พวกมันก็แน่ เมื่อเห็นเขาไม่ใช้ปืน พวกมันเก็บ และวิ่งเข้าใส่ชายหนุ่ม แบบสองรุมหนึ่งในทันที แต่กลับพลาด เมื่อเขาเปลี่ยนใจใช้มีดสั้น แหวกอากาศส่งไปทั้งสองเล่ม โดยไม่คิดว่าจะสู้ ด้วยมือเปล่าให้เสียเวลา และไม่หันมามองผลงานของตัวเอง แต่กลับหันไปดึงแขน ของหญิงสาวให้ยืนขึ้น แล้วถามว่า
“เดินไหวไหม” แต่เธอยังไม่ทันตอบ ยูตะหันหลังย่อตัว เพื่อให้เธอขี่หลัง และเร่งเมื่อหญิงสาวลังเล
“เร็วๆ!”
ร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่น ด้วยวัยของสาวแรกรุ่น ทำให้หัวใจของคน ที่บอกว่าไร้ความรู้สึก กลับเต้นแรงขึ้นมาดื้อ ๆ โดยไม่รู้ตัวทุกครั้งเมื่อได้สัมผัสชิดใกล้ โดยเฉพาะครั้งนี้ เมื่อพาเธอมาสุดทางตัน และมีเพียงซอกหลืบ พอจะหลบจากการถูกตามล่า ได้เพียงสองคนเท่านั้น
ชายหนุ่มวางหญิงสาวลง และดันตัวเธอให้หลบ เข้าไปด้านในพร้อมกับตัวเอง สองแขนเรียวบาง ทอดวางบนอกกว้าง รู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ด้วยตื่นเต้นระคนตกใจ หรือเพราะถูกกอดรัดจากคนตรงหน้า ในพื้นที่มีจำกัด จนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง
ใบหน้าคมคาย ซึ่งบัดนี้เกยอยู่บนศีรษะของเธอ รับรู้ถึงลมหายใจร้อน ๆ ที่กำลังเป่ารดอยู่กลางกระหม่อม และสัมผัสถึงหัวใจกำลังเต้นรัว จากฝ่ามือเรียวเล็ก ที่กำลังทอดวางอยู่ตรงนั้นพอดี
ยูตะรู้สึกถึงอาการสั่น ของสาวน้อยที่ซุกหน้าอยู่กลางอก เธอกำลังตกใจและหวาดกลัว
แต่ความจริงแล้ว เธอไม่เคยอยู่ในอ้อมกอดของชายใด มาก่อนเสียมากกว่า ทำอย่างไรได้ ในเมื่อพื้นที่หลบซ่อนมีจำกัด ใช่ว่าเธอจะสั่นคนเดียวซะเมื่อไหร่ ตัวเขาเองก็รู้สึกไม่แตกต่าง ออกจะมากกว่าด้วยซ้ำไป
ทั้งคู่ใช้ความเงียบ ไม่มีใครกล้าขยับ เพราะกำลังมีเสียงของฝ่ายตรงข้าม วิ่งตามมาถึงบริเวณ ที่เธอและเขาซ่อนตัวอยู่พอดี
หญิงสาวกำสาบเสื้อบนหน้าอกของเขาแน่น เบียดตัวซุก ราวกับจะเข้าไปอยู่ในอก ของชายหนุ่มเสียให้ได้
สองแขนแข็งแรง กอดกระชับร่างบางแน่นขึ้น ลูบศีรษะเธอเบาๆ ราวกับปลอบประโลม ทำให้หญิงสาวรู้สึก อบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด
“หายไปไหนแล้ววะ...เร็วฉิบหาย เห็นหลังไว ๆ ”
หนึ่งในสี่ เอ่ยขึ้นมาก่อน คนที่สองจึงเอ่ยตามมาว่า
“ รีบกลับไปรายงานหัวหน้าก่อนเถอะ”
“เราเฝ้าไว้ดีกว่า ฉันว่าพวกมันอยู่แถวนี้”
คนที่สามเอ่ยค้านขึ้น เพราะค่อนข้างมั่นใจว่า ทั้งสองคนหลบเข้ามาในนี้แน่นอน
“ฉันเห็นด้วย ถ้าเราได้ตัวสาวน้อยลูกสาว ฮินาตะติดมือ กลับไปให้หัวหน้าด้วย คงได้รางวัลอย่างงาม”
คนที่สี่เสริมทับขึ้นมา จนทำให้หญิงสาว สะอื้นออกมาเงียบ ๆ น้ำตาเปียกเสื้อ ตรงหน้าอกของชายหนุ่ม จนเขารู้สึกได้
“ไม่กลัว..อย่ากลัว...จะเอาเธอไปได้ ต้องข้ามศพฉันไปก่อน”
ชายหนุ่มกระซิบเบาๆ ให้ได้ยินเพียงสองคน
สองแขนกลมกลึง จากทอดวางไว้บนอกแข็งแรงนั้น เปลี่ยนเป็นเลื่อนสอดรอบตัวของยูตะ เธอกอดเขาแนบแน่น เหมือนกลัวว่า เขาจะหายไป
เสียงปืนดังรัวขึ้นอีกหลายนัด หลังจากนั้นมีเสียงพูดคุยกันอย่างคุ้นหู ยูตะจึงผละออก แต่กลับถูกหญิงสาวรั้งไว้ด้วยอ้อมแขนเล็ก ๆ ของเธอ
“เสียงของโกโร่ กับ ฮิบาริ ลูกน้องฉันเอง คงตามมาช่วย”
หญิงสาว ปล่อยสองแขนลงข้างตัว อย่างรู้สึกเสียดาย
เช่นเดียวกับชายหนุ่ม... ทำไมลูกน้องของเขาจึงมาได้เร็วนัก
“โกโร่ ฮิบาริ ฉันอยู่นี่”
“ลูกพี่!” ลูกน้องทั้งสองคน ของชายหนุ่มอุทานขึ้นมาพร้อมกัน อย่างโล่งใจเมื่อรู้ว่า ลูกพี่ของตน และหญิงสาวในอารักขา ที่กำลังโผล่ออกมา จากซอกเล็กๆ นั้นปลอดภัยดี
“พวกเราตามมา เพราะไม่คิดไว้ใจฝ่ายนั้น พอดีเห็นรถลูกพี่จอดไว้ พวกเราจึงเร่งตามหา” โกโร่อธิบาย
“ขอบใจ...รีบไปกันเถอะ”
ชายหนุ่มเดินนำ แต่หยุดกึก...เมื่อนึกขึ้นได้ ก่อนหันมาสำรวจคนข้างหลัง
เธอกำลังเดินตามเขา มาอย่างเชื่องช้า เพราะยังเจ็บขาอยู่
“เธอ..ไหวไหม”
“ไม่ไหว แล้วยังไง คุณจะให้ฉันขี่หลัง ต่อหน้าลูกน้องไม่ได้นะ ยากูซ่า ไม่ทำแบบนี้กับผู้หญิง”
“ฉันไม่ได้อยากเป็นยากูซ่า!”
