ประตูบานเล็กแคบมาก ครั้งหนึ่งผ่านได้เพียงสามถึงห้าคน ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่กองทหารหลายแสนนายที่เย่เสวียนถิงนำมาจะผ่านประตูไปได้หมดนี่เป็นการบีบคั้นอย่างแรงที่เขาทำต่อเย่เสวียนถิง ตราบใดที่มาถึงถิ่นของเขา หากเป็นงูก็ต้องขดตัว หากเป็นมังกรก็ต้องหมอบลงเย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยจากนั้นเขาก็ถามรองแม่ทัพที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “เตรียมพร้อมหมดหรือยัง?”รองแม่ทัพกล่าวด้วยความเคารพทันที "ท่านอ๋องโปรดวางใจ คนที่เข้าเมืองไปก่อนหน้านี้ได้จัดการให้ราษฎรที่อาศัยอยู่ใกล้ประตูเมืองย้ายไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะ""ดีแล้ว"หลังจากที่เย่เสวียนถิงพูดจบ เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองจ้าวหลี่ด้วยซ้ำ ก่อนเอ่ยปากอย่างเย็นชาออกมาเพียงว่า"ระเบิดเลย""พ่ะย่ะค่ะ!""ตู้ม!"เมื่อเย่เสวียนถิงพูดจบ ก็เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องตามมาจ้าวหลี่และพรรคพวกบนกำแพงเมืองรู้สึกว่าร่างกายของพวกเขาโคลงเคลง บางคนเกือบจะพลัดตกจากกำแพงหากตกจากกำแพงลงไป ย่อมกลายเป็นเศษเนื้อแน่นอนดวงตาของทุกคนแสดงความหวาดกลัวออกมา และหันมองไปยังทิศทางที่เสียงดังออกมาพวกเขาเห็นว่า ประตูเมืองซึ่งแต่เดิมปิดอยู่นั้นม
เย่เสวียนถิงนั่งอยู่บนหลังม้า ดวงตาจ้องต่ำลงเล็กน้อยหลังจากที่เขาเห็นจ้าวหลี่และเจ้าเมืองเขาก็สะบัดบังเหียนขี่ม้าให้ก้าวไปข้างหน้าอีกสองสามก้าวก่อนที่จ้าวหลี่จะทันได้เงยหน้าขึ้น ก็รู้สึกถึงความเย็นวาบที่คอเนื่องจากสายลมจากดาบที่พัดเข้ามาใกล้ในชั่วพริบตานั้น จ้าวหลี่ถึงกับขนลุกด้วยความหวาดกลัว แต่โชคดีที่เขาเคยเป็นแม่ทัพที่นี่มาหนึ่งหรือสองปีแล้ว และฝีมือการต่อสู้ของเขาก็ไม่เลว เขากลิ้งตัวไปกับพื้นเพื่อหลบเลี่ยงทันทีอย่างไรก็ตาม เย่เสวียนถิงเร็วกว่ามาก คมดาบนั้นกรีดลงกลางอกของจ้าวหลี่ทันที ทิ้งรอยบาดแผลลึกจนเห็นเลือดเนื้อกระจายอยู่บนอกของเขาหากปลายดาบยาวกว่านี้อีกเพียงนิด เขาคงจะตายไปแล้วจ้าวหลี่ถึงกับตัวสั่นด้วยความหวาดผวา ทนความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสแล้วกลิ้งตัวไปอีกครั้ง สภาพของเขาดูน่าสังเวชและโสมม ชุดเกราะเปรอะไปด้วยโคลนสกปรกเขาค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเล ใบหน้าสกปรกมอมแมม และได้พบกับสายตาเย็นเยียบที่เต็มไปด้วยจิตสังหารของเย่เสวียนถิง"ฆ่าเขาซะ"จ้าวหลี่คิดว่าตนอาจฟังผิดไปเขาเงยหน้าขึ้นและตะโกนทันที "อ๋องเสวียน ท่านคิดจะฆ่ากระหม่อมเช่นนี้ ท่านไม่กลัวหรือว่า.
