กงชินอ๋องไม่ยอม "มีหญิงงามมากมายอีกกี่คนก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่สามารถมีลูกได้!"“ข้าจะขอให้หมอหลวงตรวจดู เจ้าทนทุกข์ทรมานก็เพราะทำลายร่างกายของตัวเองจนเสียหายตั้งแต่ยังหนุ่ม”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป กงชินอ๋องก็หยุดพูดฮ่องเต้เฒ่ามองไปที่เย่เสวียนถิงซึ่งอยู่ไม่ไกล ด้วยสีหน้าเย็นชา“เสวียนถิงเพื่อเห็นแก่ข้า ยุติเรื่องนี้เสียดีไหม กงชินอ๋องเป็นน้องชายแท้ ๆ ของข้า ข้าจะไม่ถือสาเรื่องที่เจ้าคิดจะฆ่าเขา”ซูชิงอู่ดึงแขนเสื้อของเย่เสวียนถิงนางคิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีนางไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งกับกงชินอ๋อง เพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่เป็นผลดีและอาจจะกลายเป็นเรื่องตลกการเผชิญหน้ากับคนที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ ใครก็คงปวดหัวหนักถ้าเขาไม่เข็ดหลาบและยังกล้ารบกวน นางก็ไม่รังเกียจที่จะให้เขาได้ลิ้มรสพิษของนางเย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นมองอย่างเย็นชา“ท่านพ่อ หากวันนี้กระหม่อมฆ่าเขาไปจริง ๆ ท่านจะทำเช่นไร?”ฮ่องเต้เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "เขาเป็นน้องชายคนเดียวของข้า"เย่เสวียนถิงเย้ยหยันอยู่ในใจและหรี่ตาลงเล็กน้อยเขาเข้าใจคำตอบของฮ่องเต้เฒ่าแล้วกงชินอ๋องเป็นน้องชายเพียงคนเดียวของฮ่องเ
ใบหน้าของซูอวิ๋นซีดเผือด และความกลัวทำให้ใจของนางสั่นสะท้านนางแต่งเข้าจวนกงชินอ๋องมาหลายปีแล้ว และนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้รับการปฏิบัติเช่นนี้นางเคยได้ยินว่ากงชินอ๋องทำร้ายผู้หญิงมาก่อน และแม้แต่พระชายาก็สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังอายุน้อยเพราะถูกเขาทุบตี แต่นางคิดว่ามันเป็นเพียงคำพูดจากคนรับใช้ที่เล่าลือกัน และไม่ได้ใส่ใจกับมันเมื่อได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้วเท่านั้น ถึงได้รู้ว่าความรู้สึกนั้นน่ากลัวเพียงใดซูอวิ๋นกอดขาของกงชินอ๋องและร้องขอความเมตตา "ท่านอ๋อง โปรดละเว้นข้าด้วย ข้าผิดไปแล้ว..."ใบหน้าของกงชินอ๋องมืดมน และใบหน้าอ้วนท้วมของเขาตอนนี้ดูดุร้ายอย่างน่าสะพรึงกลัวเขาคว้าผมของนางไว้แล้วยกนางขึ้นจากพื้น บังคับให้ซูอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองเขา“เจ้ารู้ว่าเจ้าผิดหรือ ข้าเอาเจ้ามาไม่ใช่ให้สร้างปัญหา เจ้าบอกว่าเจ้าจะนำอัครเสนาบดีซูกลับไปรับตำแหน่ง และข้าก็ตกลงที่จะช่วย แต่ดูเจ้าสิ?”“ตอนนี้อัครเสนาบดีซูออกจากเมืองหลวงไปพร้อมกับฮูหยินผู้เฒ่าคนนั้นแล้ว เขาได้ละทิ้งอนาคตที่ดีเช่นนี้ไป ย่อมไม่คู่ควรแก่ความช่วยเหลือของข้าเลย!”ดวงตาของซูอวิ๋นเบิกกว้าง และนางก็เข้าใจทันทีว่ากงชินอ๋องหมายถึงอ
อวิ๋นจื่อเพียงถามขึ้นมาลอย ๆ เพราะไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจต่อซูอวิ๋นเป็นเพียงเพราะนางมาจากตระกูลซู จึงกล่าวถึงเพียงเพื่อไม่ให้ภาพลักษณ์ตระกูลซูดูไม่ดีหากเรื่องแพร่กระจายออกไปเมื่อเห็นพระชายาไม่สนใจ นางจึงไม่พูดอะไรต่อเย่เสวียนถิงที่ได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนซูชิงอู่จุดไฟเผาตระกูลซู เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า "ไม่ว่าซูอวิ๋นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ต่อไปไม่จำเป็นต้องรายงานพระชายาอีก"คนรับใช้ได้ยินดังนั้นก็จดจำเอาไว้ในใจทันทีเจ้าสิบเจ็ดเดินเข้ามาจากด้านนอกและทำความเคารพทั้งสองคน“ท่านอ๋อง ฮ่องเต้จะสักการะเพื่อประชาราษที่หอสักการะฟ้าในวันพรุ่งนี้ และปีนี้หิมะแรกยังไม่ตก ปีหน้าแผ่นดินอาจไม่อุดมสมบูรณ์ ประชาชนอาจต้องประสบความยากลำบาก"เย่เสวียนถิงลดสายตาลง "อืม ข้าเข้าใจแล้ว"ในฐานะอ๋อง ในงานพิธีการเช่นนี้จำเป็นต้องเข้าร่วม แม้ขันทีในพระราชวังจะยังไม่ได้ส่งสารมา แต่ก็ต้องเตรียมตัวล่วงหน้าซูชิงอู่พูดว่า "ข้าต้องไปด้วยหรือไม่?"เย่เสวียนถิงขมวดคิ้วเล็กน้อย และพบว่าเรื่องนี้ยุ่งยากมากจริง ๆยิ่งไปกว่านั้น ซูชิงอู่ยังตั้งครรภ์ได้สองเดือน และเขาไม่อยากให้นางไปยังสถานที่วุ่นวาย
เย่หลิงจูเข้ามาหาซูชิงอู่โดยไม่รู้ตัว นางก็มีสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน“เจ้าบอกว่าราชครูหายตัวไปไม่นานนี้ไม่ใช่เหรอ? เหตุใดเขาถึงกลับมาเร็วขนาดนี้ ทั้งยังสามารถดูแลจัดการงานนี้โดยรวมได้”ซูชิงอู่เลิกคิ้ว ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกไม่ดีอยู่ในใจแม้ว่าราชครูจะหลบหนีไปได้ แต่ในวันนั้นเขาถูกตัดมือและได้รับบาดเจ็บสาหัส ว่ากันตามตรรกะแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะปรากฏตัวได้เร็วขนาดนี้แต่เมื่อมองจากระยะไกลก็พบว่ามือทั้งสองข้างของราชครูเฒ่ายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เขาถือไม้เท้าในมือ ท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นไปได้ยังไง!ด้วยความสงสัยในใจ ซูชิงอู่ติดตามซูเฟยและคนอื่น ๆ เดินต่อไป จากนั้นนางก็เห็นฮ่องเต้ปรากฏตัวพร้อมกับข้าราชบริพารกลุ่มหนึ่งพระองค์สวมฉลองพระองค์ลายมังกรและมีรัดเกล้าทองคำบนศีรษะ ทั้งร่างแผ่พลังแห่งความสูงส่งที่ทำให้คนต้องก้มหน้าลงเพราะความน่าเกรงขามและด้านหลังมีคนตามหลังมาหลายคนเมื่อซูชิงอู่เห็นเย่อวิ๋นถูปรากฏตัวต่อหน้านาง นางก็ดูประหลาดใจเล็กน้อยไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบุรุษผู้นี้หนังหนาเกินใคร เวลาเพียงไม่ถึงเดือนก็กลับมาเดินได้แล้วหรือ?ดูท่าอาการบาดเจ็บครั้งก่อนจะยั
แม้แต่ซูชิงอู่ก็ยังโซเซไปอย่างห้ามไม่ได้แต่ในขณะนี้ จู่ ๆ ก็มีใครบางคนคว้าข้อมือของนางไว้ องค์หญิงห้าถามอย่างเป็นกังวล "พี่สะใภ้ เป็นอะไรหรือไม่?"ซูชิงอู่ยืนตัวตรง จัดกระโปรงของนางให้เรียบร้อยแล้วส่ายหน้า"ข้าไม่เป็นไร"ซูเฟยก็เข้ามาดูทันที ใบหน้าของนางไม่น่ามองอย่างยิ่ง และนางพูดอย่างเข้มงวดเอ่ยปากอย่างเด็ดขาด "ทุกคนอย่าเพิ่งวุ่นวาย เรียกคนมาจับหนูตัวนั้นเสีย!"องครักษ์สองสามคนจากด้านหลังรีบวิ่งเข้ามาล้อมสถานที่นั้นทันทีนางสนมในวังหลังที่รู้สึกหวาดกลัว ต่างหน้าซีดเผือด พากันย่นคอหลบ ซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง หนูตัวใหญ่สองตัวถูกจับขังไว้ในกรง ดวงตาสีแดงของพวกมันทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกขนลุกใบหน้าของซูเฟยดูไม่ดี นางไม่รีบเร่งที่จะจัดการกับหนู แต่คุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับนางสนมทุกคนพิธีสักการะหยุดลงแล้ว และฮ่องเต้เฒ่าก็เดินลงบันไดไปด้วยใบหน้าที่มืดมนอย่างน่าสะพรึงกลัว“ใครบอกข้าได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”"ทูลฮ่องเต้ จู่ ๆ ก็มีหนูสองตัวพุ่งเข้ามาในฝูงชนและทำให้เกิดความวุ่นวายเพคะ!”ซูเฟยก้มศีรษะลงและอธิบายเรื่องนี้อย่างชัดเจนฮ่องเต้เฒ่าขมวดคิ้ว "ทำไมมีหนูอยู่ที่นี่ได้?"เจียวกุ
แน่นอนว่า แม้ว่าราชครูจะเดินมาตรงหน้านาง นางก็ไม่อาจแสดงพิรุธได้ เพราะในเวลานั้นมีเพียงนางและเย่เสวียนถิงเท่านั้นที่เห็นว่าแขนของราชครูถูกตัดจนขาดแม้ว่าเซียวเฝิงจะนำแขนของเขากลับมาในภายหลัง แต่ก็ไม่แน่ว่าแขนนั้นจะเป็นของเขา ราชครูคนนี้เพียงหาข้ออ้างสองสามคำก็แก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายใบหน้าของฮ่องเต้เฒ่าเคร่งขรึม เนื่องจากพิธีสักการะต้องหยุดชะงัก จึงทำให้ทุกอย่างถูกเลื่อนออกไปจู่ ๆ ราชครูก็เดินเข้ามาหาฮ่องเต้ เสียงยังคงต่ำและลุ่มลึกเหมือนเดิม "ฝ่าบาท ค้นหาต่อไปอย่างนี้กระหม่อมไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเพียงใด กระหม่อมมีวิธีที่จะหาบุคคลนั้นได้เร็วขึ้น"ฮ่องเต้เฒ่าเลิกคิ้ว "ขอคำชี้แนะจากท่านราชครูด้วย"คนอื่น ๆ ก็มองดูเช่นกัน ใบหน้าของพวกนางซีดเผือด เพราะยังกลัวแมลงกู่ในครั้งที่แล้วไม่หาย“ข้าได้ยินมาว่ามีสุนัขป่าชนิดหนึ่งที่ไวต่อกลิ่นมาก แค่ให้มันดมกลิ่นก็จะรู้ได้ทันทีว่าใครนำหนูเหล่านี้มา”ฮ่องเต้เฒ่าก็ตระหนักได้ว่าคราวนี้ความคิดของเขาดูน่าเชื่อถือกว่าครั้งก่อนเรื่องของพวกแมลงพิษนั้น ส่วนใหญ่คนจะหวาดกลัวและไม่เชื่อถือมันแต่สุนัขนั้นแตกต่างออกไปเดิมทีสุนัขสามารถค้นหาร่องรอยข
ทว่าตอนนี้...ซูเฟยกอดซูชิงอู่แน่น เห็นได้ชัดว่าหวาดกลัวแทบตาย แต่นางก็ยังคงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องตนเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนางหรือลูกในท้องของนาง เหตุการณ์นี้ก็ได้แสดงให้เห็นสิ่งหนึ่งนั่นคือซูเฟยถือว่านางเป็นลูกอย่างแท้จริงซูชิงอู่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นขณะที่นางกำลังครุ่นคิด สุนัขป่าสองตัวก็ก้าวเข้ามาหาแล้วแต่พวกมันก็ไม่สามารถเข้าใกล้ได้อีกต่อไปขณะนั้นก็มีร่างเงาร่างหนึ่งที่ไม่รู้ที่มาพุ่งมาด้านหลังของสุนัขป่าสองตัวนั้น และคว้าขาหลังของพวกมันไว้ฝั่งละข้างจากนั้นสุนัขป่าที่บ้าคลั่งก็ตกลงมาจากอากาศสู่พื้น อุ้งเท้าหน้าของมันยังคงเกาะพื้น แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากการควบคุมที่อยู่ด้านหลังได้ดวงตาอันเย็นชาของเย่เสวียนถิงเต็มไปด้วยความอาฆาต ทันใดนั้นเขาก็ออกแรงที่แขนและเหวี่ยงสุนัขป่าสองตัวที่มีน้ำหนักสองร้อยจินออกไปความแข็งแกร่งของแขนที่น่าทึ่งเช่นนี้ทำให้ผู้คนมากมายรอบตัวเริ่มเลิ่กลั่กแม้แต่ฮ่องเต้เฒ่าก็ยังประหลาดใจอย่างยิ่งเขาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วพูดทันที “เร็ว จับสุนัขป่าไว้!”ร่างกายของซูเฟยยังคงสั่นเทาเมื่อซูชิงอู่เห็นว่าช่วงเวลาวิกฤตสิ้นสุดลงแล้ว นางก็
ซูชิงอู่ปฏิเสธอย่างไม่ไยดี นางไม่โง่พอที่จะปล่อยให้ราชครูเข้ามาใกล้“ไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านราชครูหรอกเพคะ”ราชครูเฒ่าเลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาของเขาส่อประกายมืดมนเขาไม่สนใจว่าซูชิงอู่จะตกลงหรือไม่ ดังนั้นหลังจากถูกปฏิเสธ เขาก็เดินกลับมาอยู่ข้างฮ่องเต้เฒ่าเรื่องตรวจสอบที่มาการโจมตีของสุนัขป่าจบโดยที่ยังไม่ได้ข้อสรุป และคนเหล่านั้นต้องกลับเข้าไปในโถงทางเดินอีกครั้งเพื่อเข้ารับการตรวจค้นเวลาค่อย ๆ ผ่านไป และไม่นานก็ถึงเวลาเที่ยงวัน“ฝ่าบาท นางสนมทั้งหมดได้รับการตรวจสอบแล้ว ไม่พบสิ่งใดผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ!”“เป็นไปได้อย่างไร?”สีหน้าของฮ่องเต้เฒ่าแข็งค้าง ดูแปลกไปเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่ามีคนนำหนูเข้ามา การที่มันบุกเข้าไปในตำหนักที่บรรดานางสนมอาศัยก็คงจะฝีมือของสนมคนใดคนหนึ่งที่อยู่ในนั้นหลังจากตรวจสอบรอบหนึ่งแล้วก็ไม่พบสิ่งใด ทำให้ฮ่องเต้เฒ่าประหลาดใจใครกันแน่ที่สามารถนำบางสิ่งเข้ามาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ถูกจับได้เช่นนี้?เจียวกุ้ยเฟยลูบผมแล้วพูดว่า “เมื่อครู่สุนัขป่าสองตัวก็ถูกพระชายาเสวียนดึงดูดเช่นกัน เป็นไปได้ไหมเพคะที่หนูก็ถูกนางดึงดูดมาด้วย? อาจมีกลิ่นพิเศษบางอย่างบนร่างกายของนา