เมื่อซูชิงอู่ได้ยินว่ามีคนจากจวนอัครเสนาบดีมา นางก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะไม่ใช่ว่านางเก็บสิ่งที่ไทเฮาตรัสไว้มาคิด แต่ช่วงนี้นางยุ่งมากจนไม่มีเวลา“ไปสิ ทำไมจะไม่ไปล่ะ? พอดีเลย ข้าเองก็มีเรื่องจะพูดกับคนผู้นั้นอยู่มากทีเดียว”เมื่ออวิ๋นจื่อได้ยินซูชิงอู่เรียกอัครเสนาบดีซูว่าคนผู้นั้น นางก็รู้ว่าพระชายาของนางไม่พอใจเพียงใด“เพคะ เช่นนี้หม่อมฉันจะไปตอบกลับคำเชิญ”“ไม่ต้อง”ซูชิงอู่ห้ามนาง “ให้เขารอข้างนอกนั่นแหละ”ตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ปล่อยให้พ่อบ้านที่มาส่งข้อความยืนรออีกสักหน่อยก็คงไม่เสียหายกว่าซูชิงอู่จะจัดของเสร็จและออกจากห้อง เวลาก็ผ่านไปสองชั่วโมงแล้วทำเอาพ่อบ้านเกือบจะแข็งตายในที่สุดเมื่อเห็นซูชิงอู่ออกมา เขาก็ถูขาที่แข็งด้วยความหนาวแล้วพูดว่า “เร็ว ๆ รีบพาพระชายากลับจวน!”ประตูทางเข้าซูและสวนจวนตระกูลซูนั้นดูรกร้างเล็กน้อยเดิมทีมันครอบครองตำแหน่งที่ตั้งดีที่สุด แต่ตอนนี้กลับมีแต่ความรู้สึกหดหู่แม้แต่ใยแมงมุมตรงจุดเชื่อมประตูก็ไม่มีการทำความสะอาดพ่อบ้านเปิดประตูแล้วตะโกนเข้าไปข้างในทันที “พระชายากลับมาแล้ว!”คนรับใช้ในจวนตระกูลซูรีบออกมายืนทั้งสองฝั่งอย่าง
ดวงตาของอัครเสนาบดีซูเบิกกว้าง มือที่ถือถ้วยชากำลังสั่นสุดท้ายถ้วยชาในมือของเขาก็ตกแตกเป็นชิ้น ๆ“เจ้า…รู้หมดทุกอย่างแล้ว?”ซูชิงอู่พยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ ข้าเคยได้ยินเรื่องนี้มา ท่านแม่มีคนมาตามเกี้ยวมากมาย แต่สุดท้ายคนที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเช่นท่านกลับได้สาวงามไปครอบครอง คนอื่นคงอิจฉาท่านแย่เลย!”ดวงตาของนางเย็นชาและน้ำเสียงของนางก็เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยอัครเสนาบดีซูรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงกระดูกสันหลัง ความลับที่เก็บไว้ลึกสุดใจของเขาถูกเปิดเผย นั่นทำให้หน้าของเขาเริ่มแดง“ชิงอู่ เรื่องพวกนั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว พ่อกับแม่ของเจ้ารักกันมานานหลายปี ไม่เช่นนั้นคงไม่มีพวกเจ้าออกมาหรอก”ทันใดนั้นซูชิงอู่ก็ตบฝ่ามือลงบนโต๊ะ และเสียงอันก้องกังวานก็สั่นหัวใจของอัครเสนาบดีซู“จะเป็นไปได้อย่างไร สิ่งที่ตระกูลซูของท่านทำกับแม่ของข้า แม้จะทำให้พวกท่านหายไปก็ยังไม่พอ แม้ท่านจะใช้วิธีดังกล่าวเพื่อให้ได้นางมา ท่านก็ยังคงไม่ทะนุถนอมนาง!”ดวงตาของอัครเสนาบดีซูแดงก่ำทันทีเขาอายุห้าสิบปีแล้ว แต่ตอนนี้เขากำลังร้องไห้ ร่างกายของเขาดูทรุดโทรม เหมือนคนที่ทำผิดแล้วเสียใจภายหลัง“พ่อต้องขอโทษแม่ของเจ้าด้
ซูชิงอู่มองหญิงชรานิสัยเสียและอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ“ตระกูลซูช่างน่าสนใจจริง ๆ ผู้นำตระกูลเฒ่าจิตใจโหดเหี้ยม ประสงค์ร้ายกับหญิงสาวผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ฮูหยินเฒ่าก็รู้สึกว่าตนถูกแย่งลูกชายไปจึงแอบแทงคนอื่นข้างหลังเพื่อทำลายชื่อเสียงของพวกเขา รวมไปถึงซูอู่...ภรรยากำลังท้องแต่กลับออกไปหาคู่นอน ซ้ำยังพาคนไม่มีหัวนอนปลายเท้ากลับมาเลี้ยงดู ตอนนี้มาบอกกับข้าว่าเสียใจรึ? น่าขันนัก!”ทุกคำที่ซูชิงอู่พูดนั้นทิ่มแทงหัวใจของคนในครอบครัวนี้นางเพียงคิดว่าทั้งตระกูลซูมีแต่ความเน่าเฟะ ทำให้นางรู้สึกว่าอากาศที่นี่มันช่างน่าขยะแขยงเหลือเกินอวิ๋นจื่อและอวิ๋นชิงรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินคำพูดของซูชิงอู่ ครอบครัวนี้ชวนให้โดนดูถูกเสียจริงเหตุใดคุณชายและคุณหนูจึงแตกต่างจากคนในตระกูลซู?แน่นอนเป็นเพราะฮูหยินฮูหยินเฒ่าโกรธมากเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ดวงตาของนางเบิกกว้างและอกสั่นอย่างรุนแรง“จะ...เจ้ากล้าเถียงข้ารึ!”ซูชิงอู่หัวเราะเยาะ “ข้าไม่ได้แค่เถียง…”นางเงยหน้ามองจวนหลังใหญ่อันว่างเปล่าทันใดนั้นนางก็พูดกับอวิ๋นจื่อและอวิ๋นชิง “ข้าไม่อยากเห็นที่นี่แล้ว เผาทิ้งเสีย”“เพคะพระชายา!”อวิ๋นจื
“ข้ายืนดูอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน ดูจวนอัครเสนาบดีกลายเป็นเถ้าถ่าน”ฮูหยินเฒ่ารู้แล้วว่านางไม่ได้ล้อเล่นนางอ้าปาก ร่างกายของนางเหี่ยวเฉาเหมือนมะเขือยาวที่ถูกน้ำค้างแข็งดวงตาของนางสั่นไหว จู่ ๆ นางก็จำอะไรบางอย่างได้ นางดึงแขนเสื้อของแม่นมอูที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดว่า “ไป รีบไปเชิญท่านหญิงใหญ่กลับมา!”“เจ้าค่ะ ๆ บ่าวจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”ซูชิงอู่เลิกคิ้วเล็กน้อยท่านหญิงใหญ่?หลังจากการเตือนความจำดังกล่าว นางก็นึกถึงคนผู้นั้นขึ้นมาแต่เนื่องจากภาพจำของนางตื้นเขินมาก นางจึงลืมไปว่านางมีท่านอาอยู่อีกทว่าหลังจากที่นางเกิด ท่านอาคนนี้ก็ไม่เคยกลับมาที่จวนอัครเสนาบดีอีกเลย ส่วนนางแต่งงานเข้าตระกูลไหนไปนั้นตนก็ไม่เคยรู้เลยแม้ชาติที่แล้วจวนอัครเสนาบดีจะถูกทำลายไป นางก็ไม่เคยเห็นคนที่เรียกว่าอากลับมาบ้านอีกเลยนางถามอวิ๋นจื่อ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านหญิงใหญ่คนนั้นคือใคร?”อวิ๋นจื่อ คิดอยู่นานก่อนจะพูดว่า “หม่อมฉันเองก็รู้ไม่มากนัก ก่อนหน้านี้เคยได้ยินจากคนรับใช้ในจวนว่าบุตรีคนโตของตระกูลซูรุ่นก่อนชื่อซูอวิ๋น นางแต่งงานเข้าไปเป็นอนุภรรยาในตระกูลมั่งคั่งเพคะ”เช่นนี้นี่เอง…หากนางเป็นภรรยาเอ
ซูอวิ๋นประคองฮูหยินเฒ่าลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปมองซูชิงอู่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ที่กำลังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ใบหน้าทรงเสน่ห์แสดงความโกรธเกรี้ยว “ซูชิงอู่ ดูสิว่าเจ้าทำให้ตระกูลซูตกในอยู่ความน่าสังเวชเพียงใด แม่นมอูเล่าให้ข้าฟังหมดแล้วว่าเจ้าพูดอะไรไว้บ้าง เจ้านี่ช่างไร้เหตุผลจริง ๆ !นอกเหนือจากสถานะและชนชั้นของตระกูลซู ตอนที่ท่านพ่อของข้ายังมีชีวิตอยู่เป็นบุคคลที่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้องค์ก่อน การที่แม่ของเจ้าได้แต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้ในตระกูลเราก็ถือว่าเป็นบุญมากแล้วอีกทั้งพี่ใหญ่ก็เป็นถึงอัครเสนาบดี รับอนุเข้ามาแล้วอย่างไร? เป็นเรื่องปกติที่บุรุษจะมีภรรยาหลายคน แม่ของเจ้าไม่ใช่นางฟ้านางสวรรค์เสียหน่อย ตัวเองไม่ได้ใจสามีแล้วยังจะไปโทษคนอื่นอีกรึ?”ซูชิงอู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้นตามที่คาดไว้ ดังคำว่าที่ว่า ‘ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่’ ซูอวิ๋นยังคงพอใจที่ได้เป็นอนุ และถึงกับคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา...ซูชิงอู่มองคู่แม่และลูกผู้แสนโง่เขลาแต่หากตรองดี ๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ดูเหมือนนางจะเป็นคนเดียวที่เห็นปัญหาจากมุมที่ต่างออกไป“ในเมื่อท่านต้องการให้พูดอย่างมีเหตุผล
“ไม่เช่นนั้นจะทำไมหรือ? พวกเจ้ามีกันไม่กี่คนจะทำอะไรข้าได้? ไป ลากคอนางมา ข้าอยากจะเห็นนางคุกเข่ารับผิดร้องขอความเมตตา!”ชายสิบกว่าคนรีบพุ่งไปข้างหน้าโดยปราศจากความลังเลดวงตาของอวิ๋นจื่อเบิกกว้างด้วยความกลัว แต่ซูชิงอู่ยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วด้วยซ้ำทันใดนั้นชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็พากันกรีดร้องและล้มลงกับพื้น...“โอ๊ย อ๊าก อ๊าก!”คนเหล่านั้นเอามือกุมร่างกายบางส่วนของตัวเอง ขณะนั้นก็มีเหงื่อเย็นไหลหลั่งบนใบหน้าที่กำลังแสดงความเจ็บปวดคนสิบกว่าคนล้มลงกับพื้นในเวลาเดียวกัน ทิ้งความหวาดกลัวไว้บนใบหน้าของซูอวิ๋น นางเบิกตากว้างมองไปที่ซูชิงอู่ซึ่งนั่งอยู่ที่เดิมอย่างไม่ไหวติง น้ำเสียงของนางสั่นเทา“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดพวกเจ้าถึงลงไปกองกับพื้นเช่นนั้น!”ทันใดนั้น เงาดำจำนวนมากก็ลอยมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าซูชิงอู่องค์รักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดหันกลับมาทำความเคารพ “กระหม่อมมาช่วยช้าเกินไป พระชายาคงจะตกใจมาก!”ซูชิงอู่โบกมือ “จัดการให้ที เอาตามที่นางพูดเลย พานางมาคุกเข่าสำนึกผิดขอโทษข้าให้ได้”“น้อมรับคำสั่งพระชายา!”องค์รักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดพาคนมาด้วยเพียงสามค
นางตะโกนอย่างรวดเร็ว “หัวจิ่น ดูสิว่าน้องสาวของเจ้ากำลังทำอะไร?”ซูชิงอู่เลิกคิ้ว ดวงตาของนางจ้องมองร่างทั้งสามที่เดินเข้ามาจากประตูในตอนแรกนางตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ซูหัวจิ่นถูกคนรับใช้ของตระกูลซูเรียกตัวมาอย่างรีบร้อน เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่เขาเดินมาถึงข้างนอกก็เห็นควันหนาทึบลอยออกมาจากจวนอัครเสนาบดี เขาจึงเร่งฝีเท้านำคนมาที่นี่เขาพบว่าคนทั้งตระกูลซูต่างมีสีหน้าหม่นหมอง อัครเสนาบดีซูนั่งอยู่ในห้องรับแขกโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฮูหยินเฒ่าทรุดตัวอยู่ตรงประตู และมีคนของซูชิงอู่กดท่านอาซูอวิ๋นให้คุกเข่าอยู่บนพื้น ภาพตรงหน้าชวนให้ตกตะลึง ทำเอาเขาประหลาดใจเล็กน้อยนี่มันเรื่องอะไรกัน?“ชิงอู่!”ซูฉางเซิงและซูเชียนหมิงเดินตามเข้ามา คนที่เป็นพี่ห้าก็รีบตะโกนขึ้นคิ้วของซูชิงอู่เลิกขึ้นทันที“พี่ใหญ่ พี่รอง พี่ห้า เหตุใดพวกท่านถึงมาที่นี่?”ซูฉางเซิงเดินไปที่ด้านข้างของซูชิงอู่ สีหน้าของเขานิ่งสงบราวกับสายน้ำที่ใสสะอาด “มีคนส่งข่าวมาบอกพี่ใหญ่ว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับตระกูลซู ข้าก็เลยตามมาดู อืม ดูความคึกคักน่ะ”เขาไม่ได้ปรายตามองซูอวิ๋นด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรเขา
“ข้า…”ซูอวิ๋นโกรธจนหน้าแดงก่ำ หน้าอกของนางสั่นอย่างรุนแรงในเวลานั้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเหมือนมีใบมีดพุ่งออกมาสายตาคู่นั้น“เชียนหมิง ฉางเซิง…”ซูอวิ๋นอยากลองดูว่านางสามารถโน้มน้าวคนอื่นได้หรือไม่ถึงอย่างไรพี่น้องเหล่านี้ล้วนมาจากท้องแม่เดียวกัน ขอเพียงหนึ่งในนั้นสามารถต่อต้านซูชิงอู่ได้ นางก็จะไม่เดือดร้อนแต่ผลลัพธ์คือ…ซูเชียนหมิงมองอย่างเอือมระอาในฐานะที่เป็นคนคลั่งน้องสาว แม้จะเชิญฮ่องเต้เสด็จมา เขาก็จะยังคงเข้าข้างน้องสาวของตัวเอง!ไม่ต้องพูดถึงซูฉางเซิง ซูชิงอู่ช่วยชีวิตเขาไว้ อีกทั้งหลายปีมานี้เขาเป็นคนเดียวที่ได้รับการใส่ใจดูแลน้อยที่สุด เขาจึงไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันกับตระกูลซูมากนัก“พะ...พวกเจ้ามันเป็นหมาป่าตาขาวตามที่คาดไว้จริง ๆ ตระกูลซูเลี้ยงพวกเจ้ามาอย่างไร้ประโยชน์สินะ ไม่แปลกใจเลยเกิดมาจากท้องของผู้หญิงคนนั้น พวกเจ้ามัน กรี๊ด…”จู่ ๆ ซูอวิ๋นก็กรีดร้องสาเหตุก็คือซูหัวจิ่นเตะนางแม้เขาจะไม่ได้ฝึกศิลปะการต่อสู้ แต่เขาเป็นชายร่างใหญ่ ลูกเตะนั้นใช้กำลังไม่มากก็ทำให้ซูอวิ๋นล้มลงกับพื้น“ข้าไม่อนุญาตให้ท่านพูดจาว่าร้ายท่านแม่ ต้องทำให้ท่านสงบ