น่าเสียดาย เขาไม่ได้เห็นสีหน้าตื่นตระหนกจากเย่เสวียนถิงเลยแม้แต่น้อยใบหน้าอันหล่อเหลานั้น บัดนี้เย็นชาและอำมหิต "ถ้าเช่นนั้นก็ฆ่าให้หมด""ชายแดนยามนี้จำเป็นต้องอาศัยกำลังทหารอย่างมาก หากท่านใช้วิธีการเลือดเย็นเช่นนั้น จะไม่มีปัญหา..."แต่ก่อนที่เจ้าเมืองจะพูดจบ ก็ถูกรองแม่ทัพที่อยู่ด้านข้างตวาดใส่ว่า "หุบปาก! ชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือแห่งนี้มีท่านอ๋องของเราอยู่ ที่นี่จะต้องแข็งแกร่งดั่งกำแพงทองคำแน่นอน ส่วนพวกขี้แพ้ที่ยังคงเชื่อฟังคำสั่งของคนผู้นี้ ปล่อยไว้ก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วงเปล่า ๆ สู้ประหารทิ้งให้หมดเพื่อขจัดปัญหาไปเลยดีกว่า หากพวกเขาต้องการมีชีวิตรอด ก็ควรรู้ว่าจะต้องเชื่อฟังผู้ใด"เย่เสวียนถิงในครั้งนี้ไม่มีความตั้งใจที่จะอดกลั้นอีกการโจมตีแคว้นอู๋ตะวันตกกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว หากยังมีความขัดแย้งภายในด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้อีก นั่นต่างหากที่จะเป็นปัญหาครั้งใหญ่สำหรับกองทัพที่อยู่ในมือเขา เขาต้องการความจงรักภักดีอย่างที่สุด นี่คือกุญแจที่จะทำให้สามารถเอาชนะได้แม้จะด้วยจำนวนที่น้อยกว่าแม้การรบจะขึ้นอยู่กับจำนวนคนเป็นหลัก ทว่าหากสามารถจัดวางกองกำลังได้อย่างสมบูรณ์ แม้ฝ่
รองแม่ทัพผู้นั้นใจสั่น "ท่านอ๋อง ในเมื่อท่านได้คาดการณ์ได้เช่นนี้แล้ว ท่านคงจะไม่ปล่อยให้คนเหล่านั้นทำสำเร็จใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?!"เย่เสวียนถิงเผชิญกับท้องฟ้ายามวิกาลด้วยสายตาที่แข็งกร้าวดวงตาดุจหงส์สีเข้มของเขาเผยให้เห็นแววดุร้าย ริมฝีปากบางของเขาก็เผยอขึ้นเล็กน้อย "แค่ฆ่าพวกมันทิ้งให้หมดก็พอแล้ว"ว่าอย่างไรนะ?รองผู้บัญชาการที่อยู่ข้างกายเขาตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างครู่หนึ่งเขามองไปยังเงาของคนชุดดำประมาณยี่สิบกว่าคนที่อยู่ไม่ไกล รู้สึกสับสนทันทีลึก ๆ ในใจ เขาได้ไว้อาลัยให้คนกลุ่มนี้แล้วพวกเขาอาจไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า คราวนี้พวกเขาไม่มีโอกาสจะรอดกลับไปได้อีกชายชุดดำข้างหน้ากระโดดลงจากหลังคาทันที หลังจากระบุตำแหน่งของกองกำลังป้องกันได้ค่ำคืนนั้นมืดมิดราวกับน้ำหมึกแทบไม่มีแสงสว่างให้เห็นเลย ชายชุดดำเริ่มแอบย่องจากทางเดินด้านข้างไปยังบริเวณที่จ้าวหลี่ถูกคุมขังเอาไว้ในช่วงหนึ่งถึงสองปีมานี้ มีคนติดตามแม่ทัพจ้าวมากมาย เพียงแค่พวกเขาช่วยเหลือแม่ทัพจ้าวออกมาได้ เพียงชูมือเรียกร้อง ทุกคนก็พร้อมจะติดตามเขาไปทำการใหญ่...แต่เมื่อพวกเขาออกทางเดินและเข้าไปในพื้นที่โล่ง ทันใดนั้นพว
