หลี่เหยียนมองหญิงสาวผู้มีดวงตากลมโตตรงหน้า สีหน้าเคร่งขรึมพลันอ่อนโยนลงเขาก้าวออกมาข้างหน้า “ยุวปัญญาชนหนิง พวกเราเป็นสหายกันทั้งนั้น ไม่ต้องกลัวนะ พวกเรามาที่นี่เพื่อปกป้องเธอและลงโทษไอ้คนชั่วนี่!”หนิงหยวนทำหน้าสับสนและมึนงงเธอกับหลี่เหยียนแต่งงานกันมาหลายสิบปี แต่กลับไม่ได้มีชีวิตเหมือนในนิยายน้ำเน่า ถูกสามีกับเมียน้อยบีบคั้นจนตายอะไรเทือกนั้น หลี่เหยียนเกิดมาในครอบครัวฐานะดี ทำงานด้วยความยุติธรรมไม่เอนเอียง ไม่นานก็ได้รับตำแหน่งเลขาธิการกองอายุน้อยที่สุดของคอมมูนประชาชนพวกเขาสองคนรู้จักกัน เพราะมีคนแนะนำให้ตอนที่เธอเข้าไปทำงาน จากนั้นก็พัฒนาไปเป็นความรักต่อมาหลี่เหยียนไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย จากนั้นก็กลายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจ ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยตอนที่เขาอายุสามสิบ เขาก็กลายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงที่อายุน้อยที่สุดของจังหวัดขณะที่เธอเป็นแค่คนงานตัวเล็กๆ ธรรมดาในแผนก ทุกคนต่างบอกว่าเธอทำบุญมาดีที่ได้เป็นภรรยาของหัวหน้าแผนกแต่จางอ้ายหลิง เคยบอกไว้ว่า ชีวิตก็เหมือนกับอาภรณ์ที่งดงาม แต่ด้านในกลับเต็มไปด้วยแมลงปรสิตงานในโรงงานปั่นด้ายของเธอหนักมาก ต้
พอได้ยินแบบนั้น ดวงหน้ากลมมนของหนิงหยวนก็แข็งทื่อเล็กน้อย “คุณหมอหรง คุณพูดเรื่องอะไรเนี่ย ฉันกับเลขาธิการหลี่เป็นแค่สหายธรรมดาเท่านั้น จะกล้าไปรบกวนเขาได้ยังไง คุณคิดมากเกินไปแล้ว”หรงเจาหนานมองหนิงหยวนขณะเอ่ยเสียงเรียบ “ใช่เหรอ?”สายลับน้อยซ่อนความลับไว้จริงๆ เธอไม่ได้พูดความจริงหนิงหยวนไม่อยากถูกความรู้สึกในอดีตตามหลอกหลอนเธอใช้มือเช็ดเหงื่อบนหน้าผากแบบลวกๆ “ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว คุณหมอหรง เลขาธิการหมู่บ้านบอกว่าจะยกเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ ให้พวกเรา แต่ต้องไปขนจากห้องเก็บของที่โรงเรียนประถมเอาเอง”หรงเจาหนานชะเง้อมองเกวียนที่เธอลากมาแล้วยักคิ้ว “ได้ ไปกันเถอะ”เขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าสายลับตัวน้อยจะทำตัวเนียนได้ถึงเมื่อไหร่ทางด้านนี้ หรงเจาหนานกำลังลากเกวียนไปที่ห้องเก็บของเก่าโรงเรียนประถมในหมู่บ้านพร้อมกับหนิงหยวนอีกด้านหนึ่ง ถังเจินเจินกลับมาที่พักของยุวปัญญาชน ในหัวมีแต่คำถามเต็มไปหมดยังไม่ทันเดินเข้าห้องพัก เธอก็เห็นยุวปัญญาชนชายสองคนกำลังแบกร่างใครบางคน ที่ใบหน้าบวมปูดเขียวช้ำ ศีรษะมีผ้าพันแผลเปื้อนเลือดเดินสวนไป“ปัดโธ่ เจี้ยนหวา ครั้งหน้านายต้องระวังตัวหน่อยนะ อย่า
หนิงหยวนสาดน้ำสกปรกใส่หวงเสวียหงจนเปียกโชก บริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นชวนคลื่นไส้“หนิงหยวน!” หวงเสวียหง ถังเจินเจินกับถานเสี่ยวเสียถึงกับอึ้งสนิท แม้แต่พวกหลี่เหยียนก็ตกตะลึงไม่ต่างกันหญิงสาวที่อ่อนโยนใจดี นิสัยหัวอ่อนและพูดจาดีในความทรงจำคนนั้น กลับสาดน้ำสกปรกใส่คนอื่นโดยไม่ลังเล?!“แกกล้าเอาน้ำสกปรกมาสาดใส่ฉันเหรอ แก...ฉันจะตบแกให้คว่ำเลย!” หวงเสวียหงเห็นว่ากลิ่นเหม็นบนตัวเธอทำให้คนรอบข้างพากันบีบจมูกเธอทั้งโกรธทั้งแค้น ก้มหน้าลงเตรียมจะพุ่งเข้าไปทำร้ายหนิงหยวนเมื่อผู้หญิงที่ทั้งอ้วนดำและยังตัวเหม็นทำท่าจะพุ่งเข้ามาตบตี หนิงหยวนก็เบี่ยงหลบอย่างว่องไว พร้อมกันนั้นก็ช่วย ‘ลาก’ หรงเจาหนานที่ยืนหลบหลังเธอเหมือนคนไม่มีตัวตนออกมาด้วยหวงเสวียหงที่สูญเสียการทรงตัวอย่างฉับพลันจึงชนเข้ากับเกวียนที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะล้มหน้าทิ่มพื้นเสียงดังตึง“โอ้ย! ฮือ ฮือ ฮือ——มันสาดน้ำสกปรกใส่ฉัน มันสาดน้ำฉัน!! เหม็นชะมัดเลย!!” หวงเสวียหงอับอายอย่างมากเธอลุกขึ้นมาอย่างมึนงงแล้วเอามือกุมหน้า นั่งปล่อยโฮเสียงดังอยู่บนพื้นดวงตาเรียวเล็กที่สวยและเย็นชาของหรงเจาหนาน เหล่มองหวงเสวียหงด้วยความรำ
หรงเจาหนานหรี่ตาแต่ไม่พูดอะไร ถังเจินเจินเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหวก่อนเธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อดูผู้ชายสองคนแย่งกันปกป้องหนิงหยวนนะถังเจินเจินกัดฟันด้วยใบหน้ามืดครึ้ม มองทางหวงเสวียหงกับถานเสี่ยวเสีย “พวกเธอพูดอะไรบ้างสิ!”ถังเจินเจินมองหวงเสวียหงกับถานเสี่ยวเสียแล้วบอกว่า “เสวียหง เสี่ยวเสีย พวกเธอบอกว่าของที่อยู่ในกล่องคุกกี้ใบนี้มันหายไปเมื่อเช้าใช่ไหม?”หวงเสวียหงเกลียดหนิงหยวนมากอยู่แล้วจึงช่วยผสมโรงเต็มที่ “ใช่แล้วล่ะ ฉันเห็นกับตาเลย เงินกับขนมของเจินเจินหายไปตั้งแต่เช้าแล้ว หนิงหยวนนั่นแหละที่ขโมยไป!”ถานเสี่ยวเสียพูดเสียงตะกุกตะกัก “ของที่อยู่ในกล่องของเจินเจินหายไปหมดเลย เหลือแค่เงิน 25 บาทเท่านั้น”เธอไม่ได้โกหกนะ ก็แค่พูดแบบคลุมเครือเท่านั้นเอง ส่วนคนอื่นจะคิดไปไหนทางไหนก็ไม่เกี่ยวกับเธอพอพวกเธอสองคนเป็นพยาน ชาวบ้านรอบๆ ก็วิพากษ์วิจารณ์ทันทียิ่งถังเจินเจินเป็นที่นิยมในหมู่ยุวปัญญาชนทั้งหลายด้วยแล้ว ประกอบกับหนิงหยวน ‘ทำตัวตกต่ำ’ คบหาอยู่กินกับพวกหัวขบถที่ถูกขับไล่มาจากเมืองปักกิ่งพวกยุวปัญญาชนที่ตามมาจึงช่วยกันพูดเข้าข้างถังเจินเจิน“ใช่ๆ เมื่อเช้านี้ทุกคนไปทำงานกันหมด
หนิงหยวนจ้องเธอ “เงิน 25 บาทที่อยู่ในกล่องของเธอ มันคือเงินของฉัน!”ถังเจินเจินโมโหมาก เธอหยิบเงิน 25 บาทออกมาจากกล่องคุกกี้ “หนิงหยวน เธอพูดจาเหลวไหล เงิน 25 บาที่เพิ่งจะพิมพ์ออกมาใหม่นี่เป็นของฉัน เธอมีเงินเยอะขนาดนั้นหรือไง?!”ธนบัตรพิมพ์ลายจำนวน 25 บาทนี้ เธอตั้งใจเก็บใส่กล่องไว้อย่างดี ปกติแล้วพวกเศษเงินเล็กๆ น้อยๆ เธอจะเก็บไว้ที่ตัวตลอดหากไม่ใช่เพราะเธอเชื่อใจพวกลูกกระจ๊อกที่ตามติดเธอหน้าหลัง คอยเอาใจประจบประแจงพวกนี้ เธอคงล็อกกุญแจกล่องไปแล้วใครจะคิดว่านังลูกกระจ๊อกหนิงหยวนคนนี้จะทรยศ!หนิงหยวนยิ้มบางๆ “ครอบครัวฉันส่งคุกกี้ว่านเหนียนชิงกับลูกอมนมตรากระต่ายมาให้ฉันได้ ก็ต้องส่งเงินมาให้ฉันใช้ได้สิ”คำพูดนี้ทำให้ทุกคนหันไปมองหน้ากันทันที พวกเขาต่างกระซิบกระซาบกันเรื่องนี้“ก็จริงนะ ครอบครัวหนิงหยวนส่งคุกกี้กับลูกอมชั้นดีมาให้เยอะขนาดนั้น จะมีเงิน 25 บาทก็ไม่แปลกหรอก”“สรุปแล้วใครเป็นคนขโมยของใครล่ะ?”พวกยุวปัญญาชนกินนอนและทำงานในชนบทโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไร แต่ละเดือนครอบครัวจะส่งเงิน 10 20บาทมาเป็นเงินสมทบทุน เอาไว้ซื่อสบู่ ฟืนหรือเกลืออะไรพวกนั้นเงิน 25 บาทไม่ใช
ไม่นาน พวกเขาก็เดินมาถึงสำนักงานกองการผลิตหลี่เหยียนบอกให้เจ้าหน้าที่กองคนอื่นๆ ทำงานของตัวเองต่อไป ส่วนเขาเดินตามหนิงหยวนเข้าไปในสำนักงานถึงจะบอกว่าเป็นสำนักงาน แต่ความจริงแล้วก็แค่ห้องเก่าๆ แห่งหนึ่งในหมู่บ้านชนบท ภายในห้องมีเพียงโต๊ะ เก้าอี้และตู้เก่าๆ บนผนังติดโปสเตอร์ภาพคนทำงานและคำขวัญคอมมูนประชาชนจงเจริญภายในห้องมีผู้หญิงวัยกลางคนร่างกายอ้วนท้วม สวมชุดคนงานสีน้ำเงินนั่งอยู่เพียงลำพัง ในมือถือแก้วชาที่ทำจากเซรามิกผู้หญิงร่างอ้วนท้วมส่วนใหญ่จะดูน่ารักและเป็นกันเองแต่เธอกลับมีดวงตาดำลอยสูงจนเห็นตาขาวเกือบครึ่ง โหนกแก้มสูง แต่ใบหน้าค่อนข้างตอบ ทำให้ดูเป็นคนที่เข้มงวดจนไม่น่าเข้าใกล้หนิงหยวนมองเธอนิ่งๆ โดยไม่พูดอะไรผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วหน้านิ่ว ก่อนจะทำหน้าหงุดหงิดหนักกว่าเดิม พอเห็นหลี่เหยียนที่อยู่ด้านหลังหนิงหยวนถึงได้ลุกขึ้นยืน พยายามฉีกยิ้มทักทาย “เลขาธิการหลี่ ต้องขอโทษด้วยนะ...”“ไม่เป็นไรครับป้าไป๋ คุณคุยกับหนิงหยวนไปก่อนนะ ผมจะไปจัดการงานตรงนั้นสักหน่อย” หลี่เหยียนผงกศีรษะอย่างมีมารยาท ก่อนจะขอตัวออกไปเพื่อมอบความเป็นส่วนตัวให้สองป้าหลานหนิงหยวนมองผู้หญิงท
ป้าไป๋เห็นเธอยอม ‘อ่อนข้อ’ จึงผ่อนน้ำเสียงที่แข็งกร้าวลง “พวกเธอยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน รีบไปรายงานที่กองเดี๋ยวนี้เลยว่าเจ้าหัวบขถแซ่หรงนั่นคิดมิดีมิร้ายกับเธอ จากนั้นก็คุกเข่าขอร้องให้หลี่เหยียนยกโทษให้ บอกว่าเธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”หนิงหยวนบอกกับป้าไป๋ “ป้าจะให้ฉันใส่ร้ายหรงเจาหนานเหรอ ป้ารู้ไหมว่าโทษสถานเบาคือติดคุกสิบกว่าปี โทษสถานหนักคือยิงเป้าประหาร?”การตัดสินโทษตอนนี้ไม่เหมือนกับอีกสิบกว่าปีข้างหน้า ในยุคที่ตัดสินโทษอย่างเข้มงวด แค่แอบดูผู้หญิงอาบน้ำก็อาจจะโดนประหารได้ดวงตาดุของป้าไป๋หรี่ลง ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “มันก็แค่พวกหัวขบถคนหนึ่ง ตายก็ตายไปสิ เกี่ยวอะไรกับแกล่ะ?!”หนิงหยวนจ้องอีกฝ่ายนิ่งๆ แล้วบอกว่า “ฉันไม่เห็นด้วย ฉันทำเรื่องที่ต่ำช้ายิ่งกว่าหมูหมาแบบนี้ไม่ได้”พอได้ยินดังนั้น สีหน้าป้าไป๋ก็เย็นชาขึ้นทันที ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน "เธอนอนร่วมเตียงกับไอ้คนนอกคอกนั่นจนตกต่ำเสื่อมทรามเหมือนที่คนอื่นเขาพูดกันจริงๆ สินะ! ตั้งแต่เล็กฉันอบรมสั่งสอนเธอมายังไง ตอนนี้ถึงได้กลายเป็นคนไร้การอบรมไปได้! คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้! วันนี้ฉันจะสั่งสอนเธอแทนแม่ของเธอเอง!"หนิงหยวนจ้องตากลับ
หนิงหยวนพยายามตั้งสติ ตัดสินใจก้มตัวลงคิดจะพุ่งชนขาของอีกฝ่ายต่อให้ต้องโดนเก้าอี้ฟาดหลังหัก เธอก็ต้องชนป้าไป๋จนล้มแล้วร้องขอความช่วยเหลือให้ได้!แต่มีคนที่ไวยิ่งกว่าเธอ ประตูสำนักงานถูกถีบเปิดจนเกิดเสียงดัง “ปัง!” ก่อนร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่งจะตวัดขายาวออกไปอย่างแรง“โอ๊ย!!” ป้าไป๋ถูกถีบจนกระเด็นออกไปชนกำแพงห้องอีกฝั่ง ล้มกองกับพื้นอย่างหมดสภาพเธอร้องครวญครางขณะนอนตัวคุดคู้อยู่ใต้กำแพงหนิงหยวนชะงัก เธอหันไปมองร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่ข้างกาย “หรงเจาหนาน คุณมาได้ยังไงน่ะ?”หรงเจาหนานก้มศีรษะลงมองหนิงหยวนที่กำลังย่อตัวอยู่ ตอบเสียงเรียบว่า “ถ้าผมไม่มา วันนี้คุณคงได้เข้าโรงพยาบาลแล้ว ทีนี้จะจดทะเบียนสมรสยังไงล่ะ?”หนิงหยวนพรูลมหายใจยาวๆ หันมองป้าไป๋ที่นอนตัวงออยู่ริมกำแพง “กระดูกซี่โครงเธอจะหักหรือเปล่าน่ะ?”หรงเจาหนานดันแว่นขึ้นหนึ่งที “อืม คิดว่าน่าจะหักสองซี่ได้ เธอจะโทษผมเหรอ?”เขาออมแรงแบบสุดๆ แล้วนะหนิงหยวนสูดหายใจลึกๆ “ไม่หรอก ขอบคุณนะคะ”ป้าไป๋เจ็บจนแทบจะเป็นลม เธอเหลือกตามองหนิงหยวนกับหรงเจาหนาน “นังเด็กเนรคุณ แกกล้าปล่อยให้คนอื่นทำร้ายฉัน...แกกล้าดียังไง...ฉันเลี้ยง
หนิงหยวนชะงัก "คุณพูดว่าอะไรนะ?"เขากำลังชวนเธอไปอาบน้ำด้วยกันเหรอ?หรงเจาหนานเพิ่งตระหนักว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ใบหน้าขาวซีดของเขาเริ่มมีสีแดงจางๆเขากระอักกระอ่วน "เอ่อ...ผมหมายถึงว่าไปล้างสิ่งสกปรกบนตัวด้วยกัน...ไม่ใช่สิ...หมายถึงแยกกันอาบน้ำ...แต่ว่าพวกเราสองคนต้องอาบพร้อมกัน...”“พอ พอ ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ ฉันเข้าใจความหมายที่คุณอยากสื่อ!” หนิงหยวนเห็นเขาพูดวกไปวนมาด้วยท่าทางเก้อกระดากที่หาชมได้ยาก จึงหัวเราะแล้วโบกมือไปมาเธอเข้าใจว่าเขาหมายถึงทั้งสองคนควรล้างเลือดและเหงื่อบนตัวให้สะอาดก่อนไปทำงานหรงเจาหนานกำหมัดแล้วเอามาปิดปากกระแอมเบาๆ "อืม"หนิงหยวนส่ายหน้า "ไม่ต้องอาบหรอก พวกเราต้องมีสภาพแบบนี้แหละ ถึงจะดูเหมือนต่อสู้กับหมูป่าทั้งคืน คุณรีบเอาไก่ป่ากับเนื้อหมูไปส่งให้ยายแก่เซี่ยแล้วไปทำงานเถอะ อย่าให้ใครเห็นเชียวล่ะ!"นอกจากเนื้อที่พวกเขาเอาไปรมควันแล้ว เธอยังเลือกหมูป่าหนึ่งตัวจากที่เหลืออีกสี่ตัว ตัดเนื้อทั้งหนังออกมาเกือบห้ากิโล เอาลงมาจากเขาพร้อมกับเนื้อไก่หนิงหยวนเอาเนื้อหมูป่าประมาณสามสี่กิโลใส่กระสอบป่าน แล้วสะพายเดินออกไปนอกประตู "ฉันจะไปหาเลขธิการเฒ่าก่อน"หร
"รับไปสิ" เขายื่นแตงโมและซี่โครงย่างในมือให้เธอหนิงหยวนยิ้มหวาน "ขอบคุณค่ะ คุณหมอหรง!"แตงโมหวานเย็นช่วยลดความมันเลี่ยน เนื้อย่างก็อร่อยมากเหมือนกัน เธอกินจนปากมันแผลบเลยหรงเจาหนานมองรอยยิ้มของเธอ ก่อนหลุบตาลงแล้วเอ่ยเสียงเรียบ ว่า "พวกเราแต่งงานกันแล้ว ถ้าเธอยังเรียกฉันว่าคุณหมอหรงอยู่ คนอื่นจะไม่รู้สึกว่าแปลกเหรอ?"หนิงหยวนกำลังใช้แปรงเล็กๆ คนแป้งเปียก พอได้ยินแบบนั้นก็ชะงัก จริงด้วย มันดูห่างเหินเกินไปเธอมองหรงเจาหนาน ลังเลอยู่พักใหญ่ ก่อนจะถามอย่างเก้อเขินว่า "งั้น... ฉันเรียกคุณหมอว่า... อืม... เจาหนาน? หรือว่าอาหนานดีคะ?"เสียงอ่อนหวานของหญิงสาวที่เอ่ยเรียกชื่อเขา เหมือนหญ้าขนนุ่มปัดผ่านผิวข้างหูเบาๆรู้สึกจั๊กจี้นิดหน่อย...หรงเจาหนานชะงักไป หันหน้าหนีด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตามใจเธอเลย"หนิงหยวนมองมองเงาร่างด้านข้างของคนตัวสูงแบบงุนงง ผู้ชายคนนี้แปลกประหลาดจริงๆ จู่ๆ ก็กลับมาหน้าบึ้งตึงอีกแล้วช่างเถอะ พวกคนใหญ่คนโตก็มักจะมีนิสัยประหลาดๆ แบบนี้แหละเธอขอกินก่อนดีกว่า——เติมท้องให้เต็ม!หนึ่งชั่วโมงต่อมา"ไหนเธอบอกว่ารู้วิธีทำเนื้อรมควันไง?"ยืนอยู่หน้า ‘กองเนื้อ’ ขน
"......" หรงเจาหนานมองหญิงสาวร่างเล็กที่อยู่ข้างกาย"ทำไม คุณเคยเห็นปลาขี่จักรยานไหมล่ะ?" หนิงหยวนเลิกคิ้วถามมุมมองตลอดชีวิตของเขาได้รับการล้างสมองครั้งใหญ่ ผู้หญิงที่ไม่มีผู้ชายก็เหมือนปลาที่ไม่มีจักรยาน?ในหัวของเขาปรากฏภาพปลากำลังขี่จักรยาน..."ฮึ...ฮ่าฮ่าฮ่า" หรงเจาหนานกลั้นไม่อยู่ หลุดหัวเราะออกมาเขาไม่ได้หัวเราะมาหลายปีแล้ว แต่สายลับตัวน้อยคนนี้ช่างมีอารมณ์ขัน มีความคิดแปลกๆ มากมายในหัวหนิงหยวนรู้สึกว่าตัวเองถูกเยาะเย้ย จึงขึ้นเสียงสูงขึ้น "ก็มันจริงนี่นา เงินกับแต้มงานฉันก็หาเองได้ งานบ้านฉันก็ทำเอง ป่วยฉันก็เข้าโรงพยาบาล แล้วจะมีผู้ชายไว้ทำอะไร?""แล้วฉันยังต้องดูแลรับใช้เขากับครอบครัวอีก สุดท้ายตอนแก่ยังต้องคอยป้อนข้าวป้อนน้ำดูแลจนวาระสุดท้าย!"หรงเจาหนานมองเธอที่กำลังฉุนเฉียว อดขำไม่ได้ "พูดเหมือนกับเธอเคยแต่งงานมาแล้ว แถมยังต้องรับใช้ผู้ชายมาทั้งชีวิตเลยนะ"หนิงหยวนอึ้งไป หันไปกัดเนื้อย่างอย่างแค้นๆ "คุณก็บอกมาสิว่าครอบครัวส่วนใหญ่รอบตัวพวกเราไม่ได้เป็นแบบนี้ ฉันมีตาก็ต้องเห็นสิ!"หรงเจาหนานมองหนิงหยวนที่กำลังโกรธจัด แซวเล่นว่า "นี่คือเหตุผลที่เธอไม่อยากแต่งงานส
หนิงหยวนอดไม่ได้ที่จะพึมพำในใจ กัดเนื้อคำหนึ่งแล้วถือโอกาสเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "ช่วงนี้คุณออกล่าสัตว์บ่อยมาก เอาเนื้อไปเก็บไว้ที่ไหนคะ อากาศร้อนขนาดนี้จะไม่เน่าหมดเหรอ?"หวังว่าหรงเจาหนานจะไม่ได้สังเกตเห็นพิรุธนะหรงเจาหนานดูเหมือนจะไม่ได้คิดอะไรมาก เหลือบมองซากสัตว์ป่าที่กองอยู่ ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ไม่เสียหรอก ผมเอาเนื้อไปแบ่งให้ยายแก่เซี่ยกับตาแก่ถัง..."เขาหยุดชั่วครู่ แล้วมองไปที่หนิงหยวน "ไม่ใช่ว่าผมจงใจไม่เอาเนื้อกลับไปแบ่งให้คุณที่บ้านนะ แต่สถานการณ์ของยายแก่เซี่ยกับตาแก่ถังค่อนข้างย่ำแย่ พวกเขาได้อาหารน้อยกว่าผมอีก...”ไม่ว่าจะอย่างไร ช่วงนี้ก็ถือว่าหนิงหยวนเป็นคนหาอาหารจากแม่น้ำมาเลี้ยงดูเขาตลอดหนิงหยวนส่ายหน้า ขัดจังหวะคำพูดของเขา "พวกนี้เป็นของที่คุณล่ามาได้ จะแบ่งให้ใครก็เป็นสิทธิ์ของคุณอยู่แล้ว ไม่ต้องอธิบายอะไรให้ฉันฟังหรอก เราไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ สักหน่อย ฉันไม่โกรธหรอก"หรงเจาหนานฟังคำพูดของเธอแล้ว ไม่รู้ทำไมในใจถึงรู้สึกอึดอัดแบบแปลกๆเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย "วางใจเถอะ ต่อไปผมจะไม่ปล่อยให้คุณไปหาปลาในแม่น้ำอยู่ฝ่ายเดียวแล้ว"หนิงหยวนกลับยิ้มตาหยี "ฉันจับกุ้งจับ
"พวกเราถูกบังคับให้เป็น 'สามีภรรยา' กันชั่วคราว ต่างคนต่างมีความเป็นส่วนตัวและความลับ ฉันเข้าใจ!"ตอนนี้พวกเขาเป็นคู่รักที่ตกเป็นเป้าสายตาของคนในหมู่บ้านมากที่สุด ในตอนที่สถานการณ์ของพวกเลวร้ายไม่ต่างกันมากนัก พวกเขาควรจะระมัดระวังตัวให้มากขึ้น มีเรื่องอะไรก็ควรจะปรึกษาหารือกัน"ฉันไม่สนว่าคุณจะทำอะไร แต่อย่างน้อยถ้าถูกจับได้ พวกเราต้องให้การตรงกัน ช่วยกันปกปิดใช่ไหมล่ะ?""พวกเรายังเป็นสามีภรรยากันนะ ถ้าพวกยุวชนแดงมาตรวจสอบหรือตามหาคนกะทันหัน แล้วพบว่าคุณหายไปตอนกลางคืนจะทำยังไง!" หนิงหยวนมองเขาอย่างไม่พอใจเธอไม่ใช้มนุษย์ป้าจอมเม้ามอยที่ชอบสอดรู้สอดเห็นความลับของคนอื่นในหมู่บ้าน ในยุคสมัยนี้ผู้หญิงขี้นินทาจอมแส่พวกนั้นยังต้องลงไปทำงานในไร่นาอยู่!พวกเขาเป็น "สามีภรรยา" กัน ถ้าเขาถูกจับได้ เธอก็ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย!"สามีภรรยา..." หรงเจาหนานมองหญิงสาวร่างเล็กที่กำลังโกรธจัด ดวงตากลมโตจ้องเขาอย่างเดือดดาลคำนี้ทำให้แววตาของเขาเปลี่ยนไป เขาก้มหน้าลงหลุบแพขนตายาว "ขอโทษที่ทำให้เธอเป็นห่วงนะ"ไม่ว่าเธอจะแอบตามเขาเพื่อสืบความลับอะไร หรือแค่กังวลใจว่าเขาจะทำให้เธอเดือดร้อนอย่างน
ผลลัพธ์คือ เธอถูกไล่ล่าจนร้องโหยหวนฟังไม่ได้ศัพท์ นอกจากจะมีความคล่องแคล่วว่องไวและปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว ก็กระโดดขึ้นต้นไม้เหมือนกระต่ายที่กระโดดได้สูงสามฟุตหาความผิดปกติอย่างอื่นจากเธอไม่เจอเลยจริงๆไม่รู้ว่าเป็นเพราะศัตรูฝั่งตรงข้ามฝีมือห่วยแตกลงเรื่อยๆ หรือเป็นสายลับตัวน้อยคนนี้ที่ไม่ได้เรื่องเอง......หนิงหยวนตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นหอมของเนื้อย่างเธอผุดลุกขึ้นนั่งทันที พึมพำอย่างงัวเงียว่า "เนื้อ... ใครกำลังย่างเนื้ออยู่น่ะ..."เธอลืมตาขึ้นมาก็เห็นซี่โครงหมูชิ้นใหญ่ที่มีน้ำมันเยิ้มกำลังถูกย่างอยู่บนกองไฟ รวมถึงขาหมูที่ส่งกลิ่นหอมฉุยมีแม้กระทั่งกลิ่นหอมของยี่หร่าและพริกไทย ในทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าท้องของตัวเองเริ่มส่งเสียงร้องอย่างน่าอาย"ตื่นแล้วเหรอ?" เสียงทุ้มนุ่มของชายคนหนึ่งดังขึ้นอย่างกะทันหันหนิงหยวนจึงเพิ่งเห็นชัดว่านอกจากเนื้อหมูที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งแล้ว ยังมีร่างสูงโปร่งที่นั่งเงียบๆ อยู่ข้างกองไฟด้วยเธอได้สติเต็มร้อยทันที เมื่อกี้เธอเป็นลมไปเหรอ?!"กินอะไรหน่อยสิ เธอน่าจะน้ำตาลในเลือดต่ำน่ะ" หรงเจาหนานยื่นเนื้อย่างที่สุกแล้วมาให้เขาสวมเสื้อกล้ามสีขาวบางๆ ขาเร
หนิงหยวนมองเหตุการณ์ใต้ต้นไม้ด้วยความตกตะลึงชายที่กระโดดไปมาท่ามกลางฝูงสัตว์ป่า เคลื่อนไหวอย่างว่องไวและดุดัน ดูเหมือนนักล่าชั้นยอดมากกว่าสัตว์ป่าตัวจริงมีดในมือของเขาแทงเข้าจุดสำคัญทุกครั้ง การเคลื่อนไหวของเขาเยือกเย็น แม่นยำ โหดเหี้ยมและเด็ดขาด เป็นตัวอย่างสุนทรียศาสตร์อันโหดร้ายป่าเถื่อนของนักชำแหละที่สมบูรณ์แบบเมื่อทุกอย่างจบลง บนพื้นก็เต็มไปด้วยเลือดและซากสัตว์ ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นทันที สายตาจับจ้องไปที่หนิงหยวนบนต้นไม้อย่างแม่นยำเขาไม่ได้ใส่แว่น ใบหน้าหล่อเหลาสุภาพเปื้อนเลือด ดวงตาสีดำมืดสะท้อนแสงจันทร์สลัว"ลงมา" เขามองเธอและบอกเสียงเรียบชายที่อยู่ด้านล่างต้นไม้ไม่เหมือนมนุษย์ แต่เหมือนอาวุธปลิดชีพที่ผ่านการเปื้อนเลือดมานับครั้งไม่ถ้วน มันทำให้คน——หวาดกลัวเสียขวัญสมองของหนิงหยวนหยุดทำงานไปชั่วขณะ เธอปล่อยมือโดยไม่รู้ตัว กว่าจะตั้งสติได้ก็สายเกินไปแล้ว ร่างเธอกำลังดิ่งลงมาจากต้นไม้"ฟุบ!"ในตอนที่เธอคิดว่าจะต้องตกกระแทกพื้นจนก้นกบแตกแน่ กลับถูกใครคนหนึ่งคว้าเอาไว้อย่างมั่นคงไอร้อนจากร่างของชายคนนั้นลอยขึ้นมา กลิ่นหญ้าและต้นไม้ผสมกับกลิ่นคาวเลือดของสัตว์ป่า รุกราน
ทำอะไรไร้หัวคิดสิ้นดีเลย!ความกลัวทำให้เธอเอ่ยเรียกเสียงแผ่วเบา “หรงเจาหนาน...หรงเจาหนาน...”แต่มีเพียงความเงียบของราตรีและเสียงคำรามประหลาดของสัตว์ป่าบางชนิดที่ตอบกลับมาไม่ได้ ต้องลงจากเขา! ตอนนี้เป็นยุค 70 สภาพนิเวศทางธรรมชาติยังดีมาก เธอจำได้ว่าคนแก่ในหมู่บ้านเคยบอกว่าบนเขาลูกใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ นอกจากงูแล้วยังมีหมี หมาในและหมาป่าอยู่ด้วย!หนิงหยวนรีบหันหลังเดินกลับไปอย่างลุกลี้ลุกลนแต่เดินไปได้แค่สิบนาที เธอก็พบว่าตัวเองเหมือนจะหลงทางเข้าแล้ว!ดวงตาของหนิงหยวนแดงก่ำด้วยความวิตกกังวล เธอพยายามบีบต้นขาตัวเอง ฝืนบังคับให้ตัวเองสงบจิตสงบใจลงไม่ได้ ห้ามร้องไห้ ห้ามเสียสติ!ถ้าตื่นตระหนกจนเผลอวิ่งพล่านไปทั่วอาจได้รับบาดเจ็บ สูญเสียเรี่ยวแรงได้ แล้วถ้าก้าวพลาดตกจากหน้าผ้าหรือตกลงไปในหลุมกับดักสัตว์ หรือว่าส่งเสียงดังจนพวกสัตว์ป่าได้ยินก็จบเห่กันพอดี!เธอหายใจเข้าลึกๆ พยายามนึกว่าเส้นทางที่ขึ้นมาตัดไม้บนภูเขาตอนกลางวันเป็นยังไง แล้วลงจากเขาต้องเดินทางไหน อยู่ตรงไหนของหมู่บ้าน ค่อยๆ คลำทางลงจากเขาช้าๆท้องฟ้าถูกต้นไม้สูงใหญ่บดบังจนมองไม่เห็นกลุ่มดาวจระเข้ แต่ต้นไม้ที่มีมอสส์เจริ
"เสี่ยวหนิง ทำไมเธอต้องไปงัดข้อกับพวกเขาด้วยล่ะ?” หวาจื่อถอนหายใจหลังจากที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเมื่อวาน ประกอบกับเรื่องที่พ่อของเขาบอกว่าหนิงหยวนเป็นเด็กรู้คุณคน เขาจึงเริ่มมองหนิงหยวนเหมือนน้องสาวและอยากให้คำแนะนำแต่หนิงหยวนกลับยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ แล้วแบกไม้คานขึ้นบ่าอีกครั้ง "ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่หวาจื่อ ฉันเบื่อจะข้องเกี่ยวกับพวกเขาแล้ว"คนพวกนั้นวันๆ เอาแต่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแต้มงาน อีกไม่นานก็จะมีการเปิดประเทศอย่างเสรีแล้วขอแค่มีสมองกับขยันขันแข็งสักหน่อย ยังไงก็ไม่อดตายหรอก!การไม่ไปคลุกคลีกับกลุ่มของถังเจินเจิน เธอกลับรู้สึกสบายใจที่ไม่ต้องคอยระวังตัว อย่างน้อยก็ไม่ต้องคอยระแวงว่าผู้หญิงคนนั้นจะมาทำร้ายเธอหวาจื่อจัดให้หนิงหยวนไปทำงานกับชาวบ้าน และนึกถึงสิ่งที่พ่อกำชับมาได้ จึงแอบบอกชาวบ้านที่สนิทให้ช่วยดูแลหนิงหยวนด้วยชาวบ้านส่วนใหญ่เห็นว่าหนิงหยวนแต่งงานกับนักโทษที่ถูกส่งมาปรับทัศนคติ ต่างก็คิดว่าเด็กสาวจากในเมืองคนนี้ทั้งโง่และน่าสงสาร จึงเต็มใจที่จะดูแลเธอเป็นพิเศษหนิงหยวนกลับรู้สึกสบายใจกว่าตอนทำงานกับกลุ่มยุวปัญญาชนมาก แม้ร่างกายจะเหนื่อย แต่จิตใจไม่เหนื่อย