“อาอวี๋!”เซียวหลินเทียนดึงหลิงอวี๋ให้นั่งลงแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ข้า... ข้าต้องแต่งชายารอง!”หา!หลิงอวี๋สะบัดมือของเซียวหลินเทียนโดยสัญชาตญาณ หัวใจบีบแน่นอย่างประหลาด“เซี่ยโฮ่วตานรั่วหรือเพคะ? เช่นนั้นก็ยินดีด้วย!”“มิใช่... เจ้าอย่าโกรธเลย! ข้า... ข้าปฏิเสธไปแล้ว!” เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “เจ้าคงมิคาดคิดเช่นกันว่าฮองเฮาเว่ยมอบใครให้ข้า!”“ใครหรือเพคะ?”หลิงอวี๋เอ่ยเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “คนที่ฮองเฮาเว่ยเลือกนั้นย่อมงดงาม มีน้ำใจ และเป็นสตรีจากตระกูลที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ท่านยังมีสิ่งใดมิพอใจอีกหรือ?”“ฉินรั่วซือ!” เซียวหลินเทียนเอ่ยชื่อออกมาทีละคำอย่างช้า ๆ“ฮองเฮาเว่ยบอกว่า ฉินซานสูญเสียแขนไปเพราะเซียวทง แม้ว่านี่จะเป็นความรับผิดชอบของเขา แต่ตระกูลฉินก็เต็มไปด้วยความภักดีและทำอะไรเพื่อฉินตะวันตกมามิน้อย!”“ดังนั้น เพื่อเป็นการชดเชยให้ตระกูลฉินในนามของราชวงศ์ ฉินซานทำงานอยู่ภายใต้ข้า การแต่งงานกับน้องสาวของเขาในฐานะชายารอง จะยิ่งทำให้ฉินซานทำงานเพื่อข้าหนักขึ้นอีก!”“เสด็จพ่อเองก็เห็นด้วยเช่นกัน ทั้งยังบอกด้วยว่า ในตำหนักอ๋องอี้นั้นมีคนอยู่น้อย ฉินรั่
เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างอดทน “เมื่อคืนนี้เสด็จพ่อเรียกประชุมคณะขุนนาง และมีการตกลงที่จะจัดการแข่งขันทางทหารสี่แคว้นในเมืองหลวงในหนึ่งเดือนข้างหน้า!”“เช่นนั้นเกี่ยวอะไรกับที่ท่านจะแต่งชายารองเพคะ” หลิงอวี๋ยิ้มเย็นชาเซียวหลินเทียนใช้มือลูบหัวของหลิงอวี๋แล้วยิ้มพลางเอ่ย“เด็กโง่ เจ้าโกรธจนสับสนแล้ว คิดให้ดีสิว่า หลังการแข่งขันทางทหารสี่แคว้นมันหมายความว่าอย่างไร! ข้ามิเชื่อว่าความฉลาดของเจ้าจะคิดมิออก!”หลิงอวี๋ตีมือของเซียวหลินเทียนด้วยความโกรธ จากนั้นจึงสงบสติอารมณ์ครุ่นคิดเรื่องนี้การแข่งขันทางทหารในสมัยใหม่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแต่ละประเทศ ในสมัยโบราณก็เช่นเดียวกัน ใครจะอยู่ว่าง ๆ แล้วมาแข่งขันเช่นนี้เล่า?เมื่อนึกถึงทูตเยวี่ยใต้กับฉีตะวันออกที่ตอนนี้มาอยู่ที่เมืองหลวงเพื่อรอการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ทันใดนั้นหลิงอวี๋ก็คิดออก“เสด็จพ่อตกลงที่จะจัดการแข่งขันทางทหารสี่แคว้น เสด็จพ่อมิอยากแพ้ให้กับอีกสามแคว้น! หากผู้จัดงานแพ้เสียเอง อย่าว่าแต่เสียหน้าเลย มันจะทำให้อีกสามแคว้นคอยเพ่งเล็งด้วย!”“ข้ารู้ว่าเจ้าฉลาด ต้องเข้าใจได้รวดเร็วแน่นอน!”เซียวหลินเทียนอยากเอื้อม
“เรื่องอันใด?”เซียวหลินเทียนเองก็เขินอายมิกล้ามองหลิงอวี๋ และนั่งลงตรงข้ามนางหลิงอวี๋เล่าเรื่องที่กู่ซุ่ยได้ยินมาให้เขาฟัง สุดท้ายก็เอ่ยใบหน้าขมขื่น “ท่านก็รู้เรื่องความแค้นของตระกูลเรากับครอบครัวองค์ชายเว่ย หากหว่านเอ๋อร์ถูกบังคับให้แต่งงานไปเป็นภรรยาน้อยในตำหนักองค์ชายเว่ยจริง ๆ หม่อมฉันพนันได้เลยว่า ในหนึ่งเดือนนางจะต้องถูกพระชายาเว่ยสังหารเป็นแน่!”เซียวหลินเทียนตกใจเล็กน้อย เหตุใดหลิงเยี่ยนจึงมีความคิดเลวร้ายเช่นนี้ได้กัน?“เซียวหลินเทียน ตอนนี้หลิงหว่านก็มิสามารถหนีได้ หากนางหนีไป ป้าสะใภ้ใหญ่ของหม่อมฉันต้องทุกข์ทรมาน! หม่อมฉันทำได้เพียงพูดเรื่องแต่งงานกับหลิงหว่านโดยเร็วที่สุดเท่านั้น!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างร้อนใจ “เดิมทีหม่อมฉันคิดว่าจะให้หลิงหว่านแกล้งป่วย แต่กังวลว่าวิธีนี้จะมิได้ผล! ฮองเฮาเว่ยจะต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อพิสูจน์ว่าหลิงหว่านกำลังหลอกลวงองค์จักรพรรดิอย่างแน่นอนเพคะ!”เซียวหลินเทียนปวดหัวมาก เขาคิดพลางเอ่ย “เช่นนั้นเจ้าก็เลือกคนที่คู่ควรกับหลิงหว่านในหมู่สหายกับองครักษ์ของข้าดีหรือไม่ ข้ารับประกันได้ว่าคนของข้าจะปฏิบัติต่อหลิงหว่านอย่างดี!”หลิงอวี๋ยิ้มข
วันรุ่งขึ้นหลิงอวี๋กำลังนึกถึงเรื่องของหลิงหว่าน นางลุกขึ้นไปกินอาหารเช้า จากนั้นจึงพาหลิงเยวี่ยกับเถาจื่อไปที่บ้านป้าสะใภ้ใหญ่ป้าสะใภ้ใหญ่กำลังพาเสี่ยวเยี่ยนจื่อทำงานอยู่ในเรือน เมื่อนางเห็นหลิงอวี๋พาหลิงเยวี่ยมา ก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม“เยวี่ยเยวี่ยหลานรัก เจ้ามาแล้วหรือ! คิดถึงยายหรือไม่?”หลิงเยวี่ยเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “คิดถึงขอรับ คิดถึงพี่เยี่ยนจื่อด้วยขอรับ!”เสี่ยวเยี่ยนจื่อยิ้มแล้ววิ่งไปจับมือหลิงเยวี่ย “น้องเยวี่ยเยวี่ย ข้าชอบกระต่ายน้อยที่เจ้าให้ข้ามาครั้งที่แล้วมาก ข้าจะพาเจ้าไปดู มันโตขึ้นมากเลย!”หลิงเยวี่ยตามเสี่ยวเยี่ยนจื่อไปดูกระต่ายน้อยอย่างตื่นเต้นหลิงอวี๋มิเห็นหลิงหว่าน จึงเอ่ยถาม “ป้าสะใภ้ใหญ่ หว่านเอ๋อร์เล่า?”“นางหรือ ออกไปจ่ายตลาดตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว บอกว่าหลังช่วยข้าจ่ายตลาดแล้ว นางต้องไปดูที่ตั้งโรงงาน นางบอกว่านางพบสถานที่ที่ดีที่จะสร้างโรงงาน และกำลังเจรจาราคากับพวกเขาอยู่!”ขณะที่ป้าสะใภ้ใหญ่กำลังพูดอยู่นั้น หลิงหว่านก็เข้ามาพร้อมกับถือตะกร้าผักใบใหญ่มาด้วยเถาจื่อกับสุ่ยหลิงรีบไปช่วยนาง หลิงหว่านเห็นหลิงอวี๋ก็ยิ้มแล้วเอ่ย “ท่านพี่หลิงหลิง ท่านพี
ป้าสะใภ้ใหญ่รีบเช็ดน้ำตาแล้วเอ่ยกับหลิงอวี๋อย่างอ้อนวอน “อาอวี๋ เจ้าฉลาดถึงเพียงนั้น เจ้าช่วยน้องสาวคิดหน่อยเถิด!”“หว่านเอ๋อร์จะต้องมิเป็นภรรยาน้อยขององค์ชายเว่ยเด็ดขาด! เช่นนั้นท่านปู่กับท่านลุงของเจ้าจะต้องโกรธแย่แน่!”“ป้าสะใภ้ใหญ่มิต้องกังวล อย่าว่าหว่านเอ๋อร์มิยอมเลย แม้แต่ข้าเองก็จะมิยอมให้หว่านเอ๋อร์ไปเป็นภรรยาน้อยเด็ดขาด!”