ภายในวังหลวงขนาดใหญ่เป็นสถานที่สตรีมากมายต่างใฝ่ฝันอยากจะเข้ามาเป็นสนมของฮ่องเต้ ถ้าหากว่าโชคดีก็จะได้เลื่อนขั้นสูงทำให้ครอบครัวมีหน้ามีตา แต่บางคนก็ต้องมาจบชีวิตลงในตำหนักเย็น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือซูเซียว ก่อนหน้านี้นางเป็นชายาเอกขององค์ชายรองกัวเจียอี นางกับเขาเคยเจอกันในงานเลี้ยงชมบุปผา เขาตามเกี้ยวนางอยู่นานจนทำให้นางหัวใจสั่นไหวจนตกหลุมรัก หลังจากที่นางได้สมรสกับเขา ครอบครัวของนางก็สนับสนุนเขาเพื่อที่จะให้ชายหนุ่มได้ขึ้นเป็นใหญ่ แต่พอทุกอย่างสำเร็จเขาได้เป็นฮ่องเต้ครอบครองบัลลังก์
สิ่งที่นางไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเขาใส่ความทำให้ตระกูลของนางต้องโทษประหารทั้งตระกูล ส่วนนางก็ถูกกักขังอยู่ในตำหนักเย็นอันซ่อมซอ ส่วนสาวรับใช้ทั้งสองคนที่เคยติดตามนางก็โดนฆ่าตาย ตอนนี้ในตำหนักเย็นจึงมีแค่นางที่ถูกมัดเอาไว้ "ข้าต้องการพบกัวเจียอี" ซูเซียวร้องตะโกนจนน้ำเสียงแหบแห้งแต่ก็ไม่สามารถเรียกความสนใจจากคนที่เฝ้าประตูได้ ทำไมเขาถึงได้โหดร้ายกับนางเช่นนี้ ก่อนนี้ไม่ใช่เขาหรอกหรือที่พร่ำบอกรักนางอย่างนั้นอย่างนี้ จะอยู่ไม่ได้ถ้าหากขาดนางไป เขาบอกว่านางสำคัญกว่าทุกอย่างแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าการได้ขึ้นนั่งบัลลังก์เป็นสิ่งที่เขาต้องการเสียมากกว่าสิ่งใด "ถึงเจ้าอยากพบเขาแต่เป็นเขาที่ไม่อยากจะพบเจา ข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้" ประตูเรือนเปิดออกพร้อมกับหญิงร่างบางที่แต่งตัวงามสง่าไปทั่วร่างเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของซูเซียว เสิ่นซิ่วอิงมองคนที่ถูกมัดตรงหน้าด้วยแววตาสมเพช ไม่คิดเลยว่าซูเซียวสตรีที่เคยเป็นที่ชอบของคนทั้งแคว้นจะมีวันตกต่ำถึงเพียงนี้ "เจ้ามาทำไม ข้าไม่อยากเห็นหน้าสตรีที่ใจคอร้ายกาจเช่นเจ้า" ซูเซียวมองเห็นคนตรงหน้าก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ในวันที่กัวเจียอีได้เป็นฮ่องเต้กับเป็นสตรีนางนี้ที่ได้อยู่ข้างกายของเขา แต่นางกับถูกกักขังอยู่ในนี้ ความจริงแล้วซูเซียวสงสัยมาตลอดว่าเขาเคยรักนางบ้างหรือเปล่า "ความจริงข้าก็ไม่อยากจะมาในที่สกปรกเช่นนี้หรอก แต่ที่ข้ามาก็เพราะว่าฝ่าบาทต้องการให้ข้ามาทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ" เสิ่นซิ่วอิงพูดพร้อมกับโบกมือให้นางกำนัลเดินเข้ามา ในมือประคองถาดที่มีจอกวางเอาไว้ "เจ้าคิดจะทำอะไร" ซูเซียวเอ่ยถามออกไปเสียงกร้าว เพียงแค่เห็นนางกำนัลถือถาดเข้ามานางก็รู้แล้วว่าชะตาชีวิตของนางคงจะต้องจบลงด้วยน้ำมือของสตรีนางนี้แล้ว นางยังไม่อยากตาย ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ นางจะตายไม่ได้เด็ดขาด "ข้าก็จะส่งเด็กในครรภ์ของเจ้าไปสู่ปรโลกไง" คิดเหรอว่านางจะปล่อยให้เด็กคนนี้มีชีวิตรอดไปได้ ถ้าหากว่าฮ่องเต้ทรงใจอ่อนขึ้นมาแล้วจะยุ่งยากเข้าไปใหญ่ ทางที่ดีส่งเด็กคนนี้ไปลงนรกให้สิ้นเรื่องราวไปซะ "แต่นี่คือเชื้อไขของกัวเจียอีนะ เจ้ากล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร" ซูเซียวได้ฟังก็รู้สึกหนาวสั่นไปถึงหัวใจ ไม่คิดว่าสตรีตรงหน้าจะกล้าฆ่าแม้กระทั่งเด็กที่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลก "เป็นลูกของฝ่าบาทแล้วอย่างไร ในเมื่อคนที่ไม่ต้องการให้เด็กคนนี้ลืมตาดูโลกก็คือฝ่าบาท" "ไม่จริง ข้าไม่เชื่อ ข้าต้องการพบกัวเจียอี ให้เขามาพบข้าเดี๋ยวนี้" ซูเซียวได้ฟังที่เสิ่นซิ่วอิงบอกก็ร้องออกมาเสียงดังด้วยความไม่เชื่อ ถ้าหากว่าเขารู้ว่านางตั้งครรภ์เขาจะต้องเก็บเด็กคนนี้เอาไว้แน่ ถึงอย่างไรก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา "ข้าเสียใจด้วยนะ ตอนนี้ฝ่าบาทคงไม่มีเวลามาพบเจ้าหรอก ทำใจให้สบายเดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีเอง" เสิ่นซิ่วอิงเอ่ยบอกพร้อมกับส่งสัญญาณให้นางกำนัลเดินเข้าไปหาซูเซียวที่มือถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยเชือก "ไม่นะ เจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้นะ" ซูเซียวร้องออกมาเสียงดังลั่นตำหนักแต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะเข้ามาช่วยหรือบางทีก็อาจจะไม่มีใครได้ยินก็เป็นได้ ความกลัวคลืบคลานเข้าสู่หัวใจของนางจนร่างกายสั่นเทา "เจ้าก็คอยดูแล้วกันว่าข้าทำได้หรือไม่" เสิ่นซิ่วอิงพูดจบก็ยื่นมือไปบีบปากของซูเซียวให้อ้าออกก่อนจะรับจอกยาจากนางกำนัลมากรอกยาทั้งหมดเข้าไปในปากของซูเซียว หญิงสาวพยายามดิ้นรนขัดขืนโดยการส่ายหน้าไปมาแต่ก็ทำไม่สำเร็จเมื่อของเหลวรสขมไหลเข้าไปในลำคอ ผ่านไปไม่นานซูเซียวก็เริ่มรู้สึกปวดท้องขึ้นมาก่อนจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนต้องพยายามขดตัวแต่ด้วยความที่ถูกเชือกมัดเอาไว้จึงทำได้แค่ยืนงอตัวเท่านัั้น นางรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ขาพอก้มมองดูก็เห็นเลือดหยดลงบนพื้น หัวใจของนางเหมือนถูกบีบคั้นอย่างรุนแรงรู้สึกเจ็บปวดจนน้ำตารินไหลออกมาอาบเต็มใบหน้า "เจ้ามันสตรีอำมหิต เจ้าไม่มีทางได้ตายดีแน่เสิ่นซิ่วอิง" ซูเซียวกัดฟันพูดออกมาด้วยความโกรธแค้น ดวงตาแดงก่ำชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำตา รู้สึกสงสารบุตรในครรภ์ที่ต้องมาตายอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว กัวเจียอีนะกัวเจียอี ข้าละนึกว่าเจ้าจะเป็นคนดี แต่ความจริงแล้วเจ้ามันเลวมากว่าที่ข้าคิด เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นคงจะเป็นแผนการของเจ้าสินะ เมื่อบัลลังก์มังกรมันหอมหวนเกินจะห้ามใจ ไม่ว่าอะไรก็ฉุดรั้งเจ้าไม่อยู่ ถ้าหากรู้ว่าต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้ ข้าจะไม่มีวันแต่งให้เจ้าโดยเด็ดขาด แต่ทุกอย่างก็สายไปแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้ ซูเซียวทำได้แต่นึกเสียใจ "ใครกันแน่ที่จะไม่ได้ตายดี เอาละวันนี้ข้าเล่นสนุกจนพอใจแล้ว เอาไว้ข้าจะมาเล่นกับเจ้าใหม่แล้วกัน" เสิ่นซิ่วอิงพูดจบก็เดินออกไปด้วยใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างคนมีความสุข ปล่อยให้ซูเซียวมองตามด้วยความโกรธแค้นจนแทบจะกะอักเลือดออกมา เสิ่นซิ่วอิงก้าวเท้าเดินเข้าไปในตำหนักขนาดใหญ่ พอนางเดินไปถึงหน้าห้องก็มีขันทีเข้าไปรายงานคนข้างใน ไม่นานหลี่กงกงก็มาเชิญนางเข้าไปข้างในด้วยท่าทางน้อบน้อม หญิงสาวเดินเข้าไปกวาดสายตามองก็เห็นกัวเจียอีกำลังนั่งเดินหมากอยู่คนเดียว เสินซิ่วอิงจึงเดินเข้าไปนั่งตรงข้ามชายหนุ่ม กัวเจียอียังคงไม่เงยใบหน้าขึ้นมามองแต่ปากก็เอ่ยถามขึ้น "นางเป็นอย่างไรบ้าง" ถึงแม้เขาจะจัดการกับตระกูลของซูเซียวไปเรียบร้อยแล้วแต่อย่างไรนางก็ถือว่าเคยเป็นชายาของเขามาก่อนจะไม่ให้สนใจเลยก็คงไม่ได้ ถึงแม้นางจะไร้ประโยชน์ต่อเขาแต่อย่างไรการเก็บนางเอาไว้ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อเขาอยู่แล้ว "หม่อมฉันพยายามเกลี้ยกล่อมนางให้ลืมทุกอย่างแล้วมาตั้งใจรับใช้ฝ่าบาทแต่นางก็ไม่ยอม นางทรมานตนเองจนแท้งเพคะ" เสิ่นซิ่วอิงเอ่ยบอกพร้อมกับใช้สายตาสังเกตคนตรงหน้าว่ามีปฏิกิริยาอะไรต่อสิ่งที่ได้ยินหรือไม่ แต่นางก็เห็นเพียงชายหนุ่มคีบหมากไปวางลงบนกระดานเหมือนได้ฟังเรื่องปกติธรรมดา เห็นเป็นเช่นนี้นางก็สบายใจที่ได้รู้ว่าเขาไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับสตรีนางนั้น "แท้งแล้วเหรอ" ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้น ถึงแม้จะยังทำตัวปกติแต่ในใจก็รู้สึกหวิวเหมือนกันที่ได้ยินว่าซูเซียวแท้งบุตร แต่ก็ดีเหมือนกันที่นางเสียลูกไปจะได้ไม่ทำให้ตระกูลเสิ่นเกิดความไม่พอใจที่เขาจะเก็บบุตรที่เกิดจากอดีตชายาเอาไว้ "เพคะ" "ส่งหมอหลวงไปตรวจนางเสียหน่อยแล้วกัน" อย่างไรนางก็สูญเสียบุตรในครรภ์ไปแล้ว ร่างกายก็คงจะได้รับความเสียหายไม่น้อย ส่งหมอหลวงไปดูอาการนางหน่อยก็ดีเหมือนกัน หากร่างกายอ่อนแอจะทำให้นางป่วยเรื้อรังเอาได้ "หม่อมฉันได้ส่งหมอหลวงเก่งที่สุดไปตรวจอาการนางเรียบร้อยแล้วเพคะ" เสิ่นซิ่วอิงเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มเอาใจคนตรงหน้า แต่ในใจนางกลับรู้สึกริษยา ขนาดสตรีนางนั่นไร้ประโยชน์ต่อเขาแล้วก็ยังจะเก็บเอาไว้อีก แต่เสียใจด้วยนางไม่มีวันส่งหมอหลวงไปเด็ดขาด เพราะอีกไม่นานนางจะทำให้คนในตำหนักเย็นหายไปจากโลกใบนี้ หายไปจากชีวิตของฝ่าบาท ไม่ให้เขาได้เห็นแม้แต่เงาของสตรีนางนั้น "เจ้าทำได้ดีมาก สมกับเป็นฮองเฮาของเรา" กัวเจียอีหยุดสนใจหมากที่กำลังเล่นก่อนจะเงยใบหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้าด้วยแววตาภูมิใจที่อีกฝ่ายรู้งานโดยที่เขาไม่ต้องบอก ชายหนุ่มยื่นมือไปจับคางของหญิงสาวด้วยความทะนุถนอมก่อนจะลูบแก้มเนียนเบาๆ ราวกับว่ารักใคร่ในตัวของเสิ่นซิ่วอิงเป็นอย่างมาก "ฝ่าบาททรงชมหม่อมฉันเกินไปแล้วเพคะ หม่อมฉันแค่ทำตามหน้าที่ก็เท่านั้น" หญิงสาวเอ่ยบอกก่อนจะส่งยิ้มเอียงอายไปให้ชายหนุ่ม นางช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้เป็นฮองเฮาของเขา ตอนที่นางได้พบเขาครั้งแรกก็รู้สึกพึงพอใจในตัวของชายหนุ่มเป็นอย่างมาก พอได้เขามาครอบครองนางก็รู้สึกเหนือกว่าสตรีทุกคน ทั้งได้ครอบครองคนที่ตนเองรักแถมยังมีอำนาจมากล้นเพราะได้เป็นถึงฮองเฮาที่สตรีทุกคนต้องอิจฉา "ในเมื่อเจ้าทำความดีเราก็ควรต้องตกรางวัลให้แก่เจ้า" "ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะทรงมอบอะไรให้แก่หม่อมฉันเพคะ" หญิงสาวเอ่ยถามพร้อมกับส่งสายตายั่วยวนไปให้ชายหนุ่ม กัวเจียอีไม่รอช้ารีบโยนหมากในมือทิ้งก่อนจะลุกขึ้นไปอุ้มหญิงสาวแล้วเดินไปวางบนแท่นบรรทม "เราจะโปรดเจ้าทั้งคืนเลยดีหรือไม่" แค่เห็นสายตาของหญิงสาวชายหนุ่มก็รู้แล้วว่านางต้องการอะไร คนอย่างกัวเจียอีจะทำให้นางผิดหวังได้อย่างไร คืนนี้เขาจะสนองจนนางไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียงได้เลยล่ะ "ดีที่สุดเลยเพคะ" เสิ่นซิ่วอิงเอ่ยบอกพร้อมกับยกมือขึ้นไปคล้องที่ลำคอของชายหนุ่มแสดงออกถึงความต้องการของตัวเองออกมาอย่างไม่ปิดบัง นานแค่ไหนแล้วที่เขายุ่งจนไม่มีเวลามาใส่ใจนาง วันนี้นางจะต้องมีความสุขมากๆ แน่ หญิงสาวยิ้มให้กับชัยชนะของตัวเองที่สามารถเป็นที่หนึ่งในใจของกัวเจียอีได้ ฝากติดตามเรื่องใหม่ด้วยนะคะ แนวแก้แค้นจ้าภายในตำหนักเย็นอันห่างไกลไร้ผู้คน ซูเซียวรู้สึกตัวขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงฝนตกกระทบลงบนลงคา บนหลังคาที่มีรอยรั่วทำให้น้ำหยดลงมาโดนร่างบอบบางที่ถูกมัดเอาไว้ หญิงสาวรู้สึกปวดท้องเป็นอย่างมาก ภายในห้องได้กลิ่นคาวของเลือดตลบอบอวลไปทั่ว เสียงประตูห้องถูกเปิดออกทำให้ซูเซียวต้องลืมตาขึ้นมามอง จึงเห็นว่าเป็นเสิ่นซิ่วอิงอีกแล้วที่เดินเข้ามา นางไม่ได้มาเพียงคนเดียวแต่ยังมีขันทีเดินตามมาสองคนเสิ่นซิ่วอิงไม่ได้มาที่นี่สามวันไม่คิดว่าจะได้มาเห็นสภาพน่าสมเพชของคนตรงหน้า หญิงสาวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของซูเซียวก่อนจะไล่มองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าฝ่าบาททรงมาเห็นอดีตชายาของตนเองมีสารรูปเช่นนี้แล้วจะรู้สึกเช่นไร"เจ้ามาที่นี่ทำไม" ซูเซียวเอ่ยถามออกมาด้วยความโกรธ นางอยากจะเข้าไปกระชากผมของคนตรงหน้าแล้วถามเสียงดังๆ ว่ายังเป็นคนอยู่หรือเปล่าถึงได้ทำร้ายลูกของนางได้ลงคอ แต่นางก็คิดว่ามันคงไม่มีประโยชน์ที่จะไปเอ่ยถามกับคนไร้หัวใจเช่นเสิ่นซิ่วอิง"ข้าบอกแล้วไงว่าจะมาเล่นสนุกกับเจ้าอีก แล้ววันนี้ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง" เสิ่นซิ่วอิงเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะยกมือขึ้นโบกส่งสัญญาณให้ขันที่ท
ผ่านไปสองสามวันอาการไข้ของซูเซียวก็เริ่มทุเลา ทำให้หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงแล้วให้อ้ายเสินไปหาหนังสือมาให้ตนเองอ่าน สตรีร่างบางนั่งอยู่บนเตียงเตา มือบางถือหนังสือเกี่ยวกับพวกยาสมุนไพร นางชอบอ่านตำราเกี่ยวกับยาถึงได้พอมีความรู้ติดตัวมาบ้างอีกทั้งชาติที่แล้วนางยังได้เรียนรู้เรื่องยาสมุนไพรกับหมอหลวงที่เก่งกาจอย่างหมอหลวงฮวง"คุณหนูเจ้าคะ" อ้ายเหม่ยเดินเข้ามาในห้องก่อนจะไปหยุดยืนหน้าเตียงที่ซูเซียวนั่งอยู่แล้วเอ่ยเรียกเสียงเบาเพราะกลัวว่าจะทำให้ซูเซียวอารมณ์เสียที่ตนเองเข้ามารบกวนการอ่านหนังสือ"มีอะไรหรือ" ซูเซียวได้ยินเสียงเรียกก็เอ่ยถามพร้อมกับลดหนังสือในมือลง รู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อยที่มีคนเข้ามารบกวนการอ่านหนังสือของตน นางคิดว่าช่วงที่ป่วยจะได้ใช้ชีวิตเงียบๆ ไม่ต้องมีคนมารบกวน แต่ดูเหมือนสวรรค์จะไม่เป็นใจถึงได้ส่งใครบางคนมาหานาง"คุณหนูสี่มาเยี่ยมคุณหนูเจ้าค่ะ คุณหนูต้องการพบหรือไม่เจ้าคะ" คุณหนูสี่หรือซูเมิ่งเป็นบุตรสาวลำดับที่สี่ที่เกิดจากหญิงคณิกา หลังจากหญิงนางนั้นคลอดลูกได้ไม่นานก็เสียชีวิตปล่อยให้ซูเมิ่งถูกเลี้ยงดูโดยแม่นม ในสายตาคนอื่นชีวิตของหญิงสาวช่างอาภัพนัก ด้วยความที่มีม
ผ่านไปสองสามวันอาการไข้ของซูเซียวก็เริ่มทุเลา ทำให้หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงแล้วให้อ้ายเสินไปหาหนังสือมาให้ตนเองอ่าน สตรีร่างบางนั่งอยู่บนเตียงเตา มือบางถือหนังสือเกี่ยวกับพวกยาสมุนไพร นางชอบอ่านตำราเกี่ยวกับยาถึงได้พอมีความรู้ติดตัวมาบ้างอีกทั้งชาติที่แล้วนางยังได้เรียนรู้เรื่องยาสมุนไพรกับหมอหลวงที่เก่งกาจอย่างหมอหลวงฮวง"คุณหนูเจ้าคะ" อ้ายเหม่ยเดินเข้ามาในห้องก่อนจะไปหยุดยืนหน้าเตียงที่ซูเซียวนั่งอยู่แล้วเอ่ยเรียกเสียงเบาเพราะกลัวว่าจะทำให้ซูเซียวอารมณ์เสียที่ตนเองเข้ามารบกวนการอ่านหนังสือ"มีอะไรหรือ" ซูเซียวได้ยินเสียงเรียกก็เอ่ยถามพร้อมกับลดหนังสือในมือลง รู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อยที่มีคนเข้ามารบกวนการอ่านหนังสือของตน นางคิดว่าช่วงที่ป่วยจะได้ใช้ชีวิตเงียบๆ ไม่ต้องมีคนมารบกวน แต่ดูเหมือนสวรรค์จะไม่เป็นใจถึงได้ส่งใครบางคนมาหานาง"คุณหนูสี่มาเยี่ยมคุณหนูเจ้าค่ะ คุณหนูต้องการพบหรือไม่เจ้าคะ" คุณหนูสี่หรือซูเมิ่งเป็นบุตรสาวลำดับที่สี่ที่เกิดจากหญิงคณิกา หลังจากหญิงนางนั้นคลอดลูกได้ไม่นานก็เสียชีวิตปล่อยให้ซูเมิ่งถูกเลี้ยงดูโดยแม่นม ในสายตาคนอื่นชีวิตของหญิงสาวช่างอาภัพนัก ด้วยความที่มีม
ภายในตำหนักเย็นอันห่างไกลไร้ผู้คน ซูเซียวรู้สึกตัวขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงฝนตกกระทบลงบนลงคา บนหลังคาที่มีรอยรั่วทำให้น้ำหยดลงมาโดนร่างบอบบางที่ถูกมัดเอาไว้ หญิงสาวรู้สึกปวดท้องเป็นอย่างมาก ภายในห้องได้กลิ่นคาวของเลือดตลบอบอวลไปทั่ว เสียงประตูห้องถูกเปิดออกทำให้ซูเซียวต้องลืมตาขึ้นมามอง จึงเห็นว่าเป็นเสิ่นซิ่วอิงอีกแล้วที่เดินเข้ามา นางไม่ได้มาเพียงคนเดียวแต่ยังมีขันทีเดินตามมาสองคนเสิ่นซิ่วอิงไม่ได้มาที่นี่สามวันไม่คิดว่าจะได้มาเห็นสภาพน่าสมเพชของคนตรงหน้า หญิงสาวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของซูเซียวก่อนจะไล่มองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าฝ่าบาททรงมาเห็นอดีตชายาของตนเองมีสารรูปเช่นนี้แล้วจะรู้สึกเช่นไร"เจ้ามาที่นี่ทำไม" ซูเซียวเอ่ยถามออกมาด้วยความโกรธ นางอยากจะเข้าไปกระชากผมของคนตรงหน้าแล้วถามเสียงดังๆ ว่ายังเป็นคนอยู่หรือเปล่าถึงได้ทำร้ายลูกของนางได้ลงคอ แต่นางก็คิดว่ามันคงไม่มีประโยชน์ที่จะไปเอ่ยถามกับคนไร้หัวใจเช่นเสิ่นซิ่วอิง"ข้าบอกแล้วไงว่าจะมาเล่นสนุกกับเจ้าอีก แล้ววันนี้ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง" เสิ่นซิ่วอิงเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะยกมือขึ้นโบกส่งสัญญาณให้ขันที่ท
ภายในวังหลวงขนาดใหญ่เป็นสถานที่สตรีมากมายต่างใฝ่ฝันอยากจะเข้ามาเป็นสนมของฮ่องเต้ ถ้าหากว่าโชคดีก็จะได้เลื่อนขั้นสูงทำให้ครอบครัวมีหน้ามีตา แต่บางคนก็ต้องมาจบชีวิตลงในตำหนักเย็น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือซูเซียว ก่อนหน้านี้นางเป็นชายาเอกขององค์ชายรองกัวเจียอี นางกับเขาเคยเจอกันในงานเลี้ยงชมบุปผา เขาตามเกี้ยวนางอยู่นานจนทำให้นางหัวใจสั่นไหวจนตกหลุมรัก หลังจากที่นางได้สมรสกับเขา ครอบครัวของนางก็สนับสนุนเขาเพื่อที่จะให้ชายหนุ่มได้ขึ้นเป็นใหญ่ แต่พอทุกอย่างสำเร็จเขาได้เป็นฮ่องเต้ครอบครองบัลลังก์สิ่งที่นางไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเขาใส่ความทำให้ตระกูลของนางต้องโทษประหารทั้งตระกูล ส่วนนางก็ถูกกักขังอยู่ในตำหนักเย็นอันซ่อมซอ ส่วนสาวรับใช้ทั้งสองคนที่เคยติดตามนางก็โดนฆ่าตาย ตอนนี้ในตำหนักเย็นจึงมีแค่นางที่ถูกมัดเอาไว้"ข้าต้องการพบกัวเจียอี" ซูเซียวร้องตะโกนจนน้ำเสียงแหบแห้งแต่ก็ไม่สามารถเรียกความสนใจจากคนที่เฝ้าประตูได้ ทำไมเขาถึงได้โหดร้ายกับนางเช่นนี้ ก่อนนี้ไม่ใช่เขาหรอกหรือที่พร่ำบอกรักนางอย่างนั้นอย่างนี้ จะอยู่ไม่ได้ถ้าหากขาดนางไป เขาบอกว่านางสำคัญกว่าทุกอย่างแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าการได้ขึ้นนั่