บนเตียงนอนขนาดคิงไซส์ปรากฎร่างของชายหนุ่ม และ หญิงสาวนอนกอดรัดกันอยู่บนเตียงนอนหนานุ่มขนาดกว้างประมาณ หก ฟุตได้…แขนข้างซ้ายของชายหนุ่มเหยียดยาวออกมาข้างหนึ่ง บนแขนข้างซ้ายของชายหนุ่มวัยยี่สิบเก้าปีมีศีรษะแข็งได้รูปสวยของหญิงสาวนอนหนุนอยู่คล้ายคู่รักข้าวใหม่ปลามัน
เรือนไหมนุ่มสลวยสีดำขลับของสาวเจ้าทิ้งตัวลงอย่างมีน้ำหนัก จมูกโด่งรั้นของชายหนุ่มจรดชิดหน้าผากกว้างของหญิงสาววัยยี่สิบห้าปีเศษ ๆ
ดวงตาคู่กลมโตของหญิงสาวเปล่งประกายวาวระยับ ยามเมื่อเวลานี้นรีกุลได้ลอบสังเกตสีหน้าของคนรักหนุ่มด้วยเเววตา เปี่ยมสุข
“นุ่นผมรักคุณนะ” เสียงเข้มของชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยออกมา
จากริมฝีปากสีชมพูระเรื่อพลางหันมามองหน้าอีกฝ่ายอย่างหลงใหล
ดวงตาคู่อ่อนโยนชวนฝันของนัฐธวีร์สะกดให้นรีกุลนอนนิ่ง อยู่กับที่หญิงสาวสบสายตาอันลุ่มลึกของนัฐธวีร์ราวกับหล่อนต้องอยู่ในมนต์สะกดของชายหนุ่มก็ไม่ปาน
“วีร์คะ” เสียงหวานของนรีกุลเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา เรียวปากบางของหญิงสาวไร้ซึ่งการแต่งแต้มสีแดงสดขยับขึ้น
“ครับ” นัฐธวีร์เอ่ยรับคำของหญิงสาวด้วยเสียงทุ้มสุภาพอ่อนโยน
“ผมรักนุ่นนะ” นัฐธวีร์กล่าวกับหญิงสาวอย่างหวงแหนพลางใช้นิ้วสากของตนเองไล้ใบหน้าอันไร้การเติมแต่งประทินโฉม
แต่อย่างใดของนรีกุล“นุ่นก็รักคุณค่ะ” นรีกุลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงและแววตาอ่อนละมุน พลางผุดลุกขึ้นนั่งแล้วใช้มือเรียวของหล่อนสวยเสยผมขึ้นอย่างลวก ๆ
นัฐธวีร์อดรู้สึกไม่ได้ว่า เวลานี้นรีกุลเป็นหญิงสาวที่สวยกว่าสตรีคนไหนในโลกใบนี้ที่เขาเคยเห็นมาหลายต่อหลายคน
“วีร์คะ” นรีกุลเอ่ยเรียกชายหนุ่มเพื่อดึงชายคนรักขึ้นจากภวังค์ด้วยเสียงหวานอันสดใสของเธอ
ยังไม่ทันที่นัฐธวีร์จะตอบ นรีกุลกระโดดผลุงลงจากเตียง พลางเดินไปดูเครื่องซักผ้าที่เพิ่งส่งสัญญาณเตือนเธอเป็นครั้งที่สอง
แม้ว่านัฐธวีร์เป็นรักครั้งที่สองของหญิงสาวหากแต่นรีกุลก็รักเขามากเหลือเกินเธอรักเขามากและวาดฝันไว้ว่าวันหนึ่งเขาและเธอคงจะได้อยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนกันไปจนแก่เฒ่า
ในความรักครั้งแรกของหญิงสาวตาสวยนั้น นรีกุลเลือกคบกับหนุ่มลูกเสี้ยวอิตาลีแต่แล้วก็ไปกันไม่รอด นั่นก็เพราะนิสัยการใช้เงินมือเติบของแฟนหนุ่มดีกรีนักเรียนนอกเช่นเขาทำให้ความรักของทั้งคู่ต้องอับปางลงอย่างหมดหนทาง
ทว่าครั้งนี้นรีกุลกลับตกหลุมรักนัฐธวีร์ตั้งแต่แรกเห็นอย่างจัง หญิงสาวอดรู้สึกไม่ได้ว่านัฐธวีร์มีออร่าเปล่งประกาย
กว่าชายหนุ่มคนอื่นในที่ทำงานเดียวกันเสียอีก นัฐธวีร์เป็นอาร์ตไดเร็คเตอร์ที่มีความสามารถพิเศษในการครีเอทงานอาร์ตเวิร์คเจ๋ง ๆ สวย ๆได้อย่างไม่มีที่ติและนรีกุล หญิงสาวก็ได้ เข้ามาเป็นนักออกแบบประจำบริษัทส่งออกเกมชื่อดังในแถบอาเซียน
เพียงครั้งแรกที่หญิงสาวพบเขาเข้านรีกุลอดรู้สึกไม่ได้ว่าเธอ ค้นพบชายหนุ่มที่หล่อนได้ค้นหามาตลอดทั้งชีวิต นักออกแบบสาวจึงวาดฝันมาตลอดที่จะได้แต่งงานกับชายหนุ่มตรง หน้าเธอคนนี้
เสียงสัญญาณของเครื่องจักรดังขึ้นอีกครั้งราวกับว่าจะบ่งบอกหญิงสาวให้ละทิ้งชายหนุ่มตรงหน้าแล้วหันมาสนใจเครื่องจักรกลอย่างมัน
นรีกุลผละออกจากนัฐธวีร์พลางเดินไปทางเครื่องจักรกลที่ เพิ่งทำงานเสร็จหมาด ๆ และมันได้ส่งสัญญาณเตือนแยกเธอออกจากนัฐธวีร์
นัฐธวีร์กระโดดลงจากเตียงนอนขนาดใหญ่ตามหญิงคนรักไปติด ๆ ร่างสูงสมส่วนก้าวขาเข้าไปยืนขวางทางนรีกุลจนเกือบทำให้ หญิงสาวต้องเซไปอีกทาง
นัฐธวีร์ย่อกายลงในท่าคุกเข่าขากำยำของเขา ชายหนุ่มชันขาขึ้นข้างหนึ่งขณะที่มือข้างขวาของนัฐธวีร์ล้วงหยิบ แหวนเงินเกลี้ยงเกลาออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเขา
นรีกุลอดรู้สึกตื่นเต้นจนหัวใจของเธอแทบระเบิดออกมา นอกอกไม่ได้ ทันทีที่หญิงสาวที่ได้เห็นท่าทีของชายหนุ่มคุกเข่าในท่าที่เธอฝันใฝ่มานานแสนนาน
“แต่งงานกันนะ” นัฐธวีร์เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าแดงก่ำจนลามไปถึงติ่งหูของเขา
ดวงตาคู่เรียวรีสีสนิมของนัฐธวีร์มองสบสายตากับดวงตากลมแป๋วราวกับเมล็ดอัลมอนด์ของนรีกุลยังไม่ทันที่นรีกุลจะได้กล่าวอะไรต่อนั้นมือหนาของชายหนุ่มพลันเอื้อมมาจับมือเรียวขาวละเอียดของหญิงสาวไว้อย่างอ่อนโยน
นรีกุลสะดุ้งเล็กน้อยหัวใจของหล่อนยามนี้เต้นแรงมากราวกับเธอได้ฟังเพลงแดนซ์สายย่อในเวลานี้
ดวงตาของนัฐธวีร์เปล่งประกายวาววับยามเมื่อเวลานี้เขาได้เอ่ยปากขอหญิงสาวที่ตนเองคบมาหกปีแต่งงานโดยที่สาวเจ้าไม่ทัน ได้รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อนว่านัฐธวีร์จะแอบซื้อแหวนแต่งงานให้เธออย่าง ลับ ๆ
“วีร์อย่าล้อนุ่นเล่นซิคะ”นรีกุลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้นขำ ในสีหน้าของชายหนุ่มพลางหันหน้ามามองเขาด้วยใบหน้าขึ้นสีจัดราวลูกมะเขือเทศ
ดวงตะวันยอแสงอาบท้องเวหาให้กลายเป็นสีแดงฉานเจือสีส้มระเรื่อแสงจากหน้าต่างเล็ดลอดเข้ามาสะท้อนกับเรือนไหมของหญิงสาวที่เวลานี้กำลังหน้าแดงระเรื่อจัดราวลูกตำลึงสุกก่ำ ๆ
“ตกลงค่ะ” เสียงหวานใสของนรีกุลเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกักความตื้นตันใจฉายชัดผ่านดวงตากลมโตสดใสของสาวเจ้านัฐธวีร์อดรู้สึกดีใจขึ้นมาไม่ได้ว่านรีกุลหญิงสาวคนรักของ เขาดีใจแม้หล่อนเห็นเพียงแหวนเงินเกลี้ยงเกลาธรรมดาสามัญที่เขา ตั้งใจเพียรเก็บหอมรอบริบมาทั้งเดือนนัฐธวีร์คาดไว้ว่านรีกุลคงจะไม่เหมือนจารีย์ผู้หญิงที่เขาคบคนก่อนหน้าที่ปรารถนาแต่ทรัพย์สมบัติของเขาและแหวนเพชร ราคาแพงเหยียบล้านหากนัฐธวีร์คาดคะเนไม่ผิดจากความเป็นจริงมากนัก นรีกุลจะต้องเป็นผู้หญิงที่มีแต่รักแท้…ให้เขาเป็นแน่ ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ในใจหยาดน้ำใสไหลคลอหน่วยตาของเธอด้วยความปรีดา… นรีกุลที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันนี้มาแสนนานอดรู้สึกปลาบปลื้มใจ ชื้นขึ้นมาไม่ได้สองหนุ่มสาวโผเข้าหากอดกันด้วยความรักมือข้างซ้ายของนัฐธวีร์ช้อนเรือนร่างอรชรของคนตัวเล็กขึ้นมาแล้วจับเอวของเธอหมุนไปรอบ ๆ ห้องนอนโอ่งโถงอย่างมีความสุขนรีกุลสัมผัสได้ถึงความรักอันเต็มเปี่ยมของนัฐธวีร์ ความสุขของทั้งสองคนได้ขยับขึ้นแล้วในความสัมพันธ์ของทั้งคู่นรีกุลอดรู้สึกไม่ได้ว่าในเวลานี้เธอคงจะเป็นเจ้าสาวที่มีความสุขที่สุดในโลกเพราะเธอจะมีนัฐธวีร์เคียงข้างไปในทุกช
“…” นัฐธวีร์ได้แต่นิ่งเงียบไร้การโต้เถียงกับปลายสายเรียกเข้าของเขาอยู่สักพักใหญ่ชายหนุ่มปล่อยให้ปลายสายอาละวาดใส่เขาอย่างไม่มีข้อ โต้เถียงใดใดออกมาจนสาแก่ใจนัฐธวีร์จึงอ้าปากหมายจะกล่าวประโยคต่อไปเพื่อตัด บทสนทนาระหว่างพ่อลูกทิ้งเสียดื้อ ๆ“แกรู้ไหมคุณปู่ของแก ท่านเสียแล้ว” แต่แล้วกรพจน์ ปลายสายที่โทรมาหาเขา ก็เปลี่ยนน้ำเสียงลงจนนัฐธวีร์สัมผัสได้นัฐธวีร์รู้สึกราวกับว่าเวลานี้พายุไต้ฝุ่นลูกใหญ่กำลังโถม กระหน่ำซัดเขาเข้าสู่ใจกลางพายุอย่างรุนแรงทุกอย่างรวดเร็วเสียจน เขาไม่สามารถทำใจยอมรับเหตุการณ์ได้เพียงประโยคแรกของบิดาเขาไม่อาจทำให้จิตใจของนัฐธวีร์ สงบนิ่งลงได้แม้แต่น้อยตรงกันข้ามเวลานี้หัวใจของชายหนุ่มกลับรู้สึกแน่นหน้าอกราวกับมีใครบางคนพยายามเคล้นมันออกมา และกระทืบให้มันแหลกเป็นเสี่ยง ๆ“อะไรนะครับ คุณพ่อ” นัฐธวีร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตระหนกจนนรีกุลที่ได้ยินบทสนทนาทั้งหมดอดเป็นห่วงในความสัมพันธ์พ่อลูกของชายคนรักไม่ได้มือสากหนาที่ถือสมาร์ทโฟนของชายหนุ่มหมดเรี่ยวแรงลง ทว่าหยาดน้ำใสไหลคลอออกมาจากหน่วยตาทั้งสองข้างของเขาอย่างอ่อนล้า“ครับผม…ผมจะรีบไปครับ” นัฐธวีร์กรอกเสียงลงไปตามปลาย
ดวงตาคู่สีสนิมของนัฐธวีร์เหลือบมองไปยังหญิงคนรัก ที่นอน หลับยังไม่ได้สติ เแต่ว่านรีกุลยังคงนอนหลับราวกับไม่รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นนัฐธวีร์ได้แต่ใส่หน้ามองหญิงคนรักอย่างนึกขำขันที่เขาตก หลุมรักผู้หญิงคนนี้ลงไปได้ชายหนุ่มโน้มใบหน้าคมคาย ลงใกล้กับใบหน้าได้รูปสวยของนรีกุลลมหายใจของนัฐธวีร์ในเวลานี้รินรดใกล้จมูก โด่งรั้นได้รูปสวยของหญิงสาว“นุ่นตื่นได้แล้วครับ” นัฐธวีร์เอ่ยขณะใช้มือสองข้างเขย่าที่หัวไหล่ของหญิงสาวอย่างแผ่วเบานรีกุลเปิดเปลือกตาขึ้นมามองรอบ ๆ อย่างเชื่องช้า เวลานี้หญิงสาวเหลียวมองไปบรรยากาศรอบ ๆ ด้วยความงุนงงเป็นที่สุดภาพที่ปรากฏตรงหน้าของนรีกุลเป็นลานจอดรถขนาดกว้างที่มีรถจอดเรียงรายหลายสิบคันได้หญิงสาวสังเกตเห็นความกังวลที่เด่นชัดออกมาจากนัยน์ตา สีสนิมคู่นั้นของของนัฐธวีร์ ชายคนรักของเธอ“วีร์คะมีกังวลอะไรอยู่หรือคะ”หญิงสาวเอ่ยถามพลางจับมือ ชายคนรักขึ้นมากอบกุมไว้อย่างอ่อนโยน“นุ่นคุณพร้อมเจอพ่อแม่ผมแล้วใช่ไหม”นัฐธวีร์เอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าเขาอย่างไม่มั่นใจในสถานการณ์ภายภาคหน้าของ เขาและเธอ“พร้อมแล้วค่ะ วีร์คะจากนี้ไปนุ่นจะอยู่กับคุณ” เสียงหวานนรีกุลเอ่ยพลางเอื้อ
หนุ่มสาวสองคนพากันเดินเข้าไปในงานสวดอภิธรรมศพของคุณปู่ของนัฐธวีร์ อย่างไม่สนใจสายตาที่จับจ้องมองมายังทั้งคู่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อของบิดาของนัฐธวีร์ เขาคือ กรพจน์ผ้าสีขาวผูกสลับไขว้กับผ้าสีดำไปมาตลอดทางยาวในงาน สวดอภิธรรมศพของ ‘คุณปู่กรชัย’ ของนัฐธวีร์นรีกุลสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าของชายคนรักและผู้มา ร่วมงานพิธีเคารพศพของปู่ของนัฐธวีร์แขกเหรื่อที่มาร่วมอาลัยในงานอวมงคลของนายกรชัย จิระชาญ ล้วนแล้วแต่แต่งกายสวมชุดสีขาวและสีดำ เพื่อเป็นเกียรติแก่งานศพของกรชัย จิระชาญ บุคคลที่ล่วงลับไปแล้วอย่างปู่ของนัฐธวีร์เวลานี้นัฐธวีร์และนรีกุลนั่งอยู่เบื้องหน้าของรูปภาพสีขาวดำของปู่ของนัฐธวีร์ ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของนัฐธวีร์ในเวลานี้เป็นใบหน้าคม เข้มของบุรุษคนหนึ่งแต่นัฐธวีร์ไม่คาดคิดมากก่อนว่าปู่ของเขาจะมีวันนี้ในสายตาของนัฐธวีร์ปู่กรชัยของเขาคือคนที่เขารักมากที่สุด และยังเป็นคนเดียวที่เขาไว้ใจเล่าความลับเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟังรวมทั้งเรื่องของหญิงคนรักอีกด้วยนัฐธวีร์ก้มกราบศพของปู่เขาเพียงครั้งเดียวพลางคุกเข่าคลาน ไปปักธูปที่กระถางหน้าโลงศพของปู่ตนเองกลุ่มควันสีขาวโขมงโชยออกมาจากธ
“ผมกับนุ่น เราสองคนวางแผนจะแต่งงานกันในเร็ว ๆ นี้ครับ” นัฐธวีร์เอ่ยตอบมารดาแท้ ๆ ของเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเสียจนมารดาของเขากลัวใจวูบหนึ่งที่นรีกุลอดรู้สึกไม่ได้ว่า มารดาของนัฐธวีร์มีท่าทีเปลี่ยนไป ทว่าชั่วขณะพริบตาเดียว มารดาของนัฐธวีร์ก็หันมาทางหญิงสาวที่ยืนทำหน้าไม่ถูกในบทสนทนาของแม่ลูกคู่นี้“ยินดีต้อนรับนะหนู” มารดาของนัฐธวีร์เอ่ยกับหญิงสาวที่เวลานี้ทำตัวไม่ถูกราวกับว่านรีกุลยังไม่เป็นตัวของตนเอง“ขอบคุณค่ะคุณแม่” นรีกุลกล่าวพลางยกมือไหว้มารดาของนัฐธวีร์“ใครรับหล่อนมาเป็นสะใภ้จิระชาญไม่ทราบ” เสียงเข้มของบุรุษคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความไม่คาดคิดของทุกคนนรีกุลหน้าเสีย หญิงสาวมีสีหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษเอสี่ที่ไร้การขีดเขียนใด ๆ ลงบนกระดาษ“คุณพ่อผมว่าคุณพ่อเมามากแล้วไปพักก่อนดีกว่าครับ” นัฐธวีร์กล่าวกับบิดาของเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อย่ามามั่วซั่ว ฉันไม่ได้เมา” กรพจน์เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจในวาจาของบุตรชายที่ไม่ได้เจอมานานแรมชาติ“ทำไมคุณพูดกับหนูนุ่นแบบนี้ล่ะคุณพจน์” มารดาของนัฐธวีร์เอ่ยเสียงแหลมสูงอย่างไม่พอใจที่สามีของเธอหักหน้าหล่อนและลูกชาย“ยังไงฉันก็ไม่มีวันยอมรับสะใภ้เจ๊กเ
ผ่านไป 6 เดือน นรีกุลจึงได้เข้าพิธีวิวาห์กับนัฐธวีร์ งานแต่งงานของทั้งสองจัดอยู่ในโบสถ์ราบรื่นจนแทบไม่มีที่ติ แขกเหรื่อในงานต่างพากันมาแสดงความยินดีกับบ่าวสาวทั้งสองรถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้ามายังบริเวณลานจอดรถของคฤหาสน์หลังใหญ่ภาพที่ปรากฏชัดในสายตาของหญิงสาวนั้นคือเคหาสน์สถานหลังใหญ่โตโอ่อ่าราวกับปราสาทราชวังของดยุคในนิทานแวมไพร์ที่นรีกุลชอบอ่านตั้งแต่ตอนเด็กปลายเท้าของหญิงสาวก้าวลงจากรถยนต์คันหรูราวกับละเมอ นรีกุลเดินเข้าไปใกล้รั้วสูงตั้งตระหง่านระฟ้าอย่างหลงใหลมือเรียวของหญิงสาวเอื้อมมือไปคว้าเหล็กสนิมเขรอะราวกับหล่อนได้ต้องมนต์ของคฤหาสน์มอนอฟอยด์เข้าเสียแล้วดวงตาคู่กลมโตราวกับอัลมอนด์สีน้ำตาลกรักของนรีกุลเบิกกว้างขึ้นยามเมื่อเวลานี้ร่างอรชรของหล่อนถูกเขย่าด้วยมือหนาของชายคนรัก“นุ่น” นัฐธวีร์เรียกภรรยาของเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนละมุน“คะ” นรีกุลกล่าวทว่าหญิงสาวต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อประตูรั้วที่หญิงสาวยืนจับอยู่ค่อย ๆ เคลื่อนออกจากกัน“วีร์คะ บ้านหลังนี้สวยมากเลย นุ่นอยากได้เป็นเรือนหอของเราค่ะ” นรีกุลกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานสายลมหอบพัดพาความหนาวเย็นจนไหล่กำยำของเขาสั่นสะท้าน นัฐธวีร์
นรีกุลเหลือบมองคฤหาสน์รอบด้านที่ไม่มีไฟสักดวงเดียวอย่างประหลาดใจ เรียวปากอมชมพูของนรีกุลจึงได้ขยับขึ้นเอ่ยถามพวกเขาว่า“คุณอาคะ ที่นี่ไม่มีหลอดไฟเหรอคะ” นรีกุลกล่าวด้วยสีหน้าตระหนก"ไม่มีหรอกจ้ะ หลอดไฟเป็นเชื้อเพลิงที่สิ้นเปลือง อาใช้แค่ตะเกียงจุดโคมแทน” อัญมณีกล่าวตอบนรีกุล หลานสะใภ้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยแก้วน้ำทรงสูงคล้ายแก้วไวน์ที่นรีกุลยกขึ้นทาบริมฝีปากหของหล่อนแทบจะร่วงหลุดจากมือสวยของหญิงสาว“แปลว่าที่นี่ไม่มีไฟฟ้าเหรอคะ” นรีกุลถามต่อขณะยกน้ำที่สาวใช้คนนั้นเสริ์ฟแขกขึ้นมาจิบเพียงจิบไปแค่คำแรกนรีกุลแทบสำลัก รสชาติของน้ำเฝื่อนอย่างที่นรีกุลไม่เคยลิ้มลองรสชาติประหลาดแบบนี้ที่ไหนมาก่อน“แค่ก ๆ” นรีกุลสำลักน้ำที่สาวใช้นำมาเสิร์ฟเฮือกใหญ่“หนูนุ่น” อัญมณีเอ่ยเรียกหลานสะใภ้แล้วยกมือทาบอกของหล่อนจนนัฐธวีร์เห็นทรวงอกเนินอวบอิ่มที่ซุกซ่อนไว้ของอัญมณีอย่างไม่ได้ตั้งใจทว่าอารามตระหนกทำให้นัฐธวีร์เข้าไปประคองนรีกุลอย่างอ่อนโยน ชายหนุ่มเอ่ยถามภรรยาตนเองด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า“นุ่นเป็นอะไรไหม คุณอานี่น้ำอะไรครับ” นัฐธวีร์กล่าวแล้วมองหน้าสาวใช้ที่ก้มหลบสายตาดุคมของเขาจนตัวสั่น“ไม่ค่ะวีร์ นุ่นไม่เ
แสงตะวันยามเช้าสาดแสงอาบรัศมีเล็ดลอดเข้ามายังหน้าต่างบานกว้างที่เปิดรับลมโชยอยู่ตลอดเวลานรีกุลกระพือขนตางอนยาวหนาอย่างเชื่องช้า มือเรียวของหญิงสาวควานหาสามีทว่าเธอกลับพบแค่เพียงความว่างเปล่าหัวใจของนรีกุลหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม ความเย็นวาบแทรกไปทั่วทุกอณูของร่างกายราวกับว่าชายหนุ่มกำลังจะทอดทิ้งหล่อนแล้วจากไปนรีกุลผุดลุกขี้นเป็นเวลาเดียวกันกับเสียงของโทรศัทพ์สมาร์ทโฟนของเธอดังขึ้นปลายสายเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่คุ้นเคยของผู้เป็นสามี นรีกุลถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกโล่งใจ“ค่ะวีร์” นรีกุลกล่าวเป็นคำแรกทันทีที่รับโทรศัพท์เขา“โทษทีนุ่นพอดีผมลืมไปว่าผมมีนัดคุยงานกับลูกค้าวันนี้ ผมออกมาแล้ว นุ่นอยู่ที่บ้านไปก่อนนะ” นัฐธวีร์กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนเบาคล้ายกับคนกำลังทำผิด“วีร์คะ ไม่เป็นไรค่ะ นุ่นเข้าใจ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“คุณจะกลับมาเย็นนี้ใช่ไหมคะ” นรีกุลกล่าวด้วยน้ำเสียงหวานใสพลางรอฟังคำตอบของสามีอย่างตื่นเต้น“ไม่น่าจะทันวันนี้นะนุ่น”นัฐธวีร์กล่าวพลางเหลือบมองตารางแผนงานในคอมพิวเตอร์ของเขาดวงตาของนรีกุลจับจ้องมองไปยังนาฬิกาเรือนโบราณ ขนาดใหญ่ คราบไรฝุ่นเกาะนาฬิกาเรือนโบราณที่
หล่อนจำต้อง ‘กลืน’ ความรู้สึกที่อยากบอกเรื่องราวมากมายในคฤหาสน์กับเขาลงไปก่อนที่นัฐธวีร์จะมองว่าเธออาจจะป่วยเป็นโรคทางระบบประสาทเสีย“วีร์ค่ะ” นรีกุลเอ่ยขึ้นแล้วมองมาทางใบหน้าของนัฐธวีร์ด้วยนัยน์ตาจริงจัง“ครับนุ่น” นัฐธวีร์กล่าวพลางทอดมองใบหน้าสวยของหญิงสาวที่เวลานี้มีหยดน้ำเกาะพราวบริเวณริมฝีปากอวบอิ่ม“นุ่นว่า…”“ปากเลอะครับนุ่น” นัฐธวีร์เอ่ยขึ้นพลางเอื้อมมือหนาของเขาเขี่ยบริเวณริมฝีปากของหญิงสาวอย่างอ่อนโยนเจ้าหล่อนรู้สึกร้อนที่ใบหน้าผะผ่าวขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงหน้าของนรีกุลแดงระเรื่อ ริมฝีปากสวยขยับเอ่ยบางสิ่งบางอย่างออกมา“นุ่นว่าที่นี่มีอะไรแปลก ๆ ค่ะ” ในที่สุดนรีกุลก็กล่าวออกมาด้วยความรู้สึกหวาดกลัวคิ้วเข้มของชายหนุ่มขมวดมุ่นเข้าหากันเป็นปมใหญ่ เรียวปากหยักเอ่ยถาม“แปลกยังไงเหรอครับ” ชายคนรักถามเสียงเข้มขณะจ้องมองใบหน้าหญิงสาวอย่างเริ่มมีโทสะ“วีร์คะนุ่นยอมรับนะคะว่านุ่นรู้สึกแปลก ๆ กับกับคฤหาสน์มอนอฟอยด์ ที่นี่ทำให้นุ่นรู้สึกว่ามันเป็นเหมือนคฤหาสน์ผีสิงอย่างไรก็ไม่รู้ค่ะ” พูดจบเจ้าหล่อนเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น“นุ่น” นัฐธวีร์เอ่ยเรียกชื่อของหล่อนด้วยน้ำเสียงดัง เ
คฤหาสน์มอนอฟอยด์“กรี๊ด” เสียงหวีดร้องแหลมสูงของใครบางคนหวีดเสียงลั่นห้องหับโอ่โถง“นังนุ่นนังผู้หญิงแพศยา” อัญมณีกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งมือหยาบกร้านภายใต้ถุงมือสีดำแสนสวยฉวยหยิบมีดด้ามคมกรีดไปยังรูปถ่ายงานแต่งงานสายฟ้าฟาดของหลานชายเป็นทางยาวทว่านั่นยังไม่สาแก่ใจของอัญมณี คุณอาสาวหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดภาพระหว่างนรีกุลและนัฐธวีร์จนขาดวิ่นไปทันทีแต่ไหนแต่ไรมาอัญมณีไม่เคยเกลียดและชิงชังผู้หญิงคนไหนเท่านังนรีกุลนี่มาก่อน เพราะนังหญิงแพศยานั้นคนเทียวที่ทำให้นัฐธวีร์หลานชายที่เธอรักยิ่งกว่าชีวิตเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอัญมณีแอบรักหลานชายนอกไส้อย่างนัฐธวีร์มาตลอดเวลา จนกระทั่งเขาเลือกที่จะเดินออกมาจากอ้อมอกของผู้เป็นมารดา และกรพจน์ พี่ชายของอัญมณีไปนอนกกผู้หญิงเชื้อสายจีนอย่างนรีกุลทำให้อัญมณียิ่งทวีความเกลียดชังในตัวของหญิงสาวมากกว่าเดิมเพราะหล่อนเชื่ออย่างสุดใจว่าผู้หญิงอย่างนรีกุลจะหาดีอะไรได้ นอกเสียจากจะมีเงินมีทองให้หลานนอกไส้ผลาญเล่นก็เท่านั้นเอง“แอนหล่อนจับตามองนังนุ่นไว้ให้ดี ฉันเชื่อว่านังนุ่นมันจะต้องกลับมาอีกแน่ อีมารหัวใจของฉัน…อีนรีกุล” อัญมณีคำรามเล็ดลอดไรฟัน“เจ้าค่ะคุณอา” แอนรับค
และเวลานี้เธอไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ก็เพราะว่าคนในคฤหาสน์โหดร้ายเกินกว่าที่จะเป็นมนุษย์นั่นเองหญิงสาวนั้นล้มตัวลงนอนข้างๆสามีของของตนเองทั้งกอดเขาแล้วซุกตัวใต้อ้อมกอดภายใต้รัตติกาลที่เงียบงันและวังเวงหญิงสาวโน้มตัวลงนอนอย่างยากที่จะข่มตาหลับลงได้แต่ภาพที่เห็นนั้นทำให้เธอลุกขึ้นมาสำรอกเศษอาหารทั้งหมดที่ได้กินไปจากตลาดทันทีหญิงสาวอาเจียนออกมาจนหมดเสียงอาเจียนของเธอดังลั่นจนทำให้สามีของเธอต้องลุกขึ้นมาอย่างตกใจ“เกิดอะไรขึ้นเหรอนุ่น” ชายหนุ่มถามภรรยาของเขาอย่างรวดเร็ว“ไม่ค่ะ นุ่นแคร์รู้สึกพะอืดพะอมเท่านั้น” หญิงสาวกล่าวอย่างรวดเร็วพลางหลุบตาต่ำลงมือหนาของชายหนุ่มเอื้อมมาลูบหลังของหญิงสาวยังแผ่วเบาแต่ยิ่งเขาลูบมากเท่าไหร่เศษอาหารของนรีกุลก็ออกมากเท่านั้น“ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้” สามีของหล่อนกล่าวแล้วเดินไปหาน้ำมาให้หญิงสาว“ไม่เป็นไรค่ะวีนุ่นเอาน้ำมาพอดีวีช่วยไปหยิบน้ำตรงนั้นให้หน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวกล่าวพลางชี้นิ้วไปยังขวดน้ำตนเองที่วางตั้งไว้“โอเคก็ได้” สามีของหล่อนกล่าวหญิงสาวสำรอกออกมาจนหมด ทั้งหมดนี่เป็นเพราะอัญมณีแท้ๆทีเดียวที่ทำให้หญิงสาวต้องอาเจียนอย่างไม่คาดคิดม
“อ้าย” เสียงหวีดร้องดังขึ้นท่ามกลางความสะใจของสตรีผู้หนึ่งที่มองมายังหญิงสาวเคราะห์ร้ายด้วยความโกรธเกลียดมีดเล่มคมปักลงบนหน้าอกของหญิงสาวอย่างที่อันนาเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว โลหิตสีแดงฉานไหลเปอะชุดคลุมของหญิงสาว พรหมจรรย์อย่างอันนาท่ามกลางเสียงหัวเราะของเเราหญิงสาวที่อยู่ในลัทธิบูชาเงาเจ้านรกเวลานี้เป็นเวลาที่หญิงสาวควรนอนหลับได้แล้วหากแต่สอง ขาของหญิงสาวกับไม่ขยับออกจากบริเวณเสาต้นใหญ่ที่หล่อนหลบซ่อนอยู่ได้เลยภาพที่ปรากฏตรงหน้าของนรีกุลนั้นคือสตรีที่ถูกมีดเล่มคม-ขนาดเล็กแทงเข้าที่หัวใจ เลือดของผู้หญิงคนนั้นไหลออกมาเป็นทางยาวอันนาที่เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่าวันนี้จะต้องบูชายันต์เงาเทพเจ้านรกได้แต่นอนนิ่งให้อัญมณีกรีดเลือดของเธอออกมาในปริมาณมากหากหญิงสาวคาดคะเนไม่ผิดเลือดของอันนาหญิงสาวที่ได้ทะเลาะกันที่นรีกุลเห็นตรงหน้าทางเข้าประตูห้องลับนั้นคงหลายร้อยซีซีเป็นแน่หญิงสาวยกมืออุดปากแทบไม่ทันเมื่อเห็นอัญมณีใช้มีดแหลมคมปาดเข้าที่คอของคนรับใช้สาวอันนามือเรียวของอันนาายกมือไหว้แล้วมองจ้องไปยังแท่นพิธีบูชาเงาเทพนรกดังกล่าวแล้วขยับริมฝีปากที่โชกไปด้วยเลือดว่า“ข้าแต่เทพนรก อั
มือสวยของเธอพลิกหน้าหนังสือโบราณขึ้นมาดู อารามไม่ทันระวังทำให้หนังสือที่หนักอึ้งเล่นนั้นหลุดออกจากมือของหล่อนไปยังด้านล่างของพื้นห้องนอนหญิงสาวหยิบ หนังสือที่กลับหัวขึ้นมามองอีกครั้งภาพที่ปรากฏตรงหน้าของหญิงสาวทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วอย่างรุนแรงหญิงสาวพบว่าเมื่ออ่านกลับหัวตัวอักษรนี้เป็นตัวอักษรรัสเซียโบราณที่มีอยู่มานานนับร้อยปีก่อนการค้นพบประวัติศาสตร์เสียอีกหญิงสาวค่อยๆสะกดทีละตัวตามที่ได้เรียนมาในโรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทยนิ้วมือข้างขวาของของเธอเริ่มจากยกนิ้วไล่ไปทีละบรรทัดทันทีที่หญิงสาวอ่านจบเธอก็อดรู้สึกขนลุกขนของสยองก้าวขึ้นมาไม่ได้ว่าในบันทึกเล่มนี้เป็นบันทึกของหญิงสาวคนหนึ่งชื่อว่าจารีย์ หนังสือเล่มนี้กล่าวว่า จารีเคยเป็นแฟนเก่าของกรวีซึ่งเป็นพี่ชายของสามีเธอ“งั้นแปลว่าผู้หญิงคนนี้เป็นพี่สะใภ้ของเราเหรอ” หญิงสาวกล่าวด้วยความไม่เข้าใจมากนักในบันทึกของพี่สะใภ้นั้นแม้จะเป็นภาษาที่อ่านออกยากแต่เธอก็เข้าใจดีว่าทำไมคฤหาสน์แห่งนี้ถึงเชื่อว่ามอนอฟอยด์เมื่อนำตัวอักษรทั้งหมดมาเรียงกันใหม่สามารถ แปลได้ว่าคฤหาสน์แห่งนี้เป็นคฤหาสน์ที่ชื่อว่าคฤหา
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้กล่าวอนุญาตให้ปล่อยวิญญาณร้ายตนนั้นก็ปรากฏโซ่ตรวนที่มาจากอากาศเข้ามาล่ามวิญญาณร้ายตนนั้นให้กลิ้งล้มลงไปเสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณร้ายตนนั้นเข้าสู่โสตประสาทของหญิงสาวอย่างรุนแรงหญิงสาวได้แต่มองวิญญาณร้ายที่ดีดดิhนอย่างหนทางสู้ด้วยความสงสารในใจในตอนนี้เธอมองเห็นแต่เพียงว่าวิญญาณร้ายตนนั้นหายลับไปเสียแล้วราวกับใครบางคนที่ส่งของมาสู่เธอนั้นได้กำจัดวิญญาณร้ายที่กำลังจะทรยศเขาด้วยน้ำมือของอาคมที่ถูกกำกับเอาไว้ดวงวิญญาณร้ายลอยตัวสูงขึ้นท่ามกลางโซ่ที่รอยรัดให้ร่างของมันแหลกสลายไม่นานนักก็เป็นดังที่นรีกุลคาดคิดไว้จริงๆเวลานี้ดวงจิตร้ายได้อันตรธานหายไปเสียแล้วหญิงสาวอดรู้สึกเสียดายไม่ได้ว่าด้วยวิญญาณร้ายตัวนี้จะได้ไปเกิดเสียทีแต่ใครกันที่ส่งวิญญาณร้ายไม่รู้อีโนอีเหน่ตัวนี้มาหาเธอ“อโหสิกรรมให้เขาเสียเถอะ” กุมารเทพที่อยู่ข้างกายของหญิงสาวเอ่ยขึ้นหญิงสาวผ่อนลมหายใจอย่างออกมาอย่างรุนแรง ราวกับจะปลดปล่อยความทุกข์ในใจที่หนักอึ้งอยู่ในตอนนี้เวลานี้ก็ดึกมากแล้วยังสาวคนเข้านอนได้เสียทีแต่ไม่ว่าจะนอนอย่างไรหญิงสาวก็ไม่อาจข่มตาลงหลับได้เมื่อเจอเหตุการณ์ เช่นนี้เป็นแน
หญิงสาวพยายามยกมือขึ้นสวดอ้อนวอนแต่ก็ไร้ผลเธอกลับยกมือไม่ขึ้นราวกับว่าเธอถูกผีอำอย่างไรอย่างนั้นยังไม่ทันธรรมดาหญิงสาวจะสวดมนต์จบเธอก็ได้ยินเสียงข้างหูพูดขึ้นมาว่า“พี่ไม่ต้องกลัวนะกุมารอยู่ด้วยทั้งคน”เวลานี้หญิงสาวลืมไปเสียสนิทเลยว่า หล่อนได้นำกุมารทองเข้ามายังคฤหาสน์แห่งนี้โดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าที่แห่งนี้เสียก่อนความเย็นแสนน่าหวาดกลัวแทรกซึมไปทั่วผิวกาย นรีdกุลรับรู้ได้ถึงมือหยาบกร้านของวิญญาณร้ายที่สัมผัสโดนผิวของหล่อนมือสากหยาบกร้านของผีร้ายอดทำให้รู้สึกไม่ได้ว่าหล่อนรังเกียจขยะแขยงมือของมันมากเพียงใดทว่ายังไม่ทันที่วิญญาณร้ายจะได้แผลงฤทธิ์ก็ปรากฏแสงสว่างสีทองมาครอบคลุมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของหญิงสาวเอาไว้เสียก่อนแสงสีทองสว่างวาบทำให้วิญญาณร้ายกระเด็นออกจากตัวของหล่อนทันทีหญิงสาวรู้สึกฉงนในใจทว่าไม่นานนักหญิงสาวก็ได้คำตอบว่าแสงสีทองที่ทำให้วิญญาณร้ายหายไปนั้นมาจากใครภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าของหญิงสาวคือเด็กชายหัวจุก บนศรีษะประดับด้วยรัดเกล้าทองคำลงยาอร่ามตาใบหน้าของกุมารทองตนนั้นงดงามราวกับเทพสวรรค์ลงมาจุติหญิงสาวเคยได้ยินมาว่า เทพเจ้านาจาเทพประจำตระกูลของหญิงสาวนั้น เป็
8.กุมารเทพ ผู้ช่วยคนใหม่ ค่ำคืนนั้นสามีของหล่อนไม่ได้รับประทานอาหารที่นรีกุลตั้งใจว่าจะทำนรีกุลเดินลงมาบริเวณโถงในห้องอาหารขนาดกว้างมากกว่าสองห้องรวมกัน สายตาเจ้ากรรมของหญิงสาวเหลือบมองสาวใช้ที่นำอาหารมาจัดลงในจานทว่าเพียงแวบเดียวนรีกุลก็ยืนตัวเซ หญิงสาวจึงขอตัวกลับไปยังห้องนอนของเธอและสามีของเธอมือเรียวของนรีกุลเอื้อมหมุนลุกบิดแล้วผลักเข้าไปยังห้องนอนของเธอปลายเท้าเรียวขาวสะอาดของหญิงสาวสาวเท้าเข้าไปหยุดยังบานกระจกบานกว้างที่สลักลายบางอย่างมือเรียวของหญิงสาวหยิบหวีแปรงมาสางเส้นไหมที่พันกันยุ่งเหยิงให้เรียบร้อยดังเดิมนรีกุลได้ยินเสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้น หญิงสาวรีบมุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มทันที“คุณผู้หญิงคะ คุณอาอัญมณีให้ดิฉันนำอาหารค่ำมาให้ค่ะ” เสียงของคนรับใช้เคาะเรียกนรีกุลอยู่หน้าห้องนรีกุลชักสีหน้าเบื่อหน่ายในการกระทำบังคับบัญชาของอัญมณี คุณอาผู้ดูแลมรดกตกทอดของปู่กรชัย หญิงสาวกรอกตาไปมาพลางกระแอมไอเล็กน้อย“กลับมาแล้วเหรอจ้ะตาวีร์” อัญมณีเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยแววตาเป็นประกาย“นุ่นละครับ คุณอา” นัฐธวีร์เอ่ยถามผู้ดูแลคฤหาสน์ด้วยน้ำเสียงสงสัยเมื่อไม่เห็นภรรยาสาวของตนเองร่วมโต
นรีกุลอดรู้สึกไม่ได้ว่าเธอหนักบ่าอย่างมาก หากแต่หญิงสาวไม่สะดวกในการนวดทำให้เธอต้องขับรถกลับทั้ง ๆที่หนักไหล่หนักบ่าอย่างมากรถยนต์คันหรูแล่นมาจอดเทียบหน้าคฤหาสน์มอนอฟอยด์นรีกุลสาวเท้าลงจากรถพร้อมข้าวของเครื่องใช้และอาหารสดมือเรียวของหญิงสาวเอื้อมมาบีบนวดไหล่ทันทีที่เธอส่งของให้สาวใช้ในคฤหาสน์ให้เอาไปเก็บนรีกุลเอื้อมมือดึงกุญแจแล้วไขประตูห้องนอนในเคหาสน์ สถานมอนอฟอยด์แห่งนี้ สายลมเย็นกรีดผิวเนื้อหอบเอากลิ่นเน่าเหม็นจากถังขยะเข้ามาสู่ห้องนอนของเธอและสามี“สงสัยเขาจะลืมไปว่า เราเอาขยะมาทิ้ง รีบปิดหน้าต่างดีกว่า” นรีกุลกล่าวพลางงับบานหน้าต่างอย่างรวดเร็วเงาสะท้อนของหน้าต่างทำให้นรีกุลเห็นรองเท้าสีดำพาดอยู่บนคอของเธอนรีกุลรู้สึกเย็นวาบราวกับอยู่กลางช่องแช่แข็งก็ไม่ปาน หญิงสาวเอื้อมมือไปเปิดหน้าต่างอีกครั้งแล้วรวบรวมสติทั้งหมดที่มีเข้าไว้ด้วยกัน“หยุดเพ้อเจ้อได้แล้วนุ่นที่นี่ไม่มีอะไรหรอก แค่แปลกไปจากที่ ที่เราเคยอยู่ และ ผู้คนที่เราเคยคุ้นเคยเท่านั้นเอง” นรีกุลปลอบตนเองอย่างแผ่วเบาหญิงสาวงับบานหน้าต่างเข้าหาตนเองอีกครั้ง คราวนี้ภาพสะท้อนของกระจกเงาก็พบว่าบนไหล่ของหญิงสาวว่าง เปล่า