ไม่นานร่างบางของเจ้าแก้มก็วิ่งกลับมา พร้อมกับรุ่นพี่คณะแพทย์ที่วิ่งตามมาติด ๆ
“แฮ่ก นี่ค่ะพี่แพร” เจ้าแก้มยืนหอบแล้วชี้มือไปที่โซ่ทันที
“โซ่เหรอ?”
แพรวา รุ่นพี่ปี 4 คณะแพทยศาสตร์ที่ถูกตามตัวมากะทันหันมองคนที่รุ่นน้องต่างคณะบอกว่าป่วยด้วยความแปลกใจ
“สวัสดีครับ” โซ่เอ่ยทักทายรุ่นพี่ที่รู้จักกันตอนเขาเข้ากิจกรรมรับน้องด้วยใบหน้านิ่ง ๆ
“เห็นน้องบอกว่าโซ่ป่วยเหรอ?”
แพรวาถามขึ้นด้วยความไม่แน่ใจ เพราะตอนแรกเจ้าแก้มวิ่งไปตามเธอบอกว่ามีคนใจเต้นแรงแล้วมาขอยา เธอเองก็ตกใจมาก รีบวิ่งมาดู แต่ดูจากท่าทางบองคนป่วยแล้วไม่น่าจะใช่
“หึ” โซ่ไม่ตอบ แต่กระตุกยิ้มแล้วหันไปมองเจ้าแก้มที่ยืนหอบอยู่ด้วยเอ็นดู
“อ๋อ พี่เข้าใจละ”
เมื่อเห็นสายตาของรุ่นน้องหนุ่ม แพรวาก็เข้าใจในทันทีว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็ค่อนข้างหนักใจแทนเขาอยู่ เพราะเธอเองก็รู้จักเจ้าแก้ม และพี่ชายเจ้าแก้มเป็นอย่างดี
“ดูแค่นี้ก็เข้าใจเลยเหรอคะ?”
เจ้าแก้มหันมามองแพรวาแล้วทำตาโตอย่างน่ารัก เธอเอ่ยถามด้วยตะลึง เพราะรุ่นพี่แค่มองก็รู้เลยเหรอว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร
แล้วก็ทำหน้าครุ่นคิดว่ามีแบบนี้ด้วยเหรอ?
“หึ ยากหน่อยนะ ซื่อ ๆ แบบนี้” แพรวายิ้มเอ็นดูแล้วหันไปพูดกับโซ่ด้วยความเหนื่อยใจ
“เขาไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก เจ้าแก้มก็คุยถามอาการไปนะ” แพรวาเอ่ยขึ้นแล้วโน้มหน้าไปกระซิบที่ข้างหูของเจ้าแก้ม
“เขาชอบเจ้าแก้มมั้ง” เมื่อพูดจบแพรวาก็เดินออกไปทันที
เจ้าแก้มยืนนิ่งกับคำพูดของรุ่นพี่แล้วหันไปมองหน้าโซ่ช้า ๆ
ตึก ตึก ตึก
ใจของเธอเต้นแรงขึ้นเมื่อได้สบสายตานิ่งลึกของโซ่
เจ้าแก้มยกมือขึ้นมากุมตำแหน่งหัวใจของตัวเองไว้แล้วทำตาโต
ทั้งชีวิตเธอมีคนมาบอกว่าชอบมากมาย แต่ไม่เคยมีใครที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกขนาดนี้ เป็นคนอื่นเธอคงก้มหัวขอบคุณไปแล้วที่เขาชื่นชอบเธอ แต่กับคนตรงหน้า ทำไมเธอไม่กล้าแม้แต่จะพูดกับเขาเสียอย่างนั้น
“มะ ไม่ได้มาขอยาเหรอคะ?” เจ้าแก้มกลืนน้ำลายลงแล้วถามขึ้นเสียงติดจะสั่นเล็กน้อย
“มาจีบ ไม่ได้มาขอยา”
และคำตอบของโซ่ก็ยิ่งทำให้ใจเจ้าแก้มเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ตึก ตึก ตึก
“จะ เจ้าแก้มว่าเจ้าแก้มต้องเป็นโรคหัวใจแน่ ๆ เลยค่ะ”
เจ้าแก้มพูดขึ้นด้วยความใสซื่อ ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงดีตอนนี้ เธอเข้าใจความหมายของโซ่ที่พูด เพราะที่ผ่านมาคนจะเป็นแฟนกันต้องจีบกันก่อน แล้วคนตรงหน้ามาบอกว่าจะจีบเธอ แสดงว่าต่อไปเธอต้องเป็นแฟนกับเขาอย่างนั้นสิ
“หึ ทำไม ใจเต้นแรงเหรอ?” โซ่อมยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปใกล้เจ้าแก้มมากขึ้น
กลิ่นหอมของแป้งเด็กที่ติดตัวคนตรงหน้าทำให้เขาสูดดมเข้าไปเต็มปอด
“ชะ ใช่ค่ะ” เจ้าแก้มจึงตอบกลับไปแล้วมองใบหน้าหล่อใสตรง ๆ
“เต้นเหมือนกับฉันหรือเปล่า?” โซ่จับมือของเจ้าแก้มขึ้นมาทาบอกของตนเองแล้วถามขึ้นเสียงนุ่ม
“เอ๊ ใจพี่โซ่ก็เต้นแรงเหมือนกันเลยค่ะ”
เจ้าแก้มตอนแรกก็ขืนมือตนเองไว้เล็กน้อย แต่พอรับรู้ถึงการเต้นของหัวใจอีกฝ่ายแล้วก็ขมวดคิ้วสงสัย
“หึ” โซ่หลุดขำกับท่าทางน่าเอ็นดูนั้น
“เจ้าแก้มว่าเรารีบไปหาหมอดีกว่านะคะ” เจ้าแก้มรีบเงยหน้าขึ้นพูดกับโซ่ด้วยความกระตือรือร้น
“ไปทำไม?”
