นางตะโกนอย่างรวดเร็ว “หัวจิ่น ดูสิว่าน้องสาวของเจ้ากำลังทำอะไร?”ซูชิงอู่เลิกคิ้ว ดวงตาของนางจ้องมองร่างทั้งสามที่เดินเข้ามาจากประตูในตอนแรกนางตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ซูหัวจิ่นถูกคนรับใช้ของตระกูลซูเรียกตัวมาอย่างรีบร้อน เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่เขาเดินมาถึงข้างนอกก็เห็นควันหนาทึบลอยออกมาจากจวนอัครเสนาบดี เขาจึงเร่งฝีเท้านำคนมาที่นี่เขาพบว่าคนทั้งตระกูลซูต่างมีสีหน้าหม่นหมอง อัครเสนาบดีซูนั่งอยู่ในห้องรับแขกโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฮูหยินเฒ่าทรุดตัวอยู่ตรงประตู และมีคนของซูชิงอู่กดท่านอาซูอวิ๋นให้คุกเข่าอยู่บนพื้น ภาพตรงหน้าชวนให้ตกตะลึง ทำเอาเขาประหลาดใจเล็กน้อยนี่มันเรื่องอะไรกัน?“ชิงอู่!”ซูฉางเซิงและซูเชียนหมิงเดินตามเข้ามา คนที่เป็นพี่ห้าก็รีบตะโกนขึ้นคิ้วของซูชิงอู่เลิกขึ้นทันที“พี่ใหญ่ พี่รอง พี่ห้า เหตุใดพวกท่านถึงมาที่นี่?”ซูฉางเซิงเดินไปที่ด้านข้างของซูชิงอู่ สีหน้าของเขานิ่งสงบราวกับสายน้ำที่ใสสะอาด “มีคนส่งข่าวมาบอกพี่ใหญ่ว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับตระกูลซู ข้าก็เลยตามมาดู อืม ดูความคึกคักน่ะ”เขาไม่ได้ปรายตามองซูอวิ๋นด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรเขา
“ข้า…”ซูอวิ๋นโกรธจนหน้าแดงก่ำ หน้าอกของนางสั่นอย่างรุนแรงในเวลานั้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเหมือนมีใบมีดพุ่งออกมาสายตาคู่นั้น“เชียนหมิง ฉางเซิง…”ซูอวิ๋นอยากลองดูว่านางสามารถโน้มน้าวคนอื่นได้หรือไม่ถึงอย่างไรพี่น้องเหล่านี้ล้วนมาจากท้องแม่เดียวกัน ขอเพียงหนึ่งในนั้นสามารถต่อต้านซูชิงอู่ได้ นางก็จะไม่เดือดร้อนแต่ผลลัพธ์คือ…ซูเชียนหมิงมองอย่างเอือมระอาในฐานะที่เป็นคนคลั่งน้องสาว แม้จะเชิญฮ่องเต้เสด็จมา เขาก็จะยังคงเข้าข้างน้องสาวของตัวเอง!ไม่ต้องพูดถึงซูฉางเซิง ซูชิงอู่ช่วยชีวิตเขาไว้ อีกทั้งหลายปีมานี้เขาเป็นคนเดียวที่ได้รับการใส่ใจดูแลน้อยที่สุด เขาจึงไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันกับตระกูลซูมากนัก“พะ...พวกเจ้ามันเป็นหมาป่าตาขาวตามที่คาดไว้จริง ๆ ตระกูลซูเลี้ยงพวกเจ้ามาอย่างไร้ประโยชน์สินะ ไม่แปลกใจเลยเกิดมาจากท้องของผู้หญิงคนนั้น พวกเจ้ามัน กรี๊ด…”จู่ ๆ ซูอวิ๋นก็กรีดร้องสาเหตุก็คือซูหัวจิ่นเตะนางแม้เขาจะไม่ได้ฝึกศิลปะการต่อสู้ แต่เขาเป็นชายร่างใหญ่ ลูกเตะนั้นใช้กำลังไม่มากก็ทำให้ซูอวิ๋นล้มลงกับพื้น“ข้าไม่อนุญาตให้ท่านพูดจาว่าร้ายท่านแม่ ต้องทำให้ท่านสงบ
ซูหัวจิ่นเห็นว่าใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าซีดราวกับกระดาษ หายใจไม่สะดวก และเห็นได้ชัดว่านางโกรธมาก เขาจึงตัดสินใจทันที “เชียนหมิง ไปตามหมอมา”แม้ว่าสิ่งที่ซูชิงอู่ทำจะถูกต้องตามหลักการ แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังคงเป็นผู้อาวุโส แม้ว่านางจะทำผิดพลาดมากมาย ก็ไม่ควรทำให้ถึงตายเหตุผลหลักคือเขากังวลว่ามันจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของซูชิงอู่ หากฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนถึงตายไปจริง ๆ ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนจะนินทาว่าร้ายและด่าทอนางอย่างแน่นอนซูหัวจิ่นไม่อาจยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอนซูชิงอู่กล่าวว่า "ไม่ต้องลำบากเรียกหมอมาหรอก นางก็แค่โกรธ ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ นางจะไม่ตาย"นางเบะปาก แล้วก้าวไปหาฮูหยินผู้เฒ่าทันที แม่นมอูลุกขึ้นยืนและบังฮูหยินผู้เฒ่าไว้ข้างหลัง ราวกับเป็นผู้พิทักษ์"ท่านคิดจะทำอะไร?""ทำอะไรน่ะหรือ?"ซูชิงอู่มองนางด้วยความสับสน "นางเป็นแบบนี้แล้ว เป็นไม้ใกล้ฝั่งเข้าไปทุกที ข้าจะทำอะไรนางได้อีกล่ะ หลีกทาง!"ซูชิงอู่ตวาด ก่อนที่แม่นมอูจะทันได้ลงมือ นางก็ถูกอวิ๋นจื่ออวิ๋นชิงลากออกไปด้านข้างซูชิงอู่หยิบยาออกมาจากสาปเสื้อ แล้วยัดยาเข้าไปในปากของฮูหยินผู้เฒ่าฮูหยินผู้
ซูหัวจิ่นตกตะลึงเล็กน้อยอัครเสนาบดีซูเป็นขุนนางมาหลายทศวรรษแล้ว และเป็นเรื่องยากมากที่จะยอมรับว่าเขาควรออกจากเมืองหลวงแต่วันนี้เขากลับพูดออกมาอย่างง่ายดาย“สิ่งที่น้องสาวเจ้าทำถูกทั้งหมด ทุกอย่างเป็นความผิดของพ่อ ข้าผิดต่อแม่ของพวกเจ้าและผิดต่อตัวพวกเจ้าด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของข้าเอง...”เสียงของเขาแหบแห้งและเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าเหลือคณาเมื่อเห็นว่าเขาหดหู่เพียงใด ซูอวิ๋นก็ตะโกนเสียงดัง "พี่ใหญ่ ท่านกำลังทำอะไร ข้ากลับมาที่เมืองหลวงเพื่อช่วยให้ท่านกลับเข้ารับตำแหน่งโดยเฉพาะ แต่ท่านกลับต้องการออกจากเมืองหลวงเสียเอง แล้วข้าเล่า? ข้าควรทำอย่างไร!"ดวงตาของซูอวิ๋นเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ และร่างกายของนางก็สั่นสะท้านแม้ในที่สุดนางก็มีสถานะเช่นในปัจจุบันและสามารถยืนหยัดในจวนของท่านอ๋องได้ แต่นางยังต้องได้รับการสนับสนุนจากตระกูลซู หากอัครเสนาบดีซูออกจากเมืองหลวงไป อนุคนนี้ก็คงถูกกำหนดให้เป็นอนุไปตลอดชีวิต…นางไม่มีทางยอม!ดวงตาของซูอวิ๋นแดงก่ำ กัดฟันด้วยความโกรธ แผนการทั้งหมดถูกทำลายลงแล้ว!“ข้าเป็นน้องสาวของท่าน ท่านไม่สนใจข้าอีกต่อไปแล้วหรือ?”ซูอู่มองดูนา
“อู่เอ๋อร์...”ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงอยากจะแก้ตัว แต่อัครเสนาบดีซูตวาดเสียงดัง "ท่านแม่ ท่านอย่าพูดอะไรอีกเลย!"ฮูหยินผู้เฒ่าเงียบลงทันทีอัครเสนาบดีซูมองไปที่แม่ของเขาและซูอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเวียนหัวอย่างรุนแรง“อีกนัยหนึ่งคือ ท่านใส่ร้ายฟางอี๋ซินและบอกว่านางไม่ได้ท้องกับข้าโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ เลย?”ทั่วทั้งห้องโถงถูกความเงียบงันปกคลุมทันใดนั้นซูอวิ๋นก็พูดว่า "พี่ใหญ่ ท่านเป็นถึงอัครเสนาบดี ฟางอี๋ซินเป็นใครกัน ท่านมีภรรยาหลายคนไม่ใช่เรื่องแปลก ทำไมต้องรักษาความบริสุทธิ์เพื่อผู้หญิงคนเดียวด้วย!"อัครเสนาบดีซูพูดอย่างเย็นชา "นั่นคือสิ่งที่ข้าสัญญากับนางตอนที่นางแต่งงานกับข้า!"ซูอวิ๋นไม่เห็นด้วย "สัญญาแล้วจะอย่างไร นางแต่งเข้ามาแล้ว ยังกล้าโต้แย้งกับท่านอีกหรือพี่ใหญ่"เมื่อได้ยินสิ่งที่น้องสาวและมารดาพูด อัครเสนาบดีซูรู้สึกว่าโลกกำลังกลับหัว สองคนนี้นี่จริง ๆ เลย…ไร้ยางอายเสียจริง!ก่อนหน้านี้มันเป็นความผิดของเขา เขาเป็นคนที่ทำให้ฮูหยินของตนผิดหวัง แต่ตอนนี้ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรเขาจะยอมรับไว้เอง“การผิดสัญญาของข้าที่ทำให้อี๋ซินจากข้าไป และทำให้ข้าไม่มีวันได้เจอนางอ
“น่าเสียดายที่เราไม่สามารถยึดทรัพย์สินชิ้นสุดท้ายจากจวนอัครเสนาบดีได้ พวกเขามีเงินเหล่านี้ ออกไปจากเมืองหลวงก็ยังมีชีวิตที่ดีได้”ซูชิงอู่ถึงกับพูดไม่ออก "..."ถึงคราวโหดพี่ใหญ่ก็โหดจริง ๆ!ซูชิงอู่ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ นางลดเสียงลง กระซิบข้างหูซูหัวจิ่นถึงสาเหตุที่ตนมายังจวนอัครเสนาบดีทันทีที่พูดจบ นางก็เห็นว่าพี่ใหญ่ของนางที่สงบในตอนแรกก็โกรธขึ้นมาทันที“ชิงอู่ เจ้าพูดจริงหรือ?”ซูชิงอู่กล่าวว่า "แม้ข้าจะได้ยินมาจากไทเฮา แต่ก็เป็นความจริงมากถึงเก้าในสิบส่วน"“น่ารังเกียจอย่างยิ่ง!”ซูหัวจิ่นรู้สึกคลื่นไส้ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ใช้เวลาพักใหญ่จึงควบคุมความโกรธได้เขาเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวอย่างเด็ดขาด "หาคนมารื้อจวนอัครเสนาบดีให้ข้าที ที่นี่สกปรก สกปรกเหลือเกิน!"เมื่อเห็นว่าพี่ใหญ่โกรธมาก พี่ชายอีกสองคนก็รู้สึกแบบเดียวกันไปโดยธรรมชาติมารดามีความสำคัญมากในใจพวกเขา สำคัญยิ่งกว่าตระกูลซูทั้งหมดหลังปีใหม่ในวันเทศกาลโคมไฟ วันที่สิบห้าของเดือนแรกของปี ทั้งเมืองหลวงรู้ข่าวใหญ่ว่าคฤหาสน์ขุนนางถูกไฟไหม้จนมอดไหม้หมดสิ้นทั้งจวนหายไปแล้วในวันรุ่งขึ้นเมื่อมองไปก็มองเห็นเพียงซากปรั
