Share

บทที่ 122

Author: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
เซี่ยซางก็คุกเข่าอยู่ท่ามกลางสายฝนเช่นกัน เขาปล่อยให้สายฝนตกกระทบลงบนร่าง ทั่วทั้งร่างของเขาเปียกโชกไปหมดแล้ว ทว่าท้องฟ้าราวกับเกิดรูรั่วก็ไม่ปาน ฝนยิ่งตกยิ่งหนักแล้ว

เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดแม้แต่คำเดียว ในคืนนี้ไม่ว่าจะเป็นคำให้การของชายผู้นั้นหรือคำแก้ตัวของซูกุ้ยเฟย ล้วนมีพิรุธไปเสียทุกจุด ที่เสด็จพ่อเลือกที่จะอดทนก็เพียงเพื่อรักษาเกียรติยศของราชวงศ์เท่านั้น

ซูกุ้ยเฟยเป็นสตรีของฮ่องเต้ แต่นางกลับมีสัมพันธ์สวาทกับบุรุษอื่น ไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงหรือเท็จล้วนไม่อาจป่าวประกาศจนรู้กันไปทั่ว

ทว่าฮองเฮากลับทรงไปจับชู้ด้วยองค์เอง ทำเอาคนรู้กันไปทั่ว เยี่ยนเฟยกับอวี้อ๋องยิ่งพยายามลงดาบซ้ำเติม ก่อความวุ่นวายให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่อีก องค์ชายสามยิ่งไร้สามารถถึงกระทั่งแค่เดินก็ยังเป็นปัญหา องค์ชายสี่อ่อนแอขี้ขลาดรู้จักแต่ร้องไห้ องค์ชายห้าเพิกเฉยไม่ข้องแวะ รักษาตัวรอด…

ฮ่องเต้รู้สึกหนาวเหน็บในใจที่เขามีโอรสมากมาย แต่กลับไม่มีสักคนที่แบกรับงานใหญ่ได้ เหล่าสนมนางในในวังหลังต่างก็แก่งแย่งชิงดี สู้กันจนตายไปข้าง ฮ่องเต้รู้สึกว่าตนเองช่างโดดเดี่ยวเดียวดายจริงๆ

เรื่องนี้ทำให้ทูตแคว้นเจาซีเห็น
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 123

    ทางด้านนี้ เฉิงฮองเฮาเดินเข้าไปในตำหนักเฉิงเฉียนโดยตรง นางกล่าวเสียงหนักว่า “ข้าต้องการสนทนากับฝ่าบาทเพียงลำพัง หัวหน้าขันทีเฉาออกไปสักครู่เถิด!”ขณะที่หัวหน้าขันทีเฉากำลังลำบากใจ ฮ่องเต้พลันพูดออกมาว่า “เราหิวแล้ว ไปหาของกินมาให้เราสักหน่อย”หัวหน้าขันทีเฉารีบรับคำติดๆ กันทันทีฮองเฮาเดินไปถึงเบื้องหน้าฮ่องเต้ ไม่กล่าวสิ่งใดก็คุกเข่าลงทันที “เรื่องที่เกิดในตำหนักซูชิงชิงไม่ใช่แผนการของหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่มีทางลดตัวไปใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ไปทำร้ายความบริสุทธิ์ของสตรีนางหนึ่ง เพราะหม่อมฉันก็เคยถูกให้ร้ายมาก่อน รู้ว่าการถูกคนใส่ความว่าคบชู้สู่ชายรสชาติเป็นเช่นใด หลายปีมานี้หม่อมฉันก็อยู่ไม่สู้ตาย มีชีวิตอยู่ไปวันๆ เท่านั้น”ดวงเนตรที่เย็นชาดุจน้ำแข็งของฮ่องเต้ตวัดมาที่นาง “เจ้ากำลังพูดว่าหลายปีมานี้ข้าปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี เจ้าได้ครอบครองตำแหน่งที่สตรีทั่วทั้งใต้หล้าอยากได้ เจ้ายังมีสิ่งใดที่ไม่พอใจอีก”“หม่อมฉันไม่กล้ากล่าวโทษว่าฝ่าบาททรงไม่ดีต่อหม่อมฉัน บัดนี้หม่อมฉันเป็นถึงฮองเฮาของพระองค์แล้ว ยังจะกล้าไม่พอใจอีกได้อย่างไร ฝ่าบาททรงเป็นโอรสสวรรค์ เป็นเสาหลักของราษฎรทั่วทั้งใต้หล้า

