้ค่อยย้ายมาชั้นห้า” เขาพูดแล้วยิ้มให้เธอพร้อมกับรอยยิ้มที่มีความหมาย“แล้วนี่เราเจอกันโดยบังเอิญหรือว่ารู้อยู่แล้วคะว่ารตีอยู่ที่นี่” เธอกอดอกถามเขา เข้าใจความหมายในแววตานั้นดี“ผมมาล่วงหน้าก่อนหนึ่งวันเพื่อมาหาคุณรตีโดยเฉพาะครับ โทรถามคุณเอมแล้วเธอบอกว่าคุณมาที่นี่ผมเลยมาพักที่นี่” เขาพูดแล
วันต่อมาภูผาและน่านฟ้าก็ตามมาถึง น่านฟ้าถึงกับอดหมั่นไส้น้องชายไม่ได้ที่อีกฝ่ายโทรไปอวดว่าได้สนุกกับรตีก่อนตนซึ่งเป็นพี่“เด็ดอยู่บ้อธาร” ภูผาถามน้องชาย“เด็ดหลายครับอ้าย ขึ้นขี่ผมเด้งหน้าเด้งหลัง มีแฮงหลาย เอากันจนขาหล่อยเบิ่ด” ธารบอกแล้วยิ้มร่าอย่างพอใจ“อ้ายภูกับบักธารได้ไปแล้ว ต่อไปตาข้อยเด้อ” เขาบอกพี่ชายน้องชายด้วยภาษาบ้านเกิด จากนั้นก็เดินไปหารตีที่กำลังวุ่นกับการต้อนรับญาติๆ เข้าห้องพักตามหน้าที่ที่เธอรับอาสา“เหลืออีกเยอะไหมครับ ให้ผมช่วยไหม”“เหลือพ่อแม่เจ้าบ่าวน่าจะมาถึงช่วงเย็นค่ะ เห็นว่าแวะรับญาติคนอื่นมาด้วย”“ลุงกับป้าผมแก่แล้วครับ เมารถง่ายคนขับเลยต้องมาช้าๆ หน่อย” เขาบอกเธอแล้วมองด้วยสายตาที่มีความหวัง“เอ่อ...รอเสร็จงานพรุ่งนี้ก่อนไหมคะ” เธอบอกเขาอย่างรู้เท่าทันความคิด“ไม่ไหวหรอกครับ คนอื่นได้ไปหมดแล้วแต่ผมยังไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้วันนี้พรุ่งนี้ผมคงไม่สดชื่นแน่” เขาพูดแล้วทำตาปริบๆ อย่างอ้อนวอน“ก็ได้ค่ะ” เธอรับปากแล้วยิ้มอย่างชอบใจ หนุ่มๆ พวกนี้ท่าทางจะขาดของหนัก แต่ละคนมาถึงก็อยากมีแฮงกับเธอเหลือเกิน สงสัยว่าถ้าไม่ได้ก็คงจะรบเร้าไม่หยุดเขาพาเธอไปยังห้องพักของตนแล้วย
วิไลพิลาศลักษณ์นั่งต่อหน้าฉันพร้อมกับแฟ้มเอกสารสมัครงานตำแหน่งวิศวกรที่มีคนเคยมาสมัครเอาไว้“คนมาสมัครก็เยอะนี่ ทำไมตำแหน่งนี้ยังว่าง” ฉันถามลูกน้องสาววัยไล่ๆ กับฉันด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ“คนที่มาสมัครแต่ละคนไม่มีประสบการณ์ทำงานเลยค่ะ บางคนก็พึ่งจบใหม่แต่ระบุเงินเดือนเหมือนตัวเองทำงานมาสิบปี แบบนี้ก็ไม่ไหว” เธออธิบายให้ฉันฟัง เหตุผลมันก็พอได้แต่ว่าฉันรู้สึกไม่เข้าหู“จบใหม่แล้วไง เราก็มีฝ่ายบุคคลไว้ทำไม การฝึกอบรมพนักงาน จัดอบรมความรู้และทักษะงานมันหน้าที่ฝ่ายเธอไม่ใช่เหรอ แล้วถ้าไม่ให้เขาลองทำงานดูจะมีประสบการณ์ได้ยังไง” ฉันพูดเสียงเรียบแล้วค้นใบสมัครงานจนเจอใบสมัครของปอนฉันเลือกใบสมัครมาห้าคนแล้วยื่นให้เธอ “โทรนัดสัมภาษณ์ ฉันจะสัมภาษณ์พวกเขามาทำงานเอง”“ค่ะบอส” เธอรับปากแล้วรีบเดินออกไปด้วยสีหน้าที่ดูไม่พอใจเหมือนตัวเองถูกฉันก้าวก่ายการคัดเลือกใบสมัครฉันนั่งยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นก็รับสายจากนักสืบเอกชนที่ฉันจ้างให้ไปสืบประวัติเขา คนที่ฉันสนใจทุ่มแค่ไหนก็ไม่หวั่นจะว่าไปแล้วตอนแรกฉันไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ แต่หลังๆ มานี่หลงจนโงหัวไม่ขึ้นทั้งๆ ที่ตัวเองก็พยายามยับยั้งใจเอาไว้แล้ว“ว่าไง” ฉ
ปอนแต่งตัวในชุดธรรมดาแล้วไม่ได้เซ็ทผมอย่างตอนที่อยู่ในบาร์โฮส เขาดูหล่อและหน้าเด็กลงมากจนฉันรู้สึกเขินตัวเองในวัยสามสิบแปดปีเขาไม่อายเลยที่จะเดินจับมือฉันเดินในห้างสรรพสินค้าแบบนี้“ทำไมถึงมาทำงานนี้ล่ะ” ฉันตัดสินใจถามเขา อยากรู้ว่าเขาจะเล่าเรื่องได้น่าสงสารและรันทดมากแค่ไหน เพราะส่วนใหญ่มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว“ผมอยากได้เงินมาใช้จ่ายอย่างสะดวกสบายครับ งานประจำที่ทำอยู่เงินเดือนหมื่นต้นๆ อยากได้อะไรก็ลำบาก”“อืม แล้วครอบครัวปอนล่ะ เขาไม่ช่วยเหลือเหรอ”“พ่อแม่ผมพวกท่านก็หย่าร้างแยกย้ายกันไปมีครอบครัวใหม่ครับ พ่อก็อยากได้ผมไปอยู่ด้วย แม่ก็อยากได้ผมไปอยู่ด้วย ผมไม่อยากเลือกให้อีกฝ่ายต้องน้อยใจเลยตัดสินใจไม่เลือกอยู่กับใคร พ่อกับแม่ส่งเงินมาให้ทุกเดือนผมก็เอาเงินพวกนั้นจ่ายค่าผ่อนคอนโดไป” เขาบอกเรื่องราวที่ผิดคาดไปมากฉันได้แต่อมยิ้ม ไม่คิดเลยว่าเขาจะเล่าเรื่องจริงออกมาแบบนี้ คิดว่าจะแต่งเรื่องให้ฉันต้องสงสารเขาเสียอีก“แล้วทำงานที่นั่นเป็นยังไงบ้าง” ฉันถามเขาต่อเพื่อหาเรื่องชวนคุย“ก็เรื่อยๆ ครับ ส่วนใหญ่จะนั่งชงเครื่องดื่มรับทิป จะมีแขกพาขึ้นห้องหรือออกไปข้างนอกบ้างก็นานๆ ทีครับ พี่
คืนนี้ฉันไปที่แท่งทอง69 ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเจอคนรู้จักซึ่งเธอเป็นคนที่เคยเป็นคู่แข่งงานประมูลโครงการก่อสร้างกับฉันเมื่อเดือนที่แล้วเจ๊หญิงวัยสามสิบแปดเท่ากับฉันเธอนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ แล้วยิ้มมองฉันด้วยรอยยิ้มที่เหยียดยิ้มนิดๆ คงคิดจะบอกเป็นนัยๆ ว่าจะแข่งกับฉันในการประมูลหนุ่มๆ ป้ายทองแน่ๆการเดินแบบโชว์ตัวของบาร์โฮสหนุ่มๆ ผ่านไป ฉันเลือกปอนมานั่งเอาใจฉันเช่นเดียวกับเธอที่เลือกหนุ่มโฮสคนหนึ่งมานั่งข้างกาย“ลูกค้าคนนั้นมาบ่อยไหม” ฉันถามปอนแล้วพยักพเยิดไปทางเจ๊หญิง“มาบ่อยครับ แต่ส่วนใหญ่จะมาวันธรรมดา มีครั้งนี้ที่มาวันเสาร์” ปอนตอบฉันแล้วรินเครื่องดื่มพร้อมกับช่วยป้อนฉันอย่างเอาใจสายตาของเราสองคนมองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แล้วเธอก็เหมือนจะท้าทายฉันโดยการชี้ไปยังตัวท็อปที่เต้นอยู่บนเวที“คืนนี้พี่จะประมูลหนุ่มโฮสบนเวทีแข่งกับเธอ” ฉันบอกปอนทำให้เขาลดยิ้มลงเล็กน้อย แต่ก็คงขัดฉันไม่ได้“อย่ากังวลไปหน่อยเลย คนที่จะขึ้นเตียงกับพี่ในคืนนี้ยังไงก็เป็นปอน” ฉันกระซิบบอกเขา เอาใจเด็กหนุ่มให้รู้ว่าฉันติดใจเขามากแค่ไหนหนุ่มโฮสหลักพันกับหลักหมื่นจะแตกต่างกันมากแค่ไหนเชียว ต่างก็แค่หน้าตาและราคาเท่าน
หลังจากวันนั้นฉันก็ถวิลหาแต่รสสวาทของหนุ่มโฮสไม่หยุด ก่อนที่เราจะจากกันฉันถามชื่อเขาเอาไว้แล้ว และนัดแนะว่าคืนวันเสาร์นี้ฉันจะไปที่ร้านและไปเจอเขาฉันโทรชวนมิวให้ไปด้วย แต่เพราะว่าเธอติดธุระด่วนของที่บ้านจึงไม่ได้ไปด้วย ค่ำคืนนี้จึงมีแต่ฉันคนเดียวที่ไปเที่ยวตามลำพังฐานะการเงินของฉันอยู่ในระดับที่ดี ทั้งฉันและมิวผลัดกันเลี้ยงมื้อค่ำและเลี้ยงเครื่องดื่มกันอยู่บ่อยครั้ง ครั้งนี้ยังไม่ได้เลี้ยงเด็กโฮสเธอกลับก็คิดว่าจะเอาไว้วันหน้า คราวนี้ฉันขอไปเองตามนัดก่อนไม่อยากให้ ‘น้องปอน’ รอนานพอไปถึงฉันก็นั่งโต๊ะหน้าสุด แล้วมองดูปอนเดินไปมารอบเวที เขาเห็นฉันแล้วส่งยิ้มให้ พอเดินเสร็จฉันก็รีบเลือกเขาทันทีก่อนคนอื่นจะคว้าไป“สวัสดีครับพี่ดิว” เขาทักทายฉันเสียงนุ่ม แล้วเดินมานั่งข้างๆ มือวางไว้ที่ต้นขาฉันแล้วสบตาอย่างมีความหมาย“มาคนเดียวเหรอครับวันนี้”“มาคนเดียว แต่ว่าอยากเสียวกันสองคนได้ไหมล่ะ” ฉันพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน แล้วมองเขาด้วยสายตาที่ปรารถนา หนุ่มๆ คนอื่นก็อยากลองควงออกไปบ้างแต่ว่าฉันเป็นประเภทที่ว่าถ้าได้ลองติดใจอะไรแล้วก็ไม่อยากเปลี่ยนเพราะเกรงว่าจะเจอสิ่งที่แย่กว่าเดิม ดังนั้นกา
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน อุตส่าห์ออกตัวกับเพื่อนเอาไว้แล้วว่าจะไม่พาเด็กบาร์โฮสต์ออกมาด้วย แต่ว่าตอนนี้เราสองคนยืนอยู่หน้าห้องพักของโรงแรมม่านรูดพร้อมหนุ่มโฮสข้างกายอีกสองคนมิวเปิดห้องสองห้องแล้วแยกกันไปคนละห้อง เพื่อที่จะใช้เวลาส่วนตัวกับหนุ่มหล่อที่พวกเราพาออกมาด้วย“เราไปอาบน้ำก่อนไหม” ฉันชวนเขาเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉัน ‘ซื้อกิน’“ได้สิครับเดี๋ยวผมจะขัดตัวให้พี่เอง รับรองว่าหอมตั้งแต่หัวยันหอยแน่ๆ” เขาพูดคำหยาบโลนออกมา แต่ทว่าฉันกลับรู้สึกสยิวหูเหลือเกินในเวลานี้เขาถอดเสื้อผ้าของฉันออกอย่างนุ่มนวลพร้อมกับใช้จมูกคลอเคลียที่ข้างแก้ม เสื้อผ้าถูกทิ้งกองลงกับพื้นจากนั้นเขาก็กอดเอวฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำฝ่ามือหนาลูบสบู่จนเกิดฟองแล้วละเลงไปทั่วร่าง นวดถูทำความสะอาดให้กับฉันสมกับเงินห้าพันที่เพื่อรักฉันพาเขาออกมาเพื่อเปิดโลกให้แก่ฉันเขาอาบน้ำให้เราทั้งคู่แล้วหลังจากนั้นเขาก็เริ่มพรมจูบฉันไปที่หัวไหล่ไล่ไปจนถึงหลังต้นคอ เป็นจูบที่รู้สึกนุ่มนวลและซ่านสยิวที่สุด คงเป็นเพราะความตื่นเต้นจึงทำให้ฉันรู้สึกอย่างมือของเขาลูบไล้ไปทั่วเนินสวาทและเต้าทั้งสองข้าง พร้อมๆ ก
แววตาของเพื่อนสาวที่มองด้วยความอ้อนวอนทำให้ฉันเริ่มใจอ่อนแต่ก็ยังลังเลกับคำชวนที่แสนห่ามนั้น“นะ นะ ดิว ไปเที่ยวบาร์โฮสเป็นเพื่อนฉันหน่อย ฉันจะออกเงินให้เธอเลย นะ นะ ได้โปรด” มิวยังคงอ้อนวอนไม่หยุด“ไม่เอาล่ะ ไม่เคยไป เราไปนั่งดื่มที่บาร์หาผู้ชายมาวันไนท์สแตนด์ด้วยจะไม่ดีกว่าเหรอ” ฉันลองออกความเห็นเสนออีกทางเลือกให้กับเพื่อนรัก“มันจะไปสนุกอะไรล่ะ อีกอย่างผู้ชายพวกนั้นน่ะก็หน้าเดิมๆ ไม่รู้ว่าจะวนเวียนมาเจอกันอีกตอนไหน หรือว่าจะเป็นคนใกล้ตัวของเราหรือเปล่า สู้ไปหาเด็กบาร์โฮสหล่อๆ เอาใจเก่งมาปรนนิบัติเราจะไม่ดีกว่าเหรอ” มิวยังคงพูดโน้มน้าวให้ฉันไปด้วยให้ได้ ท่าทางจะปฏิเสธยากเสียแล้วงานนี้“ไปก็ไป แต่ว่าฉันแค่ไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนนะ ไม่เอาผู้ชายพวกนั้นมานั่งคลอเคลีย ไม่ชินกับการถูกเอาใจ”“อย่าพึ่งพูดออกตัวไป ถ้าแกติดใจแล้วจะอายปากตัวเองนะจ๊ะ” มิวยิ้มแฉ่งแล้วส่งโลเคชั่นมาให้ฉัน“ร้านแท่งทอง69” ฉันอ่านชื่อร้านแล้วสยิวท้องน้อยตั้งแต่ยังไม่ไป แค่ชื่อร้านก็เสียวไส้แล้ว“แกจะไปเที่ยวเฉยๆ หรือว่าคิดจะพาออกมาด้วย” ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่สงสัยทั้งๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็อยากฟังจากปากเธอชัดๆ“ไปขนา
งานแต่งงานของเอมอรและซันได้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น งานฉลองแต่งงานก็เต็มไปด้วยความสนุกสนานของหนุ่มสาวในขณะที่ญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายเจ้าบ่าวแยกย้ายไปพักตามห้องพักที่จัดไว้ให้เพื่อนเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าบ่าวต่างก็ฉลองกันต่ออย่างสนุกสนานทิ้งท้ายงานฉลองแต่งงานอย่างสุดเหวี่ยงสุพิตที่พกสามีและลูกมาด้วยนั้นขอกลับไปก่อน ส่วนฤดีที่เป็นทั้งออแกไนเซอร์และเพื่อนเจ้าสาวไม่ได้ดื่มเหล้าและจะอยู่ดูแลงานจนถึงนาทีสุดท้าย“ฉันต้องกลับแล้วนะ เมามากแล้ว” รตีบอกเอมอรแล้วเข้าไปสวมกอดพร้อมกับอวยพรอีกรอบ“กลับไหวไหม ไม่ไหวนอนพักที่นี่สิ ฉันว่าต้องมีสักห้องแหละที่ว่างต้อนรับแก” เอมอรพูดแล้วปรายตาไปยังเพื่อนเจ้าบ่าวในชุดสูทสีฟ้าสามคนที่จ้องมองมาทางรตีด้วยสายตาที่มีความหวังพวกเขาเห็นรตีหันมามองก็รีบลุกขึ้นต่างอาสาจะพาเธอไปส่งกันทั้งนั้น“งั้นฉันขอตัวล่ะ มีความสุขมากๆ นะเอม คุณซัน” รตีอวยพรอีกครั้งแล้วเดินออกไปหาสามหนุ่มก่อนจะเดินเข้ามาพูดกับเธอต่อหน้าเจ้าบ่าวและแขกคนอื่นที่ยังนั่งดื่มต่อทั้งสี่คนเดินออกไปนอกห้องจัดงาน แล้วสามหนุ่มก็เริ่มแย่งเพื่อนเจ้าสาวกันทันที“คืนนี้น่านไปนอนกับธาร ฉันจะนอนอีกห้องกับคุณรตี” ภูผาบอ
วันต่อมาภูผาและน่านฟ้าก็ตามมาถึง น่านฟ้าถึงกับอดหมั่นไส้น้องชายไม่ได้ที่อีกฝ่ายโทรไปอวดว่าได้สนุกกับรตีก่อนตนซึ่งเป็นพี่“เด็ดอยู่บ้อธาร” ภูผาถามน้องชาย“เด็ดหลายครับอ้าย ขึ้นขี่ผมเด้งหน้าเด้งหลัง มีแฮงหลาย เอากันจนขาหล่อยเบิ่ด” ธารบอกแล้วยิ้มร่าอย่างพอใจ“อ้ายภูกับบักธารได้ไปแล้ว ต่อไปตาข้อยเด้อ” เขาบอกพี่ชายน้องชายด้วยภาษาบ้านเกิด จากนั้นก็เดินไปหารตีที่กำลังวุ่นกับการต้อนรับญาติๆ เข้าห้องพักตามหน้าที่ที่เธอรับอาสา“เหลืออีกเยอะไหมครับ ให้ผมช่วยไหม”“เหลือพ่อแม่เจ้าบ่าวน่าจะมาถึงช่วงเย็นค่ะ เห็นว่าแวะรับญาติคนอื่นมาด้วย”“ลุงกับป้าผมแก่แล้วครับ เมารถง่ายคนขับเลยต้องมาช้าๆ หน่อย” เขาบอกเธอแล้วมองด้วยสายตาที่มีความหวัง“เอ่อ...รอเสร็จงานพรุ่งนี้ก่อนไหมคะ” เธอบอกเขาอย่างรู้เท่าทันความคิด“ไม่ไหวหรอกครับ คนอื่นได้ไปหมดแล้วแต่ผมยังไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้วันนี้พรุ่งนี้ผมคงไม่สดชื่นแน่” เขาพูดแล้วทำตาปริบๆ อย่างอ้อนวอน“ก็ได้ค่ะ” เธอรับปากแล้วยิ้มอย่างชอบใจ หนุ่มๆ พวกนี้ท่าทางจะขาดของหนัก แต่ละคนมาถึงก็อยากมีแฮงกับเธอเหลือเกิน สงสัยว่าถ้าไม่ได้ก็คงจะรบเร้าไม่หยุดเขาพาเธอไปยังห้องพักของตนแล้วย
อีกสองวันก็จะถึงงานแต่งงานของเอมอรและซันแล้ว เพื่อนเจ้าสาวล่ารักอย่างรตีจึงต้องช่วยเพื่อนเตรียมงานเช่นเดียวกับเพื่อนเจ้าสาวอีกสองคนสุพิตช่วยดูแลเรื่องช่างแต่งหน้าที่จะมาแต่งหน้าให้ในงาน ส่วนฤดีที่เป็นออแกไนเซอร์อยู่แล้วก็ทำงานตามหน้าที่ของตนโดยมีทีมงานคุณภาพคอยช่วยเหลือรตีช่วยตรวจสอบความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานซึ่งใช้โรงแรมเป็นที่จัดงานและประสานงานห้องพักของญาติเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ใช้พักในช่วงจัดงาน รวมไปถึงห้องที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวใช้แต่งตัวซึ่งเหมาเช่าชั้นห้าทั้งชั้นเอาไว้ในงานนี้“สวัสดีครับคุณรตี” ธารที่มาถึงโรงแรมก่อนคนแรกทักทายเธอด้วยน้ำเสียงที่สดใส“มาไวจังเลยค่ะ โรงแรมจะเปิดให้พักในวันพรุ่งนี้ก่อนวันงานหนึ่งวันนะคะ” เธอบอกเขาเมื่อเห็นอีกฝ่ายที่ล็อบบี้“ผมเปิดห้องที่ชั้นเจ็ดไว้แล้วครับ พรุ่งนี้ค่อยย้ายมาชั้นห้า” เขาพูดแล้วยิ้มให้เธอพร้อมกับรอยยิ้มที่มีความหมาย“แล้วนี่เราเจอกันโดยบังเอิญหรือว่ารู้อยู่แล้วคะว่ารตีอยู่ที่นี่” เธอกอดอกถามเขา เข้าใจความหมายในแววตานั้นดี“ผมมาล่วงหน้าก่อนหนึ่งวันเพื่อมาหาคุณรตีโดยเฉพาะครับ โทรถามคุณเอมแล้วเธอบอกว่าคุณมาที่นี่ผมเลยมาพักที่นี่” เขาพูดแล