ผ่านไป 6 เดือน นรีกุลจึงได้เข้าพิธีวิวาห์กับนัฐธวีร์ งานแต่งงานของทั้งสองจัดอยู่ในโบสถ์ราบรื่นจนแทบไม่มีที่ติ แขกเหรื่อในงานต่างพากันมาแสดงความยินดีกับบ่าวสาวทั้งสอง
รถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้ามายังบริเวณลานจอดรถของคฤหาสน์หลังใหญ่
ภาพที่ปรากฏชัดในสายตาของหญิงสาวนั้นคือเคหาสน์สถานหลังใหญ่โตโอ่อ่าราวกับปราสาทราชวังของดยุคในนิทานแวมไพร์ที่นรีกุลชอบอ่านตั้งแต่ตอนเด็ก
ปลายเท้าของหญิงสาวก้าวลงจากรถยนต์คันหรูราวกับละเมอ นรีกุลเดินเข้าไปใกล้รั้วสูงตั้งตระหง่านระฟ้าอย่างหลงใหล
มือเรียวของหญิงสาวเอื้อมมือไปคว้าเหล็กสนิมเขรอะราวกับหล่อนได้ต้องมนต์ของคฤหาสน์มอนอฟอยด์เข้าเสียแล้ว
ดวงตาคู่กลมโตราวกับอัลมอนด์สีน้ำตาลกรักของนรีกุลเบิกกว้างขึ้นยามเมื่อเวลานี้ร่างอรชรของหล่อนถูกเขย่าด้วยมือหนาของชายคนรัก
“นุ่น” นัฐธวีร์เรียกภรรยาของเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนละมุน
“คะ” นรีกุลกล่าวทว่าหญิงสาวต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อประตูรั้วที่หญิงสาวยืนจับอยู่ค่อย ๆ เคลื่อนออกจากกัน
“วีร์คะ บ้านหลังนี้สวยมากเลย นุ่นอยากได้เป็นเรือนหอของเราค่ะ” นรีกุลกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
สายลมหอบพัดพาความหนาวเย็นจนไหล่กำยำของเขาสั่นสะท้าน นัฐธวีร์มองสำรวจภรรยาสาวของเขาด้วยแววตารักใคร่
“ได้สิครับ ที่นี่แหละมรดกของคุณปู่” นัฐธวีร์กล่าวกับหญิงคนรักที่มาวันนี้เธอได้กลายเป็นภรรยาของเขาอย่างเต็มตัวเสียแล้ว
“จริงเหรอคะวีร์ วิเศษไปเลยค่ะ” นรีกุลกล่าวด้วยสีหน้าเริงร่า
“วีร์จะโกหกนุ่นไปทำไมล่ะคะ” นัฐธวีร์กล่าวพลางเอื้อมมือหนาปัดปอยผมบาง ๆ ของหญิงสาวมาทัดหูให้นรีกุล
นรีกุลยิ้มเขิน ดวงหน้าสวยแต้มระบายรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันของหล่อนที่ขัดจนขาวสะอาด
ภาพความน่ารักของคู่สามีภรรยาทำให้หญิงสาวที่มองผ่านผ้าม่านสีดำด้วยความไม่พอใจเป็นพ้นทวี
“พวกคุณเป็นใครกัน” เสียงหวานหากแต่ทรงพลังของสตรีคนหนึ่งเดินเข้ามาแทรกกลางนรีกุลและชายคนรัก
“อ้อผมชื่อนัฐธวีร์ครับ เป็นหลานของปู่กรชัยครับ” ท้ายประโยคชายหนุ่มเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำเสียจนสตรีตรงหน้าแย้มรอยยิ้มอย่างพอใจ
“อ้อ อานึกว่าใครที่แท้ก็หลานวีร์นี่เอง” อัญมณีกล่าวด้วยท่าทีสุภาพ
“สวัสดีครับคุณอา” นัฐธวีร์กล่าวขึ้นพลางหันไปสบสายตาของหญิงสาวที่มองมาทางเขาอย่างสงสัย
“นี่นุ่นครับคุณอา เป็นภรรยาของวีร์” เสียงเข้มของนัฐธวีร์ดึงสติของอัญมณีได้เป็นอย่างดี
“สวัสดีจ้ะ” อัญมณีกล่าวขณะยกมือรับไหว้จากนรีกุล
“สวัสดีค่ะ คุณอา” นรีกุลเอ่ยพลางแย้มเรียวปากสีสวยของตนเองฉีกยิ้มกว้างส่งให้อัญมณี
“หลานวีร์มาเหนื่อย ๆ หลานมานั่งข้างในก่อนซิ” อัญมณีกล่าวพลางชักชวนนัฐธวีร์และนรีกุลให้เดินตามเข้ามา
“ดีเหมือนกันครับคุณอา ผมรู้สึกกระหายน้ำพอดี” นัฐธวีร์กล่าวพลางจูงมือของนรีกุลเดินตามอาสาวของเขาให้เข้ามาด้านใน
หญิงสาวเดินตามเขามาอย่างว่าง่าย นัฐธวีร์ปล่อยมือของนรีกุลทันทีที่เขาเดินเข้ามาถึงพรมเช็ดเท้าขนาดใหญ่หลายเมตร
นรีกุลก้มลงถอดรองเท้าส้นสูงที่หล่อนใส่มาในการมาฮันนีมูนกับสามีของเธอ
ปลายเท้าเรียวขาวสะอาดของหญิงสาวสัมผัสกับพรมเช็ดเท้าหน้าคฤหาสน์ที่อ่อนละมุน นรีกุลอดรู้สึกชอบลายพรมผืนนี้ไม่ได้ทว่าเสียงของนัฐธวีร์ดังขึ้นข้างหูของเธอ
“เป็นอะไรไหมนุ่น วันนี้คุณดูเหนื่อยนะ” นัฐธวีร์กล่าวแสดงความห่วงใยในตัวของภรรยารัก
“ค่ะวีร์ นุ่นรู้สึกเพลีย ๆ อย่างไรชอบกล” นรีกุลเอ่ยขึ้นขณะที่ก้าวเดินตามนัฐธวีร์ไปยังห้องโถงรับแขก
“นั่งก่อนซิจ้ะ” อัญมณีกล่าวกับหลานวีร์และนรีกุล
หญิงสาวนั่งลงอย่างว่าง่ายบนโซฟาตัวยาวหนานุ่มที่อัญมณีเชื้อเชิญให้เธอนั่ง
ดวงตาคู่กลมโตของหญิงสาวกวาดสายตาไปมองยังหญิงสาววัยกำดัดคนหนึ่ง เธอสวมชุดคลุมยาวกรอมเท้าสีดำสนิทในมือของหล่อนถือถาดน้ำสีม่วงไว้พร้อมเสริ์ฟชายหญิงทั้งสอง
“นี่เภครา หลานวีร์จำอาเภคราได้ไหมจ้ะ” อัญมณีเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
ตั้งแต่นรีกุลเกิดมาไม่เคยเห็นครอบครัวใดจะแต่งกายเหมือนครอบครัวของสามีหล่อนเลย
ดวงตาคู่กลมโตของหญิงสาวลอบมองไปยังอัญมณี น้องสาวของบิดาของกรพจน์
ภาพที่ปรากฎเด่นชัดในสายตาของนรีกุลนั้นเป็นภาพที่หาดูได้ยาก
เค้าโครงหน้ารูปไข่ได้รูปสวยแต่งแต้มริมฝีปากด้วยสีแดงอ่อน เรือนผมของอัญมณีเงางามดำขลับเป็นประกายยามต้องแสงตะเกียง
นรีกุลเหลือบมองคฤหาสน์รอบด้านที่ไม่มีไฟสักดวงเดียวอย่างประหลาดใจ เรียวปากอมชมพูของนรีกุลจึงได้ขยับขึ้นเอ่ยถามพวกเขาว่า“คุณอาคะ ที่นี่ไม่มีหลอดไฟเหรอคะ” นรีกุลกล่าวด้วยสีหน้าตระหนก"ไม่มีหรอกจ้ะ หลอดไฟเป็นเชื้อเพลิงที่สิ้นเปลือง อาใช้แค่ตะเกียงจุดโคมแทน” อัญมณีกล่าวตอบนรีกุล หลานสะใภ้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยแก้วน้ำทรงสูงคล้ายแก้วไวน์ที่นรีกุลยกขึ้นทาบริมฝีปากหของหล่อนแทบจะร่วงหลุดจากมือสวยของหญิงสาว“แปลว่าที่นี่ไม่มีไฟฟ้าเหรอคะ” นรีกุลถามต่อขณะยกน้ำที่สาวใช้คนนั้นเสริ์ฟแขกขึ้นมาจิบเพียงจิบไปแค่คำแรกนรีกุลแทบสำลัก รสชาติของน้ำเฝื่อนอย่างที่นรีกุลไม่เคยลิ้มลองรสชาติประหลาดแบบนี้ที่ไหนมาก่อน“แค่ก ๆ” นรีกุลสำลักน้ำที่สาวใช้นำมาเสิร์ฟเฮือกใหญ่“หนูนุ่น” อัญมณีเอ่ยเรียกหลานสะใภ้แล้วยกมือทาบอกของหล่อนจนนัฐธวีร์เห็นทรวงอกเนินอวบอิ่มที่ซุกซ่อนไว้ของอัญมณีอย่างไม่ได้ตั้งใจทว่าอารามตระหนกทำให้นัฐธวีร์เข้าไปประคองนรีกุลอย่างอ่อนโยน ชายหนุ่มเอ่ยถามภรรยาตนเองด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า“นุ่นเป็นอะไรไหม คุณอานี่น้ำอะไรครับ” นัฐธวีร์กล่าวแล้วมองหน้าสาวใช้ที่ก้มหลบสายตาดุคมของเขาจนตัวสั่น“ไม่ค่ะวีร์ นุ่นไม่เ
แสงตะวันยามเช้าสาดแสงอาบรัศมีเล็ดลอดเข้ามายังหน้าต่างบานกว้างที่เปิดรับลมโชยอยู่ตลอดเวลานรีกุลกระพือขนตางอนยาวหนาอย่างเชื่องช้า มือเรียวของหญิงสาวควานหาสามีทว่าเธอกลับพบแค่เพียงความว่างเปล่าหัวใจของนรีกุลหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม ความเย็นวาบแทรกไปทั่วทุกอณูของร่างกายราวกับว่าชายหนุ่มกำลังจะทอดทิ้งหล่อนแล้วจากไปนรีกุลผุดลุกขี้นเป็นเวลาเดียวกันกับเสียงของโทรศัทพ์สมาร์ทโฟนของเธอดังขึ้นปลายสายเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่คุ้นเคยของผู้เป็นสามี นรีกุลถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกโล่งใจ“ค่ะวีร์” นรีกุลกล่าวเป็นคำแรกทันทีที่รับโทรศัพท์เขา“โทษทีนุ่นพอดีผมลืมไปว่าผมมีนัดคุยงานกับลูกค้าวันนี้ ผมออกมาแล้ว นุ่นอยู่ที่บ้านไปก่อนนะ” นัฐธวีร์กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนเบาคล้ายกับคนกำลังทำผิด“วีร์คะ ไม่เป็นไรค่ะ นุ่นเข้าใจ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“คุณจะกลับมาเย็นนี้ใช่ไหมคะ” นรีกุลกล่าวด้วยน้ำเสียงหวานใสพลางรอฟังคำตอบของสามีอย่างตื่นเต้น“ไม่น่าจะทันวันนี้นะนุ่น”นัฐธวีร์กล่าวพลางเหลือบมองตารางแผนงานในคอมพิวเตอร์ของเขาดวงตาของนรีกุลจับจ้องมองไปยังนาฬิกาเรือนโบราณ ขนาดใหญ่ คราบไรฝุ่นเกาะนาฬิกาเรือนโบราณที่
“ก็หมายความว่าวันนี้วีร์จะค้างบ้านไอ้ทิตย์น่ะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้วีร์จะกลับไปนะครับ รักนะครับ ฝันดีครับ” นัฐธวีร์กล่าวพลางตัดสายของหญิงสาวทิ้งทันทีเมื่อปลายสายวางลงไปญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างกังวล“ปกติวีร์ไม่ได้เป็นคนแบบนี้” สาวเจ้าบ่นกระปอดกระแปดมือเรียวของหญิงสาววางโทรศัพท์ลงอย่างรวดเร็วนรีกุลกรอกตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์กับการกระทำของนัฐธวีร์สามีของเธอ“แล้วถ้าเมื่อกี้ไม่ใช่วีร์ แล้วใครกดออด” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจในเหตุการณ์แปลกประหลาดที่ตนเองพบเจอ“หรือว่าจะถามวีร์ให้รู้เรื่องดีนะ เพราะว่าวันนี้ทั้งบ้านก็ออกไปงานสังคมกันหมด” นรีกุลกล่าวขึ้นอย่างกังวลใจสายลมเย็นหอบพัดความหนาวเย็นกรีดผิวเนื้อของหญิวสาว นรีกุลหันไปมองหน้าต่างบานกว้างที่เปิดรับลมหนาวอยู่“ทำไมหน้าต่างห้องนี้ยังไม่ปิดนะ” หญิงสาวกล่าวขึ้นแล้วทอดสายตามองไปยังลานสวนดอกไม้กว้างใหญ่อย่างประหลาดใจ ทว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่หล่อนจะมาชมสวนในคฤหาสน์หลังโตแบบนี้นรีกุลแหงนมองเมฆก้อนใหญ่ที่เริ่มบดบังแสงจันทร์ที่แต่เดิมก็มีอย่างริบหรี่เต็มทีมือเรียวของนรีกุลงับหน้าต่างบานใหญ่ให้เข้าหากันอย่างไม่สนใจใคร…ไฉนเลยหญิงสาว
นรีกุลตกใจตื่นขึ้นทันที ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยเหงื่อชทื้นตามร่างกายที่เปียกซกหญิงสาวมองเห็นเงาสะท้อนของตนผ่านกระจกเงา สัมผัสของหญิงสาวบ่งบอกว่าที่คฤหาสน์แห่งนี้ต้องมีอะไรสิงอยู่เป็นแน่หญิงสาวล้มตัวลงนอนอีกครั้งในฝันของเธอ ปลายเท้าสองข้างของหญิงสาวรีบสาวเท้ากลับเข้าไปยังห้องนอนของเธอกับกรวีอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องมองมายังเธอด้วยแววตาอาฆาตพยาบาทชิงชังริษยานรีกุลยังรู้สึกตกใจยังไม่หายทว่าการต่อสายโทรศัพท์หาสามีในเวลาเที่ยงคืนเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะทำหญิงสาวปีนขึ้นเตียงแล้วเอื้อมหยิบผ้าห่มนวมในคฤหาสน์แห่งนี้มาพันรอบตัวไว้ความตระหนกทำให้เธอหดตัว จนแทบจะงอเป็นกุ้งได้ หญิงสาวอดรับรู้ถึงคำว่าหวาดกลัวและความแปลกประหลาดในคฤหาสน์มอนอฟอยด์แห่งนี้ไม่ได้ตั้งแต่ที่นรีกุลก้าวเข้ามาเป็นสะใภ้ของตระกูลจิระชาญแห่งนี้นรีกุลก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของครอบครัวที่พวกเขาไม่เป็นมิตรกับเธอเอาเสียเลยไม่ว่าจะเป็นคุณอาอัญมณีที่แวบแรกที่นรีกุลมองเห็นเธอว่าคุณอาไม่มีลูกกะตาดำสร้างความตระหนกให้กับหญิงสาวเป็นวันๆ หากนัฐธวีร์ยังกล่าวกับเธออย่างนึกขำขันว่านุ่นเธอไม่รู้หรอกว่าคุณอาแอบใส่คอน
“วีร์คะ” นรีกุลร้องเรียกชื่อเขาอย่างละเมอฝันหญิงสาวต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเวลานี้แก่นกำยำของนัฐธวีร์สอดแทรกผ่านช่องทางสวรรค์ของเธออย่างไม่ปรานีคนตัวเล็กเบื้องล่างสติของหญิงสาวเริ่มกลับมาอีกครั้ง นรีกุลสัมผัสได้ถึงความคับแน่นของแก่นกำยำในตัวของสามีของหล่อนนัฐธวีร์เริ่มเกมกามารมณ์อย่างช่ำชอง นรีกุลร้องซี้ดครวญหวานด้วยความเสียวกำซาบซ่านซึมไปทั่วกายาสติของหญิงสาวกระเจิดกระเจิงในยามที่ชายหนุ่มเข้าออกเป็นจังหวะจะโคนอย่างไม่รอรีนรีกุลอดรู้สึกขึ้นมาไม่ได้ว่าเวลานี้หล่อนได้กลายร่างเป็นนกที่ถูกปล่อยอิสระ ผกผินไปทั่วท้องเวหานภาอันกว้างใหญ่ริมฝีปากบางของนรีกุลถูกครอบครองด้วยเรียวปากของนัฐธวีร์ ความร้อนระอุแทรกซึมไปทั่วสรรพางค์กายาของหญิงสาวลิ้นสากของชายหนุ่มแทรกเข้าไปยังโพรงปากของหญิงสาวภรรยาที่เขารักยิ่ง เวลานี้มีเพียงเขาที่ได้ครอบครองความหวานในโพรงปากหอมละมุนของนรีกุล ภรรยาเพียงคนเดียวที่เขารักและเทิดทูนเธอเป็นอย่างมากมือหนาของนัฐธวีร์ได้ล้วงเข้าไปยังทรวงอกอวบอิ่มของนรีกุล ชายหนุ่มออกแรงเคล้นคลึงทรวงอกของหล่อนทั้งสองด้วยแรงปรารถนาที่แสนกำหนัดอย่างที่นรีกุลไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนแววตาของนรี
“ผมไปก่อนนะนรีกุล” นัฐธวีร์เอ่ยกับภรรยาสาวของเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ค่ะ วีร์” หญิงสาวขานรับขณะเปิดประตูบ้านคฤหาสน์หลังใหญ่ให้เขา“วีร์อยากทานอะไรคะเย็นนี้” นรีกุลเอ่ยถาม“ผมอยากกินแกงจืดฝีมือคุณ” นัฐธวีร์เอ่ยบอกกับว่าที่เจ้าสาวของเขา“ค่ะงั้นวันนี้นรีกุลจะไปตลาดนะคะ”นรีกุลเอ่ยบอกชายหนุ่ม หญิงสาวคลี่ยิ้มอย่างสดใสส่งให้กับเขาแววตาของหล่อนเวลานี้เด่นชัดถึงความสุขใจ ที่ได้อยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับสามีของหล่อนเองรถยนต์คันหรูของสามีแล่นหายลับตาของหญิงสาวไป แล้ วทว่าหญิงสาวกลับยังยืนมองชายหนุ่มอยู่ตรงหน้าคฤหาสน์มอนอฟอยด์นรีกุลหมุนตัวกลับไปยังด้านหน้าคฤหาสน์ สายลมเย็นพัดกรีบผิวเนื้อของหญิงสาวจะต้องยกมือขึ้นมารูปขน แขนยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ตั้งตัวสายตาของเธอเห็นเงาสีดำของใครบางคน ตัดผ่านหน้าเธอไปราวกับว่าเงาดำของปริศนานั้นยังคงวนเวียนอยู่ข้างตัวของเธอห้างสรรพสินค้าใกล้คฤหาสน์บรรยากาศในห้างสรรพสินค้ายามนี้มีผู้คนหนาแน่นคับคั่ง มาจับจ่ายใช้สอยขณะที่นรีกุลเดินอย่างเดียวดายหญิงสาวเหลือบเห็นเงาดำด้านหลังของหล่อนขณะที่แสงแดดส่องผ่าน เธอยกมือขยี้ตาของตนเองอย่างแผ่วเบาทว่าเธอก็ได้พบว่าบุรุษป
นรีกุลอดรู้สึกไม่ได้ว่าเธอหนักบ่าอย่างมาก หากแต่หญิงสาวไม่สะดวกในการนวดทำให้เธอต้องขับรถกลับทั้ง ๆที่หนักไหล่หนักบ่าอย่างมากรถยนต์คันหรูแล่นมาจอดเทียบหน้าคฤหาสน์มอนอฟอยด์นรีกุลสาวเท้าลงจากรถพร้อมข้าวของเครื่องใช้และอาหารสดมือเรียวของหญิงสาวเอื้อมมาบีบนวดไหล่ทันทีที่เธอส่งของให้สาวใช้ในคฤหาสน์ให้เอาไปเก็บนรีกุลเอื้อมมือดึงกุญแจแล้วไขประตูห้องนอนในเคหาสน์ สถานมอนอฟอยด์แห่งนี้ สายลมเย็นกรีดผิวเนื้อหอบเอากลิ่นเน่าเหม็นจากถังขยะเข้ามาสู่ห้องนอนของเธอและสามี“สงสัยเขาจะลืมไปว่า เราเอาขยะมาทิ้ง รีบปิดหน้าต่างดีกว่า” นรีกุลกล่าวพลางงับบานหน้าต่างอย่างรวดเร็วเงาสะท้อนของหน้าต่างทำให้นรีกุลเห็นรองเท้าสีดำพาดอยู่บนคอของเธอนรีกุลรู้สึกเย็นวาบราวกับอยู่กลางช่องแช่แข็งก็ไม่ปาน หญิงสาวเอื้อมมือไปเปิดหน้าต่างอีกครั้งแล้วรวบรวมสติทั้งหมดที่มีเข้าไว้ด้วยกัน“หยุดเพ้อเจ้อได้แล้วนุ่นที่นี่ไม่มีอะไรหรอก แค่แปลกไปจากที่ ที่เราเคยอยู่ และ ผู้คนที่เราเคยคุ้นเคยเท่านั้นเอง” นรีกุลปลอบตนเองอย่างแผ่วเบาหญิงสาวงับบานหน้าต่างเข้าหาตนเองอีกครั้ง คราวนี้ภาพสะท้อนของกระจกเงาก็พบว่าบนไหล่ของหญิงสาวว่าง เปล่า
8.กุมารเทพ ผู้ช่วยคนใหม่ ค่ำคืนนั้นสามีของหล่อนไม่ได้รับประทานอาหารที่นรีกุลตั้งใจว่าจะทำนรีกุลเดินลงมาบริเวณโถงในห้องอาหารขนาดกว้างมากกว่าสองห้องรวมกัน สายตาเจ้ากรรมของหญิงสาวเหลือบมองสาวใช้ที่นำอาหารมาจัดลงในจานทว่าเพียงแวบเดียวนรีกุลก็ยืนตัวเซ หญิงสาวจึงขอตัวกลับไปยังห้องนอนของเธอและสามีของเธอมือเรียวของนรีกุลเอื้อมหมุนลุกบิดแล้วผลักเข้าไปยังห้องนอนของเธอปลายเท้าเรียวขาวสะอาดของหญิงสาวสาวเท้าเข้าไปหยุดยังบานกระจกบานกว้างที่สลักลายบางอย่างมือเรียวของหญิงสาวหยิบหวีแปรงมาสางเส้นไหมที่พันกันยุ่งเหยิงให้เรียบร้อยดังเดิมนรีกุลได้ยินเสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้น หญิงสาวรีบมุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มทันที“คุณผู้หญิงคะ คุณอาอัญมณีให้ดิฉันนำอาหารค่ำมาให้ค่ะ” เสียงของคนรับใช้เคาะเรียกนรีกุลอยู่หน้าห้องนรีกุลชักสีหน้าเบื่อหน่ายในการกระทำบังคับบัญชาของอัญมณี คุณอาผู้ดูแลมรดกตกทอดของปู่กรชัย หญิงสาวกรอกตาไปมาพลางกระแอมไอเล็กน้อย“กลับมาแล้วเหรอจ้ะตาวีร์” อัญมณีเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยแววตาเป็นประกาย“นุ่นละครับ คุณอา” นัฐธวีร์เอ่ยถามผู้ดูแลคฤหาสน์ด้วยน้ำเสียงสงสัยเมื่อไม่เห็นภรรยาสาวของตนเองร่วมโต
หล่อนจำต้อง ‘กลืน’ ความรู้สึกที่อยากบอกเรื่องราวมากมายในคฤหาสน์กับเขาลงไปก่อนที่นัฐธวีร์จะมองว่าเธออาจจะป่วยเป็นโรคทางระบบประสาทเสีย“วีร์ค่ะ” นรีกุลเอ่ยขึ้นแล้วมองมาทางใบหน้าของนัฐธวีร์ด้วยนัยน์ตาจริงจัง“ครับนุ่น” นัฐธวีร์กล่าวพลางทอดมองใบหน้าสวยของหญิงสาวที่เวลานี้มีหยดน้ำเกาะพราวบริเวณริมฝีปากอวบอิ่ม“นุ่นว่า…”“ปากเลอะครับนุ่น” นัฐธวีร์เอ่ยขึ้นพลางเอื้อมมือหนาของเขาเขี่ยบริเวณริมฝีปากของหญิงสาวอย่างอ่อนโยนเจ้าหล่อนรู้สึกร้อนที่ใบหน้าผะผ่าวขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงหน้าของนรีกุลแดงระเรื่อ ริมฝีปากสวยขยับเอ่ยบางสิ่งบางอย่างออกมา“นุ่นว่าที่นี่มีอะไรแปลก ๆ ค่ะ” ในที่สุดนรีกุลก็กล่าวออกมาด้วยความรู้สึกหวาดกลัวคิ้วเข้มของชายหนุ่มขมวดมุ่นเข้าหากันเป็นปมใหญ่ เรียวปากหยักเอ่ยถาม“แปลกยังไงเหรอครับ” ชายคนรักถามเสียงเข้มขณะจ้องมองใบหน้าหญิงสาวอย่างเริ่มมีโทสะ“วีร์คะนุ่นยอมรับนะคะว่านุ่นรู้สึกแปลก ๆ กับกับคฤหาสน์มอนอฟอยด์ ที่นี่ทำให้นุ่นรู้สึกว่ามันเป็นเหมือนคฤหาสน์ผีสิงอย่างไรก็ไม่รู้ค่ะ” พูดจบเจ้าหล่อนเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น“นุ่น” นัฐธวีร์เอ่ยเรียกชื่อของหล่อนด้วยน้ำเสียงดัง เ
คฤหาสน์มอนอฟอยด์“กรี๊ด” เสียงหวีดร้องแหลมสูงของใครบางคนหวีดเสียงลั่นห้องหับโอ่โถง“นังนุ่นนังผู้หญิงแพศยา” อัญมณีกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งมือหยาบกร้านภายใต้ถุงมือสีดำแสนสวยฉวยหยิบมีดด้ามคมกรีดไปยังรูปถ่ายงานแต่งงานสายฟ้าฟาดของหลานชายเป็นทางยาวทว่านั่นยังไม่สาแก่ใจของอัญมณี คุณอาสาวหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดภาพระหว่างนรีกุลและนัฐธวีร์จนขาดวิ่นไปทันทีแต่ไหนแต่ไรมาอัญมณีไม่เคยเกลียดและชิงชังผู้หญิงคนไหนเท่านังนรีกุลนี่มาก่อน เพราะนังหญิงแพศยานั้นคนเทียวที่ทำให้นัฐธวีร์หลานชายที่เธอรักยิ่งกว่าชีวิตเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอัญมณีแอบรักหลานชายนอกไส้อย่างนัฐธวีร์มาตลอดเวลา จนกระทั่งเขาเลือกที่จะเดินออกมาจากอ้อมอกของผู้เป็นมารดา และกรพจน์ พี่ชายของอัญมณีไปนอนกกผู้หญิงเชื้อสายจีนอย่างนรีกุลทำให้อัญมณียิ่งทวีความเกลียดชังในตัวของหญิงสาวมากกว่าเดิมเพราะหล่อนเชื่ออย่างสุดใจว่าผู้หญิงอย่างนรีกุลจะหาดีอะไรได้ นอกเสียจากจะมีเงินมีทองให้หลานนอกไส้ผลาญเล่นก็เท่านั้นเอง“แอนหล่อนจับตามองนังนุ่นไว้ให้ดี ฉันเชื่อว่านังนุ่นมันจะต้องกลับมาอีกแน่ อีมารหัวใจของฉัน…อีนรีกุล” อัญมณีคำรามเล็ดลอดไรฟัน“เจ้าค่ะคุณอา” แอนรับค
และเวลานี้เธอไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ก็เพราะว่าคนในคฤหาสน์โหดร้ายเกินกว่าที่จะเป็นมนุษย์นั่นเองหญิงสาวนั้นล้มตัวลงนอนข้างๆสามีของของตนเองทั้งกอดเขาแล้วซุกตัวใต้อ้อมกอดภายใต้รัตติกาลที่เงียบงันและวังเวงหญิงสาวโน้มตัวลงนอนอย่างยากที่จะข่มตาหลับลงได้แต่ภาพที่เห็นนั้นทำให้เธอลุกขึ้นมาสำรอกเศษอาหารทั้งหมดที่ได้กินไปจากตลาดทันทีหญิงสาวอาเจียนออกมาจนหมดเสียงอาเจียนของเธอดังลั่นจนทำให้สามีของเธอต้องลุกขึ้นมาอย่างตกใจ“เกิดอะไรขึ้นเหรอนุ่น” ชายหนุ่มถามภรรยาของเขาอย่างรวดเร็ว“ไม่ค่ะ นุ่นแคร์รู้สึกพะอืดพะอมเท่านั้น” หญิงสาวกล่าวอย่างรวดเร็วพลางหลุบตาต่ำลงมือหนาของชายหนุ่มเอื้อมมาลูบหลังของหญิงสาวยังแผ่วเบาแต่ยิ่งเขาลูบมากเท่าไหร่เศษอาหารของนรีกุลก็ออกมากเท่านั้น“ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้” สามีของหล่อนกล่าวแล้วเดินไปหาน้ำมาให้หญิงสาว“ไม่เป็นไรค่ะวีนุ่นเอาน้ำมาพอดีวีช่วยไปหยิบน้ำตรงนั้นให้หน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวกล่าวพลางชี้นิ้วไปยังขวดน้ำตนเองที่วางตั้งไว้“โอเคก็ได้” สามีของหล่อนกล่าวหญิงสาวสำรอกออกมาจนหมด ทั้งหมดนี่เป็นเพราะอัญมณีแท้ๆทีเดียวที่ทำให้หญิงสาวต้องอาเจียนอย่างไม่คาดคิดม
“อ้าย” เสียงหวีดร้องดังขึ้นท่ามกลางความสะใจของสตรีผู้หนึ่งที่มองมายังหญิงสาวเคราะห์ร้ายด้วยความโกรธเกลียดมีดเล่มคมปักลงบนหน้าอกของหญิงสาวอย่างที่อันนาเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว โลหิตสีแดงฉานไหลเปอะชุดคลุมของหญิงสาว พรหมจรรย์อย่างอันนาท่ามกลางเสียงหัวเราะของเเราหญิงสาวที่อยู่ในลัทธิบูชาเงาเจ้านรกเวลานี้เป็นเวลาที่หญิงสาวควรนอนหลับได้แล้วหากแต่สอง ขาของหญิงสาวกับไม่ขยับออกจากบริเวณเสาต้นใหญ่ที่หล่อนหลบซ่อนอยู่ได้เลยภาพที่ปรากฏตรงหน้าของนรีกุลนั้นคือสตรีที่ถูกมีดเล่มคม-ขนาดเล็กแทงเข้าที่หัวใจ เลือดของผู้หญิงคนนั้นไหลออกมาเป็นทางยาวอันนาที่เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่าวันนี้จะต้องบูชายันต์เงาเทพเจ้านรกได้แต่นอนนิ่งให้อัญมณีกรีดเลือดของเธอออกมาในปริมาณมากหากหญิงสาวคาดคะเนไม่ผิดเลือดของอันนาหญิงสาวที่ได้ทะเลาะกันที่นรีกุลเห็นตรงหน้าทางเข้าประตูห้องลับนั้นคงหลายร้อยซีซีเป็นแน่หญิงสาวยกมืออุดปากแทบไม่ทันเมื่อเห็นอัญมณีใช้มีดแหลมคมปาดเข้าที่คอของคนรับใช้สาวอันนามือเรียวของอันนาายกมือไหว้แล้วมองจ้องไปยังแท่นพิธีบูชาเงาเทพนรกดังกล่าวแล้วขยับริมฝีปากที่โชกไปด้วยเลือดว่า“ข้าแต่เทพนรก อั
มือสวยของเธอพลิกหน้าหนังสือโบราณขึ้นมาดู อารามไม่ทันระวังทำให้หนังสือที่หนักอึ้งเล่นนั้นหลุดออกจากมือของหล่อนไปยังด้านล่างของพื้นห้องนอนหญิงสาวหยิบ หนังสือที่กลับหัวขึ้นมามองอีกครั้งภาพที่ปรากฏตรงหน้าของหญิงสาวทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วอย่างรุนแรงหญิงสาวพบว่าเมื่ออ่านกลับหัวตัวอักษรนี้เป็นตัวอักษรรัสเซียโบราณที่มีอยู่มานานนับร้อยปีก่อนการค้นพบประวัติศาสตร์เสียอีกหญิงสาวค่อยๆสะกดทีละตัวตามที่ได้เรียนมาในโรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทยนิ้วมือข้างขวาของของเธอเริ่มจากยกนิ้วไล่ไปทีละบรรทัดทันทีที่หญิงสาวอ่านจบเธอก็อดรู้สึกขนลุกขนของสยองก้าวขึ้นมาไม่ได้ว่าในบันทึกเล่มนี้เป็นบันทึกของหญิงสาวคนหนึ่งชื่อว่าจารีย์ หนังสือเล่มนี้กล่าวว่า จารีเคยเป็นแฟนเก่าของกรวีซึ่งเป็นพี่ชายของสามีเธอ“งั้นแปลว่าผู้หญิงคนนี้เป็นพี่สะใภ้ของเราเหรอ” หญิงสาวกล่าวด้วยความไม่เข้าใจมากนักในบันทึกของพี่สะใภ้นั้นแม้จะเป็นภาษาที่อ่านออกยากแต่เธอก็เข้าใจดีว่าทำไมคฤหาสน์แห่งนี้ถึงเชื่อว่ามอนอฟอยด์เมื่อนำตัวอักษรทั้งหมดมาเรียงกันใหม่สามารถ แปลได้ว่าคฤหาสน์แห่งนี้เป็นคฤหาสน์ที่ชื่อว่าคฤหา
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้กล่าวอนุญาตให้ปล่อยวิญญาณร้ายตนนั้นก็ปรากฏโซ่ตรวนที่มาจากอากาศเข้ามาล่ามวิญญาณร้ายตนนั้นให้กลิ้งล้มลงไปเสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณร้ายตนนั้นเข้าสู่โสตประสาทของหญิงสาวอย่างรุนแรงหญิงสาวได้แต่มองวิญญาณร้ายที่ดีดดิhนอย่างหนทางสู้ด้วยความสงสารในใจในตอนนี้เธอมองเห็นแต่เพียงว่าวิญญาณร้ายตนนั้นหายลับไปเสียแล้วราวกับใครบางคนที่ส่งของมาสู่เธอนั้นได้กำจัดวิญญาณร้ายที่กำลังจะทรยศเขาด้วยน้ำมือของอาคมที่ถูกกำกับเอาไว้ดวงวิญญาณร้ายลอยตัวสูงขึ้นท่ามกลางโซ่ที่รอยรัดให้ร่างของมันแหลกสลายไม่นานนักก็เป็นดังที่นรีกุลคาดคิดไว้จริงๆเวลานี้ดวงจิตร้ายได้อันตรธานหายไปเสียแล้วหญิงสาวอดรู้สึกเสียดายไม่ได้ว่าด้วยวิญญาณร้ายตัวนี้จะได้ไปเกิดเสียทีแต่ใครกันที่ส่งวิญญาณร้ายไม่รู้อีโนอีเหน่ตัวนี้มาหาเธอ“อโหสิกรรมให้เขาเสียเถอะ” กุมารเทพที่อยู่ข้างกายของหญิงสาวเอ่ยขึ้นหญิงสาวผ่อนลมหายใจอย่างออกมาอย่างรุนแรง ราวกับจะปลดปล่อยความทุกข์ในใจที่หนักอึ้งอยู่ในตอนนี้เวลานี้ก็ดึกมากแล้วยังสาวคนเข้านอนได้เสียทีแต่ไม่ว่าจะนอนอย่างไรหญิงสาวก็ไม่อาจข่มตาลงหลับได้เมื่อเจอเหตุการณ์ เช่นนี้เป็นแน
หญิงสาวพยายามยกมือขึ้นสวดอ้อนวอนแต่ก็ไร้ผลเธอกลับยกมือไม่ขึ้นราวกับว่าเธอถูกผีอำอย่างไรอย่างนั้นยังไม่ทันธรรมดาหญิงสาวจะสวดมนต์จบเธอก็ได้ยินเสียงข้างหูพูดขึ้นมาว่า“พี่ไม่ต้องกลัวนะกุมารอยู่ด้วยทั้งคน”เวลานี้หญิงสาวลืมไปเสียสนิทเลยว่า หล่อนได้นำกุมารทองเข้ามายังคฤหาสน์แห่งนี้โดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าที่แห่งนี้เสียก่อนความเย็นแสนน่าหวาดกลัวแทรกซึมไปทั่วผิวกาย นรีdกุลรับรู้ได้ถึงมือหยาบกร้านของวิญญาณร้ายที่สัมผัสโดนผิวของหล่อนมือสากหยาบกร้านของผีร้ายอดทำให้รู้สึกไม่ได้ว่าหล่อนรังเกียจขยะแขยงมือของมันมากเพียงใดทว่ายังไม่ทันที่วิญญาณร้ายจะได้แผลงฤทธิ์ก็ปรากฏแสงสว่างสีทองมาครอบคลุมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของหญิงสาวเอาไว้เสียก่อนแสงสีทองสว่างวาบทำให้วิญญาณร้ายกระเด็นออกจากตัวของหล่อนทันทีหญิงสาวรู้สึกฉงนในใจทว่าไม่นานนักหญิงสาวก็ได้คำตอบว่าแสงสีทองที่ทำให้วิญญาณร้ายหายไปนั้นมาจากใครภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าของหญิงสาวคือเด็กชายหัวจุก บนศรีษะประดับด้วยรัดเกล้าทองคำลงยาอร่ามตาใบหน้าของกุมารทองตนนั้นงดงามราวกับเทพสวรรค์ลงมาจุติหญิงสาวเคยได้ยินมาว่า เทพเจ้านาจาเทพประจำตระกูลของหญิงสาวนั้น เป็
8.กุมารเทพ ผู้ช่วยคนใหม่ ค่ำคืนนั้นสามีของหล่อนไม่ได้รับประทานอาหารที่นรีกุลตั้งใจว่าจะทำนรีกุลเดินลงมาบริเวณโถงในห้องอาหารขนาดกว้างมากกว่าสองห้องรวมกัน สายตาเจ้ากรรมของหญิงสาวเหลือบมองสาวใช้ที่นำอาหารมาจัดลงในจานทว่าเพียงแวบเดียวนรีกุลก็ยืนตัวเซ หญิงสาวจึงขอตัวกลับไปยังห้องนอนของเธอและสามีของเธอมือเรียวของนรีกุลเอื้อมหมุนลุกบิดแล้วผลักเข้าไปยังห้องนอนของเธอปลายเท้าเรียวขาวสะอาดของหญิงสาวสาวเท้าเข้าไปหยุดยังบานกระจกบานกว้างที่สลักลายบางอย่างมือเรียวของหญิงสาวหยิบหวีแปรงมาสางเส้นไหมที่พันกันยุ่งเหยิงให้เรียบร้อยดังเดิมนรีกุลได้ยินเสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้น หญิงสาวรีบมุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มทันที“คุณผู้หญิงคะ คุณอาอัญมณีให้ดิฉันนำอาหารค่ำมาให้ค่ะ” เสียงของคนรับใช้เคาะเรียกนรีกุลอยู่หน้าห้องนรีกุลชักสีหน้าเบื่อหน่ายในการกระทำบังคับบัญชาของอัญมณี คุณอาผู้ดูแลมรดกตกทอดของปู่กรชัย หญิงสาวกรอกตาไปมาพลางกระแอมไอเล็กน้อย“กลับมาแล้วเหรอจ้ะตาวีร์” อัญมณีเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยแววตาเป็นประกาย“นุ่นละครับ คุณอา” นัฐธวีร์เอ่ยถามผู้ดูแลคฤหาสน์ด้วยน้ำเสียงสงสัยเมื่อไม่เห็นภรรยาสาวของตนเองร่วมโต
นรีกุลอดรู้สึกไม่ได้ว่าเธอหนักบ่าอย่างมาก หากแต่หญิงสาวไม่สะดวกในการนวดทำให้เธอต้องขับรถกลับทั้ง ๆที่หนักไหล่หนักบ่าอย่างมากรถยนต์คันหรูแล่นมาจอดเทียบหน้าคฤหาสน์มอนอฟอยด์นรีกุลสาวเท้าลงจากรถพร้อมข้าวของเครื่องใช้และอาหารสดมือเรียวของหญิงสาวเอื้อมมาบีบนวดไหล่ทันทีที่เธอส่งของให้สาวใช้ในคฤหาสน์ให้เอาไปเก็บนรีกุลเอื้อมมือดึงกุญแจแล้วไขประตูห้องนอนในเคหาสน์ สถานมอนอฟอยด์แห่งนี้ สายลมเย็นกรีดผิวเนื้อหอบเอากลิ่นเน่าเหม็นจากถังขยะเข้ามาสู่ห้องนอนของเธอและสามี“สงสัยเขาจะลืมไปว่า เราเอาขยะมาทิ้ง รีบปิดหน้าต่างดีกว่า” นรีกุลกล่าวพลางงับบานหน้าต่างอย่างรวดเร็วเงาสะท้อนของหน้าต่างทำให้นรีกุลเห็นรองเท้าสีดำพาดอยู่บนคอของเธอนรีกุลรู้สึกเย็นวาบราวกับอยู่กลางช่องแช่แข็งก็ไม่ปาน หญิงสาวเอื้อมมือไปเปิดหน้าต่างอีกครั้งแล้วรวบรวมสติทั้งหมดที่มีเข้าไว้ด้วยกัน“หยุดเพ้อเจ้อได้แล้วนุ่นที่นี่ไม่มีอะไรหรอก แค่แปลกไปจากที่ ที่เราเคยอยู่ และ ผู้คนที่เราเคยคุ้นเคยเท่านั้นเอง” นรีกุลปลอบตนเองอย่างแผ่วเบาหญิงสาวงับบานหน้าต่างเข้าหาตนเองอีกครั้ง คราวนี้ภาพสะท้อนของกระจกเงาก็พบว่าบนไหล่ของหญิงสาวว่าง เปล่า