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 124

    เมื่อออกมาจากวัง เซี่ยซางก็สั่งให้สารถีส่งคนทั้งสองกลับจวน เป็นเจียงเฟิ่งหัวยืนกรานให้คนขับรถม้าตามเขาไป ในเมื่อเรียกขึ้นรถม้าไม่ได้ เช่นนั้นพวกนางก็จะตามไปอย่างเงียบๆเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ฮ่องเต้สงสัยว่าฮองเฮาเป็นผู้กระทำ จึงพาลโมโหเซี่ยซางไปด้วย เจียงเฟิ่งหัวเดาว่าเป็นเพราะเซี่ยซางไม่ได้รับความเชื่อใจจากฮ่องเต้ จึงทำให้เขาตกสู่ภาวะซึมเศร้าจนอารมณ์แปรปรวนนางคิดไม่ถึงว่า เซี่ยซางซึ่งเป็นบุรุษชาติอาชาไนยผู้หนึ่งจะโศกเศร้าถึงเพียงนี้เพียงเพราะไม่ได้รับความไว้วางใจจากบิดา เขาปรารถนาการยอมรับจากฮ่องเต้มาตลอดไม่ผิด ตัวเซี่ยซางในยามนี้ปวดร้าวเป็นอย่างมาก นางมองออกแล้วเจียงเฟิ่งหัวเห็นฝนตกหนักไม่หยุด หากเซี่ยซางยังตากฝนต่อไปเช่นนี้ เกรงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นได้แม้นางจะรู้ว่าเซี่ยซางไม่มีทางตายด้วยเหตุนี้ แต่เรื่องที่นางต้องการทำยังไม่สำเร็จ และนางก็ไม่ต้องการสามีที่ในอนาคตเอาแต่ป่วยกระเสาะกระแสะเช่นกันทันใดนั้น เจียงเฟิ่งหัวก็สั่งให้รถม้าหยุด นางหยิบร่มได้ก็กระโดดลงไปเมื่อซูถิงหว่านได้เห็นท่าสาวเท้าที่รวดเร็วดั่งสายลมของนางก็ตะลึงงัน นางจำได้ว่า ทุกครั้งที่เจียงเฟิ่งหัวลงจา

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 125

    เมื่อขึ้นไปบนรถม้าแล้ว เซี่ยซางก็หยิบเสื้อคลุมมาคลุมลงบนร่างของนาง จากนั้นโอบนางไว้ในอ้อมกอดช่วยนางเช็ดผม เจียงเฟิ่งหัวดึงมือเขาออกไป “ท่านอ๋องก็เปียกโชกไปทั้งตัวเหมือนกัน ให้หม่อมฉันเช็ดให้ท่านด้วยเถอะเพคะ”“ร่างกายของข้าสบายดี แต่เจ้านั่นแหละ อย่าได้เป็นหวัดเชียว” เซี่ยซางเต็มไปด้วยความเป็นห่วงน้ำเสียงของเขาอ่อนละมุน แต่เมื่อดังเข้าหูซูถิงหว่านกลับทำให้รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง รถม้าอันกว้างขวางอย่างน้อยก็สามารถรองรับได้สามถึงสี่คน พวกเขากลับอิงแอบแนบชิดพลางแสดงความห่วงใยซึ่งกันและกัน นางจึงกล่าวอย่างอดไม่ได้ว่า “เจียงเฟิ่งหัว เจ้าอย่าได้เสแสร้งอีกเลย เจ้าจงใจลงไปร่ายรำยั่วยวนอาซาง”เซี่ยซางคิดไม่ถึงว่า ยามนี้ซูถิงหว่านจะพูดจาหยาบกระด้าง ไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่นได้ถึงเพียงนี้ เขามองนางผิดไปจริงๆ ในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากเจียงเฟิ่งหัวก็เขยิบกายนั่งห่างออกจากเซี่ยซางออกไปช่วงหนึ่ง แววตาของนางกระจ่างใส “ชายารองซูหมายความว่าอย่างไร?”ต่อหน้าของเซี่ยซาง ซูถิงหว่านกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้ากระโดดลงจากรถม้า”เจียงเฟิ่งหัวเบิกตากว้างอย่างไม่เข้าใจ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 126

    มีเพียงเจียงเฟิ่งหัวเท่านั้นที่ถูกปิดบังไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว เรื่องพวกนี้เซี่ยซางก็ไม่ได้คิดจะให้เจียงเฟิ่งหัวรู้ คิดว่าเจียงจิ่นเหยียนก็ไม่คิดจะให้นางถูกม้วนเข้าสู่การต่อสู้ในวังหลังเช่นกัน แต่วิธีการของเขานับว่าตรงไปตรงมาเกินไปจริงๆเจียงเฟิ่งหัวเบิกตากว้างมองไปยังเซี่ยซาง ความตกใจ สับสน และไม่เข้าใจ อารมณ์ต่างๆ ประดังกันเข้ามา “ท่านอ๋องบอกว่าซูกุ้ยเฟยต้องการทำร้ายหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่มีความแค้นใดกับนาง เหตุใดนางต้องทำร้ายหม่อมฉันด้วย”แน่นอนว่าที่นางต้องการทำร้ายเจ้าก็เพื่อซูถิงหว่านอย่างไรล่ะ เจ้านี่มันช่างโง่งมจริงๆยิ่งนางเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่านางมีจิตใจที่บริสุทธิ์ดีงามที่เจียงเฟิ่งหัวคิดคือ เมื่อกำจัดซูกุ้ยเฟยก็เท่ากับกำจัดคนหนุนหลังอันแข็งแกร่งของซูถิงหว่านออกไป เพราะการกดซูถิงหว่านไว้เพียงอย่างเดียวไม่อาจสั่นคลอนสกุลซูได้แม้เพียงเศษเสี้ยว ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อยนางก็เพียงค่อยๆ ขุดความปรารถนาในใจของซูถิงหว่านออกมาทีละน้อย แล้วปล่อยให้เซี่ยซางได้เห็นชัดว่า นางก็แค่คนที่ใช้เป็นแต่ลูกไม้สกปรกแบบซูกุ้ยเฟยเท่านั้น สุดท้าย เขาจะรับรู้ความจริงจากตัวซูถิงหว่า

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 127

    ตั้งแต่เช้าตรู่ ท่านหมอหลวงเหมยก็รีบเข้าไปในจวนเหิงอ๋องอย่างเร่งร้อนโดยไม่กล้าหยุดพัก หลังตรวจอาการเสร็จ หมอหลวงเหมยก็กล่าวว่า “ท่านอ๋องทรงงานหนักสะสมกันจนร่างกายอ่อนแอ สิบวันก่อนก็มีอาการแล้ว ยามนี้ยังทรงตากฝนอีก โรคจึงปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง ทำให้อาการหนักเช่นนี้ ยังดีที่เมื่อคืนพระชายาทรงทำการลดไข้ลงมา หากความร้อนสะสมกันอยู่ภายในร่างกาย และท่านอ๋องก็หมดสติไม่รู้ตัวอีก เกรงว่าจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้พ่ะย่ะค่ะ”เซี่ยซางพูดไม่ออก เขาคิดไม่ถึงว่าจะร้ายแรงถึงเพียงนี้ ความรู้สึกขอบคุณภายในใจที่มีต่อเจียงเฟิ่งหัวยิ่งมากขึ้นไปอีก เขาเขียนลงบนกระดาษว่า ‘เหตุใดพระชายาจึงพูดไม่ออกด้วย เพราะอะไรนางจึงได้เป็นหนักเช่นนี้’เสียงเพลงของนางไพเราะถึงเพียงนั้น หากในอนาคตไม่สามารถร้องเพลงได้นางต้องเสียใจแน่ เขาจึงเขียนอีกว่า ‘หมอหลวงเหมย ท่านจะต้องรักษาลำคอของพระชายาให้หายดีให้ได้’“ท่านอ๋องโปรดวางใจ กระหม่อมจะฝังเข็มให้พระชายา ในไม่ช้าพระชายาก็จะสามารถเอ่ยปากพูดได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”“พระชายาก็ทรงถูกไอเย็นทำร้ายเพราะตากฝนเช่นเดียวกัน เพราะลำคอบวมพองทำให้เส้นเสียงอุดตัน จึงเป็นเหตุให้ออกเสียงลำบากพ่ะย่ะค่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 128

    เจียงเฟิ่งหัวเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขา จากนั้นก็หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนเช่นกันว่า ‘ท่านอ๋องก็ต้องทรงพักผ่อนเช่นกันนะเพคะ เรื่องงานราชการนั้นสามารถพักไว้ก่อนได้’เซี่ยซางรู้สึกจนใจ ‘พระชายาเปิดรับคดีที่หน้าประตู เวลานี้พ่อบ้านเฉิงได้รับคดีความต่างๆ มาเป็นจำนวนมาก หากรับอย่างเดียวแต่ไม่จัดการ ก็จะกลายเป็นไร้ความหมายแล้ว ข้าจำเป็นต้องรีบจัดการ เพื่อมอบคำอธิบายให้แก่ราษฎร ‘เดิมเจียงเฟิ่งหัวพอพูดได้อยู่บ้าง เพียงแต่รู้สึกไม่สบายลำคอ และเสียงก็ยังไม่เพราะอีก นางจึงเขียนต่อว่า ‘เป็นหม่อมฉันสร้างปัญหาให้ท่านอ๋องแล้ว’เซี่ยซางอยากเดินเข้าไป แต่ก็ต้องอดกลั้นไว้ ‘ไม่ใช่ เป็นข้าที่ควรขอบคุณเจ้า ขอบคุณพระชายาที่คิดแทนข้าในทุกเรื่อง ข้ายินดีที่จะจัดการเรื่องคดีความ รับฟังเสียงของประชาชน’เจียงเฟิ่งหัวไม่กล่าวมากความอีก นางไม่กล้ารับความชอบ เซี่ยซางเป็นผู้ที่มีความสามารถ นอกจากนี้ วัตถุประสงค์ของนางก็คือการให้เขาได้ทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เช่นนี้เขาจึงจะสามารถเพิ่มพูนชื่อเสียงในใจของราษฎรได้ นางกำลังปูทางให้เซี่ยซางหลังเซี่ยซางเดินไป หันกลับมามองนางไปอย่างอาลัยอาวรณ์อยู่หลายครั้ง ในที่สุดเ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 129

    เซี่ยซางรู้สึกอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา ในนี้ใส่สิ่งใดลงไปกัน เหตุใดจึงได้รสชาติแย่เช่นนี้ เขาเขียนอีกครั้ง ‘พระชายาก็ดื่มเจ้านี่เหมือนกันหรือ’หลินเฟิงพยักหน้า “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”‘นางดื่มไปแล้วหรือยัง?’หลินเฟิงเหลือบมองครั้งหนึ่งแล้วส่ายศีรษะ “ไม่ได้ดื่มพ่ะย่ะค่ะ พระชายาก็ทรงรู้สึกว่าดื่มยากเช่นกัน สวีหมัวมัวกำลังเกลี้ยกล่อมนางพ่ะย่ะค่ะ”หลินเฟิงแอบนินทาอยู่ในใจ ‘ใครใช้ให้เมื่อคืนพวกท่านสองสามีภรรยาหาเรื่องกันเล่า เหตุใดเมื่อคืนตอนเต้นรำท่ามกลางสายฝนที่ตกหนักนั่น จึงไม่คิดถึงผลที่จะตามมา ทรมานไปเถอะ!’เซี่ยซางหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนคำว่า ‘พิจารณาใหม่อีกครั้ง’ ลงบนหนังสือคำร้อง จากนั้นก็ลุกจากที่นั่ง แล้วมุ่งหน้าเดินออกไปหลินเฟิงถือยาไล่ตามไป “ท่านอ๋อง ทรงดื่มยาก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ ยังทรงอยากหายดีอยู่หรือไม่ ลูกผู้ชายอกสามศอก ยังกลัวการดื่มยาได้อย่างไร หากลือออกไปความน่าเกรงขามของท่านอ๋องจะเอาไปไว้ที่ใดกันพ่ะย่ะค่ะ…”เมื่อมาถึงหอหล่านเยว่ เซี่ยซางเห็นเจียงเฟิ่งหัวกำลังเอนกายพิงอยู่บนตั่งนุ่มอย่างเกียจคร้านผ่านทางหน้าต่าง ขาทั้งสองข้างของนางขดเข้าหากัน สง่างามทว่าปล่อยตัวตามสบาย ในมือ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 130

    หลินเฟิงกล่าวว่า “ท่านอ๋องก็ไม่ได้ดื่ม แถมยังอาเจียนออกมาด้วย ท่านหมอหลวงเหมยก็บอกไว้แล้วว่า ต้องกินยาอาการป่วยจึงจะหาย แต่เป็นตายอย่างไรก็ทรงไม่ยอมดื่ม”สองสามีภรรยาสบตาอีกฝ่ายครั้งหนึ่ง พวกเขาต่างรู้สึกเขินอายที่กลัวการกินยาเมื่อหลินเฟิงเห็นท่าทางของคนทั้งสองก็อดหยอกล้อไม่ได้ เขาจงใจกล่าวว่า “ในเมื่อท่านอ๋องกับพระชายาไม่เต็มที่จะดื่มยา ก็ไม่ต้องดื่มแล้ว พวกเราที่เป็นข้ารับใช้ก็ไม่อาจบังคับให้เจ้านายดื่มยาไม่ใช่หรือ แต่ท่านหมอเหมยบอกไว้แล้วว่า หากหนึ่งวันไม่หาย ท่านอ๋องกับพระชายาก็ไม่อาจพบหน้ากันต่อไปอีกหนึ่งวัน ยามสนทนาก็ต้องอยู่ให้ห่างไปไกล แต่ว่าท่านอ๋องกับพระชายาต่างก็กลายเป็นคนใบ้แล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดจาเท่าไหร่ เช่นนั้นก็ปล่อยไปแบบนี้ไปเถอะ”สวีหมัวมัวก็ฟังความนัยที่แฝงอยู่ออกเช่นกัน จึงยกชามยาขึ้นมา เตรียมจะเดินออกไปทันที “ไม่ดื่มก็ไม่ดื่ม พักรักษาตัวสักพักก็หายดีได้เหมือนกัน เพียงแต่ระยะเวลาจะนานหน่อย แล้วก็ทรมานอยู่บ้าง…”เจียงเฟิ่งหัวไม่แม้แต่จะคิด ยื่นมือไปแย่งยามา แล้วกลั้นหายใจฝืนดื่มยาเต็มชานั่นลงไป เมื่อดื่มเสร็จ คิ้วกับจมูกของนางก็ย่นเข้าหากันเป็

Latest chapter

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 160

    “เช่นนั้นเราจะแต่งตั้งสนมรักเป็นเจาอี๋แล้วกัน และประทานทองคำและเงินอีกอย่างละหนึ่งพันตำลึง ส่วนปิ่นทองและเครื่องประดับให้สนมรักเลือกได้ตามใจ” ฮ่องเต้มือเติบเป็นอย่างยิ่งในเสี้ยวนาทีที่ความสูงศักดิ์มั่งคั่งอันมโหฬารนี้ถูกโยนลงมา ก็กระแทกใส่หวังเหม่ยเหรินจนวิงเวียน ชั่วขณะหนึ่งไม่รู้ว่าควรตอบสนองอย่างไรดี ยังคงเป็นนางกำนัลที่ปรนนิบัตินางก้าวเข้าไปเตือน นางจึงได้กล่าวขอบพระทัยติดๆ กันฮ่องเต้ตรัสแล้วไม่คืนคำ เพียงชั่วพริบตา หวังเหม่ยเหรินก็ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปถึงสองระดับ ทำให้เหล่าฮูหยินและไฉเหรินทั้งหลายอิจฉาไม่หยุดในเสี้ยววินาทีนั้น ก็มีคนเสนอตัวออกมาติดต่อกันเป็นจำนวนมาก จนทั่วทั้งตำหนักก็คึกคักขึ้นมาหย่าเฟยก็เต้นระบำของแคว้นเจาซีท่ามกลางสายตาผู้คนเพื่อสร้างความสำราญเช่นกัน สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปยังสะดือที่ปรากฏขึ้นอย่างวับวาบของนางเจียงเฟิ่งหัวนั่งอยู่บนที่นั่งอย่างว่าง่าย สายตาของฮ่องเต้มิได้ละจากฮองเฮาเลย นี่เขาหมายความว่าอย่างไรกัน? หรือฮ่องเต้ประสงค์ให้ฮองเฮาร่ายรำเพื่อพระองค์สักเพลงเช่นกัน?นางรีบปฏิเสธความคิดนี้ เพราะฮองเฮาอายุสี่สิบกว่าแล้ว ผู้ใดจะคาดว่าวินาทีฮ่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 159

    ก็เห็นฮองเฮาทรงอาภรณ์หงส์อันหรูหราน่าเกรงขามประทับนั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน แม้นทั่วทั้งตำหนักจะเป็นสนมนางในของฮ่องเต้ ทว่าความยินดีบนใบหน้าของนางไม่ว่าจะปิดบังอย่างไรก็ปิดไม่มิดนางกำลังยินดีต่อความใส่ใจและห่วงใยที่บุตรชายมีต่อนาง ดังนั้นนางจึงอยากบอกให้ทุกคนได้รับรู้“ซางเอ๋อร์ หรวนหร่วน พวกเจ้าสองสามีภรรยากินให้มากหน่อย อาหารบนโต๊ะล้วนเป็นของที่พวกเจ้าชอบ” ฮองเฮาตรัสเซี่ยซางรู้สึกกระดากเล็กน้อย “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่” ที่แท้สิ่งที่เสด็จแม่ต้องการเป็นเพียงคำพูดที่แสดงความห่วงใยไม่กี่ประโยคของเขา ทว่าหลายปีมานี้เขากลับไม่เคยทำเลยสักครั้ง ส่วนมากล้วนเป็นการตัดพ้อต่อว่า เขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เสด็จแม่ก็เสวยให้มากหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”เซี่ยซางเลือกอาหารที่ดีที่สุดวางลงในจาน แล้วให้นางกำนัลส่งไปที่เบื้องหน้าของฮองเฮา ฮองเฮาตะลึงไปครู่หนึ่ง หมอกน้ำตาจางๆ ปรากฏขึ้นในดวงตา จากนั้นก็กินอาหารลงไปอย่างยินดี การที่เขาเรียกนางว่าเสด็จแม่คำหนึ่งทำให้นางถึงกับน้ำตาไหลอาบแก้มมื้ออาหารเช่นนี้ทำผู้คนรับประทานจนหัวใจจะวาย มีเพียงฮองเฮาผู้เดียวเท่านั้นที่เพลิดเพลินไปกับมัน“ฝ่าบาทเสด็จ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 158

    ในชาตินี้ นางจะให้ลูกของนางถือกำเนิดภายใต้การรอคอยของเซี่ยซาง ได้รับความรักจากเขาจนเติบใหญ่ นางจะไม่มีทางซ้ำรอยความผิดพลาดในชาติก่อนแน่เจียงเฟิ่งหัวไม่มีทางไปสนใจว่า ซูถิงหว่านจะถูกจับกรอกยาป้องกันการมีบุตรด้วยวิธีใดเมื่อเรื่องในตำหนักคุนหนิงและตำหนักเฉินซีลอยไปถึงหูตำหนักอื่น หลังทุกคนได้รู้ก็เพียงหัวเราะออกมาเท่านั้นซูกุ้ยเฟยกดฮองเฮามานานหลายปีเพียงนี้ เวลานี้ซูกุ้ยเฟยถูกย้ายไปอยู่ตำหนักเย็นแล้ว ฮองเฮาจะไม่จัดการกับหลานสาวของนางได้อย่างไรผู้ใดใช้ให้หลานสาวของนางยั่วยวนจนลูกชายของฮองเฮาจนลุ่มหลง ฮองเฮาถอยแล้วถอยอีกถึงได้รับปากให้รับนางเข้าจวนมาเป็นชายารอง คิดไม่ถึงว่านางกลับไม่รู้จักกฎระเบียบ ไม่รู้หนักเบาเช่นนี้ที่น่าสงสารที่สุดคือบุตรสาวของราชครูเจียง เป็นพระชายาเหิงอ๋องแล้วอย่างไร ยังมิใช่ไม่ได้รับความโปรดปรานจากสวามีหรือ คำพูดนี้ ในชาติก่อนยามทุกคนพบหน้าล้วนต้องกล่าวถึงขึ้นมาสักประโยค ราวกับกำลังรำพันถึงความหนาวเหน็บที่อยู่ในใจนางอย่างไรก็ตาม ในชาตินี้ทุกคนต้องพูดว่า พระชายาเหิงอ๋องมีการศึกษารู้ธรรมเนียม สง่างามสูงศักดิ์ รูปโฉมไม่ธรรมดา เหิงอ๋องก็โปรดปรานนางเป็นอย่างยิ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 157

    รอจนเซี่ยซางจากไป ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวของซูถิงหว่านจึงจับจ้องไปที่เจียงเฟิ่งหัว จะต้องเป็นนางกล่าวสิ่งใดกับอาซางแน่ อาซางถึงได้รังเกียจข้าเช่นนี้สี่หมัวมัวก็ตกใจมากเช่นกัน นางไม่เคยเห็นเหิงอ๋องบันดาลโทสะใส่ชายารองซูเช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่เคยเห็นเขาเป็นห่วงฮองเฮาถึงเพียงนี้เจียงเฟิ่งหัวปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าของซูถิงหว่านอย่างสง่างามและน่าเกรงขาม นางจับจ้องไปที่นางโดยไม่แม้จะกะพริบด้วยสีหน้าเย็นชาและบรรยากาศที่กดดันผู้คน “ชายารองซู เจ้าคิดว่าท่านอ๋องทรงไม่ทราบเรื่องที่เจ้าแอบอ้างชื่อของข้าหลอกลวงคนไปทั่วอย่างนั้นหรือ”ดวงตาของซูถิงหว่านแสดงความประหลาดใจออกมา รีบปฏิเสธอย่างเร่งร้อนว่า “ท่านพูดสิ่งใดกัน ข้าฟังไม่เข้าใจ”“ฟังไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร เพราะถึงอย่างไรชายารองก็ลงชื่อไว้ ถูกเขียนไว้บนกระดาษเป็นลายลักษณ์อักษรเช่นนั้น คิดจะบ่ายเบี่ยงก็บ่ายเบี่ยงไม่พ้น”ซูถิงหว่านลนลานอย่างสิ้นเชิง นี่ก็เป็นเรื่องที่อวิ๋นฟางออกความคิดขึ้นมาเช่นกัน นางกล่าวว่า “อาศัยสิ่งใดท่านถึงใช้เงินของอา...ท่านอ๋องได้ แต่ข้าใช้ไม่ได้ล่ะ”“เจ้าย่อมใช้ได้เช่นกัน เพียงแต่เจ้าไม่อาจนำชื่อของข้า ‘เจ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 156

    นางย้อนนึกถึงการเปลี่ยนแปลงของเซี่ยซาง มีเพียงตอนที่นางพูดถึงเฉิงฮองเฮาเท่านั้น ที่เขาดูเหมือนจะสะเทือนใจขึ้นมา กระทั่ง…คำพูดประโยคนั้นของเขาจู่ๆ ในสมองของเจียงเฟิ่งหัวก็มีความคิดที่ทำให้คนตื่นตระหนกผุดขึ้นมา หรือว่าเซี่ยซางเข้าใจมาตลอดว่าเฉิงฮองเฮาไม่ใช่มารดาแท้ๆ ของเขาแม้แต่ท่าทีที่ฮ่องเต้มีต่อเฉิงฮองเฮาก็ไร้ไมตรีเช่นนั้น นางจึงคิดว่าตัวนางในอดีตก็เหมือนเฉิงฮองเฮา ที่ไม่เป็นที่พึงใจของสวามีตน และถึงขนาดรังเกียจเพราะในใจของเซี่ยซางมีสตรีนางอื่นอยู่อย่างนั้นที่ฮ่องเต้ทรงรังเกียจฮองเฮา ก็เพราะในใจของฮองเฮามีบุรุษอื่นเช่นนั้นหรือ? จึงคิดว่าเซี่ยซางเป็นลูกที่ถือกำเนิดจากฮองเฮาและชายอื่นนางรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ราชวงศ์ไม่มีทางยอมให้สายเลือดของเชื้อพระวงศ์ไม่บริสุทธิ์อย่างเด็ดขาด นอกจากนี้เซี่ยซางยังต้องเป็นโอรสของฮ่องเต้จริงๆ ไม่เช่นนั้นเขาไม่มีทางมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้นางคล้ายจะตะลึงค้างไปแล้ว ดูเหมือนนางจะค้นพบความลับอันยิ่งใหญ่ของวังหลวงเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจซะแล้ว“ท่านอ๋อง ศีรษะของหม่อมฉันถูกพระองค์หมุนจนวิงเวียนไปหมดแล้วเพคะ ทรงรีบวางหม่อมฉันลงเร็วเข้า” เจียงเฟิ่งหัวรีบปรับ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 155

    สีหน้าของเจียงเฟิ่งหัวตะลึงไป ไม่มีสิ่งใดจะกล่าวอีก เซี่ยซางมุ่งมั่นปักใจรักซูถิงหว่านไม่แปรเปลี่ยน ดังนั้นเขาจึงมอบความโปรดปรานให้นาง และให้นางและอดทนให้อภัยนางอย่างไม่มีขีดจำกัดจู่ๆ นางก็กล่าวออกมาว่า “แม้แต่เด็กเล็กยังสามารถรับผิดชอบต่อคำพูดและพฤติกรรมของตน แล้วเหตุใดชายารองซูจึงทำไม่ได้ ชายารองซูนางไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่อาจนำความไร้เดียงสา ร่าเริงเปิดกว้างมารับมือได้ทุกครั้ง นางสามารถไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่หม่อมฉันไม่ทำตามอำเภอใจโกรธใครโดยไม่มีเหตุผลได้”“วันนั้นหม่อมฉันเห็นท่านอ๋องแยกแยะถูกผิดในศาลได้อย่างง่ายดาย หม่อมฉันจึงเต็มไปด้วยความยอมรับนับถือต่อท่านอ๋อง คิดว่าไม่ว่าท่านอ๋องจัดการเรื่องใดล้วนสามารถพิจารณาถูกผิดได้อย่างกระจ่าง คิดไม่ถึงว่าเมื่อท่านอ๋องทรงเผชิญหน้ากับหญิงอันเป็นที่รัก จะทรงมัวเมาหลงใหลจนสูญเสียบรรทัดฐานที่ควรมี”เซี่ยซางจ้องนางอย่างไม่ละสายตา เพราะนางผิดหวังในตัวเขาเสียแล้ว จึงได้ไม่สนใจใช่หรือไม่?นางย่อมไม่มีทางพูดคำพูดประเภท ‘ผิดหวังในตัวเขา’ ที่ทำร้ายสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาออกมา จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไป “ท่านอ๋องทรงอยากถามใช่หรือไม่ว่า ที

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 154

    เมื่อซูถิงหว่านได้ยินก็ตกใจจนสีหน้าซีดสีขาว รีบกล่าวว่า “ข้าไม่ดื่ม เหตุใดข้าต้องดื่มด้วย ข้าไม่ได้ทำเรื่องที่ผิดต่ออาซาง ข้าก็บอกแล้ว ข้าไม่ได้อยู่กับชายอื่น ข้าอยู่กับแค่ท่านอ๋องเท่านั้น พวกท่านไปเรียกท่านอ๋องมาสิ ถามเขาดูว่าเมื่อเช้าทำเรื่องนั้นกับข้าใช่หรือไม่ ข้าจะพูดกับเขาต่อหน้า”หลังเฉิงฮองเฮาได้ยินก็หน้าแดงด้วยความเขินอาย เมื่อบุรุษผู้หนึ่งเต็มใจแตะต้องสตรีนางหนึ่งแสดงถึงสิ่งใด นี่แสดงว่าเขาชอบนาง หากครั้งนี้ซูถิงหว่านตั้งครรภ์ขึ้นมา และคืนก่อนนางก็ไม่ได้อยู่ในจวนอ๋องอีก เรื่องนี้ก็พูดได้ไม่ชัดเจนแล้วสี่หมัวมัวสั่งหมัวมัวอีกสี่นางให้กดซูถิงหว่านไว้อีกครั้งส่วนสี่หมัวมัวเมื่อยกยาขึ้นมาได้ก็จับกรอกลงปากของนางไปทันที ซูถิงหว่านหวาดกลัวแทบตาย นางปิดปากแน่น ไม่ง่ายเลยกว่านางจะล่อให้เซี่ยซางมาอยู่กับนางอีกครั้ง ต้องไม่ให้แผนชั่วของเฉิงฮองเฮาสำเร็จเด็ดขาดถึงอย่างไรซูถิงหว่านก็เป็นวรยุทธ์ แล้วจะยอมให้พวกนางกรอกยาง่ายๆ ได้อย่างไร นางโขกศีรษะออกไปอย่างแรงจนกระแทกถูกดั้งจมูกของสี่หมัวมัว เป็นเหตุให้จมูกของสี่หมัวมัวมีเลือดสดไหลออกมาจากนั้นก็ถือโอกาสที่ทุกคนกำลังตกตะลึงและผ่อนคลา

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 153

    เซี่ยซางเป็นฝ่ายเดินเข้าไปประคองเจียงเฟิ่งหัวขึ้นมาด้วยฝีเท้าที่มั่นคง “ลุกขึ้นมาเถอะ”เขารู้จักเสด็จแม่ดี ขอเพียงเขาใส่ใจใครแม้เพียงเล็กน้อย เสด็จแม่ก็จะต้องเห็นคนผู้นั้นเป็นดั่งศัตรู ยี่สิบกว่าปีแล้ว ความเป็นห่วงใยที่เสด็จแม่มีต่อเขากดดันเขาจนแทบจะหายใจไม่ออกดวงตาทั้งคู่ของเจียงเฟิ่งหัวอดกลั้นจนเต็มไปด้วยหมอกน้ำตา ทำท่าจะลุกขึ้นมาทันที แต่ต้องพบว่าขาทั้งคู่ของนางแข็งทื่อ เซี่ยซางต้องช่วยประคองนางอีกแรงนางถึงลุกขึ้นมาได้เซี่ยซางคิดวางนางยืนดีแล้วจึงปล่อยมือออกวินาทีถัดมา ก็เห็นขาทั้งคู่ของเจียงเฟิ่งหัวสั่นสะท้านแล้วซวนเซจนล้มลงกับพื้น สีหน้าขาวซีดไปหมดเมื่อเซี่ยซางเห็นเช่นนั้นดวงตาก็เต็มไปด้วยความร้อนใจ อุ้มนางขึ้นมาทันที “หรวนหร่วน เจ้าเป็นอะไรไป? เหตุใดสีหน้าจึงได้แย่เช่นนี้”“หม่อมฉันไม่เป็นอะไรเพคะ อาจเป็นเพราะคุกเข่านานไป เลยรู้สึกเวียนหัวอยู่บ้าง หม่อมฉันออกไปสูดอากาศเสียหน่อยก็หายแล้วเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวพูดเสียงเบา นางกำลังอดทนเซี่ยซางกอดนางไว้ในอ้อมกอดแน่น พยายามสะกดกลั้นเพลิงโทสะที่อัดแน่นอยู่ในอกโดยตลอด อุ้มนางได้ก็ออกจากตำหนักคุนหนิงทันทีเฉิงฮองเฮาก็ไม่คิดว่าจะ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 152

    เจียงเฟิ่งหัวรู้จักเฉิงฮองเฮาดี การที่นางส่งวังหมัวมัวไปเฝ้าดูทุกความเคลื่อนไหวของเซี่ยซาง ทำให้เขาไม่พอใจอยู่นานแล้ว ดังนั้นจึงทำให้ชาติก่อน พอเซี่ยซางขึ้นครองราชย์ อาศัยเพียงคำพูดประโยคเดียวของซูถิงหว่านก็แต่งตั้งซูกุ้ยเฟยเป็นไทเฮาแห่งวังตะวันตกนางไม่ได้รับความรักจากฮ่องเต้ จึงถ่ายโอนความสนใจทั้งหมดมาที่ตัวของเซี่ยซาง การควบคุมที่รุนแรงเช่นนี้แทบจะกลายเป็นความคลุ้มคลั่งไปแล้วเฉิงฮองเฮาก็ปล่อยให้นางคุกเข่าอยู่บนพื้น แม้แต่เบาะรองเข่าก็ไม่ประทานให้นางสักอัน ผิวของนางบอบบาง ตอนนี้หัวเขาแดงช้ำเป็นปื้นไปนานแล้ว แต่นางไม่ขยับแม้แต่น้อย หัวเข่ายิ่งออกแรงกดลงกับพื้นเข้าไปอีก ยิ่งแรงยิ่งดีในตอนที่เซี่ยซางบุกเข้ามาในตำหนักคุนหนิงด้วยความโมโห ก็เห็นเจียงเฟิ่งหัวกำลังคุกเข่าอยู่กลางตำหนัก ทั่วทั้งร่างของนางสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว หมอบราบอยู่บนพื้นจากนั้น เขาก็มิได้มองนางอีก แต่ทำความเคารพฮองเฮาอย่างเคารพครั้งหนึ่ง “ลูกถวายบังคมเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”ซูถิงหว่านติดตามอยู่เบื้องหลังของเซี่ยซาง เมื่อเห็นเจียงเฟิ่งหัวคุกเข่าอย่างเรียบร้อยอยู่บนพื้น นางก็ทำความเคารพอย่างนอบน้อมเช่นเดียวกัน “หม

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status