คเชนทร์ขับรถไปส่งบงกชที่บ้าน ระหว่างทางเธอปฏิเสธการรับผิดชอบจากเขาเพราะไม่อยากอับอายชาวบ้านที่ตนเองชิงสุกก่อนห่าม
ก่อนที่จะเดินทางไปยังบ้านยายแก้วที่บงกชชี้ให้ดู ชายหนุ่มกลับไปที่สระบัวงามอีกครั้ง แล้วใช้ถุงพลาสติกสวมมืออย่างระมัดระวังตักน้ำใสสระบรรจุใส่ขวดแก้วเตรียมจะไปส่งตรวจที่ศูนย์วิจัยที่เพื่อนของตนทำงานอยู่
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อคำพูดของบงกช หรือลบหลู่ทั้งๆ ที่เจอมากับตัวแล้ว แต่เพราะอยากได้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในการอ้างอิงสิ่งที่เขาจะใส่ในสารคดี
รถของชายหนุ่มมาจอดที่บ้านของยายแก้ว หญิงวัยหกสิบสองที่ยังดูแข็งแรงอยู่ จากนั้นหญิงสาววัยใกล้เคียงกับบงกชก็ออกมาต้อนรับเขาด้วยอาหารมื้อเย็นพร้อมกับผลไม้ที่แกะไว้ให้พร้อมรับประทาน
“ฉันชื่อเกล้านะจ๊ะคุณ นี่เป็นรายละเอียดของโฮมสเตย์แห่งนี้ค่ะ” เธอแนะนำตัวด้วยท่าทางที่สดใส จากนั้นก็นำใบรายการราคาและกฎระเบียบการพักให้แก่เขาอ่าน
“ครับ ผมคเชนทร์นะครับ เรียกว่าช้างก็ได้” เขาพูดอย่างเป็นกันเอง แม้รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยกับท่าทางอ่อยนิดๆ ของอีกฝ่ายแต่ก็ต้องเป็นผู้พักอาศัยตามมารยาท
“ห้องนอนคุณช้างอยู่ชั้นสองด้านซ้ายมือนะคะ ห้องน้ำถ้าชอบแบบบรรยากาศชนบทก็อาบด้านนอกได้ หากชอบความสะดวกสบายก็อาบด้านในนะคะ” เธออธิบายด้วยน้ำเสียงหวานหยด
“เกล้าชอบนุ่งผ้าซิ่นอาบข้างนอก ถ้าชอบก็ยืนไปอาบด้วยกันนะคะ” เธอทิ้งท้ายด้วยปลายเสียงที่กระเส่าอย่างเชิญชวน ก้มลงเล็กน้อยให้เห็นเนินอกที่ดันคอเสื้อออกมา
“นังเกล้า เก็บปากเก็บนมเข้าห้องไป แรดนักเชียว” ยายแก้วร้องด่าหลานสาวที่อยากได้ผัวเมืองกรุงเพราะอยากสุขสบาย ทำให้หญิงสาวเดินลงส้นเท้าเข้าห้องด้วยความไม่พอใจ
คเชนทร์โล่งใจที่เธอเข้าห้องไปเสียที คนอย่างเกล้าไม่ต้องดีดน้ำราคะจากสระบัวเธอก็ร่านสวาทและพร้อมจะกระโจนใส่ผู้ชายได้อยู่ตลอดเวลา
‘เห็นทีเราต้องระวังตัวกว่านี้แล้ว’ เขาบอกตัวเองเมื่อเห็นพฤติกรรมของหลานสาวเจ้าของที่พัก และคิดว่าพรุ่งนี้จะให้บงกชพาเที่ยวชมหมู่บ้านดีกว่า
“ยายต้องขอโทษนะพ่อหนุ่ม นังเกล้ามันก็เป็นแบบนี้แต่ไม่มีพิษมีภัยกับใครหรอก” ยายแก้วบอกเมื่อเห็นเขามีท่าทางกังวลกับหลานสาว
“ครับ เอ่อ พรุ่งนี้ผมจ้างคนอื่นพาชมหมู่บ้านกับสระบัวงาม ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ” เขาถามตามมารยาทเพราะกลัวว่าชาวบ้านจะขัดผลประโยชน์กันในภายหลัง
“ไม่เป็นไรเลย ดีเสียอีกเพราะนังเกล้ามันไม่รู้เรื่องอะไรหรอก จะได้กระจายรายได้ไปบ้านอื่นด้วย” ยายแก้วบอกด้วยรอยยิ้มที่ยินดีทำให้เขาโล่งใจ
ในตอนหัวค่ำหลังจากรีบอาบน้ำเสร็จแล้วคเชนทร์ก็กักตัวอยู่ในห้องเพราะไม่อยากเจอเกล้า หญิงสาวผู้พร้อมจะกระโจนใส่ตน
เขานั่งพิมพ์ประวัติสระบัวงามคร่าวๆ ตามที่บงกชเล่า แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นความจริงที่น่าเหลือเชื่อ และใช้คำพูดที่ระมัดระวังไม่ให้ลบหลู่ความเชื่อของคนในหมู่บ้านและสิ่งที่เขาประสบมากับตนเอง
สักพักก็หยิบขวดน้ำที่กรอกใส่ขวดแก้วขึ้นมาดู รู้สึกขนลุกเกรียวอย่างบอกไม่ถูกกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้นแล้วทำหลุดมือลงไปที่พื้นไม้ที่มีรอยแยก
“บ้าจริง” เขาสบถแล้วหยิบถุงพลาสติกใกล้มือมาหยิบขวดแก้วที่หกขึ้นมา ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่มันหกออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จากนั้นเขาก็รีบปิดฝาให้แน่นสนิทแล้วรีบเข้านอนโดยไม่รู้เลย ว่าหยดน้ำเพียงไม่กี่หยดที่หล่นลงไปยังชั้นล่างจะหยดโดนเกล้า ที่กำลังหาวิธีหว่านเสน่ห์ให้เขาเพื่อหวังจะไปสุขสบายที่เมืองกรุง
หญิงสาวนุ่งผ้าถุงจะออกไปอาบน้ำเพื่อยั่วยวนให้เขาแอบมองเธอ พอเดินไปถึงก็รู้สึกร้อนรุ่มอย่างประหลาด ตักน้ำอาบไปครึ่งตุ่มก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหายจากอาการที่แสนประหลาดนี้
“นังเกล้านี่มันหุ่นดีจริงๆ” หนุ่มขี้เมาข้างบ้านพูดขณะที่นั่งมองเธออาบน้ำอย่างเพลินตา
เกล้าหันไปตามเสียงแล้วเห็นเขาเข้า ปกติทั้งด่าทั้งสาดน้ำใส่ คราวนี้เธอกลับรู้สึกพิศวาสอีกฝ่ายอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“พี่เอก อยากเอาเกล้าไหมจ๊ะ เข้ามาสิ เกล้าอยากโดนเอา” เธอเรียกเขาอย่างเชิญชวน
เขารีบข้ามพุ่มไม้หลังบ้านตนข้ามไปเขตบ้านของอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้า เกล้าถอดกางเกงเขาออกไปแล้วจับท่อนเอ็นลำเขื่องขึ้นมาดูดเลียมันอย่างกระหาย
ริมฝีปากอวบอิ่มทั้งอมทั้งดูดปลายหัวมนอย่างสุดความสามารถ กลิ่นคาวติดจมูกและกลิ่นเหล้าขาวกระตุ้นให้เธอยิ่งเกิดความปรารถนา
หญิงสาวเลียรอบปลายหัวหยัก ไล้ลิ้นเลียไปตามเส้นเลือดที่ขดตัวแน่นที่ท่อนเนื้ออุ่น สลับกับดูดเม้มที่ปลายหัวอย่างคนที่เจนรัก
“ซี๊ด อ๊าส์ เกล้าจ๋า ซี๊ด” เขาสูดปากครางออกมาอย่างพอใจ โยกสะโพกเข้าไปในลำคอของเธออย่างกลัดมัน
เอกพาเธอลุกไปยืนกระแทกที่ขอบตุ่มใส่น้ำ ให้เธอเอามือเกาะค้ำที่ขอบตุ่มแล้วกดท่อนเอ็นสอดใส่เข้าไปจากทางด้านหลัง
มือหยาบหน้าเกาะกุมที่สองเต้าแล้วบีบเคล้นอย่างเมามัน ริมฝีปากร้อนและมีกลิ่นแอลกอฮอล์จูบไซ้ที่ซอกคอด้านหลังในขณะที่สะโพกกระแทกเธออย่างไม่บันยะบันยัง ทำให้เกล้าเสียวจนขาสั่นพั่บๆ ตามแรงกระแทกที่ถาดถมเข้ามา
“หอยเอ็งตอดดีเหลือเกินนังเกล้า อ๊าส์” หนุ่มข้างบ้านขี้เหล้ากัดฟันกระแทกอย่างไม่ปรานี
“อ๊าส์ เสียว ซี๊ด พี่เอกจ๋า ถ้าเอามันขนาดนี้ฉันให้พี่เอานานแล้ว โอ๊ย เสียวเหลือเกิน จะแตกแล้ว”
“รอก่อนนังเกล้า อ๊าส์ เวลาเมาข้าจะอึดเป็นพิเศษ ซี๊ด” เขาพูดเสียงพร่า ขณะที่กระแทกหนักๆ เน้นๆ อย่างเต็มแรง
“อ๊าส์ ไม่ไหวแล้ว อ๊าส์” เธอร้องเสียงหลงเมื่อถูกดุ้นยาวใหญ่และขรุขระไปด้วยเส้นเลือดทะลวงเข้ามาจนทั้งจุกทั้งเสียว
“เอ็งเอามันมากเลยเกล้า มาเป็นเมียข้าเถอะ”
“จ้ะพี่เอก ฉันจะเป็นเมียพี่เอก อ๊าส์ แรงอีกสิจ๊ะผัวจ๋า เมียเสียวจะแตกแล้ว” เธอครวญครางรับแรงกระแทกนั้น
มือที่เกาะขอบตุ่มเกร็งสั่นแทบค้ำต่อไม่ไหว พอๆ กับขาที่สั่นเทาเพราะแรงกระแทกที่โถมเข้ามา
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊าส์” หญิงสาวครางเสียงดัง หวีดร้องเสียงหลงแล้วตัวอ่อนลงไป
เพื่อนบ้านขี้เมายกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ กอดประคองร่างเธอให้ยืนเอาไว้แล้วกระแทกลงไปหนักๆ อยู่หลายหนเพื่อเร่งเร้าให้ตนถึงจุดหมาย
ท่อนอวบขรุขระถูกถอนออกจากร่องสวาทที่ฉ่ำน้ำ จากนั้นก็ดึงเธอให้หันหน้ามาจูบแลกลิ้นก่อนจะกดให้หญิงสาวย่อตัวลงไป
“ซี๊ด ข้ารอวันนี้มานานแล้ว เกล้าเอ๊ย”
เขาพูดแล้วสาดพ่นน้ำขาวขุ่นใส่หน้าของหญิงสาวจนหมดทุกหยด
ยายแก้วที่ได้ยินเสียงคนเอากันก็รีบออกมาดูเพราะคิดว่าหลานสาวถูกหนุ่มเมืองกรุงเผด็จศึกเสียแล้ว แต่พอเห็นว่าเป็นไอ้หนุ่มขี้เมาข้างบ้านก็แทบลมจับ
“ไอ้เอก อีเกล้า พวกเอ็งมาทำบัดสีบัดเถลิงอะไรหลังบ้านข้า โอ๊ย! จะเป็นลม” ยายแก้วเอามือทาบอกกับภาพตรงหน้า
เกล้าได้สติร้องไห้โวยวายออกมาแล้วรีบดึงผ้าถุงขึ้นมาปิดบังร่างกาย ตักน้ำล้างคราบน้ำคาวอย่างรังเกียจท่ามกลางรอยยิ้มของเอกที่สมหวังแล้ว
“มันเรียกฉันมาเอาเองนะยาย แต่ไม่ต้องห่วงไอ้เอกพร้อมผูกข้อมือแต่งงานกับนังเกล้าเสมอ”
ยายแก้วถอนหายใจ อย่างน้อยหลานสาวก็ไม่หนีตามผู้ชายไปที่อื่น ได้แต่งงานกับคนแถวบ้านแบบนี้ก็ดีไปอีกอย่าง
เกล้าทรุดตัวนั่งร้องไห้ที่ต้องจมปลักอยู่กับหมู่บ้านชนบทแบบนี้
ความฝันจะไปเป็นคุณนายเชิดหน้าในเมืองกรุงต้องจบลงเพราะตัณหาของตนเองที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และควบคุมตัวเองไม่ได้เลยสักนิด
---------------------
ในตอนสายบงกชเดินออกมาหน้าบ้านก็พบว่าคเชนทร์นั่งคุยกับบิดาของเธออยู่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม“บงกชมาพอดี เมื่อคืนบ้านยายแก้วเกิดเรื่องเลยให้คุณเขามานอนที่บ้านเรา เอ็งไปเตรียมห้องรับแขกให้ที” ผู้ใหญ่บ้านบอกลูกสาวแล้วยิ้มอย่างพอใจบงกชมองดูเหล้ายี่ห้อต่างประเทศในมือของบิดาก็พอรู้แล้วว่าถูกคเชนทร์ซื้อตัวไปเสียแล้ว“จ้ะพ่อ” เธอตอบรับแล้วขึ้นไปทำความสะอาดและจัดห้องนอนให้เขาผู้ใหญ่มองตามสายตาของคเชนทร์ก็พอรู้ว่าชื่นชอบลูกสาวของตน แต่ชายหนุ่มจากเมืองกรุงแบบนี้ไม่รู้จะไว้ใจได้ขนาดไหน“ลูกสาวข้าไม่ใช่ของเล่นให้ใครมาเล่นทิ้งๆ ขว้างๆ หรอกนะพ่อหนุ่ม” เขาพูดลอยๆ ขึ้นมา“ผมก็ไม่ได้คิดจะเล่นครับ” พูดจบเขาก็เปิดกระเป๋าล้วงนามบัตรให้แก่ผู้ใหญ่“พ่อแม่ผมเปิดร้านขายอาหารครับ ส่วนผมทำงานกับสำนักพิมพ์รับผิดชอบคอลัมน์สารคดีท่องเที่ยวแนวประวัติท้องถิ่น ฐานะปานกลาง ไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้าแต่ก็ไม่มีหนี้สินใดๆ หากบงกชยอมเปิดใจให้ผม ผมจะให้พ่อแม่มาสู่ขอและพาไปอยู่ที่บ้านด้วย” เขาพูดออกมาตามตรงก่อนหน้านี้ไม่ได้รักแต่ก็ยอมรับว่ารู้สึกดีด้วยมาก และความเป็นสุภาพบุรุษก็ทำให้เขาทอดทิ้งเธอไม่ได้“บ๊ะ! ไอ้นี่มันเข้าท่าเว้ย เอ
ครบสัปดาห์แล้วที่คเชนทร์ไปจากหมู่บ้านสระบัวงามแล้วยังไม่ได้ติดต่อกลับมา บงกชรู้สึกร้อนใจและเศร้ากับคำสัญญาที่เลือนรางของตนผู้ใหญ่และภรรยามองบุตรสาวของตนเองที่ซึมลงมาในหลายวันมานี้ สงสัยว่าหนุ่มจากเมืองกรุงจะคว้าหัวใจอีกฝ่ายไปได้สำเร็จเสียแล้วแต่ยังไม่ทันที่จะคิดเกินเลยว่าถูกเขาทอดทิ้ง รถคันคุ้นตาก็วิ่งมาจอดที่หน้าบ้านพร้อมกับคเชนทร์และพ่อแม่ของเขาที่ลงมาจากรถเขากลับไปเพื่อเอาน้ำในขวดไปตรวจในช่วงที่ยังมีฤทธิ์อยู่ ตรวจพบสารอะไรบางอย่างที่ไม่เคยมีใครค้นพบ พบจะตรวจซ้ำก็เหมือนว่าสารนั้นจะหายไปเพราะเลยกำหนดเจ็ดวันแล้ว“ผมกลับมาตามสัญญาแล้วนะครับ” เขาบอกพ่อผู้ใหญ่แต่สายตานั้นสบตาหวานเชื่อมกับบงกชไม่หยุดช่วงเวลาที่ห่างเธอไปไม่คิดว่าเขาจะคิดถึงเธอและรู้หัวใจตัวเองว่ารักหญิงสาวอ่อนหวานที่ร่านรักคนนี้เสียแล้ว“พี่ผู้ใหญ่คงต้องผูกแขนให้เข้าหอตามสัญญาแล้วล่ะจ้ะ” ผู้เป็นภรรยาพูดแล้วปิดปากอมยิ้มกับใบหน้าเคร่งเครียดของสามี“พวกเราเตรียมสินสอดมาพร้อมแล้วนะคะ วันนี้ก็ดูฤกษ์ยามมาแล้ว แต่งวันนี้เลยก็ได้ พานบายศรีก็พร้อมแล้วจ้ะ” มารดาของคเชนทร์พูดเสียงนุ่มจากนั้นรถกระบะก็ขับเข้ามาจอดแล้วยกหม้อข้าวหม้
งานแต่งงานที่กำลังจะมาถึงของเพื่อนคนที่สามในกลุ่ม ทำให้ ‘รตี’ สมาชิกคนที่สี่กลายเป็นคนสุดท้ายในกลุ่มที่ยังโสดอยู่“พวกแกต้องมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ฉัน โดยเฉพาะแก...รตี งานนี้ฉันตั้งใจจะโยนช่อดอกไม้เจ้าสาวให้แก” เอมอรซึ่งเป็นว่าที่เจ้าสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแล้วยิ้มให้เพื่อนรักคนเดียวที่ยังโสดอยู่“ยังไงรตีมันก็ไปแน่ งานแต่งฉันก็ฟาดเพื่อนเจ้าบ่าวไปสองคน งานแกมีเหรอว่ามันจะพลาด” สุพิตพูดขึ้นแล้วพยักหน้าให้แก่ฤดีอย่างรู้ทัน เพราะรตีเป็นแม่เสือสาวนักล่าเพื่อนเจ้าบ่าว“พอเลย พวกแก แต่งงานหนีฉันไปก่อนแบบนี้ไม่ให้เหงาไปเอากับเพื่อนเจ้าบ่าวหล่อได้ยังไง” สาวโสดคนสุดท้ายพูดแล้วกอดอกทำหน้างอง้ำ เพราะทุกคนบอกจะโสดไปด้วยกันจนอายุสามสิบแต่กลับทยอยแต่งงานกันไปจนหมด“โอเค งั้นงานนี้ฉันยกเพื่อนเจ้าบ่าวให้แก่หมดเลยสามคน ญาติของเจ้าบ่าวฉันมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ งานนี้แกอิ่มแบบจุกๆ แน่” เอมอรบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยจริตที่เย้าแหย่“แล้วนี่ทำไมแต่งกะทันหันจัง เดือนหน้าเนี่ยนะ” ฤดีหันไปถามว่าที่เจ้าสาว แล้วมองดูการ์ดเชิญที่เพื่อนรักนำมาให้“เจ้าบ่าวฉันเป็นเศรษฐีบ้านนอกน่ะ เขาต้องแต่งงานตามคำทำนายอ
ชายหนุ่มวัยสามสิบหกลุกนั่งที่ปลายเตียง สายตาคมกริบมองดูรตีที่เดินนวยนาดออกมาจากห้องน้ำด้วยแววตาที่หื่นกระหายเธอลดตัวนั่งคุกเข่าแล้วให้เธอใช้รูดท่อนเอ็นนั้นขึ้นลง ใช้ปลายลิ้นแตะเลียไปรอบๆ ปลายลำแล้วอมมันเข้าไปอย่างดูดดื่มมือหนาขยุ้มกลุ่มผมนุ่มของเธอแล้วกดโยกเข้าหาท่อนเอ็นให้เข้าไปลึกในโพรงปาก หญิงสาวจับท่อนลำเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาดันเข้าไปลึกกว่านี้เพราะโก่งคอรับความยาวนั้นไม่ไหว“อ๊าส์ ดีมาก อ๊าส์ ซี๊ด มีแฮงคัก อ๊าส์” เขาครางอย่างชอบใจ กัดฟันแล้วสูดปากครางออกมาเสียงหลงภาษาถิ่นจากริมฝีปากของหนุ่มหล่อทำให้หญิงสาวยิ่งเกิดความปรารถนา เธอคายท่อนเนื้อนั้นออกแล้วขึ้นไปนั่งตักเขาแล้วเริ่มขย่มให้แก่เขาในท่านั่งหันหลังให้ภูผาจูบแผ่นหลังของเธอแล้วสูดกลิ่นหอมจากน้ำหอมราคาแพง มือทั้งสองขยำเต้าอวบที่ด้านหน้าใช้นิ้วขยี้เม็ดยอดอกไปด้วยอย่างมันเขี้ยวรตีขย่มลงไปด้วยลีลาที่ยั่วยวนและเร่าร้อน ครางกระเส่าอย่างออกรสคลอไปกับเสียงเนื้อที่เสียดสีกันดังสวบๆ ตามจังหวะที่เธอบดกลีบสวาทเสียดสีกับท่อนเนื้ออุ่นที่อวบยาวนั้น“คุณรตีขย่มเก่งมากเลยครับ ผมไม่เคยเจอใครขย่มเก่งเท่านี้มาก่อน” ภูผาออกปากชมเธอไม่หยุด ชื่น
อีกสองวันก็จะถึงงานแต่งงานของเอมอรและซันแล้ว เพื่อนเจ้าสาวล่ารักอย่างรตีจึงต้องช่วยเพื่อนเตรียมงานเช่นเดียวกับเพื่อนเจ้าสาวอีกสองคนสุพิตช่วยดูแลเรื่องช่างแต่งหน้าที่จะมาแต่งหน้าให้ในงาน ส่วนฤดีที่เป็นออแกไนเซอร์อยู่แล้วก็ทำงานตามหน้าที่ของตนโดยมีทีมงานคุณภาพคอยช่วยเหลือรตีช่วยตรวจสอบความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานซึ่งใช้โรงแรมเป็นที่จัดงานและประสานงานห้องพักของญาติเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ใช้พักในช่วงจัดงาน รวมไปถึงห้องที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวใช้แต่งตัวซึ่งเหมาเช่าชั้นห้าทั้งชั้นเอาไว้ในงานนี้“สวัสดีครับคุณรตี” ธารที่มาถึงโรงแรมก่อนคนแรกทักทายเธอด้วยน้ำเสียงที่สดใส“มาไวจังเลยค่ะ โรงแรมจะเปิดให้พักในวันพรุ่งนี้ก่อนวันงานหนึ่งวันนะคะ” เธอบอกเขาเมื่อเห็นอีกฝ่ายที่ล็อบบี้“ผมเปิดห้องที่ชั้นเจ็ดไว้แล้วครับ พรุ่งนี้ค่อยย้ายมาชั้นห้า” เขาพูดแล้วยิ้มให้เธอพร้อมกับรอยยิ้มที่มีความหมาย“แล้วนี่เราเจอกันโดยบังเอิญหรือว่ารู้อยู่แล้วคะว่ารตีอยู่ที่นี่” เธอกอดอกถามเขา เข้าใจความหมายในแววตานั้นดี“ผมมาล่วงหน้าก่อนหนึ่งวันเพื่อมาหาคุณรตีโดยเฉพาะครับ โทรถามคุณเอมแล้วเธอบอกว่าคุณมาที่นี่ผมเลยมาพักที่นี่” เขาพูดแล
วันต่อมาภูผาและน่านฟ้าก็ตามมาถึง น่านฟ้าถึงกับอดหมั่นไส้น้องชายไม่ได้ที่อีกฝ่ายโทรไปอวดว่าได้สนุกกับรตีก่อนตนซึ่งเป็นพี่“เด็ดอยู่บ้อธาร” ภูผาถามน้องชาย“เด็ดหลายครับอ้าย ขึ้นขี่ผมเด้งหน้าเด้งหลัง มีแฮงหลาย เอากันจนขาหล่อยเบิ่ด” ธารบอกแล้วยิ้มร่าอย่างพอใจ“อ้ายภูกับบักธารได้ไปแล้ว ต่อไปตาข้อยเด้อ” เขาบอกพี่ชายน้องชายด้วยภาษาบ้านเกิด จากนั้นก็เดินไปหารตีที่กำลังวุ่นกับการต้อนรับญาติๆ เข้าห้องพักตามหน้าที่ที่เธอรับอาสา“เหลืออีกเยอะไหมครับ ให้ผมช่วยไหม”“เหลือพ่อแม่เจ้าบ่าวน่าจะมาถึงช่วงเย็นค่ะ เห็นว่าแวะรับญาติคนอื่นมาด้วย”“ลุงกับป้าผมแก่แล้วครับ เมารถง่ายคนขับเลยต้องมาช้าๆ หน่อย” เขาบอกเธอแล้วมองด้วยสายตาที่มีความหวัง“เอ่อ...รอเสร็จงานพรุ่งนี้ก่อนไหมคะ” เธอบอกเขาอย่างรู้เท่าทันความคิด“ไม่ไหวหรอกครับ คนอื่นได้ไปหมดแล้วแต่ผมยังไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้วันนี้พรุ่งนี้ผมคงไม่สดชื่นแน่” เขาพูดแล้วทำตาปริบๆ อย่างอ้อนวอน“ก็ได้ค่ะ” เธอรับปากแล้วยิ้มอย่างชอบใจ หนุ่มๆ พวกนี้ท่าทางจะขาดของหนัก แต่ละคนมาถึงก็อยากมีแฮงกับเธอเหลือเกิน สงสัยว่าถ้าไม่ได้ก็คงจะรบเร้าไม่หยุดเขาพาเธอไปยังห้องพักของตนแล้วย
งานแต่งงานของเอมอรและซันได้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น งานฉลองแต่งงานก็เต็มไปด้วยความสนุกสนานของหนุ่มสาวในขณะที่ญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายเจ้าบ่าวแยกย้ายไปพักตามห้องพักที่จัดไว้ให้เพื่อนเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าบ่าวต่างก็ฉลองกันต่ออย่างสนุกสนานทิ้งท้ายงานฉลองแต่งงานอย่างสุดเหวี่ยงสุพิตที่พกสามีและลูกมาด้วยนั้นขอกลับไปก่อน ส่วนฤดีที่เป็นทั้งออแกไนเซอร์และเพื่อนเจ้าสาวไม่ได้ดื่มเหล้าและจะอยู่ดูแลงานจนถึงนาทีสุดท้าย“ฉันต้องกลับแล้วนะ เมามากแล้ว” รตีบอกเอมอรแล้วเข้าไปสวมกอดพร้อมกับอวยพรอีกรอบ“กลับไหวไหม ไม่ไหวนอนพักที่นี่สิ ฉันว่าต้องมีสักห้องแหละที่ว่างต้อนรับแก” เอมอรพูดแล้วปรายตาไปยังเพื่อนเจ้าบ่าวในชุดสูทสีฟ้าสามคนที่จ้องมองมาทางรตีด้วยสายตาที่มีความหวังพวกเขาเห็นรตีหันมามองก็รีบลุกขึ้นต่างอาสาจะพาเธอไปส่งกันทั้งนั้น“งั้นฉันขอตัวล่ะ มีความสุขมากๆ นะเอม คุณซัน” รตีอวยพรอีกครั้งแล้วเดินออกไปหาสามหนุ่มก่อนจะเดินเข้ามาพูดกับเธอต่อหน้าเจ้าบ่าวและแขกคนอื่นที่ยังนั่งดื่มต่อทั้งสี่คนเดินออกไปนอกห้องจัดงาน แล้วสามหนุ่มก็เริ่มแย่งเพื่อนเจ้าสาวกันทันที“คืนนี้น่านไปนอนกับธาร ฉันจะนอนอีกห้องกับคุณรตี” ภูผาบอ
แววตาของเพื่อนสาวที่มองด้วยความอ้อนวอนทำให้ฉันเริ่มใจอ่อนแต่ก็ยังลังเลกับคำชวนที่แสนห่ามนั้น“นะ นะ ดิว ไปเที่ยวบาร์โฮสเป็นเพื่อนฉันหน่อย ฉันจะออกเงินให้เธอเลย นะ นะ ได้โปรด” มิวยังคงอ้อนวอนไม่หยุด“ไม่เอาล่ะ ไม่เคยไป เราไปนั่งดื่มที่บาร์หาผู้ชายมาวันไนท์สแตนด์ด้วยจะไม่ดีกว่าเหรอ” ฉันลองออกความเห็นเสนออีกทางเลือกให้กับเพื่อนรัก“มันจะไปสนุกอะไรล่ะ อีกอย่างผู้ชายพวกนั้นน่ะก็หน้าเดิมๆ ไม่รู้ว่าจะวนเวียนมาเจอกันอีกตอนไหน หรือว่าจะเป็นคนใกล้ตัวของเราหรือเปล่า สู้ไปหาเด็กบาร์โฮสหล่อๆ เอาใจเก่งมาปรนนิบัติเราจะไม่ดีกว่าเหรอ” มิวยังคงพูดโน้มน้าวให้ฉันไปด้วยให้ได้ ท่าทางจะปฏิเสธยากเสียแล้วงานนี้“ไปก็ไป แต่ว่าฉันแค่ไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนนะ ไม่เอาผู้ชายพวกนั้นมานั่งคลอเคลีย ไม่ชินกับการถูกเอาใจ”“อย่าพึ่งพูดออกตัวไป ถ้าแกติดใจแล้วจะอายปากตัวเองนะจ๊ะ” มิวยิ้มแฉ่งแล้วส่งโลเคชั่นมาให้ฉัน“ร้านแท่งทอง69” ฉันอ่านชื่อร้านแล้วสยิวท้องน้อยตั้งแต่ยังไม่ไป แค่ชื่อร้านก็เสียวไส้แล้ว“แกจะไปเที่ยวเฉยๆ หรือว่าคิดจะพาออกมาด้วย” ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่สงสัยทั้งๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็อยากฟังจากปากเธอชัดๆ“ไปขนา
วิไลพิลาศลักษณ์นั่งต่อหน้าฉันพร้อมกับแฟ้มเอกสารสมัครงานตำแหน่งวิศวกรที่มีคนเคยมาสมัครเอาไว้“คนมาสมัครก็เยอะนี่ ทำไมตำแหน่งนี้ยังว่าง” ฉันถามลูกน้องสาววัยไล่ๆ กับฉันด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ“คนที่มาสมัครแต่ละคนไม่มีประสบการณ์ทำงานเลยค่ะ บางคนก็พึ่งจบใหม่แต่ระบุเงินเดือนเหมือนตัวเองทำงานมาสิบปี แบบนี้ก็ไม่ไหว” เธออธิบายให้ฉันฟัง เหตุผลมันก็พอได้แต่ว่าฉันรู้สึกไม่เข้าหู“จบใหม่แล้วไง เราก็มีฝ่ายบุคคลไว้ทำไม การฝึกอบรมพนักงาน จัดอบรมความรู้และทักษะงานมันหน้าที่ฝ่ายเธอไม่ใช่เหรอ แล้วถ้าไม่ให้เขาลองทำงานดูจะมีประสบการณ์ได้ยังไง” ฉันพูดเสียงเรียบแล้วค้นใบสมัครงานจนเจอใบสมัครของปอนฉันเลือกใบสมัครมาห้าคนแล้วยื่นให้เธอ “โทรนัดสัมภาษณ์ ฉันจะสัมภาษณ์พวกเขามาทำงานเอง”“ค่ะบอส” เธอรับปากแล้วรีบเดินออกไปด้วยสีหน้าที่ดูไม่พอใจเหมือนตัวเองถูกฉันก้าวก่ายการคัดเลือกใบสมัครฉันนั่งยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นก็รับสายจากนักสืบเอกชนที่ฉันจ้างให้ไปสืบประวัติเขา คนที่ฉันสนใจทุ่มแค่ไหนก็ไม่หวั่นจะว่าไปแล้วตอนแรกฉันไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ แต่หลังๆ มานี่หลงจนโงหัวไม่ขึ้นทั้งๆ ที่ตัวเองก็พยายามยับยั้งใจเอาไว้แล้ว“ว่าไง” ฉ
ปอนแต่งตัวในชุดธรรมดาแล้วไม่ได้เซ็ทผมอย่างตอนที่อยู่ในบาร์โฮส เขาดูหล่อและหน้าเด็กลงมากจนฉันรู้สึกเขินตัวเองในวัยสามสิบแปดปีเขาไม่อายเลยที่จะเดินจับมือฉันเดินในห้างสรรพสินค้าแบบนี้“ทำไมถึงมาทำงานนี้ล่ะ” ฉันตัดสินใจถามเขา อยากรู้ว่าเขาจะเล่าเรื่องได้น่าสงสารและรันทดมากแค่ไหน เพราะส่วนใหญ่มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว“ผมอยากได้เงินมาใช้จ่ายอย่างสะดวกสบายครับ งานประจำที่ทำอยู่เงินเดือนหมื่นต้นๆ อยากได้อะไรก็ลำบาก”“อืม แล้วครอบครัวปอนล่ะ เขาไม่ช่วยเหลือเหรอ”“พ่อแม่ผมพวกท่านก็หย่าร้างแยกย้ายกันไปมีครอบครัวใหม่ครับ พ่อก็อยากได้ผมไปอยู่ด้วย แม่ก็อยากได้ผมไปอยู่ด้วย ผมไม่อยากเลือกให้อีกฝ่ายต้องน้อยใจเลยตัดสินใจไม่เลือกอยู่กับใคร พ่อกับแม่ส่งเงินมาให้ทุกเดือนผมก็เอาเงินพวกนั้นจ่ายค่าผ่อนคอนโดไป” เขาบอกเรื่องราวที่ผิดคาดไปมากฉันได้แต่อมยิ้ม ไม่คิดเลยว่าเขาจะเล่าเรื่องจริงออกมาแบบนี้ คิดว่าจะแต่งเรื่องให้ฉันต้องสงสารเขาเสียอีก“แล้วทำงานที่นั่นเป็นยังไงบ้าง” ฉันถามเขาต่อเพื่อหาเรื่องชวนคุย“ก็เรื่อยๆ ครับ ส่วนใหญ่จะนั่งชงเครื่องดื่มรับทิป จะมีแขกพาขึ้นห้องหรือออกไปข้างนอกบ้างก็นานๆ ทีครับ พี่
คืนนี้ฉันไปที่แท่งทอง69 ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเจอคนรู้จักซึ่งเธอเป็นคนที่เคยเป็นคู่แข่งงานประมูลโครงการก่อสร้างกับฉันเมื่อเดือนที่แล้วเจ๊หญิงวัยสามสิบแปดเท่ากับฉันเธอนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ แล้วยิ้มมองฉันด้วยรอยยิ้มที่เหยียดยิ้มนิดๆ คงคิดจะบอกเป็นนัยๆ ว่าจะแข่งกับฉันในการประมูลหนุ่มๆ ป้ายทองแน่ๆการเดินแบบโชว์ตัวของบาร์โฮสหนุ่มๆ ผ่านไป ฉันเลือกปอนมานั่งเอาใจฉันเช่นเดียวกับเธอที่เลือกหนุ่มโฮสคนหนึ่งมานั่งข้างกาย“ลูกค้าคนนั้นมาบ่อยไหม” ฉันถามปอนแล้วพยักพเยิดไปทางเจ๊หญิง“มาบ่อยครับ แต่ส่วนใหญ่จะมาวันธรรมดา มีครั้งนี้ที่มาวันเสาร์” ปอนตอบฉันแล้วรินเครื่องดื่มพร้อมกับช่วยป้อนฉันอย่างเอาใจสายตาของเราสองคนมองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แล้วเธอก็เหมือนจะท้าทายฉันโดยการชี้ไปยังตัวท็อปที่เต้นอยู่บนเวที“คืนนี้พี่จะประมูลหนุ่มโฮสบนเวทีแข่งกับเธอ” ฉันบอกปอนทำให้เขาลดยิ้มลงเล็กน้อย แต่ก็คงขัดฉันไม่ได้“อย่ากังวลไปหน่อยเลย คนที่จะขึ้นเตียงกับพี่ในคืนนี้ยังไงก็เป็นปอน” ฉันกระซิบบอกเขา เอาใจเด็กหนุ่มให้รู้ว่าฉันติดใจเขามากแค่ไหนหนุ่มโฮสหลักพันกับหลักหมื่นจะแตกต่างกันมากแค่ไหนเชียว ต่างก็แค่หน้าตาและราคาเท่าน
หลังจากวันนั้นฉันก็ถวิลหาแต่รสสวาทของหนุ่มโฮสไม่หยุด ก่อนที่เราจะจากกันฉันถามชื่อเขาเอาไว้แล้ว และนัดแนะว่าคืนวันเสาร์นี้ฉันจะไปที่ร้านและไปเจอเขาฉันโทรชวนมิวให้ไปด้วย แต่เพราะว่าเธอติดธุระด่วนของที่บ้านจึงไม่ได้ไปด้วย ค่ำคืนนี้จึงมีแต่ฉันคนเดียวที่ไปเที่ยวตามลำพังฐานะการเงินของฉันอยู่ในระดับที่ดี ทั้งฉันและมิวผลัดกันเลี้ยงมื้อค่ำและเลี้ยงเครื่องดื่มกันอยู่บ่อยครั้ง ครั้งนี้ยังไม่ได้เลี้ยงเด็กโฮสเธอกลับก็คิดว่าจะเอาไว้วันหน้า คราวนี้ฉันขอไปเองตามนัดก่อนไม่อยากให้ ‘น้องปอน’ รอนานพอไปถึงฉันก็นั่งโต๊ะหน้าสุด แล้วมองดูปอนเดินไปมารอบเวที เขาเห็นฉันแล้วส่งยิ้มให้ พอเดินเสร็จฉันก็รีบเลือกเขาทันทีก่อนคนอื่นจะคว้าไป“สวัสดีครับพี่ดิว” เขาทักทายฉันเสียงนุ่ม แล้วเดินมานั่งข้างๆ มือวางไว้ที่ต้นขาฉันแล้วสบตาอย่างมีความหมาย“มาคนเดียวเหรอครับวันนี้”“มาคนเดียว แต่ว่าอยากเสียวกันสองคนได้ไหมล่ะ” ฉันพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน แล้วมองเขาด้วยสายตาที่ปรารถนา หนุ่มๆ คนอื่นก็อยากลองควงออกไปบ้างแต่ว่าฉันเป็นประเภทที่ว่าถ้าได้ลองติดใจอะไรแล้วก็ไม่อยากเปลี่ยนเพราะเกรงว่าจะเจอสิ่งที่แย่กว่าเดิม ดังนั้นกา
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน อุตส่าห์ออกตัวกับเพื่อนเอาไว้แล้วว่าจะไม่พาเด็กบาร์โฮสต์ออกมาด้วย แต่ว่าตอนนี้เราสองคนยืนอยู่หน้าห้องพักของโรงแรมม่านรูดพร้อมหนุ่มโฮสข้างกายอีกสองคนมิวเปิดห้องสองห้องแล้วแยกกันไปคนละห้อง เพื่อที่จะใช้เวลาส่วนตัวกับหนุ่มหล่อที่พวกเราพาออกมาด้วย“เราไปอาบน้ำก่อนไหม” ฉันชวนเขาเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉัน ‘ซื้อกิน’“ได้สิครับเดี๋ยวผมจะขัดตัวให้พี่เอง รับรองว่าหอมตั้งแต่หัวยันหอยแน่ๆ” เขาพูดคำหยาบโลนออกมา แต่ทว่าฉันกลับรู้สึกสยิวหูเหลือเกินในเวลานี้เขาถอดเสื้อผ้าของฉันออกอย่างนุ่มนวลพร้อมกับใช้จมูกคลอเคลียที่ข้างแก้ม เสื้อผ้าถูกทิ้งกองลงกับพื้นจากนั้นเขาก็กอดเอวฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำฝ่ามือหนาลูบสบู่จนเกิดฟองแล้วละเลงไปทั่วร่าง นวดถูทำความสะอาดให้กับฉันสมกับเงินห้าพันที่เพื่อรักฉันพาเขาออกมาเพื่อเปิดโลกให้แก่ฉันเขาอาบน้ำให้เราทั้งคู่แล้วหลังจากนั้นเขาก็เริ่มพรมจูบฉันไปที่หัวไหล่ไล่ไปจนถึงหลังต้นคอ เป็นจูบที่รู้สึกนุ่มนวลและซ่านสยิวที่สุด คงเป็นเพราะความตื่นเต้นจึงทำให้ฉันรู้สึกอย่างมือของเขาลูบไล้ไปทั่วเนินสวาทและเต้าทั้งสองข้าง พร้อมๆ ก
แววตาของเพื่อนสาวที่มองด้วยความอ้อนวอนทำให้ฉันเริ่มใจอ่อนแต่ก็ยังลังเลกับคำชวนที่แสนห่ามนั้น“นะ นะ ดิว ไปเที่ยวบาร์โฮสเป็นเพื่อนฉันหน่อย ฉันจะออกเงินให้เธอเลย นะ นะ ได้โปรด” มิวยังคงอ้อนวอนไม่หยุด“ไม่เอาล่ะ ไม่เคยไป เราไปนั่งดื่มที่บาร์หาผู้ชายมาวันไนท์สแตนด์ด้วยจะไม่ดีกว่าเหรอ” ฉันลองออกความเห็นเสนออีกทางเลือกให้กับเพื่อนรัก“มันจะไปสนุกอะไรล่ะ อีกอย่างผู้ชายพวกนั้นน่ะก็หน้าเดิมๆ ไม่รู้ว่าจะวนเวียนมาเจอกันอีกตอนไหน หรือว่าจะเป็นคนใกล้ตัวของเราหรือเปล่า สู้ไปหาเด็กบาร์โฮสหล่อๆ เอาใจเก่งมาปรนนิบัติเราจะไม่ดีกว่าเหรอ” มิวยังคงพูดโน้มน้าวให้ฉันไปด้วยให้ได้ ท่าทางจะปฏิเสธยากเสียแล้วงานนี้“ไปก็ไป แต่ว่าฉันแค่ไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนนะ ไม่เอาผู้ชายพวกนั้นมานั่งคลอเคลีย ไม่ชินกับการถูกเอาใจ”“อย่าพึ่งพูดออกตัวไป ถ้าแกติดใจแล้วจะอายปากตัวเองนะจ๊ะ” มิวยิ้มแฉ่งแล้วส่งโลเคชั่นมาให้ฉัน“ร้านแท่งทอง69” ฉันอ่านชื่อร้านแล้วสยิวท้องน้อยตั้งแต่ยังไม่ไป แค่ชื่อร้านก็เสียวไส้แล้ว“แกจะไปเที่ยวเฉยๆ หรือว่าคิดจะพาออกมาด้วย” ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่สงสัยทั้งๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็อยากฟังจากปากเธอชัดๆ“ไปขนา
งานแต่งงานของเอมอรและซันได้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น งานฉลองแต่งงานก็เต็มไปด้วยความสนุกสนานของหนุ่มสาวในขณะที่ญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายเจ้าบ่าวแยกย้ายไปพักตามห้องพักที่จัดไว้ให้เพื่อนเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าบ่าวต่างก็ฉลองกันต่ออย่างสนุกสนานทิ้งท้ายงานฉลองแต่งงานอย่างสุดเหวี่ยงสุพิตที่พกสามีและลูกมาด้วยนั้นขอกลับไปก่อน ส่วนฤดีที่เป็นทั้งออแกไนเซอร์และเพื่อนเจ้าสาวไม่ได้ดื่มเหล้าและจะอยู่ดูแลงานจนถึงนาทีสุดท้าย“ฉันต้องกลับแล้วนะ เมามากแล้ว” รตีบอกเอมอรแล้วเข้าไปสวมกอดพร้อมกับอวยพรอีกรอบ“กลับไหวไหม ไม่ไหวนอนพักที่นี่สิ ฉันว่าต้องมีสักห้องแหละที่ว่างต้อนรับแก” เอมอรพูดแล้วปรายตาไปยังเพื่อนเจ้าบ่าวในชุดสูทสีฟ้าสามคนที่จ้องมองมาทางรตีด้วยสายตาที่มีความหวังพวกเขาเห็นรตีหันมามองก็รีบลุกขึ้นต่างอาสาจะพาเธอไปส่งกันทั้งนั้น“งั้นฉันขอตัวล่ะ มีความสุขมากๆ นะเอม คุณซัน” รตีอวยพรอีกครั้งแล้วเดินออกไปหาสามหนุ่มก่อนจะเดินเข้ามาพูดกับเธอต่อหน้าเจ้าบ่าวและแขกคนอื่นที่ยังนั่งดื่มต่อทั้งสี่คนเดินออกไปนอกห้องจัดงาน แล้วสามหนุ่มก็เริ่มแย่งเพื่อนเจ้าสาวกันทันที“คืนนี้น่านไปนอนกับธาร ฉันจะนอนอีกห้องกับคุณรตี” ภูผาบอ
วันต่อมาภูผาและน่านฟ้าก็ตามมาถึง น่านฟ้าถึงกับอดหมั่นไส้น้องชายไม่ได้ที่อีกฝ่ายโทรไปอวดว่าได้สนุกกับรตีก่อนตนซึ่งเป็นพี่“เด็ดอยู่บ้อธาร” ภูผาถามน้องชาย“เด็ดหลายครับอ้าย ขึ้นขี่ผมเด้งหน้าเด้งหลัง มีแฮงหลาย เอากันจนขาหล่อยเบิ่ด” ธารบอกแล้วยิ้มร่าอย่างพอใจ“อ้ายภูกับบักธารได้ไปแล้ว ต่อไปตาข้อยเด้อ” เขาบอกพี่ชายน้องชายด้วยภาษาบ้านเกิด จากนั้นก็เดินไปหารตีที่กำลังวุ่นกับการต้อนรับญาติๆ เข้าห้องพักตามหน้าที่ที่เธอรับอาสา“เหลืออีกเยอะไหมครับ ให้ผมช่วยไหม”“เหลือพ่อแม่เจ้าบ่าวน่าจะมาถึงช่วงเย็นค่ะ เห็นว่าแวะรับญาติคนอื่นมาด้วย”“ลุงกับป้าผมแก่แล้วครับ เมารถง่ายคนขับเลยต้องมาช้าๆ หน่อย” เขาบอกเธอแล้วมองด้วยสายตาที่มีความหวัง“เอ่อ...รอเสร็จงานพรุ่งนี้ก่อนไหมคะ” เธอบอกเขาอย่างรู้เท่าทันความคิด“ไม่ไหวหรอกครับ คนอื่นได้ไปหมดแล้วแต่ผมยังไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้วันนี้พรุ่งนี้ผมคงไม่สดชื่นแน่” เขาพูดแล้วทำตาปริบๆ อย่างอ้อนวอน“ก็ได้ค่ะ” เธอรับปากแล้วยิ้มอย่างชอบใจ หนุ่มๆ พวกนี้ท่าทางจะขาดของหนัก แต่ละคนมาถึงก็อยากมีแฮงกับเธอเหลือเกิน สงสัยว่าถ้าไม่ได้ก็คงจะรบเร้าไม่หยุดเขาพาเธอไปยังห้องพักของตนแล้วย
อีกสองวันก็จะถึงงานแต่งงานของเอมอรและซันแล้ว เพื่อนเจ้าสาวล่ารักอย่างรตีจึงต้องช่วยเพื่อนเตรียมงานเช่นเดียวกับเพื่อนเจ้าสาวอีกสองคนสุพิตช่วยดูแลเรื่องช่างแต่งหน้าที่จะมาแต่งหน้าให้ในงาน ส่วนฤดีที่เป็นออแกไนเซอร์อยู่แล้วก็ทำงานตามหน้าที่ของตนโดยมีทีมงานคุณภาพคอยช่วยเหลือรตีช่วยตรวจสอบความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานซึ่งใช้โรงแรมเป็นที่จัดงานและประสานงานห้องพักของญาติเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ใช้พักในช่วงจัดงาน รวมไปถึงห้องที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวใช้แต่งตัวซึ่งเหมาเช่าชั้นห้าทั้งชั้นเอาไว้ในงานนี้“สวัสดีครับคุณรตี” ธารที่มาถึงโรงแรมก่อนคนแรกทักทายเธอด้วยน้ำเสียงที่สดใส“มาไวจังเลยค่ะ โรงแรมจะเปิดให้พักในวันพรุ่งนี้ก่อนวันงานหนึ่งวันนะคะ” เธอบอกเขาเมื่อเห็นอีกฝ่ายที่ล็อบบี้“ผมเปิดห้องที่ชั้นเจ็ดไว้แล้วครับ พรุ่งนี้ค่อยย้ายมาชั้นห้า” เขาพูดแล้วยิ้มให้เธอพร้อมกับรอยยิ้มที่มีความหมาย“แล้วนี่เราเจอกันโดยบังเอิญหรือว่ารู้อยู่แล้วคะว่ารตีอยู่ที่นี่” เธอกอดอกถามเขา เข้าใจความหมายในแววตานั้นดี“ผมมาล่วงหน้าก่อนหนึ่งวันเพื่อมาหาคุณรตีโดยเฉพาะครับ โทรถามคุณเอมแล้วเธอบอกว่าคุณมาที่นี่ผมเลยมาพักที่นี่” เขาพูดแล