หลิงอวี๋ปลอบใจทั้งสองคน “หลิงเยี่ยนยังมิได้บอกฮองเฮาเว่ยเรื่องความคิดนี้ ดังนั้นเราต้องชิงให้หลิงหว่านหมั้นหมายก่อนที่นางจะเอ่ยปาก เพื่อสกัดความคิดของฮองเฮาเว่ยออกไป!”ป้าสะใภ้ใหญ่เอ่ยอย่างกังวล “แต่ในเวลานี้ จะไปหาใครที่ไหนมาหมั้นกับหลิงหว่านได้เล่า?”หลิงอวี๋จับมือของหลิงหว่านแล้วเอ่ยอย่างจนใจ “ข้าคิดสามวิธีไว้ให้เจ้า วิธีแรกคือการหมั้นหมายกับเฉาอี้องครักษ์ของเซียวหลินเทียน!”“เฉาอี้เป็นคนตรงไปตรงมาและมีความภักดีต่อเซียวหลินเทียนมาก หากเจ้ามิอยากแต่งงานกับเขา เจ้าหมั้นไว้ก่อนก็ได้!”“หลังจากผ่านตรงนี้ไป ก็หาข้ออ้างที่จะมิแต่งงานชั่วคราวได้ แล้วหลังจากผ่านไปสองสามปี หาข้ออ้างยุติการหมั้นไปเสีย!”ป้าสะใภ้ใหญ่ขมวดคิ้ว “นี่… จะมิส่งผลกระทบต่อชื่อเส
นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนเป็นพ่อสื่อให้ใคร หลังจากเลิกงานเขาก็ลากเผยอวี้ไปดื่มชาที่โรงน้ำชา แต่จะเอ่ยปากอยู่หลายครั้งก็พูดมิออกเสียทีเผยอวี้มองเซียวหลินเทียนอย่างแปลกใจแล้วยิ้มหยอกล้อพลางเอ่ย “นี่ท่านจะทำอะไร? อยากพูดสิ่งใดก็พูดมาเถิด!”“ระหว่างเราสองพี่น้อง ยังมีอะไรที่พูดต่อกันมิได้อีกหรือ?”เซียวหลินเทียนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยแล้วพูดออกไป “เจ้าคิดว่าหลิงหว่านเป็นอย่างไรบ้าง?”“นางก็ดี! นางมีความสามารถแล้วก็มิอ่อนแอ เป็นสตรีที่ดีทีเดียว!” เผยอวี้เอ่ยอย่างสบาย ๆเซียวหลินเทียนยิ้มขมขื่นพลางเอ่ย “หลิงหว่านเป็นคนดี อาอวี๋ชอบนางมาก! แต่ในมิช้านี้นางจะเดือดร้อนมาก ๆ หากทำมิดีก็อาจตายได้!”เผยอวี้ขมวดคิ้วทันที “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ? ต้องการความช่วยเหลือจากกระหม่อมหรือไม่?”เซียวหลินเทียนเล่าให้เผยอวี้ฟังถึงสิ่งที่หลิงอวี๋ไปสืบมาจากหลิงเยี่ยน แล้วสุดท้ายก็เอ่ยออกมา“หากฮองเฮาเว่ยทำตามที่หลิงเยี่ยนบอกจริง ๆ แล้วบังคับให้หลิงหว่านเป็นภรรยาน้อยขององค์ชายเว่ย เช่นนั้นหากเพียงหลิงหว่านเข้าตำหนักนางจะต้องสิ้นชีพในมิช้าเป็นแน่!”“ให้ตายสิ… นี่มันจะรังแกกันมากเกินไ
เผยอวี้ปวดหัวขึ้นมาทันที เขารู้ว่าเซียวหลินเทียนมิได้ล้อเล่นกับตน สิ่งที่เขาพูดทุกอย่างเกิดขึ้นได้จริงทั้งหมด“กระหม่อม… กระหม่อมต้องบอกพ่อแม่ของกระหม่อม! เช่นนั้นกระหม่อมจะบอกท่านในคืนนี้แน่นอน!”เพราะว่าเรื่องใหญ่อย่างการแต่งงานพ่อแม่คือผู้ที่ตัดสินใจ หากมิบอกพ่อแม่ตระกูลเผยก็คงจะมิถูกต้อง!เซียวหลินเทียนพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะรอข่าวจากเจ้า!”เผยอวี้พยักหน้า แล้วรีบตรงกลับบ้านทันทีฮูหยินเผย ใต้เท้าเผย และฮูหยินผู้เฒ่าเผยกำลังกินอาหารกันอยู่ เมื่อเห็นเผยอวี้รีบร้อนเข้ามา ฮูหยินเผยจึงรีบให้คนรับใช้ไปเอาชามกับตะเกียบมาให้เผยอวี้ทันทีเผยอวี้มีเรื่องอยู่ในใจ จึงกินเข้าไปเล็กน้อยก็ให้คนรับใช้เก็บไปแล้วใต้เท้าเผยคิดว่าลูกชายของเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ จึงวางตะเกียบแล้วเอ่ยถาม “องค์จักรพรรดิให้เจ้าออกไปเฝ้าด่านชายแดนใช่หรือไม่?”“ยังมิได้รับการแจ้งเลย! ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านย่า ข้ามีเรื่องจะหารือกับพวกท่าน!”เผยอวี้เห็นว่าเผยเหลียนน้องสาวของเขาอยู่ด้วย จึงเอ่ย “เหลียนเอ๋อร์ เจ้าออกไปข้างนอกสักครู่เถิด!”เผยเหลียนเอ่ยอย่างมิพอใจ “ท่านพี่ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันมิใช่หรือ? ที
ใต้เท้าเผยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเผยอวี้เอ่ยอย่างกังวลใจ “ท่านแม่ หลิงหว่านมีบิดาที่ถูกถอดออกจากตำแหน่งขุนนาง แต่เรื่องอื่นก็ไม่มีอะไรด้อยไปกว่าสตรีอื่นเลย ท่านตอบตกลงเถิด!”“ข้ากล้ารับประกันได้เลยว่า หลิงหว่านเข้ามาจะต้องให้ความเคารพกตัญญูพวกท่านอย่างแน่นอน!”ฮูหยินเผยยิ้มเยาะพลางเอ่ย “ข้าอยากให้นางกตัญญูกับข้ารึ? แต่งงานกับใครเข้ามาก็จะต้องกตัญญูต่อพวกเราทั้งนั้น!”“มีบุตรีของขุนนางต้องโทษอยู่ในบ้าน เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าชีวิตภายหน้าจะเป็นเยี่ยงไร? ไม่มีใครชวนเราไปงานเลี้ยงหรอก… ทั้งยังต้องถูกพูดถึงต่าง ๆ นานาอีก!”“น้องสาวเจ้าจะถึงวัยพูดเรื่องแต่งงานปีหน้านี้แล้ว มีลูกสะใภ้เช่นนี้ แล้วตระกูลไหนจะยอมพูดเรื่องแต่งงานกับเราเล่า?”“อวี้เอ๋อร์ หากเจ้ามิคิดถึงครอบครัว เจ้าก็ควรคิดถึงน้องสาวของเจ้าบ้าง!”ฮูหยินผู้เฒ่าเผยพยักหน้าเล็กน้อยแล้วมองไปทางเผยเหลียน “เหลียนเอ๋อร์ เจ้าก็กลัวว่าการมีพี่สะใภ้เช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อการแต่งงานของเจ้าหรือ?”เผยเหลียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ท่านย่า ในแวดวงของหลิงหว่านไม่มีใครที่ยินดีจะคบค้าสมาคมกับนางเลย! ข้า... ข้ามิอยากมีพี่สะใภ้เช่
ต่งเฉิงมองหลิงอวี๋พลางพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบเคราของตัวเองว่า “สาวน้อยนางนี้รู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมายเช่นนี้นับว่าหายาก!”เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มิใช่สมุนไพรธรรมดาทั้งหมด นอกจากเครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นโอสถระดับต้นแล้ว ยังมีระดับกลางและระดับสูงจำนวนเล็กน้อยอีกด้วยโดยทั่วไป ผู้เข้าสอบที่ตอบได้เจ็ดสิบถึงแปดสิบชนิดก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ทว่าหลิงอวี๋สามารถตอบได้มากกว่าหนึ่งร้อยชนิด ถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงเลยทีเดียวเพิ่งเข้ามาก็ทำคะแนนได้ดีถึงเพียงนี้ หากนางได้เรียนอย่างเป็นระบบก็คงแซงหน้าบัณฑิตคนอื่นได้ในมิช้า“ตึง ตึง ตึง!”เมื่อเสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง การสอบแข่งขันของกลุ่มนี้ก็สิ้นสุดลง“หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคะแนน!”กลองหยุดลงแล้ว และบนใบหน้าของศิษย์พี่หญิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรก นางหยิบป้ายส่งให้หลิงอวี๋พร้อมรอยยิ้ม“การสอบแข่งขันรอบต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงบ่าย! ความสามารถในการจำแนกเครื่องยาสมุนไพรของเจ้าดีที่สุดในรอบนี้ ทำให้ดีล่ะ!”“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง!”หลิงอวี๋รับป้ายมาด้วยความตื่นเต้น พลางหันไปดูผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่กำลังมองนางด้
เป็นไปตามคาด หลิงอวี๋เห็นใบหน้าที่งดงามทว่าโหดร้ายนั้น และนั่นก็คือศัตรูที่นางมิอาจลืมเลือน...จ้าวหรุ่ยหรุ่ย!ชั่วขณะนั้นดวงตาของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางนึกอยากจะรุดเข้าไปฉีกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นชิ้น ๆ เพียงหลับตา นางก็มิอาจควบคุมตนมิให้นึกถึงฉากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเตะต่อยตนความเจ็บปวดและเลือดสด ๆ อีกทั้งความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกไปทำให้หลิงอวี๋มิอาจลืมความเกลียดชังที่ตนมีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้เลย!คาดมิถึงว่าศัตรูจะปรากฏตัวต่อหน้าตนเช่นนี้!หลิงอวี๋ตื่นตัวมากจนร่างกายสั่นเทา แต่นางก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้นางมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การวู่วามลงมือมีแต่จะเป็นการรนหาที่ตายเท่านั้นหลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึกพลางมองเด็กสาวที่ประกาศสงครามกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเด็กสาวคนนี้ดูอายุราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปี มีรูปร่างสูง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และดวงตาแวววาวสดใสผมสีดำสนิทของนางถูกแสกกลางและถักเป็นเปียยาวสองข้างพันไว้รอบมวยผม ข้าง ๆ มวยผมนั้นมีปิ่นมุกปักประดับอยู่สองอันเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วงควันธูป และเมื่อดูจากเนื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นค
ข่าวที่สือหรงนำมาให้เซียวหลินเทียนมิใช่ข่าวดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงอยู่ในตำหนักเทียนจีและมิได้มาลงทะเบียนด้วยตนเองหากอยากพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ทำได้แค่ต้องรอจนถึงวันคัดเลือกรอบแรกเท่านั้นแต่เซียวหลินเทียนก็มิย่อท้อ ถึงอย่างไรขอเพียงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยปรากฏตัว เขาก็จะไม่มีทางปล่อยนางหนีไปอีกแน่ ให้นางเป็นอิสระอีกสักสองสามวันก็คงมิเป็นไร!ในช่วงวันเวลาที่เหลือ หลายคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเช่นเดียวกับหลิงอวี๋ พวกเขาอ่านตำราอย่างหนักและเพิ่มพูนความรู้ที่ขาดไป เพื่อที่จะผ่านการคัดเลือกและได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงทว่าหลิงอวี๋มิรู้เลยว่าศัตรูของตนมาถึงเมืองหลวงแดนเทพแล้ว หลังจากเอาแต่ปิดห้องอ่านตำราเป็นเวลาหลายวันนางก็มาที่สำนักศึกษาชิงหลงที่อยู่นอกเมืองในวันแห่งการคัดเลือก โดยมีผู้รอบรู้เรื่องร่วมเดินทางด้วยหน้าทางเข้าสำนักศึกษาชิงหลงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบุรุษและสตรี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันนับพันคนผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็ทึ่งจนพูดมิออก และอ้ำอึ้งพูดออกไปว่า “รู้เช่นนี้ข้าน่าจะมาลงทะเบียนเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงกับเจ้าด้วย เฮ้อ ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้ม นางรู้ว่าผู้รอบร
“เถาจื่อ หานอวี้ วันพรุ่งพวกเจ้าไปลงทะเบียนเสีย!”เซียวหลินเทียนทำการตัดสินใจและกำชับว่า “ลงทะเบียนในชื่อของน้องสาวข้า!”“เผยอวี้ ฉินซาน พวกเจ้าสองคนก็ไปลงทะเบียนสาขาที่ตนเองชื่นชอบด้วย พวกเจ้าทั้งคู่บอกแค่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็พอ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทุกคนก็หัวเราะอย่างมีความสุข พลางพยักหน้าและจัดลำดับอาวุโสกันให้เซียวหลินเทียนเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน เถาจื่อเป็นพี่หญิงใหญ่ หานเหมยเป็นพี่น้องคนที่สาม และหานอวี้เป็นคนที่สี่เซียวหลินเทียนได้บอกจุดประสงค์ของภารกิจให้พวกเขาทราบแล้ว เถาจื่อกับหานอวี้ต้องให้ความสำคัญกับฝั่งของสตรีวันรุ่งขึ้น เถาจื่อและหานอวี้ไปลงทะเบียน และทั้งคู่ก็เลือกวิชาปรุงโอสถเนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนางเคยตามหลิงอวี๋ไปจำแนกเครื่องยาสมุนไพรหลายชนิด ในความคิดของพวกนาง การกลั่นโอสถเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการผ่านการประเมินมีชั้นเรียนที่สอนการกลั่นโอสถเพียงสองแห่งเท่านั้น ดังนั้นเถาจื่อและหานอวี้จึงต้องลงทะเบียนเรียนคนละชั้นเรียนและเถาจื่อก็ได้ลงทะเบียนเรียนชั้นเรียนของหอโอสถซ่างกู่เซียวหลินเทียน เผยอวี้และคนอื่น ๆ ก็ไปลงทะเบียนด้วยเซียวหลินเทียนลงทะ
เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย
หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ
หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“
เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี
หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห