“มะ มัมมี้!” เสียงเล็ก ๆ ที่แสนสดใสดังขึ้น ตามด้วยอีกเสียงที่ฟังเหมือนกับว่าเพิ่งผ่านพ้นการร้องไห้อย่างหนักมา
“น้อง หิว... หิว!”
หญิงสาวลืมตาช้า ๆ การหายใจของเธอยังไม่เป็นปกติ และรู้สึกว่าตัวชื้นเหนียวเหนอะไปด้วยเหงื่อ แล้วก็เป็นตอนนั้นเองที่มือเล็ก ๆ ที่พอจะอุ่นอยู่สักหน่อยลูบแก้มเธอเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจหญิงสาวอ่อนยวบ
“มะ มามี้ มะ ไม่ ตะ ตาย!”
เธอฉงนแต่ก็พยายามตั้งสติ การที่ต้องอยู่ในรถคันนั้นและไม่มีอากาศหายใจทำให้เธอกลัวจัด และเธอเชื่อว่าตนเองตายไปแล้ว ทว่าระหว่างที่เธอกำลังอยู่ในช่วงของความเป็นและความตาย เธอกลับได้ยินเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ จวบจนลืมตาได้อีกครั้ง จึงเห็นพวกเขาทั้งสองคน
“หนู...” เสียงของเธอแหบจัดและอ่อนแรง
“มามี้... น้องไม่ร้อง แต่เฮียผิง งอแงจะกินขนมตลอด”
คนที่เอ่ยกับเธอเป็นเด็กผู้ชายที่คุยเก่ง อายุคงราว ๆ สี่ถึงห้าขวบ
ส่วนอีกคนจ้ำม่ำกว่า แก้มย้อยน่ารัก กำลังทำหน้าบึ้ง เขาสื่อสารติด ๆ ขัด ๆ อยู่สักหน่อย เพราะทำท่าเหมือนกับพยายามจะพูด แต่อ้าปากแล้วหุบอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะมีเสียงดังให้ได้ยิน
“ผะ ผิงเกอ”
ผิงเกอเรียกชื่อตัวเองก่อนจะทุบที่อกของเขาเสียงดังปั้ก ๆ ดวงตาคู่นั้นแดงระเรื่อ ดูแล้วน่าสงสารยิ่งนัก
คนที่ฟื้นจากความตายเลยรีบเข้าไปสวมกอด และปลอบขวัญ
“ผิงเกอ หนูหิวใช่ไหม”
“ผิง หะ หิว และ กะ กลัวมัม มะ มี้ ทะ ทิ้งผิง... ไป!” เขาบอกพร้อมกอดหญิงสาวไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเธอจะจากเขาไป
“มามี้ไม่ตาย” ผิงกั่วเอ่ยได้เท่านั้นแล้วก็ร้องไห้โฮ พลอยให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันที่ตอนแรกยังยิ้มแย้มอยู่ สะอื้นไปด้วย
“มัมมี้ เจียวเกอ ก็หิว!” คราวนี้ฝาแฝดคนน้องร้องเอาอย่างผิงกั่ว
คนที่เพิ่งฟื้นจากความตายต้องรีบปรับตัวโดยด่วน สิ่งที่เธอรู้ตอนนี้คือ ตัวเองกลายเป็นคุณแม่ลูกฝาแฝด พอเด็ก ๆ มีความอยากอาหาร เธอก็พลอยแสบท้องไปด้วย ก่อนที่มันจะดังโครกครากน่าขายหน้าจนผิงกั่วที่กอดเธออยู่ทำหน้าประหลาดใจ เธอเลยต้องหาเรื่องกลบเกลื่อน
“คนนี้ผิงเกอ...” เธอลูบศีรษะเด็กชายที่กอดเธอเอาไว้แน่นมาก และยังคงสะอื้นไม่หยุด
“คนนี้เจียวเกอ” ฝาแฝดคนน้องตอบเธอ ก่อนจะยิ้มกว้าง รอยยิ้มนี้ช่างสดใส ทำเอาหญิงสาวน้ำตาคลอหน่วยอย่างไม่รู้ตัว
ความซื่อ และบริสุทธิ์ปลอบโยนหัวใจของวิญญาณที่มาสิงร่างผู้อื่น
“มัมมี้ ร้องไห้” เซียงเจียวไม่อยากเห็นภาพแบบนี้ เขายื่นมือเล็กป้อมพยายามเช็ดน้ำตาให้คนเป็นแม่
“ฮึบ ๆ ๆ ไม่ร้อง มัมมี้ น้องจะดูแลมัมมี้และเฮียผิง เจียวเกอเก่ง” เซียงเจียวเอ่ยแล้วก็ลุกขึ้น เป็นยามนั้นที่หญิงสาวเห็นว่า เขาไม่ได้สวมเสื้อ แต่กลับห่อตัวเองด้วยผ้ากันเปื้อนของผู้ใหญ่ มืออีกข้างถือตะหลิวไม้เอาไว้ ท่าทางเช่นนี้ดูแล้วพาให้เธอปลื้มใจ เมื่อเห็นว่าเขาทั้งเป็นเด็กดี ทั้งแจ่มใส เขาเป็นลูกชายของเจ้าของร่างที่เธอมาอาศัย ช่วงเวลานี้คงจะเป็นในอดีต เนื่องจากเมื่อกวาดตาดูรอบห้องนอนแล้วทำให้รู้ว่า คงแตกต่างจากปัจจุบันหลายสิบปี นอกจากนั้นบ้านหลังนี้คงไม่ใช่คนร่ำรวยสักเท่าไร
“เจียวเกอจะทำข้าวผัดไข่ให้ทุกคนกิน!” เด็กน้อยเสนอและกำลังจะเดินไปยังห้องครัว แต่จู่ ๆ กลับหยุดเสียอย่างนั้น ก่อนหันมาบอกแม่ว่า
“แหะ ๆ น้องลืม เราไม่มีข้าวสวย!”
ได้ยินอย่างนั้นเธอก็อยากจะหัวเราะ เพราะทั้งชีวิตของหญิงสาวไม่เคยขาดแคลนสิ่งใด เธอหาเงินร้อยล้านเหรียญได้ในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการที่จะไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ!
หญิงสาวตัดสินใจลุกจากฟูก ตั้งสติอยู่เพียงเล็กน้อย เธอก็เตรียมเดินเข้าครัว โดยมีร่างเล็ก ๆ แสนน่ารักของเซียงเจียวนำทาง เป็นตอนนั้นที่ประตูด้านหลังบ้านมีเสียงกุกกัก ก่อนที่ร่างของเด็กสาวจะก้าวเข้ามา
“คุณผู้หญิง...” เยว่จือเอ่ย ก่อนที่จะทำถุงยาและถุงมันฝรั่งในมือหล่นลงไปบนพื้น เด็กสาวนึกว่าตนเห็นผีกลางวันแสก ๆ ก่อนหน้านี้คุณผู้หญิงของเธอได้สลบไป ซ้ำร้ายยังนอนตัวสั่น ร้องครางด้วยพิษไข้ เธอจึงตัดสินใจออกไปขอร้องเถ้าแก่โจว อยากให้เขาตามรถพยาบาลให้ แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ทำได้แค่มอบยามาจำนวนหนึ่ง กระนั้นเยว่จือก็ต้องเสียเวลากลางทางเนื่องจากถูกแก๊งมังกรซิ่งข่มขู่และขวางทางไว้
“คุณผู้หญิงหรือ...” หญิงสาวทวนคำอีกฝ่าย เธอไม่ชอบคำนี้ ปกติคนอื่นจะเรียกเธอว่า ‘ตั่วเจ้’ หรือ ‘มาดาม’ ไม่ก็เชฟเจ้าหญิงผู้กอบกู้วงการอาหารริมทาง การเป็นคุณผู้หญิงช่างห่างไกลจากตัวตนเธอเหลือเกิน
“ใช่แล้ว เอ... หรือว่าพิษไข้ทำให้คุณผู้หญิงสติเลอะเลือน”
เยว่จือเอ่ยเช่นนั้น เพราะสองสามคืนที่ผ่านมาคุณผู้หญิงของเธอฝันร้าย และในบางคืนก็ถึงกับกรีดร้องว่าเธอกำลังจะจมน้ำตาย!
****************
เมื่อถูกเยว่จือเรียกเช่นนั้น เธอก็เหมือนจะระลึกหลายสิ่งได้ แน่นอนยามนี้เธอไม่ใช่ ลิซ่า จาง หากอยู่ในร่าง ม่านอวี้อัน คุณแม่ลูกแฝด ซึ่งถ้าโชคดีหน่อย สามีเธออาจแค่หายสาบสูญไปในเหตุการณ์ระทึกขวัญระดับชาติเมื่อหลายปีก่อน แต่ถ้านึกถึงขั้นร้ายแรงที่สุดแล้วละก็ เขาคงจะตายไปแล้ว และเป็นซากศพไหม้เกรียมที่ระบุตัวตนไม่ได้ อย่างไรก็ตามมันช่างน่าสมเพชเหลือเกินที่ในความจริงเธอกับ แจ็คสัน หยวน นับว่าเป็นคนแปลกหน้ากัน อีกฝ่ายคือสามีคืนเดียวของเธอ และน้ำเชื้อของเขาคงดีมาก เพราะหลังจากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งในคืนเข้าหอ เธอก็ตั้งครรภ์ในเวลาต่อมา
ในอดีต ม่านอวี้อันถูกป้ากับลุงใจร้ายบีบบังคับให้แต่งงานแทนแม็กกี้ หรือ ม่านลี่ถี ลูกพี่ลูกน้องที่ป่วยอย่างกะทันหัน ซึ่งอาการป่วยที่ว่าคือการที่ฝ่ายนั้นรักสนุกไปใช้ยาเสพติดจนมีอาการประสาทหลอน จึงถูกส่งเข้าบำบัดในโรงพยาบาลก่อนที่เธอจะหลบหนีไป และทั้งหมดเป็นเพราะเธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมีอิทธิพลทั้งที่ตัวเองกำลังคบหาอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งอย่างลึกซึ้ง แต่เขาเป็นพวกขี้ขลาด ไม่กล้าเปิดเผยฐานะอันแท้จริงของตนให้ม่านลี่ถีรู้ ดังนั้นม่านลี่ถีจึงแอบคบหาผู้ชายคนอื่นเพื่อให้ตนมีความสุขโดยไม่ต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ อย่างที่ผู้ชายคนนั้นปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นนางบำเรอ
เวลาต่อมาม่านหงกับถานเซียะจึงส่งม่านอวี้อันเข้าหอกับผู้ชายตระกูลหยวนแทนม่านลี่ถี และการเข้าหอกับชายหนุ่มอย่างไม่จำยอมในครั้งนั้นก็ส่งผลให้ม่านอวี้อันช้ำใจหนักจนเธอเกือบคิดสั้นฆ่าตัวตาย แต่สุดท้ายลุงกับป้าทั้งปลอบและขู่ พร้อมสัญญาว่าเมื่อเธอได้เป็นภรรยาแจ็คสันแล้ว เขาย่อมดูแลเธอตามสมควร
ทว่าสิ่งที่ทั้งสองคนบอกเธอมันเป็นเรื่องโกหก อีกทั้งแจ็คสันยังไม่ได้สนใจเลยว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร สำหรับเขาการแต่งงานครั้งนั้นก็เหมือนกับว่าเธอเป็นแค่สมบัติชิ้นเล็ก ๆ ที่มีเลือดเนื้อซึ่งถูกส่งมาขัดดอก เพื่อที่ลุงกับป้าของหญิงสาวจะได้ไม่ต้องถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมด ฝ่ายเขาก็แค่ทำตามหน้าที่เจ้าบ่าวไปเท่านั้น ทว่าเรื่องราวดังกล่าวกลับสร้างบาดแผลในใจแก่ม่านอวี้อันจนเธอไม่อาจลืม
หลังจากนั้น แจ็คสัน สามีคืนเดียวของเธอต้องไปเซ็นสัญญาทำธุรกิจ ซึ่งเธอทราบในภายหลังว่าเขาตกอยู่ในเหตุการณ์ก่อการร้ายครั้งใหญ่ และเกิดการจลาจลจนมีผู้เสียชีวิตนับสองร้อยคน ซ้ำร้ายยังมีร่างที่ถูกเผาไหม้อยู่ในอาคารจนไม่อาจระบุได้ว่าเป็นใครอีกหลายศพ และชื่อ แจ็คสัน หยวน เองก็อยู่ในรายนามผู้เสียชีวิต ทำให้เธอต้องถูกผลักไสจากคนในตระกูลหยวน รวมถึงลุงกับป้าที่กล่าวหาว่าเธอเป็นตัวซวย สุดท้ายม่านอวี้อันจึงต้องมาอยู่ที่ร้านขายอาหารเล็ก ๆ แห่งนี้ ในถนนเนี่ยอินที่มีแก๊งมังกรซิ่งคอยรีดไถเงินผู้คน “คุณผู้หญิง” เมื่อเยว่จือยังคงเรียกซ้ำ ๆ อยู่เช่นนั้น หญิงสาวเลยต้องยกมือห้าม “ฉันคือใคร?” “เอ๋ ทำไมถามแบบนั้นคะ” เยว่จือตกใจ แต่ไหนแต่ไรม่านอวี้อันเป็นผู้หญิงที่ใช้เสียงเบา ไม่ชอบโวยวายหรือปั้นสีหน้าตึง ๆ ทว่าตอนนี้กลับไม่ใช่อย่างนั้น! “เอาใหม่ ตั้งสติ แล้วฟังคำถามให้ดี ๆ ฉัน-คือ-ใคร?” ม่านอวี้อันคนใหม่นี้ลงเสียงหนัก ดวงตากลมโตที่จ้องเยว่จือพลอยให้เด็กสาวตัวสั่น “คะ คุณผู้หญิง คือม่านอวี้อัน...” เมื่อได้ยินแบบนั้น วิญญาณที่สวมร่างผู้อื่นพลันขน
นางจิ้งจอกเข้าครัว เยว่จือบีบมือตัวเองแน่น เธออยากสร้างเรื่องโกหกม่านอวี้อันอย่างที่แล้ว ๆ มา ทว่าไม่รู้เหตุใด ยามนี้คุณผู้หญิงถึงไม่เหมือนเดิม และยังสร้างความกล้าหาญให้เด็กสาวอยากพูดความจริงอย่างหมดเปลือก! “นะ หนู เดินไม่ดูทางเอง เลยเจอกับเฮียถัง เขามาถามเรื่องเงินค่าเช่าร้านที่ติดไว้ กับเงินที่คุณผู้หญิง เอ่อ... มาดามยืมมาซื้อของ แล้วทำเจ๊งจนเรากำลังจะอดตาย...” ฟังจากปากเยว่จือ ม่านอวี้อันก็รู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่ในโลกนี้ไม่ใช่แค่ความยากจน แต่ยังมีหนี้ที่ต้องจ่ายอีกด้วย และถ้าถึงขั้นที่คนของฝ่ายนั้นกล้าทำร้ายเด็กสาวตัวเล็ก ๆ แล้วนั่นย่อมหมายความว่ามันอยู่ในขั้นวิกฤติ “เฮียถัง...” เมื่อเอ่ยชื่อนี้ขึ้น ม่านอวี้อันก็ตัวแข็งค้าง ในความทรงจำเธอเห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่กับกลุ่มแก๊งของเขาที่ถือขวานและมีดเล่มยาว คนพวกนั้นเป็นพวกมาเฟียปล่อยเงินกู้ แถมยังเก็บดอกเบี้ยสุดโหด โชคชะตาเล่นตลกกับผู้หญิงที่ต้องดิ้นรนเลี้ยงดูตัวเองจนม่านอวี้อันต้องไปยืมเงินคนพวกนั้น โดยเอาบ้านเป็นหลักค้ำประกัน ซึ่งด้านหน้าของบ้านหลังนี้เปิดเป็นร้านอาหาร แต่เกือบหนึ่งปีแล้วที่
ม่านอวี้อันจะไม่ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับลูกชายเธอเด็ดขาด เมื่อตั้งมั่นจะเช่นนั้น ภายในห้องครัวจึงมีงานล้นมือ! ทว่าเมื่อลงมือเข้าครัวกันจริงจัง เซียงเจียวกลับเป็นเด็กที่มีแต่ความน่ารัก เขาพูดเก่ง ขี้อ้อน และสิ่งที่ทำให้ม่านอวี้อันผิดคาดคือ เขาค่อนข้างขี้เกียจ นิสัยแบบนี้หากไม่คอยสอนหรือควบคุมให้ดี โตไปเขาต้องเป็นหนุ่มหล่อที่แผลงฤทธิ์ให้คนเอือมระอาแน่ ๆ ส่วนผิงกั่วของเธอ ไม่ว่าจะบอกให้ปอกกล้วย ร่อนแป้ง หรือนั่งรอนิ่ง ๆ เขาก็ไม่ส่งเสียงบ่น และยังทำงานของตนได้ดีอย่างที่ผู้ใหญ่แบบเยว่จือเทียบไม่ติด “คนเก่งของแม่” เธอชมผิงกั่ว และเขาก็ยิ้มเขินอายตอบ ลูกชายคนโตช่างเป็นสุภาพบุรุษแสนน่ารัก พอได้ยินแม่ชมพี่ชาย เซียงเจียวจึงหน้าง้ำหน้างอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ส่งเสียงประท้วง “เอ ผิงเกอรู้ไหม เวลาเข้าครัวถ้าทำหบ้าบูดบึ้ง วันนั้นจะกินข้าวไม่อร่อย และยังท้องเสียด้วย” ม่านอวี้อันเอ่ย แน่นอนว่าผิงกั่วเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย เขาเลยพยายามยิ้มกว้าง แต่ภาพที่เห็นดูเหมือนอยากร้องไห้มากกว่า “ผะ ผิงยิ้มเป็น” ผิงกั่วเอ่ย ท่าทางเขาประหม่ามิน้อย “ใช่ลูกรั
Back to 1986 สิ่งที่ลี่ฮุ่ยเอ่ยขึ้นมานั้นสร้างความประหลาดใจแก่ม่านอวี้อัน ซึ่งหลังจากนั้น สตรีวัยกลางคนก็ได้ถือวิสาสะก้าวพรวด ๆ เข้าไปในบ้าน! “ป้ารู้หรอกนะ คุณนายมือบางตีนบางอย่างเธอจะทำอะไรเป็น พอถูกจับได้ว่าคิดขายลูกให้แก๊งมังกรซิ่งก็ทำสำออย ล้มหมอนนอนเสื่อ” ม่านอวี้อันไม่ตอบ เธออยากรู้หลายสิ่ง ซึ่งหากจะให้ดีก็ควรมาจากปากของลี่ฮุ่ยคนนี้ “ระวังคำพูดบ้างป้าลี่ กล่าวหาแบบนี้มันเกินไปหน่อย” เยว่จือทนไม่ไหวเลยต่อว่าลี่ฮุ่ย ม่านอวี้อันยกมือห้ามเยว่จือ เด็กสาวเลยเก็บปากเงียบ “เฮ้อ คุณนายอัน อย่าหาว่าสอนเลยนะ เธอน่ะ เปิดร้านอาหารไม่รุ่งหรอก ทางที่ดีหัดรับจ้างซักผ้า หรือไม่ก็ยอมเหนื่อยหน่อย รับงานร้อยดอกไม้หรือพับถุงกระดาษขายคงพอมีเงินซื้อข้าวสาร ซื้อไข่อยู่บ้าง อย่าได้รักสบายไปหน่อยเลย สงสารนังหนูเยว่จือบ้าง อีกสักหน่อยมันคงต้องออกเรือน ไม่อยู่ให้เธอกดหัวใช้งาน” เยว่จือส่ายหน้าเร็วหวือ เธอไม่เคยคิดเช่นนั้น ม่านอวี้อันไม่เคยใจร้ายต่อเธอ อีกทั้งก่อนหน้านี้ บิดาและมารดาอีกฝ่ายก็เป็นคนรับเธอมาอุปการะ เพื่อให้เธอไม่ต้องถูกขายในซ่อง!
ตำรับลับเทพปรุงรส “เหยื่อที่ว่า คือป้าลี่ใช่ไหมคะ” เยว่จือเริ่มเข้าใจหลายสิ่งแล้ว ม่านอวี้อันอมยิ้ม “ใช่ คนแบบนี้แหละ สมควรเป็นเหยื่อของฉัน ป้าลี่คือโทรโข่งชั้นดี และจะส่งเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน ไม่ช้าฉันก็จะมีชื่อเสียง” ม่านอวี้อันตอบเยว่จือ แน่นอนว่าฝีมือเชฟเหรียญทองที่มีรายการอาหารเป็นของตัวเองถึงสองรายการ เหตุใดจะเนรมิตเค้กกล้วยหอมที่ตราตรึงใจผู้คนมิได้ ซึ่งนอกจากอาชีพเชฟ ม่านอวี้อันในโลกก่อนที่เธอจะจากมามีทรัพย์สินรวมแล้วเกินพันล้านเหรียญดอลลาร์ ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะกลุ่มลูกค้าที่สนับสนุนเธอเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด จนมีทั้งคนรักมาก และคนที่จ้องโจมตีเธออยู่ตลอด โดยเฉพาะคู่แข่งทางการค้า แต่สุดท้ายคนที่น่ากลัวที่สุดกลับเป็นผู้ชายที่อยู่ข้างกายเธอมาหลายปี! หญิงสาวสลัดเรื่องที่ผ่านมาทิ้ง อย่างไรเธอก็อยู่ในร่างคนอื่น ฉะนั้นต้องสู้ด้วยสิ่งที่มีตอนนี้ เธอคือ ม่านอวี้อัน คุณแม่ลูกแฝดแสนน่ารัก แน่นอนเธอทำอาหารได้ และยังทำได้ดีเสียด้วย นั่นคือสิ่งที่เธอมาได้เรียนรู้จากยายกับแม่เลี้ยง ทว่าโลกที่หลุดเข้ามานี้ ถึงจะคล้ายโลกของเธอมากจนแยกไม่ออก แต่สิ่งส
กู๋กุ่ย (คุณลุงผี) ภายในห้องนั่งเล่นเล็ก ๆ มีชั้นหนังสือสูง ๆ อยู่มุมหนึ่ง กลางห้องเป็นโต๊ะพับลายตัวอักษรและตัวเลข พร้อมสมุดวาดรูป ดินสอสี และของเล่นอีกหลายอย่างที่ถูกเด็กทั้งสองคนรื้อออกมาเล่น และไม่ทันได้เก็บ นานแล้วที่แม่บอกให้รออยู่ที่นี่ ซึ่งผิงกั่วได้แต่ยืนแข็งเป็นหุ่นยนต์ขวางอยู่หน้าประตู เพราะน้องชายกำลังจะก่อเรื่อง เซียงเจียวหน้าหงิกหน้างอเมื่อเห็นพี่ชายเฝ้าประตูอยู่อย่างนั้น “น้องเป็นผีดูดเลือด จะกัดแล้วนะ แฮร่ ๆ ถอยไปเฮียผิง” ผิงกั่วยืนนิ่ง คำสั่งแม่บอกไว้ชัดเจนว่าไม่ให้ใครออกจากห้องนี้ หากแม่ไม่มาเรียก เขาเชื่ออย่างนั้น และจะทำตามโดยไม่บิดพลิ้ว ด้วยก่อนหน้านี้ยังจำได้ว่าเวลาแม่โมโหทำให้เขากลัว อีกอย่างตอนที่แม่โมโหมาก ๆ แล้วสลบไปนั้น ใจเขาแทบจะแหลกสลาย เขาเสียใจ เป็นทุกข์ ไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก! “เฮียผิง ถอย!” เซียงเจียวว่าเสียงสูง ๆ ซึ่งอีกไม่นานหากยังถูกขัดใจอยู่แบบนี้เขาจะร้องให้ลั่นบ้านเลย “นั่ง” ผิงกั่วออกคำสั่ง “ไม่... น้องจะออกไปข้างนอก เฮียผิงเห็นเค้กนั่นไหม มัมมี้ทำสวย มันน่ากิน หอมด้วย เราไปกินก
จับผิดนางจิ้งจอก เมื่อขนมหมดลง พร้อมความหอมหวานที่ติดอยู่ในปาก เซียงเจียวก็ทั้งเลียมือและดูดนิ้ว จากนั้นประตูห้องนั่งเล่นก็มีเสียงหมุนลูกบิด! ผิงกั่วใจหล่นหายเขายืนนิ่งค้างราวกับสมองหยุดสั่งงานไปเสียดื้อ ๆ “อ๊ะ... เฮียผิง!” เสียงเล็กแหลมของน้องชายแผดดังเรียกสติ จากนั้นผิงกั่วจึงไม่รอช้า เขารู้ว่าแม่ไม่อยากให้ลุงผีมาที่บ้านอีก ผู้ชายตัวโตคนนี้เคยทำให้แม่ยุ่งยากใจทั้งยังเสียน้ำตาหลายหน แล้ววันนี้เขาได้ทำเรื่องน่าละอาย เผลอกินของจากอีกฝ่าย ไม่ได้การละ เขาจะทำให้แม่เสียใจไม่ได้ แม่คือโลกทั้งใบของผิงกั่ว เขาจะไม่ทำให้แม่เสียใจ! ร่างของคนเจ้าเนื้อพุ่งไปยังประตูเพื่อขวางไม่ให้คนเปิดเข้ามาได้ “ไม่!” เด็กชายร้องอยู่สองสามหน และนั่นทำให้คนที่อยู่ด้านนอกแปลกใจ “เด็ก ๆ เกิดอะไรขึ้น!” ม่านอวี้อันใจเสียและร้อนรน เธอพยายามหมุนลูกบิด แต่เหมือนจะมีปัญหา “ผิงเกอ เจียวเกอ!” หญิงสาวเรียกลูกชายและปล้ำลูกบิดประตูเฮงซวยอยู่เกือบอึดใจใหญ่ ๆ กระทั่งมันเปิดออกได้ ซึ่งเป็นวินาทีเดียวกันกับที่ผิงกั่วโผเข้าไปกอดม่านอวี้อัน ส่วนน้องชายก็แสร้งร
แมวตัวผู้ หลบอยู่ในบ้านลูกกวาด เยว่จือกำลังดูแลสองแฝดในครัวที่กำลังมีความสุขมากกับอาหารง่าย ๆ ที่ม่านอวี้อันทำให้ พอเด็กสาวเห็นม่านอวี้อันถือของกินเข้ามา เธอจึงกุลีกุจอไปช่วยถือ ขณะนั้นเด็กชายทั้งสองต่างมองตาโต พวกเขาคิดว่าวันนี้คงเป็นปีใหม่หรือวันเด็ก แม่ถึงได้รับของแจกเข้าบ้านเยอะแยะไปหมด “มัมมี้ ให้น้องช่วยไหม” เซียงเจียวยิ้ม ดวงตากลมโตของเขาเป็นประกาย “ไม่เป็นไรเจียวเกอ กินข้าวให้เรียบร้อย เวลาเคี้ยวอาหารต้องไม่พูดนะจ๊ะ เดี๋ยวติดคอ” เซียงเจียวพยักหน้ารับคำม่านอวี้อัน ส่วนผิงกั่วหันมามองเธอ สายตาเขาดูมีพิรุธอยู่สักหน่อย “เอ ผิงเกอ ไม่ชอบไข่ข้นกับมันฝรั่งบดเหรอลูก กินหมี่ผัดกับไก่ย่างไหม ป้าลี่เอามาฝาก” เธอบอกลูกคนโตแล้ววางจานอาหารที่ลี่ฮุ่ยเอามาให้ลงบนโต๊ะ เด็กชายไม่ตอบแต่หันไปมองไก่ย่าง พอเห็นน้องชายหยิบขาไก่ขึ้นกัด เขาจึงเลือกชิ้นที่ชอบแล้วนั่งกินเงียบ ๆ ผิงกั่วของเธอช่างเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย “มาดามเรียกอาหารเข้าบ้านได้จริงด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ” เยว่จือถาม เด็กสาวตื่นเต้นไม่แพ้ฝาแฝด ม่านอวี้อันไม่ใช่เทพเซียนหรือน
