นางใช้นิ้วจิกพื้น เล็บแซะลงไปเล็กน้อยเมื่ออู๋หลางได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเบา ๆ“ถ้าข้าพบเส้นชีพจรมังกรของแคว้นหนานเย่จริง ๆ ต่อไปเจ้าจะได้รับความดีความชอบอย่างแน่นอน ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า เพราะเจ้ายังคงเป็นน้องสาวผู้แสนดีของข้า…”ในที่สุดซูเชียนหลิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเชื่อคำพูดของนางนี่เป็นวิธีที่ซูชิงอู่บอกเพื่อให้นางมีชีวิตรอด แม้ว่านางจะไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือไม่ แต่นางก็ต้องลอง...นางอยากมีชีวิตอยู่ แม้ว่าชีวิตนางจะทรมานเสียยิ่งกว่าตาย แต่นางก็ไม่อยากตาย!ตราบใดที่นางคว้าโอกาสนี้ไว้ได้ นางจะต้อง...จู่ ๆ อู๋หลางก็พูดขึ้นว่า “ข้าจะจัดคนไปตรวจสอบความจริง ตอนนั้นเจ้าจะต้องมานำทางเรา”เมื่อซูเชียนหลิงได้ยินสิ่งนี้ นางก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง นี่นั่นย่อมมีกับดักมากมายรอนางอยู่ที่นั่น บางทีหากนางไปที่นั่นแล้ว...นางอาจไม่ได้กลับมาอีก......เนื่องจากทั้งฉีเทียนหยวนและอู๋หลาง องค์ชายจากต่างแคว้นล้วนได้รับบาดเจ็บในระหว่างนี้พวกเขาจึงพักฟื้นอยู่ในที่พักของตัวเองในช่วงเวลานี้ ฮ่องเต้เฒ่าได้จัดหาภาพเหมือนของสตรีงามจากตระกูลชนชั้นส
อย่างไรก็ตาม ซูเฟยยังคิดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับนางครั้งก่อน และพี่ใหญ่ของนางก็ยืนหยัดเพื่อนาง นางยังคิดถึงว่าหลินเสวี่ยอิ๋งเป็นลูกสาวคนเดียวของพี่ใหญ่ของนาง แม้จะลำบากใจแต่ก็กล่าวว่า "พี่สะใภ้ ท่านกลับไปก่อน ข้าจะหาวิธีแก้ปัญหาเอง”ฮูหยินหลินคว้าแขนเสื้อ "หม่อมฉันจะไม่กลับ เว้นแต่ท่านจะรับปาก ซูเฟยท่านต้องคิดให้ดี เสวี่ยอิงถูกเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด็ก หากนางถูกบังคับให้แต่งงานไปแดนไกล นางต้องรับไม่ไหวแน่!"ซูเฟยต้องการดึงมือของนางออกจากแขนเสื้อ แต่ดึงไม่ออกในทันทีท้ายที่สุดแล้วฮูหยินหลินก็รู้วิชากังฟู และแข็งแกร่งกว่าสตรีทั่วไป“นี่เป็นเรื่องใหญ่ ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเสวี่ยอิ๋ง พี่สะใภ้วางใจได้”“ก็ได้ หม่อมฉันจะรอฟังข่าวดีจากพระนางอยู่ที่บ้าน หม่อมฉันหวังว่าท่านจะไม่ทำให้ตระกูลผิดหวัง หากเสวี่ยอิ๋งแต่งงานออกไป พี่ชายท่านคงจะเสียใจมาก...”ในที่สุดซูเฟยก็ส่งนางกลับไปได้ นางนั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า ยกมือกุมขมับและบีบนวดตรงหว่างคิ้วนางคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วในที่สุดก็ลืมตาขึ้น ก่อนกล่าวว่า "ไปเรียกพระชายามาพบข้า"กว่าซูชิงอู่มาถึงตำหนัก เวลาก็ล่วงเลยเข้ายามบ่ายไปแล้ว