"ไม่ต้องกังวลเพคะ พระชายา ในจวนอ๋องมีองครักษ์มากกว่าสองร้อยคน พวกเขาจะต้านคนข้างนอกได้อย่างแน่นอน!”ซูชิงอู่ไม่ได้คิดจะนั่งอยู่ในห้องนางเงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหันพร้อมเอ่ยเสียงเย็นชา "ข้าจะออกไปดู จะได้เห็นว่าเขากล้าหยิ่งผยองต่อหน้าข้าได้อย่างไร"ที่ด้านนอกประตูจวนอ๋องมีทหารม้าในชุดเกราะสีเงินล้อมรอบประตูเป็นชั้น ๆในกลุ่มนั้นมีคนหนึ่งนั่งในเกี้ยว เป็นชายวัยกลางคนที่ดูท้วมเล็กน้อยเนื้อบนใบหน้าอูมเกือบจะเบียดกันตาเล็ก ๆ หรี่ลงเล็กน้อย“ถ้าไม่มีใครออกมา ก็เผาที่นี่ซะ!”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”กงชินอ๋องลูบเคราน้อย ๆ บนคาง สีหน้าของเขาเย็นชาอย่างยิ่งเขามีอนุนับไม่ถ้วน และเขามีทายาทในท้องอนุของเขาเพียงคนเดียว แต่เมื่อนางออกไปเมื่อวานกลับมาเด็กในท้องก็หายไปแล้ว!ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าใด ดวงตาของกงชินอ๋องก็เต็มไปด้วยแววตาที่น่ากลัว ราวกับว่าเขาต้องการต่อสู้กับจวนอ๋องเสวียนให้ตายกันไปข้างหนึ่ง!ทันใดนั้น ประตูจวนอ๋องเสวียนก็ถูกผลักให้เปิดออกร่างหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับบ่าวรับใช้สองสามคนซูชิงอู่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย และใบหน้าของนางก็งดงามมากจนทำให้บุรุษหลายคนลืมหายใจไปในทันที
“ท่านว่าอะไรนะ พูดอีกทีซิ”“ข้าบอกว่า...”แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ลูกศรก็ผ่าอากาศเข้ามา หากกงชินอ๋องหลบไม่ทัน ลูกธนูคงจะแทงเข้าที่ลำคอของเขาอย่างแน่นอน"อ๊า!"กงชินอ๋องกรีดร้องออกมาเสียงดัง เมื่อแตะที่คอของตัวเอง ก็รู้สึกได้ถึงเลือดบนมือของเขาดวงตาของเขาเบิกกว้าง ใบหน้าของเขาซีดลงทันที“คุ้มกัน! ปกป้องข้าเร็วเข้า!”ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดรวมตัวกันทันทีและปกป้องกงชินอ๋องเอาไว้ พลางมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาที่ระแวดระวังจากนั้นกงชินอ๋องก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ไม่รู้ว่ามีกี่คนกำลังขี่ม้าเข้ามา เสียงกีบม้าเหยียบย่ำไปตามพื้นผู้คนที่อยู่ใกล้ ๆ รีบหดหัวกลับเข้าไปในบ้าน ไม่กล้ามองแม้แต่น้อยกงชินอ๋องตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าผู้นำสวมชุดคลุมสีดำ ผมสีเข้ม และครอบกวานสีทอง ใบหน้าหล่อเหลาหมดจดใบหน้าของเย่เสวียนถิงเย็นชาอย่างน่ากลัว เขายังคงถือธนูและลูกธนูไว้ ยกนิ้วขึ้นเพียงเล็กน้อย ก่อนจะดึงลูกธนูอีกสามดอกออกมาก่อนเล็งไปที่ศีรษะของกงชินอ๋องที่อยู่ไม่ไกลใบหน้าของกงชินอ๋องเปลี่ยนเป็นเย็นชา "เย่เสวียนถิง เจ้ากล้าโจมตีข้าหรือ?"สีหน้าของเย่เสวียนถิงนั้นเย็นชา และเขาก็ง้างคันธนูและ