ชายหนุ่มเอ่ยกลับไปเสียงเรียบ ก่อนหันไปเรียกลูกน้องทั้งสองคน
“ โกโร่ ฮิบาริ แกสองคนเดินนำไปข้างหน้า ห้ามหันกลับมา เข้าใจไหม”
“ครับ”
ทั้งคู่ตอบรับ มองหน้ากันอย่างงงๆ ก่อนหันกลับไปมองข้างหน้า เพียงอย่างเดียว ตามคำสั่ง
“ขึ้นมาเร็วๆ ฉันย่อจนเมื่อยแล้ว”
หลังจากเกิดเหตุการณ์วันนั้น ยูตะและลูกน้อง รวมไปถึงบอดี้การ์ดอีกเกือบยี่สิบคน มีหน้าที่รับส่งไอโกะไปโรงเรียนทุกวัน หลังจากเลิกเรียน ชายหนุ่มต้องเป็นครู ฝึกสอนหญิงสาว ให้เชี่ยวชาญในการต่อสู้ทุกชนิด จนถึงสี่ทุ่มถึงหยุดพักได้ฮินาตะ สร้างสถานที่ฝึกไว้ ในบริเวณบ้านโดยเฉพาะ เขาไม่ต้องการให้ลูกสาวออกจากบ้าน โดยไม่จำเป็นเพราะกลัวว่า ฝ่ายตรงข้ามอาจลอบทำร้าย หรือจับตัวลูกสาวของเขาไป เพื่อเอามาต่อรองอะไรได้อีก“เธอต้องฝึกใช้อาวุธ ปืน ดาบ มีด และฝึกร่างกายทุกส่วนให้แข็งแรง พร้อมรับกับสถานการณ์ ที่อาจถูกโจมตีได้ทุกเวลา”“คุณพูดแบบนี้ทุกวัน ไม่เบื่อหรือไง อัดเสียงตัวเอง แล้วเปิดให้ฉันฟัง จะได้ไม่ต้องพูด ไม่ใช่เพลงชาตินะ พูดอยู่นั่น ย้ำอยู่นั่น”เธอบ่นพร้อมกับสะบัดหน้า หมุนตัวเดินมานั่ง บนเก้าอี้ที่จัดไว้สำหรับนั่งพัก ทำหน้างอง้ำ เท้าคางกับโต๊ะ เหลือบตามองชายหนุ่มแล้วพูดไปเรื่อย ๆ “ฉันอยากไปเที่ยว ชมดอกซากุระที่สวนอุเอโนะ เหลืออีกไม่กี่วัน ก็หมดฤดูซากุระบานแล้ว”ชายหนุ่มลากเก้าอี้ ออกมานั่งลงตรงข้าม เอ่ยกับหญิงสาวเสียงขรึม“อันตรายรอบด้าน ทำให้พ่อเธอเป็นห่วง”ไอโกะเม้มปาก หลุบเปลือกตาที่มีขนต
ยูตะพายเรือกลับ เข้าริมตลิ่งเป็นเวลาช่วงใกล้ค่ำ รอบๆ บริเวณกำลังเปิดไฟสว่างไสวไปทั่ว ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวชมดอกซากุระบานอย่างไม่ขาดสาย ไอโกะส่งมือให้ชายหนุ่ม ดึงเธอให้ขึ้นจากเรือ ในจังหวะที่หญิงสาวกำลังก้าวขึ้น แต่เขากลับเสียหลัก ลื่นหงายหลังและรั้งร่างของหญิงสาว จนล้มลงมาทับเขาทั้งตัว โดยไม่ได้ตั้งใจ ไอโกะรีบยันตัวเองลุกขึ้น เมื่อเห็นชายหนุ่มนอนหลับตาอยู่ท่าเดิม หรือว่า เขาหงายหลังล้ม จนหัวฟาดพื้น! “ยู!...ยู!..ยูตะ!คุณเป็นอะไรไหม” หญิงสาวเขย่าตัว พร้อมกับเรียกชื่อชายหนุ่ม ด้วยความตกใจแต่ความจริงแล้ว ยูตะกำลังหลับตาเพื่อสงบใจ ใจเขาเต้นแรงทุกครั้ง เมื่อได้สัมผัสเธอทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นการซ้อมทุ่ม ขณะฝึกยูโด จนเขาต้องปล่อยให้เธอทุ่ม เพื่อให้เจ็บตัวอยู่อย่างนั้น จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านแม้กระทั่งสอนวิธีจับดาบ แล้วต้องไปยืนซ้อนทางด้านหลัง ได้สูดกลิ่นหอมกรุ่น จากเรือนกายของสาวแรกรุ่นมองเห็นลูกผมผสมกับเหงื่อ แนบไปกับต้นคอขาวผ่อง ยามเมื่อเธอรวบผมสูงขึ้นไปมัดไว้บนศีรษะ เห็นดวงตาคู่สวยกระพริบแต่ละครั้ง จนถึงจมูกโด่งเล็ก รับกับริมฝีปากสีชมพูอิ่มเรื่อ ยามเ
“คุณพาไปเที่ยวหน่อยได้ไหมคะ”หญิงสาวเอ่ยเสียงอ่อน ผิดกับเมื่อครู่ หน้ามือเป็นหลังมือ“บอกให้ฝึกนั่งสมาธิตอนก่อนนอน เวลาฝึกจะได้นิ่ง โฟกัสให้ตรงจุด การเคลื่อนไหวจะได้คล่องแคล่ว การจู่โจมจะแม่นยำ ไม่ได้ทำเลยหรือไง”ยูตะต่อว่าหญิงสาวเสียงเข้ม ไม่ยอมออกนอกเรื่อง ทำเหมือนหูไม่ได้ยิน ในสิ่งที่หญิงสาวเอ่ยให้เขาฟัง“นั่ง!...แต่พอหลับตา มันก็เห็น แต่สถานที่เที่ยวเต็มไปหมดเลยนี่คะ” เธอตอบเขาหน้าง้ำ และบ่นตามมาอีกกระบุง“ปิดเทอมทั้งที ใคร ๆ เขาก็ไปเที่ยวกัน มีแต่ฉันที่ต้องมานั่งซ้อม ยูโด คาราเต้ ยิงปืน ปามีด ฟันดาบ ดูมือฉันสิคะด้านไปหมดแล้ว ตัวก็เหมือนกัน ถูกคุณทุ่มจนกระดูก เคลื่อนไปกี่ซี่แล้วก็ไม่รู้ ” ไอโกะหงายมือเรียวเล็กให้ชายหนุ่มดู ประกอบคำพูด เพราะกลัวเขาไม่เชื่อยูตะหลุบเปลือกตาลง มองฝ่ามือเรียวบางตรงหน้า ก่อนเปิดเปลือกตา ประสานดวงตาคู่งาม อย่างรู้สึกหวั่นไหว แต่พยายามตัดใจ เอ่ยถามหญิงสาวกลับไปเสียงขรึม“อยากไปไหน”“ฉันอยากนั่งรถไฟไปเที่ยว ทะเลสาบคาวากุจิโกะ อยากนั่งรถดูรอบ ๆ ภูเขาไฟฟูจิ นั่งเรือโจรสลัด ชิมไข่ดำโอวาคูดานิ ไปดูดอกไม้ที่สวนฮิตาชิซีไซด์ ช่วงนี้ เป็นฤดูใบไม้ผลิ ดอกนีโมฟิลา
เวลานี้ เธอกำลังอยู่ที่ไหน เขาได้แต่หวังว่า อย่าให้พวกนั้น เจอเธอก่อนเขาเท่านั้นเองไอโกะบอกเขาว่า อยากนั่งรถไฟไปเที่ยว หญิงสาวคงไปสวนดอกไม้จังหวัดอิบารากิ ดอกไม้ที่สวนฮิตาชิซีไซด์ เพราะเธอชอบดอกไม้มาก“ฮิบาริ รีบไปที่สถานีรถไฟ”ฮิบาริเหยียบจนสุดไมล์ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันใจ ลูกพี่เอาเสียเลยไอโกะสะพายกระเป๋า เดินเข้าไปในสถานีรถไฟเพื่อซื้อบัตร หญิงสาวเคยนั่งรถไฟกับเพื่อน เที่ยวภายในโตเกียวเท่านั้น ยังไม่เคยนั่งรถไฟออกไปต่างจังหวัด เลยสักครั้ง ครั้งนี้คือครั้งแรก เธอจึงรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย และไม่รู้ตัวเลยว่า มีใครเฝ้าตามตลอดเวลา ตั้งแต่ออกจากบ้านมา จนถึงสถานีรถไฟชายปริศนารีบหลบหลังเสาทันที เมื่อเห็นยูตะ เดินแกมวิ่งเข้าไปดึงแขน ของหญิงสาวอย่างแรงด้วยความโมโห จนร่างบางเซมาปะทะกับอกกว้าง ชายหนุ่มจึงรวบเอวบางเอาไว้กับตัว เพราะกลัวว่าเธอจะวิ่งหนีเขาไปอีก“กลับบ้านเดี๋ยวนี้!”ยูตะตะคอกใส่หญิงสาวเสียงดังลั่น ไม่สนใจคนบริเวณนั้น ที่กำลังมองทั้งคู่ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นสองแขนกลมกลึงยกขึ้น ดันอกกว้างของชายหนุ่มเอาไว้ เงยหน้าขึ้น สบตาคู่คมโดยไม่รู้สึกกลัวอะไร และตะเบ็งเสียงตอบกลับไป ไม่ยิ่งหย่
ไอโกะนั่งชิดจนติดริมประตู ริมฝีปากอิ่มสีเรื่อปิดสนิทถึงแม้ว่า ในใจลึก ๆ แล้วรู้สึกดีใจ ที่ชายหนุ่มยอมตามใจ แต่อีกใจก็ยังคงเก็บ ความไม่พอใจเอาไว้เงียบๆด้วยความเป็นเด็กเอาแต่ใจ การควบคุมอารมณ์คุกรุ่น ที่เพิ่งเกิดขึ้น จึงยังทำได้ไม่ง่ายนัก หากเป็นผู้ใหญ่กว่านี้สักหน่อย คงยกระดับการควบคุมอารมณ์ ของตัวเองได้มากขึ้นตามลำดับ“ฮิบาริ วนหาโรงแรมให้คุณไอโกะพักก่อน”ยูตะสั่ง เพราะระยะทางจากโตเกียว มาถึงตัวจังหวัด อิบารากิ ใช้เวลาขับรถยนต์ ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ซึ่งเวลานี้ยังไม่ถึงเที่ยงคืนด้วยซ้ำ“ไม่ต้อง!ไม่พัก! ไม่อยากพัก”“อีกหลายชั่วโมงนะกว่าสวนจะเปิด เธอควรพักเอาแรง สวนดอกไม้ของที่นั่น กว้างมากจนสุดลูกหูลูกตา เธออาจไม่มีแรงเดิน” ชายหนุ่มพยายามอธิบายให้หญิงสาวเข้าใจ“ไปจอดนอนรอหน้าสวน พอสวนเปิด จะได้ซื้อบัตรให้ฉันเป็นคิวแรก” เธอตอบเขากลับไปเสียงห้วนทำตัวไม่น่ารักเอาเสียเลย ชายหนุ่มได้แต่คิดในใจ ขืนพูดออกไป เหมือนเอากองไฟโยนใส่น้ำมันชายหนุ่มส่งสายตา บอกลูกน้องอย่างรู้กัน เมื่อเห็นฮิบาริ เหลือบตาขึ้นมองเขา ทางกระจกมองหลังเมื่อถึงหน้าสวน ทั้งสี่คนพากันออกมาจากรถ เพราะรู้สึกเมื่อยล้า โก
เมื่อสวนเริ่มเปิดมีผู้คนทยอย เข้าไปซื้อตั๋ว แบบระบบอัตโนมัติ กันอย่างเนื่องแน่น แน่นอนว่าโกโร่และฮิบาริ ได้ยืนรอคิวเป็นอันดับแรกไอโกะรู้สึกดีใจ ที่จะได้ชมสวนดอกไม้ กว้างใหญ่เป็นครั้งแรก หลังจากที่ได้ดูมาจากโซเชี่ยลต่าง ๆ จนติดตา และเก็บเอาไปฝันฝันว่า ในดงดอกไม้นั้น มีเธอและยูตะ หยอกล้อเล่นกัน ราวกับคู่รักธรรมดาคู่หนึ่ง มีความสุขกับบรรยากาศรอบ ๆ ท่ามกลางดอกไม้หลากสีสายพันธุ์แต่นั่นมันเป็นเพียงแค่ความฝัน ไม่มีวันเป็นจริงได้ เธอรู้ว่า สักวันเขาต้องจากไป เธอจึงพยายามชักชวนให้เขา พาเธอมาเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ด้วยกัน ให้อยู่ในความทรงจำลึกๆ ในหัวใจ ถึงแม้มันอาจไม่มีความหมาย มากมายสำหรับเขา แต่สำหรับเธอแล้ว คงไม่มีวันลืมเขาได้ ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจอยู่เมื่อทุกคนเดินผ่านประตูทางเข้า ก็พบกับรถรางหลากสี เพื่อให้คนนั่ง เข้าไปชมสวนดอกไม้ ได้ทุกโซน เพราะบางคนอาจเดินไม่ไหวอีกจุดหนึ่งทางสวน มีบริการเช่ารถจักยานให้ปั่น เพื่อกันการเกิดอุบัติเหตุ จึงแยกเส้นทาง ระหว่างจักรยาน กับคนเดินเท้าอย่างชัดเจนไอโกะหันไปจับแขนชายหนุ่ม เขย่าแล้วเงยหน้าถามเขา อย่างประจบ ผิดกับไอโกะเมื่อวานนี้ราวคนละคน“ยู ปั่
เมื่อทุกคนมารวมตัวกันในรถ ฮิบาริจึงเปลี่ยนให้โกโร่เป็นคนขับแทนบ้างขณะโกโร่กำลัง เคลื่อนรถออกจากบริเวณสวนดอกไม้ ก็มีเสียงของไอโกะเอ่ยทักขึ้นมา“ฉันยังไม่อยากกลับนะโกโร่”โกโร่มองสบตาลูกพี่ ผ่านกระจกมองหลัง เหมือนจะรอคำตอบ“อยากไปไหน” ยูตะหันมาถาม“ฉันเมื่อยขา เมื่อยตัวด้วย คุณพาฉันไปพักที่ออนเซ็นหน่อยนะคะ เอาแบบอยู่ในห้องส่วนตัว ด้านนอกเป็นธรรมชาติ มีต้นไม้เยอะๆ แล้วก็เสียงนกร้อง แถว ๆ นี้มีไหม”“โกโร่ ฮิบาริ”“ได้ครับลูกพี่”ง่าย ๆ สั้น ๆ ไม่ต้องส่งลิงก์ทางสายตา เพียงแค่เรียกชื่อ ลูกน้องทั้งสองคนของชายหนุ่ม ก็ลงมือทำงานกันได้ อย่างคล่องแคล่วว่องไวฮิบาริยกโทรศัพท์กดหา สถานที่ออนเซ็น ในแบบที่หญิงสาวต้องการ เมื่อพบแล้ว ก็หันไปบอกสถานที่นั้นกับโกโร่ทันทีทำงานกันเป็นทีม!“ฮิบาริ ถามที่นั่นให้ฉันทีว่า มีจิ้งจกอยู่ไหม ถ้ามีช่วยเอาออกจากห้อง ไปให้หมดนะ ฉันกลัว”ยูตะได้ยินจึงหันไปแอบยิ้ม โดยไม่ให้ไอโกะเห็น แต่กลับไม่พ้นสายตาของโกโร่ ที่เห็นอาการของลูกพี่ ผ่านกระจกมองหลัง“เธออยากได้ธรรมชาติไม่ใช่หรือไง มันคือสัตว์ที่อยู่กับธรรมชาติ บ้านไหนมีจะแสดงถึง ความร่ำรวย ยิ่งมีเยอะก็จะยิ่งมั่งคั่ง”
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามของเธอ เพราะจับใจความไม่ได้ สมองกำลังสั่งให้ความรู้สึก ทั้งหมดของร่างกายเริ่มตื่นตัว จนไร้แรงต้านทานมันได้อีกต่อไปร่างนุ่มนิ่ม ผิวเนียนขาวอมชมพู ที่เขาอยากสัมผัสมานาน อยู่ในอ้อมแขนตรงหน้ามือใหญ่เริ่มปัดป่ายไปทั่วหลังบอบบาง ไล่ลงมาบริเวณเอวเล็กนอกผ้าขนหนู ลูบไล้ไปที่ขาอ่อน ไม่มีอะไรปกปิดไว้เลยเพราะหญิงสาวพันกาย ปิดได้เพียงช่วงบน ช่วงล่างบัดนี้ ชายผ้าขนหนู ได้ถูกรั้งลอยขึ้นมาเพราะอยู่ใต้น้ำ ไอโกะตัวแข็ง เมื่อถูกสัมผัสลูบไล้จากฝ่ามือหนา และเริ่มตัวอ่อนตามมา เมื่อริมฝีปากอุ่นจัด บดจูบเธออย่างเร่าร้อน หิวกระหาย จนทำให้สติของหญิงสาวแตกกระเจิง รู้สึกอ่อนแรงลงทุกขณะ อะไรบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรง ทันทีที่ริมฝีปากได้สัมผัส กับริมฝีปากนุ่มแสนหวาน จูบนั้นทำให้ชายหนุ่ม ลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น ลืมสิ่งที่ตัวเองตั้งใจไว้แต่แรก หญิงสาวช่างมีแรงดึงดูดมหาศาล ทำให้ชายหนุ่มเสียการควบคุมตัวเอง อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งเห็นเธองดงามไปทั้งเนื้อทั้งตัวแบบนี้ ทำให้เขาหมดความยั้งคิด อารมณ์ปรารถนาที่เคยถูกปิดกั้นมาก่อน ต่างประดังเข้ามาอย่างไม่หยุดยั
ยูตะนอนตะแคงทอดสายตามองร่างบางที่อยู่ในอ้อมแขนด้วยความรัก...เสียงลมหายใจสม่ำเสมอ บ่งบอกว่าเธอกำลังหลับสนิท...ชายหนุ่มกดจมูกลงกับแก้มนุ่มหนักๆ จนทำให้อีกคนตื่น...ปรือตาขึ้นมามองแล้วเห็นว่าเขากำลังจับมือของเธอขึ้นมาแนบข้างแก้มของตัวเอง“นอนไม่หลับเหรอคะ” เสียงหวานอู้อี้ติดจะงัวเงียเอ่ยถามก่อนขยับร่างเข้ามาชิด เอื้อมแขนเล็กกอดเขาไว้ แล้วซุกหน้ากับอกอุ่นเพื่อนอนต่อ“มีหลายเรื่องต้องคิดน่ะ”ประโยคนี้ของเขาทำเอาคนที่ไม่ค่อยคิดอะไรในหัว...รู้สึกหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง...เพราะห่วง...ความรู้สึกของคนที่เธอกำลังกอดอยู่หญิงสาวเปิดเปลือกตา ก่อนเงยหน้าขึ้นมองเขา ขมวดคิ้วเชิงถามแทนเสียง แล้วหยัดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกันยูตะเลือกที่จะเดินตัวเปล่าไปเปิดตู้ หยิบผ้าขนหนูมาส่งให้เธอ ก่อนพาตัวเองหายเข้าไปในห้องน้ำ โดยไม่ตอบคำถามของอีกฝ่ายไอโกะมองตามร่างสูงที่เดินตัวเปล่าผ่านหน้าไปอย่างงงๆ ทั้ง ๆ ที่มีผ้า แต่เจ้าตัวกลับเอาพาดบ่าซะอย่างงั้น...แล้วนะ ก็ไม่รู้หรือไงว่าเธออาย...ถึงแม้จะเห็นและสัมผัสเขาทั้งตัว แต่มันยังไม่ชินที่จะให้เธอเห็นเขาเดินโทง ๆ ขนาดนี้คำพูดของเขานั่นอีก...มันทำให้เธอหายง่วงไปแล้ว..ตอนนี้
เขากอดเธอไว้กับตัว พากระโดด แล้วเหวี่ยงเธอขึ้นมาบนชั้นลอยพร้อมกับตัวเองอย่างง่ายๆ ราวกับว่าเขากำลังแบกนุ่นอยู่...แบกเธอขึ้นที่สูงขนาดนี้...โดยไม่ต้องใช้เชือกอีกด้วยเหอะ...เขาเท่...มีเสน่ห์....น่าหลงไหล..เกินไปแล้วนะ...กับชุดที่ใส่นี่ก็ด้วยอ่ะ...ชายหนุ่มปล่อยร่างบางลงกับพื้น แล้วหมุนตัวทำท่าจะกระโดดพุ่งตัวลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว...เหมือนกับตอนที่เอาตัวเธอขึ้นมา....แต่ทว่าเขากลับเสียจังหวะเพราะ...จุ๊บ!แขนเรียวบางที่คล้องคอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังเขย่งปลายเท้าจุ๊บปากของชายหนุ่มผ่านเนื้อผ้าที่ปิดใบหน้าเขาไว้อีกยูตะส่ายหน้าก่อนดึงผ้าที่ปิดปากลงไว้ใต้คาง แล้วโน้มตัวกดริมฝีปากหนัก ๆ กับเธออย่างเร็วแล้วผละออกเพราะรู้ว่าต้อง..แบบนี้เธอถึงจะยอมปล่อย…หญิงสาววิ่งตามไปดู...จนสุดราวที่กั้นไว้... เธอกวาดตามองคนที่อยู่ด้านล่างซึ่งเวลานี้..ฝ่ายตรงข้ามส่วนใหญ่จะได้รับบาดเจ็บ..โดยมีชายในชุดดำ.ยืนคุมพวกนั้นอยู่ทั่ว...และมีจำนวนมากกว่าหลายเท่าตัวอีกด้วยยูตะยืนเท้าเอวอยู่ด้านหน้า จ่อปลายดาบเข้ากับคอหอยของฟุมิโอะที่มีสภาพร่อแร่เต็มที...แต่ยังปากดีท้าทายเจ้าของปลายดาบอย่างไม่กลัวตายเช่นกัน“ฆ่าฉั
“พ่อคะ..พ่อไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”ประโยคแรกที่ได้ยินคือหญิงสาวเอ่ยถามคนเป็นบิดา...ที่ยืนอยู่หลังโต๊ะอีกฝั่ง บนนั้นมีแฟ้มเอกสารที่พอจะเดาได้ว่า อีกฝ่ายกำลังบังคับให้ทำอะไรบนใบหน้าฮินาตะมีสีช้ำ หางตาบวมปูด..หางคิ้วแตกยับ ยังเห็นเลือดเกาะกรังจนมองใบหน้าที่แท้จริงของท่านไม่ออกเลย มันบังคับ และซ้อมพ่อของเธอ …หญิงสาวพยามกลืนน้ำตาของความอ่อนแอเข้าไปข้างใน...สั่งใจตัวเองให้เข้มแข็งเข้าไว้ไอ้สารเลว....รู้แบบนี้เธอฆ่าลูกมันทิ้งแต่ทีแรกไปแล้ว“พ่อไม่เป็นไรลูก”ฮินาตะตอบลูกสาวกลับมาเพราะไม่อยากให้เธอกังวล เขารู้ว่า ยังไงยูตะต้องมาช่วย เขาจึงไม่ยอมเซ็นเอกสารมอบอำนาจ ยอมให้พวกมันซ้อมเพื่อถ่วงเวลาเอาไว้ แต่ไม่คิดว่าลูกสาวของเขาจะถูกจับตัวมาด้วยแบบนี้“หุบปาก!พวกแกหมดเวลาพูดกันแล้ว ถ้าแกไม่ยอมเซ็นเอกสารนะฮินาตะ ลูกสาวแกกลายเป็นศพตรงนี้แน่...ว่าไง...”สองพ่อลูกเงียบเสียงลง มองสบนัยน์ตาด้วยความหมายที่ต่างคนต่างรู้ดีอยู่แล้ว พอดีกับที่ฟุมิโอะรู้สึกแปลกใจเมื่อไม่เห็นลูกชายตัวเองเข้ามาเสียที เขาจึงหันไปเอ่ยถามกับลูกน้องที่ยืนคุมตัวของไอโกะเอาไว้ว่า“แล้วฮิโรชิลูกพี่แกไปไหน ทำไมไม่มาด้วย”ฟุมิโอะเลิกคิ้วส
ดื้อ!แต่ก็ชอบ...ดีกว่าตอบแต่ค่ะๆๆๆ นั่นมันก็จืดชืดไปหน่อย...“เธอใส่ชุดราตรี มันเด่น ไม่คล่องตัว...แล้วฉันเป็นห่วง ไม่อยากพะวงหน้าพะวงหลัง”เขาพยายามอธิบายตามมา แต่คิดเหรอว่าเธอจะยอมฟัง…นอกจากไม่ฟังแล้วยังทำเหมือนไม่ได้ยินอีกนะนั่นน่ะ“คุณพอจะมีชุดดำแบบคุณให้ฉันใส่บ้างไหมล่ะคะ แบบครบชุดทั้งอาวุธด้วย”ยูตะหัวเราะหึในลำคอ...ก็เดาใจเธอไม่เคยผิดเลยสินะ...ว่าเมียดื้อของเขาต้องพูดแบบนี้ ไม่งั้นคงไม่ใช่ไอโกะ“มันต้องปีนป่าย โรยตัวจากเชือกลงมา ต้องทำให้ตัวเบา เธอยังไม่เคยฝึกอะไรแบบนี้ ทำไม่ได้หรอกนะ”“ทำได้ค่ะ...คุณก็ทำตัวเบา แล้วให้ฉันขี่หลังพาปีนขึ้นไป แล้วก็พาไต่ลงมา มันก็เหมือนเป็นการฝึกไปในตัวนะฉันว่า...”แล้วมาบอกเขาว่ามีผัวแล้วไม่ใช่เด็ก...แต่ที่พูดออกมาแต่ละประโยคนั่น มันใช่ผู้ใหญ่แล้วเถอะ“นินจามันต้องใช้ความเบา ความเร็ว..และคล่องตัว....แล้วฉันจะอุ้มเธอกระเตงไปได้ยังไงล่ะ...ไม่อยากให้ลูกศิษย์กับลูกน้องฉันมาหัวเราะเรา แล้วฝ่ายนั้นอีกพวกมันต้องหัวเราะเยาะฉันแน่ แล้วฉันจะคุมคนได้ยังไง…รอฉันอยู่ที่นี่เถอะนะ”“...!!...”“............นะ”“..........ไอ..นะ”เขาอ้อนก่อนทิ้งหัวที่มีผ้าคลุมสีด
ยูตะไม่รอช้า รีบพิมพ์ข้อความลับส่งถึงโกโร่...หลังจากที่ไอโกะได้วางสายไปแล้ว...ที่เลือกส่งข้อความลับนั่นก็เพราะว่า...ถ้าเขาเลือกใช้โทรศัพท์ คนอยู่ใกล้ ๆ อาจได้ยินด้วยนี่สิ...ฝ่ายโกโร่..เมื่อเห็นข้อความที่เด้งขึ้นมาก็รู้แล้วว่า ลูกพี่ของเขามีคำสั่ง...และต้องปฎิบัติตามโดยไม่ให้คุณไอโกะรู้นั่นแหละคำสั่งมีอยู่ว่า ให้ถ่วงเวลาหญิงสาวเอาไว้...ก็แค่นั้น...“ โกโร่ นายรู้จริง ๆ ใช่ไหมว่ามันจับตัวพ่อฉันไปไว้ที่ไหน ” ไอโกะเอ่ยถาม...เพราะรู้สึกคุ้นตากับบริเวณที่ผ่านมารอบ ๆ ตัวรถบอดี้การ์ดที่ขับตามมาทางด้านหลังนั่น ก็รู้สึกแปลกใจ ว่าทำไมคันหน้าของเจ้านาย ถึงได้ขับรถวนไปวนมาแบบนั้น ในเมื่อใกล้จะถึงที่หมายอยู่แล้วนั่นน่ะพวกเขาขับติดตามรถคันหน้าของเจ้านายไปสักพัก...จึงเข้าสู่เส้นทางหลักที่นายใหญ่ของพวกเขาถูกจับตัวไปจริง ๆ เสียทีก่อนถึงที่หมาย ยูตะได้ส่งข้อความไลน์บอกโกโร่ว่า..."อย่าเพิ่งบุกเข้าไปด้านหน้า เพราะเวลานี้พรรคพวกของฟุมิโอะ ได้เตรียมตั้งรับเอาไว้ด้วยเช่นกัน...พาเธอมาหาฉันที่จุดนัดพบตอนนี้เลย"เมื่อถึงจุดรวมพล...โกโร่มองเห็นรถตู้ที่จอดอยู่ในระยะไกลเป็นจำนวนมาก เขารู้ได้ทันทีว่านั่นคือล
ร่างสูงของยูตะลงมาจากเวทีแล้วเดินตรงปรี่เข้ามาหาฮิบาริที่รอเขาอยูด้านล่าง เพื่อรับฟังรายงานจากลูกน้องคนสนิท ขณะเดินตามกันออกมาจากงานพร้อมกับคนของเขาที่หญิงสาวทิ้งไว้ให้ครึ่งหนึ่ง“คนของเรามาถึงแล้วใช่ไหมฮิบาริ” เขาเสหน้าหันมาถาม ขณะรูดเน็คไทล์ลง เมื่อเดินมาถึงลานจอดรถแล้ว“ถึงแล้วครับ กำลังรอคำสั่งของลูกพี่”“ส่งโลเกชั่นให้แล้วบอกให้รีบตามมา...ได้เวลาตัดริบบิ้นเสียที” ชายหนุ่มเอ่ยกับลูกน้องเสียงขรึม “รู้ใช่ไหมว่าพวกที่โจมตีนายใหญ่ของเราคือใคร...” เขาถามต่อ“แก๊งของคุณฟุมิโอะครับ...” ฮิบาริหันมาตอบ...ต่อเมื่อเห็นชายหนุ่มเงียบเสียงของตัวเองลง เพื่อรอฟังรายงานของฮิบาริต่อจากนั้น“โกโร่โทรมาบอกว่า...เมื่อกี้คุณไอกับพวกของเราถูกคุณฮิโรชิเอาลูกน้องมาขวางไว้...ดันโผล่มาตอนที่เธอกำลังรีบ...เลยโมโหซัดมีดเข้าใส่จนตั้งรับไม่ทัน...ปักกลางตูดเข้าไปเต็มๆ”ยูตะหัวเราะพรืด...นึกภาพเวลาเธอโมโห หัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้วต้องขำ..น่าฟัดจะตายเหอะ...ขัดขืนนิดๆ พอมีจริตจกร้านหน่อยๆ มันทำให้เขาคึกคักทุกทีด้วยสิ..ยิ่งนึกถึงเสียงครางเรียกชื่อเขาหวานๆนั่น มันทำให้รู้สึก...คึกขึ้นมาอีกแล้วเหอะ...เวลาหน้าสิ่วหน
“รอลูกพี่ก่อนดีกว่านะครับคุณไอ..”เหมือนเคย..โกโร่เอ่ยเตือนเจ้านาย...ขณะที่เขาเดินแกมวิ่งตามเธอออกมา...เมื่อเห็นว่าเธอใจร้อน....รีบออกมาจากงานเพื่อจะตามไปช่วยบิดาโดยไม่ยอมรอลูกพี่ของเขา...เพราะความห่วงใยผู้ให้กำเนิด“เรานำหน้าไปก่อน เดี๋ยวฮิบาริก็คงบอกเอง ลูกพี่นายคงตามเรามาทัน หรือว่า...” เธอหันมาเอ่ยกับโกโร่แล้วเว้นคำพูดไว้ในตอนท้าย ขณะเดินเร็ว ๆ แล้วเปลี่ยนป็นวิ่งเหยาะๆ แทน“ครับ ๆ..เรานำไปก่อนเดี๋ยวนี้เลยครับคุณไอ”โกโร่รีบทำตามคำสั่ง เพราะรู้ว่าประโยคสุดท้ายที่เธอจะเอ่ยตามมานั้น คือคำว่าอะไร...ถ้าไม่บอกว่า...นายจะรอลูกพี่นายอยู่ที่นี่ก็ได้....หรือไม่ก็....นายใช่คนของฉันหรือเปล่า...อย่างน้อยถ้าห้ามไม่ได้ ก็ต้องตามไปคุ้มกัน...หากหญิงสาวเป็นอะไรไปแม้เพียงปลายเล็บ เขาอาจมีรูระบายอากาศทั้งตัว...และผู้เป็นคนติดตั้งให้ ก็คงเป็นเจ้านายอีกคนที่ยังอยู่ในงานนั่นเหอะบอดี้การ์ดที่ตามมาทางด้านหลัง...พากันเร่งฝีเท้าและรอทำตามคำสั่งอย่างต่อเนื่อง...ทุกคนรู้หน้าที่โดยไม่ต้องให้หญิงสาวเอ่ยอะไรมากนักทันทีที่ไอโกะและบอดี้การ์ดส่วนหนึ่ง เดินมาถึงลานจอดรถ...ฮิโรชิและลูกน้องของเขา ก็ปรากฏตัวขึ้นมา ข
เมื่อใกล้ถึงเวลารับรางวัล แต่ฮินาตะยังมาไม่ถึง เขาโทรมาบอกกับลูกสาวว่า ให้เป็นตัวแทนของท่านขึ้นไปรับรางวัลได้เลย เพราะเครื่องบินที่นั่งมานั้นดีเลย์...เนื่องจากสภาพอากาศจึงเลื่อนเวลาลงจอดออกไปนิดหน่อย...“ไอ...”ยูตะเรียกให้ไอโกะหันมา...แล้วโน้มใบหน้าเข้ามากระซิบข้างกกหูของหญิงสาว เอ่ยย้ำกับเธออีกครั้ง ขณะที่ทั้งคู่นั่งรอรับรางวัลอยู่ด้านล่างของเวที รวมกับแขกวีไอพีคนอื่นๆ“เธอต้องขึ้นไปรับรางวัลก่อนฉัน...ระหว่างที่ฉันขึ้นไปรับรางวัล นั่งอยู่ตรงนี้รอฉันลงมา เธอห้ามไปไหนเด็ดขาดเลยนะ...สัญญามาก่อนสิ”ไอโกะได้แต่บึนปาก...เพราะถูกย้ำเป็นครั้งที่ร้อย...ตั้งแต่แต่งตัวให้เธอที่บ้าน จนถึงเวลานี้ก็พูดอยู่แค่สองสามประโยควนลูปอยู่นี่เหอะ...เธอรู้ว่าเขาเป็นห่วงแต่ก็อดเถียงเขากลับไปไม่ได้อีกนั่นแหละ“ฉันมีผัวแล้ว...ไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ ดูแลตัวเองได้น่า...อย่าได้ห่วง..”เขายิ้มกว้างกับประโยคแรกที่เธอเอ่ยถึงสถานะของตัวเองออกมา อย่างเต็มปากเต็มคำเป็นครั้งแรก และเขาก็เพิ่งเคยได้ยินในวันนี้น่ารักชิบ!...จนอยากจะชวนออกไปหามุมมืด...ก็หื่นไม่รู้จักเวล่ำเวลาเลยนะมึงเนี่ย... “ผูกเอวฉันติดไว้กับตัวคุณเลยดีไห
เมื่อถึงวันงานสมาคมนักธุกิจภาคพื้นเอเชีย ไอโกะถึงได้รู้ว่าทำไมยูตะถึงต้องการให้เธอใส่ชุดแบบนี้มากระโปรงบานยาวย้วยที่หญิงสาวใส่ มันสามารถปิดบังด้านใน ที่เธอติดปืนพกเล็ก ๆ เอาไว้ได้นี่เอง...ชายหนุ่มกำลังขมักเขม่นกับการแต่งตัวให้หญิงสาว พร้อมกับติดอาวุธให้เธอด้วยตัวเองอย่างตั้งอกตั้งใจ และตั้งสติตัวเองไว้ไม่ให้เขวไปกับของของเธอที่อยู่...ใกล้ตา...ใกล้มือ...และใกล้ปากขนาดนี้..เพราะไม่อยากให้เสียงาน... “ฉันว่าเธออย่าใส่ส้นสูงเลยนะ ใส่ผ้าใบน่าจะดีกว่าคล่องตัวดี”เขาแหงนหน้าขึ้นบอกกับหญิงสาว ขณะกำลังนั่งยองขา ติดปืนบริเวณปลีน่องด้านข้างให้“ก็ได้ค่ะ เพราะถึงใส่รองเท้าสวยแค่ไหนก็ไม่มีใครเห็นอยู่ดี”หญิงสาวเห็นด้วยเพราะไม่ว่าจะทำอะไร ที่ไหน เธอก็ไม่ควรประมาทและไม่อยากให้ชายหนุ่มเป็นห่วงหรืองกังวลใจกับเธอมากนักเขาบอกให้เธอระวังตัว...ไว้ตลอดเวลา อย่างห่างจากเขาไปไหน แม้กระทั่งเวลาเข้าห้องน้ำก็ตามทีบริเวณงานมีทั้งตำรวจ และบอดี้การ์ดของบรรดานักธุรกิจ หรือยากูซ่าทั้งหลาย ที่ได้มาร่วมงานนี้มากมาย แทบไม่รู้ว่าใครเป็นใครแต่ที่เธอจำได้...ก็คือหล่อนคนนั้น อิจิโอะ เธอยืนอยู่ข้างกันกับฮิโรชิ หล่อนโปร