หลี่ผินส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง ริมฝีปากของนางสั่นเทานางคุกเข่าลงบนพื้น ตัวสั่นไปทั้งตัว พร้อมทั้งหน้าถอดสีฮ่องเต้เฒ่าหรี่ตาลงทันที “หลี่ผิน สิ่งที่ไทเฮาตรัสเป็นเรื่องจริงหรือ?”“ไม่จริง ไม่จริงเพคะ...”ฮ่องเต้ตรัสถาม “ไทเฮา พระองค์ตรัสว่าหลี่ผินมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น แต่ลูกไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”ไทเฮาทรงก้มหน้าลงพลางถอนหายใจ“เดิมทีหม่อมฉันไม่อยากพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงได้สั่งให้คนอื่นปิดเงียบเอาไว้และแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คราวนี้หลี่ผินทำการลอบสังหารฝ่าบาท หม่อมฉันเองก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เข้ามา...”พระนางสั่งกะทันหันหลังจากนั้นไม่นาน หมอหลวงก็ถูกคนพาเข้ามาสีหน้าของหมอหลวงยิ่งไม่สู้ดีมากขึ้น ริมฝีปากของเขาซีด และตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อมองไปที่ไทเฮา“พูดมา เจ้าสมคบคิดกับหลี่ผินตั้งแต่เมื่อไหร่? จงทูลฮ่องเต้อย่างละเอียดทุกประการ!”เมื่อหลี่ผินได้ยินเช่นนั้น นางก็มองไปที่หมอหลวงที่ถูกจับตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความเหลือเชื่อคนคนนี้เป็นหมอหลวงที่คอยดูแลนางอยู่บ่อย ๆ และทั้งสองคนก็...คุ้นเคยกันดีจริง ๆเพราะครอบครัวทั้งสองของพวกเขามีภูมิหลังที่คล้าย
ฮ่องเต้เฒ่าตรัสถามก่อน “วิธีอะไร?”ซูชิงอู่ยิ้มแล้วพูดว่า “ตามวิธีโบราณในตำรับยาของตระกูลฟาง มีวิธีระบุญาติโดยการหยดเลือดซึ่งสามารถใช้เพื่อระบุว่าเลือดมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่เพคะ”หลังจากได้ยินเช่นนั้น ไทเฮาก็ทรงส่งเสียงอย่างเย็นชา “ข้าเคยได้ยินวิธีนี้อยู่ แต่นั่นต้องรอให้เด็กเกิดไม่ใช่หรือ?”ซูชิงอู่พยักหน้า “ใช่เพคะ เช่นนั้นก็ต้องรอจนกว่าเด็กจะเกิด”ไทเฮา “...”มุมปากของพระนางกระตุกและทรงจ้องเขม็งไปที่ซูชิงอู่ “วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลหรอก อีกทั้งหากจะรอให้เด็กในท้องของนางคลอดออกมาก็ต้องใช้เวลาถึงครึ่งปี นางบังอาจลอบสังหารฮ่องเต้ จะให้นางมีชีวิตอยู่อีกได้อย่างไร!”ซูชิงอู่เลิกคิ้ว “แม้แต่อาชญากรร้ายแรงก็ยังถูกลงโทษประหารในช่วงหลังฤดูใบไม้ร่วง แต่กับเด็กในครรภ์ของหลี่ผินที่มีโอกาสเป็นโอรสของฮ่องเต้ ไทเฮาจะทรงรออีกหน่อยไม่ได้เลยหรือเพคะ?”“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…”ไทเฮากำลังจะปกป้องตัวเอง แต่พระนางก็ได้ยินฮ่องเต้ตรัสขึ้นมา “ข้าเห็นด้วยกับคำพูดของชิงอู่ เนื่องจากเราต้องรอจนกว่าเด็กจะเกิดออกมา ก่อนที่จะทำการตัดสินใดใดก็ให้จำคุกหลี่ผินไว้ก่อน!”“พ่ะย่ะค่ะ!”องครักษ์ที่อยู่ด้านหล
ดูเหมือนซูชิงอู่กับเย่เสวียนถิงจะถูกคนส่งมาเพื่อเอาชนะนางไม่รู้ว่านางไปเอายาเลอะเทอะพวกนั้นมาจากไหน!ตอนนี้ในหัวใจของไทเฮากำลังเกิดคลื่นลูกใหญ่ แต่ใบหน้าของพระนางยังคงสงบพระนางทอดพระเนตรมองไปที่ฮ่องเต้แล้วตรัสว่า “หม่อมฉันไม่เคยคิดที่จะทำร้ายฝ่าบาทเลยเพคะ”“ไม่เคยคิดหรือพ่ะย่ะค่ะ? แล้วเรื่องมือสังหารจะทรงอธิบายอย่างไร? หรือไทเฮาทรงพยายามอย่างมากในการนำมือสังหารเข้ามาในวังเพียงเพื่อทำให้กระหม่อมกลัว”ต้องบอกว่าฮ่องเต้ทรงเดาถูกแล้วไทเฮากำลังทำให้เขากลัวเพื่อที่จะให้เย่อวิ๋นถูขึ้นทำหน้าที่โดยเร็วที่สุดพระนางทรงหลุบตาลง มีสีเข้มแวววาบไปทั่วดวงตาของพระนางอีกด้านหนึ่ง การสอบสวนผู้ลอบสังหารได้สิ้นสุดลงแล้ว“ทูลฝ่าบาท ผู้ลอบสังหารคนนั้นสารภาพแล้วว่าไทเฮาทรงเป็นผู้ส่งเขาไปแทงฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”หัวใจของฮ่องเต้ชราเหมือนกำลังจมลงสู่ก้นทะเลสาบบรรดาเสนาบดีที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็รู้สึกโศกเศร้าเมื่อได้ยินเช่นนั้นดูเหมือนว่าไทเฮาจะทรงหนีไม่รอดแล้วแม้ฮ่องเต้จะทรงเคารพพระนาง แต่ก็ไม่ได้เคารพมากพอที่จะเปิดเผยเรื่องนี้โดยตรงไทเฮาทรงหลุบตาลงและตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เป็นฝีมือของหม่อมฉั
การทำงานให้กับองค์ชายใหญ่ก็ถือว่าไว้ใจได้ ดังนั้นเมื่อซูชิงอู่กลับมาที่จวนอ๋อง นางก็เห็นพระพุทธรูปทองคำองค์นี้ที่นางโลภอยากได้แทบตายแม้ช่วงนี้นางจะทำเงินได้มากมายจากบรรดาสนมในวังโดยใการขายน้ำยาประทินผิว แต่เงินเพียงเล็กน้อยก็ยังไม่ดีเท่ากับการได้รับพระพุทธรูปทองคำนางมองแล้วมองอีก รู้สึกชอบมากจนไม่สามารถวางมันลงได้เย่เสวียนถิงมองท่าทางของซูชิงอู่ สุดท้ายก็เห็นความเป็นเด็กน้อยผ่านภาษากายของนางตั้งแต่แต่งงานกับเขา บุคลิกทั้งหมดของซูชิงอู่ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปแม้จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็มีบางอย่างซ่อนอยู่ในดวงตาของนางที่เขาไม่เข้าใจอยู่เสมอความมืดหม่นและความเศร้าหมองที่ไม่เคยหายไปจากดวงตาของนาง แม้แต่เขาก็ดูเหมือนจะไม่สามารถสัมผัสส่วนลึกที่สุดของหัวใจนางได้เย่เสวียนถิงไม่รู้ว่าซูชิงอู่เคยผ่านอะไรมาบ้างแต่สิ่งที่ทำให้นางเปลี่ยนไปมากมายก็คงเป็นเพราะเหตุการณ์ที่นางถูกโจรลักพาตัวโชคดีที่เย่เสวียนถิงส่งคนมาปกป้องซูชิงอู่ และรู้ว่านางไม่ได้รับอันตรายมากนัก ดังนั้นเขาจึงเพียงคิดว่านางคงจะรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์นั้นเย่เสวียนถิงยืนอยู่ข้างหลังนาง คลี่ยิ้มเบา ๆ แล้วถามว่า
นางเคยพูดไว้นี่ บนโลกนี้จะมีคนใจดีขนาดนั้นได้อย่างไรอีกฝ่ายมอบสิ่งของล้ำค่าให้นางทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันด้วยซ้ำนางไม่ใช่คนโง่ อันที่จริงนางสงสัยมานานแล้ว ตอนนั้นที่หอหมื่นสมบัตินางถูกเด็กชายจากตระกูลมู่หรงมารบกวน เหตุใดองครักษ์ลับถึงไม่ปรากฎตัวตั้งแต่คราแรก และเขามาบังเอิญอยู่ใกล้ ๆ ได้อย่างไร...ที่แท้ก็วางแผนไว้ล่วงหน้าทั้งหมดแล้วนี่เอง!เย่เสวียนถิงมองดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยซูชิงอู่ จากนั้นเขาก็แตะจมูกตัวเองด้วยความเขินอายเขาเงยหน้าเล็กน้อยและพูดขอโทษ “อาอู่ เป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรโกหกเจ้าเลย ข้ารู้แค่ว่าเจ้าชอบสิ่งของพวกนั้นมาก ข้าจึงปล่อยให้มันตกไปอยู่ในมือของคนอื่นไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น...หนึ่งในนั้นมีของที่เจ้าให้ข้าด้วย”ซูชิงอู่มีสีหน้าโกรธเคือง “ดีที่ข้าปิดเอาไว้ แต่จริง ๆ ท่านรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าข้าจะให้อะไรท่าน? แบบนี้มันก็ไม่น่าตื่นเต้นแล้วสิ น่าเบื่อชะมัด!”เย่เสวียนถิงยิ้มและจูบนางที่แก้มเมื่อรู้ว่านางไม่ได้โกรธจริง ๆ ดวงตาของเย่เสวียนถิงก็ฉายแววอ่อนโยนพ่อบ้านที่เห็นก็ตะลึงตาค้าง หันกลับมาและพยายามคิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์ล่องหนการทำเป็นไม
หมายความว่าแม่ของเย่เสวียนถิงไม่ใช่นางกำนัล แต่เป็นสมาชิกของตระกูลเสนาบดีเซี่ย!ซูชิงอู่กะพริบตา “ท่านอ๋อง ข้าสับสนนิดหน่อย”เย่เสวียนถิงยิ้มเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น เขาลากนางมานั่งที่เก้าอี้ และเลื่อนขนมที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้มาตรงหน้านาง“เรื่องเช่นนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะพูดไม่ได้ แม่ของข้าเป็นบุตรที่เกิดจากอนุของตระกูลเสนาบดีเซี่ย และต่อมานางก็ได้เข้าวังและกลายเป็นนางกำนัล ส่วนหอหมื่นสมบัตินี้ มันเป็นของแม่ข้าทั้งหมด นอกเหนือจากสายเลือดแล้ว นางก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลเสนาบดีเซี่ยเลย ฉะนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับคำพูดพวกนั้นมากนัก พวกเขาแค่คนหน้าเงิน ข้าคร้านจะสนใจ”หลังจากที่เย่เสวียนถิงช่วยคลายความสับสนของซูชิงอู่ หัวใจของนางก็กลับสู่ความปกติอีกครั้งเพราะถึงอย่างไรไทเฮาเองก็เป็นสมาชิกของตระกูลเสนาบดีเซี่ยเช่นกัน หากตระกูลเสนาบดีเซี่ยมาข้องเกี่ยวกับเย่เสวียนถิง ตอนที่ต้องจัดการกับพระนางก็คงจะลำบากใจมากแน่ ๆ“เช่นนั้นก็ดี ข้าก็คิดว่า...”เย่เสวียนถิงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย “ข้าไม่ค่อยชอบใจตระกูลเสนาบดีเซี่ยมากนัก ดังนั้นอาอู่ไม่ต้องคิดมาก”ซูชิงอู่ยิ้มมุมปากแ
มีผู้คนมากมายอยู่ข้างนอกเย่อวิ๋นถูอยู่บนรถม้าไม่ได้ลงมาแต่อย่างใด อีกทั้งยังนำองครักษ์จากจวนอ๋องของตนมาคุ้มกันล้อมรอบไว้ด้วยประตูใหญ่ถูกล้อมไว้แน่นหนา พนักงานที่ช่วยงานอยู่ข้างในต่างก็หวาดกลัวจนตัวสั่นเมื่อประตูห้องเปิดออก ชายชราซึ่งเป็นเจ้าของร้านแห่งหอหมื่นสมบัติก็ออกมา เขาพูดกับเย่อวิ๋นถูที่อยู่บนรถม้าด้วยความเคารพว่า “องค์ชายสาม นายท่านของพวกเราเชิญท่านเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ”ใบหน้าของเย่อวิ๋นถูแข็งทื่อเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นแม้เขาจะไม่สบอารมณ์เพราะภาพวาดปลอมและจงใจพาคนมาที่นี่เพื่อแสดงพลังอำนาจของเขา แต่เขาก็ไม่กล้าทำอะไรกับหอหมื่นสมบัติจริง ๆ หรอกเพราะถึงอย่างไร หอหมื่นสมบัติก็ไม่ได้มีเพียงแห่งเดียวในเมืองหลวงได้ยินมาว่าเจ้าของหอหมื่นสมบัติร่ำรวยมากและเป็นเป้าหมายของราชวงศ์ในหลายแคว้นเย่อวิ๋นถูถูกประคองลงจากรถม้าเขาเปลี่ยนมานั่งรถเข็น และมีคนคอยเข็นรถให้จนผ่านเข้าประตูไป“นายท่านของเจ้าไม่ค่อยปรากฏตัวใช่ไหม? ครั้งนี้ข้ามาได้เวลาเหมาะเจาะเสียจริง”เจ้าของร้านยิ้ม “นายท่านของเราโชคดีมากที่ได้พบองค์ชายสาม โปรดตามกระหม่อมมาพ่ะย่ะค่ะ”ตลอดทางจนถึงชั้นสาม สุดท้ายเย่
“ถึงกระนั้น เนื่องจากภาพวาดในหอหมื่นสมบัติของท่าน ข้าจึงได้รับความสูญเสียอย่างหนัก หวังว่าท่านเจ้าของหอจะชดเชยอะไรให้ข้าบ้าง!”เย่อวิ๋นถูสวมบทองค์ชาย โดยตั้งใจที่จะทำให้อีกฝ่ายเกรงกลัวจุดประสงค์ของเขาชัดเจนมาก นั่นคือต้องการเงินคืนจากหอหมื่นสมบัติเพื่อให้เพียงพอต่อชดเชยความเสียหายในครั้งนี้ทว่าเย่เสวียนถิงไม่ฟังเขาแม้แต่น้อย“กฎของหอหมื่นสมบัติคือเราจะไม่รับผิดชอบต่อสินค้าใดหลังจากที่ขายไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เย่อวิ๋นถูคาดไม่ถึงว่าท่าทางของอีกฝ่ายจะแข็งกร้าวเช่นนี้ เขาพูดอย่างเย็นชา “ท่านเจ้าของหอเชื่อหรือไม่ว่าข้าทำให้กิจการในเมืองหลวงของท่านปิดตัวได้?”เย่เสวียนถิง “เชิญ”เย่อวิ๋นถู “...”แม้ใช้ทั้งไม้แข็งและไม้อ่อนแต่เย่อวิ๋นถูก็ไม่สามารถทำอะไรกับอีกฝ่ายได้ยิ่งท่าทางของอีกฝ่ายดื้อรั้นมากเท่าไร เย่อวิ๋นถูก็ยิ่งกล้าแสดงอาการหุนหันพลันแล่นน้อยลงเท่านั้นอย่างไรก็ตาม ในฐานะองค์ชาย เขาจะยอมให้คนอื่นเหยียบหัวเขาได้อย่างไร?แม้เขาต้องการซื้อภาพวาดด้วยตัวเอง แต่เขาก็จ่ายไปเป็นจำนวนมาก แต่อีกฝ่ายกลับขายของปลอมให้เขา ซึ่งถือว่าเป็นความผิดครั้งใหญ่มันทำให้เขาเสียหน้าในงานเลี้ยงวันเกิ
ซูชิงอู่คว้าเสื้อคลุมที่เขาสวมบนตัวนางแล้วถามอย่างไม่สบายใจว่า “แล้วท่านล่ะ?"เย่เสวียนถิงหลุบสายตาลงเล็กน้อย มีแสงจันทร์สะท้อนในดวงตาของเขา "บนภูเขาไม่ปลอดภัย ข้าจะเฝ้าอยู่ข้างนอก"ซูชิงอู่ไม่ถามอะไรอีก นางเดินไปที่บ่อน้ำและถอดเสื้อผ้าของนางออกหากเย่เสวียนถิงไม่อยู่ที่นี่ นางคงไม่สามารถอาบน้ำในป่าได้ง่าย ๆเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ใกล้ ๆ ซูชิงอู่จึงรู้สึกค่อนข้างปลอดภัยหลังจากอาบน้ำเสร็จก็เห็นเสื้อผ้าวางอยู่บนฝั่งขนาดกำลังพอดีสำหรับนาง ราวกับมันถูกเตรียมไว้เพื่อนางโดยเฉพาะหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ตั้งอยู่บนไหล่เขาขนาดไม่ใหญ่นัก นอกจากบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ในบริเวณบ้านพักแล้ว ก็มีบ้านเพียงห้าหลังเท่านั้นบ้านที่อยู่ตรงกลางคือหลังที่ใหญ่ที่สุด ซูชิงอู่เดินเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็พบว่าข้างในบ้านตกแต่งเรียบง่ายและสะอาดสะอ้านเดินเข้าไปข้างในก็คือบ้านที่ใช้อยู่อาศัย มีเตียงขนาดใหญ่วางอยู่ตรงกลาง นอกจากตรงจุดนี้ที่ได้รับการทำความสะอาดแล้ว ส่วนอื่น ๆ ก็ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาเป็นชั้น เห็นได้ชัดว่าเย่เสวียนถิงเข้ามาทำความสะอาดให้เมื่อครู่ซูชิงอู่รู้สึกอบอุ่นใจทว่านางไม่ได้ออกปาก
ทันใดนั้นก็มีเสื้อคลุมอีกตัวหนึ่งคลุมตัวของนางไว้ความหนาวเย็นบนร่างกายของนางถูกขจัดออกไปในทันที และจู่ ๆ เย่เสวียนถิง ก็โน้มตัวลงมาและดึงนางให้ลุกขึ้นยืน“อาอู่ มากับข้าสิ”ซูชิงอู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยืนขึ้นต่อหน้าทุกคน กองไฟตรงหน้านางยังคงปะทุอยู่ และผู้คนที่นั่งรอกันอย่างเบื่อหน่ายก็มองตรงไปยังทิศทางที่พวกเขาทั้งสองจากไปทุกคนยังคงหิวอยู่ ตอนนี้ดึกมากแล้ว แม้กระทั่งการกินข้าวจึงกลายเป็นปัญหา หลินอิงย่างกระต่ายป่าที่นางเพิ่งจับได้และมอบให้นายน้อยของนางอย่างระมัดระวัง“นายน้อย ทานสิเจ้าคะ”หลิ่วจ้งอิ๋นเหลือบมองหลินอิง เดิมทีเขาต้องการทิ้งเด็กคนนี้ไว้ที่บ้านเพื่อดูแลคนชรา แต่นางไม่ยอม จึงกลายเป็นว่ามีสตรีติดตามเขาไปทุกที่เขารับกระต่ายขึ้นมาแล้วมองสายตาของเด็กน้อยที่แอบมองเขา แต่ก็ลังเลที่จะพูด จากนั้นเขาก็ยื่นขากระต่ายทั้งสองข้างให้นางแม้หลินอิงจะไม่ได้พูดตลอดการเดินทาง แต่ในระหว่างการต่อสู้ไม่นานมานี้ นางซึ่งเป็นสตรีคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมดาบในมือ สิ่งนี้ทำให้เขาดูเป็นคนใจร้าย และนั่นก็ค่อนข้างน่าสะเทือนใจในฐานะนายน้อยตระกูลหลิ่ว เขามีชีวิตที่ราบรื่นและได
“เสวียนถิง ท่านมองข้าสิ”ม่านตาของเย่เสวียนถิงสั่นไหวเล็กน้อย เขาคว้าข้อมือของซูชิงอู่ไว้ดาบในมือของเขาหล่นลงกับพื้นทั้งที่ยังคงเปื้อนเลือด“ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ทิ้งท่านไปไหนอีก”ซูชิงอู่ตอบอย่างจริงจัง น้ำเสียงของนางมั่นคงหนักแน่นนางจะไม่ทำให้ตัวเองต้องเสียใจทีหลังอีก“ดูสิ ตอนนี้ข้าสามารถปกป้องตัวเองได้แล้ว ท่านกลับจากชายแดนเมื่อไร ช่วยสอนวรยุทธให้ข้าได้หรือไม่?”นางปลอบประโลมอารมณ์ในดวงตาของเย่เสวียนถิงได้เขาใช้นิ้วลูบหลังมือของนางเบา ๆ“เอาล่ะ อาอู่ หนอนกู่พวกนั้นก็อันตรายมากเช่นกัน จากนี้เจ้าไม่…”ซูชิงอู่หัวเราะเบา ๆ พลางก้มหน้า “กู่เหล่านั้นเป็นวิธีที่ข้าใช้ปกป้องตัวเอง อีกทั้งท่านอ๋องก็ไม่สามารถอยู่เคียงข้างข้าได้ตลอด หากข้าไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ ท่านจะเป็นห่วงข้ามากกว่าเดิมหรือไม่?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่เสวียนถิงก็เลิกคิ้วและพยักหน้าเขารู้สึกไม่ชอบใจที่ตัวเขาไร้ประโยชน์ทั้งยังทำให้อาอู่ตกอยู่ในอันตรายหากเขาอยู่เคียงข้างนาง เขายังสามารถจับตาดูนางได้ แต่เมื่อเขาต้องจากที่นี่ไปยังสนามรบชายแดน ถึงตอนนั้น…เย่เสวียนถิงไม่กล้านึกถึงความฝันที่เขาพูดถึงเหตุผลท
คนมากกว่าหนึ่งพันคนก็กลายเป็นม่านดำหนาทึบ แม้พวกเขาจะพบกับสถานการณ์ที่วุ่นวาย แต่พวกเขาก็มีเวลาจัดการเหลือเฟือทว่าในขณะที่เย่เสวียนถิงโยนลูกปัดอสนีบาตเข้าไปในฝูงชน และผู้คนยังคงถูกโจมตีอย่างโหดร้าย ทหารของตระกูลเจียวที่เดิมต้องการเร่งรุดไปข้างหน้าก็เริ่มถอยหนีอย่างรวดเร็วเย่เสวียนถิงสามารถบังคับให้คนเหล่านั้นล่าถอยไปได้ด้วยความแข็งแกร่งของเขาไม่มีใครอยากตายโดยไม่รู้ตัว เพราะอาวุธที่ซูชิงอู่หยิบออกมานั้นเกินความคาดหมายของทุกคน“มีอันตราย ถอยออกไปเร็ว!”ใครบางคนในฝูงชนตะโกนเสียงดัง และรูปขบวนทั้งหมดก็หยุดชะงักหลิ่วจ้งอิ๋นและคนอื่น ๆ รู้สึกว่าบรรยากาศภายนอกเปลี่ยนไป พวกเขาจึงเอื้อมมือออกไปและเปิดประตูด้านหน้าออก “ทุกคน ออกไปฆ่ามัน!”ตอนนี้เป็นโอกาสของพวกเขาที่จะลงมือนี่คือโอกาสที่ท่านอ๋องและพระชายาสร้างขึ้นเพื่อทำการตอบโต้!แม้คนเหล่านี้จะมีความสามารถไม่มากนัก แต่ตอนนี้พวกเขาเกือบตายในอารามนี้แล้ว และทุกคนก็เก็บความหวาดหวั่นไว้ในใจเพื่อเป็นพลังเสียงตะโกนแห่งการสังหารยังคงดำเนินต่อไป และคนของตระกูลเจียวเหล่านั้นต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส ประกอบกับการจู่โจมที่น่าเกรงขามของหลิ่วจ
ความมืดทำให้พวกเขามีที่กำบังที่ดีแม้บางคนจะสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถมองเห็นหนอนกู่ตัวเล็ก ๆ เช่นนี้ได้เย่เสวียนถิงคว้าดาบมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ พลางโอบซูชิงอู่ไว้ในมือข้างหนึ่ง และอีกมือหนึ่งก็สกัดกั้นลูกธนูที่พุ่งเข้ามาหลังจากที่ซูชิงอู่ขว้างขวดไป เขาก็พานางไปที่กำแพงอีกฝั่งหนึ่งที่ค่อนข้างปกปิดได้ดี และต่อต้านการโจมตีของนักธนูที่อยู่ด้านบนไปด้วยขณะนี้ ทหารของในตระกูลเจียวที่บุกเข้ามาจากประตูวัดรู้สึกปั่นปวนและไม่สบายใจเพราะแมงมุมม่ายสวรรค์ซูชิงอู่เลิกคิ้วเล็กน้อย มองผู้คนเหล่านั้นที่วิ่งหนีไปราวกับพวกเขาเห็นผี นางก็ยิ้มมุมปากโดยอัตโนมัติทว่าคนที่อยู่ตรงนั้นก็มีปฏิกิริยาเช่นกัน และคนที่เป็นผู้นำก็ตะโกนเสียงดังทันที “จดจ่อกับการป้องกันและสังหารคนสองคนที่ออกมาเมื่อครู่นี้เสีย!”ผู้ที่ไม่ได้ถูกแมงมุมม่ายสวรรค์กัดตายก็เข้ามาหาทันทีโชคดีที่ขึ้นไปบนภูเขาได้ทันท่วงที และเส้นทางแคบจึงมีคนไม่มากนักที่จะขึ้นมาได้ในคราวเดียวเย่เสวียนถิงยืนขวางทางอยู่เพียงคนเดียวคู่กับดาบหนึ่งเล่ม เหมือนกับบุรุษผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าศัตรูนับหมื่น一夫当关万夫莫开的架势บรรดาผู้ที่ร
นอกจากนี้จำนวนฝ่ายตรงข้ามยังมากกว่าจำนวนคนฝั่งเราอีกด้วย ไม่ต้องพูดถึงนักธนู ต้องมีศัตรูมาจากด้านล่างเพื่อมารอปิดประตูตีแมวแน่ ๆหลิ่วจ้งอิ๋นประหม่าและหันศีรษะไปมองซูชิงอู่โดยไม่รู้ตัว“พระชายา ท่านคงมีทางแก้ไขแล้วแน่ พวกเราควรทำอย่างไรกันดี?”เมื่อถูกนักธนูยิงกดธนูกดดันเอาไว้ พวกเขาก็ไม่สามารถออกไปได้เลย อีกทั้งทุกคนก็อยู่ในสภาพที่ไม่มีพลังงานพอให้ใช้แม้แต่ฉินชานก็มองนางด้วยเช่นกัน และผู้คนรอบตัวนางก็มีดวงตาที่เปล่งประกายด้วยความคาดหวังซูชิงอู่มองไปที่ดวงตาของทุกคน และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าทุกคนได้ฝากความหวังไว้กับนางนางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงน้ำหนักบนไหล่ของนางที่ไม่อาจมองข้ามได้เย่เสวียนถิงแอบจับมือนาง ราวกับเขาสังเกตเห็นบางสิ่งแปลก ๆ เกี่ยวกับนางความอบอุ่นจากมือใหญ่ทำให้ซูชิงอู่กลับมามีสติอีกครั้ง นางเงยหน้ามองออกไปข้างนอก ดวงตาของนางเริ่มเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกถึงความสำเร็จอย่างมากตอนนี้นางได้กลายเป็นกระดูกสันหลังของคนหลายพันคน และหนึ่งในการตัดสินใจของนางอาจต้องรับผิดชอบต่อชีวิตและความตายของทุกคนในชีวิตก่อนของนาง นางเป็นเพียงสตรีนางหนึ่งที่อาศัยอยู่ใน
ขณะที่ซูชิงอู่กำลังจะพาคนของนางลงจากภูเขา นางก็ได้ยินเสียงทหารของเมืองฉีที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกวิ่งเข้ามาทันทีน้ำเสียงของเขาดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด และน้ำเสียงของเขาก็เร่งขึ้นมากเช่นกัน “พระชายา...จู่ ๆ ข้างนอกก็มีคนประมาณสองพันปรากฎตัวพ่ะย่ะค่ะ!”ซูชิงอู่มีท่าทีสงสัยเล็กน้อย“สองพันคน…มาจากไหนกัน?”“ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่ชุดเกราะที่คนเหล่านั้นสวมใส่นั้นแตกต่างจากชุดของกระหม่อมและทหารคุ้มกันเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ…”จู่ ๆ เย่เสวียนถิงก็พูดอยู่ข้าง ๆ นาง “เป็นคนของตระกูลเจียว”ซูชิงอู่เคยได้ยินมาว่าเจียวกุ้ยเฟยมีพี่สามซึ่งอยู่ข้างนอกและไม่เคยกลับมายังเมืองหลวงเลยดังนั้นเมื่อทุกคนในตระกูลเจียวถูกจับ ก็มีบางคนที่เล็ดลอดผ่านตาข่ายไปได้และครั้งนี้เจียวกุ้ยเฟยหนีออกจากวัง นางต้องได้รับการช่วยเหลือและชี้แนะจากบุคคลนี้ท่าทางของซูชิงอู่เคร่งขรึมเล็กน้อย “คนสองพันคน มีความได้เปรียบในด้านตัวเลข มากกว่าพวกเราถึงสองเท่า”คนอื่น ๆ เองก็เริ่มกังวล และทุกคนก็มองไปที่ซูชิงอู่อย่างเงียบ ๆท่าทีของหลิ่วจ้งอิ๋นค่อนข้างนิ่งเฉย “คนหนึ่งพันต่อสองพันคน จะสู้อย่างไร?”ทันใดนั้น ลูกธนูจำนวนมากก็พุ่งลงมาเฉ
“อุก…”ยาเม็ดในปากของสตรีนางนั้นละลายทันทีช่วงเวลาต่อมานางก็รู้สึกเป็นตะคริวที่ท้องอย่างรุนแรงสตรีนางนั้นนอนเกลือกกลิ้งอยู่กับพื้น มีเสียงกรีดร้องออกมาจากปากของนาง และไม่นาน ก็มีแอ่งเลือดปรากฏขึ้นใต้ร่างของนางมันก็เป็นแค่กองเลือดเด็กที่ยังไม่มีรูปร่างไม่สามารถเรียกว่าทารกในครรภ์ได้ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครคาดคิดว่าเด็กคนนี้จะเกิดมาเดิมทีซูชิงอู่คิดจะมอบสตรีนางนี้ให้กับเย่ชิวหมิง และปล่อยให้เขาจัดการกับนางด้วยตัวเอง แต่มาคิด ๆ ดูแล้วไม่เอาดีกว่าคำพูดของเย่เสวียนถิงช่วยเตือนสตินางการตัดรากถอนโคนยังน่าพึงพอใจมากกว่าเย่ชิวหมิงเป็นคนขี้ใจอ่อนไม่เด็ดขาด หากเจียวกุ้ยเฟยไม่ได้ทำอะไรผิดร้ายแรง เขาคงไม่มีใจที่จะลงมือโจมตีนางในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจะต้องเก็บเด็กคนนี้ไว้อย่างแน่นอนแม้ตอนนี้หว่านเอ๋อร์จะตั้งครรภ์ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตนางจะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ นางกำลังคิดหาวิธีรักษาแผลในช่องท้องของนางอยู่ อีกไม่นานก็จะบรรลุผลเจ้าสำนักชีฮุ่ยซินเฝ้าดูอย่างช่วยอะไรไม่ได้ ขณะที่สตรีผู้มีใบหน้าขององค์หญิงจาวหยวนนอนอยู่บนพื้นและในที่สุดก็ไม่เคลื่อนไหวหนึ่งเม็ด หนึ่งร
หญิงสาวมีท่าทีตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดนางเหงื่อออกมากด้วยความเจ็บปวด และถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “มีอะไรบกพร่องหรือ?”ตอนนี้จับคนได้แล้ว ซูชิงอู่จึงไม่รีบร้อนอีกต่อไปและตอบคำถามของนางอย่างอดทน“เจ้าไม่ติดตามเรื่องนี้ นอกจากเจ้าอยากแสดงความใจกว้างให้เป็นที่ประจักษ์แล้ว เจ้าก็ยังอยากให้ข้าและคนอื่น ๆ ออกจากสำนักชีฮุ่ยชิงโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องของเจ้าถูกเปิดเผย”หลังจากเดาได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ สตรีนางนั้นก็เงียบไปทันทีหลังจากหยุดไปชั่วครู่ นางก็กล่าวเสริม “นี่พิสูจน์อะไรไม่ได้ บางทีองค์หญิงจาวหยวนอาจอุทิศตนเพื่อพระพุทธองค์และมีความเมตตากระมัง?”ซูชิงอู่หัวเราะเบา ๆ“น่าเสียดายที่ข้าไม่เชื่อว่าจะมีใครทำเช่นนี้ได้จริง ๆ ”นางได้เห็นความชั่วร้ายสุดขีดในโลกนี้มาแล้วและยังคงกังขาต่อความดีของธรรมชาติของมนุษย์อย่างมากนี่คือเหตุผลสำคัญที่สุดว่าทำไมสตรีตรงหน้านางถึงถูกเปิดเผยยิ่งไปกว่านั้นนางเองก็สามารถปลอมตัวได้ แต่คนอื่น ๆ ไม่สามารถทำได้องค์หญิงปลอมรู้ว่าคราวนี้นางหนีไม่พ้น นางได้จับใบหน้าเหี่ยวย่นเอาไว้ ส่วนมือที่หักก็ยกขึ้นมาครึ่งหนึ่งก่อนที่จะคุกเข่าลงกับพื้น她顶