แสงตะวันยามเช้าสาดแสงอาบรัศมีเล็ดลอดเข้ามายังหน้าต่างบานกว้างที่เปิดรับลมโชยอยู่ตลอดเวลา
นรีกุลกระพือขนตางอนยาวหนาอย่างเชื่องช้า มือเรียวของหญิงสาวควานหาสามีทว่าเธอกลับพบแค่เพียงความว่างเปล่า
หัวใจของนรีกุลหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม ความเย็นวาบแทรกไปทั่วทุกอณูของร่างกายราวกับว่าชายหนุ่มกำลังจะทอดทิ้งหล่อนแล้วจากไป
นรีกุลผุดลุกขี้นเป็นเวลาเดียวกันกับเสียงของโทรศัทพ์สมาร์ทโฟนของเธอดังขึ้น
ปลายสายเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่คุ้นเคยของผู้เป็นสามี นรีกุลถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกโล่งใจ
“ค่ะวีร์” นรีกุลกล่าวเป็นคำแรกทันทีที่รับโทรศัพท์เขา
“โทษทีนุ่นพอดีผมลืมไปว่าผมมีนัดคุยงานกับลูกค้าวันนี้ ผมออกมาแล้ว นุ่นอยู่ที่บ้านไปก่อนนะ” นัฐธวีร์กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนเบาคล้ายกับคนกำลังทำผิด
“วีร์คะ ไม่เป็นไรค่ะ นุ่นเข้าใจ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุณจะกลับมาเย็นนี้ใช่ไหมคะ” นรีกุลกล่าวด้วยน้ำเสียงหวานใสพลางรอฟังคำตอบของสามีอย่างตื่นเต้น
“ไม่น่าจะทันวันนี้นะนุ่น”นัฐธวีร์กล่าวพลางเหลือบมองตารางแผนงานในคอมพิวเตอร์ของเขา
ดวงตาของนรีกุลจับจ้องมองไปยังนาฬิกาเรือนโบราณ ขนาดใหญ่ คราบไรฝุ่นเกาะนาฬิกาเรือนโบราณที่ประดับฝาผนังลายสวย หน้าปัดนาฬิกาบรรจบกันบ่งบอกเวลาสิบเอ็ดโมงพอดิบพอดี
“ปิ๊งป่อง” เสียงกริ่งดังขึ้นหน้าคฤหาสน์มอนอฟอยด์อีกครั้ง หญิงสาวอดรู้สึกไม่ได้ว่าเวลานี้เสียงของออดหน้าคฤหาสน์ช่างดังวังเวงเสียเหลือเกิน
“แล้ววีร์จะกลับวันไหนคะ” นรีกุลเอ่ยถามสามีเสียงสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้
“เดี๋ยววีร์กลับไป น่าจะพรุ่งนี้ แถวนี้ไม่มีสัญญาณ…แค่นี้ก่อนนะนุ่น” นัฐธวีร์กล่าวตัดบทพลางวางสายภรรยาของเขาลงเสียดื้อ ๆ
แสงแดดจัดแผดเผาผิวบอบบางของหญิงสาว นรีกุลจึงดึงผ้าม่านสีม่วงขิบดิ้นทองยาวระย้าลงเพื่อบดบังแสงสุริยา
กลิ่นหอมอ่อนจางของบางสิ่งปะทะกับจมูกโด่งของนรีกุลอย่างจัง หญิงสาวล้มตัวลงนอนหลับไป
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าของหญิงสาวเวลานี้กลายเป็นกลุ่ม ควันหมอกจาง ๆ ขึ้นโขมงตรงเบื้องหน้าของคฤหาสน์มอนอฟอยด์
ท่ามกลางเปลวฝุ่นขมุกขมัวที่บดบังดวงตาคู่กลมโตของหญิงสาวนั้น
นรีกุลเหลือบไปเห็นเงาดำทะมึนสีดำละม้ายคล้าย
มือของใครบางคนมากดออดหน้าคฤหาสน์เรือนหอของเธอ
“เข้ามาซิคะนุ่นไม่ได้ล็อกบ้านไว้ค่ะ” นรีกุลกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานสดใสร่าเริงเช่นเคย
ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับจากผู้มาเยือนนรีกุลเงี่ยหูฟังอีกครั้งจึงได้รู้สึกว่าตนเองหูฝาดไป
คิ้วเรียวเข้มของหญิงสาวขมวดมุ่นเป็นปมใหญ่ราวกับเชือกป่านท่าพันกันร้อยรัดจนแน่นเสียยากจะดึงออก
นรีกุลอดรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้เมือเวลานี้หญิงสาวรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง
“ทำไมวีร์ยังไม่เข้ามานะ” นรีกุลเอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“อ๋อ ลืมไปเลยว่าวีร์กลับมาไม่ทัน” นรีกุลกล่าวขึ้นอย่างเศร้าสร้อย
ร่างอรชรลุกขึ้นจากเก้าอี้ทรงสูงสไตล์ยุโรปหญิงสาวรวบ ชายกระโปรงที่ยาวรุ่ยร่ายเล็กน้อยพลางหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
นรีกุลที่มองเห็นการกระทำของหญิงสาวที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับเธออดรู้สึกตระหนกกว่าเดิมไม่ได้
“ทำไมมีเราสองคนล่ะ กรี๊ดๆ” นรีกุลหวีดร้องลั่นราวกับคนเสียสติ
ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างขึ้นเมื่อภาพที่ปรากฎเด่นชัดในความฝันของเธอน่าหวาดกลัวเสียจนเธออยากจะตื่นขึ้น นรีกุลตัดสินใจหยิกตัวเองอย่างแรงหมายจะให้ตนเองตื่นขึ้นมา
“กริ๊ง” เสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวดังขึ้น นรีกุลจึงหยุดเดินในทันที
หญิงสาวเดินเข้าไปหาโทรศัพท์แล้วฉวยคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมามองเบอร์โทรปลายสายที่ต่อเข้ามาหาเธอ
นรีกุลนิ่วหน้าลงเล็กน้อยหญิงสาวรู้สึกฉงนในใจขึ้นมาไม่ ได้ว่า ปลายสายเป็นสายของนัฐธวีร์ ทว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เธอ
จะมาสงสัยว่าคนที่กดออดเป็นใคร
“ฮัลโหล” นรีกุลเอ่ยขึ้น
“นุ่นครับวันนี้วีร์ว่าจะไม่กลับบ้านนะครับ”
ปลายสายเอ่ยบอกหญิงสาว
“วีร์คะ เมื่อกี้นุ่นเห็นวีร์กลับมาแล้วนะคะ” นรีกุลเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงสัย
“นุ่นผมยุ่งอยู่นะ พอดีวันนี้ผมติดงานออกแบบเกมน่ะ” นัฐธวีร์กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว
“วีร์หมายความว่ายังไงคะ” นรีกุลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่เข้าใจในบทสนทนาของสามีที่เข้าพิธีวิวาห์มาด้วยเมื่อหกเดือนที่แล้ว
“ก็หมายความว่าวันนี้วีร์จะค้างบ้านไอ้ทิตย์น่ะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้วีร์จะกลับไปนะครับ รักนะครับ ฝันดีครับ” นัฐธวีร์กล่าวพลางตัดสายของหญิงสาวทิ้งทันทีเมื่อปลายสายวางลงไปญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างกังวล“ปกติวีร์ไม่ได้เป็นคนแบบนี้” สาวเจ้าบ่นกระปอดกระแปดมือเรียวของหญิงสาววางโทรศัพท์ลงอย่างรวดเร็วนรีกุลกรอกตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์กับการกระทำของนัฐธวีร์สามีของเธอ“แล้วถ้าเมื่อกี้ไม่ใช่วีร์ แล้วใครกดออด” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจในเหตุการณ์แปลกประหลาดที่ตนเองพบเจอ“หรือว่าจะถามวีร์ให้รู้เรื่องดีนะ เพราะว่าวันนี้ทั้งบ้านก็ออกไปงานสังคมกันหมด” นรีกุลกล่าวขึ้นอย่างกังวลใจสายลมเย็นหอบพัดความหนาวเย็นกรีดผิวเนื้อของหญิวสาว นรีกุลหันไปมองหน้าต่างบานกว้างที่เปิดรับลมหนาวอยู่“ทำไมหน้าต่างห้องนี้ยังไม่ปิดนะ” หญิงสาวกล่าวขึ้นแล้วทอดสายตามองไปยังลานสวนดอกไม้กว้างใหญ่อย่างประหลาดใจ ทว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่หล่อนจะมาชมสวนในคฤหาสน์หลังโตแบบนี้นรีกุลแหงนมองเมฆก้อนใหญ่ที่เริ่มบดบังแสงจันทร์ที่แต่เดิมก็มีอย่างริบหรี่เต็มทีมือเรียวของนรีกุลงับหน้าต่างบานใหญ่ให้เข้าหากันอย่างไม่สนใจใคร…ไฉนเลยหญิงสาว
นรีกุลตกใจตื่นขึ้นทันที ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยเหงื่อชทื้นตามร่างกายที่เปียกซกหญิงสาวมองเห็นเงาสะท้อนของตนผ่านกระจกเงา สัมผัสของหญิงสาวบ่งบอกว่าที่คฤหาสน์แห่งนี้ต้องมีอะไรสิงอยู่เป็นแน่หญิงสาวล้มตัวลงนอนอีกครั้งในฝันของเธอ ปลายเท้าสองข้างของหญิงสาวรีบสาวเท้ากลับเข้าไปยังห้องนอนของเธอกับกรวีอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องมองมายังเธอด้วยแววตาอาฆาตพยาบาทชิงชังริษยานรีกุลยังรู้สึกตกใจยังไม่หายทว่าการต่อสายโทรศัพท์หาสามีในเวลาเที่ยงคืนเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะทำหญิงสาวปีนขึ้นเตียงแล้วเอื้อมหยิบผ้าห่มนวมในคฤหาสน์แห่งนี้มาพันรอบตัวไว้ความตระหนกทำให้เธอหดตัว จนแทบจะงอเป็นกุ้งได้ หญิงสาวอดรับรู้ถึงคำว่าหวาดกลัวและความแปลกประหลาดในคฤหาสน์มอนอฟอยด์แห่งนี้ไม่ได้ตั้งแต่ที่นรีกุลก้าวเข้ามาเป็นสะใภ้ของตระกูลจิระชาญแห่งนี้นรีกุลก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของครอบครัวที่พวกเขาไม่เป็นมิตรกับเธอเอาเสียเลยไม่ว่าจะเป็นคุณอาอัญมณีที่แวบแรกที่นรีกุลมองเห็นเธอว่าคุณอาไม่มีลูกกะตาดำสร้างความตระหนกให้กับหญิงสาวเป็นวันๆ หากนัฐธวีร์ยังกล่าวกับเธออย่างนึกขำขันว่านุ่นเธอไม่รู้หรอกว่าคุณอาแอบใส่คอน
“วีร์คะ” นรีกุลร้องเรียกชื่อเขาอย่างละเมอฝันหญิงสาวต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเวลานี้แก่นกำยำของนัฐธวีร์สอดแทรกผ่านช่องทางสวรรค์ของเธออย่างไม่ปรานีคนตัวเล็กเบื้องล่างสติของหญิงสาวเริ่มกลับมาอีกครั้ง นรีกุลสัมผัสได้ถึงความคับแน่นของแก่นกำยำในตัวของสามีของหล่อนนัฐธวีร์เริ่มเกมกามารมณ์อย่างช่ำชอง นรีกุลร้องซี้ดครวญหวานด้วยความเสียวกำซาบซ่านซึมไปทั่วกายาสติของหญิงสาวกระเจิดกระเจิงในยามที่ชายหนุ่มเข้าออกเป็นจังหวะจะโคนอย่างไม่รอรีนรีกุลอดรู้สึกขึ้นมาไม่ได้ว่าเวลานี้หล่อนได้กลายร่างเป็นนกที่ถูกปล่อยอิสระ ผกผินไปทั่วท้องเวหานภาอันกว้างใหญ่ริมฝีปากบางของนรีกุลถูกครอบครองด้วยเรียวปากของนัฐธวีร์ ความร้อนระอุแทรกซึมไปทั่วสรรพางค์กายาของหญิงสาวลิ้นสากของชายหนุ่มแทรกเข้าไปยังโพรงปากของหญิงสาวภรรยาที่เขารักยิ่ง เวลานี้มีเพียงเขาที่ได้ครอบครองความหวานในโพรงปากหอมละมุนของนรีกุล ภรรยาเพียงคนเดียวที่เขารักและเทิดทูนเธอเป็นอย่างมากมือหนาของนัฐธวีร์ได้ล้วงเข้าไปยังทรวงอกอวบอิ่มของนรีกุล ชายหนุ่มออกแรงเคล้นคลึงทรวงอกของหล่อนทั้งสองด้วยแรงปรารถนาที่แสนกำหนัดอย่างที่นรีกุลไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนแววตาของนรี
“ผมไปก่อนนะนรีกุล” นัฐธวีร์เอ่ยกับภรรยาสาวของเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ค่ะ วีร์” หญิงสาวขานรับขณะเปิดประตูบ้านคฤหาสน์หลังใหญ่ให้เขา“วีร์อยากทานอะไรคะเย็นนี้” นรีกุลเอ่ยถาม“ผมอยากกินแกงจืดฝีมือคุณ” นัฐธวีร์เอ่ยบอกกับว่าที่เจ้าสาวของเขา“ค่ะงั้นวันนี้นรีกุลจะไปตลาดนะคะ”นรีกุลเอ่ยบอกชายหนุ่ม หญิงสาวคลี่ยิ้มอย่างสดใสส่งให้กับเขาแววตาของหล่อนเวลานี้เด่นชัดถึงความสุขใจ ที่ได้อยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับสามีของหล่อนเองรถยนต์คันหรูของสามีแล่นหายลับตาของหญิงสาวไป แล้ วทว่าหญิงสาวกลับยังยืนมองชายหนุ่มอยู่ตรงหน้าคฤหาสน์มอนอฟอยด์นรีกุลหมุนตัวกลับไปยังด้านหน้าคฤหาสน์ สายลมเย็นพัดกรีบผิวเนื้อของหญิงสาวจะต้องยกมือขึ้นมารูปขน แขนยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ตั้งตัวสายตาของเธอเห็นเงาสีดำของใครบางคน ตัดผ่านหน้าเธอไปราวกับว่าเงาดำของปริศนานั้นยังคงวนเวียนอยู่ข้างตัวของเธอห้างสรรพสินค้าใกล้คฤหาสน์บรรยากาศในห้างสรรพสินค้ายามนี้มีผู้คนหนาแน่นคับคั่ง มาจับจ่ายใช้สอยขณะที่นรีกุลเดินอย่างเดียวดายหญิงสาวเหลือบเห็นเงาดำด้านหลังของหล่อนขณะที่แสงแดดส่องผ่าน เธอยกมือขยี้ตาของตนเองอย่างแผ่วเบาทว่าเธอก็ได้พบว่าบุรุษป
นรีกุลอดรู้สึกไม่ได้ว่าเธอหนักบ่าอย่างมาก หากแต่หญิงสาวไม่สะดวกในการนวดทำให้เธอต้องขับรถกลับทั้ง ๆที่หนักไหล่หนักบ่าอย่างมากรถยนต์คันหรูแล่นมาจอดเทียบหน้าคฤหาสน์มอนอฟอยด์นรีกุลสาวเท้าลงจากรถพร้อมข้าวของเครื่องใช้และอาหารสดมือเรียวของหญิงสาวเอื้อมมาบีบนวดไหล่ทันทีที่เธอส่งของให้สาวใช้ในคฤหาสน์ให้เอาไปเก็บนรีกุลเอื้อมมือดึงกุญแจแล้วไขประตูห้องนอนในเคหาสน์ สถานมอนอฟอยด์แห่งนี้ สายลมเย็นกรีดผิวเนื้อหอบเอากลิ่นเน่าเหม็นจากถังขยะเข้ามาสู่ห้องนอนของเธอและสามี“สงสัยเขาจะลืมไปว่า เราเอาขยะมาทิ้ง รีบปิดหน้าต่างดีกว่า” นรีกุลกล่าวพลางงับบานหน้าต่างอย่างรวดเร็วเงาสะท้อนของหน้าต่างทำให้นรีกุลเห็นรองเท้าสีดำพาดอยู่บนคอของเธอนรีกุลรู้สึกเย็นวาบราวกับอยู่กลางช่องแช่แข็งก็ไม่ปาน หญิงสาวเอื้อมมือไปเปิดหน้าต่างอีกครั้งแล้วรวบรวมสติทั้งหมดที่มีเข้าไว้ด้วยกัน“หยุดเพ้อเจ้อได้แล้วนุ่นที่นี่ไม่มีอะไรหรอก แค่แปลกไปจากที่ ที่เราเคยอยู่ และ ผู้คนที่เราเคยคุ้นเคยเท่านั้นเอง” นรีกุลปลอบตนเองอย่างแผ่วเบาหญิงสาวงับบานหน้าต่างเข้าหาตนเองอีกครั้ง คราวนี้ภาพสะท้อนของกระจกเงาก็พบว่าบนไหล่ของหญิงสาวว่าง เปล่า
8.กุมารเทพ ผู้ช่วยคนใหม่ ค่ำคืนนั้นสามีของหล่อนไม่ได้รับประทานอาหารที่นรีกุลตั้งใจว่าจะทำนรีกุลเดินลงมาบริเวณโถงในห้องอาหารขนาดกว้างมากกว่าสองห้องรวมกัน สายตาเจ้ากรรมของหญิงสาวเหลือบมองสาวใช้ที่นำอาหารมาจัดลงในจานทว่าเพียงแวบเดียวนรีกุลก็ยืนตัวเซ หญิงสาวจึงขอตัวกลับไปยังห้องนอนของเธอและสามีของเธอมือเรียวของนรีกุลเอื้อมหมุนลุกบิดแล้วผลักเข้าไปยังห้องนอนของเธอปลายเท้าเรียวขาวสะอาดของหญิงสาวสาวเท้าเข้าไปหยุดยังบานกระจกบานกว้างที่สลักลายบางอย่างมือเรียวของหญิงสาวหยิบหวีแปรงมาสางเส้นไหมที่พันกันยุ่งเหยิงให้เรียบร้อยดังเดิมนรีกุลได้ยินเสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้น หญิงสาวรีบมุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มทันที“คุณผู้หญิงคะ คุณอาอัญมณีให้ดิฉันนำอาหารค่ำมาให้ค่ะ” เสียงของคนรับใช้เคาะเรียกนรีกุลอยู่หน้าห้องนรีกุลชักสีหน้าเบื่อหน่ายในการกระทำบังคับบัญชาของอัญมณี คุณอาผู้ดูแลมรดกตกทอดของปู่กรชัย หญิงสาวกรอกตาไปมาพลางกระแอมไอเล็กน้อย“กลับมาแล้วเหรอจ้ะตาวีร์” อัญมณีเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยแววตาเป็นประกาย“นุ่นละครับ คุณอา” นัฐธวีร์เอ่ยถามผู้ดูแลคฤหาสน์ด้วยน้ำเสียงสงสัยเมื่อไม่เห็นภรรยาสาวของตนเองร่วมโต
หญิงสาวพยายามยกมือขึ้นสวดอ้อนวอนแต่ก็ไร้ผลเธอกลับยกมือไม่ขึ้นราวกับว่าเธอถูกผีอำอย่างไรอย่างนั้นยังไม่ทันธรรมดาหญิงสาวจะสวดมนต์จบเธอก็ได้ยินเสียงข้างหูพูดขึ้นมาว่า“พี่ไม่ต้องกลัวนะกุมารอยู่ด้วยทั้งคน”เวลานี้หญิงสาวลืมไปเสียสนิทเลยว่า หล่อนได้นำกุมารทองเข้ามายังคฤหาสน์แห่งนี้โดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าที่แห่งนี้เสียก่อนความเย็นแสนน่าหวาดกลัวแทรกซึมไปทั่วผิวกาย นรีdกุลรับรู้ได้ถึงมือหยาบกร้านของวิญญาณร้ายที่สัมผัสโดนผิวของหล่อนมือสากหยาบกร้านของผีร้ายอดทำให้รู้สึกไม่ได้ว่าหล่อนรังเกียจขยะแขยงมือของมันมากเพียงใดทว่ายังไม่ทันที่วิญญาณร้ายจะได้แผลงฤทธิ์ก็ปรากฏแสงสว่างสีทองมาครอบคลุมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของหญิงสาวเอาไว้เสียก่อนแสงสีทองสว่างวาบทำให้วิญญาณร้ายกระเด็นออกจากตัวของหล่อนทันทีหญิงสาวรู้สึกฉงนในใจทว่าไม่นานนักหญิงสาวก็ได้คำตอบว่าแสงสีทองที่ทำให้วิญญาณร้ายหายไปนั้นมาจากใครภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าของหญิงสาวคือเด็กชายหัวจุก บนศรีษะประดับด้วยรัดเกล้าทองคำลงยาอร่ามตาใบหน้าของกุมารทองตนนั้นงดงามราวกับเทพสวรรค์ลงมาจุติหญิงสาวเคยได้ยินมาว่า เทพเจ้านาจาเทพประจำตระกูลของหญิงสาวนั้น เป็
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้กล่าวอนุญาตให้ปล่อยวิญญาณร้ายตนนั้นก็ปรากฏโซ่ตรวนที่มาจากอากาศเข้ามาล่ามวิญญาณร้ายตนนั้นให้กลิ้งล้มลงไปเสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณร้ายตนนั้นเข้าสู่โสตประสาทของหญิงสาวอย่างรุนแรงหญิงสาวได้แต่มองวิญญาณร้ายที่ดีดดิhนอย่างหนทางสู้ด้วยความสงสารในใจในตอนนี้เธอมองเห็นแต่เพียงว่าวิญญาณร้ายตนนั้นหายลับไปเสียแล้วราวกับใครบางคนที่ส่งของมาสู่เธอนั้นได้กำจัดวิญญาณร้ายที่กำลังจะทรยศเขาด้วยน้ำมือของอาคมที่ถูกกำกับเอาไว้ดวงวิญญาณร้ายลอยตัวสูงขึ้นท่ามกลางโซ่ที่รอยรัดให้ร่างของมันแหลกสลายไม่นานนักก็เป็นดังที่นรีกุลคาดคิดไว้จริงๆเวลานี้ดวงจิตร้ายได้อันตรธานหายไปเสียแล้วหญิงสาวอดรู้สึกเสียดายไม่ได้ว่าด้วยวิญญาณร้ายตัวนี้จะได้ไปเกิดเสียทีแต่ใครกันที่ส่งวิญญาณร้ายไม่รู้อีโนอีเหน่ตัวนี้มาหาเธอ“อโหสิกรรมให้เขาเสียเถอะ” กุมารเทพที่อยู่ข้างกายของหญิงสาวเอ่ยขึ้นหญิงสาวผ่อนลมหายใจอย่างออกมาอย่างรุนแรง ราวกับจะปลดปล่อยความทุกข์ในใจที่หนักอึ้งอยู่ในตอนนี้เวลานี้ก็ดึกมากแล้วยังสาวคนเข้านอนได้เสียทีแต่ไม่ว่าจะนอนอย่างไรหญิงสาวก็ไม่อาจข่มตาลงหลับได้เมื่อเจอเหตุการณ์ เช่นนี้เป็นแน
ชายหนุ่มดันร่างอรชรให้นอนราบไปกับพื้นเตียง เวลานี้นรีกุลรู้สึกปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูกมือเรียวของนัฐธวีร์ซอนไซ้ไปยังร่องสวรรค์ของหญิงสาว ลมหายใจของนรีกุลกระตุกขึ้นในทันทีเจ้าบ่าวสอดนื้วเข้าไปเพื่อสำรวจห้องแห่งความลับสวรรค์อย่างที่เขาต้องการมานานแสนนานไม่ว่าจะผ่านไปเนิ่นานเพียงใด นรีกุลก็เป็นสตรีที่เขาชอบอยู่เสมอไม่ว่าจะส่วนเว้าส่วนโค้งที่เห็นได้จนเด่นชัดหรือจะเป็นความเด็ดขาดจริงใจก็ตามเขาจุมพิตหล่อนอย่างดูดดื่ม จนนรีกุลรู้สึกราวกับว่าหล่อนกำลังฝันไปหญิงสาวอดรู้สึกไม่ได้ว่าอุณหภูมิในเรือนกายร้อนผะผ่าวกับเวลานี้อยู่ในห้องอบซาวน่าก็ไม่ปานดวงหน้าคมเข้มของนัฐธวีร์ก้มลงตักตวงความหอมหวานจากน้ำตกสวรรค์ของหล่อนอย่างรวดเร็วนรีกุลครวญเสียงหวานยามเมื่อเวลานี้ชายหนุ่มก้มลงสำรวจซอนไซ้ซุกซนอยู่ตรงปากทางเข้าหว่างขาของหล่อน“ซี้ดดด” นรีกุลร้องสุดเสียงยามเมื่อเวลานี้ชายหนุ่มลากลิ้นสากขึ้นลงราวกับจะมุดร่องสวรรค์ของหล่อนลิ้นเหนียวลากไล้ไปมาจนเจ้าหล่อนอดรู้สึกกำซาบซ่านไปทั่วกายาไม่ได้นรีกุลกำผ้าปูที่นอนแน่นบามเมื่อเวลานี้ชายคนรักกำลังดอมดมดแกกุหลาบสีหวานในถ้ำอย่างหลงใหลนัฐธวีร์ปลดชั้นในตัวจิ๋วของ
ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์ งานแต่งงานของนรีกุลและนัฐธวีร์จัดขึ้นอย่างใหญ่โตอีกครั้งกรพจน์บิดาของเขาเชิญแขกมาทั้งตำบลเพื่อมาเป็นสักขีพยานให้กับบ่าวสาวห้องแต่งตัวเจ้าสาวภาพที่ปรากฎตรงหน้ากระจกบานใหญ่เป็นภาพของสตรีสวมชุดวิวาห์ยาวกรอมเท้าดวงหน้าหวานรูปไข่ คิ้วเรียวเข้มโค้งดั่งคันศร จมูกของหล่อนโด่งรั้นเชิดขึ้นริมฝีปากสีแดงระเรื่อดูน่าสัมผัสเวลานี้นรีกุลไม่นึกฝันว่าเธอจะได้แต่งงานกับนัฐธวีร์ใหม่อีกครั้งท่ามกลางความเห็นดีเห็นงามจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นรีกุลและนัฐธวีร์ผ่านอะไรร้าย ๆ มาตั้งมากมายหากหล่อนไม่มีกรพจน์ได้ช่วยเหลือเธอในวันนั้นอาจจะไม่มีนรีกุลหลงเหลืออยู่เลยนรีกุลอดรู้สึกขึ้นมาไม่ได้ว่าเวลานี้หล่อนช่างเป็นหญิงที่โชคดีที่สุดในโลกที่จะได้เป็นสะใภ้ตระกูลจิระชาญและในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ เธอกำลังจะเข้าพิธีมงคลสมรสกับสามีที่รักเธอสุดดวงใจพิธีแต่งงานของนรีกุลเป็นไปอย่างราบรื่น วันนี้นรีกุลดูงดงามมากในสายตาของนัฐธวีร์“ขอเชิญบ่าวสาวมาตัดเค้กได้”สิ้นเสียงพิธีกรที่ ได้รับเชิญมา นรีกุลสาวเท้าเข้ามายืนใกล้ๆ กับนัฐธวีร์หล่อนมองดูเค้กแต่งงานของเธออย่างไม่น
“งั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะคุณพ่อกับคุณแม่ท่านรอนานแล้วล่ะ” นัฐธวีร์กล่าวด้วยเสียงนุ่มนรีกุลมองมือของนัฐธวีร์ที่ยื่นมาทางหล่อน หญิงสาวนิ่งไปชั่วอึดใจในวันนี้ตั้งแต่ที่หล่อนเข้ามาเป็นสะใภ้ในบ้านของนัฐธวีร์ ไม่มีวันไหนที่หล่อนไม่เลือกเขา นรีกุลและสามีผ่านอะไรด้วยกันมามากมายไม่ว่าเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจะดีหรือร้ายก็ตามแต่นรีกุลได้เตรียมใจและได้เลือกเส้นทางนี้เอง นั้นคือการได้อยู่กับสามีของหล่อนยอ่างนัฐธวีร์ ผู้ชายเพียงคนเดียวที่ชาตินี้ทั้งชาตินรีกุลจะรักนัฐธวีร์ตลอดไปเวลานี้นรีกุลเลือกแล้วว่าจะซื่อสัตย์ต่อหัวใจของตนเอง“นุ่นคุณฟังผมอยู่ไหม” นัฐธวีร์ถามย้ำเมื่อหญิงสาวยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างใจลอย“ค่ะวีร์ เราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ” นรีกุลกล่าวพลางยื่นมือออกไปกุมมือของชายคนรัก“ครับคุณภรรยา” นัฐธวีร์กล่าวพลางพานรีกุลเข้าไปด้านในบ้านหลังใหม่ของพวกเขา“หนูนุ่น แม่เตรียมอาหารไว้แล้วล่ะ หนูคงหิวแล้วใช่ไหมจ้ะ” มารดาของนัฐธวีร์กล่าวอย่างไม่ถือตัวเหมือนแต่ก่อนนรีกุลที่เห็นดังนั้นชะงักไปเพียงเล็กน้อย หล่อนพยักหน้ารับคำมารดาของเขาอย่างรวดเร็ว“ไปเจ้าวีร์พาหนูนุ่นไปกินข้าวเสียซิ” ก
ไม่กี่วันต่อมาหมอเจ้าของไข้ก็ให้นรีกุลกลับบ้านได้ นัฐธวีร์ได้พานรีกุลออกมาขึ้นรถกลับไปบ้าน“นุ่นคาดเข็มขัดดี ๆ นะ” ชายหนุ่มเอ่ยหยอกล้อกับคนรัก ทว่าเขากลับมีสีหน้าจริงจังนรีกุลอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ กระนั้นดวงหน้าหวานยังคงแต้มรอยยิ้มกว้างอย่างเดิมนรีกุลเอื้อมมือคาดเข็มขัดนริภัย ไม่กี่นาทีต่อมานัฐวีร์ก็ขับรถพุ่งทะยานออกไป“เราจะไปไหนกันคะวีร์” นรีกุลเอ่ยถามอย่างสงสัยในตัวของสามีไม่น้อย“ไปที่ที่เป็นของเรา” นัฐธวีร์กล่าวด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง“ที่ที่เป็นของเรา” นรีกุลทวนคำตอบของชายคนรัก“เดี๋ยวนุ่นก็รู้เองล่ะน่า” นัธธวีร์บอกปัด“ก็ได้ค่ะวีร์” นรีกุลตอบ หล่อนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ข้างคนขับรถยนต์ของนัฐธวีร์แล่นไปตามถนนใหญ่เรื่อย ๆในที่สุดรถขอองชายหนุ่มก็ไปหยุดอยู่หน้าบ้านหลังโตสไตล์มินิมอลหลังหนึ่ง“นุ่นตื่นได้แล้วครับ” นัฐธวีร์กล่าวพลางเขย่าตัวของหญิงสาวให้ตื่นขึ้น“คะ วีร์” หญิงสาวงัวเงียตอบออกมาด้วยเสียงอู้อี้“ถึงแล้วค่ะ ที่นี่แหละที่ของเรา” นัฐธวีร์กล่าวพลางเอื้อมปลดสายเข็มขัดนริภัยให้เธอนรีกุลลงจากรถอย่างรวดเร็วตามหลังนัฐธวีร์ สามีไปติด ๆ…ดวงตาคู่สวยของนรีกุลเบิกกว้างกว่าเดิม หล่
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณย่า นุ่นอภัยให้” นรีกุลตอบออกมาในที่สุด“แต่ผมว่าคุณอาควรมาขอโทษนุ่นด้วยตนเองนะครับ” นัฐธวีร์เอ่ยเสียงแข็งเขาจะไม่ยอมให้นรีกุลยอมอ่อนข้อให้คนในตระกูลของเขาอีกต่อไปแล้วอย่างไรเสียอัญมณีก็ควรมาขอโทษด้วยตนเองไม่ใช่หลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นมารดาปลอม ๆ เช่นนี้“หลานวีร์ อัญมณีเขา…” คุณย่าเอ่ยอย่างไม่ทันจบประโยคดี หยาดน้ำใสไหลคลอหน่วยตาของหญิงชรานัฐธวีร์และนรีกุลมองสบสายตากันอย่างรู้สึกสังหรณ์ในใจ“อัญมณี เขาเสียชีวิตแล้ว เมื่อเช้านี้” คุณย่าพูดเพียงเท่านั้นก็ปล่อยโฮออกมาทันทีจนผู้เป็นสะใภ้ต้องเข้ามาปลอบประโลม“พ่ออยากให้แกอภัยให้อาของแกสักครั้งนะวีร์” เสียงของกรพจน์อ่อนลงมากในเวลาเช่นนี้“แต่ที่คุณอาทำมันมากเกินการให้อภัย” นัฐธวีร์โต้เถียงกลับไปอย่างไม่ลดละ“พ่อเข้าใจ จริง ๆ พ่อก็ยังไม่ชอบใจกับการกระทำของเขาแต่อัญมณีถูกทำร้ายก่อนโดยบิดาของเขาเอง”“คุณพ่อหมายความว่ายังไงครับ” นัฐธวีร์ถามเสียงเข้มของนัฐธวีร์ทำให้ผู้เป็นบิดาเล่าความจริงบางอย่างออกมา“อัญมณีถูกคุณพ่อจับไปทดลอง ทำให้หล่อนกลายเป็นยักษ์ร้าย” กรพจน์เล่าเท้าความ“จับไปทดลอง” ชายหนุ่มทวนคำ“ใช่ ใช่พ่อของฉันรับอัญ
หยดน้ำใสไหลหยดออกมาจากดวงตาของนัฐธวีร์หล่นลงบนแขนขวาของนรีกุลแพขนตางอนยาวหนากระพือเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า นรีกุลค่อย ๆ ลืมตาขึ้น“นุ่น คุณตื่นแล้วใช่ไหม”“นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” นัฐธวีร์ถามย้ำนรีกุลไม่ตอบอะไร หล่อนคลี่ระบายรอยยิ้มเล็กน้อยมือเรียวของนัฐธวรีร์กดออดเรียกพยาบาล เขากรอกเสียงลงไปตามสายอย่างรวดเร็ว“หมอครับ หมอครับ ภรรยาของผมฟื้นแล้วครับ” ชายหนุ่มกรอกเสียงลงไปฉับพลันพยาบาลสาวรีบเข้ามาตรวจดูคนไข้อย่างรวดเร็วนัฐธวีร์ถอยออกมาจากห้องพักพิเศษผู้ป่วยนอกให้แพทย์ได้เข้ามาตรวจนรีกุลได้อย่างเต็มที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้นัฐธวีร์ละสายตาจากหญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู“หนูนุ่นเป็นอย่างไรบ้างตาวีร์” ปลายสายเป็นมารดาของเขาโทรถามอาการของภรรยาสุดรัก“นุ่นปลอดภัยแล้วครับแม่” นัฐธวีร์กล่าวขึ้นแม่ดีใจด้วยนะตาวีร์ มารดาเขาตอบกลับมาด้วยความยินดี“ครับแม่” นัฐธวีร์น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเขาอดรู้สึกดีใจขึ้นมาไม่ได้ว่าครอบครัวเขาเองก็เป็นห่วงภรรยาของเขาเหมือนกันชายหนุ่มสังเกตเห็นตอนที่กรพจน์ขับรถ เขามองแววตานั้นออกแววตานั้นคล้ายกับแววตาที่ผู้เป็นพ่อมองบุตรสาวความห่วงหา และห่วงใยที
วินาทีเขารู้แล้วว่า เขารักผู้หญิงตรงหน้ามากเพียงใดและเขาสัญญาว่าชาตินี้ทั้งชาติเขาจะมีเพียงนรีกุลคนเดียวตลอดไป“วีร์คะ นุ่นปวดหัวจังคะ” นรีกุลร้องบอกชายคนรัก“นุ่นอย่าเป็นอะไรไปนะ” นัฐธวีร์ร้องเมื่อเห็นนรีกุลกำลังจะหมดสติอีกครั้ง“รีบพานังหนูนี่ส่งโรงพยาบาลเถิด ข้าแก้ของให้แล้ว” เสียงของพ่อหมอดังขึ้นทำให้นัฐธวีร์ได้สติเขารีบช้อนร่างนรีกุลขึ้นรถ แล้วบึ่งไปโรงพยาบาลทันทีหน้าห้องฉุกเฉิน “ผมขอเตียงให้คนไข้ด้วยคัรบ” เสียงเข้มเอ่ยกับพยาบาลอย่างร้อนรนพยาบาลกรูกันเข้ามาอุ้มร่างไร้สติของนรีกุลขึ้นมาวางไว้บนเตียงพยาบาลบุรุษพยาบาลเข็นร่างของนรีกุลเข้าไปด้านใน โดยมีนัฐธวีร์ตามไปติด ๆ…เขามองเห็นกรพจน์อยู่ห่างออกไปนัฐธวีร์หยุดยืนนิ่ง“ไปซิเจ้าวีร์ แกจะปล่อยนังหนูนุ่นเข้าไปคนเดียวได้ยังไง” กรพจน์ร้องตะโกนป้องปากอยู่หน้าโรงพยาบาลนัฐธวีร์ยิ้มให้บิดาทั้งน้ำตาอย่างสุขใจ เขารีบเดินตามบุรุษพยาบาลเข้าไปทิ้งให้กรพจน์ขับรถออกไปตามลำพัง“นุ่นอย่าเป็นอะไรไปนะ” นัฐธวีร์ร้องบอกร่างของนรีกุลถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว ขณะที่ประตูปิดลง“ญาติคนไข้เข้าไปไม่ได้นะคะ รออยู่ข้างนอกก่อนค่ะ” พยาบาลสา
“เราจะไปไหนกันครับพ่อ” นัฐธวีร์กล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน แววตาของเขาฉายรอยวิตกอย่างเห็นได้ชัด“ไปรักษาหนูนุ่นกัน” บิดาของนัฐวีร์กล่าวรถสปอร์ตคันหรูของกรพจน์แล่นออกไป เขาเลี้ยวไปตามทางอย่างชำนาญจนกระทั่งออกห่างจากตัวคฤหาสน์มอนอฟอยด์ไปนัฐธวีร์ประคองร่างไร้สติของนรีกุลอย่างหวงแหน หากหญิงสาวกลับไม่สามารถลืมตาขึ้นมามองเขาได้เลยกรพจน์มองไปยังนัฐธวีร์ลูกชายคนเล็กอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าพวกเขาทั้งสองจะต้องผ่านเรื่องราวเลวร้ายอะไรมาบ้างในคฤหาสน์แห่งนั้น‘นี่เขาทำอะไรลงไป ทำไมเขาไม่ห้ามบุตรชายตั้งแต่ตอนแรก’กรพจน์ยังขับรถต่อไปจนกระทั่งถึงสถานที่แห่งหนึ่งดูคล้ายกับสำนักทรงเจ้าเข้าผีกรวีร์มองพ่อที่ปลดสายเข็มขัดลงรถไปอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง“พ่อหมอ พ่อหมอช่วยพวกเราด้วย” กรพจน์เอ่ยขึ้นพลางมองบุตรชายที่อุ้มร่างของนรีกุลไว้แน่น“เอ้า เอาเธอวางลง” พ่อหมอไสยเวทย์กล่าวนัฐธวีร์มีสีหน้าลังเล ขณะที่เขามองการรักษาของบิดาอย่างงุนงงแต่จะมีอะไรดีไปกว่าการได้ช่วยเหลือภรรยาคนรักของเขาในเวลานี้ มันไม่มีทางเลือกอะไรอีกต่อไปแล้วล่ะนัฐธวีร์วางหญิงคนรักไว้บนแคร่ไม้ ขณะเดินกลับไปนั่งข้าง ๆ บิดาของเขาที่นั่
“อาตอบแล้ว แต่วีร์ต้องปล่อยอาก่อน” อัญมณีหว่านล้อม“อย่ามาเล่นลิ้น ถ้าเมียกูตาย กูจะส่งมึงไปเข้าตาราง จะตอบหรือไม่ตอบ”“หนึ่ง”“สอง”“สาม”“สี่”“ได้ จ้ะ อาตอบแล้ว” อัญมณีร้อง“น้ำยาที่อาให้นรีกุลเป็นยาสั่งผสมสารพิษดอกยี่โถที่ต้องใช้ว่านรางจืดล้างเท่านั้น” อาสาวตอบอย่างจนมุมในที่สุด“แค้ก” นัฐธวีร์เหวี่ยงอัญมณีออกอย่างขยะแขยงทันทีเขารีบช้อนร่างของนรีกุลเดินผ่านอัญมณีไปท่ามกลางความเจ็บแค้นของอัญมณี“รักมันเข้าไปเถิด รู้ไว้เสียด้วย อีนุ่นมันเป็นเมียผีพยนต์พี่ชายแก” พูดจบอัญมณีก็กรีดเสียงหัวเราะร่วนนัฐธวีร์ที่กำลังก้าวเท้าผ่านออกจากห้องชะงักอยู่หน้าประตู เขามองอัญมณีอย่างไม่อยากเชื่อสายตา“ที่นุ่นได้กับผีพยนต์พี่กรวีร์ก็เป็นเพราะคุณอา จำเอาไว้ต่อให้ผมไม่มีนุ่นผมก็ไม่เลือกคุณอาอยู่ดี” นัฐธวีร์พูดแทงใจดำ“กรี๊ด” อัญมณีหวีดเสียงแหลมร้องดังลั่นห้องใต้ดินนัฐธวีร์อุ้มร่างนรีกุลเดินออกมาจากประตูบานนั้นเขาไม่แม้แต่จะสนใจอัญมณีอีกเลย“ได้…พวกแกจะต้องตาย ตายกันหมดอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้แหละ” อัญมณีคำรามเล็ดลอดไรฟันด้วยความคั่งแค้นคุณอาสาวคว้าคบเพลิงที่จุดแล้วขว้างออกไปอย่างบ้าคลั่งหมายจะปาออกไป