ฉงเสว่ปิงถอนหายใจอย่างนึกปลดปลง จะพิสูจน์ความจริงว่าตนยังไม่เกินเลยกับบุรุษแปลกหน้าก็ทำไม่ได้ ในเมื่อแต้มพรหมจรรย์ของนางมลายหายไปตั้งแต่วันแรกที่เข้าหอกับชินอ๋องแล้วนี่อย่างไร หนำซ้ำชายผู้นี้ยังปากแข็งเสียด้วย ดูเหมือนคงพร้อมสละชีพแล้วจริง ๆ ไม่รู้ว่าสนมซินทำอย่างไรจึงสามารถยืมดาบฆ่าคนได้เฉียบขาดเพียงนี้
"เอาล่ะท่านอ๋อง ข้าเบื่อหน่ายเต็มทน หากครั้งนี้ข้ายังไม่ตายข้าจะไม่ยอมแพ้อีกต่อไป ท่านเอาสุราพิษมาเถิด" ฉงเสว่ปิงกล่าวเนิบนาบ ท่าทางของนางไม่อนาทรร้อนใจ
สีหน้าเรียบเฉยเช่นนี้ส่งผลให้คนมองรู้สึกกรุ่นโกรธยิ่งนัก นางทำราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อยก็เท่านั้น คิ้วเข้มขมวดฉับ ไต้ฮ่าวเฉินกัดฟันกรอด ฝ่ามือกว้างคว้าหมับบริเวณข้อมือเล็ก เขากระชากกายของนางลอยหวือติดมือ จากนั้นจึงยกร่างบอบบางขึ้นพาดบ่าด้วยความกราดเกรี้ยว
"อ๊ะ!...ท่านอ๋อง ปล่อยหม่อมฉัน"
"อยู่นิ่ง ๆ ก่อนข้าจะหมดความอดทนกับเจ้า!"
ทว่าฉงเสว่ปิงไม่เกรงกลัวเขา ถึงอย่างไรอีกไม่กี่ชั่วยามนางก็ต้องได้รับเหล้าพิษตายอีกหนอยู่ดี เพียงแต่ครานี้นางจะไม่ยินยอมให้เขาข่มเหงรังแกเช่นสองครั้งที่ผ่านมาแล้ว
"ปล่อยข้า ท่านเอาสุราพิษมา!"
เพียะ!
ฉงเสว่ปิงอึ้งงัน เมื่อถูกฟาดลงมายังบั้นท้ายงามงอน
"เงียบ! อยากตายนักหรือ ไม่นานเจ้าได้ตายสมใจแน่" ไต้ฮ่าวเฉินข่มขู่เสียงเย็นเยียบ จากนั้นจึงผินหน้ากล่าวเสียงแข็ง "จื่อจ้ง"
"พ่ะย่ะค่ะ" จื่อจ้งค้อมศีรษะลง
"ลากคอมันไปจัดการให้เรียบร้อย"
"พ่ะย่ะค่ะ"
ฉงเสว่ปิงศีรษะห้อยขาห้อยต่องแต่งราวปลาตากแห้งอยู่บนบ่ากว้าง ท่าทางของนางประดุจหมดอาลัยตายอยาก ภาพเบื้องหน้าหมุนกลับด้านไปเสียหมด ยามนี้ช่างเหนื่อยเหลือเกิน ความเจ็บปวดที่นางได้รับก่อนตายนั่นมันความจริงหรือฝันกันแน่ ไยจึงชวนปวดหัวนัก ได้โอกาสย้อนกลับมาถึงสองครั้งสองคราทว่าไม่อาจหลุดรอดข้อกล่าวหาจอมปลอมนี้ได้เลย หนำซ้ำสวามีที่มักเอ่ยกับนางอย่างอ่อนหวานแต่กาลก่อนยังกลายร่างเป็นปีศาจ เขาโมโหอย่างหนักจนนับได้ว่าเสียสติไปแล้วจริง ๆ
ฉงเสว่ปิงพยายามเบี่ยงหน้ามองโดยรอบ หางตาเหลือบเห็นสตรีนางหนึ่งยืนเมียงมองด้วยความสะอกสะใจอยู่ข้างต้นไม้
สนมซิน สมใจเจ้าแล้วสินะ หากข้าได้ตายอีกครั้งข้าจะมาหักคอเจ้า
ฉงเสว่ปิงถูกแบกจนมาถึงด้านในห้องขนาดใหญ่ ยิ่งเข้าใกล้เหตุการณ์นั้นเท่าใด ใจของนางก็ยิ่งกระตุกอย่างรุนแรง ลมหายใจพลอยติดขัดและหนักหน่วง
ไต้ฮ่าวเฉินโยนคนบนบ่าลงอย่างไม่ปรานี
"โอ๊ย! ท่านอ๋อง ข้าเจ็บ"
ฝ่ามือหยาบระคายคว้าหมับบริเวณปลายคางโค้งมน เขาบีบบี้ด้วยความรุนแรงเสียจนริมฝีปากบางยู่หยุ่น
"เจ็บสิดีจะได้จำ เจ้าไม่รู้หรือว่าการคบชู้สู่ชายต้องโทษอาญาใด ไยจึงทำเรื่องบัดสีเช่นนี้" ยิ่งเขาโมโหแรงบีบที่คางก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
"ทะ...ท่านปล่อยข้า" ฉงเสว่ปิงเอ่ยเสียงอู้อี้ มือเล็กคว้าบริเวณท่อนแขนแกร่ง หวังให้เขาผ่อนปรนลงเสียหน่อย
ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ่งเพิ่มแรงมากขึ้นเป็นทบทวีคูณ "ปล่อยหรือ ได้"
เขาสะบัดมือออกเสียจนหน้าของนางหันตามแรง ฉงเสว่ปิงตวัดสายตามองฉับ "ท่านอ๋อง ข้าเกลียดท่าน!"
"อ้อ...ได้ลิ้มรสชาติชู้รักไม่ทันไร ถึงขั้นเกลียดสวามีตนเลยงั้นหรือ" ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มเย็นชาหยามหยันชิงชัง
"ไม่ใช่ ท่านมันคนโง่งม ข้าถูกใส่ความ หากข้าอยากคบชู้สู่ชายจริงมีหรือจะนำมาเสพความสุขที่นี่ให้ท่านจับได้ มิสู้ทำลับหลังน่าตื่นเต้นกว่าเป็นไหน ๆ"
เส้นเลือดเขียวบนขมับของเขาเต้นเร้า ตุบ ตุบ พื้นที่ในจิตใจของชินอ๋องมีหมอกดำปกคลุมแทรกแซงเพราะความหึงหวงจนนับว่าคลุ้มคลั่งไปแล้ว
นางถือดีอย่างไรจึงกล้าคิดวางแผนกระทำลับหลังข้า
"เจ้า!...ใจถึงนัก ในที่สุดก็ยอมรับความต่ำช้าของตนแล้วรึ" สายตาของเขาแข็งกระด้างเหยียดหยาม
"ใช่...ข้า..."
"ท่านอ๋องเพคะ" ฉงเสว่ปิงเอ่ยยังไม่ทันจบประโยค กลับมีเสียงของสตรีดังขึ้นที่หน้าธรณีทางเข้าเสียก่อน
"ว่าอย่างไร!" แม้เขาตอบรับเสียงจากด้านนอก ทว่าแววตาดุดันยังคงจับจ้องอยู่บนใบหน้าของฉงเสว่ปิงอย่างไม่ลดละ
สตรีด้านนอกอกสั่นขวัญแขวน ฝ่ามือที่ถือถาดสั่นระริก "คือว่า..."
"หึ! ชักช้า ข้าเอง" เสียงแหลมของสตรีอีกนางดังขึ้น
ฉงเสว่ปิงรู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงของผู้ใด นางละสายตาจากเขา จากนั้นจึงเพ่งมองไปยังทางเข้า เอ่ยเสียงเบาหวิว "ซินอี๋"
ขาเรียวย่างกรายเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ อารมณ์เดือดดาลของไต้ฮ่าวเฉินเพิ่มขึ้นอีกระลอก เขาหลับตาลงเพื่อกดข่มความคุกรุ่นไว้
"ผู้ใดใช้ให้เจ้าเข้ามางั้นหรือ" เสียงขบฟันกรอด ๆ ส่งผลให้ผู้มาเยือนแทบหยุดหายใจ
ความมั่นหน้าถือดีเมื่อครู่มลายหายสิ้น ซินอี๋ถลันกายเข้ามาเกาะขาสูงยาว นางกำนัลซึ่งถือถาดในมือเอาไว้เริ่มเกิดอาการพรั่นพรึงกายสั่นระริกดั่งต้องลมหนาว พลางเข่าทรุดฮวบลงทันควัน
"ท่านอ๋อง พระชายาทำผิดต่อท่าน ผิดต่อกฎมนเทียรบาลของราชวงศ์ ดังนั้น ข้า ข้า..." ซินอี๋แสร้งร้องไห้ปิ่มขาดใจ
"ชายารองชินอ๋องรับราชโองการ" ขันทีสาวเท้าเข้ามาพร้อมม้วนราชโองการในมือ
ไต้ฮ่าวเฉินใจกระตุกวูบ เขาตวัดสายตามองซินอี๋ขวับ "นี่เจ้า!..."
"ซินอี๋ส่ายหน้าพัลวัน ท่านอ๋อง ข้าทำไปก็เพราะข้ารักท่าน นางทำผิดย่อมต้องรับโทษไม่อาจบ่ายเบี่ยง หรือแม้นางจะนอกใจท่าน ท่านก็ยังให้อภัยนางเพคะ"
"ซินอี๋..." ดวงตาคมปลาบตวัดมองสนมของตนอย่างนึกคาดโทษ
ผู้ที่ต้องรับราชโองการถลันกายลงจากเตียงพลางสาวเท้าเร็วรี่ นางไม่คิดชายตาแลเขาด้วยซ้ำ จากนั้นจึงคุกเข่าค้อมศีรษะลงเบื้องหน้าขันทีด้วยความกระตือรือร้น
"ชายารองกระทำเรื่องเสื่อมเสียต่อราชวงศ์ ผิดกฎมนเทียรบาลของแคว้นไต้เจีย ฝ่าบาททรงคำนึงถึงความบริสุทธิ์จึงประทานสุราพิษเพื่อเป็นการชะล้างความผิดที่กระทำ จบราชโองการ" ม้วนผ้าสีทองถูกรวบเข้าด้วยกัน
"ขอบพระทัยฝ่าบาท ฉงเสว่ปิงรับราชโองการ"
"เสว่ปิง!" นัยน์ตาคมเบิกกว้างตะลึงงัน
ซินอี๋เบ้ปากอย่างนึกสาแก่ใจ
กระนั้นสีหน้าของฉงเสว่ปิงกลับเย็นชาประดุจหุบเขาน้ำแข็ง นางรับโองการในมือของขันทีมาแล้ว จากนั้นจึงยืนเต็มความสูง ก่อนเอื้อมมือหยิบจอกสุรา
"หยุด!...ฉงเสว่ปิงคือชายาจากต่างแคว้น อภิเษกกับข้าเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ หากฝ่าบาทประทานสุราพิษให้นาง แคว้นสุ่ยเหอจะต้องลุกฮือต่อต้านเป็นแน่"
ฉงเสว่ปิงเหยียดยิ้มมุมปาก เรียวมืองามถือจอกสุราไว้มั่น นางเหลียวหลังมองเขาด้วยแววตาเย็นเยียบระคนผิดหวัง "ท่านอ๋อง สุดท้ายแล้วท่านก็ไม่เคยเห็นข้าสำคัญ ราชโองการมิอาจขัด เช่นนั้นแคว้นไต้เจียก็รับผลกรรมเสียเถิด ย้อนคืนครานี้ ข้า! องค์หญิงเสว่ปิงจากแคว้นสุ่ยเหอ หวังว่าดวงวิญญาณจะได้เห็นสงครามโลหิตจากสองแคว้น และตายตาหลับอย่างแท้จริง หมื่นปีไม่พานพบ จากกันนิจนิรันดร์"
ฉงเสว่ปิงยกจอกสุราจรดริมฝีปาก จากนั้นจึงกระดกดื่มด้วยความรวดเร็ว ไต้ฮ่าวเฉินก้าวเท้าเข้าใกล้นางละล้าละลัง เขาปัดจอกสุราออกจากมือฉงเสว่ปิง ทว่านางกลืนไปเกินกว่าครึ่งแล้ว
จอกสุรากลิ้งหลุน ๆ ลงพื้น ซินอี๋มองตามด้วยแววตาแห่งผู้มีชัยพลางแสยะรอยยิ้มน่าชังออกมา ในที่สุดนางก็สามารถกำจัดเสี้ยนหนามที่คอยยอกอกทิ้งได้เสียที ไม่เสียแรงที่ต้องลงทุนเสี่ยงตั้งมากมาย บิดาของนางเป็นขุนนางใหญ่โต คอยหนุนหลังฮ่องเต้มาช้านาน เรื่องราชโองการจึงง่ายดายราวปอกกล้วยเข้าปาก
ไต้ฮ่าวเฉินรุดเข้ารับร่างบอบบางซึ่งอ่อนยวบแทบลงไปกองบนพื้นแล้ว เขาโกรธนางที่กระทำเช่นนั้น หัวใจของเขาแทบแหลกสลายเป็นเถ้าธุลี ดวงตามืดบอดคล้ายฟ้าดินพลิกผัน
ฉงเสว่ปิงมองดวงตาแดงก่ำของเขา พลางนึกหยามเหยียดในใจ
ท่านยังเสแสร้งห่วงใยข้าด้วยเรื่องใด ถึงข้าไม่รับสุราพิษจอกนี้ ท่านก็ต้องหยามเกียรติข้า ข่มเหงข้าก่อนอยู่ดี มิสู้เร่งเวลาตายเร็วขึ้นอีกหน่อย ความเจ็บปวดจะได้ทุเลาลงบ้าง
"เสว่ปิง เจ้าอย่าตาย ข้ายังไม่อนุญาตให้เจ้าตาย" น้ำเสียงของเขาร้อนรน
ริมฝีปากสีกุหลาบแค่นยิ้มสาแก่ใจ อย่างน้อย ๆ นางก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดได้บ้าง แม้จะเพียงเสี้ยวเดียวก็ตามที
น้ำเสียงขาดห้วงเอ่ยกระท่อนกระแท่น "ทะ...ท่านอ๋อง สุดท้ายแล้วท่านก็อยากเป็นฝ่ายสังหารข้าด้วยมือตนเองหรือ หึ!...ดูเหมือนข้าคงทำให้ท่านผิดหวังเสียแล้ว จงอยู่กับความผิดหวังไปชั่วชีวิตของท่านเสียเถิด คนโง่งม"
ภาพทุกอย่างดับวูบพร้อมลมหายใจที่ขาดสะบั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไยปรโลกจึงไม่ยินยอมเปิดประตูรับนางเสียที...
"องค์หญิง องค์หญิงเพคะ" อีกแล้วหรือ เสียงผู้ใดกัน ครานี้เรียกข้าองค์หญิงรึแพขนตางอนไหวระริก เปลือกตาบางขยับแผ่ว ดวงตากลมโตเปิดปรือเชื่องช้า ดูเหมือนครานี้นางไม่รู้สึกตื่นเต้นใดแล้ว ปรโลกไม่ต้องการ สวรรค์กลั่นแกล้ง หรือการจบชีวิตโดยวิธีกรอกสุราไม่อาจทำให้นางตายได้จริง ๆ กันเล่า"องค์หญิง ตื่นบรรทมเถิดเพคะ" ฉงเสว่ปิงผินหน้ามองอีกฝ่าย ดวงตากลมโตกะพริบขึ้นลงปริบ ๆ "มู่หลิน เจ้าเองหรือ" "หม่อมฉันเองเพคะ ตะวันทอแสงแล้วฝ่าบาทและพระชายารอองค์หญิงที่ห้องเสวยแล้วเพคะ" ฉงเสว่ปิงเลิกคิ้ว พลางกวาดสายตามองไปรอบห้อง ดวงตากลมโตเป็นทุนเดิมเบิกกว้างตื่นตะลึง "นะ...นี่..." "นี่อะไรหรือเพคะ" มู่หลินกะพริบตางุนงง ฉงเสว่ปิงหันหน้าขวับ "มู่หลิน ข้าแต่งงานหรือยัง!" "องค์หญิง ท่านยังไม่ได้อภิเษกนะเพคะ ถึงจะมีสัญญาหมั้นหมายกับชินอ๋อง แต่ว่ากำหนดวันอภิเษกคืออีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเพคะ" ฉงเสว่ปิงฉีกยิ้มลิงโลด "หนึ่งเดือนข้างหน้า มู่หลินบอกข้าทีว่าตอนนี้ข้าอยู่ในตำหนักปิงสุ่ย" มู่หลินพยักหน้าหงึกหงัก "เพคะ ยามนี้องค์หญิงอยู่ตำหนักปิงสุ่ยแคว้นสุ่ยเหอขององค์หญิงและฝ่าบาทเพคะ" ฉงเสว่ปิงลุกพรวด ร่างบอบบางกระ
ฉงเสว่ปิงแหงนมองบิดา นางผละกายจากร่างสูงใหญ่ แล้วจึงสาวเท้าไปเบื้องหน้าเฉิงเหยา เอ่ยเสียงอ้อมแอ้มพลางทำสีหน้าออดอ้อน "เสด็จแม่เพคะ ท่านรักข้าหรือไม่""ปิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอันใดหรือ มีเรื่องไม่สบายใจใด" ผู้เป็นมารดาเอื้อมมือขึ้นลูบศีรษะบุตรธิดาด้วยความห่วงใย"ท่านตอบข้าก่อน""หากพ่อแม่ไม่รักลูกจะให้ไปรักผู้ใดงั้นหรือเด็กโง่"จากสีหน้าแย้มยิ้ม จู่ ๆ ก็มีน้ำตาพรั่งพรูออกมา เฉิงเหยาตื่นตระหนก ฉงเสว่ปิงรัดกายมารดาแน่นยิ่งขึ้น "เสด็จแม่ ฮึก...ฮือ...ข้าไม่อยากแต่งงานกับชินอ๋องเพคะ"ฉงเจิ่งหมินและเฉิงเหยาตัวแข็งทื่อ จากนั้นจึงเรียกสติกลับ ฝ่ามือยังคงลูบศีรษะคนในอ้อมกอดเนิบช้า"ทำไมเล่า ก่อนหน้าเจ้าก็มิได้ขัดอะไร อีกอย่างหากเจ้าไม่แต่งงานออกไปรู้หรือไม่จะเกิดเรื่องราวใหญ่โตเพียงไหน"ฉงเสว่ปิงพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคอ นางพยักหน้าหงึกหงัก แล้วจึงผละจากอ้อมแขนมารดา "แล้วถ้าหากลูกแต่งออกไป จากนั้นมีคนทำร้ายลูกจนถึงแก่ชีวิต เสด็จแม่และเสด็จพ่อจะทำอย่างไรเพคะ"ทั้งสองตกใจเบิกตากว้าง ฉงเจิ่งหมินโพล่ง "ปิงเอ๋อร์ เจ้าเอ่ยวาจาอัปมงคลใด หากเป็นเช่นนั้นจริงพ่อหรือจะนิ่งดูดาย""ฮึก!..." ฉงเสว่ปิงสะอึกหนึ่งครา
"ท่านอยากลงทัณฑ์ข้าก็ลงมือเถิด ไยต้องทรมานกันถึงเพียงนี้" สุ้มเสียงที่เคยสดใสสั่นเครือแหบพร่า ฉงเสว่ปิงพยายามกล้ำกลืนก้อนสะอื้นและเสียงครวญครางซึ่งจุกอยู่ในลำคอไม่ให้เล็ดลอดออกมา อาภรณ์งดงามถูกฉีกทึ้งขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดี แท่งทวนขนาดใหญ่เปียกชื้นกระทั้นเข้าออกในโพรงบุปผาอย่างไม่ปรานีซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือหยาบกร้านดึงรั้งแขนเล็กไพล่หลัง ร่างกำยำโน้มลงแนบชิดกายขาวเนียนดุจหยกเนื้อดี บุรุษผู้ควบคุมแรงปรารถนาเบื้องบนเปล่งเสียงกระเส่าระคนดุดัน "เจ้าเป็นชายารองของข้า ทว่าแอบคบชู้สู่ชาย ก่อนข้าส่งเจ้าไปลงปรโลก ข้ายังใจดีมอบความสุขครั้งสุดท้ายให้ ยังไม่คิดขอบคุณอีกหรือ" ใบหน้างามซับสีแดงระเรื่อเบี่ยงมองด้านข้าง ฟันเรียงสวยขบแน่นจนกายสั่นระริก "ชินอ๋อง ข้าไม่เคยต้องการสักนิด อีกอย่างลีลาของท่านนั้นมันไม่ได้เรื่อง! ข้าหรือจะมีความสุข หากใคร่อยากนักควรไปลงกับสนมของท่าน ในเมื่อเชื่อในคำพูดของนางแต่ไม่รับฟังข้า ก็รีบส่งข้าไปปรโลกเถอะ คนอำมหิต!" ไต้ฮ่าวเฉินกัดฟันกรอด ยิ่งได้ยินวาจาประชดประชันความโกรธเกรี้ยวก็ยิ่งปะทุเป็นทบทวีคูณ เขาเพิ่มแรงกระแทกบดอัดอาวุธร้ายของบุรุษเข้าไปอย่างดุดันเสียจนอีกฝ่ายร้อง
ฉงเสว่ปิงแหงนมองบิดา นางผละกายจากร่างสูงใหญ่ แล้วจึงสาวเท้าไปเบื้องหน้าเฉิงเหยา เอ่ยเสียงอ้อมแอ้มพลางทำสีหน้าออดอ้อน "เสด็จแม่เพคะ ท่านรักข้าหรือไม่""ปิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอันใดหรือ มีเรื่องไม่สบายใจใด" ผู้เป็นมารดาเอื้อมมือขึ้นลูบศีรษะบุตรธิดาด้วยความห่วงใย"ท่านตอบข้าก่อน""หากพ่อแม่ไม่รักลูกจะให้ไปรักผู้ใดงั้นหรือเด็กโง่"จากสีหน้าแย้มยิ้ม จู่ ๆ ก็มีน้ำตาพรั่งพรูออกมา เฉิงเหยาตื่นตระหนก ฉงเสว่ปิงรัดกายมารดาแน่นยิ่งขึ้น "เสด็จแม่ ฮึก...ฮือ...ข้าไม่อยากแต่งงานกับชินอ๋องเพคะ"ฉงเจิ่งหมินและเฉิงเหยาตัวแข็งทื่อ จากนั้นจึงเรียกสติกลับ ฝ่ามือยังคงลูบศีรษะคนในอ้อมกอดเนิบช้า"ทำไมเล่า ก่อนหน้าเจ้าก็มิได้ขัดอะไร อีกอย่างหากเจ้าไม่แต่งงานออกไปรู้หรือไม่จะเกิดเรื่องราวใหญ่โตเพียงไหน"ฉงเสว่ปิงพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคอ นางพยักหน้าหงึกหงัก แล้วจึงผละจากอ้อมแขนมารดา "แล้วถ้าหากลูกแต่งออกไป จากนั้นมีคนทำร้ายลูกจนถึงแก่ชีวิต เสด็จแม่และเสด็จพ่อจะทำอย่างไรเพคะ"ทั้งสองตกใจเบิกตากว้าง ฉงเจิ่งหมินโพล่ง "ปิงเอ๋อร์ เจ้าเอ่ยวาจาอัปมงคลใด หากเป็นเช่นนั้นจริงพ่อหรือจะนิ่งดูดาย""ฮึก!..." ฉงเสว่ปิงสะอึกหนึ่งครา
"องค์หญิง องค์หญิงเพคะ" อีกแล้วหรือ เสียงผู้ใดกัน ครานี้เรียกข้าองค์หญิงรึแพขนตางอนไหวระริก เปลือกตาบางขยับแผ่ว ดวงตากลมโตเปิดปรือเชื่องช้า ดูเหมือนครานี้นางไม่รู้สึกตื่นเต้นใดแล้ว ปรโลกไม่ต้องการ สวรรค์กลั่นแกล้ง หรือการจบชีวิตโดยวิธีกรอกสุราไม่อาจทำให้นางตายได้จริง ๆ กันเล่า"องค์หญิง ตื่นบรรทมเถิดเพคะ" ฉงเสว่ปิงผินหน้ามองอีกฝ่าย ดวงตากลมโตกะพริบขึ้นลงปริบ ๆ "มู่หลิน เจ้าเองหรือ" "หม่อมฉันเองเพคะ ตะวันทอแสงแล้วฝ่าบาทและพระชายารอองค์หญิงที่ห้องเสวยแล้วเพคะ" ฉงเสว่ปิงเลิกคิ้ว พลางกวาดสายตามองไปรอบห้อง ดวงตากลมโตเป็นทุนเดิมเบิกกว้างตื่นตะลึง "นะ...นี่..." "นี่อะไรหรือเพคะ" มู่หลินกะพริบตางุนงง ฉงเสว่ปิงหันหน้าขวับ "มู่หลิน ข้าแต่งงานหรือยัง!" "องค์หญิง ท่านยังไม่ได้อภิเษกนะเพคะ ถึงจะมีสัญญาหมั้นหมายกับชินอ๋อง แต่ว่ากำหนดวันอภิเษกคืออีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเพคะ" ฉงเสว่ปิงฉีกยิ้มลิงโลด "หนึ่งเดือนข้างหน้า มู่หลินบอกข้าทีว่าตอนนี้ข้าอยู่ในตำหนักปิงสุ่ย" มู่หลินพยักหน้าหงึกหงัก "เพคะ ยามนี้องค์หญิงอยู่ตำหนักปิงสุ่ยแคว้นสุ่ยเหอขององค์หญิงและฝ่าบาทเพคะ" ฉงเสว่ปิงลุกพรวด ร่างบอบบางกระ
ฉงเสว่ปิงถอนหายใจอย่างนึกปลดปลง จะพิสูจน์ความจริงว่าตนยังไม่เกินเลยกับบุรุษแปลกหน้าก็ทำไม่ได้ ในเมื่อแต้มพรหมจรรย์ของนางมลายหายไปตั้งแต่วันแรกที่เข้าหอกับชินอ๋องแล้วนี่อย่างไร หนำซ้ำชายผู้นี้ยังปากแข็งเสียด้วย ดูเหมือนคงพร้อมสละชีพแล้วจริง ๆ ไม่รู้ว่าสนมซินทำอย่างไรจึงสามารถยืมดาบฆ่าคนได้เฉียบขาดเพียงนี้ "เอาล่ะท่านอ๋อง ข้าเบื่อหน่ายเต็มทน หากครั้งนี้ข้ายังไม่ตายข้าจะไม่ยอมแพ้อีกต่อไป ท่านเอาสุราพิษมาเถิด" ฉงเสว่ปิงกล่าวเนิบนาบ ท่าทางของนางไม่อนาทรร้อนใจ สีหน้าเรียบเฉยเช่นนี้ส่งผลให้คนมองรู้สึกกรุ่นโกรธยิ่งนัก นางทำราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อยก็เท่านั้น คิ้วเข้มขมวดฉับ ไต้ฮ่าวเฉินกัดฟันกรอด ฝ่ามือกว้างคว้าหมับบริเวณข้อมือเล็ก เขากระชากกายของนางลอยหวือติดมือ จากนั้นจึงยกร่างบอบบางขึ้นพาดบ่าด้วยความกราดเกรี้ยว"อ๊ะ!...ท่านอ๋อง ปล่อยหม่อมฉัน" "อยู่นิ่ง ๆ ก่อนข้าจะหมดความอดทนกับเจ้า!" ทว่าฉงเสว่ปิงไม่เกรงกลัวเขา ถึงอย่างไรอีกไม่กี่ชั่วยามนางก็ต้องได้รับเหล้าพิษตายอีกหนอยู่ดี เพียงแต่ครานี้นางจะไม่ยินยอมให้เขาข่มเหงรังแกเช่นสองครั้งที่ผ่านมาแล้ว "ปล่อยข้า ท่านเอาสุราพิษมา!" เพียะ!ฉงเสว่
"ท่านอยากลงทัณฑ์ข้าก็ลงมือเถิด ไยต้องทรมานกันถึงเพียงนี้" สุ้มเสียงที่เคยสดใสสั่นเครือแหบพร่า ฉงเสว่ปิงพยายามกล้ำกลืนก้อนสะอื้นและเสียงครวญครางซึ่งจุกอยู่ในลำคอไม่ให้เล็ดลอดออกมา อาภรณ์งดงามถูกฉีกทึ้งขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดี แท่งทวนขนาดใหญ่เปียกชื้นกระทั้นเข้าออกในโพรงบุปผาอย่างไม่ปรานีซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือหยาบกร้านดึงรั้งแขนเล็กไพล่หลัง ร่างกำยำโน้มลงแนบชิดกายขาวเนียนดุจหยกเนื้อดี บุรุษผู้ควบคุมแรงปรารถนาเบื้องบนเปล่งเสียงกระเส่าระคนดุดัน "เจ้าเป็นชายารองของข้า ทว่าแอบคบชู้สู่ชาย ก่อนข้าส่งเจ้าไปลงปรโลก ข้ายังใจดีมอบความสุขครั้งสุดท้ายให้ ยังไม่คิดขอบคุณอีกหรือ" ใบหน้างามซับสีแดงระเรื่อเบี่ยงมองด้านข้าง ฟันเรียงสวยขบแน่นจนกายสั่นระริก "ชินอ๋อง ข้าไม่เคยต้องการสักนิด อีกอย่างลีลาของท่านนั้นมันไม่ได้เรื่อง! ข้าหรือจะมีความสุข หากใคร่อยากนักควรไปลงกับสนมของท่าน ในเมื่อเชื่อในคำพูดของนางแต่ไม่รับฟังข้า ก็รีบส่งข้าไปปรโลกเถอะ คนอำมหิต!" ไต้ฮ่าวเฉินกัดฟันกรอด ยิ่งได้ยินวาจาประชดประชันความโกรธเกรี้ยวก็ยิ่งปะทุเป็นทบทวีคูณ เขาเพิ่มแรงกระแทกบดอัดอาวุธร้ายของบุรุษเข้าไปอย่างดุดันเสียจนอีกฝ่ายร้อง