ไทเฮาพยักหน้า “พวกเขาทุกคนล้วนทำตัวอวดดีต่อหน้าข้า จะเทียบกับเจ้าที่สุขุมเป็นผู้ใหญ่กว่า ทั้งยังพูดแต่สิ่งที่ข้าอยากฟังได้อย่างไร?”ซูชิงอู่ยิ้มเยาะอยู่ในใจนางไม่ใช่องค์หญิงหรือองค์ชาย หากนางกล้าอวดดีต่อหน้าไทเฮา คงถูกนางกำนัลอาวุโสรีบพาตัวไปอบรมมารยาทแล้วจู่ ๆ ไทเฮาก็ลูบหน้าผาก ตอนนี้พระนางคงจะเหนื่อยแล้วพระนางโบกมือพลางพูดว่า “รับน้ำใจจากข้าไปเถิด นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้าคงต้องพักผ่อนเสียหน่อย”“ในเมื่อไทเฮาทรงเหนื่อยแล้ว เช่นนั้นชิงอู่ขอไม่รบกวนการพักผ่อนเพคะ”มือของไทเฮาที่ถือลูกประคำขยับเล็กน้อย นางพยักหน้า “อืม ข้าไม่ส่งเจ้านะ”เย่เสวียนถิงกับซูชิงอู่ออกมาจากตำหนักฉืออันซูชิงอู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและใช้แสงจันทร์เพื่อดูท่าทางของเย่เสวียนถิงให้ชัดเจน ทันใดนั้นใต้ตาของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดง นางยืนเขย่งเท้าและประทับจูบที่ริมฝีปากของเขา“ท่านอ๋อง ขอบคุณนะเจ้าคะ”“ขอบคุณเรื่องอะไร?”เย่เสวียนถิงใช้แขนโอบรอบเอวของซูชิงอู่และจูบนางเบา ๆ ที่หน้าผากด้วยท่าทางอ่อนโยนและสนิทสนมซูชิงอู่พิงเขา ความอบอุ่นในร่างกายของเขาทำให้นางรู้สึกสบายใจเป็นพิเศษ“ขอบคุณที่ปกป้องและดูแลข้ามาห
เพราะเมื่อไม่นานมานี้นางถูกซูชิงอู่จัดการ คราวนี้องค์หญิงสี่สงบเสงี่ยมเป็นอย่างมากพลางสั่งให้กลุ่มของนางแหวกทางให้เมื่อเห็นนางทำตัวสุภาพ ซูชิงอู่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยพลางเหลือบมองนางสายตาคู่นั้นมีความหมายลึกซึ้งองค์หญิงสี่รู้สึกเหมือนกำลังตกเป็นเป้าของงูพิษร่างกายของนางชาวาบ มือและเท้าของนางแข็งทื่อเล็กน้อย จนกระทั่งซูชิงอู่เดินจากไปไกลแล้ว นางจึงค่อย ๆ รู้สึกอุ่นขึ้นเย่หมิงเยว่กัดฟันพูด “เพิ่งจะตั้งท้องไม่ใช่รึ ภูมิใจอะไรนักหนา? ระวังตัวไว้เถอะ เด็กจะไม่ได้ลืมตาดูโลก ถึงเด็กจะได้เกิดมาก็คงไม่สามารถเติบโตได้อย่างปลอดภัยหรอก!”นางพึมพำกับตัวเอง คำพูดของนางเต็มไปด้วยคำสาปแช่งและความอาฆาตพยาบาทนางก้าวเข้าไปในห้องเห็นไทเฮาเอนกายบนตั่งนุ่ม ๆ โดยกำลังหลับตาตั้งสมาธิ“ไทเฮาเพคะ หมิงเยว่มีเรื่องจะทูล…”ไทเฮาทรงค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น แลดูเหนื่อยล้าเล็กน้อยแต่พระนางก็ยังคงรวบรวมกำลังตรัสขึ้น “ว่ามา มีเรื่องอะไร?”“ท่านราชครูกลับมาแล้วเพคะ แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาไม่ได้ตรงกลับมาที่วัง ทว่าให้คนส่งข่าวมาที่วังแทน หมิงเยว่บังเอิญไปพบกับคนผู้นั้นมา หม่อมฉันจึงเข้ามากราบทูลไทเฮาด้
ซูชิงอู่ค่อย ๆ ย่อตัวนั่งลงมองชิงอวี่“เจ้าแน่ใจหรือว่าต่อไปนี้จะติดตามข้า?”ชิงอวี่พยักหน้าแรง ๆ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความหวัง“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องคิดดูให้ดี จะเกิดอันตรายมากมาย หากทำผิดพลาดอาจส่งผลถึงชีวิต อีกทั้งข้าก็ต้องการความจงรักภักดีจากเจ้า หากเจ้าทรยศข้า จุดจบก็คงไม่พ้นความตาย!”ชิงอวี่แทบไม่ลังเลเมื่อได้ยินเช่นนั้น“ข้าตกลงขอรับ การได้ทำเพื่อท่านผู้มีพระคุณถือเป็นความกรุณาอย่างหาที่สุดไม่ได้ ข้าจะไม่มีวันทรยศท่านขอรับ!”ซูชิงอู่ยิ้ม“เช่นนั้นก็ดี เจ้ารับผิดชอบคนกลุ่มนี้ก็แล้วกัน เมื่อพวกเจ้าทุกคนหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว ข้าจะจัดเตรียมทุกอย่างให้กับพวกเจ้า”เมื่อได้ยินคำพูดของซูชิงอู่ ใบหน้าของคนหนุ่มสาวทุกคนก็มีความปลิ้มปิติ ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายหลังจากการรักษาเสร็จสิ้นไปอีกครั้ง เย่เสวียนถิงก็กระซิบข้างหูของนาง “อาอู่ช่างมีเมตตาจริง ๆ ”ซูชิงอู่ยิ้ม “ท่านก็พูดเกินไป พวกเขามีค่ามากนะ”เย่เสวียนถิงมองรอยยิ้มของนาง หัวใจที่ตึงเครียดของเขาก็ผ่อนคลายลงเขาถามว่า “อาอู่ชอบชายหนุ่มที่ชื่อชิงอวี่มากหรือ?”ซูชิงอู่พยักหน้า “ประมาณหนึ่งเลย แม้เขายังเด็กแต่มีความคิดที่แน่
เมื่อซูชิงอู่ได้ยินว่ามีคนจากจวนอัครเสนาบดีมา นางก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะไม่ใช่ว่านางเก็บสิ่งที่ไทเฮาตรัสไว้มาคิด แต่ช่วงนี้นางยุ่งมากจนไม่มีเวลา“ไปสิ ทำไมจะไม่ไปล่ะ? พอดีเลย ข้าเองก็มีเรื่องจะพูดกับคนผู้นั้นอยู่มากทีเดียว”เมื่ออวิ๋นจื่อได้ยินซูชิงอู่เรียกอัครเสนาบดีซูว่าคนผู้นั้น นางก็รู้ว่าพระชายาของนางไม่พอใจเพียงใด“เพคะ เช่นนี้หม่อมฉันจะไปตอบกลับคำเชิญ”“ไม่ต้อง”ซูชิงอู่ห้ามนาง “ให้เขารอข้างนอกนั่นแหละ”ตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ปล่อยให้พ่อบ้านที่มาส่งข้อความยืนรออีกสักหน่อยก็คงไม่เสียหายกว่าซูชิงอู่จะจัดของเสร็จและออกจากห้อง เวลาก็ผ่านไปสองชั่วโมงแล้วทำเอาพ่อบ้านเกือบจะแข็งตายในที่สุดเมื่อเห็นซูชิงอู่ออกมา เขาก็ถูขาที่แข็งด้วยความหนาวแล้วพูดว่า “เร็ว ๆ รีบพาพระชายากลับจวน!”ประตูทางเข้าซูและสวนจวนตระกูลซูนั้นดูรกร้างเล็กน้อยเดิมทีมันครอบครองตำแหน่งที่ตั้งดีที่สุด แต่ตอนนี้กลับมีแต่ความรู้สึกหดหู่แม้แต่ใยแมงมุมตรงจุดเชื่อมประตูก็ไม่มีการทำความสะอาดพ่อบ้านเปิดประตูแล้วตะโกนเข้าไปข้างในทันที “พระชายากลับมาแล้ว!”คนรับใช้ในจวนตระกูลซูรีบออกมายืนทั้งสองฝั่งอย่าง
ดวงตาของอัครเสนาบดีซูเบิกกว้าง มือที่ถือถ้วยชากำลังสั่นสุดท้ายถ้วยชาในมือของเขาก็ตกแตกเป็นชิ้น ๆ“เจ้า…รู้หมดทุกอย่างแล้ว?”ซูชิงอู่พยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ ข้าเคยได้ยินเรื่องนี้มา ท่านแม่มีคนมาตามเกี้ยวมากมาย แต่สุดท้ายคนที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเช่นท่านกลับได้สาวงามไปครอบครอง คนอื่นคงอิจฉาท่านแย่เลย!”ดวงตาของนางเย็นชาและน้ำเสียงของนางก็เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยอัครเสนาบดีซูรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงกระดูกสันหลัง ความลับที่เก็บไว้ลึกสุดใจของเขาถูกเปิดเผย นั่นทำให้หน้าของเขาเริ่มแดง“ชิงอู่ เรื่องพวกนั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว พ่อกับแม่ของเจ้ารักกันมานานหลายปี ไม่เช่นนั้นคงไม่มีพวกเจ้าออกมาหรอก”ทันใดนั้นซูชิงอู่ก็ตบฝ่ามือลงบนโต๊ะ และเสียงอันก้องกังวานก็สั่นหัวใจของอัครเสนาบดีซู“จะเป็นไปได้อย่างไร สิ่งที่ตระกูลซูของท่านทำกับแม่ของข้า แม้จะทำให้พวกท่านหายไปก็ยังไม่พอ แม้ท่านจะใช้วิธีดังกล่าวเพื่อให้ได้นางมา ท่านก็ยังคงไม่ทะนุถนอมนาง!”ดวงตาของอัครเสนาบดีซูแดงก่ำทันทีเขาอายุห้าสิบปีแล้ว แต่ตอนนี้เขากำลังร้องไห้ ร่างกายของเขาดูทรุดโทรม เหมือนคนที่ทำผิดแล้วเสียใจภายหลัง“พ่อต้องขอโทษแม่ของเจ้าด้
ซูชิงอู่มองหญิงชรานิสัยเสียและอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ“ตระกูลซูช่างน่าสนใจจริง ๆ ผู้นำตระกูลเฒ่าจิตใจโหดเหี้ยม ประสงค์ร้ายกับหญิงสาวผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ฮูหยินเฒ่าก็รู้สึกว่าตนถูกแย่งลูกชายไปจึงแอบแทงคนอื่นข้างหลังเพื่อทำลายชื่อเสียงของพวกเขา รวมไปถึงซูอู่...ภรรยากำลังท้องแต่กลับออกไปหาคู่นอน ซ้ำยังพาคนไม่มีหัวนอนปลายเท้ากลับมาเลี้ยงดู ตอนนี้มาบอกกับข้าว่าเสียใจรึ? น่าขันนัก!”ทุกคำที่ซูชิงอู่พูดนั้นทิ่มแทงหัวใจของคนในครอบครัวนี้นางเพียงคิดว่าทั้งตระกูลซูมีแต่ความเน่าเฟะ ทำให้นางรู้สึกว่าอากาศที่นี่มันช่างน่าขยะแขยงเหลือเกินอวิ๋นจื่อและอวิ๋นชิงรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินคำพูดของซูชิงอู่ ครอบครัวนี้ชวนให้โดนดูถูกเสียจริงเหตุใดคุณชายและคุณหนูจึงแตกต่างจากคนในตระกูลซู?แน่นอนเป็นเพราะฮูหยินฮูหยินเฒ่าโกรธมากเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ดวงตาของนางเบิกกว้างและอกสั่นอย่างรุนแรง“จะ...เจ้ากล้าเถียงข้ารึ!”ซูชิงอู่หัวเราะเยาะ “ข้าไม่ได้แค่เถียง…”นางเงยหน้ามองจวนหลังใหญ่อันว่างเปล่าทันใดนั้นนางก็พูดกับอวิ๋นจื่อและอวิ๋นชิง “ข้าไม่อยากเห็นที่นี่แล้ว เผาทิ้งเสีย”“เพคะพระชายา!”อวิ๋นจื
“ข้ายืนดูอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน ดูจวนอัครเสนาบดีกลายเป็นเถ้าถ่าน”ฮูหยินเฒ่ารู้แล้วว่านางไม่ได้ล้อเล่นนางอ้าปาก ร่างกายของนางเหี่ยวเฉาเหมือนมะเขือยาวที่ถูกน้ำค้างแข็งดวงตาของนางสั่นไหว จู่ ๆ นางก็จำอะไรบางอย่างได้ นางดึงแขนเสื้อของแม่นมอูที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดว่า “ไป รีบไปเชิญท่านหญิงใหญ่กลับมา!”“เจ้าค่ะ ๆ บ่าวจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”ซูชิงอู่เลิกคิ้วเล็กน้อยท่านหญิงใหญ่?หลังจากการเตือนความจำดังกล่าว นางก็นึกถึงคนผู้นั้นขึ้นมาแต่เนื่องจากภาพจำของนางตื้นเขินมาก นางจึงลืมไปว่านางมีท่านอาอยู่อีกทว่าหลังจากที่นางเกิด ท่านอาคนนี้ก็ไม่เคยกลับมาที่จวนอัครเสนาบดีอีกเลย ส่วนนางแต่งงานเข้าตระกูลไหนไปนั้นตนก็ไม่เคยรู้เลยแม้ชาติที่แล้วจวนอัครเสนาบดีจะถูกทำลายไป นางก็ไม่เคยเห็นคนที่เรียกว่าอากลับมาบ้านอีกเลยนางถามอวิ๋นจื่อ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านหญิงใหญ่คนนั้นคือใคร?”อวิ๋นจื่อ คิดอยู่นานก่อนจะพูดว่า “หม่อมฉันเองก็รู้ไม่มากนัก ก่อนหน้านี้เคยได้ยินจากคนรับใช้ในจวนว่าบุตรีคนโตของตระกูลซูรุ่นก่อนชื่อซูอวิ๋น นางแต่งงานเข้าไปเป็นอนุภรรยาในตระกูลมั่งคั่งเพคะ”เช่นนี้นี่เอง…หากนางเป็นภรรยาเอ
ซูอวิ๋นประคองฮูหยินเฒ่าลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปมองซูชิงอู่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ที่กำลังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ใบหน้าทรงเสน่ห์แสดงความโกรธเกรี้ยว “ซูชิงอู่ ดูสิว่าเจ้าทำให้ตระกูลซูตกในอยู่ความน่าสังเวชเพียงใด แม่นมอูเล่าให้ข้าฟังหมดแล้วว่าเจ้าพูดอะไรไว้บ้าง เจ้านี่ช่างไร้เหตุผลจริง ๆ !นอกเหนือจากสถานะและชนชั้นของตระกูลซู ตอนที่ท่านพ่อของข้ายังมีชีวิตอยู่เป็นบุคคลที่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้องค์ก่อน การที่แม่ของเจ้าได้แต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้ในตระกูลเราก็ถือว่าเป็นบุญมากแล้วอีกทั้งพี่ใหญ่ก็เป็นถึงอัครเสนาบดี รับอนุเข้ามาแล้วอย่างไร? เป็นเรื่องปกติที่บุรุษจะมีภรรยาหลายคน แม่ของเจ้าไม่ใช่นางฟ้านางสวรรค์เสียหน่อย ตัวเองไม่ได้ใจสามีแล้วยังจะไปโทษคนอื่นอีกรึ?”ซูชิงอู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้นตามที่คาดไว้ ดังคำว่าที่ว่า ‘ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่’ ซูอวิ๋นยังคงพอใจที่ได้เป็นอนุ และถึงกับคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา...ซูชิงอู่มองคู่แม่และลูกผู้แสนโง่เขลาแต่หากตรองดี ๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ดูเหมือนนางจะเป็นคนเดียวที่เห็นปัญหาจากมุมที่ต่างออกไป“ในเมื่อท่านต้องการให้พูดอย่างมีเหตุผล