แมวตัวผู้ หลบอยู่ในบ้านลูกกวาด เยว่จือกำลังดูแลสองแฝดในครัวที่กำลังมีความสุขมากกับอาหารง่าย ๆ ที่ม่านอวี้อันทำให้ พอเด็กสาวเห็นม่านอวี้อันถือของกินเข้ามา เธอจึงกุลีกุจอไปช่วยถือ ขณะนั้นเด็กชายทั้งสองต่างมองตาโต พวกเขาคิดว่าวันนี้คงเป็นปีใหม่หรือวันเด็ก แม่ถึงได้รับของแจกเข้าบ้านเยอะแยะไปหมด “มัมมี้ ให้น้องช่วยไหม” เซียงเจียวยิ้ม ดวงตากลมโตของเขาเป็นประกาย “ไม่เป็นไรเจียวเกอ กินข้าวให้เรียบร้อย เวลาเคี้ยวอาหารต้องไม่พูดนะจ๊ะ เดี๋ยวติดคอ” เซียงเจียวพยักหน้ารับคำม่านอวี้อัน ส่วนผิงกั่วหันมามองเธอ สายตาเขาดูมีพิรุธอยู่สักหน่อย “เอ ผิงเกอ ไม่ชอบไข่ข้นกับมันฝรั่งบดเหรอลูก กินหมี่ผัดกับไก่ย่างไหม ป้าลี่เอามาฝาก” เธอบอกลูกคนโตแล้ววางจานอาหารที่ลี่ฮุ่ยเอามาให้ลงบนโต๊ะ เด็กชายไม่ตอบแต่หันไปมองไก่ย่าง พอเห็นน้องชายหยิบขาไก่ขึ้นกัด เขาจึงเลือกชิ้นที่ชอบแล้วนั่งกินเงียบ ๆ ผิงกั่วของเธอช่างเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย “มาดามเรียกอาหารเข้าบ้านได้จริงด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ” เยว่จือถาม เด็กสาวตื่นเต้นไม่แพ้ฝาแฝด ม่านอวี้อันไม่ใช่เทพเซียนหรือน
จับผิดนางจิ้งจอก เมื่อขนมหมดลง พร้อมความหอมหวานที่ติดอยู่ในปาก เซียงเจียวก็ทั้งเลียมือและดูดนิ้ว จากนั้นประตูห้องนั่งเล่นก็มีเสียงหมุนลูกบิด! ผิงกั่วใจหล่นหายเขายืนนิ่งค้างราวกับสมองหยุดสั่งงานไปเสียดื้อ ๆ “อ๊ะ... เฮียผิง!” เสียงเล็กแหลมของน้องชายแผดดังเรียกสติ จากนั้นผิงกั่วจึงไม่รอช้า เขารู้ว่าแม่ไม่อยากให้ลุงผีมาที่บ้านอีก ผู้ชายตัวโตคนนี้เคยทำให้แม่ยุ่งยากใจทั้งยังเสียน้ำตาหลายหน แล้ววันนี้เขาได้ทำเรื่องน่าละอาย เผลอกินของจากอีกฝ่าย ไม่ได้การละ เขาจะทำให้แม่เสียใจไม่ได้ แม่คือโลกทั้งใบของผิงกั่ว เขาจะไม่ทำให้แม่เสียใจ! ร่างของคนเจ้าเนื้อพุ่งไปยังประตูเพื่อขวางไม่ให้คนเปิดเข้ามาได้ “ไม่!” เด็กชายร้องอยู่สองสามหน และนั่นทำให้คนที่อยู่ด้านนอกแปลกใจ “เด็ก ๆ เกิดอะไรขึ้น!” ม่านอวี้อันใจเสียและร้อนรน เธอพยายามหมุนลูกบิด แต่เหมือนจะมีปัญหา “ผิงเกอ เจียวเกอ!” หญิงสาวเรียกลูกชายและปล้ำลูกบิดประตูเฮงซวยอยู่เกือบอึดใจใหญ่ ๆ กระทั่งมันเปิดออกได้ ซึ่งเป็นวินาทีเดียวกันกับที่ผิงกั่วโผเข้าไปกอดม่านอวี้อัน ส่วนน้องชายก็แสร้งร
กู๋กุ่ย (คุณลุงผี) ภายในห้องนั่งเล่นเล็ก ๆ มีชั้นหนังสือสูง ๆ อยู่มุมหนึ่ง กลางห้องเป็นโต๊ะพับลายตัวอักษรและตัวเลข พร้อมสมุดวาดรูป ดินสอสี และของเล่นอีกหลายอย่างที่ถูกเด็กทั้งสองคนรื้อออกมาเล่น และไม่ทันได้เก็บ นานแล้วที่แม่บอกให้รออยู่ที่นี่ ซึ่งผิงกั่วได้แต่ยืนแข็งเป็นหุ่นยนต์ขวางอยู่หน้าประตู เพราะน้องชายกำลังจะก่อเรื่อง เซียงเจียวหน้าหงิกหน้างอเมื่อเห็นพี่ชายเฝ้าประตูอยู่อย่างนั้น “น้องเป็นผีดูดเลือด จะกัดแล้วนะ แฮร่ ๆ ถอยไปเฮียผิง” ผิงกั่วยืนนิ่ง คำสั่งแม่บอกไว้ชัดเจนว่าไม่ให้ใครออกจากห้องนี้ หากแม่ไม่มาเรียก เขาเชื่ออย่างนั้น และจะทำตามโดยไม่บิดพลิ้ว ด้วยก่อนหน้านี้ยังจำได้ว่าเวลาแม่โมโหทำให้เขากลัว อีกอย่างตอนที่แม่โมโหมาก ๆ แล้วสลบไปนั้น ใจเขาแทบจะแหลกสลาย เขาเสียใจ เป็นทุกข์ ไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก! “เฮียผิง ถอย!” เซียงเจียวว่าเสียงสูง ๆ ซึ่งอีกไม่นานหากยังถูกขัดใจอยู่แบบนี้เขาจะร้องให้ลั่นบ้านเลย “นั่ง” ผิงกั่วออกคำสั่ง “ไม่... น้องจะออกไปข้างนอก เฮียผิงเห็นเค้กนั่นไหม มัมมี้ทำสวย มันน่ากิน หอมด้วย เราไปกินก
ตำรับลับเทพปรุงรส “เหยื่อที่ว่า คือป้าลี่ใช่ไหมคะ” เยว่จือเริ่มเข้าใจหลายสิ่งแล้ว ม่านอวี้อันอมยิ้ม “ใช่ คนแบบนี้แหละ สมควรเป็นเหยื่อของฉัน ป้าลี่คือโทรโข่งชั้นดี และจะส่งเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน ไม่ช้าฉันก็จะมีชื่อเสียง” ม่านอวี้อันตอบเยว่จือ แน่นอนว่าฝีมือเชฟเหรียญทองที่มีรายการอาหารเป็นของตัวเองถึงสองรายการ เหตุใดจะเนรมิตเค้กกล้วยหอมที่ตราตรึงใจผู้คนมิได้ ซึ่งนอกจากอาชีพเชฟ ม่านอวี้อันในโลกก่อนที่เธอจะจากมามีทรัพย์สินรวมแล้วเกินพันล้านเหรียญดอลลาร์ ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะกลุ่มลูกค้าที่สนับสนุนเธอเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด จนมีทั้งคนรักมาก และคนที่จ้องโจมตีเธออยู่ตลอด โดยเฉพาะคู่แข่งทางการค้า แต่สุดท้ายคนที่น่ากลัวที่สุดกลับเป็นผู้ชายที่อยู่ข้างกายเธอมาหลายปี! หญิงสาวสลัดเรื่องที่ผ่านมาทิ้ง อย่างไรเธอก็อยู่ในร่างคนอื่น ฉะนั้นต้องสู้ด้วยสิ่งที่มีตอนนี้ เธอคือ ม่านอวี้อัน คุณแม่ลูกแฝดแสนน่ารัก แน่นอนเธอทำอาหารได้ และยังทำได้ดีเสียด้วย นั่นคือสิ่งที่เธอมาได้เรียนรู้จากยายกับแม่เลี้ยง ทว่าโลกที่หลุดเข้ามานี้ ถึงจะคล้ายโลกของเธอมากจนแยกไม่ออก แต่สิ่งส
Back to 1986 สิ่งที่ลี่ฮุ่ยเอ่ยขึ้นมานั้นสร้างความประหลาดใจแก่ม่านอวี้อัน ซึ่งหลังจากนั้น สตรีวัยกลางคนก็ได้ถือวิสาสะก้าวพรวด ๆ เข้าไปในบ้าน! “ป้ารู้หรอกนะ คุณนายมือบางตีนบางอย่างเธอจะทำอะไรเป็น พอถูกจับได้ว่าคิดขายลูกให้แก๊งมังกรซิ่งก็ทำสำออย ล้มหมอนนอนเสื่อ” ม่านอวี้อันไม่ตอบ เธออยากรู้หลายสิ่ง ซึ่งหากจะให้ดีก็ควรมาจากปากของลี่ฮุ่ยคนนี้ “ระวังคำพูดบ้างป้าลี่ กล่าวหาแบบนี้มันเกินไปหน่อย” เยว่จือทนไม่ไหวเลยต่อว่าลี่ฮุ่ย ม่านอวี้อันยกมือห้ามเยว่จือ เด็กสาวเลยเก็บปากเงียบ “เฮ้อ คุณนายอัน อย่าหาว่าสอนเลยนะ เธอน่ะ เปิดร้านอาหารไม่รุ่งหรอก ทางที่ดีหัดรับจ้างซักผ้า หรือไม่ก็ยอมเหนื่อยหน่อย รับงานร้อยดอกไม้หรือพับถุงกระดาษขายคงพอมีเงินซื้อข้าวสาร ซื้อไข่อยู่บ้าง อย่าได้รักสบายไปหน่อยเลย สงสารนังหนูเยว่จือบ้าง อีกสักหน่อยมันคงต้องออกเรือน ไม่อยู่ให้เธอกดหัวใช้งาน” เยว่จือส่ายหน้าเร็วหวือ เธอไม่เคยคิดเช่นนั้น ม่านอวี้อันไม่เคยใจร้ายต่อเธอ อีกทั้งก่อนหน้านี้ บิดาและมารดาอีกฝ่ายก็เป็นคนรับเธอมาอุปการะ เพื่อให้เธอไม่ต้องถูกขายในซ่อง!
ม่านอวี้อันจะไม่ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับลูกชายเธอเด็ดขาด เมื่อตั้งมั่นจะเช่นนั้น ภายในห้องครัวจึงมีงานล้นมือ! ทว่าเมื่อลงมือเข้าครัวกันจริงจัง เซียงเจียวกลับเป็นเด็กที่มีแต่ความน่ารัก เขาพูดเก่ง ขี้อ้อน และสิ่งที่ทำให้ม่านอวี้อันผิดคาดคือ เขาค่อนข้างขี้เกียจ นิสัยแบบนี้หากไม่คอยสอนหรือควบคุมให้ดี โตไปเขาต้องเป็นหนุ่มหล่อที่แผลงฤทธิ์ให้คนเอือมระอาแน่ ๆ ส่วนผิงกั่วของเธอ ไม่ว่าจะบอกให้ปอกกล้วย ร่อนแป้ง หรือนั่งรอนิ่ง ๆ เขาก็ไม่ส่งเสียงบ่น และยังทำงานของตนได้ดีอย่างที่ผู้ใหญ่แบบเยว่จือเทียบไม่ติด “คนเก่งของแม่” เธอชมผิงกั่ว และเขาก็ยิ้มเขินอายตอบ ลูกชายคนโตช่างเป็นสุภาพบุรุษแสนน่ารัก พอได้ยินแม่ชมพี่ชาย เซียงเจียวจึงหน้าง้ำหน้างอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ส่งเสียงประท้วง “เอ ผิงเกอรู้ไหม เวลาเข้าครัวถ้าทำหบ้าบูดบึ้ง วันนั้นจะกินข้าวไม่อร่อย และยังท้องเสียด้วย” ม่านอวี้อันเอ่ย แน่นอนว่าผิงกั่วเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย เขาเลยพยายามยิ้มกว้าง แต่ภาพที่เห็นดูเหมือนอยากร้องไห้มากกว่า “ผะ ผิงยิ้มเป็น” ผิงกั่วเอ่ย ท่าทางเขาประหม่ามิน้อย “ใช่ลูกรั
นางจิ้งจอกเข้าครัว เยว่จือบีบมือตัวเองแน่น เธออยากสร้างเรื่องโกหกม่านอวี้อันอย่างที่แล้ว ๆ มา ทว่าไม่รู้เหตุใด ยามนี้คุณผู้หญิงถึงไม่เหมือนเดิม และยังสร้างความกล้าหาญให้เด็กสาวอยากพูดความจริงอย่างหมดเปลือก! “นะ หนู เดินไม่ดูทางเอง เลยเจอกับเฮียถัง เขามาถามเรื่องเงินค่าเช่าร้านที่ติดไว้ กับเงินที่คุณผู้หญิง เอ่อ... มาดามยืมมาซื้อของ แล้วทำเจ๊งจนเรากำลังจะอดตาย...” ฟังจากปากเยว่จือ ม่านอวี้อันก็รู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่ในโลกนี้ไม่ใช่แค่ความยากจน แต่ยังมีหนี้ที่ต้องจ่ายอีกด้วย และถ้าถึงขั้นที่คนของฝ่ายนั้นกล้าทำร้ายเด็กสาวตัวเล็ก ๆ แล้วนั่นย่อมหมายความว่ามันอยู่ในขั้นวิกฤติ “เฮียถัง...” เมื่อเอ่ยชื่อนี้ขึ้น ม่านอวี้อันก็ตัวแข็งค้าง ในความทรงจำเธอเห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่กับกลุ่มแก๊งของเขาที่ถือขวานและมีดเล่มยาว คนพวกนั้นเป็นพวกมาเฟียปล่อยเงินกู้ แถมยังเก็บดอกเบี้ยสุดโหด โชคชะตาเล่นตลกกับผู้หญิงที่ต้องดิ้นรนเลี้ยงดูตัวเองจนม่านอวี้อันต้องไปยืมเงินคนพวกนั้น โดยเอาบ้านเป็นหลักค้ำประกัน ซึ่งด้านหน้าของบ้านหลังนี้เปิดเป็นร้านอาหาร แต่เกือบหนึ่งปีแล้วที่
หลังจากนั้น แจ็คสัน สามีคืนเดียวของเธอต้องไปเซ็นสัญญาทำธุรกิจ ซึ่งเธอทราบในภายหลังว่าเขาตกอยู่ในเหตุการณ์ก่อการร้ายครั้งใหญ่ และเกิดการจลาจลจนมีผู้เสียชีวิตนับสองร้อยคน ซ้ำร้ายยังมีร่างที่ถูกเผาไหม้อยู่ในอาคารจนไม่อาจระบุได้ว่าเป็นใครอีกหลายศพ และชื่อ แจ็คสัน หยวน เองก็อยู่ในรายนามผู้เสียชีวิต ทำให้เธอต้องถูกผลักไสจากคนในตระกูลหยวน รวมถึงลุงกับป้าที่กล่าวหาว่าเธอเป็นตัวซวย สุดท้ายม่านอวี้อันจึงต้องมาอยู่ที่ร้านขายอาหารเล็ก ๆ แห่งนี้ ในถนนเนี่ยอินที่มีแก๊งมังกรซิ่งคอยรีดไถเงินผู้คน “คุณผู้หญิง” เมื่อเยว่จือยังคงเรียกซ้ำ ๆ อยู่เช่นนั้น หญิงสาวเลยต้องยกมือห้าม “ฉันคือใคร?” “เอ๋ ทำไมถามแบบนั้นคะ” เยว่จือตกใจ แต่ไหนแต่ไรม่านอวี้อันเป็นผู้หญิงที่ใช้เสียงเบา ไม่ชอบโวยวายหรือปั้นสีหน้าตึง ๆ ทว่าตอนนี้กลับไม่ใช่อย่างนั้น! “เอาใหม่ ตั้งสติ แล้วฟังคำถามให้ดี ๆ ฉัน-คือ-ใคร?” ม่านอวี้อันคนใหม่นี้ลงเสียงหนัก ดวงตากลมโตที่จ้องเยว่จือพลอยให้เด็กสาวตัวสั่น “คะ คุณผู้หญิง คือม่านอวี้อัน...” เมื่อได้ยินแบบนั้น วิญญาณที่สวมร่างผู้อื่นพลันขน
“มะ มัมมี้!” เสียงเล็ก ๆ ที่แสนสดใสดังขึ้น ตามด้วยอีกเสียงที่ฟังเหมือนกับว่าเพิ่งผ่านพ้นการร้องไห้อย่างหนักมา “น้อง หิว... หิว!” หญิงสาวลืมตาช้า ๆ การหายใจของเธอยังไม่เป็นปกติ และรู้สึกว่าตัวชื้นเหนียวเหนอะไปด้วยเหงื่อ แล้วก็เป็นตอนนั้นเองที่มือเล็ก ๆ ที่พอจะอุ่นอยู่สักหน่อยลูบแก้มเธอเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจหญิงสาวอ่อนยวบ “มะ มามี้ มะ ไม่ ตะ ตาย!” เธอฉงนแต่ก็พยายามตั้งสติ การที่ต้องอยู่ในรถคันนั้นและไม่มีอากาศหายใจทำให้เธอกลัวจัด และเธอเชื่อว่าตนเองตายไปแล้ว ทว่าระหว่างที่เธอกำลังอยู่ในช่วงของความเป็นและความตาย เธอกลับได้ยินเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ จวบจนลืมตาได้อีกครั้ง จึงเห็นพวกเขาทั้งสองคน “หนู...” เสียงของเธอแหบจัดและอ่อนแรง “มามี้... น้องไม่ร้อง แต่เฮียผิง งอแงจะกินขนมตลอด” คนที่เอ่ยกับเธอเป็นเด็กผู้ชายที่คุยเก่ง อายุคงราว ๆ สี่ถึงห้าขวบ ส่วนอีกคนจ้ำม่ำกว่า แก้มย้อยน่ารัก กำลังทำหน้าบึ้ง เขาสื่อสารติด ๆ ขัด ๆ อยู่สักหน่อย เพราะทำท่าเหมือนกับพยายามจะพูด แต่อ้าปากแล้วหุบอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะมีเสียงดังใ