งานแต่งงานที่กำลังจะมาถึงของเพื่อนคนที่สามในกลุ่ม ทำให้ ‘รตี’ สมาชิกคนที่สี่กลายเป็นคนสุดท้ายในกลุ่มที่ยังโสดอยู่
“พวกแกต้องมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ฉัน โดยเฉพาะแก...รตี งานนี้ฉันตั้งใจจะโยนช่อดอกไม้เจ้าสาวให้แก” เอมอรซึ่งเป็นว่าที่เจ้าสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแล้วยิ้มให้เพื่อนรักคนเดียวที่ยังโสดอยู่
“ยังไงรตีมันก็ไปแน่ งานแต่งฉันก็ฟาดเพื่อนเจ้าบ่าวไปสองคน งานแกมีเหรอว่ามันจะพลาด” สุพิตพูดขึ้นแล้วพยักหน้าให้แก่ฤดีอย่างรู้ทัน เพราะรตีเป็นแม่เสือสาวนักล่าเพื่อนเจ้าบ่าว
“พอเลย พวกแก แต่งงานหนีฉันไปก่อนแบบนี้ไม่ให้เหงาไปเอากับเพื่อนเจ้าบ่าวหล่อได้ยังไง” สาวโสดคนสุดท้ายพูดแล้วกอดอกทำหน้างอง้ำ เพราะทุกคนบอกจะโสดไปด้วยกันจนอายุสามสิบแต่กลับทยอยแต่งงานกันไปจนหมด
“โอเค งั้นงานนี้ฉันยกเพื่อนเจ้าบ่าวให้แก่หมดเลยสามคน ญาติของเจ้าบ่าวฉันมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ งานนี้แกอิ่มแบบจุกๆ แน่” เอมอรบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยจริตที่เย้าแหย่
“แล้วนี่ทำไมแต่งกะทันหันจัง เดือนหน้าเนี่ยนะ” ฤดีหันไปถามว่าที่เจ้าสาว แล้วมองดูการ์ดเชิญที่เพื่อนรักนำมาให้
“เจ้าบ่าวฉันเป็นเศรษฐีบ้านนอกน่ะ เขาต้องแต่งงานตามคำทำนายอะไรไม่รู้ ฉันเลยต้องรับปากแต่งงานให้มันจบๆ จะได้ไปเป็นคุณนายไร่แตงโมส่งนอกเสียที” เอมอรพูดแล้วยิ้มอย่างพอใจ
“แล้วทำไมไม่จัดที่ไร่ล่ะ ที่แกส่งรูปมาก็สวยดีนี่” สุพิตถามด้วยความสงสัย
“ไม่เอาหรอก เหม็นปุ๋ยคอก อีกอย่างชาวบ้านพวกนั้นก็จัดแบบล้มวัวฉันไม่อยากให้จัดงานแบบบ้านๆ จัดในเมืองนี่แหละดีแล้ว คัดแต่แขกมีหน้ามีตาหน่อย งานแต่งงานทั้งทีจะให้คนบ้านนอกมาป่วนงานแต่งคาวกลิ่นวัวกลิ่นสาบไม่ไหวหรอก” เอมอรเหยียดริมฝีปากดูถูกชาวบ้านที่อยู่ละแวกเดียวกับว่าที่สามี
เพื่อนทั้งสามมองหน้ากันไม่อยากพูดขัดอีกฝ่ายแม้จะพูดไม่ถูกต้องและดูถูกคนบ้านนอกทั้งๆ ที่จะแต่งงานกับคนที่นั่น แต่ก็ไม่อยากพูดให้อีกฝ่ายต้องขัดใจจึงได้แต่เออออไปด้วย
“เออ ลืมไป ซันเขาจะพาเพื่อนมาลองชุดเพื่อนเจ้าบ่าวที่จะใช้ในงานนะ เผื่อแกอยากเจอก่อนวันงาน”
“พักที่ไหนล่ะ เผื่อฉันว่างจะได้แวะไปทักทาย” รตีถามตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม ทั้งสี่คนต่างก็รู้ไส้รู้พุงกันดี ก่อนแต่งงานทั้งสาวก็นักล่าเพื่อนเจ้าบ่าวในงานแต่งเหมือนๆ กัน
“เดี๋ยวแกแกล้งบังเอิญไปเจอฉันที่ร้านอาหารก็ได้ เดี๋ยวฉันจะจัดสรรให้เอง” เอมอรพูดแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ทั้งสี่สาวยิ้มให้แก่กันอย่างชอบใจกับภารกิจหาเพื่อนเจ้าบ่าวให้แก่รตีได้ล่ารักตามประสาสาวโสดขี้เหงา
---------------------
ในวันถัดมา หญิงสาวไปร้านอาหารที่เอมอรส่งพิกัดมาให้ โดยทำทีเป็นว่าไปเจอเพื่อนรักโดยบังเอิญ
“รตี ทางนี้” เอมอรเรียกเธอ
“อ้าว มากินร้านนี้เหรอ” ทั้งสองสาวแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมา
“ฉันมากับว่าที่สามีน่ะ พี่ซันคะนี่รตีเพื่อนสนิทเอมค่ะ” เธอแนะนำให้คนรักรู้จักกับเพื่อนสนิท
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยิ้มทักทายทั้งสี่หนุ่มที่หน้าละม้ายสมกับที่เป็นเครือญาติกัน
“ผมซันนะครับ ได้เจอตัวจริงคุณรตีเสียที เอมเล่าเรื่องคุณกับเพื่อนๆ ให้ผมฟังบ่อยๆ” เขาทักทายด้วยรอยยิ้มที่สุภาพแล้วแนะนำอีกสามหนุ่มให้เธอรู้จัก
“นี่พี่ภูผา พี่น่านฟ้าแล้วก็ธาร ทั้งสามคนเป็นลูกพี่ลูกน้องผมเองครับ จะมาเป็นเพื่อนเจ้าบ้านในงานแต่งงานของผมกับเอม” ว่าที่เจ้าบ่าวแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับเพื่อนของคนรัก
“สวัสดีค่ะ” รตีทักทายทั้งสามแล้วแจกยิ้มให้
“สวัสดีครับ” พวกเขาทักทายเธออย่างพร้อมเพรียง แล้วยิ้มมองอีกฝ่ายอย่างสนใจ
เอมอรขอคนรักให้รตีนั่งร่วมโต๊ะด้วย แล้วทั้งหมดต่างก็นั่งรับประทานอาหารกันและพูดคุยกันอย่างถูกคอ
ในตอนนั้นรตีพุ่งเป้าไปที่ภูผาที่นั่งตรงข้ามเธอ หญิงสาวถอดรองเท้าส้นสูงของตนแล้วใช้เท้าเขี่ยที่ขาของเขาจนภูผาเงยหน้ามองเธออยู่บ่อยครั้ง
รตีเองก็ยิ้มหน้าชื่นพูดคุยตามปกติแต่เท้าเธอยกเขี่ยอีกฝ่ายไม่หยุด ไล่จากขาขึ้นไปยังเข่าแล้วเขี่ยไปมาปลุกเร้าเขาอยู่อย่างนั้น
“กินเสร็จก็ไปลองชุดเพื่อนเจ้าบ่าวต่อจะไม่อึดอัดแย่เหรอคะ” เธอถามทั้งสามหนุ่มอย่างเป็นกันเองในขณะที่ใต้โต๊ะก็เขี่ยไม่หยุด
“ผมว่าดีนะครับ กินอิ่มๆ ไปลองชุดเวลางานจริงถ้ากินข้าวในงานจะได้เผื่อไซซ์เอาไว้ ถ้าพอดีเกินไปเดี๋ยวกินอีหยังบ่ได้” ธารที่อายุไล่เลี่ยกับเธอในวัยสามสิบเผลอพูดศัพท์บ้านเกิดของตน แต่ก็เป็นเสน่ห์ของเขา
“ซัน ฉันปวดหัวนิดหน่อยคงไปลองไม่ได้แล้ว ฉันกับไอ้น่านหุ่นเท่ากันยังไงก็เอาไซซ์มันก็ได้ อยากกลับไปพักที่โรงแรมก่อน” ภูผาออกตัวเพราะตอนนี้เขาไม่ไหวแล้ว
“งั้นแกไปส่งพี่ภูผาได้ไหมรตี” เอมอรช่วยพูด
“ไม่มีธุระที่ไหนต่อ ไปส่งให้ได้” รตีรับปากแล้วหันไปยิ้มให้ภูผาพร้อมกับชักเท้ากลับเมื่อปลาช่อนอยากงับเหยื่อแล้ว
เมื่อไปถึงโรงแรมที่พักของภูผา ทั้งสองก็ไม่รอช้ารีบจัดการจู่โจมอย่างเร่าร้อน
“สาวกรุงเทพนี่ร่านสวาทขี้อ่อยอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่าครับ” เขาถามเสียงกระเส่าขณะคร่อมทับอยู่เหนือร่างแล้วถอดเสื้อผ้าออกไปอย่างรีบร้อน
“คนอื่นไม่รู้ค่ะ แต่สำหรับฉัน ฉันชอบใครก็แสดงออกตรงๆ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นกระเส่า ถอดชุดเดรสของตนออกไปตามด้วยชุดชั้นในลายลูกไม้โยนทิ้งลงข้างเตียง
เมื่อพร้อมสู่สังเวียนสวาท ริมฝีปากทั้งสองก็ถูกดึงดูดเข้าหากัน ภูผาไม่อยากให้เธอหาว่าเขารีบร้อน จึงปฏิบัติต่อหญิงสาวด้วยลีลาที่เชื่องช้าแสนรัญจวนในขณะปลุกเร้าอารมณ์อีกฝ่าย
“อื้อ จูบเก่งมากเลย อ๊าส์”
หญิงสาวชื่นชมเขาหลังจากที่อีกฝ่ายถอนจูบแล้วไล้ปลายลิ้นไปที่เนินอกพร้อมทั้งดูดเม้มหยอกล้อกับเม็ดจุกสีหวานของเธออย่างหลงใหล
“คุณรตีตัวหอมมากเลยครับ น่ากินไปทั้งตัว”
“ตรงนั้นหวานมากเลยนะคะ ลงชิมสิ” หญิงสาวแอ่นสะโพกเชิญชวนทำให้หนุ่มชาวไร่ถึงกับหัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น
เขาเลื่อนริมฝีปากไปที่เนินอูบแล้วเกร็งปลายลิ้นชิมหวามหวานที่เม็ดเต่งตึงตามที่เธอเสนอ น้ำหวานที่หลั่งออกมารอบๆ กลีบดอกไม้นั้นฉ่ำหวานอย่างที่เธอบอก เขาทั้งดูดทั้งเลียแต่มันก็ยังไหล่เยิ้มออกมาเรื่อยๆ
“อ๊าส์ เสียว ซี๊ด” หญิงสาวครางเสียงหลงกับชิวหาสวาทจากหนุ่มหล่อล่ำที่ตื่นตากับกลีบดอกไม้ของสาวเมืองกรุง
“อื้ม เลียดุขาดนี้ ตอนเอาจะเอวดุขนาดไหน อ๊าส์ เสียวไม่ไหวเลย” เธอพูดกระตุ้นความกำหนัด
ภูผาได้ยินก็ยิ่งละเลงปลายลิ้นรัวเข้าไปจนหญิงสาวทนต่อความหฤหรรษ์นั้นไม่ไหว
เธอดันเขาออกไปแล้วเป็นฝ่ายขึ้นไปขย่มอยู่บนสะโพกสอบนั้นแล้วตะบี้ตะบันบดคลึงกลีบอวบลงไปกับท่อนเอ็นลำเขื่องจนเขาสูดปากครางในลำคอด้วยความเสียว
“โอ๊ย คุณรตี ผมไม่ไหวแล้ว มันตอดและบีบรัดแน่นไปแล้ว ซี๊ด จะแตกแล้ว เอามันชะมัด” ภูผาทำหน้าบิดเบ้แล้วขยำผ้าปูที่นอนระบายความเสียวเสียดที่ได้รับ
รตีขย่มลงไปอย่างไม่ปรานีเอ็นลำเขื่องนั้น ควงสะโพกเสียดสีลงไปหาท่อนเอ็นแล้วครางลั่นด้วยความสุขที่สุดยอดในรอบหลายเดือน กับขนาดที่ใหญ่ยาวที่หาได้ยาก
“อ๊ะ อ๊ะ แตกแล้ว” หญิงสาวร้องครางเสียงหวีดแหลมแล้วเกร็งสะโพกบีบรัดท่อนเนื้อลำเขื่องที่อยู่ภายใน
“มีแฮงคัก อ๊าส์ เอามันอีหลี” ภูผาตื่นเต้นจนหลุดพูดภาษาบ้านเกิดออกมา พร้อมกับน้ำรักที่พวยพุ่งเข้าไปอย่างเต็มแรง
“อยากมีแฮงอีกรอบก็จัดเลยนะคะ วันนี้รตีว่าง” หญิงสาวพูดภาษาบ้านเกิดของเขาด้วยสำเนียงคนกรุง แล้วเลียรอบริมฝีปากอย่างเชิญชวน
ภูผายิ้มอย่างพอใจพร้อมที่จะ ‘มีแฮง’ กับเธออีกรอบแล้ว
---------------------
ชายหนุ่มวัยสามสิบหกลุกนั่งที่ปลายเตียง สายตาคมกริบมองดูรตีที่เดินนวยนาดออกมาจากห้องน้ำด้วยแววตาที่หื่นกระหายเธอลดตัวนั่งคุกเข่าแล้วให้เธอใช้รูดท่อนเอ็นนั้นขึ้นลง ใช้ปลายลิ้นแตะเลียไปรอบๆ ปลายลำแล้วอมมันเข้าไปอย่างดูดดื่มมือหนาขยุ้มกลุ่มผมนุ่มของเธอแล้วกดโยกเข้าหาท่อนเอ็นให้เข้าไปลึกในโพรงปาก หญิงสาวจับท่อนลำเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาดันเข้าไปลึกกว่านี้เพราะโก่งคอรับความยาวนั้นไม่ไหว“อ๊าส์ ดีมาก อ๊าส์ ซี๊ด มีแฮงคัก อ๊าส์” เขาครางอย่างชอบใจ กัดฟันแล้วสูดปากครางออกมาเสียงหลงภาษาถิ่นจากริมฝีปากของหนุ่มหล่อทำให้หญิงสาวยิ่งเกิดความปรารถนา เธอคายท่อนเนื้อนั้นออกแล้วขึ้นไปนั่งตักเขาแล้วเริ่มขย่มให้แก่เขาในท่านั่งหันหลังให้ภูผาจูบแผ่นหลังของเธอแล้วสูดกลิ่นหอมจากน้ำหอมราคาแพง มือทั้งสองขยำเต้าอวบที่ด้านหน้าใช้นิ้วขยี้เม็ดยอดอกไปด้วยอย่างมันเขี้ยวรตีขย่มลงไปด้วยลีลาที่ยั่วยวนและเร่าร้อน ครางกระเส่าอย่างออกรสคลอไปกับเสียงเนื้อที่เสียดสีกันดังสวบๆ ตามจังหวะที่เธอบดกลีบสวาทเสียดสีกับท่อนเนื้ออุ่นที่อวบยาวนั้น“คุณรตีขย่มเก่งมากเลยครับ ผมไม่เคยเจอใครขย่มเก่งเท่านี้มาก่อน” ภูผาออกปากชมเธอไม่หยุด ชื่น
อีกสองวันก็จะถึงงานแต่งงานของเอมอรและซันแล้ว เพื่อนเจ้าสาวล่ารักอย่างรตีจึงต้องช่วยเพื่อนเตรียมงานเช่นเดียวกับเพื่อนเจ้าสาวอีกสองคนสุพิตช่วยดูแลเรื่องช่างแต่งหน้าที่จะมาแต่งหน้าให้ในงาน ส่วนฤดีที่เป็นออแกไนเซอร์อยู่แล้วก็ทำงานตามหน้าที่ของตนโดยมีทีมงานคุณภาพคอยช่วยเหลือรตีช่วยตรวจสอบความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานซึ่งใช้โรงแรมเป็นที่จัดงานและประสานงานห้องพักของญาติเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ใช้พักในช่วงจัดงาน รวมไปถึงห้องที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวใช้แต่งตัวซึ่งเหมาเช่าชั้นห้าทั้งชั้นเอาไว้ในงานนี้“สวัสดีครับคุณรตี” ธารที่มาถึงโรงแรมก่อนคนแรกทักทายเธอด้วยน้ำเสียงที่สดใส“มาไวจังเลยค่ะ โรงแรมจะเปิดให้พักในวันพรุ่งนี้ก่อนวันงานหนึ่งวันนะคะ” เธอบอกเขาเมื่อเห็นอีกฝ่ายที่ล็อบบี้“ผมเปิดห้องที่ชั้นเจ็ดไว้แล้วครับ พรุ่งนี้ค่อยย้ายมาชั้นห้า” เขาพูดแล้วยิ้มให้เธอพร้อมกับรอยยิ้มที่มีความหมาย“แล้วนี่เราเจอกันโดยบังเอิญหรือว่ารู้อยู่แล้วคะว่ารตีอยู่ที่นี่” เธอกอดอกถามเขา เข้าใจความหมายในแววตานั้นดี“ผมมาล่วงหน้าก่อนหนึ่งวันเพื่อมาหาคุณรตีโดยเฉพาะครับ โทรถามคุณเอมแล้วเธอบอกว่าคุณมาที่นี่ผมเลยมาพักที่นี่” เขาพูดแล
วันต่อมาภูผาและน่านฟ้าก็ตามมาถึง น่านฟ้าถึงกับอดหมั่นไส้น้องชายไม่ได้ที่อีกฝ่ายโทรไปอวดว่าได้สนุกกับรตีก่อนตนซึ่งเป็นพี่“เด็ดอยู่บ้อธาร” ภูผาถามน้องชาย“เด็ดหลายครับอ้าย ขึ้นขี่ผมเด้งหน้าเด้งหลัง มีแฮงหลาย เอากันจนขาหล่อยเบิ่ด” ธารบอกแล้วยิ้มร่าอย่างพอใจ“อ้ายภูกับบักธารได้ไปแล้ว ต่อไปตาข้อยเด้อ” เขาบอกพี่ชายน้องชายด้วยภาษาบ้านเกิด จากนั้นก็เดินไปหารตีที่กำลังวุ่นกับการต้อนรับญาติๆ เข้าห้องพักตามหน้าที่ที่เธอรับอาสา“เหลืออีกเยอะไหมครับ ให้ผมช่วยไหม”“เหลือพ่อแม่เจ้าบ่าวน่าจะมาถึงช่วงเย็นค่ะ เห็นว่าแวะรับญาติคนอื่นมาด้วย”“ลุงกับป้าผมแก่แล้วครับ เมารถง่ายคนขับเลยต้องมาช้าๆ หน่อย” เขาบอกเธอแล้วมองด้วยสายตาที่มีความหวัง“เอ่อ...รอเสร็จงานพรุ่งนี้ก่อนไหมคะ” เธอบอกเขาอย่างรู้เท่าทันความคิด“ไม่ไหวหรอกครับ คนอื่นได้ไปหมดแล้วแต่ผมยังไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้วันนี้พรุ่งนี้ผมคงไม่สดชื่นแน่” เขาพูดแล้วทำตาปริบๆ อย่างอ้อนวอน“ก็ได้ค่ะ” เธอรับปากแล้วยิ้มอย่างชอบใจ หนุ่มๆ พวกนี้ท่าทางจะขาดของหนัก แต่ละคนมาถึงก็อยากมีแฮงกับเธอเหลือเกิน สงสัยว่าถ้าไม่ได้ก็คงจะรบเร้าไม่หยุดเขาพาเธอไปยังห้องพักของตนแล้วย
งานแต่งงานของเอมอรและซันได้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น งานฉลองแต่งงานก็เต็มไปด้วยความสนุกสนานของหนุ่มสาวในขณะที่ญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายเจ้าบ่าวแยกย้ายไปพักตามห้องพักที่จัดไว้ให้เพื่อนเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าบ่าวต่างก็ฉลองกันต่ออย่างสนุกสนานทิ้งท้ายงานฉลองแต่งงานอย่างสุดเหวี่ยงสุพิตที่พกสามีและลูกมาด้วยนั้นขอกลับไปก่อน ส่วนฤดีที่เป็นทั้งออแกไนเซอร์และเพื่อนเจ้าสาวไม่ได้ดื่มเหล้าและจะอยู่ดูแลงานจนถึงนาทีสุดท้าย“ฉันต้องกลับแล้วนะ เมามากแล้ว” รตีบอกเอมอรแล้วเข้าไปสวมกอดพร้อมกับอวยพรอีกรอบ“กลับไหวไหม ไม่ไหวนอนพักที่นี่สิ ฉันว่าต้องมีสักห้องแหละที่ว่างต้อนรับแก” เอมอรพูดแล้วปรายตาไปยังเพื่อนเจ้าบ่าวในชุดสูทสีฟ้าสามคนที่จ้องมองมาทางรตีด้วยสายตาที่มีความหวังพวกเขาเห็นรตีหันมามองก็รีบลุกขึ้นต่างอาสาจะพาเธอไปส่งกันทั้งนั้น“งั้นฉันขอตัวล่ะ มีความสุขมากๆ นะเอม คุณซัน” รตีอวยพรอีกครั้งแล้วเดินออกไปหาสามหนุ่มก่อนจะเดินเข้ามาพูดกับเธอต่อหน้าเจ้าบ่าวและแขกคนอื่นที่ยังนั่งดื่มต่อทั้งสี่คนเดินออกไปนอกห้องจัดงาน แล้วสามหนุ่มก็เริ่มแย่งเพื่อนเจ้าสาวกันทันที“คืนนี้น่านไปนอนกับธาร ฉันจะนอนอีกห้องกับคุณรตี” ภูผาบอ
แววตาของเพื่อนสาวที่มองด้วยความอ้อนวอนทำให้ฉันเริ่มใจอ่อนแต่ก็ยังลังเลกับคำชวนที่แสนห่ามนั้น“นะ นะ ดิว ไปเที่ยวบาร์โฮสเป็นเพื่อนฉันหน่อย ฉันจะออกเงินให้เธอเลย นะ นะ ได้โปรด” มิวยังคงอ้อนวอนไม่หยุด“ไม่เอาล่ะ ไม่เคยไป เราไปนั่งดื่มที่บาร์หาผู้ชายมาวันไนท์สแตนด์ด้วยจะไม่ดีกว่าเหรอ” ฉันลองออกความเห็นเสนออีกทางเลือกให้กับเพื่อนรัก“มันจะไปสนุกอะไรล่ะ อีกอย่างผู้ชายพวกนั้นน่ะก็หน้าเดิมๆ ไม่รู้ว่าจะวนเวียนมาเจอกันอีกตอนไหน หรือว่าจะเป็นคนใกล้ตัวของเราหรือเปล่า สู้ไปหาเด็กบาร์โฮสหล่อๆ เอาใจเก่งมาปรนนิบัติเราจะไม่ดีกว่าเหรอ” มิวยังคงพูดโน้มน้าวให้ฉันไปด้วยให้ได้ ท่าทางจะปฏิเสธยากเสียแล้วงานนี้“ไปก็ไป แต่ว่าฉันแค่ไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนนะ ไม่เอาผู้ชายพวกนั้นมานั่งคลอเคลีย ไม่ชินกับการถูกเอาใจ”“อย่าพึ่งพูดออกตัวไป ถ้าแกติดใจแล้วจะอายปากตัวเองนะจ๊ะ” มิวยิ้มแฉ่งแล้วส่งโลเคชั่นมาให้ฉัน“ร้านแท่งทอง69” ฉันอ่านชื่อร้านแล้วสยิวท้องน้อยตั้งแต่ยังไม่ไป แค่ชื่อร้านก็เสียวไส้แล้ว“แกจะไปเที่ยวเฉยๆ หรือว่าคิดจะพาออกมาด้วย” ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่สงสัยทั้งๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็อยากฟังจากปากเธอชัดๆ“ไปขนา
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน อุตส่าห์ออกตัวกับเพื่อนเอาไว้แล้วว่าจะไม่พาเด็กบาร์โฮสต์ออกมาด้วย แต่ว่าตอนนี้เราสองคนยืนอยู่หน้าห้องพักของโรงแรมม่านรูดพร้อมหนุ่มโฮสข้างกายอีกสองคนมิวเปิดห้องสองห้องแล้วแยกกันไปคนละห้อง เพื่อที่จะใช้เวลาส่วนตัวกับหนุ่มหล่อที่พวกเราพาออกมาด้วย“เราไปอาบน้ำก่อนไหม” ฉันชวนเขาเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉัน ‘ซื้อกิน’“ได้สิครับเดี๋ยวผมจะขัดตัวให้พี่เอง รับรองว่าหอมตั้งแต่หัวยันหอยแน่ๆ” เขาพูดคำหยาบโลนออกมา แต่ทว่าฉันกลับรู้สึกสยิวหูเหลือเกินในเวลานี้เขาถอดเสื้อผ้าของฉันออกอย่างนุ่มนวลพร้อมกับใช้จมูกคลอเคลียที่ข้างแก้ม เสื้อผ้าถูกทิ้งกองลงกับพื้นจากนั้นเขาก็กอดเอวฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำฝ่ามือหนาลูบสบู่จนเกิดฟองแล้วละเลงไปทั่วร่าง นวดถูทำความสะอาดให้กับฉันสมกับเงินห้าพันที่เพื่อรักฉันพาเขาออกมาเพื่อเปิดโลกให้แก่ฉันเขาอาบน้ำให้เราทั้งคู่แล้วหลังจากนั้นเขาก็เริ่มพรมจูบฉันไปที่หัวไหล่ไล่ไปจนถึงหลังต้นคอ เป็นจูบที่รู้สึกนุ่มนวลและซ่านสยิวที่สุด คงเป็นเพราะความตื่นเต้นจึงทำให้ฉันรู้สึกอย่างมือของเขาลูบไล้ไปทั่วเนินสวาทและเต้าทั้งสองข้าง พร้อมๆ ก
หลังจากวันนั้นฉันก็ถวิลหาแต่รสสวาทของหนุ่มโฮสไม่หยุด ก่อนที่เราจะจากกันฉันถามชื่อเขาเอาไว้แล้ว และนัดแนะว่าคืนวันเสาร์นี้ฉันจะไปที่ร้านและไปเจอเขาฉันโทรชวนมิวให้ไปด้วย แต่เพราะว่าเธอติดธุระด่วนของที่บ้านจึงไม่ได้ไปด้วย ค่ำคืนนี้จึงมีแต่ฉันคนเดียวที่ไปเที่ยวตามลำพังฐานะการเงินของฉันอยู่ในระดับที่ดี ทั้งฉันและมิวผลัดกันเลี้ยงมื้อค่ำและเลี้ยงเครื่องดื่มกันอยู่บ่อยครั้ง ครั้งนี้ยังไม่ได้เลี้ยงเด็กโฮสเธอกลับก็คิดว่าจะเอาไว้วันหน้า คราวนี้ฉันขอไปเองตามนัดก่อนไม่อยากให้ ‘น้องปอน’ รอนานพอไปถึงฉันก็นั่งโต๊ะหน้าสุด แล้วมองดูปอนเดินไปมารอบเวที เขาเห็นฉันแล้วส่งยิ้มให้ พอเดินเสร็จฉันก็รีบเลือกเขาทันทีก่อนคนอื่นจะคว้าไป“สวัสดีครับพี่ดิว” เขาทักทายฉันเสียงนุ่ม แล้วเดินมานั่งข้างๆ มือวางไว้ที่ต้นขาฉันแล้วสบตาอย่างมีความหมาย“มาคนเดียวเหรอครับวันนี้”“มาคนเดียว แต่ว่าอยากเสียวกันสองคนได้ไหมล่ะ” ฉันพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน แล้วมองเขาด้วยสายตาที่ปรารถนา หนุ่มๆ คนอื่นก็อยากลองควงออกไปบ้างแต่ว่าฉันเป็นประเภทที่ว่าถ้าได้ลองติดใจอะไรแล้วก็ไม่อยากเปลี่ยนเพราะเกรงว่าจะเจอสิ่งที่แย่กว่าเดิม ดังนั้นกา
คืนนี้ฉันไปที่แท่งทอง69 ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเจอคนรู้จักซึ่งเธอเป็นคนที่เคยเป็นคู่แข่งงานประมูลโครงการก่อสร้างกับฉันเมื่อเดือนที่แล้วเจ๊หญิงวัยสามสิบแปดเท่ากับฉันเธอนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ แล้วยิ้มมองฉันด้วยรอยยิ้มที่เหยียดยิ้มนิดๆ คงคิดจะบอกเป็นนัยๆ ว่าจะแข่งกับฉันในการประมูลหนุ่มๆ ป้ายทองแน่ๆการเดินแบบโชว์ตัวของบาร์โฮสหนุ่มๆ ผ่านไป ฉันเลือกปอนมานั่งเอาใจฉันเช่นเดียวกับเธอที่เลือกหนุ่มโฮสคนหนึ่งมานั่งข้างกาย“ลูกค้าคนนั้นมาบ่อยไหม” ฉันถามปอนแล้วพยักพเยิดไปทางเจ๊หญิง“มาบ่อยครับ แต่ส่วนใหญ่จะมาวันธรรมดา มีครั้งนี้ที่มาวันเสาร์” ปอนตอบฉันแล้วรินเครื่องดื่มพร้อมกับช่วยป้อนฉันอย่างเอาใจสายตาของเราสองคนมองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แล้วเธอก็เหมือนจะท้าทายฉันโดยการชี้ไปยังตัวท็อปที่เต้นอยู่บนเวที“คืนนี้พี่จะประมูลหนุ่มโฮสบนเวทีแข่งกับเธอ” ฉันบอกปอนทำให้เขาลดยิ้มลงเล็กน้อย แต่ก็คงขัดฉันไม่ได้“อย่ากังวลไปหน่อยเลย คนที่จะขึ้นเตียงกับพี่ในคืนนี้ยังไงก็เป็นปอน” ฉันกระซิบบอกเขา เอาใจเด็กหนุ่มให้รู้ว่าฉันติดใจเขามากแค่ไหนหนุ่มโฮสหลักพันกับหลักหมื่นจะแตกต่างกันมากแค่ไหนเชียว ต่างก็แค่หน้าตาและราคาเท่าน
วิไลพิลาศลักษณ์นั่งต่อหน้าฉันพร้อมกับแฟ้มเอกสารสมัครงานตำแหน่งวิศวกรที่มีคนเคยมาสมัครเอาไว้“คนมาสมัครก็เยอะนี่ ทำไมตำแหน่งนี้ยังว่าง” ฉันถามลูกน้องสาววัยไล่ๆ กับฉันด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ“คนที่มาสมัครแต่ละคนไม่มีประสบการณ์ทำงานเลยค่ะ บางคนก็พึ่งจบใหม่แต่ระบุเงินเดือนเหมือนตัวเองทำงานมาสิบปี แบบนี้ก็ไม่ไหว” เธออธิบายให้ฉันฟัง เหตุผลมันก็พอได้แต่ว่าฉันรู้สึกไม่เข้าหู“จบใหม่แล้วไง เราก็มีฝ่ายบุคคลไว้ทำไม การฝึกอบรมพนักงาน จัดอบรมความรู้และทักษะงานมันหน้าที่ฝ่ายเธอไม่ใช่เหรอ แล้วถ้าไม่ให้เขาลองทำงานดูจะมีประสบการณ์ได้ยังไง” ฉันพูดเสียงเรียบแล้วค้นใบสมัครงานจนเจอใบสมัครของปอนฉันเลือกใบสมัครมาห้าคนแล้วยื่นให้เธอ “โทรนัดสัมภาษณ์ ฉันจะสัมภาษณ์พวกเขามาทำงานเอง”“ค่ะบอส” เธอรับปากแล้วรีบเดินออกไปด้วยสีหน้าที่ดูไม่พอใจเหมือนตัวเองถูกฉันก้าวก่ายการคัดเลือกใบสมัครฉันนั่งยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นก็รับสายจากนักสืบเอกชนที่ฉันจ้างให้ไปสืบประวัติเขา คนที่ฉันสนใจทุ่มแค่ไหนก็ไม่หวั่นจะว่าไปแล้วตอนแรกฉันไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ แต่หลังๆ มานี่หลงจนโงหัวไม่ขึ้นทั้งๆ ที่ตัวเองก็พยายามยับยั้งใจเอาไว้แล้ว“ว่าไง” ฉ
ปอนแต่งตัวในชุดธรรมดาแล้วไม่ได้เซ็ทผมอย่างตอนที่อยู่ในบาร์โฮส เขาดูหล่อและหน้าเด็กลงมากจนฉันรู้สึกเขินตัวเองในวัยสามสิบแปดปีเขาไม่อายเลยที่จะเดินจับมือฉันเดินในห้างสรรพสินค้าแบบนี้“ทำไมถึงมาทำงานนี้ล่ะ” ฉันตัดสินใจถามเขา อยากรู้ว่าเขาจะเล่าเรื่องได้น่าสงสารและรันทดมากแค่ไหน เพราะส่วนใหญ่มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว“ผมอยากได้เงินมาใช้จ่ายอย่างสะดวกสบายครับ งานประจำที่ทำอยู่เงินเดือนหมื่นต้นๆ อยากได้อะไรก็ลำบาก”“อืม แล้วครอบครัวปอนล่ะ เขาไม่ช่วยเหลือเหรอ”“พ่อแม่ผมพวกท่านก็หย่าร้างแยกย้ายกันไปมีครอบครัวใหม่ครับ พ่อก็อยากได้ผมไปอยู่ด้วย แม่ก็อยากได้ผมไปอยู่ด้วย ผมไม่อยากเลือกให้อีกฝ่ายต้องน้อยใจเลยตัดสินใจไม่เลือกอยู่กับใคร พ่อกับแม่ส่งเงินมาให้ทุกเดือนผมก็เอาเงินพวกนั้นจ่ายค่าผ่อนคอนโดไป” เขาบอกเรื่องราวที่ผิดคาดไปมากฉันได้แต่อมยิ้ม ไม่คิดเลยว่าเขาจะเล่าเรื่องจริงออกมาแบบนี้ คิดว่าจะแต่งเรื่องให้ฉันต้องสงสารเขาเสียอีก“แล้วทำงานที่นั่นเป็นยังไงบ้าง” ฉันถามเขาต่อเพื่อหาเรื่องชวนคุย“ก็เรื่อยๆ ครับ ส่วนใหญ่จะนั่งชงเครื่องดื่มรับทิป จะมีแขกพาขึ้นห้องหรือออกไปข้างนอกบ้างก็นานๆ ทีครับ พี่
คืนนี้ฉันไปที่แท่งทอง69 ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเจอคนรู้จักซึ่งเธอเป็นคนที่เคยเป็นคู่แข่งงานประมูลโครงการก่อสร้างกับฉันเมื่อเดือนที่แล้วเจ๊หญิงวัยสามสิบแปดเท่ากับฉันเธอนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ แล้วยิ้มมองฉันด้วยรอยยิ้มที่เหยียดยิ้มนิดๆ คงคิดจะบอกเป็นนัยๆ ว่าจะแข่งกับฉันในการประมูลหนุ่มๆ ป้ายทองแน่ๆการเดินแบบโชว์ตัวของบาร์โฮสหนุ่มๆ ผ่านไป ฉันเลือกปอนมานั่งเอาใจฉันเช่นเดียวกับเธอที่เลือกหนุ่มโฮสคนหนึ่งมานั่งข้างกาย“ลูกค้าคนนั้นมาบ่อยไหม” ฉันถามปอนแล้วพยักพเยิดไปทางเจ๊หญิง“มาบ่อยครับ แต่ส่วนใหญ่จะมาวันธรรมดา มีครั้งนี้ที่มาวันเสาร์” ปอนตอบฉันแล้วรินเครื่องดื่มพร้อมกับช่วยป้อนฉันอย่างเอาใจสายตาของเราสองคนมองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แล้วเธอก็เหมือนจะท้าทายฉันโดยการชี้ไปยังตัวท็อปที่เต้นอยู่บนเวที“คืนนี้พี่จะประมูลหนุ่มโฮสบนเวทีแข่งกับเธอ” ฉันบอกปอนทำให้เขาลดยิ้มลงเล็กน้อย แต่ก็คงขัดฉันไม่ได้“อย่ากังวลไปหน่อยเลย คนที่จะขึ้นเตียงกับพี่ในคืนนี้ยังไงก็เป็นปอน” ฉันกระซิบบอกเขา เอาใจเด็กหนุ่มให้รู้ว่าฉันติดใจเขามากแค่ไหนหนุ่มโฮสหลักพันกับหลักหมื่นจะแตกต่างกันมากแค่ไหนเชียว ต่างก็แค่หน้าตาและราคาเท่าน
หลังจากวันนั้นฉันก็ถวิลหาแต่รสสวาทของหนุ่มโฮสไม่หยุด ก่อนที่เราจะจากกันฉันถามชื่อเขาเอาไว้แล้ว และนัดแนะว่าคืนวันเสาร์นี้ฉันจะไปที่ร้านและไปเจอเขาฉันโทรชวนมิวให้ไปด้วย แต่เพราะว่าเธอติดธุระด่วนของที่บ้านจึงไม่ได้ไปด้วย ค่ำคืนนี้จึงมีแต่ฉันคนเดียวที่ไปเที่ยวตามลำพังฐานะการเงินของฉันอยู่ในระดับที่ดี ทั้งฉันและมิวผลัดกันเลี้ยงมื้อค่ำและเลี้ยงเครื่องดื่มกันอยู่บ่อยครั้ง ครั้งนี้ยังไม่ได้เลี้ยงเด็กโฮสเธอกลับก็คิดว่าจะเอาไว้วันหน้า คราวนี้ฉันขอไปเองตามนัดก่อนไม่อยากให้ ‘น้องปอน’ รอนานพอไปถึงฉันก็นั่งโต๊ะหน้าสุด แล้วมองดูปอนเดินไปมารอบเวที เขาเห็นฉันแล้วส่งยิ้มให้ พอเดินเสร็จฉันก็รีบเลือกเขาทันทีก่อนคนอื่นจะคว้าไป“สวัสดีครับพี่ดิว” เขาทักทายฉันเสียงนุ่ม แล้วเดินมานั่งข้างๆ มือวางไว้ที่ต้นขาฉันแล้วสบตาอย่างมีความหมาย“มาคนเดียวเหรอครับวันนี้”“มาคนเดียว แต่ว่าอยากเสียวกันสองคนได้ไหมล่ะ” ฉันพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน แล้วมองเขาด้วยสายตาที่ปรารถนา หนุ่มๆ คนอื่นก็อยากลองควงออกไปบ้างแต่ว่าฉันเป็นประเภทที่ว่าถ้าได้ลองติดใจอะไรแล้วก็ไม่อยากเปลี่ยนเพราะเกรงว่าจะเจอสิ่งที่แย่กว่าเดิม ดังนั้นกา
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน อุตส่าห์ออกตัวกับเพื่อนเอาไว้แล้วว่าจะไม่พาเด็กบาร์โฮสต์ออกมาด้วย แต่ว่าตอนนี้เราสองคนยืนอยู่หน้าห้องพักของโรงแรมม่านรูดพร้อมหนุ่มโฮสข้างกายอีกสองคนมิวเปิดห้องสองห้องแล้วแยกกันไปคนละห้อง เพื่อที่จะใช้เวลาส่วนตัวกับหนุ่มหล่อที่พวกเราพาออกมาด้วย“เราไปอาบน้ำก่อนไหม” ฉันชวนเขาเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉัน ‘ซื้อกิน’“ได้สิครับเดี๋ยวผมจะขัดตัวให้พี่เอง รับรองว่าหอมตั้งแต่หัวยันหอยแน่ๆ” เขาพูดคำหยาบโลนออกมา แต่ทว่าฉันกลับรู้สึกสยิวหูเหลือเกินในเวลานี้เขาถอดเสื้อผ้าของฉันออกอย่างนุ่มนวลพร้อมกับใช้จมูกคลอเคลียที่ข้างแก้ม เสื้อผ้าถูกทิ้งกองลงกับพื้นจากนั้นเขาก็กอดเอวฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำฝ่ามือหนาลูบสบู่จนเกิดฟองแล้วละเลงไปทั่วร่าง นวดถูทำความสะอาดให้กับฉันสมกับเงินห้าพันที่เพื่อรักฉันพาเขาออกมาเพื่อเปิดโลกให้แก่ฉันเขาอาบน้ำให้เราทั้งคู่แล้วหลังจากนั้นเขาก็เริ่มพรมจูบฉันไปที่หัวไหล่ไล่ไปจนถึงหลังต้นคอ เป็นจูบที่รู้สึกนุ่มนวลและซ่านสยิวที่สุด คงเป็นเพราะความตื่นเต้นจึงทำให้ฉันรู้สึกอย่างมือของเขาลูบไล้ไปทั่วเนินสวาทและเต้าทั้งสองข้าง พร้อมๆ ก
แววตาของเพื่อนสาวที่มองด้วยความอ้อนวอนทำให้ฉันเริ่มใจอ่อนแต่ก็ยังลังเลกับคำชวนที่แสนห่ามนั้น“นะ นะ ดิว ไปเที่ยวบาร์โฮสเป็นเพื่อนฉันหน่อย ฉันจะออกเงินให้เธอเลย นะ นะ ได้โปรด” มิวยังคงอ้อนวอนไม่หยุด“ไม่เอาล่ะ ไม่เคยไป เราไปนั่งดื่มที่บาร์หาผู้ชายมาวันไนท์สแตนด์ด้วยจะไม่ดีกว่าเหรอ” ฉันลองออกความเห็นเสนออีกทางเลือกให้กับเพื่อนรัก“มันจะไปสนุกอะไรล่ะ อีกอย่างผู้ชายพวกนั้นน่ะก็หน้าเดิมๆ ไม่รู้ว่าจะวนเวียนมาเจอกันอีกตอนไหน หรือว่าจะเป็นคนใกล้ตัวของเราหรือเปล่า สู้ไปหาเด็กบาร์โฮสหล่อๆ เอาใจเก่งมาปรนนิบัติเราจะไม่ดีกว่าเหรอ” มิวยังคงพูดโน้มน้าวให้ฉันไปด้วยให้ได้ ท่าทางจะปฏิเสธยากเสียแล้วงานนี้“ไปก็ไป แต่ว่าฉันแค่ไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนนะ ไม่เอาผู้ชายพวกนั้นมานั่งคลอเคลีย ไม่ชินกับการถูกเอาใจ”“อย่าพึ่งพูดออกตัวไป ถ้าแกติดใจแล้วจะอายปากตัวเองนะจ๊ะ” มิวยิ้มแฉ่งแล้วส่งโลเคชั่นมาให้ฉัน“ร้านแท่งทอง69” ฉันอ่านชื่อร้านแล้วสยิวท้องน้อยตั้งแต่ยังไม่ไป แค่ชื่อร้านก็เสียวไส้แล้ว“แกจะไปเที่ยวเฉยๆ หรือว่าคิดจะพาออกมาด้วย” ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่สงสัยทั้งๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็อยากฟังจากปากเธอชัดๆ“ไปขนา
งานแต่งงานของเอมอรและซันได้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น งานฉลองแต่งงานก็เต็มไปด้วยความสนุกสนานของหนุ่มสาวในขณะที่ญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายเจ้าบ่าวแยกย้ายไปพักตามห้องพักที่จัดไว้ให้เพื่อนเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าบ่าวต่างก็ฉลองกันต่ออย่างสนุกสนานทิ้งท้ายงานฉลองแต่งงานอย่างสุดเหวี่ยงสุพิตที่พกสามีและลูกมาด้วยนั้นขอกลับไปก่อน ส่วนฤดีที่เป็นทั้งออแกไนเซอร์และเพื่อนเจ้าสาวไม่ได้ดื่มเหล้าและจะอยู่ดูแลงานจนถึงนาทีสุดท้าย“ฉันต้องกลับแล้วนะ เมามากแล้ว” รตีบอกเอมอรแล้วเข้าไปสวมกอดพร้อมกับอวยพรอีกรอบ“กลับไหวไหม ไม่ไหวนอนพักที่นี่สิ ฉันว่าต้องมีสักห้องแหละที่ว่างต้อนรับแก” เอมอรพูดแล้วปรายตาไปยังเพื่อนเจ้าบ่าวในชุดสูทสีฟ้าสามคนที่จ้องมองมาทางรตีด้วยสายตาที่มีความหวังพวกเขาเห็นรตีหันมามองก็รีบลุกขึ้นต่างอาสาจะพาเธอไปส่งกันทั้งนั้น“งั้นฉันขอตัวล่ะ มีความสุขมากๆ นะเอม คุณซัน” รตีอวยพรอีกครั้งแล้วเดินออกไปหาสามหนุ่มก่อนจะเดินเข้ามาพูดกับเธอต่อหน้าเจ้าบ่าวและแขกคนอื่นที่ยังนั่งดื่มต่อทั้งสี่คนเดินออกไปนอกห้องจัดงาน แล้วสามหนุ่มก็เริ่มแย่งเพื่อนเจ้าสาวกันทันที“คืนนี้น่านไปนอนกับธาร ฉันจะนอนอีกห้องกับคุณรตี” ภูผาบอ
วันต่อมาภูผาและน่านฟ้าก็ตามมาถึง น่านฟ้าถึงกับอดหมั่นไส้น้องชายไม่ได้ที่อีกฝ่ายโทรไปอวดว่าได้สนุกกับรตีก่อนตนซึ่งเป็นพี่“เด็ดอยู่บ้อธาร” ภูผาถามน้องชาย“เด็ดหลายครับอ้าย ขึ้นขี่ผมเด้งหน้าเด้งหลัง มีแฮงหลาย เอากันจนขาหล่อยเบิ่ด” ธารบอกแล้วยิ้มร่าอย่างพอใจ“อ้ายภูกับบักธารได้ไปแล้ว ต่อไปตาข้อยเด้อ” เขาบอกพี่ชายน้องชายด้วยภาษาบ้านเกิด จากนั้นก็เดินไปหารตีที่กำลังวุ่นกับการต้อนรับญาติๆ เข้าห้องพักตามหน้าที่ที่เธอรับอาสา“เหลืออีกเยอะไหมครับ ให้ผมช่วยไหม”“เหลือพ่อแม่เจ้าบ่าวน่าจะมาถึงช่วงเย็นค่ะ เห็นว่าแวะรับญาติคนอื่นมาด้วย”“ลุงกับป้าผมแก่แล้วครับ เมารถง่ายคนขับเลยต้องมาช้าๆ หน่อย” เขาบอกเธอแล้วมองด้วยสายตาที่มีความหวัง“เอ่อ...รอเสร็จงานพรุ่งนี้ก่อนไหมคะ” เธอบอกเขาอย่างรู้เท่าทันความคิด“ไม่ไหวหรอกครับ คนอื่นได้ไปหมดแล้วแต่ผมยังไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้วันนี้พรุ่งนี้ผมคงไม่สดชื่นแน่” เขาพูดแล้วทำตาปริบๆ อย่างอ้อนวอน“ก็ได้ค่ะ” เธอรับปากแล้วยิ้มอย่างชอบใจ หนุ่มๆ พวกนี้ท่าทางจะขาดของหนัก แต่ละคนมาถึงก็อยากมีแฮงกับเธอเหลือเกิน สงสัยว่าถ้าไม่ได้ก็คงจะรบเร้าไม่หยุดเขาพาเธอไปยังห้องพักของตนแล้วย
อีกสองวันก็จะถึงงานแต่งงานของเอมอรและซันแล้ว เพื่อนเจ้าสาวล่ารักอย่างรตีจึงต้องช่วยเพื่อนเตรียมงานเช่นเดียวกับเพื่อนเจ้าสาวอีกสองคนสุพิตช่วยดูแลเรื่องช่างแต่งหน้าที่จะมาแต่งหน้าให้ในงาน ส่วนฤดีที่เป็นออแกไนเซอร์อยู่แล้วก็ทำงานตามหน้าที่ของตนโดยมีทีมงานคุณภาพคอยช่วยเหลือรตีช่วยตรวจสอบความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานซึ่งใช้โรงแรมเป็นที่จัดงานและประสานงานห้องพักของญาติเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ใช้พักในช่วงจัดงาน รวมไปถึงห้องที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวใช้แต่งตัวซึ่งเหมาเช่าชั้นห้าทั้งชั้นเอาไว้ในงานนี้“สวัสดีครับคุณรตี” ธารที่มาถึงโรงแรมก่อนคนแรกทักทายเธอด้วยน้ำเสียงที่สดใส“มาไวจังเลยค่ะ โรงแรมจะเปิดให้พักในวันพรุ่งนี้ก่อนวันงานหนึ่งวันนะคะ” เธอบอกเขาเมื่อเห็นอีกฝ่ายที่ล็อบบี้“ผมเปิดห้องที่ชั้นเจ็ดไว้แล้วครับ พรุ่งนี้ค่อยย้ายมาชั้นห้า” เขาพูดแล้วยิ้มให้เธอพร้อมกับรอยยิ้มที่มีความหมาย“แล้วนี่เราเจอกันโดยบังเอิญหรือว่ารู้อยู่แล้วคะว่ารตีอยู่ที่นี่” เธอกอดอกถามเขา เข้าใจความหมายในแววตานั้นดี“ผมมาล่วงหน้าก่อนหนึ่งวันเพื่อมาหาคุณรตีโดยเฉพาะครับ โทรถามคุณเอมแล้วเธอบอกว่าคุณมาที่นี่ผมเลยมาพักที่นี่” เขาพูดแล