หลี่ผินส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง ริมฝีปากของนางสั่นเทานางคุกเข่าลงบนพื้น ตัวสั่นไปทั้งตัว พร้อมทั้งหน้าถอดสีฮ่องเต้เฒ่าหรี่ตาลงทันที “หลี่ผิน สิ่งที่ไทเฮาตรัสเป็นเรื่องจริงหรือ?”“ไม่จริง ไม่จริงเพคะ...”ฮ่องเต้ตรัสถาม “ไทเฮา พระองค์ตรัสว่าหลี่ผินมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น แต่ลูกไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”ไทเฮาทรงก้มหน้าลงพลางถอนหายใจ“เดิมทีหม่อมฉันไม่อยากพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงได้สั่งให้คนอื่นปิดเงียบเอาไว้และแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คราวนี้หลี่ผินทำการลอบสังหารฝ่าบาท หม่อมฉันเองก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เข้ามา...”พระนางสั่งกะทันหันหลังจากนั้นไม่นาน หมอหลวงก็ถูกคนพาเข้ามาสีหน้าของหมอหลวงยิ่งไม่สู้ดีมากขึ้น ริมฝีปากของเขาซีด และตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อมองไปที่ไทเฮา“พูดมา เจ้าสมคบคิดกับหลี่ผินตั้งแต่เมื่อไหร่? จงทูลฮ่องเต้อย่างละเอียดทุกประการ!”เมื่อหลี่ผินได้ยินเช่นนั้น นางก็มองไปที่หมอหลวงที่ถูกจับตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความเหลือเชื่อคนคนนี้เป็นหมอหลวงที่คอยดูแลนางอยู่บ่อย ๆ และทั้งสองคนก็...คุ้นเคยกันดีจริง ๆเพราะครอบครัวทั้งสองของพวกเขามีภูมิหลังที่คล้าย
ฮ่องเต้เฒ่าตรัสถามก่อน “วิธีอะไร?”ซูชิงอู่ยิ้มแล้วพูดว่า “ตามวิธีโบราณในตำรับยาของตระกูลฟาง มีวิธีระบุญาติโดยการหยดเลือดซึ่งสามารถใช้เพื่อระบุว่าเลือดมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่เพคะ”หลังจากได้ยินเช่นนั้น ไทเฮาก็ทรงส่งเสียงอย่างเย็นชา “ข้าเคยได้ยินวิธีนี้อยู่ แต่นั่นต้องรอให้เด็กเกิดไม่ใช่หรือ?”ซูชิงอู่พยักหน้า “ใช่เพคะ เช่นนั้นก็ต้องรอจนกว่าเด็กจะเกิด”ไทเฮา “...”มุมปากของพระนางกระตุกและทรงจ้องเขม็งไปที่ซูชิงอู่ “วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลหรอก อีกทั้งหากจะรอให้เด็กในท้องของนางคลอดออกมาก็ต้องใช้เวลาถึงครึ่งปี นางบังอาจลอบสังหารฮ่องเต้ จะให้นางมีชีวิตอยู่อีกได้อย่างไร!”ซูชิงอู่เลิกคิ้ว “แม้แต่อาชญากรร้ายแรงก็ยังถูกลงโทษประหารในช่วงหลังฤดูใบไม้ร่วง แต่กับเด็กในครรภ์ของหลี่ผินที่มีโอกาสเป็นโอรสของฮ่องเต้ ไทเฮาจะทรงรออีกหน่อยไม่ได้เลยหรือเพคะ?”“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…”ไทเฮากำลังจะปกป้องตัวเอง แต่พระนางก็ได้ยินฮ่องเต้ตรัสขึ้นมา “ข้าเห็นด้วยกับคำพูดของชิงอู่ เนื่องจากเราต้องรอจนกว่าเด็กจะเกิดออกมา ก่อนที่จะทำการตัดสินใดใดก็ให้จำคุกหลี่ผินไว้ก่อน!”“พ่ะย่ะค่ะ!”องครักษ์ที่อยู่ด้านหล
ดูเหมือนซูชิงอู่กับเย่เสวียนถิงจะถูกคนส่งมาเพื่อเอาชนะนางไม่รู้ว่านางไปเอายาเลอะเทอะพวกนั้นมาจากไหน!ตอนนี้ในหัวใจของไทเฮากำลังเกิดคลื่นลูกใหญ่ แต่ใบหน้าของพระนางยังคงสงบพระนางทอดพระเนตรมองไปที่ฮ่องเต้แล้วตรัสว่า “หม่อมฉันไม่เคยคิดที่จะทำร้ายฝ่าบาทเลยเพคะ”“ไม่เคยคิดหรือพ่ะย่ะค่ะ? แล้วเรื่องมือสังหารจะทรงอธิบายอย่างไร? หรือไทเฮาทรงพยายามอย่างมากในการนำมือสังหารเข้ามาในวังเพียงเพื่อทำให้กระหม่อมกลัว”ต้องบอกว่าฮ่องเต้ทรงเดาถูกแล้วไทเฮากำลังทำให้เขากลัวเพื่อที่จะให้เย่อวิ๋นถูขึ้นทำหน้าที่โดยเร็วที่สุดพระนางทรงหลุบตาลง มีสีเข้มแวววาบไปทั่วดวงตาของพระนางอีกด้านหนึ่ง การสอบสวนผู้ลอบสังหารได้สิ้นสุดลงแล้ว“ทูลฝ่าบาท ผู้ลอบสังหารคนนั้นสารภาพแล้วว่าไทเฮาทรงเป็นผู้ส่งเขาไปแทงฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”หัวใจของฮ่องเต้ชราเหมือนกำลังจมลงสู่ก้นทะเลสาบบรรดาเสนาบดีที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็รู้สึกโศกเศร้าเมื่อได้ยินเช่นนั้นดูเหมือนว่าไทเฮาจะทรงหนีไม่รอดแล้วแม้ฮ่องเต้จะทรงเคารพพระนาง แต่ก็ไม่ได้เคารพมากพอที่จะเปิดเผยเรื่องนี้โดยตรงไทเฮาทรงหลุบตาลงและตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เป็นฝีมือของหม่อมฉั
การทำงานให้กับองค์ชายใหญ่ก็ถือว่าไว้ใจได้ ดังนั้นเมื่อซูชิงอู่กลับมาที่จวนอ๋อง นางก็เห็นพระพุทธรูปทองคำองค์นี้ที่นางโลภอยากได้แทบตายแม้ช่วงนี้นางจะทำเงินได้มากมายจากบรรดาสนมในวังโดยใการขายน้ำยาประทินผิว แต่เงินเพียงเล็กน้อยก็ยังไม่ดีเท่ากับการได้รับพระพุทธรูปทองคำนางมองแล้วมองอีก รู้สึกชอบมากจนไม่สามารถวางมันลงได้เย่เสวียนถิงมองท่าทางของซูชิงอู่ สุดท้ายก็เห็นความเป็นเด็กน้อยผ่านภาษากายของนางตั้งแต่แต่งงานกับเขา บุคลิกทั้งหมดของซูชิงอู่ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปแม้จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็มีบางอย่างซ่อนอยู่ในดวงตาของนางที่เขาไม่เข้าใจอยู่เสมอความมืดหม่นและความเศร้าหมองที่ไม่เคยหายไปจากดวงตาของนาง แม้แต่เขาก็ดูเหมือนจะไม่สามารถสัมผัสส่วนลึกที่สุดของหัวใจนางได้เย่เสวียนถิงไม่รู้ว่าซูชิงอู่เคยผ่านอะไรมาบ้างแต่สิ่งที่ทำให้นางเปลี่ยนไปมากมายก็คงเป็นเพราะเหตุการณ์ที่นางถูกโจรลักพาตัวโชคดีที่เย่เสวียนถิงส่งคนมาปกป้องซูชิงอู่ และรู้ว่านางไม่ได้รับอันตรายมากนัก ดังนั้นเขาจึงเพียงคิดว่านางคงจะรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์นั้นเย่เสวียนถิงยืนอยู่ข้างหลังนาง คลี่ยิ้มเบา ๆ แล้วถามว่า
นางเคยพูดไว้นี่ บนโลกนี้จะมีคนใจดีขนาดนั้นได้อย่างไรอีกฝ่ายมอบสิ่งของล้ำค่าให้นางทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันด้วยซ้ำนางไม่ใช่คนโง่ อันที่จริงนางสงสัยมานานแล้ว ตอนนั้นที่หอหมื่นสมบัตินางถูกเด็กชายจากตระกูลมู่หรงมารบกวน เหตุใดองครักษ์ลับถึงไม่ปรากฎตัวตั้งแต่คราแรก และเขามาบังเอิญอยู่ใกล้ ๆ ได้อย่างไร...ที่แท้ก็วางแผนไว้ล่วงหน้าทั้งหมดแล้วนี่เอง!เย่เสวียนถิงมองดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยซูชิงอู่ จากนั้นเขาก็แตะจมูกตัวเองด้วยความเขินอายเขาเงยหน้าเล็กน้อยและพูดขอโทษ “อาอู่ เป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรโกหกเจ้าเลย ข้ารู้แค่ว่าเจ้าชอบสิ่งของพวกนั้นมาก ข้าจึงปล่อยให้มันตกไปอยู่ในมือของคนอื่นไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น...หนึ่งในนั้นมีของที่เจ้าให้ข้าด้วย”ซูชิงอู่มีสีหน้าโกรธเคือง “ดีที่ข้าปิดเอาไว้ แต่จริง ๆ ท่านรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าข้าจะให้อะไรท่าน? แบบนี้มันก็ไม่น่าตื่นเต้นแล้วสิ น่าเบื่อชะมัด!”เย่เสวียนถิงยิ้มและจูบนางที่แก้มเมื่อรู้ว่านางไม่ได้โกรธจริง ๆ ดวงตาของเย่เสวียนถิงก็ฉายแววอ่อนโยนพ่อบ้านที่เห็นก็ตะลึงตาค้าง หันกลับมาและพยายามคิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์ล่องหนการทำเป็นไม
หมายความว่าแม่ของเย่เสวียนถิงไม่ใช่นางกำนัล แต่เป็นสมาชิกของตระกูลเสนาบดีเซี่ย!ซูชิงอู่กะพริบตา “ท่านอ๋อง ข้าสับสนนิดหน่อย”เย่เสวียนถิงยิ้มเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น เขาลากนางมานั่งที่เก้าอี้ และเลื่อนขนมที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้มาตรงหน้านาง“เรื่องเช่นนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะพูดไม่ได้ แม่ของข้าเป็นบุตรที่เกิดจากอนุของตระกูลเสนาบดีเซี่ย และต่อมานางก็ได้เข้าวังและกลายเป็นนางกำนัล ส่วนหอหมื่นสมบัตินี้ มันเป็นของแม่ข้าทั้งหมด นอกเหนือจากสายเลือดแล้ว นางก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลเสนาบดีเซี่ยเลย ฉะนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับคำพูดพวกนั้นมากนัก พวกเขาแค่คนหน้าเงิน ข้าคร้านจะสนใจ”หลังจากที่เย่เสวียนถิงช่วยคลายความสับสนของซูชิงอู่ หัวใจของนางก็กลับสู่ความปกติอีกครั้งเพราะถึงอย่างไรไทเฮาเองก็เป็นสมาชิกของตระกูลเสนาบดีเซี่ยเช่นกัน หากตระกูลเสนาบดีเซี่ยมาข้องเกี่ยวกับเย่เสวียนถิง ตอนที่ต้องจัดการกับพระนางก็คงจะลำบากใจมากแน่ ๆ“เช่นนั้นก็ดี ข้าก็คิดว่า...”เย่เสวียนถิงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย “ข้าไม่ค่อยชอบใจตระกูลเสนาบดีเซี่ยมากนัก ดังนั้นอาอู่ไม่ต้องคิดมาก”ซูชิงอู่ยิ้มมุมปากแ
มีผู้คนมากมายอยู่ข้างนอกเย่อวิ๋นถูอยู่บนรถม้าไม่ได้ลงมาแต่อย่างใด อีกทั้งยังนำองครักษ์จากจวนอ๋องของตนมาคุ้มกันล้อมรอบไว้ด้วยประตูใหญ่ถูกล้อมไว้แน่นหนา พนักงานที่ช่วยงานอยู่ข้างในต่างก็หวาดกลัวจนตัวสั่นเมื่อประตูห้องเปิดออก ชายชราซึ่งเป็นเจ้าของร้านแห่งหอหมื่นสมบัติก็ออกมา เขาพูดกับเย่อวิ๋นถูที่อยู่บนรถม้าด้วยความเคารพว่า “องค์ชายสาม นายท่านของพวกเราเชิญท่านเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ”ใบหน้าของเย่อวิ๋นถูแข็งทื่อเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นแม้เขาจะไม่สบอารมณ์เพราะภาพวาดปลอมและจงใจพาคนมาที่นี่เพื่อแสดงพลังอำนาจของเขา แต่เขาก็ไม่กล้าทำอะไรกับหอหมื่นสมบัติจริง ๆ หรอกเพราะถึงอย่างไร หอหมื่นสมบัติก็ไม่ได้มีเพียงแห่งเดียวในเมืองหลวงได้ยินมาว่าเจ้าของหอหมื่นสมบัติร่ำรวยมากและเป็นเป้าหมายของราชวงศ์ในหลายแคว้นเย่อวิ๋นถูถูกประคองลงจากรถม้าเขาเปลี่ยนมานั่งรถเข็น และมีคนคอยเข็นรถให้จนผ่านเข้าประตูไป“นายท่านของเจ้าไม่ค่อยปรากฏตัวใช่ไหม? ครั้งนี้ข้ามาได้เวลาเหมาะเจาะเสียจริง”เจ้าของร้านยิ้ม “นายท่านของเราโชคดีมากที่ได้พบองค์ชายสาม โปรดตามกระหม่อมมาพ่ะย่ะค่ะ”ตลอดทางจนถึงชั้นสาม สุดท้ายเย่
“ถึงกระนั้น เนื่องจากภาพวาดในหอหมื่นสมบัติของท่าน ข้าจึงได้รับความสูญเสียอย่างหนัก หวังว่าท่านเจ้าของหอจะชดเชยอะไรให้ข้าบ้าง!”เย่อวิ๋นถูสวมบทองค์ชาย โดยตั้งใจที่จะทำให้อีกฝ่ายเกรงกลัวจุดประสงค์ของเขาชัดเจนมาก นั่นคือต้องการเงินคืนจากหอหมื่นสมบัติเพื่อให้เพียงพอต่อชดเชยความเสียหายในครั้งนี้ทว่าเย่เสวียนถิงไม่ฟังเขาแม้แต่น้อย“กฎของหอหมื่นสมบัติคือเราจะไม่รับผิดชอบต่อสินค้าใดหลังจากที่ขายไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เย่อวิ๋นถูคาดไม่ถึงว่าท่าทางของอีกฝ่ายจะแข็งกร้าวเช่นนี้ เขาพูดอย่างเย็นชา “ท่านเจ้าของหอเชื่อหรือไม่ว่าข้าทำให้กิจการในเมืองหลวงของท่านปิดตัวได้?”เย่เสวียนถิง “เชิญ”เย่อวิ๋นถู “...”แม้ใช้ทั้งไม้แข็งและไม้อ่อนแต่เย่อวิ๋นถูก็ไม่สามารถทำอะไรกับอีกฝ่ายได้ยิ่งท่าทางของอีกฝ่ายดื้อรั้นมากเท่าไร เย่อวิ๋นถูก็ยิ่งกล้าแสดงอาการหุนหันพลันแล่นน้อยลงเท่านั้นอย่างไรก็ตาม ในฐานะองค์ชาย เขาจะยอมให้คนอื่นเหยียบหัวเขาได้อย่างไร?แม้เขาต้องการซื้อภาพวาดด้วยตัวเอง แต่เขาก็จ่ายไปเป็นจำนวนมาก แต่อีกฝ่ายกลับขายของปลอมให้เขา ซึ่งถือว่าเป็นความผิดครั้งใหญ่มันทำให้เขาเสียหน้าในงานเลี้ยงวันเกิ