ซูชิงอู่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ตอนนี้หม่อมฉันยังพูดไม่ได้ รออีกไม่กี่วันจะรู้เอง”นางและเย่เสวียนถิงมองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายเย่เสวียนถิงเลิกคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาเดาได้ชัดเจนว่านางกำลังจะทำอะไรหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากวังและเข้าไปในรถม้าแล้ว เย่เสวียนถิงก็ลดเสียงลงกระซิบข้างหูของนาง “กำลังสืบสวนราชครูเฒ่าอยู่หรือ?”ซูชิงอู่พยักหน้า “เนื่องจากราชครูเฒ่าสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาได้ และช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอื่นใด ข้าเดาว่าเขาคงกำลังวางแผนอะไรอย่างลับ ๆ”เย่เสวียนถิงจุมพิตลงบนหน้าผากของซูชิงอู่อย่างแผ่วเบา“อาอู่ฉลาดจริง ๆ”ซูชิงอู่เงยหน้าขึ้นมองด้วยรอยยิ้ม “ในยานั้นมีสิ่งที่สามารถกัดกร่อนวัสดุที่ใช้ทำหน้ากากปลอมได้ คนธรรมดาจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ แต่มันสัมผัสกับวัสดุพวกนั้นแล้วล่ะก็…”รอยยิ้มชั่วร้ายส่องประกายผ่านดวงตาของนาง เย่เสวียนถิงพยักหน้าและจับมือของซูชิงอู่ไว้แน่น “ข้าจะจัดให้คนในวังคอยจับตาดู จะจับพวกที่มีความผิดปกติทั้งหมดทีเดียว!”ทั้งสองคนไม่ชอบที่จะนั่งรอความตาย ราชครูปลอมที่เป็นภัยร้ายแรงขนาดนี้ จะประมาทไม่ได้เด็ดขาดยิ่งกว่า
นางใช้นิ้วจิกพื้น เล็บแซะลงไปเล็กน้อยเมื่ออู๋หลางได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเบา ๆ“ถ้าข้าพบเส้นชีพจรมังกรของแคว้นหนานเย่จริง ๆ ต่อไปเจ้าจะได้รับความดีความชอบอย่างแน่นอน ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า เพราะเจ้ายังคงเป็นน้องสาวผู้แสนดีของข้า…”ในที่สุดซูเชียนหลิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเชื่อคำพูดของนางนี่เป็นวิธีที่ซูชิงอู่บอกเพื่อให้นางมีชีวิตรอด แม้ว่านางจะไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือไม่ แต่นางก็ต้องลอง...นางอยากมีชีวิตอยู่ แม้ว่าชีวิตนางจะทรมานเสียยิ่งกว่าตาย แต่นางก็ไม่อยากตาย!ตราบใดที่นางคว้าโอกาสนี้ไว้ได้ นางจะต้อง...จู่ ๆ อู๋หลางก็พูดขึ้นว่า “ข้าจะจัดคนไปตรวจสอบความจริง ตอนนั้นเจ้าจะต้องมานำทางเรา”เมื่อซูเชียนหลิงได้ยินสิ่งนี้ นางก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง นี่นั่นย่อมมีกับดักมากมายรอนางอยู่ที่นั่น บางทีหากนางไปที่นั่นแล้ว...นางอาจไม่ได้กลับมาอีก......เนื่องจากทั้งฉีเทียนหยวนและอู๋หลาง องค์ชายจากต่างแคว้นล้วนได้รับบาดเจ็บในระหว่างนี้พวกเขาจึงพักฟื้นอยู่ในที่พักของตัวเองในช่วงเวลานี้ ฮ่องเต้เฒ่าได้จัดหาภาพเหมือนของสตรีงามจากตระกูลชนชั้นส
อย่างไรก็ตาม ซูเฟยยังคิดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับนางครั้งก่อน และพี่ใหญ่ของนางก็ยืนหยัดเพื่อนาง นางยังคิดถึงว่าหลินเสวี่ยอิ๋งเป็นลูกสาวคนเดียวของพี่ใหญ่ของนาง แม้จะลำบากใจแต่ก็กล่าวว่า "พี่สะใภ้ ท่านกลับไปก่อน ข้าจะหาวิธีแก้ปัญหาเอง”ฮูหยินหลินคว้าแขนเสื้อ "หม่อมฉันจะไม่กลับ เว้นแต่ท่านจะรับปาก ซูเฟยท่านต้องคิดให้ดี เสวี่ยอิงถูกเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด็ก หากนางถูกบังคับให้แต่งงานไปแดนไกล นางต้องรับไม่ไหวแน่!"ซูเฟยต้องการดึงมือของนางออกจากแขนเสื้อ แต่ดึงไม่ออกในทันทีท้ายที่สุดแล้วฮูหยินหลินก็รู้วิชากังฟู และแข็งแกร่งกว่าสตรีทั่วไป“นี่เป็นเรื่องใหญ่ ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเสวี่ยอิ๋ง พี่สะใภ้วางใจได้”“ก็ได้ หม่อมฉันจะรอฟังข่าวดีจากพระนางอยู่ที่บ้าน หม่อมฉันหวังว่าท่านจะไม่ทำให้ตระกูลผิดหวัง หากเสวี่ยอิ๋งแต่งงานออกไป พี่ชายท่านคงจะเสียใจมาก...”ในที่สุดซูเฟยก็ส่งนางกลับไปได้ นางนั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า ยกมือกุมขมับและบีบนวดตรงหว่างคิ้วนางคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วในที่สุดก็ลืมตาขึ้น ก่อนกล่าวว่า "ไปเรียกพระชายามาพบข้า"กว่าซูชิงอู่มาถึงตำหนัก เวลาก็ล่วงเลยเข้ายามบ่ายไปแล้ว
ซูเฟยสับสน “ต้องทำอย่างไร?”ซูชิงอู่หัวเราะเบา ๆ “ถึงอย่างไรชื่อเสียงของท่านหญิงในเมืองหลวงก็เสียหายไปพอสมควรแล้ว ขอเพียงบอกองค์ชายสามว่าหลินเสวี่ยอิ๋งได้ชิงสุกก่อนห่ามมีมลทินแล้ว เขาจะยังแต่งงานกับนางอีกหรือเพคะ?”ซูเฟยตกตะลึงและมองไปที่ซูชิงอู่อย่างว่างเปล่า“หรือจะให้ท่านหญิงออกบวช องค์ชายสามก็คงจะไม่แต่งนักบวชหญิงเข้ามาเป็นพระชายาหรอกเพคะ”วิธีแก้ปัญหาที่ซูชิงอู่เสนอนั้นอุกอาจมากกว่าครั้งก่อนแต่สิ่งที่นางพูดนั้นตรงประเด็นและดูมีประสิทธิภาพมากไม่ว่าจะทำลายชื่อเสียงหรือออกบวช แม้จะทำให้ลำบากไปหน่อย แต่ก็เป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาและน่าจะมีผลลัพธ์ที่ดี“แต่…”ซูเฟยรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องทว่าซูชิงอู่กลับหัวเราะขึ้นเบา ๆ “พระนางควรทราบไว้ว่าในใต้หล้านี้ไม่มีวิธีที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับผลประโยชน์ทั้งคู่ ขอท่านโปรดนำวิธีการของหม่อมฉันไปบอกกล่าวท่านราชครู แล้วท่านราชครูจะแก้ไขปัญหานั้นเองเพคะ”ซูเฟยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นซูชิงอู่พูดอย่างมั่นใจ “ฝั่งท่านพี่น่าจะสบายดี แต่พี่สะใภ้ใหญ่ของข้า…”“ฮูหยินหลินย่อมไม่เห็นด้วย นางต้องการให้ลูกสาวของนางแต่งงานในตระกูลชั้นสูงแล