ซูเฟยสับสน “ต้องทำอย่างไร?”ซูชิงอู่หัวเราะเบา ๆ “ถึงอย่างไรชื่อเสียงของท่านหญิงในเมืองหลวงก็เสียหายไปพอสมควรแล้ว ขอเพียงบอกองค์ชายสามว่าหลินเสวี่ยอิ๋งได้ชิงสุกก่อนห่ามมีมลทินแล้ว เขาจะยังแต่งงานกับนางอีกหรือเพคะ?”ซูเฟยตกตะลึงและมองไปที่ซูชิงอู่อย่างว่างเปล่า“หรือจะให้ท่านหญิงออกบวช องค์ชายสามก็คงจะไม่แต่งนักบวชหญิงเข้ามาเป็นพระชายาหรอกเพคะ”วิธีแก้ปัญหาที่ซูชิงอู่เสนอนั้นอุกอาจมากกว่าครั้งก่อนแต่สิ่งที่นางพูดนั้นตรงประเด็นและดูมีประสิทธิภาพมากไม่ว่าจะทำลายชื่อเสียงหรือออกบวช แม้จะทำให้ลำบากไปหน่อย แต่ก็เป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาและน่าจะมีผลลัพธ์ที่ดี“แต่…”ซูเฟยรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องทว่าซูชิงอู่กลับหัวเราะขึ้นเบา ๆ “พระนางควรทราบไว้ว่าในใต้หล้านี้ไม่มีวิธีที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับผลประโยชน์ทั้งคู่ ขอท่านโปรดนำวิธีการของหม่อมฉันไปบอกกล่าวท่านราชครู แล้วท่านราชครูจะแก้ไขปัญหานั้นเองเพคะ”ซูเฟยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นซูชิงอู่พูดอย่างมั่นใจ “ฝั่งท่านพี่น่าจะสบายดี แต่พี่สะใภ้ใหญ่ของข้า…”“ฮูหยินหลินย่อมไม่เห็นด้วย นางต้องการให้ลูกสาวของนางแต่งงานในตระกูลชั้นสูงแล
เมื่อฮ่องเต้เฒ่าเห็นซูชิงอู่เข้ามา ใบหน้าของเขาก็ขรึมลง“พระชายาเสวียน บอกข้ามา เจ้าก่อเรื่องอะไรในวัง?”ซูชิงอู่แสดงสีหน้าตกตะลึงแล้วพูดอย่างเสียใจ “เสด็จพ่อ ชิงอู่ไม่รู้ว่าพระองค์กำลังตรัสถึงอะไรเพคะ”“ดูพวกนางสิ ใบหน้าของพวกนางเสียโฉมเช่นนี้ก็เพราะน้ำยาประทินผิวของเจ้า เบิกตาดูให้ดี!”เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้เฒ่าทรงกริ้วมากสตรีงามในวังหลังแห่งนี้ แม้คนที่เขาไม่เคยแตะต้อง ก็ล้วนเป็นของเขาทั้งสิ้นณ ตอนนี้ทุกคนต่างก็กลายสภาพเป็นเหมือนผีร้ายเช่นนี้จนเขารู้สึกอยากเบือนหน้าหนีซูชิงอู่เลิกคิ้ว “หากเสด็จพ่อตรัสเช่นนั้น หม่อมฉันเองก็สงสัยว่าตอนนี้คนส่วนใหญ่ในวังต่างก็ใช้น้ำยาประทินผิวของหม่อมฉัน เหตุใดพวกเขาถึงไม่เป็นอะไร แต่กลับมีเพียงพวกนางที่เกิดปัญหาเพคะ?”ฮ่องเต้เฒ่าพูดอย่างเคร่งขรึม “แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไร?”ซูชิงอู่เม้มริมฝีปากเล็กน้อย “ในเมื่อพระองค์ก็ไม่ทราบสาเหตุ เหตุใดถึงตรัสว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับน้ำยาประทินผิวของหม่อมฉันล่ะเพคะ? ทรงมีหลักฐานอะไรบ้างหรือไม่เพคะ?”“เจ้า...เอาแต่เถียงข้าง ๆ คู ๆ !”ฮ่องเต้เฒ่ามีดวงตาขรึมเข้มและสีหน้าเย็นชาทันใดนั้นนางสนมคนหนึ่งก็เงยห
“ฝ่าบาทได้โปรดคืนความยุติธรรมให้ด้วยเพคะ!”“พระชายาเสวียนมีจิตใจชั่วร้าย นางหมายเอาชีวิตของหม่อมฉันและคนอื่น ๆ เพคะ...”“บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่พระสนมซูเฟยชี้แนะให้นางทำ นางต้องการใช้วิธีนี้เพื่อให้ได้รับความโปรดปรานเพคะ!”ซูเฟยโกรธมากเมื่อได้ยินคำพูดที่คนเหล่านั้นพูดอย่างพล่อย ๆ กล่าวหาว่านางมีจิตใจชั่วร้ายยังพอทน แต่การบอกว่านางต้องการได้รับความโปรดปรานนั่นหมายความว่าอย่างไร?นางอยากจะไปแย่งชิงความโปรดปรานตอนไหนกัน!นางรีบเดินไปยืนบังซูชิงอู่เอาไว้“ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เป็นฝีมือของหม่อมฉัน อีกทั้งพระชายาเสวียนก็มอบน้ำยาประทินผิวนี้ให้กับพระสนมเต๋อเฟยเท่านั้น คนเหล่านี้กรูกันไปสอบถามข้อมูลและรับน้ำยาที่พระสนมเต๋อเฟยทำขึ้นมา แล้วมันจะเกี่ยวชิงอู่ได้อย่างไรล่ะเพคะ?”นางหยุดชะงักแล้วพูดว่า “ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ลองทอดพระเนตรที่พระสนมสิเพคะ ตอนนี้หน้าตาของนางดูเป็นอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับปกติเพคะ?”เมื่อเต๋อเฟยได้ยินซูเฟยพูดถึงตัวเอง นางก็เงยหน้าขึ้นทันทีเห็นได้ชัดว่านางเป็นสตรีในวัยสี่สิบ แต่ตอนนี้นางดูเหมือนคนอายุยี่สิบกลาง ๆ นางดูมีเสน่ห์มาก ผิวที่ขาวใสเรียบเนียนทำให้ใบหน้
หมอหลวงซุนคิดอยู่ครู่หนึ่ง “บางทีผิวของพวกนางอาจไม่ต้านทานต่อคุณสมบัติทางยาของน้ำยาประทินผิวนี้ แต่ผลลัพธ์นี้อาจหมายความว่าพวกนางเพียงโชคไม่ดีเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”นางสนมหลิวหน้าถอดสี“ฝ่าบาท หมอหลวงซุนพูดอะไรน่ะเพคะ หมายความว่าเรื่องนี้จะถูกตัดสินว่าเป็นอุบัติเหตุหรือเพคะ?”เต๋อเฟยที่ตอนนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าบริสุทธิ์ น้ำเสียงของนางก็แข็งกร้าวขึ้น“แล้วจะให้เป็นอย่างไรเล่า? เจ้ายืนกรานที่จะขอน้ำยาประทินผิวจากข้าให้ได้ ในบรรดาฝ่ายในทั้งหมด มีเพียงพวกเจ้าไม่กี่คนที่มีปัญหา คนอื่น ๆ ก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนกับข้า ข้าให้น้ำยาประทินผิวเหล่านั้นด้วยความหวังดีแท้ ๆ แต่พวกเจ้าก็กลายเป็นเช่นนั้นเสียเอง แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับข้าและพระชายาเสวียนเล่า?”คำพูดของเต๋อเฟยทำให้สนมหลิวตัวสั่นไปทั้งตัวนางกัดฟันและดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธสนมหลิวปิดหน้าร้องไห้เสียงดัง “ฝ่าบาท โปรดทรงจัดการเรื่องนี้ให้หม่อมฉันและเหล่าพี่สาวน้องสาวด้วยนะเพคะ ทรงอย่าปล่อยให้พวกนางปัดความรับผิดชอบ มิฉะนั้นหม่อมฉันจะขอตายในพระตำหนักหย่างซินแห่งนี้ พระองค์ต้องช่วยคลี่คลายความคับข้องใจให้เหล่าพี่สาวน้องสาวนะเพคะ..."หลัง
มีผิวหนังส่วนใบหน้าอยู่!เสียงกรีดร้องของสนมหลิวยังคงก้องอยู่ในหู และฮ่องเต้เฒ่าก็รู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างระเบิดต่อหน้าต่อตาเขาวิสัยทัศน์ของเขาค่อย ๆ มืดลง เขาตกใจมากกับเหตุการณ์ตรงหน้าจนลุกขึ้นจากบัลลังก์“ซูชิงอู่ จะ...เจ้ากำลังทำอะไร!”ซูชิงอู่ยืนนิ่งนางเปิดเผยตัวตนของคนเหล่านี้ต่อหน้าฮ่องเต้โดยมีจุดประสงค์เพื่อจับพวกเขาทั้งหมดคนเหล่านี้คือศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ในวังเวลานี้ใบหน้าของสนมหลิวอาบไปด้วยเลือดแม้จะเป็นใบหน้าปลอม แต่มันก็ติดอยู่กับร่างกายของนางโดยใช้วิธีลับซึ่งแข็งแรงมากถึงจะมีส่วนที่เน่าเปื่อยไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังใช้งานได้อยู่แต่ตอนนี้ที่ซูชิงอู่ได้ฉีกมันออกแล้ว ความเจ็บปวดที่ได้รับนั้นไม่ต่างจากการฉีกชั้นผิวหนังจริงของนางซูชิงอู่หันมาพร้อมกับโยนเศษชิ้นเนื้อที่เปื้อนเลือดลงบนโต๊ะตรงหน้าฮ่องเต้นางพูดต่อโดยไม่หันกลับมามอง “ฝ่าบาทอย่าได้ทรงเป็นกังวล โปรดทรงตรวจดูก่อนเพคะว่าชื้นเนื้อนี้ทำมาจากอะไร”เลือดและรอยเน่าเปื่อยบนหน้าปลอมทำเอาฮ่องเต้เฒ่าอาเจียนเป็นเวลานานแต่ก็ทรงหยิบพู่กันมาและใช้ปลายด้ามพู่กันจิ้มวัตถุนั้นเบา ๆ ทันใดนั้นรูม่านตาของเขาก็หดตัวลงทันที
ขณะที่ซูชิงอู่เผชิญหน้ากับคนสองคนที่วิ่งเข้ามาหานางพร้อมกับกรงเล็บในมือ สีหน้าของนางกลับไม่ไหวติง ดวงตาของฮ่องเต้เฒ่าเบิกกว้าง “หลีกไป!”ในสายตาของเขา ซูชิงอู่กำลังจะตายหลังจากนั้นเขาคงเป็นรายถัดไปใครจะคิดว่าฆาตกรจะอยู่ในหมู่นางสนมของเขา เมื่อฮ่องเต้เฒ่าคิดถึงเรื่องนี้เขาก็ตัวชาโชคดีที่นางสนมเหล่านี้ยากที่จะได้เข้าเฝ้าและรับความโปรดปรานจากเขาฮ่องเต้เฒ่าจ้องไปที่แผ่นหลังบาง ๆ ของซูชิงอู่ พร้อมกับครุ่นคิดหลายสิ่งในใจแต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร เขาก็ไม่อยากที่จะไปยืนบังซูชิงอู่ไว้เพราะในใจของเขาคิดว่าตนคือฮ่องเต้และเป็นเรื่องปกติที่ไม่ว่าใครก็จะต้องเสียสละเพื่อเขาแม้อีกฝ่ายจะอุ้มท้องหลานชายในอนาคตก็ตามแต่ชั่วครู่ต่อมา ฮ่องเต้เฒ่าก็ได้ยินเสียงกรีดร้องสองเสียงเสียงกรีดร้องไม่ได้มาจากซูชิงอู่ แต่มาจากนางสนมทั้งสองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเมื่อฮ่องเต้เฒ่ากลับมามีสติและมองดู เขาก็เห็นศีรษะของคนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าซูชิงอู่ ถูกแทงด้วยดาบอันแหลมคม และเลือดนั้นก็กระเซ็นใส่ใบหน้าของซูชิงอู่ซูชิงอู่ที่เป็นคนลงมือหยิบมีดสั้นทั้งสองเล่มออกจากหัวของพวกนางอย่างใจเย็น แล้วตั้งท่าพร้อมมีดในมื