เหตุการณ์การช่วยเหลือครั้งนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบ ดูราวกับเรื่องขบขันในเวลานี้ จ้าวหลี่ถูกคุมขังในคุก ทั้งแขนขาทั้งสี่ถูกแขวนไว้กับขื่อไม้ ทั่วร่างเต็มไปด้วยรอยแส้บาดแผลที่หน้าอกนั้นเหวอะหวะจนเนื้อและเลือดปริออก ทำให้เขาดูน่าสมเพช แต่แสงในดวงตาของเขายังไม่มอดดับลง เขายังคงรอคอยให้คนของเขามาช่วยเขาอยู่ในขณะนั้นเอง มีการเคลื่อนไหวบางอย่างที่นอกประตู ผู้คุมที่เฝ้าคุกใต้ดินเดินเข้ามาแล้วกระซิบเบา ๆ ข้างหูเขาว่า "ท่านแม่ทัพจ้าว เมื่อครู่จวนเจ้าเมืองเกิดเรื่องขึ้น มีคนบุกเข้ามา...""ผู้ใดกัน?"จ้าวหลี่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเขารู้ว่าสองปีของเขานั้นไม่ได้สูญเปล่า ลูกน้องของเขาจะไม่ยอมให้เขาถูกตัดหัวในที่สาธารณะแน่ทว่าผู้คุมกลับทำท่าลังเลที่จะพูดจนกระทั่งผ่านไปชั่วครู่ เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า "พวกเขาตายหมดแล้ว""ตายหมดแล้ว!"เสียงของจ้าวหลี่แหบแห้ง แต่ไม่อาจควบคุมให้มันเบาลงได้ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ความตระหนกในดวงตาไม่อาจบรรยายได้“ตายไปกี่ศพ!”ผู้คุมยังคงตอบต่อไปว่า “ทุกคนที่เข้ามาล้วนตายหมดแล้ว พวกเขายังไม่ทันได้เอ่ยปากก็ถูกลูกธนูยิงจนร่างพรุ่นไปเสียก่อนแล้ว”คราวนี้เย่เสวียนถิงไม่
เมื่อเห็นเย่เสวียนถิงอยู่ในสภาพเช่นนั้น แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นอู๋ตะวันตกก็พาองค์รัชทายาทที่พอจะมีความกล้าขึ้นบ้างเข้ามาใกล้ ตั้งใจที่จะดูถูกเหยียดหยามเขาต่อหน้ากองทัพนับหมื่นเหยียนจั๋วเป็นคนหยิบค้อนเหล็กขึ้นมาเอง เขาทุบกระดูกขาของข้างหนึ่งของเย่เสวียนถิงจนเลือดเนื้อเละเทะในยามนั้น เขาซ่อนตัวอยู่บนเนินเขาไกลออกไป มองเห็นฉากในสนามรบนี้อย่างชัดเจนชายผู้ที่เคยทำให้ทัพแห่งแคว้นอู๋ตะวันตกรู้สึกหวาดกลัวจนไม่กล้าเคลื่อนพล ผู้ที่มือเขาเปื้อนเลือดของทหารอู๋ตะวันตกจำนวนนับไม่ถ้วน คราวนั้นกระดูกสันหลังของเขาถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี และถูกซัดลงกับพื้นผลลัพธ์เช่นนี้แล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เย่เสวียนถิงจะสามารถหนีรอดจากกรงล้อมกองทหารหลายหมื่นนายแคว้นอู๋ตะวันตกได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ในครั้งนั้น มีหรือพวกเขาจะปล่อยตัวการที่สังหารทหารของพวกเขาไปมากมายให้รอดไปได้หลังจากที่เหยียนจั๋วทำให้ขาข้างหนึ่งของเย่เสวียนถิงพิการ องค์รัชทายาทแห่งแคว้นอู๋ตะวันตกที่คิดว่าเขากำลังจะตายและไม่มีทางขัดขืนดิ้นรนได้อีกก็เริ่มให้ความสนใจขึ้นมาเพื่อไม่ให้คนอื่นคิดว่า เขาขลาดกลัวเย่เสวียนถิงจนไม่กล้าต่อสู้กับคนที่ไ
ซูชิงอู่กำลังตั้งครรภ์ ทว่าอุ้มท้องมาสามปีกลับไม่เกิดอันใดขึ้นเลยนั่นเพราะทารกตายทั้งกลมไปนานแล้วซูชิงอู่สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ท้องน้อยนูนป่องมีเลือดปนหนองส่งกลิ่นเน่าเหม็นไหลมิหยุดราวกับสัตว์ประหลาดมีเพียงม่านตาดำขลับคู่นั้นที่ยังคงเด่นชัดสุกสกาว ราวกับน้ำค้างแข็งอันสว่างบริสุทธิ์สุดใต้นภานางเดินพลางใช้สองมือคลึงเคล้าหน้าท้องเบา ๆ พร้อมเสียงแหบฟังไม่รื่นหู“ลูกเอ๋ย แม่มาล้างแค้นให้เจ้าแล้ว”ซูชิงอู่ผู้ถูกจองจำอยู่คุกอันห่างไกลของวังหลวงและต้องกลายเป็นหนูทดลองมาตลอดสามปีเต็มเป็นอิสระแล้ว!ไฟโหมกระหน่ำเบื้องหลังกำลังแผดเผาพระราชวังอันเรืองรองอย่างไม่หยุดยั้ง แสงเพลิงส่องสว่างท่วมฟ้ายามค่ำคืนใบหน้าศพทรมานบิดเบี้ยวนอนราบภายในพระราชวังร่างแล้วร่างเล่า…“ซูชิงอู่ ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ ข้าจะให้เจ้าทุกอย่าง เจ้ามิใช่ว่าชอบพี่อวิ๋นถูหรือ? ข้าจะยกให้เจ้า ข้าจะยกให้เจ้าดีหรือไม่?!”ฮองเฮาซูเชียนหลิงผู้สูงศักดิ์สวมเสื้อคลุมลายหงส์ ศีระซึ่งประดับด้วยปิ่นหงส์โขกกับพื้นอย่างไม่หยุดหย่อน“บุรุษที่เจ้ากำลังพูดถึงน่ะหรือ?”น้ำเสียงซูชิงอู่แหบแห้งฟังไม่รื่นหู ราวกับเส้นเสียงฉีกขาดทั้ง
“พระชายา ยาขับเลือดต้มได้ที่แล้วเพคะ…”เสียงคุ้นเคยระลอกหนึ่งดังข้างหูซูชิงอู่นอนอยู่บนเตียงลืมตาด้วยความตกตะลึง เอียงศีรษะมองไปข้างเตียงอย่างเหลือเชื่อ แม่นมหลินที่ควรจะเสียชีวิตไปนานแล้วกำลังยกยาต้มมาให้นางยันกายลุกขึ้นพลางมองไปรอบตัว ทั่วห้องล้วนเป็นสีแดง บนหน้าต่างแปะอักษรมงคล 'มีสุข' แผ่นใหม่เอี่ยมชุดแต่งงานหลายตัวทิ้งอยู่บนพื้นกระจัดกระจาย ซูชิงอู่รู้กระจ่างได้ทันทีว่าที่นี่คือเรือนหอนางปวดเมื่อยทั้งตัวราวกับโดนหินทับก็มิปานครั้นหวนนึก ความทรงจำในสมองก็ยิ่งปรากฏชัดขึ้นนางย้อนกลับมายังเจ็ดปีก่อน จนวันนี้ที่เพิ่งตบแต่งกับเย่เสวียนถิงไม่นึกฝันว่า…นางจะได้เกิดใหม่!สายตาของซูชิงอู่ทำให้มือที่ยกชามยาของแม่นมหลินสั่นเทาอย่างอดไม่ได้เพราะดวงตาคู่นั้นของนางผิดแผกไปจากเดิม คล้ายสามารถมองทะลุหัวใจนางได้ในพริบตาเดียวแม่นมหลินผืนยิ้มพลางส่งชามยาไปให้ผู้เป็นเจ้านาย “คุณหนู หากยังมิรีบดื่ม ยาจักเย็นนะเจ้าคะ…”ซูชิงอู่มองอย่างไม่ละสายตา ก่อนเอื้อมมือรับชามยาไว้อย่างใจเย็นนางกำลังจะทำบางอย่าง แต่ขณะนั้นเอง ประตูหอนอนก็ถูกคนถีบให้เปิดออกกระทันหัน!ซูชิงอู่เงยหน้ามองก็เห็นช