ซูเฟยสับสน “ต้องทำอย่างไร?”ซูชิงอู่หัวเราะเบา ๆ “ถึงอย่างไรชื่อเสียงของท่านหญิงในเมืองหลวงก็เสียหายไปพอสมควรแล้ว ขอเพียงบอกองค์ชายสามว่าหลินเสวี่ยอิ๋งได้ชิงสุกก่อนห่ามมีมลทินแล้ว เขาจะยังแต่งงานกับนางอีกหรือเพคะ?”ซูเฟยตกตะลึงและมองไปที่ซูชิงอู่อย่างว่างเปล่า“หรือจะให้ท่านหญิงออกบวช องค์ชายสามก็คงจะไม่แต่งนักบวชหญิงเข้ามาเป็นพระชายาหรอกเพคะ”วิธีแก้ปัญหาที่ซูชิงอู่เสนอนั้นอุกอาจมากกว่าครั้งก่อนแต่สิ่งที่นางพูดนั้นตรงประเด็นและดูมีประสิทธิภาพมากไม่ว่าจะทำลายชื่อเสียงหรือออกบวช แม้จะทำให้ลำบากไปหน่อย แต่ก็เป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาและน่าจะมีผลลัพธ์ที่ดี“แต่…”ซูเฟยรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องทว่าซูชิงอู่กลับหัวเราะขึ้นเบา ๆ “พระนางควรทราบไว้ว่าในใต้หล้านี้ไม่มีวิธีที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับผลประโยชน์ทั้งคู่ ขอท่านโปรดนำวิธีการของหม่อมฉันไปบอกกล่าวท่านราชครู แล้วท่านราชครูจะแก้ไขปัญหานั้นเองเพคะ”ซูเฟยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นซูชิงอู่พูดอย่างมั่นใจ “ฝั่งท่านพี่น่าจะสบายดี แต่พี่สะใภ้ใหญ่ของข้า…”“ฮูหยินหลินย่อมไม่เห็นด้วย นางต้องการให้ลูกสาวของนางแต่งงานในตระกูลชั้นสูงแล
เมื่อฮ่องเต้เฒ่าเห็นซูชิงอู่เข้ามา ใบหน้าของเขาก็ขรึมลง“พระชายาเสวียน บอกข้ามา เจ้าก่อเรื่องอะไรในวัง?”ซูชิงอู่แสดงสีหน้าตกตะลึงแล้วพูดอย่างเสียใจ “เสด็จพ่อ ชิงอู่ไม่รู้ว่าพระองค์กำลังตรัสถึงอะไรเพคะ”“ดูพวกนางสิ ใบหน้าของพวกนางเสียโฉมเช่นนี้ก็เพราะน้ำยาประทินผิวของเจ้า เบิกตาดูให้ดี!”เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้เฒ่าทรงกริ้วมากสตรีงามในวังหลังแห่งนี้ แม้คนที่เขาไม่เคยแตะต้อง ก็ล้วนเป็นของเขาทั้งสิ้นณ ตอนนี้ทุกคนต่างก็กลายสภาพเป็นเหมือนผีร้ายเช่นนี้จนเขารู้สึกอยากเบือนหน้าหนีซูชิงอู่เลิกคิ้ว “หากเสด็จพ่อตรัสเช่นนั้น หม่อมฉันเองก็สงสัยว่าตอนนี้คนส่วนใหญ่ในวังต่างก็ใช้น้ำยาประทินผิวของหม่อมฉัน เหตุใดพวกเขาถึงไม่เป็นอะไร แต่กลับมีเพียงพวกนางที่เกิดปัญหาเพคะ?”ฮ่องเต้เฒ่าพูดอย่างเคร่งขรึม “แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไร?”ซูชิงอู่เม้มริมฝีปากเล็กน้อย “ในเมื่อพระองค์ก็ไม่ทราบสาเหตุ เหตุใดถึงตรัสว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับน้ำยาประทินผิวของหม่อมฉันล่ะเพคะ? ทรงมีหลักฐานอะไรบ้างหรือไม่เพคะ?”“เจ้า...เอาแต่เถียงข้าง ๆ คู ๆ !”ฮ่องเต้เฒ่ามีดวงตาขรึมเข้มและสีหน้าเย็นชาทันใดนั้นนางสนมคนหนึ่งก็เงยห
“ฝ่าบาทได้โปรดคืนความยุติธรรมให้ด้วยเพคะ!”“พระชายาเสวียนมีจิตใจชั่วร้าย นางหมายเอาชีวิตของหม่อมฉันและคนอื่น ๆ เพคะ...”“บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่พระสนมซูเฟยชี้แนะให้นางทำ นางต้องการใช้วิธีนี้เพื่อให้ได้รับความโปรดปรานเพคะ!”ซูเฟยโกรธมากเมื่อได้ยินคำพูดที่คนเหล่านั้นพูดอย่างพล่อย ๆ กล่าวหาว่านางมีจิตใจชั่วร้ายยังพอทน แต่การบอกว่านางต้องการได้รับความโปรดปรานนั่นหมายความว่าอย่างไร?นางอยากจะไปแย่งชิงความโปรดปรานตอนไหนกัน!นางรีบเดินไปยืนบังซูชิงอู่เอาไว้“ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เป็นฝีมือของหม่อมฉัน อีกทั้งพระชายาเสวียนก็มอบน้ำยาประทินผิวนี้ให้กับพระสนมเต๋อเฟยเท่านั้น คนเหล่านี้กรูกันไปสอบถามข้อมูลและรับน้ำยาที่พระสนมเต๋อเฟยทำขึ้นมา แล้วมันจะเกี่ยวชิงอู่ได้อย่างไรล่ะเพคะ?”นางหยุดชะงักแล้วพูดว่า “ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ลองทอดพระเนตรที่พระสนมสิเพคะ ตอนนี้หน้าตาของนางดูเป็นอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับปกติเพคะ?”เมื่อเต๋อเฟยได้ยินซูเฟยพูดถึงตัวเอง นางก็เงยหน้าขึ้นทันทีเห็นได้ชัดว่านางเป็นสตรีในวัยสี่สิบ แต่ตอนนี้นางดูเหมือนคนอายุยี่สิบกลาง ๆ นางดูมีเสน่ห์มาก ผิวที่ขาวใสเรียบเนียนทำให้ใบหน้
หมอหลวงซุนคิดอยู่ครู่หนึ่ง “บางทีผิวของพวกนางอาจไม่ต้านทานต่อคุณสมบัติทางยาของน้ำยาประทินผิวนี้ แต่ผลลัพธ์นี้อาจหมายความว่าพวกนางเพียงโชคไม่ดีเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”นางสนมหลิวหน้าถอดสี“ฝ่าบาท หมอหลวงซุนพูดอะไรน่ะเพคะ หมายความว่าเรื่องนี้จะถูกตัดสินว่าเป็นอุบัติเหตุหรือเพคะ?”เต๋อเฟยที่ตอนนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าบริสุทธิ์ น้ำเสียงของนางก็แข็งกร้าวขึ้น“แล้วจะให้เป็นอย่างไรเล่า? เจ้ายืนกรานที่จะขอน้ำยาประทินผิวจากข้าให้ได้ ในบรรดาฝ่ายในทั้งหมด มีเพียงพวกเจ้าไม่กี่คนที่มีปัญหา คนอื่น ๆ ก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนกับข้า ข้าให้น้ำยาประทินผิวเหล่านั้นด้วยความหวังดีแท้ ๆ แต่พวกเจ้าก็กลายเป็นเช่นนั้นเสียเอง แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับข้าและพระชายาเสวียนเล่า?”คำพูดของเต๋อเฟยทำให้สนมหลิวตัวสั่นไปทั้งตัวนางกัดฟันและดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธสนมหลิวปิดหน้าร้องไห้เสียงดัง “ฝ่าบาท โปรดทรงจัดการเรื่องนี้ให้หม่อมฉันและเหล่าพี่สาวน้องสาวด้วยนะเพคะ ทรงอย่าปล่อยให้พวกนางปัดความรับผิดชอบ มิฉะนั้นหม่อมฉันจะขอตายในพระตำหนักหย่างซินแห่งนี้ พระองค์ต้องช่วยคลี่คลายความคับข้องใจให้เหล่าพี่สาวน้องสาวนะเพคะ..."หลัง
มีผิวหนังส่วนใบหน้าอยู่!เสียงกรีดร้องของสนมหลิวยังคงก้องอยู่ในหู และฮ่องเต้เฒ่าก็รู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างระเบิดต่อหน้าต่อตาเขาวิสัยทัศน์ของเขาค่อย ๆ มืดลง เขาตกใจมากกับเหตุการณ์ตรงหน้าจนลุกขึ้นจากบัลลังก์“ซูชิงอู่ จะ...เจ้ากำลังทำอะไร!”ซูชิงอู่ยืนนิ่งนางเปิดเผยตัวตนของคนเหล่านี้ต่อหน้าฮ่องเต้โดยมีจุดประสงค์เพื่อจับพวกเขาทั้งหมดคนเหล่านี้คือศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ในวังเวลานี้ใบหน้าของสนมหลิวอาบไปด้วยเลือดแม้จะเป็นใบหน้าปลอม แต่มันก็ติดอยู่กับร่างกายของนางโดยใช้วิธีลับซึ่งแข็งแรงมากถึงจะมีส่วนที่เน่าเปื่อยไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังใช้งานได้อยู่แต่ตอนนี้ที่ซูชิงอู่ได้ฉีกมันออกแล้ว ความเจ็บปวดที่ได้รับนั้นไม่ต่างจากการฉีกชั้นผิวหนังจริงของนางซูชิงอู่หันมาพร้อมกับโยนเศษชิ้นเนื้อที่เปื้อนเลือดลงบนโต๊ะตรงหน้าฮ่องเต้นางพูดต่อโดยไม่หันกลับมามอง “ฝ่าบาทอย่าได้ทรงเป็นกังวล โปรดทรงตรวจดูก่อนเพคะว่าชื้นเนื้อนี้ทำมาจากอะไร”เลือดและรอยเน่าเปื่อยบนหน้าปลอมทำเอาฮ่องเต้เฒ่าอาเจียนเป็นเวลานานแต่ก็ทรงหยิบพู่กันมาและใช้ปลายด้ามพู่กันจิ้มวัตถุนั้นเบา ๆ ทันใดนั้นรูม่านตาของเขาก็หดตัวลงทันที
ขณะที่ซูชิงอู่เผชิญหน้ากับคนสองคนที่วิ่งเข้ามาหานางพร้อมกับกรงเล็บในมือ สีหน้าของนางกลับไม่ไหวติง ดวงตาของฮ่องเต้เฒ่าเบิกกว้าง “หลีกไป!”ในสายตาของเขา ซูชิงอู่กำลังจะตายหลังจากนั้นเขาคงเป็นรายถัดไปใครจะคิดว่าฆาตกรจะอยู่ในหมู่นางสนมของเขา เมื่อฮ่องเต้เฒ่าคิดถึงเรื่องนี้เขาก็ตัวชาโชคดีที่นางสนมเหล่านี้ยากที่จะได้เข้าเฝ้าและรับความโปรดปรานจากเขาฮ่องเต้เฒ่าจ้องไปที่แผ่นหลังบาง ๆ ของซูชิงอู่ พร้อมกับครุ่นคิดหลายสิ่งในใจแต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร เขาก็ไม่อยากที่จะไปยืนบังซูชิงอู่ไว้เพราะในใจของเขาคิดว่าตนคือฮ่องเต้และเป็นเรื่องปกติที่ไม่ว่าใครก็จะต้องเสียสละเพื่อเขาแม้อีกฝ่ายจะอุ้มท้องหลานชายในอนาคตก็ตามแต่ชั่วครู่ต่อมา ฮ่องเต้เฒ่าก็ได้ยินเสียงกรีดร้องสองเสียงเสียงกรีดร้องไม่ได้มาจากซูชิงอู่ แต่มาจากนางสนมทั้งสองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเมื่อฮ่องเต้เฒ่ากลับมามีสติและมองดู เขาก็เห็นศีรษะของคนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าซูชิงอู่ ถูกแทงด้วยดาบอันแหลมคม และเลือดนั้นก็กระเซ็นใส่ใบหน้าของซูชิงอู่ซูชิงอู่ที่เป็นคนลงมือหยิบมีดสั้นทั้งสองเล่มออกจากหัวของพวกนางอย่างใจเย็น แล้วตั้งท่าพร้อมมีดในมื
