เย่เสวียนถิงส่งเสียงฮึมฮัม "อีกอย่าง หากอาอู่จะปลอมตัวอีกครั้ง อย่าลืมทำเครื่องหมายบนร่างกายที่มีเพียงเจ้าและข้าที่รู้เท่านั้นด้วย..."เขากำลังจะพูดต่อเมื่อจู่ ๆ เขาก็หยุดชั่วคราว "ไม่จำเป็นหรอก"ซูชิงอู่สับสน “ทำไม? ข้าคิดว่านี่ฟังดูเข้าท่านะ”เย่เสวียนถิงกล่าวว่า “คราวนี้มันเป็นแค่เหตุสุดวิสัย ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะปลอมตัวเป็นพระหนุ่ม” เขาปัดผมของซูชิงอู่ขึ้นจากหน้าผากของนาง จากนั้นมองลึกเข้าไปในดวงตาของซูชิงอู่“ครั้งต่อไป ข้าจะจำเจ้าได้อย่างรวดเร็ว และจะไม่มีข้อผิดพลาดอีก ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องทำเครื่องหมายอะไรทั้งนั้น”ซูชิงอู่ประหลาดใจ “จะเป็นไปได้ยังไง?”นางยังคงมั่นใจในทักษะการปลอมตัวของนางมากเย่เสวียนถิงกล่าวว่า “เป็นไปได้แน่ ไม่มีทางเกิดเรื่องประหลาดอะไรขึ้นอีก”เพราะตราบใดที่เขามองเข้าไปในดวงตาของซูชิงอู่ เขาก็จะจำนางได้ครั้งที่แล้วเขาประมาทและประเมินชายาของเขาต่ำไปทันใดนั้น ซูชิงอู่ก็เริ่มสนใจ "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะไปเปลี่ยนรูปลักษณ์ของข้า ลองดูไหมว่าท่านจะค้นหาข้าท่ามกลางผู้คนมากมายได้หรือไม่ ดีไหม?"เย่เสวียนถิงมองดูใบหน้ากระตือรือร้นของนางและกดศีรษะลงบนหมอน"
รถม้าคันหนึ่งหยุดอยู่นอกประตูข้าราชบริพารในวังเข้ามาทันทีและประกาศว่า "ฝ่าบาท พระชายา มีสารจากพระราชวังพ่ะย่ะค่ะ ได้ยินมาว่าพระองค์ทรงตั้งครรภ์ ซูเฟยรู้สึกปิติยินดีมาก จึงส่งคนมาเชิญพระองค์เข้าวังด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ... ”เย่เสวียนถิงขมวดคิ้วทันที“อาอู่กำลังตั้งครรภ์ไม่ควรขยับร่างกายมากนัก เหตุใดตอนนี้ท่านแม่ถึงได้เรียกหานางล่ะ?”ทุกคนตกตะลึงหลังจากที่ซูเฟยได้รับข่าว นางก็มีความสุขมากจนอยากพบพระชายา นั่นก็ถือเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?แต่เมื่อมองดูหน้าท่านอ๋อง บ่าวรับใช้ทุกคนก็ไม่กล้าปริปากพูดเย่เสวียนถิงมีสีหน้าเคร่งขรึม และคอยประคองซูชิงอู่ในอ้อมแขนของเขา ในขณะที่เขาเดินออกไป สายตาของเขาดูเป็นปรปักษ์กับทุกคนเล็กน้อยดูเหมือนว่าหากมีใครเข้าใกล้ซูชิงอู่ ก็แปลว่าคนพวกนั้นจะทำร้ายนางได้ซูชิงอู่คิดว่าความรู้สึกนี้นับว่าวิเศษมาก ดูเหมือนว่าจู่ ๆ นางก็ได้กลายเป็นทรัพย์สมบัติแสนเปราะบางที่พร้อมจะพังทลายลงถูกสัมผัส นางได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนาจากมังกรยักษ์ และไม่มีใครแตะต้องนางได้คิ้วของนางยกสูง และนางก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มหลังจากนั้น เย่เสวียนถิงอุ้มนางขึ้นรถม้าด้วยตัวเอง เขา
ซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงเริ่มจริงจังและแสดงความเคารพทันทีฮ่องเต้เฒ่ากำลังนั่งอยู่ข้างเตาในพระราชวังตำหนัก กำลังเล่นหมากรุกกับซูเฟยเมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวที่ประตู เขาก็มองไปทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยรอยยิ้มและโบกมือให้ซูชิงอู่ "สาวน้อยชิงอู่ มานี่หน่อย"ซูชิงอู่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า "เพคะ เสด็จพ่อ"ฮ่องเต้เฒ่าวางตัวหมากรุกลงแล้วมองไปที่ซูชิงอู่ และในที่สุดก็เพ่งความสนใจไปที่ท้องของนางในฐานะฮ่องเต้ เขามีหูมีตามากมาย ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ใดที่เกิดขึ้น ของเขาย่อมล่วงรู้ทั้งสิ้น“ข้าจะได้หลานชายหรือไม่?”ซูชิงอู่หรี่ตาลง "หม่อมฉันยังไม่รู้ว่าเป็นเด็กในท้องเป็นลูกชายหรือลูกสาว เช่นนั้นหม่อมฉันจึงไม่แน่ใจเพคะ"“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต่างกันหรอก เจ้าสองคนมีความสามารถมากพอกัน ถ้าทารกที่เกิดในท้องของเจ้าเป็นเด็กผู้ชาย เขาจะเป็นหลานชายคนโตของฮ่องเต้เชียวนะ”แสงในดวงตาของซูชิงอู่เป็นประกายเล็กน้อยทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าเด็กในท้องของนางจะสร้างความกดดันให้กับใครหลายคนจากสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนว่านี่จะใช่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะที่ควรหลานชายองค์โตของฮ่องเต้…แม้ว่าตำแห
“ข้าตัดสินใจไปแล้ว ให้เป็นไปตามนั้น”ฮ่องเต้เฒ่ามักจะเผด็จการอยู่เสมอ เช่นนั้นเขาจะล้มเลิกแผนการที่วางไว้เพียงเพราะคำพูดของซูชิงอู่ได้อย่างไรซูชิงอู่ขมวดคิ้ว รู้สึกรำคาญเล็กน้อยจู่ ๆ เย่เสวียนถิงก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดว่า "เสด็จพ่อยังไม่แก่ชราและยังมีโอกาสได้เลี้ยงดูเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง อีกทั้งกระหม่อมยังได้ยินมาว่าสนมในวังบางคนตอนนี้ตั้งครรภ์แล้ว"ฮ่องเต้เฒ่าเลิกคิ้วเล็กน้อย“เสด็จพ่อ ไม่จำเป็นต้องมาแย่งลูกจากลูกชายของตัวเองเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้เฒ่าเลิกตาขึ้นมองเย่เสวียนถิงแล้วยิ้มทันที "แต่ข้าชอบหลานชายตัวน้อยของข้า เจ้าสองคนยังเด็กอยู่ หากลูกคนแรกถูกทิ้งไว้ในวัง เจ้าก็ยังจะมีลูกเพิ่มได้อีกไม่ใช่หรือ?"ทันใดนั้นน้ำเสียงเย็นชาของเย่เสวียนถิงก็ดังขึ้น “ที่เสด็จพ่อเสนอความคิดนี้ ไม่ได้ต้องการที่จะเลี้ยงดูหลานชายตัวน้อยไว้ใกล้ตัว และก็ไม่ใช่เพราะเห็นคุณค่าในตัวเขา แต่เพราะต้องการที่จะกุมจุดอ่อนของลูกไว้มากกว่า”ทันใดนั้นดวงตาของฮ่องเต้ผู้เฒ่าก็มืดลง และเสียงของเขาแสดงความโกรธ "ดูเหมือนว่าข้าจะให้ท้ายเจ้ามากเกินไป ถึงได้ปล่อยให้เจ้ามาพูดจ้าตำหนิข้าได้เช่นนี้"เย่เสวียนถิงเ
นางยืนขึ้นและส่งฮ่องเต้เฒ่าออกไปด้วยตนเอง จากนั้นปิดประตูแล้วมองดูคนสองคนที่ยืนเงียบ ๆ อยู่ในห้องซูเฟยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าดูเศร้าสร้อยเล็กน้อยนางช่วยซูชิงอู่นั่งบนเก้าอี้ทันที“ชิงอู่ เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ต่อไปเวลาเข้าวังอยากได้ทำพิธีการไร้สาระพวกนี้อีก สุขภาพของเจ้าสำคัญที่สุด”ซูชิงอู่กล่าวว่า “ขอบพระทัยซูเฟยที่ทรงเป็นห่วงเพคะ”ซูเฟยโบกมือให้เย่เสวียนถิง "เอาล่ะ เสวียนถิงเราเองก็มานั่งด้วยสิ"เย่เสวียนถิงพยักหน้าและนั่งลงที่ด้านข้างของซูชิงอู่ดูเหมือนว่าชั้นน้ำแข็งจะควบแน่นภายในม่านตาสีเข้มของเขา และมือของเขาก็กำแน่นไม่ยอมคลายซูเฟยเห็นว่าทั้งสองคนได้แต่เงียบและบรรยากาศก็มึนตึงเล็กน้อย นางเทน้ำใส่แก้วให้ซูชิงอู่ทันทีและพูดว่า "เดิมทีนี่เป็นข่าวดี แต่กลายเป็นเรื่องไม่น่าพอใจไปเสียได้ ฝ่าบาทนี่ก็จริง ๆ เลย ไม่รู้เหตุใดเขาถึงหยิบเรื่องแบบนี้ขึ้นมาพูด”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้น "เพราะเสด็จพ่อมั่นใจมากว่ากระหม่อมจะมอบจุดอ่อนให้เขาด้วยมือของกระหม่อมเอง""นี่…"ซูเฟยรู้สึกประหลาดใจ มองดูเย่เสวียนถิงแล้วพูดว่า "หากไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้น ฝ่าบาทจะทรงสามารถนั่งในตำแหน่งนี้ได้อีกเ
จุดประสงค์ของเจียวกุ้ยเฟยที่นำผู้คนมาที่นี่ ล้วนชัดเจนในตัวเองอยู่แล้วแม้ว่านางจะมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ดวงตาของนางก็เย็นชาความเป็นพันธมิตรระหว่างสองฝ่ายกำลังตกอยู่ในอันตรายซูชิงอู่ไม่แยแสต่อความกังวลของเจียวกุ้ยเฟย ท้ายที่สุด นี่คือพันธมิตรที่เจียวกุ้ยเฟยร้องขอหมอหลวงซุนวางผ้าเช็ดหน้าบนข้อมือของซูชิงอู่ จากนั้นจึงคลำดูอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หยุดและพูดว่า "ชายาเสวียนมีชีพจรครรภ์จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ อาจมีอายุครรภ์มากกว่าหนึ่งเดือนแล้ว"แม้ว่านางจะทราบผลลัพธ์อยู่ก่อนแล้ว แต่ซูเฟยก็ยังคงมีความสุขในดวงตา เมื่อได้ยินคำวินิจฉัยของหมอหลวงซุนนางยิ้มแล้วพูดว่า "นั่นหมายความว่าข้าจะมีหลานชายในเดือนตุลาคมปีนี้ใช่หรือไม่?""ขอแสดงความยินดีกับซูเฟย ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องและพระชายาพ่ะย่ะค่ะ"หมอหลวงซุนลุกขึ้นและประสานมือซูชิงอู่ตอบกลับ "ขออภัยที่ทำให้ท่านต้องลำบาก หมอหลวงซุน"นางกะพริบตาแล้วถามว่า "ทารกในครรภ์มีอะไรน่าห่วงหรือไม่?"หมอหลวงซุนพยักหน้า "อย่าได้กังวลไปพะยะค่ะ พระชายา ท่านร่างกายสุขภาพแข็งแรงดี และเด็กในครรภ์ของท่านก็สบายดีเช่นกัน"นางจงใจถามให้เย่เสวียนถ
นางวางสร้อยข้อมือไว้บนมือของซูชิงอู่ทว่าทันทีที่ข้อมือของซูชิงอู่สัมผัสกับสร้อยข้อมือ นางก็ขมวดคิ้วทันทีแต่มีคนนอกห้อมล้อมอยู่ ซูชิงอู่จึงหดแขนกลับอย่างใจเย็นแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม “หม่อมฉันชอบมาก ขอบพระทัยสำหรับความรักและความเมตตาของเสด็จแม่เพคะ”เมื่อเห็นว่าสร้อยข้อมือตกไปอยู่ในมือของซูชิงอู่ กุ้ยเฟยก็รู้สึกโล่งใจนางยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “นี่เป็นของดีนะ ว่ากันว่าหยกช่วยหล่อเลี้ยงผู้คน บุตรที่พระชายาเสวียนจะให้กำเนิดในภายภาคหน้าก็จะงดงามเช่นกัน”นางทิ้งท้ายไว้แล้วพาคนจากไปหลังจากเดินมาไม่ไกลนัก เจียวกุ้ยเฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมานางกำนัลอาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ ถามด้วยความสับสนว่า “กุ้ยเฟยมีเรื่องอะไรน่ายินดีหรือเพคะ?”เจียวกุ้ยเฟยเอาผ้าเช็ดหน้าปิดปาก “ไม่มีอะไร ข้าแค่เห็นบางอย่างที่น่าสนใจ”เห็นได้ชัดว่าซูเฟยและคนอื่น ๆ ไม่พอใจกับการมาถึงอย่างกะทันหันของเจียวกุ้ยเฟยทว่าในวังหลังแห่งนี้ หากก้มหน้าก็ไม่เจอ หากเงยหน้าเป็นต้องเจอ เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้หากจะต้องพบหน้ากันซูชิงอู่สัมผัสสร้อยข้อมือบนมือของตน จากนั้นก็เงยหน้ามองซูเฟย“พระสนม ใครให้สร้อยข้อมือเส้นนี้แก่ท่านหรือเพคะ
พระสนมซูเฟยเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้นจู่ ๆ นางก็รู้สึกเสียใจ“เป็นความผิดของข้าเอง ไม่ควรเรียกชิงอู่เข้ามาในวังตอนนี้เลย”ซูชิงอู่ส่ายหัว “แม้ท่านจะไม่เรียกหม่อมฉัน แต่ฮ่องเต้ก็ต้องมีรับสั่งอยู่ดี ไม่ต่างกันหรอกเพคะ”ซูเฟยเดินไปที่ประตูแล้วพูดว่า “ไปทูลว่าชิงอู่ไม่สบายและกำลังพักผ่อน พรุ่งนี้เช้าข้าจะพานางไปเข้าเฝ้าไทเฮาด้วยตัวเอง”นางกำนัลกำลังจะนำความไปกราบทูล แต่ซูชิงอู่ก็ห้ามไว้“พระสนมไม่ต้องเป็นห่วงชิงอู่หรอกเพคะ ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถปฏิเสธรับสั่งของไทเฮาได้”ซูเฟยกังวลเล็กน้อย “แต่…”เย่เสวียนถิงพยักหน้าเบา ๆ “กระหม่อมจะไปกับอาอู่เองพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ตรวจสอบชิ้นส่วนของสร้อยข้อมือและตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรซ่อนอยู่ข้างในก่อนที่จะสั่งให้คนเก็บกวาดออกไปทั้งหมดสิ่งของเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้ข้ามปีไทเฮาทรงประทับที่ตำหนักฉืออัน เนื่องจากทรงสักการะพระพุทธองค์ตลอดทั้งปี จึงมีวิหารเล็ก ๆ อยู่ในสวนหลังตำหนักทั่วทั้งตำหนักฉืออันค่อนข้างเงียบสงบ ผู้คนในตำหนักต่างก้มหน้าเวลาเดินและพยายามไม่ส่งเสียงดังตอนนี้นางกำนัลอาวุโสนำทางทั้งสองมาที่ประตูตำหนักฉืออัน ไทเฮากำลั