“โรคร้าย เราทั้งคู่ต้องเป็นโรคร้ายแน่ ๆ” เจ้าแก้มเอ่ยขึ้นแล้วผละตัวออกจากโซ่ หลังจากนั้นก็รีบวิ่งไปเก็บของทันที
“เดี๋ยว!” โซ่มองตามหลังร่างบางไปด้วยความเหนื่อยอ่อนพร้อมกับคิดในใจว่า ‘งานยากแล้วเรา’
“เจ้าแก้มต้องรีบไปตรวจค่ะ เอาไว้เราค่อยมาจีบแล้วเป็นแฟนกันนะคะ” เจ้าแก้มเก็บของไปด้วยแล้วหันมาพูดกับโซ่ ตามความเข้าใจของเธออย่างซื่อ ๆ
“อะไรนะ!!!” ทันใดนั้นก็มีสองเสียงที่ร้องขึ้นด้วยความตกใจ
เจ้าแก้มและโซ่หันไปมองก็พบว่าเป็นชิงชิงและหนูดีนั่นเองที่กำลังอ้าปากค้างมองทั้งคู่อยู่ด้วยความตะลึง
“มาพอดีเลย พาแก้มไปหาหมอหน่อย” เจ้าแก้มพูดขึ้นแล้วรีบลากเพื่อนสนิททั้งสองคนออกไป
และก็มิวายหันมาโบกมือให้โซ่ด้วย
“ดะ เดี๋ยวยัยแก้ม นี่แกจะไปไหน?” หนูดีที่ตั้งสติได้ก่อนที่จะถูกลากไปไกลกว่าขึ้นขืนตัวเอาไว้ แล้วก็เอ่ยถามขึ้น
“ไปหาหมอไง” เจ้าแก้มจึงหันไปตอบเพื่อนด้วยความใสซื่อ
“แกเป็นอะไร ทำไมต้องไปหาหมอ?” ชิงชิงจึงได้สติแล้วถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ใจแก้มเต้นแรงมากเลยชิงชิง” เจ้าแก้มพูดขึ้นเสียงงอแง เหมือนเด็กฟ้องพ่อแม่เวลาป่วยไม่ผิดแน่
“ใจเต้นแรง?” สองสาวถามขึ้นพร้อมกันด้วยความแปลกใจ
“ใช่ แต่เอ… ทำไมตอนนี้มันหายแล้วล่ะ” เจ้าแก้มพยักหน้ายืนยันแล้วก็ยกมือขึ้นมากุมหัวใจตนเอง แต่ตอนนี้มันกลับเต้นปกติแล้วนี่นา
“ไปนั่งตรงนั้น” หนูดีและชิงชิงหันมามองหน้ากันแล้วลากเจ้าแก้มไปหาที่นั่ง
“ฉันจะพูดยังไงดี?” ชิงชิงหันไปถามหนูดี เพราะไม่รู้จะพูดยังไงกับเจ้าแก้มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามดี
“ไม่รู้” หนูดีเองก็ส่ายหน้าจนปัญญา
“เจ้าแก้ม”
“???” เจ้าแก้มมองหน้าเพื่อนสนิททั้งสองอย่างตั้งคำถามและตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก
“พี่โซ่มาพูดอะไรกับแก?” ชิงชิงจึงเอ่ยถามขึ้น
“เขามาหาแก้มที่นั่งอยู่ แล้วก็บอกว่าใจเต้นแรง แก้มก็เลยไปตามพี่แพรให้ แต่ว่าพี่แก้มบอกเขาไม่ได้เป็นอะไร”
เจ้าแก้มเล่าให้เพื่อนสนิททั้งสองฟังหมดเปลือก
“เขาบอกว่าจะจีบแกเหรอ?” หนูดีถามขึ้นต่อทันทีด้วยความตกใจ
“รู้ได้ยังไง?” แต่คนที่ตกใจกว่าคือเจ้าแก้ม นี่เพื่อนเธอรู้ได้ยังไง?
“แล้วจากนั้นใจแกก็เต้นแรง ใช่ไหม?”
“อื้ม ใช่ ๆ” เจ้าแก้มพยักหน้าหงึก ๆ ยอมรับว่าเธอเป็นอย่างนั้น แปลกจริง ๆ ที่พอพูดถึงโซ่แล้วใจเธอก็เต้นแรงอีกครั้ง
“พะ พี่โซ่จะจีบแก”
“กรี๊ดดดดดดด” สองสาวหันมามองหน้ากันแล้วร้องกรี๊ดออกมา
“อะไรอ่ะ นี่ ๆ ใจเจ้าแก้มเต้นแรงอีกแล้ว!”
เจ้าแก้มถามขึ้นด้วยความงง และรีบบอกเพื่อนว่าใจเธอเต้นแรงอีกแล้ว
“โอ้ย ยัยซื่อบื้อ” สองสาวจึงหันมาทำหน้าเอือมระอาใส่เจ้าแก้ม
จากนั้นก็อธิบายความสัมพันธ์ของคนที่จีบกัน เป็นแฟนกันและแต่งงานกันให้เจ้าแก้มฟัง อะไรที่อีกฝ่ายควรรู้ก็เล่าให้ฟังหมด เพราะที่ผ่านมามีคนมาจีบเจ้าแก้มมากมาย
แต่เจ้าแก้มกลับมีปฏิกิริยากับแค่โซ่คนเดียว นี่ก็ชัดแล้วว่าเพื่อนพวกเธอหวั่นไหวกับโซ่
เจ้าแก้มนั่งฟังไปก็ทำตาโตบ้าง พยักหน้ารับบ้าง จนมานึกถึงประโยคที่ตัวเองคุยกับโซ่เมื่อครู่
“ละ แล้วที่เจ้าแก้มบอกเขาว่าเดี๋ยวค่อยมาจีบแล้วเป็นแฟนกันล่ะ?” เจ้าแก้มกลืนน้ำลายลงคอแล้วถามขึ้น
“ก็หมายความว่าแกตกลงยอมให้เขาจีบไง รอได้เลยค่ะ แฟนคนแรกของแกคือพี่โซ่คนโหดแน่นอน!!”
กึกขาที่กำลังจะก้าวเดินชะงักลง เนื่องจากว่าคนด้านหน้าได้หยุดชะงัก โซ่หันไปมองเพื่อนสนิทที่จู่ ๆ ก็หยุดเดินด้วยใบหน้านิ่ง ๆ “เชี้ยยยยย” แต่คนที่กำลังเป็นเป้าสายไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่ด้านข้างของเต็นท์คณะแล้วร้องขึ้นทันที“อะไรของมึง?” พายัพถามขึ้นด้วยความสงสัย“นั่นใครวะ? ทำไมน่ารักแบบนี้กูไม่เคยเห็น”ไลอ้อนชี้ไปที่กลุ่มของสามสาวที่กำลังจัดเตรียมของกันอยู่“ไหน?” พายัพหันไปมองตามมือของไลอ้อนที่ชี้ไปแล้วก็ตาลุกวาวทันที“เออว่ะ”“เด็กแพทย์หรือเปล่า?”เป็นเรย์ที่พูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ เพราะดูจากการแต่งตัวและกล่องปฐมพยาบาลที่ถือแล้วก็คงจะเป็นอย่างที่เขาพูด“น่าจะใช่แหละ” ซึ่งคนอื่นก็เห็นด้วยกับคำพูดนั้น“แต่น่ารักว่ะ คนนั้นน่ะ ตัวเล็ก ๆ” ไลอ้อนชี้มือไปที่สาวน้อยน่ารักที่ตัวเล็กที่สุดในนั้นแล้วเอ่ยขึ้นโซ่หันไปมองตามแล้วเห็นว่าคนที่เพื่อนเขาพูดถึงคือใครก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ“มีอะไรวะ?” ลีออนเห็นสีหน้าของเพื่อนแล้วแปลกใจ จึงถามขึ้นทำให้เพื่อนทั้งสามหันมามอง โซ่จ้องหน้าไลอ้อนนิ่งแล้วเอ่ยปฏิเสธ“เปล่า”จากนั้นก็เดินหนีไปทันที ตามด้วยลีออนและเรย์“ทำไมกูรู้สึกขนลุกกับสา
“เอ๊ะ ศิรวิทย์เหรอ? คุ้น ๆ นะชื่อนี้”ชิงชิงลุกขึ้นแล้วเดินมาดูชื่อที่ปักอยู่ตรงอก และมีปีที่เรียนด้วย “เสื้อวิศวะ!!” หนูดีจับเจ้าแก้มให้หันหลังแล้วเห็นเฟืองเกียร์ก็พูดขึ้นทันทีสองสาวยกมือขึ้นปิดปากตัวเองอย่างตกตะลึง“นะ นี่เสื้อพี่โซ่เหรอ?” ชิงชิงถามขึ้นแล้วจ้องหน้าเจ้าแก้มจนตาถลน“เจ้าแก้ม” แต่ยังไม่ทันที่เจ้าแก้มจะได้ตอบอะไรก็มีคนเรียกเธอเสียก่อน“ค่ะพี่แพร เดี๋ยวมานะ” เจ้าแก้มหันไปมองคนเรียกแล้วเดินไปหาทันที“แกคิดว่าไง B1” หนูดีหันไปถามชิงชิงแล้วยิ้มแหย“ฉันว่าไม่รอด” ชิงชิงส่ายหน้าปลง ๆ“จะไหวเหรอ?” หนูดีถามขึ้น“ต้องไหวสิ พี่โซ่ก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้สักหน่อย พี่กราฟกับพี่กลูมคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง”ชิงชิงขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น เพราะเธอคิดว่าหนูดีคงจะหมายถึงครอบครัวเจ้าแก้มที่หวงน้องสาวมากแต่ว่าเท่าที่เธอได้ยินมา โซ่ก็ไม่ใช่คนไม่ดี พี่ชายทั้งสองคงไม่กีดกันอะไรถ้าหากทั้งคู่จะคบกันจริง ๆ“ไม่ พี่ชายเจ้าแก้มก็ส่วนหนึ่ง แต่พี่โซ่น่ะจะรับมือกับเพื่อนเราไหวไหม?”หนูดีส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นในสิ่งที่ตัวเองเป็นกังวล พี่ชายของเจ้าแก้มก็ส่วนหนึ่งที่เป็นห่วง แต่ที่ห่วงมากกว่าคืออีกฝ่ายจะรับมือกับเพื่
ภาพของโซ่ หนุ่มหล่อสุดโหด ดีกรีเฮดว้ากจากวิศวะ และสาวน้อยหน้าหวาน สมบัติของคณะเภสัช ถูกแอบถ่ายและเผยแพร่ลงโซเซียล เป็นที่ฮือฮาของทุกคนในมหา’ลัยเป็นอย่างมาก“ใช่เหรอแก?” สาว ๆ ที่เป็นแฟนคลับของโซ่ก็รีบสืบถามกันจ้าละหวั่น“กรี๊ดดด นี่พี่โซ่มีแฟนแล้วเหรอ?” เมื่อเจ้าแก้มและเพื่อนเดินผ่านมาก็พากันชี้เพื่อนให้ดูด้วย“นั่นไง ๆ” “ทำไมคนมองมาที่เราแปลก ๆ” ชิงชิงเอ่ยขึ้นแล้วมองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย เพราะเธอรู้สึกว่าจะมีคนมองมาที่เธอและเพื่อนแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้“นั่นสิ” หนูดีเองก็รู้สึกเช่นกัน จึงพยักหน้าเห็นด้วย“หน้าแก้มมีอะไรติดหรือเปล่า?” เจ้าแก้มที่รู้สึกว่าคนจะมองมาที่เธอคนเดียวจึงหันไปถามเพื่อนด้วยความไม่มั่นใจ“ไม่มีนี่” ชิงชิงส่ายหน้าจากนั้นทั้งสามสาวก็รีบเดินไปด้านในคณะทันที“พี่ฟีน” เจ้าแก้มเอ่ยเรียกพี่รหัสของตนเองที่กำลังจะเดินผ่านไป“อ้าว เจ้าแก้ม” ฟีนหันมาเห็นน้องรหัสของตนเองก็ยิ้มให้เล็กน้อย“มาเอาข้าวเหรอ?”จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้น เพราะวันนี้มีกิจกรรมรับน้อง โรงอาหารจะไม่เปิด นักศึกษาทุกชั้นปีจะมีข้าวกล่องแจกให้ทุกคน“ค่ะ” เจ้าแก้มพยักหน้ารับ“ตามมาสิ” ฟีนจึงเอ่ยขึ้นแล้วเดินนำหน
เจ้าแก้มจึงพยักหน้ารับเปิดกล่องข้าว แต่แล้วก็มีสีหน้าที่เศร้าลง“มีอะไรเจ้าแก้ม?” หนูดีจึงถามขึ้นด้วยความสงสัยเจ้าแก้มเบะปากแล้วหันกล่องข้าวของตนให้เพื่อนดู“อ้าว!” เมื่อเห็นแล้วชิงชิงและหนูดีก็รีบเปิดกล่องข้าวตัวเองทันที“ของฉันก็เหมือนกัน” และเห็นว่าข้าวพวกเธอก็ไม่ได้ต่างจากเจ้าแก้มเลย“เอาไงล่ะทีนี้?” ชิงชิงถามขึ้น เพราะข้าวที่พวกเธอได้มาคืออาหารที่มีรสเผ็ด แต่เจ้าแก้มไม่กินเผ็ดเลย ฉะนั้นข้าวนี่เพื่อนเธอกินไม่ได้แน่ ๆ“สั่งข้าวดีไหม?” “จะทันเหรอ โรงอาหารก็ไม่เปิดนะ”“หรือจะออกไปหาอะไรกินข้างหน้า”หนูดีเสนอความคิดเห็น เพราะด้านหน้านอกจากร้านน้ำแล้วก็มีอาหารมาขายมากมายเช่นกัน เนื่องจากวันนี้ทางมหา’ลัยอนุญาตให้แม่ค้าพ่อค้าเข้ามาขายของได้“พวกแกกินเถอะ เดี๋ยวแก้มนั่งรอแล้วค่อยออกไป”เจ้าแก้มพยักหน้าจำยอมแล้วบอกให้เพื่อนกินข้าวเลย เธอจะรอ แล้วค่อยออกไปหาซื้อกินข้างนอกสองสาวจึงพยักหน้ารับแล้วก้มหน้ากินข้าว“สวัสดีครับ” แล้วจู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาทัก“เอ่อ สวัสดีค่ะ”เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นว่าเป็นกลุ่มของโซ่ เพื่อนของเจ้าแก้มก็ทำตัวกันไม่ถูกทันที“พวกพี่ขอนั่งกินข้าวด้วยนะครับ พอดีมาหาเพื่อน แ
“เจ้าแก้ม เดี๋ยวนั่งเฝ้าที่เต็นท์นะ” แพรวาเดินมาบอกเจ้าแก้มที่นั่งพักอยู่“ค่ะพี่แพร” เจ้าแก้มจึงวางแก้วน้ำที่ดื่มอยู่ลงแล้วตอบรับทันที“ถ้าอย่างนั้นพวกฉันไปละ” เมื่อเพื่อนมีหน้าที่ต้องทำแล้ว หนูดีก็เอ่ยขอตัวทันทีด้วยท่าทางที่กระตือรือร้น“ดี๊ด๊าจริงนะ” จนชิงชิงอดที่จะแขวะไม่ได้“มันแน่อยู่แล้ว เด็กคณะนี้งานดีกันทุกคนเลย ไปละจ้าาา” หนูดีเชิดหน้าแล้วพูดออกมา จากนั้นก็รีบเดินไปที่สนามบอลทันทีชิงชิงจึงรีบหอบกระเป๋าตามไป“คิกคิก” เจ้าแก้มได้แต่มองตามแล้วหัวเราะคิกคักออกมาเจ้าแก้มนั่งเฝ้าอยู่ที่เต็นท์ก็มีคนมาขอเบิกยาเรื่อย ๆจนมีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาแล้วโยนกล่องปฐมพยาบาลไปที่ด้านหน้าของเจ้าแก้มปึกเจ้าแก้มตกใจจนถึงกับสะดุ้งโหย่ง“เอ่อ” เธอเงยหน้าขึ้นมองคนที่ทำแล้วมองด้วยความแปลกใจ เพราะเธอไม่เคยคุ้นหน้าคนนี้เลย“ขอยาพารา” หญิงสาวที่เป็นคนโยนกล่องยาเอ่ยขึ้นเสียงห้วนแล้วจ้องหน้าเจ้าแก้มเขม็ง“คณะไหนคะ?” เจ้าแก้มจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย“ทำไม อยู่คณะอื่นแล้วขอไม่ได้หรือยังไง หรือต้องเป็นวิศวะเท่านั้นเหรอ?”เมื่อได้ยินคำถามจากเจ้าแก้ม หญิงสาวรายนั้นก็มีท่าทางฉุนเฉียวขึ้นมาทันที“เปล่าค่ะ สั
“พี่แพร!” เจ้าแก้มจึงรีบจับตัวรุ่นพี่ตัวเองไว้ทันที“ปล่อย พี่จะตามไปเอาเรื่องพวกนั้น”“อย่าเลยค่ะ แก้มไม่ได้เป็นอะไร” เจ้าแก้มพยายามห้าม เพราะไม่อยากให้มีเรื่องกัน เดี๋ยวมันจะเป็นเรื่องใหญ่“แล้วทำไมพวกนั้นถึงมาหาเรื่องเรา?”แพรวามีท่าทางขัดใจแล้วหันมาถามเจ้าแก้มด้วยความสงสัย เพราะพอคิดอีกทีคือการมาหาเรื่องเจ้าแก้มนี่มันคืออะไรที่ไร้เหตุผลที่สุด เจ้าแก้มเป็นคนยังไงทุกคนรู้ดี จะไปมีเรื่องกับใครได้ ซื่อ ๆ แบบนี้“เขามาขอยา แล้วก็ถามแก้มว่าเป็นอะไรกับพี่โซ่”เจ้าแก้มจึงเล่าให้รุ่นพี่ฟัง เพราะเธอเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันเมื่อได้ยินคำตอบแล้วแพรวาก็เข้าใจทันที ว่าสาเหตุที่คนพวกนั้นมาหาเรื่องเจ้าแก้มนั้นเพราะอะไร“เฮ้อ”เธอถอนหายใจออกมาแล้วจ้องหน้าเจ้าแก้มด้วยความละเหี่ยใจ“มา พี่ทายาให้” จากนั้นก็จับมือเจ้าแก้มไปนั่งแล้วทายาให้“ขอบคุณค่ะ”“เดี๋ยวเจ้าแก้มตามพี่มาดูคนที่แถวก็แล้วกัน”เมื่อปล่อยเจ้าแก้มไว้คนเดียวไม่ได้แล้ว แพรวาจึงต้องลากไปด้วยแทน“แล้วที่เต็นท์...”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้เพื่อนพี่มาดู”แพรวาพาเจ้าแก้มไปเรียกเพื่อนของเธอให้ไปเฝ้าเต็นท์ แล้วรีบมาดูรุ่นน้องที่กำลังทำกิจกรรมกลางสนามต
ตึกอธิการบดีโซ่เดินหน้าตึงเข้ามาที่ตึกอธิการบดีแล้วตรงขึ้นไปชั้นบนสุดของตึกทันทีเลขาหน้าห้องของอาจารย์ชลธีร์ อธิการบดีของมหาวิทยาลัยหันมาเห็นเขาก็ทักทายทันทีด้วยความสงสัย เพราะวันนี้นางรู้ว่ามหาวิทยาลัยมีกิจกรรมรับน้องรวมแต่การที่โซ่ขึ้นมาบนนี้แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ ๆ“คุณศิรวิทย์?”โซ่ไม่สนใจเลขาวัยกลางคนเลยสักนิด เขาตรงไปที่หน้าประตูแล้วกระชากออกทันที“คุณโซ่คะ ท่านอธิการประชุมอยู่นะคะ!!” เลขาหน้าห้องเห็นเช่นนั้นก็ตกใจเป็นอย่างมาก รีบเข้าไปห้ามทันทีแกรกแต่โซ่ไม่ฟัง เปิดประตูออกด้วยใบหน้าถมึง ทำให้ผู้ใหญ่ที่นั่งพูดคุยเรื่องงานกันอยู่ชะงัก แล้วหันมามองเขาที่อยู่หน้าประตูเป็นตาเดียว“อ้าว โซ่?”ท่านอธิการตวัดสายตามามองอย่างดุ ๆ หวังจะต่อว่าเลขาที่เสียมารยาท แต่พอเห็นว่าเป็นหลานชายภรรยาของเขาเองที่เปิดประตูเข้ามา ก็มองอย่างแปลกใจตึก ตึก ตึกโซ่ไม่สนใจสายตาของใครที่มองมาที่เขาด้วยสายตาแปลกใจ สงสัย หรือตำหนิ เขาเดินตรงไปที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ที่เป็นมุมกล้องวงจรปิดของมหา’ลัย ซึ่งกำลังฉายภาพจอเป็นกล้องมุมต่าง ๆ ในมหา’ลัยหลายจอเขาเปิดไปที่กล้องตัวที่อยู่ใกล้เต็นท์คณะตัวเองมากที่สุด แล
เมื่อถึงเวลาเลิกกิจกรรม โซ่ก็พาเจ้าแก้มเดินออกมาจากตึกคณะของเขา เดินกันมาถึงด้านหน้าคณะของเจ้าแก้ม“กลับยังไง?” เขาเอ่ยปากถามขึ้นก่อนที่จะแยกย้ายกัน “คะ?” เจ้าแก้มที่คิดอะไรเพลิน ๆ อยู่ก็หันมาหาโซ่แล้วทำหน้าสงสัยแต่โซ่กลับยืนเงียบและรอคอยคำตอบ เจ้าแก้มจึงพยายามนึกว่าเมื่อครู่เขาถามอะไรเธอแล้วตอบออกไป“อ๋อ พี่ชายแก้มมารับค่ะ”และแล้วโทรศัพท์ของเจ้าแก้มก็สั่นขึ้นสายเรียกเข้า : พี่คนโตของเจ้าแก้ม“อุ๊ย โทรมาพอดีเลย” พอเห็นว่าปลายเป็นใคร เจ้าแก้มก็ยิ้มสดใส ดวงตาของเธอเปล่งประกายเป็นอย่างมาก“แก้มไปนะคะ สวัสดีค่ะ” เจ้าแก้มหันมาเอ่ยลาโซ่แล้วยิ้มสดใส“ค่าพี่กราฟ” พอเธอหันหลังให้เขาแล้วก็กดรับสายพี่ชายทันที“อยู่ตรงไหนคะ? โอ๊ะ แก้มเจอแล้วค่ะ”เจ้าแก้มพยายามชะเง้อหารถของพี่ชายที่มารับ เธอพูดเจื้อยแจ้วไปตลอดทาง โดยมีสายตาของโซ่มองตามไปด้วยความเอ็นดู และรู้สึกเสียดาย ที่เขาไม่ได้ไปส่งเธอเองเจ้าแก้มไม่ได้รับรู้ถึงความคิดของใคร เมื่อเห็นรถของพี่ชายแล้วเธอก็ตรงไปปรี่หาแล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งทันที“สวัสดีค่ะ”เจ้าแก้มวางของในมือลงแล้วหันไปยกมือไหว้พี่ชายด้วยรอยยิ้มสดใส“อื้ม” เพียงแต่ตอนนี้สายต
“คะ?” เจ้าแก้มชะงักไปทันที แล้วหันมามองโซ่อย่างตั้งคำถามอีกครั้ง“...” เพียงแต่โซ่ไม่ตอบอะไร เขามองเธอนิ่ง “เจ้าแก้มไม่ได้โกรธค่ะ” เจ้าแก้มส่ายหน้าเบา ๆ และขบคิดด้วยความสับสน“แล้วเป็นอะไร?” โซ่จึงจี้ถาม แม้จะมั่นใจแล้วก็ตามว่าเธอเป็นอะไร“เจ้าแก้มก็ไม่รู้” เจ้าแก้มส่ายหน้าตอบกลับมา เพราะเธอไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองเป็นอะไร มันอธิบายความรู้สึกไม่ได้ในตอนนี้“เห็นรูปนั้นใช่ไหม?” “ค่ะ” เมื่อถูกถามอย่างนั้น เจ้าแก้มยอมรับไปตรง ๆ แล้วก้มหน้าลงทันที“พี่ไม่รู้เรื่องด้วย ไม่รู้จัก ไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ” โซ่อธิบายให้เธอฟังอย่างใจเย็น เขาไม่รู้จักรุ่นน้องคนนั้นมาก่อน และไม่มีความคิดที่จะนอกใจเจ้าแก้มเลยสักครั้ง“อีกอย่างรูปนั้นพี่สั่งให้ไอ้ลีนไปลบให้แล้ว” แล้วก็บอกเล่าว่าเขาสั่งให้เพื่อนไปลบรูปนั้นแล้ว“พี่ดีใจนะ”“ดีใจอะไรเหรอคะ?” เจ้าแก้มเงยหน้าขึ้นแล้วมองโซ่อย่างแปลกใจ ที่จู่ ๆ ก็พูดขึ้นว่าดีใจ“ก็ดีใจที่เจ้าแก้มหึงพี่” โซ่กล่าวแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาอย่างอารมณ์ดี“บ้า ใครหึงกัน ไม่มีนะ” ทำให้เจ้าแก้มหน้าร้อนขึ้นมาแล้วรีบปฏิเสธทันที เธอไม่ได้หึงเขาเสียหน่อย แค่ไม่พอใจที่เห็นเขากับคนอื่นก็เ
เจ้าแก้มมึนตึงกับโซ่เป็นอย่างมาก จนกลายเป็นความอึดอัดใจ“วันนี้พี่ไปส่งนะ” เขาอาสาไปส่งเธอที่บ้านด้วยตัวเอง เพื่อที่จะได้คุยกัน“พี่กราฟจะมารับค่ะ” แต่เจ้าแก้มกลับปฏิเสธมาเสียอย่างนั้น“เดี๋ยวพี่จะโทรบอกพี่กราฟเอง” โซ่จึงอาสาโทรหากราฟเอง เพราะอย่างไรวันนี้ต้องได้คุยกันก่อนทำให้เจ้าแก้มไม่สามารถปฏิเสธได้“พี่ไปนะ” โซ่จำใจต้องลาเจ้าแก้ม เพื่อไปเรียน แต่ก็ยังคงมีความกังวลอยู่ไม่น้อย“แกตึงใส่เขาเกินไปหรือเปล่า?” เมื่อโซ่เดินออกไปแล้ว ชิงชิงก็หันมาถามเจ้าแก้มทันที“นั่นสิ” หนูดีเองก็เห็นด้วย ว่าเจ้าแก้มเฉยชากับแฟนหนุ่มของเธอมากไปจริง ๆ“เจ้าแก้มไม่รู้” คำพูดของเพื่อนทั้งสองทำให้เจ้าแก้มรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีในตอนนี้“ถ้าแกไม่รู้ แกควรจะถาม หรือพูดคุยกับเขาไปนะเจ้าแก้ม ไม่ควรทำแบบนี้” ชิงชิงจึงค่อย ๆ พูดให้เจ้าแก้มคิด และเข้าใจ“เจ้าแก้มงี่เง่าไปเหรอ?” เข้าแก้มจึงถามกลับมา เธอไม่อยากเป็นอย่างนี้เลย เพียงแต่จัดการกับความรู้สึกของตัวเองไม่ได้จริง ๆ“ไม่ใช่หรอก แต่แกก็รู้ว่าพี่โซ่เขารักแกแค่ไหน”“ใช่ ตึงใส่เขาไปแบบนั้นจะเรียนรู้เรื่องไหมน่ะ” คำพูดของหนูดีทำให้เจ้าแก้มชะงัก แล
“พี่ไลอ้อน” เจ้าแก้มหยุดชะงักแล้วยกมือไหว้เพื่อนสนิทของแฟนหนุ่ม“ไม่เห็นไอ้โซ่บอกเลยว่าเราจะมา?” ไลอ้อนรับไหว้แล้วพึมพำขึ้น เพราะก่อนหน้านี้โซ่ไม่เห็นจะบอกพวกเขาเลยว่าเจ้าแก้มจะมากินข้าวที่โรงอาหารของพวกเขา“เจ้าแก้มไม่ได้บอกพี่โซ่น่ะค่ะ” เจ้าแก้มบอกกับเขาไปเสียงนิ่ง“อ้าว” นั่นทำให้ไลอ้อนขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ และไหนจะอาการมึนตึงของเจ้าแก้มอีก เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่“ขอตัวไปสั่งข้าวก่อนนะคะ” เจ้าแก้มตัดบทแล้วขอตัวไปสั่งข้าวทันทีไลอ้อนมองตามหลังของเธอไปด้วยความงงงัน“น้องชิงชิง?” จากนั้นก็หันมามองชิงชิงอย่างตั้งคำถาม“ขอตัวนะคะ” แต่ชิงชิงไม่สามารถพูดอะไรได้เช่นกัน จึงค้อมหัวให้รุ่นพี่เล็กน้อย จากนั้นก็วิ่งตามหลังเจ้าแก้มไปติด ๆทิ้งให้ไลอ้อนได้แต่เกาหัวแกรก ๆ มองตามหลังไปทางด้านของโซ่ ในตอนนี้เขากำลังรอเจ้าแก้มตอบกลับข้อความ หลังจากที่เขาส่งไปหาเธอตั้งแต่สิบนาทีที่แล้ว“มึงเห็นนี่ยัง?” แล้วจู่ ๆ พายัพก็ยื่นโทรศัพท์ของเขาไปให้กับโซ่ซึ่งโซ่ก็มองด้วยความแปลกใจ และรับไปดูก็เห็นว่าเป็นรูปตอนที่เขาไปทำบุญเมื่อเช้านี้ และมีรุ่นน้องคนหนึ่ง มาอยู่ข้าง ๆ ซึ่งเขาไม่ได้รู้จัก หร
เช้าวันต่อมา ในวันนี้เจ้าแก้มมาเรียนโดยมีพี่ชายมาส่ง เพราะโซ่มีนัดกับรุ่นน้องแต่เช้า เพื่อมาทำบุญคณะกัน เจ้าแก้มจึงไม่ได้รบกวนเขาในขณะที่นั่งรอเรียนอยู่นั้น ก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นเป็นระยะ และเจ้าแก้มเองก็รู้สึกว่ามีสายตาของหลายคนมองมาที่เธอแปลก ๆเจ้าแก้มจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความงงงัน จนหันมาเห็นสายตาของเพื่อนสนิททั้งสองนี่แหละ“มีอะไรเหรอ?” เจ้าแก้มถามขึ้นด้วยความสงสัย“ดูนี่สิ”“หือ?” เจ้าแก้มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย จากนั้นก็รับโทรศัพท์จากมือของหนูดีมาดูซึ่งบนหน้าจอกำลังโชว์ภาพของโซ่และผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทำบุญอยู่ข้างกัน พร้อมกับแคปชันหวานซึ้งเจ้าแก้มเลื่อนอ่านเม้นก็มีแต่คนพูดว่าเหมาะสมกัน และถามถึงเธอด้วย“โอเคนะ?” ชิงชิงถามขึ้นแล้วมองเจ้าแก้มด้วยสายตาเป็นกังวลเพราะสีหน้าเจ้าแก้มมีความเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังกำโทรศัพท์ในมือแน่นเจ้าแก้มได้สติเงยหน้าขึ้นมาเพื่อนสนิททั้งสองแล้วถามขึ้น“ใครเหรอ?”“เห็นบอกว่าเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งน่ะ” หนูดีเป็นฝ่ายตอบ เพราะเธอได้ถามมาแล้วก่อนที่จะเอารูปให้เจ้าแก้มดู คนรู้จักของเธอบอกว่าเป็นรุ่นน้องปีหนึ่ง“อื้ม” เจ้าแก้มพยักหน้ารับรู้แล้วทำเป็น
โซ่เองก็ให้เจ้าแก้มมานั่งข้าง ๆ เขาเช่นกัน แล้วหยิบน้ำมาเปิดฝาให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เจ้าแก้มรับน้ำมาแล้วเอ่ยขอบคุณโซ่“หิวไหม?” โซ่จึงถามอย่างใส่ใจ เพราะทุกครั้งเวลานี้เจ้าแก้มจะต้องได้กินของว่าง แต่เขาติดธุระ ไม่มีเวลาไปรับเธอเลย คิดแล้วก็มีสีหน้ารู้สึกผิดขึ้นมาทันที“ไม่ค่อยหิวค่ะ” เจ้าแก้มรู้สึกหิวเล็กน้อย เพราะความเคยชินที่ได้กินอาหารเวลานี้ แต่ก็ไม่อยากรบกวนโซ่ จึงตอบกลับไป“แสดงว่าหิว?” แต่คำว่า ไม่ค่อย ของเธอนั้นทำให้โซ่ขมวดคิ้วแล้วหรี่ตามองเธอ“แฮ่ ๆ” เจ้าแก้มไม่อยากโกหกว่าไม่หิวจึงยิ้มแหยให้เขาไป“รอก่อนนะ เดี๋ยวพี่พาไปหาอะไรกิน” โซ่จึงพูดขึ้นแล้วหันไปมองตามรับน้องของคณะตัวเองด้วยความหงุดหงิด ใจเขาอยากจะเข้าไปปล่อยรุ่นน้องและพาเจ้าแก้มกลับตอนนี้เลย แต่ไม่สามารถทำได้อย่างที่คิด“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ากินตอนนี้ กลับบ้านไปคงกินข้าวไม่ได้” เจ้าแก้มเห็นสีหน้าโซ่จึงรีบบอกกับเขาไป เพราะเวลานี้เธอคงกินอะไรไม่ได้แล้ว เพราะว่าต้องกลับไปกินข้าวกับที่บ้านต่อด้วย“อื้ม” โซ่เองก็พึ่งนึกขึ้นได้จึงพยักหน้าเข้าใจรอไม่นานกลุ่มพี่ว้ากก็มีการปล่อยรุ่นน้องให้กลับบ้านทำให้โซ่เองก็พาเจ้าแก้มกลับได้เช่นก
เวลาผ่านไป หลังจากวันนั้นที่โซ่ง้อเจ้าแก้มได้สำเร็จ ทั้งสองก็ตัวติดกันตลอด ไม่ห่างไปไหนช่วงปิดเทอมบ้านของเจ้าแก้มก็มีโซ่ไปเป็นแขกประจำ จนคุ้นเคยกับทุกคนในบ้านพี่ชายทั้งสองของเจ้าแก้ม เห็นโซ่ดูแลน้องสาวของพวกเขาเป็นอย่างดีก็อ่อนให้โซ่แล้ว ไม่มีจิกกัดเหมือนแต่ก่อนจวบจนเปิดเทอม เจ้าแก้มขึ้นปี 3 ส่วนโซ่ก็เป็นรุ่นพี่ปี 4 แล้วในวันนี้เจ้าแก้มมาที่มหาวิทยาลัยโดยมีโซ่มาส่ง ส่วนตัวเขานั้นยังไม่ได้มีการเรียนอะไร มีเพียงคอยดูแลเรื่องการรับน้องในคณะก็เท่านั้นซึ่งโซ่ได้รับเลือกเป็นประธานสภาของมหาวิทยาลัย เขาจึงวุ่นวายเป็นอย่างมากส่วนเจ้าแก้มนั้นขึ้นปีสาม เป็นปีของพี่ว้าก ที่ไม่ต้องไปวุ่นวายการรับมากนัก แต่วันนี้เธอถูกเพื่อนสนิทลากมาดูพี่ว๊าก ซึ่งก็คือเพื่อนปีเดียวกันกับเธอลงว้ากเป็นครั้งแรก“เงียบ!!”เสียงว๊ากที่ดังขึ้นทำให้น้อง ๆ ที่กำลังฮือฮากันอยู่เงียบเสียงลงทันทีบรรยากาศโดยรอบกำลังเกิดเดดแอร์ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าแก้มที่เผลอเกร็งไปกับน้อง ๆ ด้วย“ดุชะมัด” ชิงชิงหันไปกระซิบกับหนูดีเพราะพี่ว้ากปีของพวกเธอ มาจากกลุ่มผู้ชายที่ดูจะนุ่มนวลที่สุดแล้ว ทุกคนจึงไม่เชื่อนักว่าพวกเขาจะว้ากได้จริง จึ
พรึบเขาดึงแขนเธอเข้าไปประชิดตัวเองไว้ จากนั้นก็ดันหลังเธอชนกับกำแพงห้องแล้วฉกจูบลงมา“อื้อออออ” เจ้าแก้มเบิกตากว้างอย่างตกใจแล้วก็เอามือดันไหล่เขาไว้“พะ พี่โซ่” เธอพยายามห้ามเขาที่กำลังซุกไซ้ซอกคอของเธออยู่ในตอนนี้“พี่ขอโทษ” เขาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าแก้มด้วยสายตาอ้อนวอน ขอให้เธอหายโกรธเขาซึ่งในตอนนี้เจ้าแก้มไม่ได้โกรธเขามากขนาดนั้นแล้วจึงใจอ่อน“นะครับ” โซ่ทำเสียงออดอ้อน จากนั้นก็มองเธออย่างอ้อนวอน“เจ้าแก้มหายโกรธก็ได้ แต่พี่โซ่อย่าทำแบบนั้นอีกนะคะ”เจ้าแก้มจึงยอมใจอ่อน หายโกรธเขา แต่ก็ยังกำชับไม่ให้เขาพูดแบบนั้นอีก เพราะเธอไม่ชอบจริง ๆ“ครับ” โซ่ตอบรับแล้วยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจโซ่ทำการช้อนตัวเจ้าแก้มขึ้นอุ้มโดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว“พี่โซ่!!” เจ้าแก้มหวีดร้องด้วยความตกใจแล้วยกมือขึ้นโอบรอบคอโซ่ไว้กันไม่ให้ตัวเองตกโซ่พาเธอเข้ามาในห้องนอนแล้ววางเธอลงบนเตียงอย่างทะนุถนอมหลายวันที่ผ่าน ไม่ได้คุยกับเจ้าแก้มแล้วเขารู้สึกจะคลั่งตาย โซ่สบตามองเจ้าแก้มอย่างลึกซึ้งจนเจ้าแก้มรู้สึกเขินอายฟอดดดด“ขอนะครับ” โซ่โน้มหน้ามาหอมแก้มเธอแล้วกระซิบข้างหูเสียงแหบพร่าเขาค่อย ๆ ทำการโน้มน้าวโลม
และนี่ก็สามวันแล้วที่เจ้าแก้มโกรธโซ่ ไม่ยอมพูดคุยด้วย อีกทั้งยังเมิน หลบหน้าเขาอีกด้วย จนโซ่ต้องมานั่งซึมแบบนี้ผับ F “ท่าทางจะอาการหนักว่ะ” ไลอ้อนหันไปพูดกับพายัพติดตลกแล้วมองไปที่โซ่“เออ กูก็ว่างั้น” ซึ่งพายัพเองก็เห็นด้วยเป็นอย่างมากเพราะในตอนนี้โซ่กำลังนั่งเหม่อถือแก้วเหล้ากระดกเป็นน้ำเปล่า ไม่ยอมพูดจากับใครทั้งสิ้น“มันเป็นอะไร?” คำพูดของทั้งสองทำให้คนบนโต๊ะหันไปมองโซ่เป็นตาเดียว และก็มีคนถามขึ้น“เจ้าแก้มงอนมันน่ะสิ” เรย์จึงเป็นฝ่ายตอบแล้วหยิบขวดเหล้ามารินให้กับตัวเอง“หือ?” นั่นทำให้ทุกคนที่ได้ยินขมวดคิ้วสงสัย เนื่องจากเจ้าแก้มอ่อนหวานและเรียบง่ายแบบนั้น โซ่ไปทำอะไรให้อีกฝ่ายโกรธมากันจากนั้นก็มีคนหนึ่งที่ทำการสอดส่องสาว ๆ อยู่เขาสะดุดอยู่ที่โต๊ะหนึ่งแล้วหรี่ตามอง“อะไร?” จนเพื่อน ๆ เห็นท่าทางนั้นแล้วรู้สึกสงสัย จึงถามขึ้น“มึงช่วยกูดูหน่อย ว่านั่นใคร?” คนนั้นจึงชี้ไปที่โต๊ะหนึ่งทันทีทำให้สายตาของทุกคนยกเว้นโซ่หันไปมองตาม“กะ กูไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหมว่ะ?” ไลอ้อนพูดขึ้นแล้วขยี้ตาเพราะที่พวกเขาเห็นคือเจ้าแก้มและกลุ่มเพื่อนของเธอนั่นเอง“ไอ้โซ่” ลีออนจึงหันไปเรียกโซ่ที่นั่งนิ่ง
“สวัสดีครับ”“คะ?” เจ้าแก้มหันไปมองหนุ่มหล่อหน้าตาดีในชุดมหาวิทยาลัยอื่นที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาแปลกใจ“ผมเซนนะครับ” อีกฝ่ายจึงรีบแนะนำตัวทันที“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เจ้าแก้มพยักหน้ารับรู้แล้วถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ“เอ่อ ผมจะมาขอไลน์คุณน่ะครับ” เซนยื่นโทรศัพท์ในมือมาให้เจ้าแก้ม เพื่อขอช่องทางการติดต่อของเธอตามที่พูด“เอ่อ” นั่นทำให้เจ้าแก้มมีท่าทีอึกอัก ทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที“ไม่ทราบว่าคุณชื่อ?” เซนทำเป็นไม่เห็นท่าทางลำบากใจของเธอ และทำเป็นถามชื่อ ในตอนแรกที่เขาเห็นเธอก็รู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก และมองจนเพื่อนของเขารู้ พร้อมกับเชียร์ให้เขาเข้าหาเธอ“เจ้าแก้ม” เจ้าแก้มยังไม่ทันได้ตอบอะไรไป ก็มีเสียงเรียกเธอดังขึ้นเสียก่อน“พี่โซ่!” เจ้าแก้มหันมองก็เห็นว่าเป็นโซ่นั่นเองที่ยืนหน้านิ่งอยู่ในชุดนักกีฬา“มีอะไรหรือเปล่า?” โซ่เดินเข้ามาแล้วถามขึ้น พร้อมกับปรายตามองไปที่ผู้ชายคนนั้นเล็กน้อยเขากำลังจะมาหาเจ้าแก้ม แต่กลับเห็นเธอยืนคุยกับผู้ชายคนอื่นอยู่ จึงเกิดความไม่พอใจ“คือว่า” เจ้าแก้มกำลังจะอธิบายให้แฟนหนุ่มของเธอฟัง“ผมมาขอไลน์คุณเจ้าแก้มน่ะครับ” แต่เซนกลับพูดขึ้นเสียก่อน ทำให้เธอช