ซูอวิ๋นประคองฮูหยินเฒ่าลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปมองซูชิงอู่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ที่กำลังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ใบหน้าทรงเสน่ห์แสดงความโกรธเกรี้ยว “ซูชิงอู่ ดูสิว่าเจ้าทำให้ตระกูลซูตกในอยู่ความน่าสังเวชเพียงใด แม่นมอูเล่าให้ข้าฟังหมดแล้วว่าเจ้าพูดอะไรไว้บ้าง เจ้านี่ช่างไร้เหตุผลจริง ๆ !นอกเหนือจากสถานะและชนชั้นของตระกูลซู ตอนที่ท่านพ่อของข้ายังมีชีวิตอยู่เป็นบุคคลที่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้องค์ก่อน การที่แม่ของเจ้าได้แต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้ในตระกูลเราก็ถือว่าเป็นบุญมากแล้วอีกทั้งพี่ใหญ่ก็เป็นถึงอัครเสนาบดี รับอนุเข้ามาแล้วอย่างไร? เป็นเรื่องปกติที่บุรุษจะมีภรรยาหลายคน แม่ของเจ้าไม่ใช่นางฟ้านางสวรรค์เสียหน่อย ตัวเองไม่ได้ใจสามีแล้วยังจะไปโทษคนอื่นอีกรึ?”ซูชิงอู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้นตามที่คาดไว้ ดังคำว่าที่ว่า ‘ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่’ ซูอวิ๋นยังคงพอใจที่ได้เป็นอนุ และถึงกับคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา...ซูชิงอู่มองคู่แม่และลูกผู้แสนโง่เขลาแต่หากตรองดี ๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ดูเหมือนนางจะเป็นคนเดียวที่เห็นปัญหาจากมุมที่ต่างออกไป“ในเมื่อท่านต้องการให้พูดอย่างมีเหตุผล
“ไม่เช่นนั้นจะทำไมหรือ? พวกเจ้ามีกันไม่กี่คนจะทำอะไรข้าได้? ไป ลากคอนางมา ข้าอยากจะเห็นนางคุกเข่ารับผิดร้องขอความเมตตา!”ชายสิบกว่าคนรีบพุ่งไปข้างหน้าโดยปราศจากความลังเลดวงตาของอวิ๋นจื่อเบิกกว้างด้วยความกลัว แต่ซูชิงอู่ยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วด้วยซ้ำทันใดนั้นชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็พากันกรีดร้องและล้มลงกับพื้น...“โอ๊ย อ๊าก อ๊าก!”คนเหล่านั้นเอามือกุมร่างกายบางส่วนของตัวเอง ขณะนั้นก็มีเหงื่อเย็นไหลหลั่งบนใบหน้าที่กำลังแสดงความเจ็บปวดคนสิบกว่าคนล้มลงกับพื้นในเวลาเดียวกัน ทิ้งความหวาดกลัวไว้บนใบหน้าของซูอวิ๋น นางเบิกตากว้างมองไปที่ซูชิงอู่ซึ่งนั่งอยู่ที่เดิมอย่างไม่ไหวติง น้ำเสียงของนางสั่นเทา“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดพวกเจ้าถึงลงไปกองกับพื้นเช่นนั้น!”ทันใดนั้น เงาดำจำนวนมากก็ลอยมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าซูชิงอู่องค์รักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดหันกลับมาทำความเคารพ “กระหม่อมมาช่วยช้าเกินไป พระชายาคงจะตกใจมาก!”ซูชิงอู่โบกมือ “จัดการให้ที เอาตามที่นางพูดเลย พานางมาคุกเข่าสำนึกผิดขอโทษข้าให้ได้”“น้อมรับคำสั่งพระชายา!”องค์รักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดพาคนมาด้วยเพียงสามค
นางตะโกนอย่างรวดเร็ว “หัวจิ่น ดูสิว่าน้องสาวของเจ้ากำลังทำอะไร?”ซูชิงอู่เลิกคิ้ว ดวงตาของนางจ้องมองร่างทั้งสามที่เดินเข้ามาจากประตูในตอนแรกนางตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ซูหัวจิ่นถูกคนรับใช้ของตระกูลซูเรียกตัวมาอย่างรีบร้อน เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่เขาเดินมาถึงข้างนอกก็เห็นควันหนาทึบลอยออกมาจากจวนอัครเสนาบดี เขาจึงเร่งฝีเท้านำคนมาที่นี่เขาพบว่าคนทั้งตระกูลซูต่างมีสีหน้าหม่นหมอง อัครเสนาบดีซูนั่งอยู่ในห้องรับแขกโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฮูหยินเฒ่าทรุดตัวอยู่ตรงประตู และมีคนของซูชิงอู่กดท่านอาซูอวิ๋นให้คุกเข่าอยู่บนพื้น ภาพตรงหน้าชวนให้ตกตะลึง ทำเอาเขาประหลาดใจเล็กน้อยนี่มันเรื่องอะไรกัน?“ชิงอู่!”ซูฉางเซิงและซูเชียนหมิงเดินตามเข้ามา คนที่เป็นพี่ห้าก็รีบตะโกนขึ้นคิ้วของซูชิงอู่เลิกขึ้นทันที“พี่ใหญ่ พี่รอง พี่ห้า เหตุใดพวกท่านถึงมาที่นี่?”ซูฉางเซิงเดินไปที่ด้านข้างของซูชิงอู่ สีหน้าของเขานิ่งสงบราวกับสายน้ำที่ใสสะอาด “มีคนส่งข่าวมาบอกพี่ใหญ่ว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับตระกูลซู ข้าก็เลยตามมาดู อืม ดูความคึกคักน่ะ”เขาไม่ได้ปรายตามองซูอวิ๋นด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรเขา
“ข้า…”ซูอวิ๋นโกรธจนหน้าแดงก่ำ หน้าอกของนางสั่นอย่างรุนแรงในเวลานั้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเหมือนมีใบมีดพุ่งออกมาสายตาคู่นั้น“เชียนหมิง ฉางเซิง…”ซูอวิ๋นอยากลองดูว่านางสามารถโน้มน้าวคนอื่นได้หรือไม่ถึงอย่างไรพี่น้องเหล่านี้ล้วนมาจากท้องแม่เดียวกัน ขอเพียงหนึ่งในนั้นสามารถต่อต้านซูชิงอู่ได้ นางก็จะไม่เดือดร้อนแต่ผลลัพธ์คือ…ซูเชียนหมิงมองอย่างเอือมระอาในฐานะที่เป็นคนคลั่งน้องสาว แม้จะเชิญฮ่องเต้เสด็จมา เขาก็จะยังคงเข้าข้างน้องสาวของตัวเอง!ไม่ต้องพูดถึงซูฉางเซิง ซูชิงอู่ช่วยชีวิตเขาไว้ อีกทั้งหลายปีมานี้เขาเป็นคนเดียวที่ได้รับการใส่ใจดูแลน้อยที่สุด เขาจึงไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันกับตระกูลซูมากนัก“พะ...พวกเจ้ามันเป็นหมาป่าตาขาวตามที่คาดไว้จริง ๆ ตระกูลซูเลี้ยงพวกเจ้ามาอย่างไร้ประโยชน์สินะ ไม่แปลกใจเลยเกิดมาจากท้องของผู้หญิงคนนั้น พวกเจ้ามัน กรี๊ด…”จู่ ๆ ซูอวิ๋นก็กรีดร้องสาเหตุก็คือซูหัวจิ่นเตะนางแม้เขาจะไม่ได้ฝึกศิลปะการต่อสู้ แต่เขาเป็นชายร่างใหญ่ ลูกเตะนั้นใช้กำลังไม่มากก็ทำให้ซูอวิ๋นล้มลงกับพื้น“ข้าไม่อนุญาตให้ท่านพูดจาว่าร้ายท่านแม่ ต้องทำให้ท่านสงบ
ซูหัวจิ่นเห็นว่าใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าซีดราวกับกระดาษ หายใจไม่สะดวก และเห็นได้ชัดว่านางโกรธมาก เขาจึงตัดสินใจทันที “เชียนหมิง ไปตามหมอมา”แม้ว่าสิ่งที่ซูชิงอู่ทำจะถูกต้องตามหลักการ แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังคงเป็นผู้อาวุโส แม้ว่านางจะทำผิดพลาดมากมาย ก็ไม่ควรทำให้ถึงตายเหตุผลหลักคือเขากังวลว่ามันจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของซูชิงอู่ หากฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนถึงตายไปจริง ๆ ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนจะนินทาว่าร้ายและด่าทอนางอย่างแน่นอนซูหัวจิ่นไม่อาจยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอนซูชิงอู่กล่าวว่า "ไม่ต้องลำบากเรียกหมอมาหรอก นางก็แค่โกรธ ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ นางจะไม่ตาย"นางเบะปาก แล้วก้าวไปหาฮูหยินผู้เฒ่าทันที แม่นมอูลุกขึ้นยืนและบังฮูหยินผู้เฒ่าไว้ข้างหลัง ราวกับเป็นผู้พิทักษ์"ท่านคิดจะทำอะไร?""ทำอะไรน่ะหรือ?"ซูชิงอู่มองนางด้วยความสับสน "นางเป็นแบบนี้แล้ว เป็นไม้ใกล้ฝั่งเข้าไปทุกที ข้าจะทำอะไรนางได้อีกล่ะ หลีกทาง!"ซูชิงอู่ตวาด ก่อนที่แม่นมอูจะทันได้ลงมือ นางก็ถูกอวิ๋นจื่ออวิ๋นชิงลากออกไปด้านข้างซูชิงอู่หยิบยาออกมาจากสาปเสื้อ แล้วยัดยาเข้าไปในปากของฮูหยินผู้เฒ่าฮูหยินผู้
ซูหัวจิ่นตกตะลึงเล็กน้อยอัครเสนาบดีซูเป็นขุนนางมาหลายทศวรรษแล้ว และเป็นเรื่องยากมากที่จะยอมรับว่าเขาควรออกจากเมืองหลวงแต่วันนี้เขากลับพูดออกมาอย่างง่ายดาย“สิ่งที่น้องสาวเจ้าทำถูกทั้งหมด ทุกอย่างเป็นความผิดของพ่อ ข้าผิดต่อแม่ของพวกเจ้าและผิดต่อตัวพวกเจ้าด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของข้าเอง...”เสียงของเขาแหบแห้งและเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าเหลือคณาเมื่อเห็นว่าเขาหดหู่เพียงใด ซูอวิ๋นก็ตะโกนเสียงดัง "พี่ใหญ่ ท่านกำลังทำอะไร ข้ากลับมาที่เมืองหลวงเพื่อช่วยให้ท่านกลับเข้ารับตำแหน่งโดยเฉพาะ แต่ท่านกลับต้องการออกจากเมืองหลวงเสียเอง แล้วข้าเล่า? ข้าควรทำอย่างไร!"ดวงตาของซูอวิ๋นเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ และร่างกายของนางก็สั่นสะท้านแม้ในที่สุดนางก็มีสถานะเช่นในปัจจุบันและสามารถยืนหยัดในจวนของท่านอ๋องได้ แต่นางยังต้องได้รับการสนับสนุนจากตระกูลซู หากอัครเสนาบดีซูออกจากเมืองหลวงไป อนุคนนี้ก็คงถูกกำหนดให้เป็นอนุไปตลอดชีวิต…นางไม่มีทางยอม!ดวงตาของซูอวิ๋นแดงก่ำ กัดฟันด้วยความโกรธ แผนการทั้งหมดถูกทำลายลงแล้ว!“ข้าเป็นน้องสาวของท่าน ท่านไม่สนใจข้าอีกต่อไปแล้วหรือ?”ซูอู่มองดูนา
“อู่เอ๋อร์...”ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงอยากจะแก้ตัว แต่อัครเสนาบดีซูตวาดเสียงดัง "ท่านแม่ ท่านอย่าพูดอะไรอีกเลย!"ฮูหยินผู้เฒ่าเงียบลงทันทีอัครเสนาบดีซูมองไปที่แม่ของเขาและซูอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเวียนหัวอย่างรุนแรง“อีกนัยหนึ่งคือ ท่านใส่ร้ายฟางอี๋ซินและบอกว่านางไม่ได้ท้องกับข้าโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ เลย?”ทั่วทั้งห้องโถงถูกความเงียบงันปกคลุมทันใดนั้นซูอวิ๋นก็พูดว่า "พี่ใหญ่ ท่านเป็นถึงอัครเสนาบดี ฟางอี๋ซินเป็นใครกัน ท่านมีภรรยาหลายคนไม่ใช่เรื่องแปลก ทำไมต้องรักษาความบริสุทธิ์เพื่อผู้หญิงคนเดียวด้วย!"อัครเสนาบดีซูพูดอย่างเย็นชา "นั่นคือสิ่งที่ข้าสัญญากับนางตอนที่นางแต่งงานกับข้า!"ซูอวิ๋นไม่เห็นด้วย "สัญญาแล้วจะอย่างไร นางแต่งเข้ามาแล้ว ยังกล้าโต้แย้งกับท่านอีกหรือพี่ใหญ่"เมื่อได้ยินสิ่งที่น้องสาวและมารดาพูด อัครเสนาบดีซูรู้สึกว่าโลกกำลังกลับหัว สองคนนี้นี่จริง ๆ เลย…ไร้ยางอายเสียจริง!ก่อนหน้านี้มันเป็นความผิดของเขา เขาเป็นคนที่ทำให้ฮูหยินของตนผิดหวัง แต่ตอนนี้ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรเขาจะยอมรับไว้เอง“การผิดสัญญาของข้าที่ทำให้อี๋ซินจากข้าไป และทำให้ข้าไม่มีวันได้เจอนางอ
“น่าเสียดายที่เราไม่สามารถยึดทรัพย์สินชิ้นสุดท้ายจากจวนอัครเสนาบดีได้ พวกเขามีเงินเหล่านี้ ออกไปจากเมืองหลวงก็ยังมีชีวิตที่ดีได้”ซูชิงอู่ถึงกับพูดไม่ออก "..."ถึงคราวโหดพี่ใหญ่ก็โหดจริง ๆ!ซูชิงอู่ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ นางลดเสียงลง กระซิบข้างหูซูหัวจิ่นถึงสาเหตุที่ตนมายังจวนอัครเสนาบดีทันทีที่พูดจบ นางก็เห็นว่าพี่ใหญ่ของนางที่สงบในตอนแรกก็โกรธขึ้นมาทันที“ชิงอู่ เจ้าพูดจริงหรือ?”ซูชิงอู่กล่าวว่า "แม้ข้าจะได้ยินมาจากไทเฮา แต่ก็เป็นความจริงมากถึงเก้าในสิบส่วน"“น่ารังเกียจอย่างยิ่ง!”ซูหัวจิ่นรู้สึกคลื่นไส้ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ใช้เวลาพักใหญ่จึงควบคุมความโกรธได้เขาเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวอย่างเด็ดขาด "หาคนมารื้อจวนอัครเสนาบดีให้ข้าที ที่นี่สกปรก สกปรกเหลือเกิน!"เมื่อเห็นว่าพี่ใหญ่โกรธมาก พี่ชายอีกสองคนก็รู้สึกแบบเดียวกันไปโดยธรรมชาติมารดามีความสำคัญมากในใจพวกเขา สำคัญยิ่งกว่าตระกูลซูทั้งหมดหลังปีใหม่ในวันเทศกาลโคมไฟ วันที่สิบห้าของเดือนแรกของปี ทั้งเมืองหลวงรู้ข่าวใหญ่ว่าคฤหาสน์ขุนนางถูกไฟไหม้จนมอดไหม้หมดสิ้นทั้งจวนหายไปแล้วในวันรุ่งขึ้นเมื่อมองไปก็มองเห็นเพียงซากปรั
คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร
หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ
ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง
เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก
เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก
เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ
ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ
หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา
“นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้