เจียงอวี้ตกใจจนมิกล้าร้องไห้เสียงดัง จึงปิดปากตนไว้แล้วกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบา“ท่านแม่ ช่วยข้าด้วย… ข้าควรทำอย่างไรดี? ข้ายอมตายดีกว่าเข้าวัง!”“อวี้เอ๋อร์ ตอนนี้เจ้าจะตายมิได้! หากเจ้าตายไป เขาก็จะไม่มีทางปล่อยพวกเราไป!”ฮูหยินเจียงกับฮูหยินผู้เฒ่าเจียงเป็นคนที่มีประสบการณ์มามากมาย สิ่งที่พวกนางเอ่ยก็เป็นจริงเช่นกันหากเจียงอวี้ได้ยินพระราชโองการให้เข้าวังก็ฆ่าตัวตายทันที นั่นจะมิใช่การตบหน้าองค์จักรพรรดิหรือ?องค์จักรพรรดิจะปล่อยตระกูลเจียงไปได้เยี่ยงไร!เมื่อเจียงอวี้ได้ยินว่า แม้แต่จะตายก็ทำมิได้ก็ยิ่งสิ้นหวังแล้วทรุดลงไปที่พื้นอย่างอ่อนแรงหรือนี่คือชะตากรรมของตน?“มิต้องกังวล มิต้องกังวล ตั้งวันพรุ่งถึงจะเข้าวังมิใช่หรือ? พวกเราลองคิดหาทางหลีกเลี่ยงสิ่งนี้กันก่อน!”ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงใจสลายเมื่อเห็นท่าทางสิ้นหวังของเจียงอวี้ จึงรีบปลอบใจฮูหยินเจียงก็คุกเข่าลงกับพื้นแล้วกอดเจียงอวี้อย่างทุกข์ใจเช่นกัน “อวี้เอ๋อร์ หากท่านพ่อกับพี่ชายของเจ้าอยู่ที่นี่ บางทีพวกเขาอาจคิดหาทางได้!”“แต่ตอนนี้มีเพียงพวกเราสตรีเพียงมิกี่คนเท่านั้น ใครจะตัดสินใจแทนเราได้เล่า!”เจียงอวี้ร้องไห้
เจียงอวี้ร้องไห้แล้วเล่าเรื่องพระราชโองการให้เข้าวังหลิงอวี๋กับหลิงหว่านฟังแล้วต่างตกตะลึง แรกเริ่มหลิงหว่านก็มีความคิดเดียวกันกับเจียงอวี้ จึงเอ่ยอย่างมิอยากจะเชื่อ“เจียงอวี้ เจ้าเข้าใจผิดไปหรือไม่? แค่ให้เจ้าตามองค์หญิงหกไป มิแน่ว่าจะต้องเป็นอย่างที่เจ้าคิดนี่!”แต่หลิงอวี๋มิได้มองในแง่ดีเท่าหลิงหว่านเช่นนั้น เพราะว่านางเป็นคนยุคใหม่ ในประวัติศาสตร์มีเรื่องเกิดขึ้นอยู่มิน้อย เรื่องที่เจียงอวี้เข้าวังมิใช่เรื่องในแง่ดีแน่นอน“หว่านหว่าน ข้าก็หวังว่าจะมิเป็นเช่นนั้น แต่ท่านแม่กับท่านย่าของข้าต่างก็พูดเช่นนั้น ข้ามิเชื่อคงมิได้แล้ว!”เจียงอวี้เช็ดน้ำตาแล้วเอ่ยอย่างหมดหวัง “ท่านพี่หลิงหลิง โปรดให้คำแนะนำแก่ข้าทีเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะหลีกเลี่ยงการเข้าวังได้เยี่ยงไรหรือ?”หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว เรื่องจักรพรรดิอู่อันทำเรื่องที่มิเข้าท่าจริง ๆ แต่เขาเป็นจักรพรรดิ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่จะรับสตรีเข้าวังจำนวนเท่าใดก็ได้“เจียงอวี้ พระราชโองการออกมาแล้ว เจ้าหนีมิพ้นที่จะต้องเข้าวังหรอก!” หลิงอวี๋เอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่นสีหน้าของเจียงอวี้ซีดลงทันที “ท่านพี่หลิงหลิง ท่านก็ไม่มีวิธีหรือ?
