หมายความว่าแม่ของเย่เสวียนถิงไม่ใช่นางกำนัล แต่เป็นสมาชิกของตระกูลเสนาบดีเซี่ย!ซูชิงอู่กะพริบตา “ท่านอ๋อง ข้าสับสนนิดหน่อย”เย่เสวียนถิงยิ้มเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น เขาลากนางมานั่งที่เก้าอี้ และเลื่อนขนมที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้มาตรงหน้านาง“เรื่องเช่นนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะพูดไม่ได้ แม่ของข้าเป็นบุตรที่เกิดจากอนุของตระกูลเสนาบดีเซี่ย และต่อมานางก็ได้เข้าวังและกลายเป็นนางกำนัล ส่วนหอหมื่นสมบัตินี้ มันเป็นของแม่ข้าทั้งหมด นอกเหนือจากสายเลือดแล้ว นางก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลเสนาบดีเซี่ยเลย ฉะนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับคำพูดพวกนั้นมากนัก พวกเขาแค่คนหน้าเงิน ข้าคร้านจะสนใจ”หลังจากที่เย่เสวียนถิงช่วยคลายความสับสนของซูชิงอู่ หัวใจของนางก็กลับสู่ความปกติอีกครั้งเพราะถึงอย่างไรไทเฮาเองก็เป็นสมาชิกของตระกูลเสนาบดีเซี่ยเช่นกัน หากตระกูลเสนาบดีเซี่ยมาข้องเกี่ยวกับเย่เสวียนถิง ตอนที่ต้องจัดการกับพระนางก็คงจะลำบากใจมากแน่ ๆ“เช่นนั้นก็ดี ข้าก็คิดว่า...”เย่เสวียนถิงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย “ข้าไม่ค่อยชอบใจตระกูลเสนาบดีเซี่ยมากนัก ดังนั้นอาอู่ไม่ต้องคิดมาก”ซูชิงอู่ยิ้มมุมปากแ
มีผู้คนมากมายอยู่ข้างนอกเย่อวิ๋นถูอยู่บนรถม้าไม่ได้ลงมาแต่อย่างใด อีกทั้งยังนำองครักษ์จากจวนอ๋องของตนมาคุ้มกันล้อมรอบไว้ด้วยประตูใหญ่ถูกล้อมไว้แน่นหนา พนักงานที่ช่วยงานอยู่ข้างในต่างก็หวาดกลัวจนตัวสั่นเมื่อประตูห้องเปิดออก ชายชราซึ่งเป็นเจ้าของร้านแห่งหอหมื่นสมบัติก็ออกมา เขาพูดกับเย่อวิ๋นถูที่อยู่บนรถม้าด้วยความเคารพว่า “องค์ชายสาม นายท่านของพวกเราเชิญท่านเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ”ใบหน้าของเย่อวิ๋นถูแข็งทื่อเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นแม้เขาจะไม่สบอารมณ์เพราะภาพวาดปลอมและจงใจพาคนมาที่นี่เพื่อแสดงพลังอำนาจของเขา แต่เขาก็ไม่กล้าทำอะไรกับหอหมื่นสมบัติจริง ๆ หรอกเพราะถึงอย่างไร หอหมื่นสมบัติก็ไม่ได้มีเพียงแห่งเดียวในเมืองหลวงได้ยินมาว่าเจ้าของหอหมื่นสมบัติร่ำรวยมากและเป็นเป้าหมายของราชวงศ์ในหลายแคว้นเย่อวิ๋นถูถูกประคองลงจากรถม้าเขาเปลี่ยนมานั่งรถเข็น และมีคนคอยเข็นรถให้จนผ่านเข้าประตูไป“นายท่านของเจ้าไม่ค่อยปรากฏตัวใช่ไหม? ครั้งนี้ข้ามาได้เวลาเหมาะเจาะเสียจริง”เจ้าของร้านยิ้ม “นายท่านของเราโชคดีมากที่ได้พบองค์ชายสาม โปรดตามกระหม่อมมาพ่ะย่ะค่ะ”ตลอดทางจนถึงชั้นสาม สุดท้ายเย่
“ถึงกระนั้น เนื่องจากภาพวาดในหอหมื่นสมบัติของท่าน ข้าจึงได้รับความสูญเสียอย่างหนัก หวังว่าท่านเจ้าของหอจะชดเชยอะไรให้ข้าบ้าง!”เย่อวิ๋นถูสวมบทองค์ชาย โดยตั้งใจที่จะทำให้อีกฝ่ายเกรงกลัวจุดประสงค์ของเขาชัดเจนมาก นั่นคือต้องการเงินคืนจากหอหมื่นสมบัติเพื่อให้เพียงพอต่อชดเชยความเสียหายในครั้งนี้ทว่าเย่เสวียนถิงไม่ฟังเขาแม้แต่น้อย“กฎของหอหมื่นสมบัติคือเราจะไม่รับผิดชอบต่อสินค้าใดหลังจากที่ขายไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เย่อวิ๋นถูคาดไม่ถึงว่าท่าทางของอีกฝ่ายจะแข็งกร้าวเช่นนี้ เขาพูดอย่างเย็นชา “ท่านเจ้าของหอเชื่อหรือไม่ว่าข้าทำให้กิจการในเมืองหลวงของท่านปิดตัวได้?”เย่เสวียนถิง “เชิญ”เย่อวิ๋นถู “...”แม้ใช้ทั้งไม้แข็งและไม้อ่อนแต่เย่อวิ๋นถูก็ไม่สามารถทำอะไรกับอีกฝ่ายได้ยิ่งท่าทางของอีกฝ่ายดื้อรั้นมากเท่าไร เย่อวิ๋นถูก็ยิ่งกล้าแสดงอาการหุนหันพลันแล่นน้อยลงเท่านั้นอย่างไรก็ตาม ในฐานะองค์ชาย เขาจะยอมให้คนอื่นเหยียบหัวเขาได้อย่างไร?แม้เขาต้องการซื้อภาพวาดด้วยตัวเอง แต่เขาก็จ่ายไปเป็นจำนวนมาก แต่อีกฝ่ายกลับขายของปลอมให้เขา ซึ่งถือว่าเป็นความผิดครั้งใหญ่มันทำให้เขาเสียหน้าในงานเลี้ยงวันเกิ
เย่เสวียนถิงยังคงส่ายหัว “ข้าก็ไม่แน่ใจ”เขาไม่เคยสนใจเรื่องเงินเลย แม้แต่เรื่องบัญชีทั้งหมดตกเป็นหน้าที่ขององครักษ์เงาและคนอื่น ๆแม้แต่เงินของตัวเองเย่เสวียนถิงก็ไม่รู้ว่าเขามีเงินอยู่เท่าไรนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมอบงานดูแลจวนให้กับซูชิงอู่อย่างยินดีซูชิงอู่สับสนอย่างยิ่ง “ท่านอ๋องไม่ชอบเงินหรือ?”เย่เสวียนถิงหลุบตาลง “ไม่สนใจแม้แต่น้อย”เขาหยุดชะงักแล้วกล่าวเสริม “แต่ขอแค่อาอู่ชอบ ข้าก็ชอบหมด”ซูชิงอู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และยกมือขึ้นลูบหน้าผากของเย่เสวียนถิง“โง่จริง”แน่นอนว่านางเป็นคนเดียวที่สามารถพูดนี้กับเย่เสวียนถิงได้เย่เสวียนถิงยิ้มอย่างไม่เห็นด้วย“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าต้องแต่งงานให้ภรรยามาช่วยจัดการงาน ไม่เช่นนั้นบ้านคงจะวุ่ยวายนัก”ซูชิงอู่หรี่ตาลง แต่นางก็รู้ด้วยว่าเย่เสวียนถิงพูดเพื่อทำให้นางมีความสุข แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหอหมื่นสมบัติสามารถสร้างรายได้ได้มากแค่ไหน แต่เขาก็เข้าใจมูลค่าของสิ่งต่าง ๆ เป็นอย่างดีซูชิงอู่อดไม่ได้ที่จะคิดถึงหลายสิ่งหลายอย่าง ตัวอย่างเช่น เย่เสวียนถิงไม่ได้บอกนางเกี่ยวกับการมีอยู่ของสถานที่แห่งนี้ในชีวิตที่แล้วนอกจากนี้ ด
พูดจบ เขาก็เห็นคนคนนั้นถอดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นใบหน้าที่อ่อนเยาว์อยู่ข้างในตอนนี้เย่อวิ๋นถูสามารถเดินได้อย่างอิสระแล้ว และท่าทางที่อ่อนแอของเขาในตอนกลางวันถือเป็นการแสร้งทำอย่างเห็นได้ชัดอู๋หลางมองพลางค่อย ๆ ส่งเสียงเย็นออกมา “องค์ชายสามมาหาข้าถึงที่นี่ไม่ทราบว่าธุระสำคัญอะไรหรือ?”ด้านหลังเย่อวิ๋นถูมีองครักษ์ลับตามมาด้วยหนึ่งคนเพื่อคอยระวังความปลอดภัยให้เขาทุกย่างก้าวเขามีสีหน้าเย็นชา ทำมือคำนับให้อู๋หลางแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อของข้าประชวรหนัก อีกทั้งไทเฮาทรงช่วยตระกูลมู่หรงของข้ามาเสมอ ดังนั้นพระนางจึงไม่ได้รับความไว้วางใจจากเสด็จพ่ออีก ตอนนี้ตระกูลมู่หรงแทบจะไม่สามารถกลับเข้าราชวงศ์ไปได้ อีกทั้งยังทรงให้ท่านตาของข้ากลับบ้านเกิดไปคิดทบทวน…”หลังจากอู๋หลางฟังอีกฝ่ายพูดจบ “แล้วเกี่ยวอะไรกับข้าหรือ?”เย่อวิ๋นถูกล่าวว่า “ข้ามาหาองค์ชายใหญ่เพื่อถามว่าท่านเต็มใจที่จะแต่งงานกับหมิงเยว่น้องสาวของข้าหรือไม่ รอข้าได้ดองกับองค์หญิงแห่งแคว้นฉีตะวันออกเสียก่อน เราทั้งสามฝ่ายจะเป็นหนึ่งเดียว และจะมีอำนาจอย่างมาก”อู๋หลางหรี่ตา “ท่านก็ทะเยอทะยานใช้ได้นะ!”เย่อวิ๋นถูพูดอย่างเย็นชา “หากข้าไ
อู๋หลางครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “ได้ หากขุดพบ สามส่วนจะเป็นของท่านและท่านต้องจัดการกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ตามมาให้สะอาดหมดจด อย่าให้สาวมาถึงข้าได้ หากเกิดอะไรขึ้น ท่านจะต้องรับผิดชอบ!”เย่อวิ๋นถูถาม “แล้วชีพจรมังกรที่ท่านพูดถึงอยู่ที่ไหนล่ะ?”อู๋หลางพูดเนิบ ๆ “สุสานหลวงแคว้นหนานเย่!”“อะไรนะ?”เย่อวิ๋นถูตกใจตาเบิกกว้างอู๋หลางใจกล้าเกินไปแล้ว นี่คิดจะไปขุดสุสานหลวงจริง ๆ เรอะ!ที่นั่นเป็นสถานที่แบบไหนน่ะหรือ? เป็นสถานที่ฝังศพของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกราชวงศ์ในแคว้นหนานเย่ ไม่ว่าจะเป็นนางสนมหรือบรรพบุรุษของฮ่องเต้ พวกเขาทั้งหมดนอนทอดร่างอยู่ที่นั่น!ที่บอกว่ามีสมบัติอยู่ที่นั่นนั้นแน่นอนว่ามันมีจริง วัตถุที่ฝังไปกับศพไม่มากในสุสานไม่รู้ว่ามีมากน้อยแค่ไหน แต่หากคิดจะเข้าไปก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยากทางราชวงศ์อาจจัดกองกำลังทหารเฝ้ายามในสุสานหลวงไว้การแสดงออกของเย่อวิ๋นถูเปลี่ยนไป “ล้มเลิกความคิดไปเถอะ ข้าจะไม่พาท่านไปที่นั่น"อู๋หลางหลุบตาลง “เนื่องจากองค์ชายสามไม่ให้ความร่วมมือ หมายความว่าไม่มีความจริงใจ เมื่อตอนนั้นก็อย่าตำหนิข้าที่เปิดเผยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และทำลายอนาคตขององค
ซูชิงอู่ยังไม่รู้ว่านางแข็งแกร่งแค่ไหนในสายตาของหมอหลวงซุนนางส่งคนไปแจ้งเย่เสวียนถิง และตามหมอหลวงซุนออกไปเนื่องจากมีองครักษ์เงามากมายอยู่รอบตัวคอยปกป้องนาง ตอนนี้เย่เสวียนถิงจึงรู้สึกวางใจหากนางจะเดินทางไปที่ไหน นั่นยังไม่รวมซูเฟยและคนอื่น ๆ ที่คอยดูแลนางหลังจากเข้าวังไปตลอดทางไปยังพระราชวังที่ฮ่องเต้ทรงกำลังพักฟื้นอยู่ ซูชิงอู่ก็ตกใจกับเหตุการณ์หนึ่งทันทีที่นางเข้ามาบรรดาหมอหลวงจากสำนักหมอหลวงรวมตัวกันข้างนอก ทุกคนมีสีหน้าเศร้าสร้อย มือจับพู่กันพลางศึกษาใบสั่งยาเมื่อคนอื่น ๆ เห็นว่าหมอหลวงซุนมา พวกเขาก็รีบเข้ามาทักทายทันที “หมอหลวงซุน ท่านกลับมาจากออกไปข้างนอกแล้วเช่นนี้ หรือว่าท่านจะหาวิธีได้แล้ว?”หมอหลวงซุนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าคิดวิธีออกแล้ว”เมื่อหมอหลวงคนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของพวกเขาแสดงความประหลาดใจและชื่นชม “สมกับที่เป็นหัวหน้าสำนักหมอหลวง หมอหลวงซุนชื่อเสียงสมคำร่ำลือ!”“หมอหลวงซุนช่างเก่งกาจและมีทักษะด้านการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ข้าจะกล้าเอาตัวเองไปเทียบกับท่านได้อย่างไรล่ะนี่?”หมอหลวงซุนรู้สึกประทับใจกับเสียงชื่นชมของบรรดาเพื่อนร่วมงาน เขาวางมือไว้ระดับ
เมื่อฮองเฮาได้ยินสิ่งที่นางพูด ใบหน้าของพระนางก็เปลี่ยนสีด้วยความโกรธทั้งยังไหล่สั่นเล็กน้อยดวงตาของพระนางดูเคร่งขรึม และครู่ต่อมาพระนางก็ยกมือตบหน้าซูชิงอู่ซูชิงอู่เห็นอีกฝ่ายโกรธเพราะความอับอาย สายตาของนางก็ฉายแววเยาะเย้ยแม้จะเป็นฮองเฮา แต่ความฉลาดเฉลียวของพระนางก็เทียบกับไทเฮาไม่ได้เลยแม้แต่น้อยไทเฮาเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่ฉลาดหลักแหลม แม้ตอนนี้พระนางจะตกต่ำแต่ก็ยังไม่พ่ายแพ้ซูชิงอู่คว้ามือที่ฮองเฮาฟาดลงมานางเลิกคิ้วมองฮองเฮาที่พยายามดึงมือของตนออก แต่ก็ทำไม่สำเร็จฮองเฮาสีหน้าไม่สู้ดี นางกำนัลอาวุโสหลายคนที่เห็นก็เข้ามาช่วยฮองเฮาแกะมือนางออก ซูชิงอู่จึงปล่อยมือฮองเฮาที่ออกแรงมากเกินไปจึงสูญเสียการทรงตัวและเอนไปข้างหลังโชคดีที่นางกำนัลอาวุโสสองสามคนที่สายตาไวและมือไวคว้าพระนางเอาไว้ได้ทัน ฮองเฮาจึงไม่ได้ล้มไปจนมีสภาพน่าเกลียดมากนักฮองเฮามู่หรงเหลือบมองข้อมือแดงของตน พลางชี้หน้าซูชิงอู่แล้วพูดด้วยความโกรธ “กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายข้า!”ซูชิงอู่ยิ้มเยาะ “ฮองเฮาทรงตรัสผิดแล้วเพคะ หม่อมฉันแค่ปกป้องตัวเอง หม่อมฉันไปทำร้ายพระองค์ตอนไหนเพคะ? มีแต่พระองค์ที่ตบหม่อมฉันโดยไม่มีเห