เมื่อฮ่องเต้เฒ่าเห็นซูชิงอู่เข้ามา ใบหน้าของเขาก็ขรึมลง“พระชายาเสวียน บอกข้ามา เจ้าก่อเรื่องอะไรในวัง?”ซูชิงอู่แสดงสีหน้าตกตะลึงแล้วพูดอย่างเสียใจ “เสด็จพ่อ ชิงอู่ไม่รู้ว่าพระองค์กำลังตรัสถึงอะไรเพคะ”“ดูพวกนางสิ ใบหน้าของพวกนางเสียโฉมเช่นนี้ก็เพราะน้ำยาประทินผิวของเจ้า เบิกตาดูให้ดี!”เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้เฒ่าทรงกริ้วมากสตรีงามในวังหลังแห่งนี้ แม้คนที่เขาไม่เคยแตะต้อง ก็ล้วนเป็นของเขาทั้งสิ้นณ ตอนนี้ทุกคนต่างก็กลายสภาพเป็นเหมือนผีร้ายเช่นนี้จนเขารู้สึกอยากเบือนหน้าหนีซูชิงอู่เลิกคิ้ว “หากเสด็จพ่อตรัสเช่นนั้น หม่อมฉันเองก็สงสัยว่าตอนนี้คนส่วนใหญ่ในวังต่างก็ใช้น้ำยาประทินผิวของหม่อมฉัน เหตุใดพวกเขาถึงไม่เป็นอะไร แต่กลับมีเพียงพวกนางที่เกิดปัญหาเพคะ?”ฮ่องเต้เฒ่าพูดอย่างเคร่งขรึม “แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไร?”ซูชิงอู่เม้มริมฝีปากเล็กน้อย “ในเมื่อพระองค์ก็ไม่ทราบสาเหตุ เหตุใดถึงตรัสว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับน้ำยาประทินผิวของหม่อมฉันล่ะเพคะ? ทรงมีหลักฐานอะไรบ้างหรือไม่เพคะ?”“เจ้า...เอาแต่เถียงข้าง ๆ คู ๆ !”ฮ่องเต้เฒ่ามีดวงตาขรึมเข้มและสีหน้าเย็นชาทันใดนั้นนางสนมคนหนึ่งก็เงยห
“ฝ่าบาทได้โปรดคืนความยุติธรรมให้ด้วยเพคะ!”“พระชายาเสวียนมีจิตใจชั่วร้าย นางหมายเอาชีวิตของหม่อมฉันและคนอื่น ๆ เพคะ...”“บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่พระสนมซูเฟยชี้แนะให้นางทำ นางต้องการใช้วิธีนี้เพื่อให้ได้รับความโปรดปรานเพคะ!”ซูเฟยโกรธมากเมื่อได้ยินคำพูดที่คนเหล่านั้นพูดอย่างพล่อย ๆ กล่าวหาว่านางมีจิตใจชั่วร้ายยังพอทน แต่การบอกว่านางต้องการได้รับความโปรดปรานนั่นหมายความว่าอย่างไร?นางอยากจะไปแย่งชิงความโปรดปรานตอนไหนกัน!นางรีบเดินไปยืนบังซูชิงอู่เอาไว้“ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เป็นฝีมือของหม่อมฉัน อีกทั้งพระชายาเสวียนก็มอบน้ำยาประทินผิวนี้ให้กับพระสนมเต๋อเฟยเท่านั้น คนเหล่านี้กรูกันไปสอบถามข้อมูลและรับน้ำยาที่พระสนมเต๋อเฟยทำขึ้นมา แล้วมันจะเกี่ยวชิงอู่ได้อย่างไรล่ะเพคะ?”นางหยุดชะงักแล้วพูดว่า “ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ลองทอดพระเนตรที่พระสนมสิเพคะ ตอนนี้หน้าตาของนางดูเป็นอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับปกติเพคะ?”เมื่อเต๋อเฟยได้ยินซูเฟยพูดถึงตัวเอง นางก็เงยหน้าขึ้นทันทีเห็นได้ชัดว่านางเป็นสตรีในวัยสี่สิบ แต่ตอนนี้นางดูเหมือนคนอายุยี่สิบกลาง ๆ นางดูมีเสน่ห์มาก ผิวที่ขาวใสเรียบเนียนทำให้ใบหน้
หมอหลวงซุนคิดอยู่ครู่หนึ่ง “บางทีผิวของพวกนางอาจไม่ต้านทานต่อคุณสมบัติทางยาของน้ำยาประทินผิวนี้ แต่ผลลัพธ์นี้อาจหมายความว่าพวกนางเพียงโชคไม่ดีเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”นางสนมหลิวหน้าถอดสี“ฝ่าบาท หมอหลวงซุนพูดอะไรน่ะเพคะ หมายความว่าเรื่องนี้จะถูกตัดสินว่าเป็นอุบัติเหตุหรือเพคะ?”เต๋อเฟยที่ตอนนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าบริสุทธิ์ น้ำเสียงของนางก็แข็งกร้าวขึ้น“แล้วจะให้เป็นอย่างไรเล่า? เจ้ายืนกรานที่จะขอน้ำยาประทินผิวจากข้าให้ได้ ในบรรดาฝ่ายในทั้งหมด มีเพียงพวกเจ้าไม่กี่คนที่มีปัญหา คนอื่น ๆ ก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนกับข้า ข้าให้น้ำยาประทินผิวเหล่านั้นด้วยความหวังดีแท้ ๆ แต่พวกเจ้าก็กลายเป็นเช่นนั้นเสียเอง แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับข้าและพระชายาเสวียนเล่า?”คำพูดของเต๋อเฟยทำให้สนมหลิวตัวสั่นไปทั้งตัวนางกัดฟันและดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธสนมหลิวปิดหน้าร้องไห้เสียงดัง “ฝ่าบาท โปรดทรงจัดการเรื่องนี้ให้หม่อมฉันและเหล่าพี่สาวน้องสาวด้วยนะเพคะ ทรงอย่าปล่อยให้พวกนางปัดความรับผิดชอบ มิฉะนั้นหม่อมฉันจะขอตายในพระตำหนักหย่างซินแห่งนี้ พระองค์ต้องช่วยคลี่คลายความคับข้องใจให้เหล่าพี่สาวน้องสาวนะเพคะ..."หลัง
มีผิวหนังส่วนใบหน้าอยู่!เสียงกรีดร้องของสนมหลิวยังคงก้องอยู่ในหู และฮ่องเต้เฒ่าก็รู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างระเบิดต่อหน้าต่อตาเขาวิสัยทัศน์ของเขาค่อย ๆ มืดลง เขาตกใจมากกับเหตุการณ์ตรงหน้าจนลุกขึ้นจากบัลลังก์“ซูชิงอู่ จะ...เจ้ากำลังทำอะไร!”ซูชิงอู่ยืนนิ่งนางเปิดเผยตัวตนของคนเหล่านี้ต่อหน้าฮ่องเต้โดยมีจุดประสงค์เพื่อจับพวกเขาทั้งหมดคนเหล่านี้คือศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ในวังเวลานี้ใบหน้าของสนมหลิวอาบไปด้วยเลือดแม้จะเป็นใบหน้าปลอม แต่มันก็ติดอยู่กับร่างกายของนางโดยใช้วิธีลับซึ่งแข็งแรงมากถึงจะมีส่วนที่เน่าเปื่อยไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังใช้งานได้อยู่แต่ตอนนี้ที่ซูชิงอู่ได้ฉีกมันออกแล้ว ความเจ็บปวดที่ได้รับนั้นไม่ต่างจากการฉีกชั้นผิวหนังจริงของนางซูชิงอู่หันมาพร้อมกับโยนเศษชิ้นเนื้อที่เปื้อนเลือดลงบนโต๊ะตรงหน้าฮ่องเต้นางพูดต่อโดยไม่หันกลับมามอง “ฝ่าบาทอย่าได้ทรงเป็นกังวล โปรดทรงตรวจดูก่อนเพคะว่าชื้นเนื้อนี้ทำมาจากอะไร”เลือดและรอยเน่าเปื่อยบนหน้าปลอมทำเอาฮ่องเต้เฒ่าอาเจียนเป็นเวลานานแต่ก็ทรงหยิบพู่กันมาและใช้ปลายด้ามพู่กันจิ้มวัตถุนั้นเบา ๆ ทันใดนั้นรูม่านตาของเขาก็หดตัวลงทันที
คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร
หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ
ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง
เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก
เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก
เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ
ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ
หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา
“นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้