มินานหลิงอวี๋ก็นำยามาให้เจียงอวี้ แล้วนางก็สั่ง “เจ้าควรเริ่มกินยานี้ก่อนเข้าวัง เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ใครเจอแล้วสงสัยเข้า!”“ข้าเข้าใจแล้ว!” เจียงอวี้พยักหน้าอย่างซาบซึ้งใจ “พระชายาอ๋องอี้ ขอบคุณนะเจ้าคะ ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณของท่านเลย!”“จริงสิ ท่านให้ยานี้กับข้ามากหน่อยได้หรือไม่? ได้ยินมาว่าเถาลี่ก็จะเข้าวังด้วยกัน! ข้าจะแบ่งให้นางกิน!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินสิ่งนี้ก็รีบส่ายหัว “เจียงอวี้ มิใช่ว่าข้ามิอยากช่วยเถาลี่ แต่เจ้าลองคิดดูสิ หากเจ้าเป็นคนเดียวที่มีกลิ่นประหลาดที่อธิบายมิถูกมันจะเป็นเรื่องปกติมาก!”“ทว่าหากคนสองคนเข้าวังต่างมีกลิ่นแปลกติดตัวเช่นนี้ทั้งคู่ มันจะสมเหตุสมผลหรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ามิอยากปรนนิบัติองค์จักรพรรดิแล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเถาลี่มิอยากทำ?”หลิงอวี๋ชอบเจียงอวี้มาก จึงเอ่ยอย่างอดทน “เจียงอวี้ คนจะเปลี่ยนไปได้ภายใต้การล่อลวงของอำนาจ! แม้ว่าองค์จักรพรรดิจะเป็นพ่อของพวกเจ้าได้ ทว่าหากเจ้ากลายเป็นสนมคนโปรดขององค์จักรพรรดิ เจ้าก็จะได้ดีทุกอย่างเลยนะ!”“เจ้าเอ่ยสิ่งเหล่านี้กับข้ากับหลิงหว่านได้ แต่เมื่อเจ้าเข้าวัง แม้แต่พี่น้องที่ดีที่สุดก็อาจแทงข้างหลัง
จักรพรรดิอู่อันกำลังคิดที่จะจัดคัดเลือกระหว่างแคว้นของตนก่อนการแข่งขันสี่แคว้นแต่องค์ชายหนิงเอ่ยแนะนำ “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าท่านมิจำเป็นต้องจัดอะไรเพิ่มเติมหรอก แค่ให้องค์ชายทุกคนนำกลุ่มคนลงสนามเลยเถิด! ถึงเวลานั้นพวกเขาทั้งหมดจะเป็นตัวแทนของฉินตะวันตก ใครชนะก็จะนับเป็นชัยชนะของฉินตะวันตก!”“ให้ทุกคนเห็นเช่นนี้ กลุ่มของฉินตะวันตกก็จะแข็งแกร่งมาก!”จักรพรรดิอู่อันนึกถึงความล้มเหลวของการแข่งขันเตะลูกกลมของสตรี จึงมิคัดค้านหลายกลุ่มเลือกกิจกรรมที่พวกเขาถนัดเพื่อเข้าร่วม สิ่งที่กลุ่มหนึ่งทำมิได้ กลุ่มอื่นทำได้ ก็จะมิทำให้ฉินตะวันตกต้องอับอายหลังจากการแข่งขันเตะลูกกลมเซียวหลินเทียนก็หาโอกาสพาหลิงอวี๋ไปดูการฝึกซ้อมกลุ่มของตนคนที่เขาเลือกในครั้งนี้ล้วนแต่เป็นคนที่ยอดเยี่ยมในกลุ่ม ว่ากันตามเหตุผลแล้วพวกเขาทั้งหมดสามารถต่อสู้แบบหนึ่งต่อสิบคนได้หลิงอวี๋ดูเสร็จแล้วมิได้พอใจมากนัก นางเอ่ยกับเซียวหลินเทียน “พวกท่านจัดรายการอะไรไว้สำหรับการแข่งขันทางทหารหรือเพคะ?”เพราะเป็นการแข่งขันสี่แคว้น รายการกิจกรรมจึงถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วเซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างมั่นใจ “สี่รายการใหญ่ได้แก่ ยิงธ
ช่วงนี้ในเมืองหลวงเงียบสงบ อย่างน้อยภายนอกก็เป็นเช่นนี้เหล่าองค์ชายล้วนทุ่มเทแรงกายแรงใจเตรียมการแข่งขันทางทหาร และแยกกันไปหาสถานที่ฝึกกลุ่มของตนนี่คือการแข่งขันที่เกี่ยวข้องกับการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทที่มองมิเห็น ใคร ๆ ก็อยากจะเปล่งประกายทั้งนั้นทางด้านเซียวหลินเทียน นอกเหนือจากการฝึกฝนของตนแล้ว ก็ยังให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของบรรดาคู่ต่อสู้อีกด้วยเขามิได้คาดคิดที่จะส่งใครไปแอบดูวิธีการฝึกฝนของคู่ต่อสู้ แต่เขามิดูก็มิได้หมายความว่าคู่ต่อสู้จะมิอยากรู้เกี่ยวกับเขาจ้าวซวนจับสายลับสองกลุ่มที่องค์ชายคังกับองค์ชายเว่ยส่งมาได้ เซียวหลินเทียนเหยียดหยามพฤติกรรมเช่นนี้มากมีแผนการเช่นนี้ ก็เอาไปใช้พัฒนาความแข็งแกร่งของกลุ่มของตนก็ได้ เหตุใดต้องมาต่อสู้กันเองด้วยเล่า!พวกเขาเป็นคนฉินตะวันตก เป้าหมายของพวกเขาคือการเอาชนะอีกสามแคว้นที่เหลือ การสอดแนมตนจะไปมีประโยชน์อะไรกัน!เซียวหลินเทียนแค่ให้จ้าวซวนปล่อยตัวสายลับไป มิได้ทำให้พวกเขาต้องอับอายแต่องค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังกลับมิได้รู้สึกขอบคุณ พวกเขาแค่รู้สึกว่าเซียวหลินเทียนกำลังตบหน้าพวกเขาองค์ชายคังได้ยินว่า กลุ่มของเซียว
ฮองเฮาเว่ยยิ้มเยาะ “เยี่ยนเอ๋อร์ เจ้าคิดดูสิ ยิ่งเจ้าขยะนั่นมีชื่อเสียงมากเท่าไร เขาก็จะยิ่งมีศัตรูมากขึ้นเท่านั้นมิใช่หรือ? องค์ชายคัง องค์ชายรุ่ยและองค์ชายเย่จะสามารถเชื่อใจได้หรือ?”“ผู้นำคนหนึ่งสามารถผลักดันเขาไปต่อสู้ด่านหน้าได้ ดีกว่าที่เจ้าจะจัดการกับเขาเพียงลำพังใช่หรือไม่เล่า!”“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขามีคนที่มีความสามารถมากมาย แทนที่จะใช้เวลาเพื่อป้องกันมิให้เขาชนะ สู้ช่วยกระพือให้ปัญหามันใหญ่ขึ้นจะดีกว่า ส่งเขาไปยังตำแหน่งสูง ๆ แล้วค่อยตัดไฟตั้งแต่ต้นลม!”องค์ชายเว่ยเริ่มสนใจคำพูดของฮองเฮาเว่ย “ท่านแม่ ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมอย่างไรหรือ?”“เยี่ยนเอ๋อร์ พวกเจ้าทุกคนกำลังลงเข้าชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท ยิ่งความสามารถของเจ้าสูงเท่าไร เสด็จพ่อของเจ้าก็ยิ่งต้องระวังมากขึ้นเท่านั้นมิใช่หรือ?”“ในเวลานี้ หากมีหลักฐานแน่ชัดว่า เจ้าขยะนั่นต้องการแย่งชิงบัลลังก์ เสด็จพ่อของเจ้าจะยังทนขยะผู้นั้นได้หรือ?”องค์ชายเว่ยฟังแล้วก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ตั้งสติ หรี่ตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหัวเราะพลางเอ่ย“เสด็จแม่ ลูกเข้าใจแล้ว แผนของท่านแยบยลยิ่งนัก!”“ฮ่าฮ่า ข้ารู้แล้วว่าต้องทำเยี่ยง
หลิงอวี๋หมดคำพูด เด็กผู้นี้เสพติดการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงไปแล้วหรือ?ตั้งแต่เดินทางไปไร่นาของเซียวหลินเทียนครั้งที่แล้วและได้กระต่ายตัวน้อยกลับมาสองตัว เด็กผู้นี้ก็เอาแมวมาเลี้ยงอีกหนึ่งตัว ที่เกินไปกว่านั้นคือเมื่อสองวันก่อนเอางูตัวสีขาวทั้งตัวมาเลี้ยงอีกหลิงอวี๋กลัวงูที่สุด เมื่อนางเดินเข้าไปเห็นงูตัวหนึ่งพันรอบแขนของหลิงเยวี่ยก็กรีดร้องอย่างตกใจขึ้นมาทันทีหลิงเยวี่ยระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ทั้งยังอุ้มงูขาวไว้ในอ้อมแขนอย่างกับสมบัติล้ำค่า พลางเอ่ยอย่างกระตือรือร้น “ท่านแม่ เสี่ยวไป๋เชื่องมาก มันมิกัดคนนะขอรับ ท่านแม่ลองลูบมันดู...”“เอาออกไป ๆ…”หลิงอวี๋วิ่งหนีไปในเรือนด้วยความตื่นตระหนก พลางตะโกนด้วยความโกรธ “ใครให้เจ้าตัวนี้กับเยวี่ยเยวี่ย? ออกมาเลยนะ ข้าสัญญาว่าจะมิทุบตีเจ้าจนตาย!”เซียวหลินเทียนเข้ามาคุยกับหลิงอวี๋พอดี เมื่อเห็นท่าทางโกรธเกรี้ยวของหลิงอวี๋ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจเขามิเคยเห็นหลิงอวี๋ดูโกรธและกลัวถึงเพียงนี้มาก่อน เขาทั้งประหลาดใจทั้งรู้สึกตลก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?ในความทรงจำของเซียวหลินเทียน หลิงอวี๋เป็นคนมิเกรงกลัวฟ้าดิน เมื่อเผชิญหน้ากับอ
“ท่านแม่ ท่านแม่อย่าไป เยวี่ยเยวี่ยมิเลี้ยงแล้ว!”หลิงเยวี่ยพุ่งเข้าไปกอดหลิงอวี๋ แต่หลิงอวี๋หลบเขากับตะโกนอย่างมิชอบ “อย่าเอามือที่สัมผัสกับงูมากอดข้า ไปล้างมือให้สะอาดก่อนค่อยมา!”หลิงเยวี่ยจึงทำได้เพียงต้องไปล้างมือ ตอนเดินผ่านเซียวหลินเทียนก็มองงูขาวอย่างอาลัยอาวรณ์เซียวหลินเทียนอุ้มงูขาว ทั้งยังถูกหลิงอวี๋จ้องอยู่ด้วย เขารู้สึกผิดพลางเอ่ย “ข้า… ข้าคิดว่าเจ้าจะชอบมัน!”“ท่านต่างหากที่ชอบ...”ทั้งครอบครัวของท่านชอบมัน!หลิงอวี๋อดทนมิพูดคำด้านหลัง พลางเอ่ยอย่างมิพอใจ “ท่านรู้จักหม่อมฉันเท่าใด? ท่านรู้หรือว่าหม่อมฉันชอบอะไรมิชอบอะไร?”“เซียวหลินเทียน ต่อไปหากท่านจะให้สัตว์ชนิดใดกับเยวี่ยเยวี่ยจะต้องได้รับการอนุมัติจากหม่อมฉันก่อน! หากท่านกล้าให้อะไรมั่ว ๆ ทำให้หวาดกลัวอีก หม่อมฉันจะเอาของที่น่ากลัวไปใส่ให้เต็มเรือนของท่าน!”เซียวหลินเทียนเป็นคนผิดจึงทำได้เพียงยิ้มพลางเอ่ย “ได้ ๆ ครั้งหน้าหากข้าจะให้อะไรข้าจะบอกเจ้าล่วงหน้า!”“ท่านรีบไปเถิด! วันนี้เรือนบุหงามิต้อนรับท่าน! เอาสิ่งที่เอามาให้ไปไกล ๆ อย่าให้หม่อมฉันเห็นมันในตำหนักอีก!”เซียวหลินเทียนผู้น่าสงสารมิทันได้พูด
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต