ตระกูลเผยตอบตกลงเรื่องการแต่งงาน!ทันทีที่ได้ข่าวนี้ หลิงอวี๋ก็ให้สุ่ยหลิงไปแจ้งให้หลิงหว่านกับป้าสะใภ้ใหญ่ทราบป้าสะใภ้ใหญ่ก็รู้ว่ามันผิกปกติ จึงดึงหลิงหว่านพลางเอ่ยอย่างกังวล “จริงหรือ? แม่ฟังมิผิดใช่หรือไม่?”“ท่านย่าใหญ่ ท่านได้ยินถูกต้องแล้ว!”สุ่ยหลิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินเผยบอกว่า นางจะเชิญแม่สื่อมาคุยในวันพรุ่ง แล้วก็จะเลือกวันหมั้นหมายเจ้าค่ะ!”“ส่วนท่าน พรุ่งนี้ก็รออยู่ที่บ้าน เมื่อถึงเวลาพระชายาก็จะมาด้วยเจ้าค่ะ!”“ได้ ๆ ๆ… เจ้ากลับไปบอกอาอวี๋ว่าข้าจะเตรียมต้อนรับแขกผู้มีเกียรติอย่างแน่นอน!”ป้าสะใภ้ใหญ่วิ่งไปรอบ ๆ ห้องอย่างตื่นเต้น “หว่านเอ๋อร์ เราทำความสะอาดในห้องกับในเรือนอีกรอบดีหรือไม่? วันพรุ่งต้องเตรียมอะไรไว้ต้อนรับแขกบ้าง? อีกอย่าง แม่คู่หมั้นต้องเตรียมอะไรให้เจ้าหรือ?”หลิงหว่านเห็นความตื่นเต้นของแม่ ดวงตาก็รื้นชื้นขึ้นมาทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ก่อนที่จะถึงวันนี้ นางมิคิดมิฝันเลยว่าจะได้แต่งงานกับเผยอวี้! และคิดมิถึงด้วยว่าการแต่งงานของตนจะกำหนดกันอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้!ท่านแม่มิพร้อม แล้วตนจะพร้อมได้เยี่ยงไรกัน! “พี่สุ่ยหลิง กลับไปบอกกับท่านพี่
ตอนที่หลิงอวี๋แจกโจ๊ก นางได้ยินสิ่งที่ฮูหยินเผยพูดกับหลิงหว่านด้วยหูของตนเอง นางจึงรู้ดีถึงความกังวลของหลิงหว่านหลิงอวี๋เอ่ยปลอบใจนาง “อย่ากลัวเลย หว่านเอ๋อร์ เจ้ามีพี่คอยสนับสนุนอยู่! หากผฮูหยินเผยปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี พี่ก็จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี!”“หากพวกเขากล้าทำให้เจ้าลำบาก ข้าจะหาคู่ครองใหม่ให้เจ้า! เรามิได้เจาะจงว่าต้องเป็นตระกูลเผย มิจำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับผลได้ผลเสียหรอก!”หลิงหว่านฝืนยิ้ม นางชอบเผยอวี้จริง ๆแต่ท่านพี่หลิงหลิงพูดถูก การแต่งงานเป็นเรื่องของการรักกันยาวนาน แม้ว่าตนจะรีบร้อนหมั้นหมาย แต่หากตระกูลเผยมิยินยอมเช่นนั้นตนก็มิสามารถบังคับได้ ไฉนตอนนี้ต้องคิดแค่จะเอาใจตระกูลเผยเล่า!ป้าสะใภ้ใหญ่ต้มชาแล้วให้เถาจื่อช่วยฆ่าไก่มาตุ๋นแต่รอจนถึงตอนอาหารกลางวัน ก็ยังไม่มีคนจากตระกูลเผยมาเยือนเลย“บางทีตระกูลเผยอาจกำลังเตรียมของสำหรับการหมั้น คงจะมาตอนเที่ยงกระมัง!”หลิงอวี๋เอ่ยปลอบใจ “พวกเรากินข้าวกันก่อนเถิด!”หลิงอวี๋ขยิบตาให้สุ่ยหลิง สุ่ยหลิงเข้าใจทันที แล้วเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ......หลิงเยี่ยนยังมิรู้อะไรทั้งนั้น นางกำลังรอหวางซือกลับมาที่จวนเสนาบดี
หวางซือเห็นฮองเฮาเว่ยจ้องมองตนเองด้วยความเกลียดชัง มีหรือจะเดาความคิดของฮองเฮาเว่ยมิออก นางจึงเอ่ยทันที“ฮองเฮา ลูกสาวอกตัญญูของหม่อมฉันมีลูกพี่ลูกน้องที่รักใคร่มากชื่อหลิงหว่าน นางเป็นลูกสาวของหลิงเสียงกังขุนนางต้องโทษเพคะ!”“หม่อมฉันได้ยินมาว่า องค์ชายเว่ยป่วยมาสองวันแล้ว เหตุใดท่านมิปล่อยให้หลิงหว่านไปรับใช้ เป็นอนุภรรยาในตำหนักองค์ชายเว่ยเล่าเพคะ?”หวางซือเอ่ยอย่างมีความหมาย “หลิงหว่านเข้าไปในตำหนักองค์ชายเว่ยแล้ว นางก็จะต้องเชื่อฟังคำของฮองเฮากับพระชายาเว่ย หากพวกท่านจะให้นางมีชีวิตอยู่ นางจะมีชีวิตอยู่...”ฮองเฮาเว่ยเข้าใจคำพูดของหวางซือทันที แล้วก็อารมณ์ดีขึ้นเลยนางสารเลวหลิงอวี๋ทำให้จ่างหนิงตาย ตนหงุดหงิดที่มิสามารถจับหลิงอวี๋มาจัดการได้ หากเอาตัวหลิงหว่านเข้าไปเป็นอนุภรรยาในตำหนักองค์ชายเว่ยได้ เช่นนั้นจะมิเป็นการตบหน้าหลิงอวี๋อย่างแรงหรือ?“หวางซือ หากเจ้าคิดเผื่อข้ากับองค์ชายเว่ยเช่นนี้ ข้าก็จะตอบแทนบุญเจ้า รอข้าเลือกวันก่อนเถิด แล้วข้าจะให้หลิงเยี่ยนเข้ามาเป็นชายารอง!”ฮองเฮาเว่ยนึกถึงเด็กในท้องของหลิงเยี่ยน สุดท้ายก็โล่งอกได้แล้ว“ขอบพระทัยฮองเฮาเพคะ!”ในที่สุดหว
ตระกูลเผยฮูหยินเผยได้จ้างแม่สื่อและเตรียมของในการสู่ขอแล้ว แต่นางยังคงมิเต็มใจนักอนาคตอันสดใสของลูกชายตนจะต้องมาเดิมพันกับเซียวหลินเทียนเช่นนั้นหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ผู้นั้นก็เคยถูกเซียวหลินเทียนเกลียดมาก่อน หลิงหว่านก็เป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องของหลิงอวี๋เท่านั้น เซียวหลินเทียนจะสนับสนุนเผยอวี้เพื่อเห็นแก่หลิงอวี๋กระนั้นหรือ?“ท่านแม่ ยังมิไปหรือ?”เผยเหลียนมาที่ในเรือนของฮูหยินเผย เห็นว่าผู้คนจำนวนมากกำลังรอฮูหยินเผยอยู่ แต่ฮูหยินเผยไม่มีทีท่าจะออกไปเลย จึงเดินเข้าไปถาม“เหลียนเอ๋อร์ แม่ยังมิเต็มใจเลย!”เมื่อฮูหยินเผยเห็นเผยเหลียนก็บ่นออกมา “หากเราไปสู่ขอจริง ๆ ก็จะไม่มีทางให้ย้อนกลับแล้ว! แม่ต้องให้สตรีเลวร้ายเยี่ยงหลิงหว่านเข้ามาจริง ๆ หรือ?”“แม่มีอวี้เอ๋อร์เป็นลูกชายเพียงคนเดียว! จะยอมให้ลูกชายแต่งงานกับบุตรีของขุนนางต้องโทษได้เยี่ยงไร!”เผยเหลียนเองก็มิค่อยเต็มใจให้พี่ชายของนางแต่งงานกับหลิงหว่านนัก ครั้นได้ฟังคำพูดของแม่ นางก็กลอกตาแล้วเอ่ยเบา ๆ“ท่านแม่ ข้ามีความคิดหนึ่ง ท่านแม่ลองดูว่าจะใช้ได้หรือไม่?”“เผยฮ่าวเองก็เป็นลูกชายของท่านพ่อมิใช่หรือ? เขาเอ
แม่สื่อกับฮูหยินเผยได้รับการต้อนรับเข้าบ้านอย่างเป็นมิตรจากป้าสะใภ้ใหญ่ จากนั้นเถาจื่อกับสุ่ยหลิงก็รีบยกชามาให้ฮูหยินเผยนั่งลงแล้วขยิบตาให้แม่สื่อ แม่สื่อเข้าใจทันที พลางเอ่ยอย่างใจร้อน“พระชายาอ๋องอี้ ฮูหยินหลิง วันนี้ข้าเป็นตัวแทนของตระกูลเผยมาทำการสู่ขอ ถือเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับตระกูลเผยกับตระกูลหลิงที่จะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน!”“หากฮูหยินหลิงมิคัดค้านอันใด ก็แลกเปลี่ยนชะตาของคุณหนูหลิงมาด้วยเถิด ข้าจะนำไปมอบให้ปรมาจารย์ผูกดวงให้ จะได้เลือกวันหมั้นหมายได้โดยเร็วที่สุด!”ใจของป้าสะใภ้ใหญ่ขอแค่อยากให้หลิงหว่านหนีจากเงื้อมมือของตำหนักองค์ชายเว่ยได้เท่านั้น นางจึงได้เตรียมชะตาของหลิงหว่านไว้แล้ว หลังจากได้ยินสิ่งนี้ นางก็หยิบชะตาของหลิงหว่านออกมามอบให้กับแม่สื่ออย่างมีความสุขฮูหยินเผยยิ้มเล็กน้อย แล้วเอ่ยกับป้าสะใภ้ใหญ่ “ผู้ใหญ่ในตระกูลบอกว่า เราควรหมั้นหมายกันไว้ก่อน รอให้เตรียมเรือนหอเสร็จแล้วค่อยจัดงานแต่งงาน! ฮูหยินหลิง สินสอดควรจะให้เท่าใดจึงจะเหมาะสมหรือ?”ป้าสะใภ้ใหญ่ตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองไปที่หลิงอวี๋หลิงอวี๋เองก็มิเข้าใจเรื่องพวกนี้เช่นกัน นางจึงมองไปที่
ฮูหยินเผยมองไปทางป้าสะใภ้ใหญ่แล้วเอ่ย “ฮูหยินหลิง ท่านเองก็มีลูกชายเช่นกัน น่าจะรู้ถึงจิตใจของคนเป็นพ่อแม่!”“โธ่ เผยฮ่าวของข้าก็มิได้มีแผนที่จะแต่งงานในขณะนี้ หากเรื่องมิเร่งด่วน อวี้เอ๋อร์คงมิเกิดคิดที่จะช่วยท่านอ๋องอี้เช่นนี้หรอก…”ป้าสะใภ้ใหญ่เข้าใจแล้ว นางโกรธจนตัวสั่น ฮูหยินเผยพูดราวกับว่าตอนนี้หลิงหว่านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเลือกลูกนอกสมรสผู้นี้แล้ว!หลิงอวี๋ก็เข้าใจเช่นกัน พูดไปพูดมา ฮูหยินเผยก็มิต้องการให้หลิงหว่านแต่งงานกับเผยอวี้ แต่นางมิต้องการทำให้เซียวหลินเทียนขุ่นเคือง จึงทำเรื่องหน้าไหว้หลังหลอกเช่นนี้!ก่อนที่หลิงอวี๋จะทันได้เอ่ยอะไร ฮูหยินเผยก็เอ่ยขึ้นมาอย่างมีความหมายเสียก่อน “พระชายาอ๋องอี้ ตอนนี้เรื่องการแต่งงานครั้งนี้คงจะแพร่กระจายออกไปแล้ว เรามาทำให้มันเกิดขึ้นเพื่อพวกเขากันเถิด!”“ท่านมิต้องกังวล เผยฮ่าวก็ถือว่าเป็นลูกชายของข้าเช่นกัน ต่อไปหลิงหว่านเข้ามา ข้าก็จะปฏิบัติต่อนางอย่างดี!”หลิงอวี๋โกรธจนหน้าเขียว เมื่อนึกถึงเพื่อนบ้านพากันมามุงดูความคึกคักถึงหน้าบ้านเมื่อครู่ คงจะมีคนพูดออกไปแล้วว่ามีคนมาสู่ขอหลิงหว่านในวันนี้ฮูหยินเผยจงใจกระทำการยิ่งใหญ่เช
ครั้งที่แล้วฮูหยินเผยคุยกับหลิงหว่านตอนที่แจกโจ๊ก เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่มีความนับถือตนเองสูงมาก ในตอนนั้นหลิงหว่านยังสาบานที่จะมิแต่งงานกับเผยอวี้ด้วย แต่หลิงอวี๋มาขวางไว้ฮูหยินเผยอยากบังคับให้หลิงหว่านออกมา บังคับให้หลิงหว่านประกาศต่อทุกคนว่านางจะมิแต่งงานกับเผยอวี้!เช่นนี้แล้ว ตนจะอธิบายให้ลูกชายกับสามีเข้าใจได้ง่าย...นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของหลิงหว่าน ป้าสะใภ้ใหญ่ก็มิกล้าตัดสินใจโดยพลการหลิงอวี๋เองก็จนใจ ฮูหยินเผยบอกแล้วว่าตนไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องใหญ่ที่สำคัญในชีวิตให้หลิงหว่านได้ หากหลิงหว่านเต็มใจ นางจะว่าเยี่ยงไรได้อีกเล่า!“หว่านเอ๋อร์...”ป้าสะใภ้ใหญ่เดินไปที่ห้อง แล้วเรียกหลิงหว่านออกมาหลิงอวี๋มองไปทางหลิงหว่านอย่างกังวล แม้ว่าหลิงหว่านจะเช็ดน้ำตาออกไปแล้วแต่ดวงตาของนางก็ยังแดงอยู่เล็กน้อยหลิงอวี๋เอ่ยอย่างเด็ดขาด “หว่านเอ๋อร์ มิว่าเจ้าจะตัดสินใจอย่างไร พี่ก็จะสนับสนุนเจ้า! เจ้ามิต้องกลัว หากเจ้าปฏิเสธตระกูลเผย พี่ก็ช่วยให้เจ้าหลุดพ้นจากคนผู้นั้นได้ ..”ฮูหยินเผยเหลือบมองหลิงอวี๋แล้วเอ่ยด้วยท่าทีร้าย ๆ “คุณหนูหลิง เจ้าอย่าถูกคนอื่นยุยง
“ข้า… ข้า… ข้าทำได้!”เฉาอี้เอ่ยอย่างตะกุกตะกักหลิงหว่านยิ้มทันทีแล้ววิ่งเข้าไปลากแขนของเฉาอี้ “พี่เฉา มาเถิด ไปพบแม่ของข้า...”แม้ว่าป้าสะใภ้ใหญ่จะได้ยินหลิงอวี๋บอกไว้แล้วว่ายังมีตัวเลือกผู้นี้อยู่ แต่นางได้เจอเฉาอี้อย่างกะทันหัน มิได้เตรียมตัวเลยแม้แต่น้อย“ท่านพี่เฉา เช่นนั้นวันนี้เรามาหมั้นกันเถิด! เมื่อเราหมั้นกันแล้ว ท่านแม่ของข้าก็จะเป็นท่านแม่ของท่านพี่ ท่านแม่ของข้าทำอาหารอร่อย ๆ ได้ตั้งมากมายเลย ต่อไปท่านพี่ก็จะได้กินอาหารอร่อย ๆ ตลอดแล้ว…”“ท่านแม่...” เฉาอี้โพล่งออกมาอย่างโง่เขลาทันใดนั้นสีหน้าของเผยอวี้ก็มืดมนลง เขาพุ่งเข้าไปดึงเฉาอี้ออกแล้วด่าด้วยใบหน้าบึ้งตึง “เฉาอี้ อย่ามาแย่งภรรยาของข้า! เจ้าไปเสีย...ไปให้พ้นทางเลย! “เฉาอี้ถูกเขาผลักออกไปด้านข้าง แต่เขาก็ยังเข้ามาอย่างมิยอมแพ้แล้วยิ้มพลางเอ่ย“ข้าเรียกนางว่าท่านแม่แล้ว… ท่านแม่ เลือกข้าเป็นลูกเขยเถิด! ข้าจะปฏิบัติต่อหลิงหว่านอย่างดีแน่นอน!”“เฉาอี้ เจ้าอยากสู้กับข้ารึ?”เผยอวี้กังวล แล้วผลักเฉาอี้ “หากเจ้ามิถอยไป ก็มาคุยกันด้วยหมัด!”หลิงหว่านมิพอใจ นางมองเผยอวี้ด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว “แม่ทัพเผย นี่คือบ้านข
ต่งเฉิงมองหลิงอวี๋พลางพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบเคราของตัวเองว่า “สาวน้อยนางนี้รู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมายเช่นนี้นับว่าหายาก!”เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มิใช่สมุนไพรธรรมดาทั้งหมด นอกจากเครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นโอสถระดับต้นแล้ว ยังมีระดับกลางและระดับสูงจำนวนเล็กน้อยอีกด้วยโดยทั่วไป ผู้เข้าสอบที่ตอบได้เจ็ดสิบถึงแปดสิบชนิดก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ทว่าหลิงอวี๋สามารถตอบได้มากกว่าหนึ่งร้อยชนิด ถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงเลยทีเดียวเพิ่งเข้ามาก็ทำคะแนนได้ดีถึงเพียงนี้ หากนางได้เรียนอย่างเป็นระบบก็คงแซงหน้าบัณฑิตคนอื่นได้ในมิช้า“ตึง ตึง ตึง!”เมื่อเสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง การสอบแข่งขันของกลุ่มนี้ก็สิ้นสุดลง“หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคะแนน!”กลองหยุดลงแล้ว และบนใบหน้าของศิษย์พี่หญิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรก นางหยิบป้ายส่งให้หลิงอวี๋พร้อมรอยยิ้ม“การสอบแข่งขันรอบต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงบ่าย! ความสามารถในการจำแนกเครื่องยาสมุนไพรของเจ้าดีที่สุดในรอบนี้ ทำให้ดีล่ะ!”“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง!”หลิงอวี๋รับป้ายมาด้วยความตื่นเต้น พลางหันไปดูผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่กำลังมองนางด้
เป็นไปตามคาด หลิงอวี๋เห็นใบหน้าที่งดงามทว่าโหดร้ายนั้น และนั่นก็คือศัตรูที่นางมิอาจลืมเลือน...จ้าวหรุ่ยหรุ่ย!ชั่วขณะนั้นดวงตาของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางนึกอยากจะรุดเข้าไปฉีกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นชิ้น ๆ เพียงหลับตา นางก็มิอาจควบคุมตนมิให้นึกถึงฉากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเตะต่อยตนความเจ็บปวดและเลือดสด ๆ อีกทั้งความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกไปทำให้หลิงอวี๋มิอาจลืมความเกลียดชังที่ตนมีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้เลย!คาดมิถึงว่าศัตรูจะปรากฏตัวต่อหน้าตนเช่นนี้!หลิงอวี๋ตื่นตัวมากจนร่างกายสั่นเทา แต่นางก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้นางมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การวู่วามลงมือมีแต่จะเป็นการรนหาที่ตายเท่านั้นหลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึกพลางมองเด็กสาวที่ประกาศสงครามกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเด็กสาวคนนี้ดูอายุราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปี มีรูปร่างสูง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และดวงตาแวววาวสดใสผมสีดำสนิทของนางถูกแสกกลางและถักเป็นเปียยาวสองข้างพันไว้รอบมวยผม ข้าง ๆ มวยผมนั้นมีปิ่นมุกปักประดับอยู่สองอันเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วงควันธูป และเมื่อดูจากเนื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นค
ข่าวที่สือหรงนำมาให้เซียวหลินเทียนมิใช่ข่าวดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงอยู่ในตำหนักเทียนจีและมิได้มาลงทะเบียนด้วยตนเองหากอยากพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ทำได้แค่ต้องรอจนถึงวันคัดเลือกรอบแรกเท่านั้นแต่เซียวหลินเทียนก็มิย่อท้อ ถึงอย่างไรขอเพียงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยปรากฏตัว เขาก็จะไม่มีทางปล่อยนางหนีไปอีกแน่ ให้นางเป็นอิสระอีกสักสองสามวันก็คงมิเป็นไร!ในช่วงวันเวลาที่เหลือ หลายคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเช่นเดียวกับหลิงอวี๋ พวกเขาอ่านตำราอย่างหนักและเพิ่มพูนความรู้ที่ขาดไป เพื่อที่จะผ่านการคัดเลือกและได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงทว่าหลิงอวี๋มิรู้เลยว่าศัตรูของตนมาถึงเมืองหลวงแดนเทพแล้ว หลังจากเอาแต่ปิดห้องอ่านตำราเป็นเวลาหลายวันนางก็มาที่สำนักศึกษาชิงหลงที่อยู่นอกเมืองในวันแห่งการคัดเลือก โดยมีผู้รอบรู้เรื่องร่วมเดินทางด้วยหน้าทางเข้าสำนักศึกษาชิงหลงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบุรุษและสตรี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันนับพันคนผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็ทึ่งจนพูดมิออก และอ้ำอึ้งพูดออกไปว่า “รู้เช่นนี้ข้าน่าจะมาลงทะเบียนเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงกับเจ้าด้วย เฮ้อ ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้ม นางรู้ว่าผู้รอบร
“เถาจื่อ หานอวี้ วันพรุ่งพวกเจ้าไปลงทะเบียนเสีย!”เซียวหลินเทียนทำการตัดสินใจและกำชับว่า “ลงทะเบียนในชื่อของน้องสาวข้า!”“เผยอวี้ ฉินซาน พวกเจ้าสองคนก็ไปลงทะเบียนสาขาที่ตนเองชื่นชอบด้วย พวกเจ้าทั้งคู่บอกแค่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็พอ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทุกคนก็หัวเราะอย่างมีความสุข พลางพยักหน้าและจัดลำดับอาวุโสกันให้เซียวหลินเทียนเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน เถาจื่อเป็นพี่หญิงใหญ่ หานเหมยเป็นพี่น้องคนที่สาม และหานอวี้เป็นคนที่สี่เซียวหลินเทียนได้บอกจุดประสงค์ของภารกิจให้พวกเขาทราบแล้ว เถาจื่อกับหานอวี้ต้องให้ความสำคัญกับฝั่งของสตรีวันรุ่งขึ้น เถาจื่อและหานอวี้ไปลงทะเบียน และทั้งคู่ก็เลือกวิชาปรุงโอสถเนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนางเคยตามหลิงอวี๋ไปจำแนกเครื่องยาสมุนไพรหลายชนิด ในความคิดของพวกนาง การกลั่นโอสถเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการผ่านการประเมินมีชั้นเรียนที่สอนการกลั่นโอสถเพียงสองแห่งเท่านั้น ดังนั้นเถาจื่อและหานอวี้จึงต้องลงทะเบียนเรียนคนละชั้นเรียนและเถาจื่อก็ได้ลงทะเบียนเรียนชั้นเรียนของหอโอสถซ่างกู่เซียวหลินเทียน เผยอวี้และคนอื่น ๆ ก็ไปลงทะเบียนด้วยเซียวหลินเทียนลงทะ
เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย
หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ
หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“
เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี
หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห