ซูหัวจิ่นตกตะลึงเล็กน้อยอัครเสนาบดีซูเป็นขุนนางมาหลายทศวรรษแล้ว และเป็นเรื่องยากมากที่จะยอมรับว่าเขาควรออกจากเมืองหลวงแต่วันนี้เขากลับพูดออกมาอย่างง่ายดาย“สิ่งที่น้องสาวเจ้าทำถูกทั้งหมด ทุกอย่างเป็นความผิดของพ่อ ข้าผิดต่อแม่ของพวกเจ้าและผิดต่อตัวพวกเจ้าด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของข้าเอง...”เสียงของเขาแหบแห้งและเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าเหลือคณาเมื่อเห็นว่าเขาหดหู่เพียงใด ซูอวิ๋นก็ตะโกนเสียงดัง "พี่ใหญ่ ท่านกำลังทำอะไร ข้ากลับมาที่เมืองหลวงเพื่อช่วยให้ท่านกลับเข้ารับตำแหน่งโดยเฉพาะ แต่ท่านกลับต้องการออกจากเมืองหลวงเสียเอง แล้วข้าเล่า? ข้าควรทำอย่างไร!"ดวงตาของซูอวิ๋นเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ และร่างกายของนางก็สั่นสะท้านแม้ในที่สุดนางก็มีสถานะเช่นในปัจจุบันและสามารถยืนหยัดในจวนของท่านอ๋องได้ แต่นางยังต้องได้รับการสนับสนุนจากตระกูลซู หากอัครเสนาบดีซูออกจากเมืองหลวงไป อนุคนนี้ก็คงถูกกำหนดให้เป็นอนุไปตลอดชีวิต…นางไม่มีทางยอม!ดวงตาของซูอวิ๋นแดงก่ำ กัดฟันด้วยความโกรธ แผนการทั้งหมดถูกทำลายลงแล้ว!“ข้าเป็นน้องสาวของท่าน ท่านไม่สนใจข้าอีกต่อไปแล้วหรือ?”ซูอู่มองดูนา
“อู่เอ๋อร์...”ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงอยากจะแก้ตัว แต่อัครเสนาบดีซูตวาดเสียงดัง "ท่านแม่ ท่านอย่าพูดอะไรอีกเลย!"ฮูหยินผู้เฒ่าเงียบลงทันทีอัครเสนาบดีซูมองไปที่แม่ของเขาและซูอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเวียนหัวอย่างรุนแรง“อีกนัยหนึ่งคือ ท่านใส่ร้ายฟางอี๋ซินและบอกว่านางไม่ได้ท้องกับข้าโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ เลย?”ทั่วทั้งห้องโถงถูกความเงียบงันปกคลุมทันใดนั้นซูอวิ๋นก็พูดว่า "พี่ใหญ่ ท่านเป็นถึงอัครเสนาบดี ฟางอี๋ซินเป็นใครกัน ท่านมีภรรยาหลายคนไม่ใช่เรื่องแปลก ทำไมต้องรักษาความบริสุทธิ์เพื่อผู้หญิงคนเดียวด้วย!"อัครเสนาบดีซูพูดอย่างเย็นชา "นั่นคือสิ่งที่ข้าสัญญากับนางตอนที่นางแต่งงานกับข้า!"ซูอวิ๋นไม่เห็นด้วย "สัญญาแล้วจะอย่างไร นางแต่งเข้ามาแล้ว ยังกล้าโต้แย้งกับท่านอีกหรือพี่ใหญ่"เมื่อได้ยินสิ่งที่น้องสาวและมารดาพูด อัครเสนาบดีซูรู้สึกว่าโลกกำลังกลับหัว สองคนนี้นี่จริง ๆ เลย…ไร้ยางอายเสียจริง!ก่อนหน้านี้มันเป็นความผิดของเขา เขาเป็นคนที่ทำให้ฮูหยินของตนผิดหวัง แต่ตอนนี้ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรเขาจะยอมรับไว้เอง“การผิดสัญญาของข้าที่ทำให้อี๋ซินจากข้าไป และทำให้ข้าไม่มีวันได้เจอนางอ
“น่าเสียดายที่เราไม่สามารถยึดทรัพย์สินชิ้นสุดท้ายจากจวนอัครเสนาบดีได้ พวกเขามีเงินเหล่านี้ ออกไปจากเมืองหลวงก็ยังมีชีวิตที่ดีได้”ซูชิงอู่ถึงกับพูดไม่ออก "..."ถึงคราวโหดพี่ใหญ่ก็โหดจริง ๆ!ซูชิงอู่ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ นางลดเสียงลง กระซิบข้างหูซูหัวจิ่นถึงสาเหตุที่ตนมายังจวนอัครเสนาบดีทันทีที่พูดจบ นางก็เห็นว่าพี่ใหญ่ของนางที่สงบในตอนแรกก็โกรธขึ้นมาทันที“ชิงอู่ เจ้าพูดจริงหรือ?”ซูชิงอู่กล่าวว่า "แม้ข้าจะได้ยินมาจากไทเฮา แต่ก็เป็นความจริงมากถึงเก้าในสิบส่วน"“น่ารังเกียจอย่างยิ่ง!”ซูหัวจิ่นรู้สึกคลื่นไส้ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ใช้เวลาพักใหญ่จึงควบคุมความโกรธได้เขาเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวอย่างเด็ดขาด "หาคนมารื้อจวนอัครเสนาบดีให้ข้าที ที่นี่สกปรก สกปรกเหลือเกิน!"เมื่อเห็นว่าพี่ใหญ่โกรธมาก พี่ชายอีกสองคนก็รู้สึกแบบเดียวกันไปโดยธรรมชาติมารดามีความสำคัญมากในใจพวกเขา สำคัญยิ่งกว่าตระกูลซูทั้งหมดหลังปีใหม่ในวันเทศกาลโคมไฟ วันที่สิบห้าของเดือนแรกของปี ทั้งเมืองหลวงรู้ข่าวใหญ่ว่าคฤหาสน์ขุนนางถูกไฟไหม้จนมอดไหม้หมดสิ้นทั้งจวนหายไปแล้วในวันรุ่งขึ้นเมื่อมองไปก็มองเห็นเพียงซากปรั
"ไม่ต้องกังวลเพคะ พระชายา ในจวนอ๋องมีองครักษ์มากกว่าสองร้อยคน พวกเขาจะต้านคนข้างนอกได้อย่างแน่นอน!”ซูชิงอู่ไม่ได้คิดจะนั่งอยู่ในห้องนางเงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหันพร้อมเอ่ยเสียงเย็นชา "ข้าจะออกไปดู จะได้เห็นว่าเขากล้าหยิ่งผยองต่อหน้าข้าได้อย่างไร"ที่ด้านนอกประตูจวนอ๋องมีทหารม้าในชุดเกราะสีเงินล้อมรอบประตูเป็นชั้น ๆในกลุ่มนั้นมีคนหนึ่งนั่งในเกี้ยว เป็นชายวัยกลางคนที่ดูท้วมเล็กน้อยเนื้อบนใบหน้าอูมเกือบจะเบียดกันตาเล็ก ๆ หรี่ลงเล็กน้อย“ถ้าไม่มีใครออกมา ก็เผาที่นี่ซะ!”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”กงชินอ๋องลูบเคราน้อย ๆ บนคาง สีหน้าของเขาเย็นชาอย่างยิ่งเขามีอนุนับไม่ถ้วน และเขามีทายาทในท้องอนุของเขาเพียงคนเดียว แต่เมื่อนางออกไปเมื่อวานกลับมาเด็กในท้องก็หายไปแล้ว!ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าใด ดวงตาของกงชินอ๋องก็เต็มไปด้วยแววตาที่น่ากลัว ราวกับว่าเขาต้องการต่อสู้กับจวนอ๋องเสวียนให้ตายกันไปข้างหนึ่ง!ทันใดนั้น ประตูจวนอ๋องเสวียนก็ถูกผลักให้เปิดออกร่างหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับบ่าวรับใช้สองสามคนซูชิงอู่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย และใบหน้าของนางก็งดงามมากจนทำให้บุรุษหลายคนลืมหายใจไปในทันที
“ท่านว่าอะไรนะ พูดอีกทีซิ”“ข้าบอกว่า...”แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ลูกศรก็ผ่าอากาศเข้ามา หากกงชินอ๋องหลบไม่ทัน ลูกธนูคงจะแทงเข้าที่ลำคอของเขาอย่างแน่นอน"อ๊า!"กงชินอ๋องกรีดร้องออกมาเสียงดัง เมื่อแตะที่คอของตัวเอง ก็รู้สึกได้ถึงเลือดบนมือของเขาดวงตาของเขาเบิกกว้าง ใบหน้าของเขาซีดลงทันที“คุ้มกัน! ปกป้องข้าเร็วเข้า!”ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดรวมตัวกันทันทีและปกป้องกงชินอ๋องเอาไว้ พลางมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาที่ระแวดระวังจากนั้นกงชินอ๋องก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ไม่รู้ว่ามีกี่คนกำลังขี่ม้าเข้ามา เสียงกีบม้าเหยียบย่ำไปตามพื้นผู้คนที่อยู่ใกล้ ๆ รีบหดหัวกลับเข้าไปในบ้าน ไม่กล้ามองแม้แต่น้อยกงชินอ๋องตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าผู้นำสวมชุดคลุมสีดำ ผมสีเข้ม และครอบกวานสีทอง ใบหน้าหล่อเหลาหมดจดใบหน้าของเย่เสวียนถิงเย็นชาอย่างน่ากลัว เขายังคงถือธนูและลูกธนูไว้ ยกนิ้วขึ้นเพียงเล็กน้อย ก่อนจะดึงลูกธนูอีกสามดอกออกมาก่อนเล็งไปที่ศีรษะของกงชินอ๋องที่อยู่ไม่ไกลใบหน้าของกงชินอ๋องเปลี่ยนเป็นเย็นชา "เย่เสวียนถิง เจ้ากล้าโจมตีข้าหรือ?"สีหน้าของเย่เสวียนถิงนั้นเย็นชา และเขาก็ง้างคันธนูและ
เย่เสวียนถิงชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงมองไปด้านข้างขันทีที่รายงานข่าว“ข้าจะไปหลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จ”“ท่านอ๋อง!”ขันทีตัวน้อยรีบเดินผ่านฝูงชนแล้วเดินเข้าไป จากนั้นคุกเข่าตรงหน้าเขาและชูราชโองการในมือขึ้น"ขอท่านอ๋องได้โปรดละเว้นชีวิตเขาด้วย หากท่านอ๋องฆ่าเขาไปจริง ๆ สิ่งต่าง ๆ คงจะยุ่งยาก!"เย่เสวียนถิงเม้มริมฝีปาก ดาบในมือสะบัดไปที่คอของกงชินอ๋องทันทีร่องรอยเลือดปรากฎอยู่บนคอของกงชินอ๋อง ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความกลัว และขาของเขาก็อ่อนแรงจนทรุดนั่งลงบนพื้นกลิ่นฉุนจากตัวเขาแผ่กระจายออกมา มีคนเห็นรอยเปื้อนสีเข้มบนพื้นด้านล่างกงชินอ๋องเขาถึงกับ...ปัสสาวะรดกางเกงเพราะความกลัว...!ขาของกงชินอ๋องอ่อนแรง และเขาแทบจะยืนไม่ไหวในเวลานี้องครักษ์จากด้านหลังเข้ามาข้างหน้าด้วยความเคารพและช่วยพยุงเขาขึ้นไปบนเกี้ยวกล้ามเนื้อบนใบหน้าของกงชินอ๋องกระตุกเล็กน้อย และเขามองเย่เสวียนถิงด้วยสายตาขุ่นเคือง "อ๋องเสวียน ความแค้นในวันนี้ ข้าจะจำไว้!"ดวงตาของเย่เสวียนถิงเต็มไปด้วยความเย็นชาขณะที่เขาเก็บดาบกลับเข้าไปในฝักเขาหันหลังกลับและเดินไปที่ข้างของซูชิงอู่ มองนางอย่างเป็นห่วง“อ
เขากำหมัดแน่นและพูดลอดไรฟัน "ตระกูลซู ตระกูลซูนี่ดีจริง ๆ!"ผู้หญิงที่เขารักจนสุดหัวใจและไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องนางต้องได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ทำให้ฮ่องเต้เฒ่ารู้สึกไม่สบายใจแม้แต่น้อยราวกับมีมีดทิ่มแทงหัวใจอย่างแรงทั้งโกรธและเสียใจเมื่อซูชิงอู่เห็นสีหน้าของฮ่องเต้เฒ่า นางก็รู้ว่าคำพูดของนางส่งผลกระทบต่อเขา นางจึงพูดต่อ "ในฐานะบุตรสาว หม่อมฉันต้องการล้างแค้นให้ท่านแม่ และเผาตระกูลซูเพราะหม่อมฉันรู้สึกขยะแขยง หม่อมฉันทำผิดหรือเพคะ?"ฮ่องเต้เฒ่าเงียบไปสักพักแล้วพูดว่า "ข้าเข้าใจแล้ว"แม้จะโกรธ แต่ฮ่องเต้ก็ทำอะไรไม่ได้ผู้เฒ่าซูก็เสียชีวิตไปแล้วและอัครเสนาบดีซูก็ออกจากเมืองหลวงไปแล้วเช่นกัน ตอนนี้ตระกูลซูต้องทนทุกข์ทรมานกับชะตากรรมนี้เพราะตัวพวกเขาเองยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรเพื่อฟางอี๋ซินได้ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาถูกฟางอี๋ซินปฏิเสธอย่างชัดเจน เพราะสิ่งที่นางต้องการ เขาให้ไม่ได้ช่างน่าขำ ที่แม้จะเป็นฮ่องเต้ มีอำนาจครองแผ่นดินแต่กลับไม่สามารถมอบความรักให้คนที่เขารักไปตลอดชีวิตได้นี่เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่สุดเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วซูอู่ได้พาผู้หญิงคนหนึ่
ฮ่องเต้เฒ่าพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง และพยายามดิ้นรนถึงสองครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จเขาถามว่า "เจ้าทำอะไร? เจ้าต่างหากที่ไปก่อเรื่องที่จวนอ๋องเสวียน!"เมื่อได้ยินคำพูดที่รุนแรงของฮ่องเต้เฒ่า กงชินอ๋องก็เงยหน้าขึ้น "พี่ใหญ่ ท่านก็รู้ว่าหลายปีนี้ข้าไม่มีทายาท ตอนนี้อนุของข้าก็ตั้งครรภ์คนหนึ่งแล้ว ข้าประคบประหงมนางอยู่ตลอด พอนางกลับไปเยี่ยมบ้านเดิม ลูกในท้องก็แท้งไปทั้งหมดเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้! และอ๋องเสวียนจะฆ่าข้า ท่านดูรอยเลือดที่คอของข้าสิ ถ้าลึกกว่านี้อีกนิด ข้าคงไม่มีชีวิตรอดมาพบพี่ใหญ่แล้ว!”ฮ่องเต้เฒ่าฟังเขาพูดไปเรื่อย ๆ รู้สึกหัวใจเต้นถี่ขึ้นเขากุมขมับ ระงับความโกรธที่กำลังจะปะทุ“เจ้าลุกขึ้นก่อน ถ้ามีอะไรจะพูดก็ลุกขึ้นมาพูดกันดี ๆ!”“ถ้าพี่ใหญ่ไม่ให้ความยุติธรรมกับข้า ข้าก็จะไม่ลุก!”ความไร้เหตุผลนี้ทำเอาฮ่องเต้เฒ่าพูดไม่ออกเลยจริง ๆ“เจ้าอายุอานามเท่าไรแล้ว ยังทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ นำกองกำลังไปปิดล้อมจวนอ๋องเสวียน หมายจะเผาจวนอ๋องเสวียนอีก ที่นี่คือเมืองหลวงไม่ใช่เมืองของเจ้า!”กงชินอ๋องตะคอกอย่างเย็นชา "หากเป็นเมืองของข้า ข้าจะลากพวกเขาออกไปตัดหัวทิ้งเสีย!"ฮ่องเต้เฒ่าพูดด้วย