ซูชิงอู่กระซิบ “ข้าจัดการเองได้”เย่เสวียนถิงเม้มปาก “หากเกิดอะไรขึ้นจะเป็นอย่างไร? เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่นะ...แม้เจ้าจะไม่ได้ตั้งครรภ์ แต่หากเจ้าได้รับบาดเจ็บจะทำอย่างไรเล่า?”ความกังวลในดวงตาของเขาดูเหมือนจะเอ่อล้นออกมา ซูชิงอู่ที่เห็นก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นางจึงหอมแก้มเขาอย่างอ่อนโยนคำพูดที่เหลือของเย่เสวียนถิงติดอยู่ในลำคอของเขาทันทีนางยิ้มแย้มพลางลดเสียงลงและพูดว่า “เหตุการณ์คลี่คลายแล้ว เอาไว้เราค่อยคุยกันหลังจากที่กลับไปก็ได้ ฮ่องเต้ยังทรงอยู่ตรงนี้นะ…”ยามนี้ใบหน้าของฮ่องเต้เฒ่าซีดเซียว“นี่พวกเจ้าสองคนทำบ้าอะไรกันแน่? คนพวกนี้มาจากไหน?”ซูชิงอู่เชิดหน้าขึ้นและพูดด้วยเสียงราบเรียบ “เรื่องนี้ฝ่าบาทคงต้องตรัสถามกับท่านราชครูแล้วล่ะเพคะ”“ราชครู? ท่านราชครูทำอะไร!”ซูชิงอู่เลิกคิ้วเล็กน้อย “เพราะคนเหล่านี้ใช้วิธีการปลอมตัวเช่นเดียวกับท่านราชครูเพคะ และแม้ว่าน้ำยาประทินผิวของหม่อมฉันจะไม่มีส่งผลอื่นใด แต่มันก็ได้รับการคิดค้นมาเป็นพิเศษสำหรับใบหน้าปลอมประเภทนี้ และหม่อมฉันก็ใช้มันได้อย่างถูกต้องเพคะ”ฮ่องเต้เฒ่าตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อสิ่งในที่นางพูด“เจ้าหมายความว่านั่
ทรงตรัสต่อ “หากท่านราชครูไม่มีความผิด พวกเขาทั้งสองจะถูกโบยคนละห้าสิบไม้ แต่เนื่องจากพระชายาเสวียนกำลังตั้งครรภ์ อ๋องเสวียนต้องเป็นคนรับโทษห้าสิบครั้งของนางแทน”เย่เสวียนถิงหรี่ตาลง แต่ไม่ได้พูดอะไรซูชิงอู่รู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดี การที่อีกฝ่ายแน่ใจว่าน้ำยาประทินผิวของนางจะไม่เป็นผล นั่นหมายความว่าเขาต้องมีตัวช่วยขณะที่นางกำลังจะพูด นางก็ได้ยินเย่เสวียนถิงพูดว่า “ในทางตรงกันข้าม หากท่านราชครูมีความผิดจริง โปรดทรงประทานอนุญาตให้ลูกนำเขาไปประหารทันทีด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”“ย่อมได้”ฮ่องเต้เฒ่าพยักหน้ายอมรับคำขอของเย่เสวียนถิงตอนนี้ราชครูและเย่เสวียนถิงอยู่ตรงข้ามกัน การเดิมพันของพวกเขาเกี่ยวพันกับความเป็นและความตายหากโดนท่อนไม้ขนาดใหญ่ฟาดไปนับร้อยหน ไม่ว่าร่างกายจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่สามารถทนได้ และมีโอกาสมากที่จะถูกทุบตีจนตายซูชิงอู่จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลนางเม้มปากพลางคว้าแขนของเย่เสวียนถิง แล้วส่ายหัวใส่เขาเบา ๆ“ข้าเกรงว่าท่านราชครูอาจมีวิธีบางอย่าง ถึงตอนนั้น…”เย่เสวียนถิงส่ายหัวให้นาง ยื่นมือไปลูบหัวนางอย่างปลอบโยน“ไม่ต้องกังวล ไม่มีเรื่องอะไรหรอก”ซูชิงอู่หลุบสายตา