แสงตะวันยามเช้าสาดแสงอาบรัศมีเล็ดลอดเข้ามายังหน้าต่างบานกว้างที่เปิดรับลมโชยอยู่ตลอดเวลา
นรีกุลกระพือขนตางอนยาวหนาอย่างเชื่องช้า มือเรียวของหญิงสาวควานหาสามีทว่าเธอกลับพบแค่เพียงความว่างเปล่า
หัวใจของนรีกุลหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม ความเย็นวาบแทรกไปทั่วทุกอณูของร่างกายราวกับว่าชายหนุ่มกำลังจะทอดทิ้งหล่อนแล้วจากไป
นรีกุลผุดลุกขี้นเป็นเวลาเดียวกันกับเสียงของโทรศัทพ์สมาร์ทโฟนของเธอดังขึ้น
ปลายสายเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่คุ้นเคยของผู้เป็นสามี นรีกุลถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกโล่งใจ
“ค่ะวีร์” นรีกุลกล่าวเป็นคำแรกทันทีที่รับโทรศัพท์เขา
“โทษทีนุ่นพอดีผมลืมไปว่าผมมีนัดคุยงานกับลูกค้าวันนี้ ผมออกมาแล้ว นุ่นอยู่ที่บ้านไปก่อนนะ” นัฐธวีร์กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนเบาคล้ายกับคนกำลังทำผิด
“วีร์คะ ไม่เป็นไรค่ะ นุ่นเข้าใจ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุณจะกลับมาเย็นนี้ใช่ไหมคะ” นรีกุลกล่าวด้วยน้ำเสียงหวานใสพลางรอฟังคำตอบของสามีอย่างตื่นเต้น
“ไม่น่าจะทันวันนี้นะนุ่น”นัฐธวีร์กล่าวพลางเหลือบมองตารางแผนงานในคอมพิวเตอร์ของเขา
ดวงตาของนรีกุลจับจ้องมองไปยังนาฬิกาเรือนโบราณ ขนาดใหญ่ คราบไรฝุ่นเกาะนาฬิกาเรือนโบราณที่ประดับฝาผนังลายสวย หน้าปัดนาฬิกาบรรจบกันบ่งบอกเวลาสิบเอ็ดโมงพอดิบพอดี
“ปิ๊งป่อง” เสียงกริ่งดังขึ้นหน้าคฤหาสน์มอนอฟอยด์อีกครั้ง หญิงสาวอดรู้สึกไม่ได้ว่าเวลานี้เสียงของออดหน้าคฤหาสน์ช่างดังวังเวงเสียเหลือเกิน
“แล้ววีร์จะกลับวันไหนคะ” นรีกุลเอ่ยถามสามีเสียงสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้
“เดี๋ยววีร์กลับไป น่าจะพรุ่งนี้ แถวนี้ไม่มีสัญญาณ…แค่นี้ก่อนนะนุ่น” นัฐธวีร์กล่าวตัดบทพลางวางสายภรรยาของเขาลงเสียดื้อ ๆ
แสงแดดจัดแผดเผาผิวบอบบางของหญิงสาว นรีกุลจึงดึงผ้าม่านสีม่วงขิบดิ้นทองยาวระย้าลงเพื่อบดบังแสงสุริยา
กลิ่นหอมอ่อนจางของบางสิ่งปะทะกับจมูกโด่งของนรีกุลอย่างจัง หญิงสาวล้มตัวลงนอนหลับไป
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าของหญิงสาวเวลานี้กลายเป็นกลุ่ม ควันหมอกจาง ๆ ขึ้นโขมงตรงเบื้องหน้าของคฤหาสน์มอนอฟอยด์
ท่ามกลางเปลวฝุ่นขมุกขมัวที่บดบังดวงตาคู่กลมโตของหญิงสาวนั้น
นรีกุลเหลือบไปเห็นเงาดำทะมึนสีดำละม้ายคล้าย
มือของใครบางคนมากดออดหน้าคฤหาสน์เรือนหอของเธอ
“เข้ามาซิคะนุ่นไม่ได้ล็อกบ้านไว้ค่ะ” นรีกุลกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานสดใสร่าเริงเช่นเคย
ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับจากผู้มาเยือนนรีกุลเงี่ยหูฟังอีกครั้งจึงได้รู้สึกว่าตนเองหูฝาดไป
คิ้วเรียวเข้มของหญิงสาวขมวดมุ่นเป็นปมใหญ่ราวกับเชือกป่านท่าพันกันร้อยรัดจนแน่นเสียยากจะดึงออก
นรีกุลอดรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้เมือเวลานี้หญิงสาวรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง
“ทำไมวีร์ยังไม่เข้ามานะ” นรีกุลเอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“อ๋อ ลืมไปเลยว่าวีร์กลับมาไม่ทัน” นรีกุลกล่าวขึ้นอย่างเศร้าสร้อย
ร่างอรชรลุกขึ้นจากเก้าอี้ทรงสูงสไตล์ยุโรปหญิงสาวรวบ ชายกระโปรงที่ยาวรุ่ยร่ายเล็กน้อยพลางหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
นรีกุลที่มองเห็นการกระทำของหญิงสาวที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับเธออดรู้สึกตระหนกกว่าเดิมไม่ได้
“ทำไมมีเราสองคนล่ะ กรี๊ดๆ” นรีกุลหวีดร้องลั่นราวกับคนเสียสติ
ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างขึ้นเมื่อภาพที่ปรากฎเด่นชัดในความฝันของเธอน่าหวาดกลัวเสียจนเธออยากจะตื่นขึ้น นรีกุลตัดสินใจหยิกตัวเองอย่างแรงหมายจะให้ตนเองตื่นขึ้นมา
“กริ๊ง” เสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวดังขึ้น นรีกุลจึงหยุดเดินในทันที
หญิงสาวเดินเข้าไปหาโทรศัพท์แล้วฉวยคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมามองเบอร์โทรปลายสายที่ต่อเข้ามาหาเธอ
นรีกุลนิ่วหน้าลงเล็กน้อยหญิงสาวรู้สึกฉงนในใจขึ้นมาไม่ ได้ว่า ปลายสายเป็นสายของนัฐธวีร์ ทว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เธอ
จะมาสงสัยว่าคนที่กดออดเป็นใคร
“ฮัลโหล” นรีกุลเอ่ยขึ้น
“นุ่นครับวันนี้วีร์ว่าจะไม่กลับบ้านนะครับ”
ปลายสายเอ่ยบอกหญิงสาว
“วีร์คะ เมื่อกี้นุ่นเห็นวีร์กลับมาแล้วนะคะ” นรีกุลเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงสัย
“นุ่นผมยุ่งอยู่นะ พอดีวันนี้ผมติดงานออกแบบเกมน่ะ” นัฐธวีร์กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว
“วีร์หมายความว่ายังไงคะ” นรีกุลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่เข้าใจในบทสนทนาของสามีที่เข้าพิธีวิวาห์มาด้วยเมื่อหกเดือนที่แล้ว
“ก็หมายความว่าวันนี้วีร์จะค้างบ้านไอ้ทิตย์น่ะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้วีร์จะกลับไปนะครับ รักนะครับ ฝันดีครับ” นัฐธวีร์กล่าวพลางตัดสายของหญิงสาวทิ้งทันทีเมื่อปลายสายวางลงไปญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างกังวล“ปกติวีร์ไม่ได้เป็นคนแบบนี้” สาวเจ้าบ่นกระปอดกระแปดมือเรียวของหญิงสาววางโทรศัพท์ลงอย่างรวดเร็วนรีกุลกรอกตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์กับการกระทำของนัฐธวีร์สามีของเธอ“แล้วถ้าเมื่อกี้ไม่ใช่วีร์ แล้วใครกดออด” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจในเหตุการณ์แปลกประหลาดที่ตนเองพบเจอ“หรือว่าจะถามวีร์ให้รู้เรื่องดีนะ เพราะว่าวันนี้ทั้งบ้านก็ออกไปงานสังคมกันหมด” นรีกุลกล่าวขึ้นอย่างกังวลใจสายลมเย็นหอบพัดความหนาวเย็นกรีดผิวเนื้อของหญิวสาว นรีกุลหันไปมองหน้าต่างบานกว้างที่เปิดรับลมหนาวอยู่“ทำไมหน้าต่างห้องนี้ยังไม่ปิดนะ” หญิงสาวกล่าวขึ้นแล้วทอดสายตามองไปยังลานสวนดอกไม้กว้างใหญ่อย่างประหลาดใจ ทว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่หล่อนจะมาชมสวนในคฤหาสน์หลังโตแบบนี้นรีกุลแหงนมองเมฆก้อนใหญ่ที่เริ่มบดบังแสงจันทร์ที่แต่เดิมก็มีอย่างริบหรี่เต็มทีมือเรียวของนรีกุลงับหน้าต่างบานใหญ่ให้เข้าหากันอย่างไม่สนใจใคร…ไฉนเลยหญิงสาว
นรีกุลตกใจตื่นขึ้นทันที ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยเหงื่อชทื้นตามร่างกายที่เปียกซกหญิงสาวมองเห็นเงาสะท้อนของตนผ่านกระจกเงา สัมผัสของหญิงสาวบ่งบอกว่าที่คฤหาสน์แห่งนี้ต้องมีอะไรสิงอยู่เป็นแน่หญิงสาวล้มตัวลงนอนอีกครั้งในฝันของเธอ ปลายเท้าสองข้างของหญิงสาวรีบสาวเท้ากลับเข้าไปยังห้องนอนของเธอกับกรวีอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องมองมายังเธอด้วยแววตาอาฆาตพยาบาทชิงชังริษยานรีกุลยังรู้สึกตกใจยังไม่หายทว่าการต่อสายโทรศัพท์หาสามีในเวลาเที่ยงคืนเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะทำหญิงสาวปีนขึ้นเตียงแล้วเอื้อมหยิบผ้าห่มนวมในคฤหาสน์แห่งนี้มาพันรอบตัวไว้ความตระหนกทำให้เธอหดตัว จนแทบจะงอเป็นกุ้งได้ หญิงสาวอดรับรู้ถึงคำว่าหวาดกลัวและความแปลกประหลาดในคฤหาสน์มอนอฟอยด์แห่งนี้ไม่ได้ตั้งแต่ที่นรีกุลก้าวเข้ามาเป็นสะใภ้ของตระกูลจิระชาญแห่งนี้นรีกุลก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของครอบครัวที่พวกเขาไม่เป็นมิตรกับเธอเอาเสียเลยไม่ว่าจะเป็นคุณอาอัญมณีที่แวบแรกที่นรีกุลมองเห็นเธอว่าคุณอาไม่มีลูกกะตาดำสร้างความตระหนกให้กับหญิงสาวเป็นวันๆ หากนัฐธวีร์ยังกล่าวกับเธออย่างนึกขำขันว่านุ่นเธอไม่รู้หรอกว่าคุณอาแอบใส่คอน
“วีร์คะ” นรีกุลร้องเรียกชื่อเขาอย่างละเมอฝันหญิงสาวต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเวลานี้แก่นกำยำของนัฐธวีร์สอดแทรกผ่านช่องทางสวรรค์ของเธออย่างไม่ปรานีคนตัวเล็กเบื้องล่างสติของหญิงสาวเริ่มกลับมาอีกครั้ง นรีกุลสัมผัสได้ถึงความคับแน่นของแก่นกำยำในตัวของสามีของหล่อนนัฐธวีร์เริ่มเกมกามารมณ์อย่างช่ำชอง นรีกุลร้องซี้ดครวญหวานด้วยความเสียวกำซาบซ่านซึมไปทั่วกายาสติของหญิงสาวกระเจิดกระเจิงในยามที่ชายหนุ่มเข้าออกเป็นจังหวะจะโคนอย่างไม่รอรีนรีกุลอดรู้สึกขึ้นมาไม่ได้ว่าเวลานี้หล่อนได้กลายร่างเป็นนกที่ถูกปล่อยอิสระ ผกผินไปทั่วท้องเวหานภาอันกว้างใหญ่ริมฝีปากบางของนรีกุลถูกครอบครองด้วยเรียวปากของนัฐธวีร์ ความร้อนระอุแทรกซึมไปทั่วสรรพางค์กายาของหญิงสาวลิ้นสากของชายหนุ่มแทรกเข้าไปยังโพรงปากของหญิงสาวภรรยาที่เขารักยิ่ง เวลานี้มีเพียงเขาที่ได้ครอบครองความหวานในโพรงปากหอมละมุนของนรีกุล ภรรยาเพียงคนเดียวที่เขารักและเทิดทูนเธอเป็นอย่างมากมือหนาของนัฐธวีร์ได้ล้วงเข้าไปยังทรวงอกอวบอิ่มของนรีกุล ชายหนุ่มออกแรงเคล้นคลึงทรวงอกของหล่อนทั้งสองด้วยแรงปรารถนาที่แสนกำหนัดอย่างที่นรีกุลไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนแววตาของนรี
“ผมไปก่อนนะนรีกุล” นัฐธวีร์เอ่ยกับภรรยาสาวของเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ค่ะ วีร์” หญิงสาวขานรับขณะเปิดประตูบ้านคฤหาสน์หลังใหญ่ให้เขา“วีร์อยากทานอะไรคะเย็นนี้” นรีกุลเอ่ยถาม“ผมอยากกินแกงจืดฝีมือคุณ” นัฐธวีร์เอ่ยบอกกับว่าที่เจ้าสาวของเขา“ค่ะงั้นวันนี้นรีกุลจะไปตลาดนะคะ”นรีกุลเอ่ยบอกชายหนุ่ม หญิงสาวคลี่ยิ้มอย่างสดใสส่งให้กับเขาแววตาของหล่อนเวลานี้เด่นชัดถึงความสุขใจ ที่ได้อยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับสามีของหล่อนเองรถยนต์คันหรูของสามีแล่นหายลับตาของหญิงสาวไป แล้ วทว่าหญิงสาวกลับยังยืนมองชายหนุ่มอยู่ตรงหน้าคฤหาสน์มอนอฟอยด์นรีกุลหมุนตัวกลับไปยังด้านหน้าคฤหาสน์ สายลมเย็นพัดกรีบผิวเนื้อของหญิงสาวจะต้องยกมือขึ้นมารูปขน แขนยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ตั้งตัวสายตาของเธอเห็นเงาสีดำของใครบางคน ตัดผ่านหน้าเธอไปราวกับว่าเงาดำของปริศนานั้นยังคงวนเวียนอยู่ข้างตัวของเธอห้างสรรพสินค้าใกล้คฤหาสน์บรรยากาศในห้างสรรพสินค้ายามนี้มีผู้คนหนาแน่นคับคั่ง มาจับจ่ายใช้สอยขณะที่นรีกุลเดินอย่างเดียวดายหญิงสาวเหลือบเห็นเงาดำด้านหลังของหล่อนขณะที่แสงแดดส่องผ่าน เธอยกมือขยี้ตาของตนเองอย่างแผ่วเบาทว่าเธอก็ได้พบว่าบุรุษป
นรีกุลอดรู้สึกไม่ได้ว่าเธอหนักบ่าอย่างมาก หากแต่หญิงสาวไม่สะดวกในการนวดทำให้เธอต้องขับรถกลับทั้ง ๆที่หนักไหล่หนักบ่าอย่างมากรถยนต์คันหรูแล่นมาจอดเทียบหน้าคฤหาสน์มอนอฟอยด์นรีกุลสาวเท้าลงจากรถพร้อมข้าวของเครื่องใช้และอาหารสดมือเรียวของหญิงสาวเอื้อมมาบีบนวดไหล่ทันทีที่เธอส่งของให้สาวใช้ในคฤหาสน์ให้เอาไปเก็บนรีกุลเอื้อมมือดึงกุญแจแล้วไขประตูห้องนอนในเคหาสน์ สถานมอนอฟอยด์แห่งนี้ สายลมเย็นกรีดผิวเนื้อหอบเอากลิ่นเน่าเหม็นจากถังขยะเข้ามาสู่ห้องนอนของเธอและสามี“สงสัยเขาจะลืมไปว่า เราเอาขยะมาทิ้ง รีบปิดหน้าต่างดีกว่า” นรีกุลกล่าวพลางงับบานหน้าต่างอย่างรวดเร็วเงาสะท้อนของหน้าต่างทำให้นรีกุลเห็นรองเท้าสีดำพาดอยู่บนคอของเธอนรีกุลรู้สึกเย็นวาบราวกับอยู่กลางช่องแช่แข็งก็ไม่ปาน หญิงสาวเอื้อมมือไปเปิดหน้าต่างอีกครั้งแล้วรวบรวมสติทั้งหมดที่มีเข้าไว้ด้วยกัน“หยุดเพ้อเจ้อได้แล้วนุ่นที่นี่ไม่มีอะไรหรอก แค่แปลกไปจากที่ ที่เราเคยอยู่ และ ผู้คนที่เราเคยคุ้นเคยเท่านั้นเอง” นรีกุลปลอบตนเองอย่างแผ่วเบาหญิงสาวงับบานหน้าต่างเข้าหาตนเองอีกครั้ง คราวนี้ภาพสะท้อนของกระจกเงาก็พบว่าบนไหล่ของหญิงสาวว่าง เปล่า
8.กุมารเทพ ผู้ช่วยคนใหม่ ค่ำคืนนั้นสามีของหล่อนไม่ได้รับประทานอาหารที่นรีกุลตั้งใจว่าจะทำนรีกุลเดินลงมาบริเวณโถงในห้องอาหารขนาดกว้างมากกว่าสองห้องรวมกัน สายตาเจ้ากรรมของหญิงสาวเหลือบมองสาวใช้ที่นำอาหารมาจัดลงในจานทว่าเพียงแวบเดียวนรีกุลก็ยืนตัวเซ หญิงสาวจึงขอตัวกลับไปยังห้องนอนของเธอและสามีของเธอมือเรียวของนรีกุลเอื้อมหมุนลุกบิดแล้วผลักเข้าไปยังห้องนอนของเธอปลายเท้าเรียวขาวสะอาดของหญิงสาวสาวเท้าเข้าไปหยุดยังบานกระจกบานกว้างที่สลักลายบางอย่างมือเรียวของหญิงสาวหยิบหวีแปรงมาสางเส้นไหมที่พันกันยุ่งเหยิงให้เรียบร้อยดังเดิมนรีกุลได้ยินเสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้น หญิงสาวรีบมุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มทันที“คุณผู้หญิงคะ คุณอาอัญมณีให้ดิฉันนำอาหารค่ำมาให้ค่ะ” เสียงของคนรับใช้เคาะเรียกนรีกุลอยู่หน้าห้องนรีกุลชักสีหน้าเบื่อหน่ายในการกระทำบังคับบัญชาของอัญมณี คุณอาผู้ดูแลมรดกตกทอดของปู่กรชัย หญิงสาวกรอกตาไปมาพลางกระแอมไอเล็กน้อย“กลับมาแล้วเหรอจ้ะตาวีร์” อัญมณีเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยแววตาเป็นประกาย“นุ่นละครับ คุณอา” นัฐธวีร์เอ่ยถามผู้ดูแลคฤหาสน์ด้วยน้ำเสียงสงสัยเมื่อไม่เห็นภรรยาสาวของตนเองร่วมโต
หญิงสาวพยายามยกมือขึ้นสวดอ้อนวอนแต่ก็ไร้ผลเธอกลับยกมือไม่ขึ้นราวกับว่าเธอถูกผีอำอย่างไรอย่างนั้นยังไม่ทันธรรมดาหญิงสาวจะสวดมนต์จบเธอก็ได้ยินเสียงข้างหูพูดขึ้นมาว่า“พี่ไม่ต้องกลัวนะกุมารอยู่ด้วยทั้งคน”เวลานี้หญิงสาวลืมไปเสียสนิทเลยว่า หล่อนได้นำกุมารทองเข้ามายังคฤหาสน์แห่งนี้โดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าที่แห่งนี้เสียก่อนความเย็นแสนน่าหวาดกลัวแทรกซึมไปทั่วผิวกาย นรีdกุลรับรู้ได้ถึงมือหยาบกร้านของวิญญาณร้ายที่สัมผัสโดนผิวของหล่อนมือสากหยาบกร้านของผีร้ายอดทำให้รู้สึกไม่ได้ว่าหล่อนรังเกียจขยะแขยงมือของมันมากเพียงใดทว่ายังไม่ทันที่วิญญาณร้ายจะได้แผลงฤทธิ์ก็ปรากฏแสงสว่างสีทองมาครอบคลุมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของหญิงสาวเอาไว้เสียก่อนแสงสีทองสว่างวาบทำให้วิญญาณร้ายกระเด็นออกจากตัวของหล่อนทันทีหญิงสาวรู้สึกฉงนในใจทว่าไม่นานนักหญิงสาวก็ได้คำตอบว่าแสงสีทองที่ทำให้วิญญาณร้ายหายไปนั้นมาจากใครภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าของหญิงสาวคือเด็กชายหัวจุก บนศรีษะประดับด้วยรัดเกล้าทองคำลงยาอร่ามตาใบหน้าของกุมารทองตนนั้นงดงามราวกับเทพสวรรค์ลงมาจุติหญิงสาวเคยได้ยินมาว่า เทพเจ้านาจาเทพประจำตระกูลของหญิงสาวนั้น เป็
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้กล่าวอนุญาตให้ปล่อยวิญญาณร้ายตนนั้นก็ปรากฏโซ่ตรวนที่มาจากอากาศเข้ามาล่ามวิญญาณร้ายตนนั้นให้กลิ้งล้มลงไปเสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณร้ายตนนั้นเข้าสู่โสตประสาทของหญิงสาวอย่างรุนแรงหญิงสาวได้แต่มองวิญญาณร้ายที่ดีดดิhนอย่างหนทางสู้ด้วยความสงสารในใจในตอนนี้เธอมองเห็นแต่เพียงว่าวิญญาณร้ายตนนั้นหายลับไปเสียแล้วราวกับใครบางคนที่ส่งของมาสู่เธอนั้นได้กำจัดวิญญาณร้ายที่กำลังจะทรยศเขาด้วยน้ำมือของอาคมที่ถูกกำกับเอาไว้ดวงวิญญาณร้ายลอยตัวสูงขึ้นท่ามกลางโซ่ที่รอยรัดให้ร่างของมันแหลกสลายไม่นานนักก็เป็นดังที่นรีกุลคาดคิดไว้จริงๆเวลานี้ดวงจิตร้ายได้อันตรธานหายไปเสียแล้วหญิงสาวอดรู้สึกเสียดายไม่ได้ว่าด้วยวิญญาณร้ายตัวนี้จะได้ไปเกิดเสียทีแต่ใครกันที่ส่งวิญญาณร้ายไม่รู้อีโนอีเหน่ตัวนี้มาหาเธอ“อโหสิกรรมให้เขาเสียเถอะ” กุมารเทพที่อยู่ข้างกายของหญิงสาวเอ่ยขึ้นหญิงสาวผ่อนลมหายใจอย่างออกมาอย่างรุนแรง ราวกับจะปลดปล่อยความทุกข์ในใจที่หนักอึ้งอยู่ในตอนนี้เวลานี้ก็ดึกมากแล้วยังสาวคนเข้านอนได้เสียทีแต่ไม่ว่าจะนอนอย่างไรหญิงสาวก็ไม่อาจข่มตาลงหลับได้เมื่อเจอเหตุการณ์ เช่นนี้เป็นแน
หล่อนจำต้อง ‘กลืน’ ความรู้สึกที่อยากบอกเรื่องราวมากมายในคฤหาสน์กับเขาลงไปก่อนที่นัฐธวีร์จะมองว่าเธออาจจะป่วยเป็นโรคทางระบบประสาทเสีย“วีร์ค่ะ” นรีกุลเอ่ยขึ้นแล้วมองมาทางใบหน้าของนัฐธวีร์ด้วยนัยน์ตาจริงจัง“ครับนุ่น” นัฐธวีร์กล่าวพลางทอดมองใบหน้าสวยของหญิงสาวที่เวลานี้มีหยดน้ำเกาะพราวบริเวณริมฝีปากอวบอิ่ม“นุ่นว่า…”“ปากเลอะครับนุ่น” นัฐธวีร์เอ่ยขึ้นพลางเอื้อมมือหนาของเขาเขี่ยบริเวณริมฝีปากของหญิงสาวอย่างอ่อนโยนเจ้าหล่อนรู้สึกร้อนที่ใบหน้าผะผ่าวขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงหน้าของนรีกุลแดงระเรื่อ ริมฝีปากสวยขยับเอ่ยบางสิ่งบางอย่างออกมา“นุ่นว่าที่นี่มีอะไรแปลก ๆ ค่ะ” ในที่สุดนรีกุลก็กล่าวออกมาด้วยความรู้สึกหวาดกลัวคิ้วเข้มของชายหนุ่มขมวดมุ่นเข้าหากันเป็นปมใหญ่ เรียวปากหยักเอ่ยถาม“แปลกยังไงเหรอครับ” ชายคนรักถามเสียงเข้มขณะจ้องมองใบหน้าหญิงสาวอย่างเริ่มมีโทสะ“วีร์คะนุ่นยอมรับนะคะว่านุ่นรู้สึกแปลก ๆ กับกับคฤหาสน์มอนอฟอยด์ ที่นี่ทำให้นุ่นรู้สึกว่ามันเป็นเหมือนคฤหาสน์ผีสิงอย่างไรก็ไม่รู้ค่ะ” พูดจบเจ้าหล่อนเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น“นุ่น” นัฐธวีร์เอ่ยเรียกชื่อของหล่อนด้วยน้ำเสียงดัง เ
คฤหาสน์มอนอฟอยด์“กรี๊ด” เสียงหวีดร้องแหลมสูงของใครบางคนหวีดเสียงลั่นห้องหับโอ่โถง“นังนุ่นนังผู้หญิงแพศยา” อัญมณีกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งมือหยาบกร้านภายใต้ถุงมือสีดำแสนสวยฉวยหยิบมีดด้ามคมกรีดไปยังรูปถ่ายงานแต่งงานสายฟ้าฟาดของหลานชายเป็นทางยาวทว่านั่นยังไม่สาแก่ใจของอัญมณี คุณอาสาวหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดภาพระหว่างนรีกุลและนัฐธวีร์จนขาดวิ่นไปทันทีแต่ไหนแต่ไรมาอัญมณีไม่เคยเกลียดและชิงชังผู้หญิงคนไหนเท่านังนรีกุลนี่มาก่อน เพราะนังหญิงแพศยานั้นคนเทียวที่ทำให้นัฐธวีร์หลานชายที่เธอรักยิ่งกว่าชีวิตเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอัญมณีแอบรักหลานชายนอกไส้อย่างนัฐธวีร์มาตลอดเวลา จนกระทั่งเขาเลือกที่จะเดินออกมาจากอ้อมอกของผู้เป็นมารดา และกรพจน์ พี่ชายของอัญมณีไปนอนกกผู้หญิงเชื้อสายจีนอย่างนรีกุลทำให้อัญมณียิ่งทวีความเกลียดชังในตัวของหญิงสาวมากกว่าเดิมเพราะหล่อนเชื่ออย่างสุดใจว่าผู้หญิงอย่างนรีกุลจะหาดีอะไรได้ นอกเสียจากจะมีเงินมีทองให้หลานนอกไส้ผลาญเล่นก็เท่านั้นเอง“แอนหล่อนจับตามองนังนุ่นไว้ให้ดี ฉันเชื่อว่านังนุ่นมันจะต้องกลับมาอีกแน่ อีมารหัวใจของฉัน…อีนรีกุล” อัญมณีคำรามเล็ดลอดไรฟัน“เจ้าค่ะคุณอา” แอนรับค
และเวลานี้เธอไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ก็เพราะว่าคนในคฤหาสน์โหดร้ายเกินกว่าที่จะเป็นมนุษย์นั่นเองหญิงสาวนั้นล้มตัวลงนอนข้างๆสามีของของตนเองทั้งกอดเขาแล้วซุกตัวใต้อ้อมกอดภายใต้รัตติกาลที่เงียบงันและวังเวงหญิงสาวโน้มตัวลงนอนอย่างยากที่จะข่มตาหลับลงได้แต่ภาพที่เห็นนั้นทำให้เธอลุกขึ้นมาสำรอกเศษอาหารทั้งหมดที่ได้กินไปจากตลาดทันทีหญิงสาวอาเจียนออกมาจนหมดเสียงอาเจียนของเธอดังลั่นจนทำให้สามีของเธอต้องลุกขึ้นมาอย่างตกใจ“เกิดอะไรขึ้นเหรอนุ่น” ชายหนุ่มถามภรรยาของเขาอย่างรวดเร็ว“ไม่ค่ะ นุ่นแคร์รู้สึกพะอืดพะอมเท่านั้น” หญิงสาวกล่าวอย่างรวดเร็วพลางหลุบตาต่ำลงมือหนาของชายหนุ่มเอื้อมมาลูบหลังของหญิงสาวยังแผ่วเบาแต่ยิ่งเขาลูบมากเท่าไหร่เศษอาหารของนรีกุลก็ออกมากเท่านั้น“ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้” สามีของหล่อนกล่าวแล้วเดินไปหาน้ำมาให้หญิงสาว“ไม่เป็นไรค่ะวีนุ่นเอาน้ำมาพอดีวีช่วยไปหยิบน้ำตรงนั้นให้หน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวกล่าวพลางชี้นิ้วไปยังขวดน้ำตนเองที่วางตั้งไว้“โอเคก็ได้” สามีของหล่อนกล่าวหญิงสาวสำรอกออกมาจนหมด ทั้งหมดนี่เป็นเพราะอัญมณีแท้ๆทีเดียวที่ทำให้หญิงสาวต้องอาเจียนอย่างไม่คาดคิดม
“อ้าย” เสียงหวีดร้องดังขึ้นท่ามกลางความสะใจของสตรีผู้หนึ่งที่มองมายังหญิงสาวเคราะห์ร้ายด้วยความโกรธเกลียดมีดเล่มคมปักลงบนหน้าอกของหญิงสาวอย่างที่อันนาเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว โลหิตสีแดงฉานไหลเปอะชุดคลุมของหญิงสาว พรหมจรรย์อย่างอันนาท่ามกลางเสียงหัวเราะของเเราหญิงสาวที่อยู่ในลัทธิบูชาเงาเจ้านรกเวลานี้เป็นเวลาที่หญิงสาวควรนอนหลับได้แล้วหากแต่สอง ขาของหญิงสาวกับไม่ขยับออกจากบริเวณเสาต้นใหญ่ที่หล่อนหลบซ่อนอยู่ได้เลยภาพที่ปรากฏตรงหน้าของนรีกุลนั้นคือสตรีที่ถูกมีดเล่มคม-ขนาดเล็กแทงเข้าที่หัวใจ เลือดของผู้หญิงคนนั้นไหลออกมาเป็นทางยาวอันนาที่เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่าวันนี้จะต้องบูชายันต์เงาเทพเจ้านรกได้แต่นอนนิ่งให้อัญมณีกรีดเลือดของเธอออกมาในปริมาณมากหากหญิงสาวคาดคะเนไม่ผิดเลือดของอันนาหญิงสาวที่ได้ทะเลาะกันที่นรีกุลเห็นตรงหน้าทางเข้าประตูห้องลับนั้นคงหลายร้อยซีซีเป็นแน่หญิงสาวยกมืออุดปากแทบไม่ทันเมื่อเห็นอัญมณีใช้มีดแหลมคมปาดเข้าที่คอของคนรับใช้สาวอันนามือเรียวของอันนาายกมือไหว้แล้วมองจ้องไปยังแท่นพิธีบูชาเงาเทพนรกดังกล่าวแล้วขยับริมฝีปากที่โชกไปด้วยเลือดว่า“ข้าแต่เทพนรก อั
มือสวยของเธอพลิกหน้าหนังสือโบราณขึ้นมาดู อารามไม่ทันระวังทำให้หนังสือที่หนักอึ้งเล่นนั้นหลุดออกจากมือของหล่อนไปยังด้านล่างของพื้นห้องนอนหญิงสาวหยิบ หนังสือที่กลับหัวขึ้นมามองอีกครั้งภาพที่ปรากฏตรงหน้าของหญิงสาวทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วอย่างรุนแรงหญิงสาวพบว่าเมื่ออ่านกลับหัวตัวอักษรนี้เป็นตัวอักษรรัสเซียโบราณที่มีอยู่มานานนับร้อยปีก่อนการค้นพบประวัติศาสตร์เสียอีกหญิงสาวค่อยๆสะกดทีละตัวตามที่ได้เรียนมาในโรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทยนิ้วมือข้างขวาของของเธอเริ่มจากยกนิ้วไล่ไปทีละบรรทัดทันทีที่หญิงสาวอ่านจบเธอก็อดรู้สึกขนลุกขนของสยองก้าวขึ้นมาไม่ได้ว่าในบันทึกเล่มนี้เป็นบันทึกของหญิงสาวคนหนึ่งชื่อว่าจารีย์ หนังสือเล่มนี้กล่าวว่า จารีเคยเป็นแฟนเก่าของกรวีซึ่งเป็นพี่ชายของสามีเธอ“งั้นแปลว่าผู้หญิงคนนี้เป็นพี่สะใภ้ของเราเหรอ” หญิงสาวกล่าวด้วยความไม่เข้าใจมากนักในบันทึกของพี่สะใภ้นั้นแม้จะเป็นภาษาที่อ่านออกยากแต่เธอก็เข้าใจดีว่าทำไมคฤหาสน์แห่งนี้ถึงเชื่อว่ามอนอฟอยด์เมื่อนำตัวอักษรทั้งหมดมาเรียงกันใหม่สามารถ แปลได้ว่าคฤหาสน์แห่งนี้เป็นคฤหาสน์ที่ชื่อว่าคฤหา
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้กล่าวอนุญาตให้ปล่อยวิญญาณร้ายตนนั้นก็ปรากฏโซ่ตรวนที่มาจากอากาศเข้ามาล่ามวิญญาณร้ายตนนั้นให้กลิ้งล้มลงไปเสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณร้ายตนนั้นเข้าสู่โสตประสาทของหญิงสาวอย่างรุนแรงหญิงสาวได้แต่มองวิญญาณร้ายที่ดีดดิhนอย่างหนทางสู้ด้วยความสงสารในใจในตอนนี้เธอมองเห็นแต่เพียงว่าวิญญาณร้ายตนนั้นหายลับไปเสียแล้วราวกับใครบางคนที่ส่งของมาสู่เธอนั้นได้กำจัดวิญญาณร้ายที่กำลังจะทรยศเขาด้วยน้ำมือของอาคมที่ถูกกำกับเอาไว้ดวงวิญญาณร้ายลอยตัวสูงขึ้นท่ามกลางโซ่ที่รอยรัดให้ร่างของมันแหลกสลายไม่นานนักก็เป็นดังที่นรีกุลคาดคิดไว้จริงๆเวลานี้ดวงจิตร้ายได้อันตรธานหายไปเสียแล้วหญิงสาวอดรู้สึกเสียดายไม่ได้ว่าด้วยวิญญาณร้ายตัวนี้จะได้ไปเกิดเสียทีแต่ใครกันที่ส่งวิญญาณร้ายไม่รู้อีโนอีเหน่ตัวนี้มาหาเธอ“อโหสิกรรมให้เขาเสียเถอะ” กุมารเทพที่อยู่ข้างกายของหญิงสาวเอ่ยขึ้นหญิงสาวผ่อนลมหายใจอย่างออกมาอย่างรุนแรง ราวกับจะปลดปล่อยความทุกข์ในใจที่หนักอึ้งอยู่ในตอนนี้เวลานี้ก็ดึกมากแล้วยังสาวคนเข้านอนได้เสียทีแต่ไม่ว่าจะนอนอย่างไรหญิงสาวก็ไม่อาจข่มตาลงหลับได้เมื่อเจอเหตุการณ์ เช่นนี้เป็นแน
หญิงสาวพยายามยกมือขึ้นสวดอ้อนวอนแต่ก็ไร้ผลเธอกลับยกมือไม่ขึ้นราวกับว่าเธอถูกผีอำอย่างไรอย่างนั้นยังไม่ทันธรรมดาหญิงสาวจะสวดมนต์จบเธอก็ได้ยินเสียงข้างหูพูดขึ้นมาว่า“พี่ไม่ต้องกลัวนะกุมารอยู่ด้วยทั้งคน”เวลานี้หญิงสาวลืมไปเสียสนิทเลยว่า หล่อนได้นำกุมารทองเข้ามายังคฤหาสน์แห่งนี้โดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าที่แห่งนี้เสียก่อนความเย็นแสนน่าหวาดกลัวแทรกซึมไปทั่วผิวกาย นรีdกุลรับรู้ได้ถึงมือหยาบกร้านของวิญญาณร้ายที่สัมผัสโดนผิวของหล่อนมือสากหยาบกร้านของผีร้ายอดทำให้รู้สึกไม่ได้ว่าหล่อนรังเกียจขยะแขยงมือของมันมากเพียงใดทว่ายังไม่ทันที่วิญญาณร้ายจะได้แผลงฤทธิ์ก็ปรากฏแสงสว่างสีทองมาครอบคลุมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของหญิงสาวเอาไว้เสียก่อนแสงสีทองสว่างวาบทำให้วิญญาณร้ายกระเด็นออกจากตัวของหล่อนทันทีหญิงสาวรู้สึกฉงนในใจทว่าไม่นานนักหญิงสาวก็ได้คำตอบว่าแสงสีทองที่ทำให้วิญญาณร้ายหายไปนั้นมาจากใครภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าของหญิงสาวคือเด็กชายหัวจุก บนศรีษะประดับด้วยรัดเกล้าทองคำลงยาอร่ามตาใบหน้าของกุมารทองตนนั้นงดงามราวกับเทพสวรรค์ลงมาจุติหญิงสาวเคยได้ยินมาว่า เทพเจ้านาจาเทพประจำตระกูลของหญิงสาวนั้น เป็
8.กุมารเทพ ผู้ช่วยคนใหม่ ค่ำคืนนั้นสามีของหล่อนไม่ได้รับประทานอาหารที่นรีกุลตั้งใจว่าจะทำนรีกุลเดินลงมาบริเวณโถงในห้องอาหารขนาดกว้างมากกว่าสองห้องรวมกัน สายตาเจ้ากรรมของหญิงสาวเหลือบมองสาวใช้ที่นำอาหารมาจัดลงในจานทว่าเพียงแวบเดียวนรีกุลก็ยืนตัวเซ หญิงสาวจึงขอตัวกลับไปยังห้องนอนของเธอและสามีของเธอมือเรียวของนรีกุลเอื้อมหมุนลุกบิดแล้วผลักเข้าไปยังห้องนอนของเธอปลายเท้าเรียวขาวสะอาดของหญิงสาวสาวเท้าเข้าไปหยุดยังบานกระจกบานกว้างที่สลักลายบางอย่างมือเรียวของหญิงสาวหยิบหวีแปรงมาสางเส้นไหมที่พันกันยุ่งเหยิงให้เรียบร้อยดังเดิมนรีกุลได้ยินเสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้น หญิงสาวรีบมุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มทันที“คุณผู้หญิงคะ คุณอาอัญมณีให้ดิฉันนำอาหารค่ำมาให้ค่ะ” เสียงของคนรับใช้เคาะเรียกนรีกุลอยู่หน้าห้องนรีกุลชักสีหน้าเบื่อหน่ายในการกระทำบังคับบัญชาของอัญมณี คุณอาผู้ดูแลมรดกตกทอดของปู่กรชัย หญิงสาวกรอกตาไปมาพลางกระแอมไอเล็กน้อย“กลับมาแล้วเหรอจ้ะตาวีร์” อัญมณีเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยแววตาเป็นประกาย“นุ่นละครับ คุณอา” นัฐธวีร์เอ่ยถามผู้ดูแลคฤหาสน์ด้วยน้ำเสียงสงสัยเมื่อไม่เห็นภรรยาสาวของตนเองร่วมโต
นรีกุลอดรู้สึกไม่ได้ว่าเธอหนักบ่าอย่างมาก หากแต่หญิงสาวไม่สะดวกในการนวดทำให้เธอต้องขับรถกลับทั้ง ๆที่หนักไหล่หนักบ่าอย่างมากรถยนต์คันหรูแล่นมาจอดเทียบหน้าคฤหาสน์มอนอฟอยด์นรีกุลสาวเท้าลงจากรถพร้อมข้าวของเครื่องใช้และอาหารสดมือเรียวของหญิงสาวเอื้อมมาบีบนวดไหล่ทันทีที่เธอส่งของให้สาวใช้ในคฤหาสน์ให้เอาไปเก็บนรีกุลเอื้อมมือดึงกุญแจแล้วไขประตูห้องนอนในเคหาสน์ สถานมอนอฟอยด์แห่งนี้ สายลมเย็นกรีดผิวเนื้อหอบเอากลิ่นเน่าเหม็นจากถังขยะเข้ามาสู่ห้องนอนของเธอและสามี“สงสัยเขาจะลืมไปว่า เราเอาขยะมาทิ้ง รีบปิดหน้าต่างดีกว่า” นรีกุลกล่าวพลางงับบานหน้าต่างอย่างรวดเร็วเงาสะท้อนของหน้าต่างทำให้นรีกุลเห็นรองเท้าสีดำพาดอยู่บนคอของเธอนรีกุลรู้สึกเย็นวาบราวกับอยู่กลางช่องแช่แข็งก็ไม่ปาน หญิงสาวเอื้อมมือไปเปิดหน้าต่างอีกครั้งแล้วรวบรวมสติทั้งหมดที่มีเข้าไว้ด้วยกัน“หยุดเพ้อเจ้อได้แล้วนุ่นที่นี่ไม่มีอะไรหรอก แค่แปลกไปจากที่ ที่เราเคยอยู่ และ ผู้คนที่เราเคยคุ้นเคยเท่านั้นเอง” นรีกุลปลอบตนเองอย่างแผ่วเบาหญิงสาวงับบานหน้าต่างเข้าหาตนเองอีกครั้ง คราวนี้ภาพสะท้อนของกระจกเงาก็พบว่าบนไหล่ของหญิงสาวว่าง เปล่า