หลังจากนั้น แจ็คสัน สามีคืนเดียวของเธอต้องไปเซ็นสัญญาทำธุรกิจ ซึ่งเธอทราบในภายหลังว่าเขาตกอยู่ในเหตุการณ์ก่อการร้ายครั้งใหญ่ และเกิดการจลาจลจนมีผู้เสียชีวิตนับสองร้อยคน ซ้ำร้ายยังมีร่างที่ถูกเผาไหม้อยู่ในอาคารจนไม่อาจระบุได้ว่าเป็นใครอีกหลายศพ
และชื่อ แจ็คสัน หยวน เองก็อยู่ในรายนามผู้เสียชีวิต ทำให้เธอต้องถูกผลักไสจากคนในตระกูลหยวน รวมถึงลุงกับป้าที่กล่าวหาว่าเธอเป็นตัวซวย สุดท้ายม่านอวี้อันจึงต้องมาอยู่ที่ร้านขายอาหารเล็ก ๆ แห่งนี้ ในถนนเนี่ยอินที่มีแก๊งมังกรซิ่งคอยรีดไถเงินผู้คน
“คุณผู้หญิง” เมื่อเยว่จือยังคงเรียกซ้ำ ๆ อยู่เช่นนั้น หญิงสาวเลยต้องยกมือห้าม
“ฉันคือใคร?”
“เอ๋ ทำไมถามแบบนั้นคะ” เยว่จือตกใจ แต่ไหนแต่ไรม่านอวี้อันเป็นผู้หญิงที่ใช้เสียงเบา ไม่ชอบโวยวายหรือปั้นสีหน้าตึง ๆ ทว่าตอนนี้กลับไม่ใช่อย่างนั้น!
“เอาใหม่ ตั้งสติ แล้วฟังคำถามให้ดี ๆ ฉัน-คือ-ใคร?”
ม่านอวี้อันคนใหม่นี้ลงเสียงหนัก ดวงตากลมโตที่จ้องเยว่จือพลอยให้เด็กสาวตัวสั่น
“คะ คุณผู้หญิง คือม่านอวี้อัน...”
เมื่อได้ยินแบบนั้น วิญญาณที่สวมร่างผู้อื่นพลันขนลุกซู่ขึ้น เธอคือ ม่านอวี้อัน สตรีแสนอาภัพ ตอนนี้ในหัวของเธอมีหลายสิ่งวนเวียนอยู่เต็มไปหมด
“เอาละ ต่อไปเรียกฉันว่า ‘มาดาม’ หรือไม่ก็พี่อัน ได้หรือไม่”
เยว่จือยกมือขึ้นปิดปากตนทันที เหตุใดเธอจะกล้าเรียกคนที่มีบุญคุณกับตนเช่นนั้น
“ฉันบอกไม่เข้าใจหรือ”
“เอ่อ ค่ะ... มาดาม”
“ดี แบบนี้ฉันถึงรู้สึกเป็นตัวเองขึ้นสักหน่อย”
จากนั้นหญิงสาวจึงหลับตาลง พึงระลึกว่าต่อจากนี้เธอคือ ม่านอวี้อัน และจะไม่มี ลิซ่า จาง อีกต่อไปในโลกยุค 80s นี้
เมื่อเข้าไปในครัวโดยมีสองฝาแฝดเดินป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ ๆ ม่านอวี้อันรู้สึกมีชีวิตชีวาไม่น้อย พวกเขาจะว่าไปก็ทำให้เธอกระตือรือร้นอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ทว่าพอหยุดมองภาพในห้องครัว ม่านอวี้อันก็แทบทรุดลงไปนั่งกองบนพื้น ครอบครัวนี้ช่างยากจนข้นแค้น ให้ตายเถอะแม้แต่ข้าวสารยังไม่มีกรอกหม้อ กระนั้นจากที่กวาดตามองอย่างคร่าว ๆ ม่านอวี้อันจึงได้ใจชื้นขึ้นมาสักหน่อย เมื่อเธอเห็นน้ำตาลทราย เกลือ และแป้งหลายชนิด ถัดไปที่อยู่หลังสุดคือตู้เย็นที่นับว่ายังใช้การได้ดี และพอเปิดประตูออก เธอก็ต้องยกมือขึ้นทาบอก ก่อนจะหัวเราะพรืดใหญ่ เพราะในตู้เย็นมีเนยจืดก้อนใหญ่วางอยู่ แถมยังมีเครื่องปรุงรสอย่างละนิดละหน่อย นอกจากนั้นเป็นนมจืดไม่กี่กล่อง แยมส้ม ลูกเกดอบแห้ง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และของจุกจิกที่เธอมั่นใจว่าจะทำให้ตนเองกับสองฝาแฝดอิ่มท้องได้ นี่คงเป็นตู้ต่างมิติมหัศจรรย์ของเธอสินะ สิ่งที่จะช่วยทำให้ทุกคนในบ้านอิ่มท้อง
“มัมมี้ นม...” เซียงเจียวว่าก่อนจะเอานิ้วส่งเข้าปากแล้วเริ่มดูด เขาคงหิวนั่นเอง
“แม่จะทำของอร่อย ๆ ให้หนูกินดีไหมจ๊ะ”
“น้องอยากกินของอร่อย ไม่เอาไข่ต้ม...” เด็กชายเลียนแบบคำพูดของเธอพร้อมกับบอกสิ่งที่เขาเบื่อมาก ๆ นั่นก็คือไข่ต้ม ที่ไข่แดงมักสุกเกินไปจึงทำให้ฝืดคอ
“แล้วผิงเกอของแม่ล่ะ”
เธอหันไปถามลูกชายคนโตที่เดินตามหลังมา เขาถือหมอนข้างเล็ก ๆ มาด้วย ดวงตากลมโตมองม่านอวี้อันแป๋ว ผิงกั่วสื่อสารไม่เก่ง แต่ยิ้มหวานจับใจ
“ผิง... หิว!”
“ดี แม่จะทำของอร่อยที่สุดให้พวกหนูกิน” ม่านอวี้อันว่าแล้วก็ฮึกเหิม เธอไม่ได้รู้สึกมีพลังเช่นนี้มานานแล้ว โลกที่จากมาเธอหวังแต่เงินทองและชื่อเสียงจนบางครั้งอาจลืมจิตวิญญาณของอาหารไป!
เยว่จือถึงกับตกใจกับอาการของม่านอวี้อัน เมื่อปกติคุณผู้หญิงห่วงข้าวของในครัวจนใครจับต้องไม่ได้ และตู้เย็นดังกล่าวยังเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่า เพราะเหลือเพียงชิ้นเดียวที่มีราคาแพงที่สุดในบ้าน เธอจึงไม่ยอมให้เด็ก ๆ เข้าใกล้เป็นอันขาด
“ฉันหลับไปกี่วัน”
“มะ มาดามนอนซมไปเกือบห้าวันค่ะ และเราไม่เหลืออะไรเลย มีขนมปังก้อนสุดท้าย หนูเอาให้น้องกินตอนเช้า ตอนนี้เหลือกล้วยหอมหนึ่งหวี แป้งทำขนมสามถุง แล้วก็ไข่ที่เฮียข่ายแบ่งไว้ให้ครึ่งแผง”
เยว่จือว่าจบจึงขยี้ตาตนเองแรง ๆ ไม่ใช่ว่าอ่อนแอ แต่เธอพยายามทำให้ตนไม่ส่งเสียงร้องไห้ออกมาต่างหาก ด้วยของเพียงเท่านี้จะพอกินถึงสิ้นเดือนได้อย่างไร!
“เธอหิวไหม” ม่านอวี้อันถาม
เด็กสาวเงยหน้าขึ้น เป็นตอนนั้นที่ม่านอวี้อันเห็นชัดเต็มสองตาว่าแก้มข้างหนึ่งของเยว่จื่อมีรอยแดงช้ำ เธอฉงนในตอนแรก ก่อนถามเสียงเข้มว่า
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“น่ะ หนูหกล้ม”
ม่านอวี้อันไม่เชื่อ เธอเอื้อมมือไปจับคางของเด็กสาว หมุนซ้ายหมุนขวา จากนั้นก็ทั้งโกรธและหงุดหงิดใจเมื่อเห็นว่ามันเป็นรอยฝ่ามือขนาดใหญ่ที่ทำให้ใบหน้าเรียวเล็กนี้บอบช้ำ
“ใครทำร้ายเธอ!” ม่านอวี้อันเดือด ใจเธอเต้นแรงจนเกือบจะกระโจนออกมาอยู่นอกอก!............
นางจิ้งจอกเข้าครัว เยว่จือบีบมือตัวเองแน่น เธออยากสร้างเรื่องโกหกม่านอวี้อันอย่างที่แล้ว ๆ มา ทว่าไม่รู้เหตุใด ยามนี้คุณผู้หญิงถึงไม่เหมือนเดิม และยังสร้างความกล้าหาญให้เด็กสาวอยากพูดความจริงอย่างหมดเปลือก! “นะ หนู เดินไม่ดูทางเอง เลยเจอกับเฮียถัง เขามาถามเรื่องเงินค่าเช่าร้านที่ติดไว้ กับเงินที่คุณผู้หญิง เอ่อ... มาดามยืมมาซื้อของ แล้วทำเจ๊งจนเรากำลังจะอดตาย...” ฟังจากปากเยว่จือ ม่านอวี้อันก็รู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่ในโลกนี้ไม่ใช่แค่ความยากจน แต่ยังมีหนี้ที่ต้องจ่ายอีกด้วย และถ้าถึงขั้นที่คนของฝ่ายนั้นกล้าทำร้ายเด็กสาวตัวเล็ก ๆ แล้วนั่นย่อมหมายความว่ามันอยู่ในขั้นวิกฤติ “เฮียถัง...” เมื่อเอ่ยชื่อนี้ขึ้น ม่านอวี้อันก็ตัวแข็งค้าง ในความทรงจำเธอเห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่กับกลุ่มแก๊งของเขาที่ถือขวานและมีดเล่มยาว คนพวกนั้นเป็นพวกมาเฟียปล่อยเงินกู้ แถมยังเก็บดอกเบี้ยสุดโหด โชคชะตาเล่นตลกกับผู้หญิงที่ต้องดิ้นรนเลี้ยงดูตัวเองจนม่านอวี้อันต้องไปยืมเงินคนพวกนั้น โดยเอาบ้านเป็นหลักค้ำประกัน ซึ่งด้านหน้าของบ้านหลังนี้เปิดเป็นร้านอาหาร แต่เกือบหนึ่งปีแล้วที่
ม่านอวี้อันจะไม่ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับลูกชายเธอเด็ดขาด เมื่อตั้งมั่นจะเช่นนั้น ภายในห้องครัวจึงมีงานล้นมือ! ทว่าเมื่อลงมือเข้าครัวกันจริงจัง เซียงเจียวกลับเป็นเด็กที่มีแต่ความน่ารัก เขาพูดเก่ง ขี้อ้อน และสิ่งที่ทำให้ม่านอวี้อันผิดคาดคือ เขาค่อนข้างขี้เกียจ นิสัยแบบนี้หากไม่คอยสอนหรือควบคุมให้ดี โตไปเขาต้องเป็นหนุ่มหล่อที่แผลงฤทธิ์ให้คนเอือมระอาแน่ ๆ ส่วนผิงกั่วของเธอ ไม่ว่าจะบอกให้ปอกกล้วย ร่อนแป้ง หรือนั่งรอนิ่ง ๆ เขาก็ไม่ส่งเสียงบ่น และยังทำงานของตนได้ดีอย่างที่ผู้ใหญ่แบบเยว่จือเทียบไม่ติด “คนเก่งของแม่” เธอชมผิงกั่ว และเขาก็ยิ้มเขินอายตอบ ลูกชายคนโตช่างเป็นสุภาพบุรุษแสนน่ารัก พอได้ยินแม่ชมพี่ชาย เซียงเจียวจึงหน้าง้ำหน้างอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ส่งเสียงประท้วง “เอ ผิงเกอรู้ไหม เวลาเข้าครัวถ้าทำหบ้าบูดบึ้ง วันนั้นจะกินข้าวไม่อร่อย และยังท้องเสียด้วย” ม่านอวี้อันเอ่ย แน่นอนว่าผิงกั่วเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย เขาเลยพยายามยิ้มกว้าง แต่ภาพที่เห็นดูเหมือนอยากร้องไห้มากกว่า “ผะ ผิงยิ้มเป็น” ผิงกั่วเอ่ย ท่าทางเขาประหม่ามิน้อย “ใช่ลูกรั
Back to 1986 สิ่งที่ลี่ฮุ่ยเอ่ยขึ้นมานั้นสร้างความประหลาดใจแก่ม่านอวี้อัน ซึ่งหลังจากนั้น สตรีวัยกลางคนก็ได้ถือวิสาสะก้าวพรวด ๆ เข้าไปในบ้าน! “ป้ารู้หรอกนะ คุณนายมือบางตีนบางอย่างเธอจะทำอะไรเป็น พอถูกจับได้ว่าคิดขายลูกให้แก๊งมังกรซิ่งก็ทำสำออย ล้มหมอนนอนเสื่อ” ม่านอวี้อันไม่ตอบ เธออยากรู้หลายสิ่ง ซึ่งหากจะให้ดีก็ควรมาจากปากของลี่ฮุ่ยคนนี้ “ระวังคำพูดบ้างป้าลี่ กล่าวหาแบบนี้มันเกินไปหน่อย” เยว่จือทนไม่ไหวเลยต่อว่าลี่ฮุ่ย ม่านอวี้อันยกมือห้ามเยว่จือ เด็กสาวเลยเก็บปากเงียบ “เฮ้อ คุณนายอัน อย่าหาว่าสอนเลยนะ เธอน่ะ เปิดร้านอาหารไม่รุ่งหรอก ทางที่ดีหัดรับจ้างซักผ้า หรือไม่ก็ยอมเหนื่อยหน่อย รับงานร้อยดอกไม้หรือพับถุงกระดาษขายคงพอมีเงินซื้อข้าวสาร ซื้อไข่อยู่บ้าง อย่าได้รักสบายไปหน่อยเลย สงสารนังหนูเยว่จือบ้าง อีกสักหน่อยมันคงต้องออกเรือน ไม่อยู่ให้เธอกดหัวใช้งาน” เยว่จือส่ายหน้าเร็วหวือ เธอไม่เคยคิดเช่นนั้น ม่านอวี้อันไม่เคยใจร้ายต่อเธอ อีกทั้งก่อนหน้านี้ บิดาและมารดาอีกฝ่ายก็เป็นคนรับเธอมาอุปการะ เพื่อให้เธอไม่ต้องถูกขายในซ่อง!
ตำรับลับเทพปรุงรส “เหยื่อที่ว่า คือป้าลี่ใช่ไหมคะ” เยว่จือเริ่มเข้าใจหลายสิ่งแล้ว ม่านอวี้อันอมยิ้ม “ใช่ คนแบบนี้แหละ สมควรเป็นเหยื่อของฉัน ป้าลี่คือโทรโข่งชั้นดี และจะส่งเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน ไม่ช้าฉันก็จะมีชื่อเสียง” ม่านอวี้อันตอบเยว่จือ แน่นอนว่าฝีมือเชฟเหรียญทองที่มีรายการอาหารเป็นของตัวเองถึงสองรายการ เหตุใดจะเนรมิตเค้กกล้วยหอมที่ตราตรึงใจผู้คนมิได้ ซึ่งนอกจากอาชีพเชฟ ม่านอวี้อันในโลกก่อนที่เธอจะจากมามีทรัพย์สินรวมแล้วเกินพันล้านเหรียญดอลลาร์ ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะกลุ่มลูกค้าที่สนับสนุนเธอเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด จนมีทั้งคนรักมาก และคนที่จ้องโจมตีเธออยู่ตลอด โดยเฉพาะคู่แข่งทางการค้า แต่สุดท้ายคนที่น่ากลัวที่สุดกลับเป็นผู้ชายที่อยู่ข้างกายเธอมาหลายปี! หญิงสาวสลัดเรื่องที่ผ่านมาทิ้ง อย่างไรเธอก็อยู่ในร่างคนอื่น ฉะนั้นต้องสู้ด้วยสิ่งที่มีตอนนี้ เธอคือ ม่านอวี้อัน คุณแม่ลูกแฝดแสนน่ารัก แน่นอนเธอทำอาหารได้ และยังทำได้ดีเสียด้วย นั่นคือสิ่งที่เธอมาได้เรียนรู้จากยายกับแม่เลี้ยง ทว่าโลกที่หลุดเข้ามานี้ ถึงจะคล้ายโลกของเธอมากจนแยกไม่ออก แต่สิ่งส
กู๋กุ่ย (คุณลุงผี) ภายในห้องนั่งเล่นเล็ก ๆ มีชั้นหนังสือสูง ๆ อยู่มุมหนึ่ง กลางห้องเป็นโต๊ะพับลายตัวอักษรและตัวเลข พร้อมสมุดวาดรูป ดินสอสี และของเล่นอีกหลายอย่างที่ถูกเด็กทั้งสองคนรื้อออกมาเล่น และไม่ทันได้เก็บ นานแล้วที่แม่บอกให้รออยู่ที่นี่ ซึ่งผิงกั่วได้แต่ยืนแข็งเป็นหุ่นยนต์ขวางอยู่หน้าประตู เพราะน้องชายกำลังจะก่อเรื่อง เซียงเจียวหน้าหงิกหน้างอเมื่อเห็นพี่ชายเฝ้าประตูอยู่อย่างนั้น “น้องเป็นผีดูดเลือด จะกัดแล้วนะ แฮร่ ๆ ถอยไปเฮียผิง” ผิงกั่วยืนนิ่ง คำสั่งแม่บอกไว้ชัดเจนว่าไม่ให้ใครออกจากห้องนี้ หากแม่ไม่มาเรียก เขาเชื่ออย่างนั้น และจะทำตามโดยไม่บิดพลิ้ว ด้วยก่อนหน้านี้ยังจำได้ว่าเวลาแม่โมโหทำให้เขากลัว อีกอย่างตอนที่แม่โมโหมาก ๆ แล้วสลบไปนั้น ใจเขาแทบจะแหลกสลาย เขาเสียใจ เป็นทุกข์ ไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก! “เฮียผิง ถอย!” เซียงเจียวว่าเสียงสูง ๆ ซึ่งอีกไม่นานหากยังถูกขัดใจอยู่แบบนี้เขาจะร้องให้ลั่นบ้านเลย “นั่ง” ผิงกั่วออกคำสั่ง “ไม่... น้องจะออกไปข้างนอก เฮียผิงเห็นเค้กนั่นไหม มัมมี้ทำสวย มันน่ากิน หอมด้วย เราไปกินก
จับผิดนางจิ้งจอก เมื่อขนมหมดลง พร้อมความหอมหวานที่ติดอยู่ในปาก เซียงเจียวก็ทั้งเลียมือและดูดนิ้ว จากนั้นประตูห้องนั่งเล่นก็มีเสียงหมุนลูกบิด! ผิงกั่วใจหล่นหายเขายืนนิ่งค้างราวกับสมองหยุดสั่งงานไปเสียดื้อ ๆ “อ๊ะ... เฮียผิง!” เสียงเล็กแหลมของน้องชายแผดดังเรียกสติ จากนั้นผิงกั่วจึงไม่รอช้า เขารู้ว่าแม่ไม่อยากให้ลุงผีมาที่บ้านอีก ผู้ชายตัวโตคนนี้เคยทำให้แม่ยุ่งยากใจทั้งยังเสียน้ำตาหลายหน แล้ววันนี้เขาได้ทำเรื่องน่าละอาย เผลอกินของจากอีกฝ่าย ไม่ได้การละ เขาจะทำให้แม่เสียใจไม่ได้ แม่คือโลกทั้งใบของผิงกั่ว เขาจะไม่ทำให้แม่เสียใจ! ร่างของคนเจ้าเนื้อพุ่งไปยังประตูเพื่อขวางไม่ให้คนเปิดเข้ามาได้ “ไม่!” เด็กชายร้องอยู่สองสามหน และนั่นทำให้คนที่อยู่ด้านนอกแปลกใจ “เด็ก ๆ เกิดอะไรขึ้น!” ม่านอวี้อันใจเสียและร้อนรน เธอพยายามหมุนลูกบิด แต่เหมือนจะมีปัญหา “ผิงเกอ เจียวเกอ!” หญิงสาวเรียกลูกชายและปล้ำลูกบิดประตูเฮงซวยอยู่เกือบอึดใจใหญ่ ๆ กระทั่งมันเปิดออกได้ ซึ่งเป็นวินาทีเดียวกันกับที่ผิงกั่วโผเข้าไปกอดม่านอวี้อัน ส่วนน้องชายก็แสร้งร
แมวตัวผู้ หลบอยู่ในบ้านลูกกวาด เยว่จือกำลังดูแลสองแฝดในครัวที่กำลังมีความสุขมากกับอาหารง่าย ๆ ที่ม่านอวี้อันทำให้ พอเด็กสาวเห็นม่านอวี้อันถือของกินเข้ามา เธอจึงกุลีกุจอไปช่วยถือ ขณะนั้นเด็กชายทั้งสองต่างมองตาโต พวกเขาคิดว่าวันนี้คงเป็นปีใหม่หรือวันเด็ก แม่ถึงได้รับของแจกเข้าบ้านเยอะแยะไปหมด “มัมมี้ ให้น้องช่วยไหม” เซียงเจียวยิ้ม ดวงตากลมโตของเขาเป็นประกาย “ไม่เป็นไรเจียวเกอ กินข้าวให้เรียบร้อย เวลาเคี้ยวอาหารต้องไม่พูดนะจ๊ะ เดี๋ยวติดคอ” เซียงเจียวพยักหน้ารับคำม่านอวี้อัน ส่วนผิงกั่วหันมามองเธอ สายตาเขาดูมีพิรุธอยู่สักหน่อย “เอ ผิงเกอ ไม่ชอบไข่ข้นกับมันฝรั่งบดเหรอลูก กินหมี่ผัดกับไก่ย่างไหม ป้าลี่เอามาฝาก” เธอบอกลูกคนโตแล้ววางจานอาหารที่ลี่ฮุ่ยเอามาให้ลงบนโต๊ะ เด็กชายไม่ตอบแต่หันไปมองไก่ย่าง พอเห็นน้องชายหยิบขาไก่ขึ้นกัด เขาจึงเลือกชิ้นที่ชอบแล้วนั่งกินเงียบ ๆ ผิงกั่วของเธอช่างเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย “มาดามเรียกอาหารเข้าบ้านได้จริงด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ” เยว่จือถาม เด็กสาวตื่นเต้นไม่แพ้ฝาแฝด ม่านอวี้อันไม่ใช่เทพเซียนหรือน
บทนำ ณ เมืองติดชายทะเล ถนนเนี่ยอิน พื้นที่ควบคุมของแก๊งมังกรซิ่ง เยว่จือตัวสั่นไปหมด เด็กสาวไม่รู้จะทำอย่างไร การถูกตบหน้าอย่างรุนแรงถึงสองครั้งติดต่อกัน ด้วยฝ่ามือหยาบกร้านของอาซู คนในแก๊งมังกรซิ่ง ทำให้น้ำตาคลอหน่วย แม้ในยามนี้เธอจะพยายามอดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ ถึงอย่างนั้นน้ำตาก็ยังคงไหลอาบใบหน้าเรียวเล็กที่ซีดราวกับซากศพ ในใจของเธอภาวนาขอให้เรื่องเฮงซวยทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพความฝัน มิหนำซ้ำเด็กสาวยังห่วงอีกสามชีวิต เมื่อคืนคุณผู้หญิงเพ้อหนักก่อนที่ตัวจะสั่นเทาและสลบไปนาน ตอนนี้เธอคงกำลังรอการกลับไปของเยว่จือ รวมถึงสองฝาแฝดวัยสี่ขวบกว่าที่เมื่อเช้าได้กินเพียงขนมปังบาแก็ตที่ทั้งแข็งและแห้งโรยน้ำตาล ซึ่งเด็กสาววางได้แผนไว้ว่า หากเกิดเรื่องร้ายแรงใดขึ้น เธอจะพาพวกเด็ก ๆ หนีไปให้ไกล! เสียงเนื้อกระทบเนื้อยังดังก้องในหู เธอกลัว ตื่นตระหนก และขวัญเสีย ทว่าสิ่งที่ทำได้คือจำต้องกลั้นเสียงสะอื้นและน้ำตาเอาไว้ ถึงจะยากลำบากเหลือเกิน แต่ที่ต้องทำเช่นนั้นก็เพราะเธอไม่ต้องการให้คนพวกนี้เห็นความอ่อนแอของตน อย่างไรก็ตาม นับว่าแก๊งมังกรซิ่งยังมีเมตตาอยู่บ้าง
แมวตัวผู้ หลบอยู่ในบ้านลูกกวาด เยว่จือกำลังดูแลสองแฝดในครัวที่กำลังมีความสุขมากกับอาหารง่าย ๆ ที่ม่านอวี้อันทำให้ พอเด็กสาวเห็นม่านอวี้อันถือของกินเข้ามา เธอจึงกุลีกุจอไปช่วยถือ ขณะนั้นเด็กชายทั้งสองต่างมองตาโต พวกเขาคิดว่าวันนี้คงเป็นปีใหม่หรือวันเด็ก แม่ถึงได้รับของแจกเข้าบ้านเยอะแยะไปหมด “มัมมี้ ให้น้องช่วยไหม” เซียงเจียวยิ้ม ดวงตากลมโตของเขาเป็นประกาย “ไม่เป็นไรเจียวเกอ กินข้าวให้เรียบร้อย เวลาเคี้ยวอาหารต้องไม่พูดนะจ๊ะ เดี๋ยวติดคอ” เซียงเจียวพยักหน้ารับคำม่านอวี้อัน ส่วนผิงกั่วหันมามองเธอ สายตาเขาดูมีพิรุธอยู่สักหน่อย “เอ ผิงเกอ ไม่ชอบไข่ข้นกับมันฝรั่งบดเหรอลูก กินหมี่ผัดกับไก่ย่างไหม ป้าลี่เอามาฝาก” เธอบอกลูกคนโตแล้ววางจานอาหารที่ลี่ฮุ่ยเอามาให้ลงบนโต๊ะ เด็กชายไม่ตอบแต่หันไปมองไก่ย่าง พอเห็นน้องชายหยิบขาไก่ขึ้นกัด เขาจึงเลือกชิ้นที่ชอบแล้วนั่งกินเงียบ ๆ ผิงกั่วของเธอช่างเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย “มาดามเรียกอาหารเข้าบ้านได้จริงด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ” เยว่จือถาม เด็กสาวตื่นเต้นไม่แพ้ฝาแฝด ม่านอวี้อันไม่ใช่เทพเซียนหรือน
จับผิดนางจิ้งจอก เมื่อขนมหมดลง พร้อมความหอมหวานที่ติดอยู่ในปาก เซียงเจียวก็ทั้งเลียมือและดูดนิ้ว จากนั้นประตูห้องนั่งเล่นก็มีเสียงหมุนลูกบิด! ผิงกั่วใจหล่นหายเขายืนนิ่งค้างราวกับสมองหยุดสั่งงานไปเสียดื้อ ๆ “อ๊ะ... เฮียผิง!” เสียงเล็กแหลมของน้องชายแผดดังเรียกสติ จากนั้นผิงกั่วจึงไม่รอช้า เขารู้ว่าแม่ไม่อยากให้ลุงผีมาที่บ้านอีก ผู้ชายตัวโตคนนี้เคยทำให้แม่ยุ่งยากใจทั้งยังเสียน้ำตาหลายหน แล้ววันนี้เขาได้ทำเรื่องน่าละอาย เผลอกินของจากอีกฝ่าย ไม่ได้การละ เขาจะทำให้แม่เสียใจไม่ได้ แม่คือโลกทั้งใบของผิงกั่ว เขาจะไม่ทำให้แม่เสียใจ! ร่างของคนเจ้าเนื้อพุ่งไปยังประตูเพื่อขวางไม่ให้คนเปิดเข้ามาได้ “ไม่!” เด็กชายร้องอยู่สองสามหน และนั่นทำให้คนที่อยู่ด้านนอกแปลกใจ “เด็ก ๆ เกิดอะไรขึ้น!” ม่านอวี้อันใจเสียและร้อนรน เธอพยายามหมุนลูกบิด แต่เหมือนจะมีปัญหา “ผิงเกอ เจียวเกอ!” หญิงสาวเรียกลูกชายและปล้ำลูกบิดประตูเฮงซวยอยู่เกือบอึดใจใหญ่ ๆ กระทั่งมันเปิดออกได้ ซึ่งเป็นวินาทีเดียวกันกับที่ผิงกั่วโผเข้าไปกอดม่านอวี้อัน ส่วนน้องชายก็แสร้งร
กู๋กุ่ย (คุณลุงผี) ภายในห้องนั่งเล่นเล็ก ๆ มีชั้นหนังสือสูง ๆ อยู่มุมหนึ่ง กลางห้องเป็นโต๊ะพับลายตัวอักษรและตัวเลข พร้อมสมุดวาดรูป ดินสอสี และของเล่นอีกหลายอย่างที่ถูกเด็กทั้งสองคนรื้อออกมาเล่น และไม่ทันได้เก็บ นานแล้วที่แม่บอกให้รออยู่ที่นี่ ซึ่งผิงกั่วได้แต่ยืนแข็งเป็นหุ่นยนต์ขวางอยู่หน้าประตู เพราะน้องชายกำลังจะก่อเรื่อง เซียงเจียวหน้าหงิกหน้างอเมื่อเห็นพี่ชายเฝ้าประตูอยู่อย่างนั้น “น้องเป็นผีดูดเลือด จะกัดแล้วนะ แฮร่ ๆ ถอยไปเฮียผิง” ผิงกั่วยืนนิ่ง คำสั่งแม่บอกไว้ชัดเจนว่าไม่ให้ใครออกจากห้องนี้ หากแม่ไม่มาเรียก เขาเชื่ออย่างนั้น และจะทำตามโดยไม่บิดพลิ้ว ด้วยก่อนหน้านี้ยังจำได้ว่าเวลาแม่โมโหทำให้เขากลัว อีกอย่างตอนที่แม่โมโหมาก ๆ แล้วสลบไปนั้น ใจเขาแทบจะแหลกสลาย เขาเสียใจ เป็นทุกข์ ไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก! “เฮียผิง ถอย!” เซียงเจียวว่าเสียงสูง ๆ ซึ่งอีกไม่นานหากยังถูกขัดใจอยู่แบบนี้เขาจะร้องให้ลั่นบ้านเลย “นั่ง” ผิงกั่วออกคำสั่ง “ไม่... น้องจะออกไปข้างนอก เฮียผิงเห็นเค้กนั่นไหม มัมมี้ทำสวย มันน่ากิน หอมด้วย เราไปกินก
ตำรับลับเทพปรุงรส “เหยื่อที่ว่า คือป้าลี่ใช่ไหมคะ” เยว่จือเริ่มเข้าใจหลายสิ่งแล้ว ม่านอวี้อันอมยิ้ม “ใช่ คนแบบนี้แหละ สมควรเป็นเหยื่อของฉัน ป้าลี่คือโทรโข่งชั้นดี และจะส่งเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน ไม่ช้าฉันก็จะมีชื่อเสียง” ม่านอวี้อันตอบเยว่จือ แน่นอนว่าฝีมือเชฟเหรียญทองที่มีรายการอาหารเป็นของตัวเองถึงสองรายการ เหตุใดจะเนรมิตเค้กกล้วยหอมที่ตราตรึงใจผู้คนมิได้ ซึ่งนอกจากอาชีพเชฟ ม่านอวี้อันในโลกก่อนที่เธอจะจากมามีทรัพย์สินรวมแล้วเกินพันล้านเหรียญดอลลาร์ ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะกลุ่มลูกค้าที่สนับสนุนเธอเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด จนมีทั้งคนรักมาก และคนที่จ้องโจมตีเธออยู่ตลอด โดยเฉพาะคู่แข่งทางการค้า แต่สุดท้ายคนที่น่ากลัวที่สุดกลับเป็นผู้ชายที่อยู่ข้างกายเธอมาหลายปี! หญิงสาวสลัดเรื่องที่ผ่านมาทิ้ง อย่างไรเธอก็อยู่ในร่างคนอื่น ฉะนั้นต้องสู้ด้วยสิ่งที่มีตอนนี้ เธอคือ ม่านอวี้อัน คุณแม่ลูกแฝดแสนน่ารัก แน่นอนเธอทำอาหารได้ และยังทำได้ดีเสียด้วย นั่นคือสิ่งที่เธอมาได้เรียนรู้จากยายกับแม่เลี้ยง ทว่าโลกที่หลุดเข้ามานี้ ถึงจะคล้ายโลกของเธอมากจนแยกไม่ออก แต่สิ่งส
Back to 1986 สิ่งที่ลี่ฮุ่ยเอ่ยขึ้นมานั้นสร้างความประหลาดใจแก่ม่านอวี้อัน ซึ่งหลังจากนั้น สตรีวัยกลางคนก็ได้ถือวิสาสะก้าวพรวด ๆ เข้าไปในบ้าน! “ป้ารู้หรอกนะ คุณนายมือบางตีนบางอย่างเธอจะทำอะไรเป็น พอถูกจับได้ว่าคิดขายลูกให้แก๊งมังกรซิ่งก็ทำสำออย ล้มหมอนนอนเสื่อ” ม่านอวี้อันไม่ตอบ เธออยากรู้หลายสิ่ง ซึ่งหากจะให้ดีก็ควรมาจากปากของลี่ฮุ่ยคนนี้ “ระวังคำพูดบ้างป้าลี่ กล่าวหาแบบนี้มันเกินไปหน่อย” เยว่จือทนไม่ไหวเลยต่อว่าลี่ฮุ่ย ม่านอวี้อันยกมือห้ามเยว่จือ เด็กสาวเลยเก็บปากเงียบ “เฮ้อ คุณนายอัน อย่าหาว่าสอนเลยนะ เธอน่ะ เปิดร้านอาหารไม่รุ่งหรอก ทางที่ดีหัดรับจ้างซักผ้า หรือไม่ก็ยอมเหนื่อยหน่อย รับงานร้อยดอกไม้หรือพับถุงกระดาษขายคงพอมีเงินซื้อข้าวสาร ซื้อไข่อยู่บ้าง อย่าได้รักสบายไปหน่อยเลย สงสารนังหนูเยว่จือบ้าง อีกสักหน่อยมันคงต้องออกเรือน ไม่อยู่ให้เธอกดหัวใช้งาน” เยว่จือส่ายหน้าเร็วหวือ เธอไม่เคยคิดเช่นนั้น ม่านอวี้อันไม่เคยใจร้ายต่อเธอ อีกทั้งก่อนหน้านี้ บิดาและมารดาอีกฝ่ายก็เป็นคนรับเธอมาอุปการะ เพื่อให้เธอไม่ต้องถูกขายในซ่อง!
ม่านอวี้อันจะไม่ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับลูกชายเธอเด็ดขาด เมื่อตั้งมั่นจะเช่นนั้น ภายในห้องครัวจึงมีงานล้นมือ! ทว่าเมื่อลงมือเข้าครัวกันจริงจัง เซียงเจียวกลับเป็นเด็กที่มีแต่ความน่ารัก เขาพูดเก่ง ขี้อ้อน และสิ่งที่ทำให้ม่านอวี้อันผิดคาดคือ เขาค่อนข้างขี้เกียจ นิสัยแบบนี้หากไม่คอยสอนหรือควบคุมให้ดี โตไปเขาต้องเป็นหนุ่มหล่อที่แผลงฤทธิ์ให้คนเอือมระอาแน่ ๆ ส่วนผิงกั่วของเธอ ไม่ว่าจะบอกให้ปอกกล้วย ร่อนแป้ง หรือนั่งรอนิ่ง ๆ เขาก็ไม่ส่งเสียงบ่น และยังทำงานของตนได้ดีอย่างที่ผู้ใหญ่แบบเยว่จือเทียบไม่ติด “คนเก่งของแม่” เธอชมผิงกั่ว และเขาก็ยิ้มเขินอายตอบ ลูกชายคนโตช่างเป็นสุภาพบุรุษแสนน่ารัก พอได้ยินแม่ชมพี่ชาย เซียงเจียวจึงหน้าง้ำหน้างอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ส่งเสียงประท้วง “เอ ผิงเกอรู้ไหม เวลาเข้าครัวถ้าทำหบ้าบูดบึ้ง วันนั้นจะกินข้าวไม่อร่อย และยังท้องเสียด้วย” ม่านอวี้อันเอ่ย แน่นอนว่าผิงกั่วเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย เขาเลยพยายามยิ้มกว้าง แต่ภาพที่เห็นดูเหมือนอยากร้องไห้มากกว่า “ผะ ผิงยิ้มเป็น” ผิงกั่วเอ่ย ท่าทางเขาประหม่ามิน้อย “ใช่ลูกรั
นางจิ้งจอกเข้าครัว เยว่จือบีบมือตัวเองแน่น เธออยากสร้างเรื่องโกหกม่านอวี้อันอย่างที่แล้ว ๆ มา ทว่าไม่รู้เหตุใด ยามนี้คุณผู้หญิงถึงไม่เหมือนเดิม และยังสร้างความกล้าหาญให้เด็กสาวอยากพูดความจริงอย่างหมดเปลือก! “นะ หนู เดินไม่ดูทางเอง เลยเจอกับเฮียถัง เขามาถามเรื่องเงินค่าเช่าร้านที่ติดไว้ กับเงินที่คุณผู้หญิง เอ่อ... มาดามยืมมาซื้อของ แล้วทำเจ๊งจนเรากำลังจะอดตาย...” ฟังจากปากเยว่จือ ม่านอวี้อันก็รู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่ในโลกนี้ไม่ใช่แค่ความยากจน แต่ยังมีหนี้ที่ต้องจ่ายอีกด้วย และถ้าถึงขั้นที่คนของฝ่ายนั้นกล้าทำร้ายเด็กสาวตัวเล็ก ๆ แล้วนั่นย่อมหมายความว่ามันอยู่ในขั้นวิกฤติ “เฮียถัง...” เมื่อเอ่ยชื่อนี้ขึ้น ม่านอวี้อันก็ตัวแข็งค้าง ในความทรงจำเธอเห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่กับกลุ่มแก๊งของเขาที่ถือขวานและมีดเล่มยาว คนพวกนั้นเป็นพวกมาเฟียปล่อยเงินกู้ แถมยังเก็บดอกเบี้ยสุดโหด โชคชะตาเล่นตลกกับผู้หญิงที่ต้องดิ้นรนเลี้ยงดูตัวเองจนม่านอวี้อันต้องไปยืมเงินคนพวกนั้น โดยเอาบ้านเป็นหลักค้ำประกัน ซึ่งด้านหน้าของบ้านหลังนี้เปิดเป็นร้านอาหาร แต่เกือบหนึ่งปีแล้วที่
หลังจากนั้น แจ็คสัน สามีคืนเดียวของเธอต้องไปเซ็นสัญญาทำธุรกิจ ซึ่งเธอทราบในภายหลังว่าเขาตกอยู่ในเหตุการณ์ก่อการร้ายครั้งใหญ่ และเกิดการจลาจลจนมีผู้เสียชีวิตนับสองร้อยคน ซ้ำร้ายยังมีร่างที่ถูกเผาไหม้อยู่ในอาคารจนไม่อาจระบุได้ว่าเป็นใครอีกหลายศพ และชื่อ แจ็คสัน หยวน เองก็อยู่ในรายนามผู้เสียชีวิต ทำให้เธอต้องถูกผลักไสจากคนในตระกูลหยวน รวมถึงลุงกับป้าที่กล่าวหาว่าเธอเป็นตัวซวย สุดท้ายม่านอวี้อันจึงต้องมาอยู่ที่ร้านขายอาหารเล็ก ๆ แห่งนี้ ในถนนเนี่ยอินที่มีแก๊งมังกรซิ่งคอยรีดไถเงินผู้คน “คุณผู้หญิง” เมื่อเยว่จือยังคงเรียกซ้ำ ๆ อยู่เช่นนั้น หญิงสาวเลยต้องยกมือห้าม “ฉันคือใคร?” “เอ๋ ทำไมถามแบบนั้นคะ” เยว่จือตกใจ แต่ไหนแต่ไรม่านอวี้อันเป็นผู้หญิงที่ใช้เสียงเบา ไม่ชอบโวยวายหรือปั้นสีหน้าตึง ๆ ทว่าตอนนี้กลับไม่ใช่อย่างนั้น! “เอาใหม่ ตั้งสติ แล้วฟังคำถามให้ดี ๆ ฉัน-คือ-ใคร?” ม่านอวี้อันคนใหม่นี้ลงเสียงหนัก ดวงตากลมโตที่จ้องเยว่จือพลอยให้เด็กสาวตัวสั่น “คะ คุณผู้หญิง คือม่านอวี้อัน...” เมื่อได้ยินแบบนั้น วิญญาณที่สวมร่างผู้อื่นพลันขน
“มะ มัมมี้!” เสียงเล็ก ๆ ที่แสนสดใสดังขึ้น ตามด้วยอีกเสียงที่ฟังเหมือนกับว่าเพิ่งผ่านพ้นการร้องไห้อย่างหนักมา “น้อง หิว... หิว!” หญิงสาวลืมตาช้า ๆ การหายใจของเธอยังไม่เป็นปกติ และรู้สึกว่าตัวชื้นเหนียวเหนอะไปด้วยเหงื่อ แล้วก็เป็นตอนนั้นเองที่มือเล็ก ๆ ที่พอจะอุ่นอยู่สักหน่อยลูบแก้มเธอเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจหญิงสาวอ่อนยวบ “มะ มามี้ มะ ไม่ ตะ ตาย!” เธอฉงนแต่ก็พยายามตั้งสติ การที่ต้องอยู่ในรถคันนั้นและไม่มีอากาศหายใจทำให้เธอกลัวจัด และเธอเชื่อว่าตนเองตายไปแล้ว ทว่าระหว่างที่เธอกำลังอยู่ในช่วงของความเป็นและความตาย เธอกลับได้ยินเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ จวบจนลืมตาได้อีกครั้ง จึงเห็นพวกเขาทั้งสองคน “หนู...” เสียงของเธอแหบจัดและอ่อนแรง “มามี้... น้องไม่ร้อง แต่เฮียผิง งอแงจะกินขนมตลอด” คนที่เอ่ยกับเธอเป็นเด็กผู้ชายที่คุยเก่ง อายุคงราว ๆ สี่ถึงห้าขวบ ส่วนอีกคนจ้ำม่ำกว่า แก้มย้อยน่ารัก กำลังทำหน้าบึ้ง เขาสื่อสารติด ๆ ขัด ๆ อยู่สักหน่อย เพราะทำท่าเหมือนกับพยายามจะพูด แต่อ้าปากแล้วหุบอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะมีเสียงดังใ