เซียวทงมีหรือจะสนใจรางวัลเหล่านี้ นางเหลือบมองจ้าวเจินเจินแล้วยิ้มพลางเอ่ย“ท่านพี่สะใภ้สอง พระชายาเส้าและไทเฮาต่างหวังให้เราชนะมาก จนมอบรางวัลมากมายถึงเพียงนี้! เช่นนั้นเราจะอยากได้แค่รางวัลมิได้!”“หลิงอวี๋ เจ้ามิคิดเยี่ยงนั้นหรือ? มีรางวัลก็ควรมีบทลงโทษ หากเจ้าอยากเป็นหัวหน้า ก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบนี้ด้วย!”ตู้ตงหงก็เอ่ยด้วยท่าทีร้าย ๆ เช่นกัน “เมื่ออยู่สนามรบก็ต้องใช้คำสั่งทหาร พระชายาอ๋องอี้ หากท่านอยากเป็นหัวหน้า เช่นนั้นหากท่านพาพวกเราพ่ายแพ้ ก็ต้องถูกลงโทษ!”หลิงอวี๋หัวเราะ หากแพ้ตนจะถูกลงโทษหรือ? คนเหล่านี้มาเพื่อเล่นตลกหรือ?เซียวทงมิรอให้ไทเฮาเอ่ยปาก นางก็เอ่ยขึ้นมาอย่างบังคับ “หลิงอวี๋ เราก็มิได้ให้เจ้าออกเงินเสียหน่อย หากแพ้เจ้าก็ล้างจานกับทำความสะอาดสถานที่แทนทั้งกลุ่มก็ได้! คำขอนี้มิมากเกินไปหรอกกระมัง!”“ถูกต้อง หากชนะ รางวัลของหัวหน้าก็จะมีอย่างมากมาย ทว่าหากแพ้หัวหน้าก็ควรได้รับการลงโทษมากกว่าคนอื่น ๆ สิ! ข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอขององค์หญิงหก!”เจิงจื่ออวี้ เฟิงเหยาเหยาและคนอื่น ๆ ต่างเห็นพ้องด้วยไทเฮาเห็นว่าองครักษ์เดินไปที่กลองแล้ว การแข่งขันกำลังจะเริ่มต้น
คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้สตรีหลายคนในกลุ่มมีความกระตือรือร้นและมีขวัญกำลังใจขึ้นมากอันซินกับพวกพี่น้องสาวต่างมัดผมยาว ๆ กันเรียบร้อย และจัดเสื้อผ้าจากนั้นก็ลงไปในสนามลู่หนานมารายงานเซียวหลินเทียนเรื่องที่หลิงอวี๋เป็นหัวหน้ากลุ่มและได้มีการเดิมพันกับเซียวทงไว้เซียวหลินเทียนอดมิได้ที่จะรู้สึกกังวลเรื่องหลิงอวี๋ เขาดูการแข่งขันมาตลอดครึ่งแรก ความแข็งแกร่งของกลุ่มฉินตะวันตกสู้เยวี่ยใต้มิได้จริง ๆหลิงอวี๋จะนำกลุ่มเอาชนะเยวี่ยใต้ได้เยี่ยงไรกัน!อันเจ๋อเห็นว่าอันซินน้องสาวของตนก็ลงเล่นด้วย จึงทำท่าทางให้กำลังใจอันซินอยู่ไกล ๆเขายิ้มเยาะแล้วเอ่ยกับเผยอวี้และเซียวหลินเทียน “หากองค์หญิงหกกล้าปฏิบัติต่อหลิงอวี๋กับน้องสาวของข้าเหมือนที่นางทำกับหลิงหว่านและหลี่อวี้เจิน ต่อให้ข้าจะต้องรับโทษจากองค์จักรพรรดิ วันนี้ข้าก็จะมิปล่อยนางไปง่าย ๆ แน่!”เผยอวี้ยังคงโกรธเรื่องที่เจิงจื่ออวี้กับองค์หญิงหกทำให้หลิงหว่านได้รับบาดเจ็บอยู่ เมื่อได้ยินสิ่งนี้จึงเหลือบมององค์หญิงหกนี่มันองค์หญิงแบบใดกัน ก็แค่เกิดมาในราชวงศ์มิใช่หรือ?กล้าที่จะมุ่งเป้าไปที่คู่หมั้นของตนเช่นนี้ หากมิให้บทเรียนกับนางเสียงบ้า
หลังจากที่หลิงอวี๋พูดเช่นนี้ เซียวทงก็มองไปทางอัฒจันทร์โดยมิรู้ตัว เพียงแต่นางมิได้มองไปในทิศทางของจักรพรรดิอู่อัน แต่หันไปทางเผยอวี้เผยอวี้กำลังโบกมือให้กำลังใจฉินตะวันตกอยู่แต่เซียวทงกลับคิดผิดไปว่าเผยอวี้เห็นการแสดงออกของตนเมื่อครู่นี้ ใบหน้าของนางก็แดงเล็กน้อยตนอยากให้เผยอวี้เห็นว่าตนดีกว่าหลิงหว่าน หากตนทำผลงานได้มิดีเท่าหลิงหว่าน เช่นนั้นจะมิทำให้เผยอวี้ดูถูกหรอกหรือ?มิได้การแล้ว แม้ว่าในขณะเดียวกันจะต้องทำให้หลิงอวี๋อับอาย แต่นางก็ต้องทำให้เผยอวี้เห็นความโดดเด่นของตนด้วยในรอบต่อไป เมื่อหลิงอวี๋รับลูกกลมจากสวีเยวี่ยแล้ววิ่งไป เซียวทงก็ริเริ่มตะโกนขึ้นมาเอง “ส่งให้ข้า... ส่งให้ข้า...”เมื่อครู่เผิงเสี่ยวฮุ่ยเห็นองค์หญิงหกจงใจเตะพลาด นางอยากจะเรียกให้หลิงอวี๋ส่งให้ตนแต่หลิงอวี๋ก็ส่งลูกกลมให้เซียวทงโดยมิลังเลเลยหัวใจของเผิงเสี่ยวฮุ่ยสั่นไหว นางคิดว่าพระชายาอ๋องอี้จะมีความพิเศษในการเป็นผู้นำกลุ่ม ไหนเลยจะคิดว่าพระชายาอ๋องอี้จะเป็นคนที่มองสถานการณ์มิออก!น่าเสียดายจริงเชียว!โอกาสทำประตูดี ๆ เช่นนี้ต้องเสียไปอีกแล้ว!อันซินกับคนอื่น ๆ ที่หลิงอวี๋เลือกมารู้สึกผิดหวังเ
“สู้ ๆ! สู้ ๆ!”การแข่งขันในสนามเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ มู่หรงชิ่งมองออกว่าหลิงอวี๋อยู่ในฐานะหัวหน้าแล้วมีการโจมตีที่แข็งแกร่งมาก และทำให้สมาชิกในกลุ่มของตนมีกำลังใจที่ดีอีกด้วยทั้งสองฝ่ายต่างคิดว่านี่คือการแข่งขันสำคัญที่จะตัดสินว่าตนจะอยู่อันดับต่ำสุดหรือไม่ ทั้งคู่จึงสู้กันอย่างเต็มกำลังพวกของเซียวหลินเทียนเริ่มกังวลขึ้นมาแล้วส่วนสตรีแต่ละคนในสนามก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดของการแข่งขันเจิงจื่ออวี้กับสวี่เหยียนมิเข้าใจเซียวทง นางบอกว่าจะจงใจแพ้ จะทำให้หลิงอวี๋อับอายมิใช่หรือ?แต่ตอนนี้ เซียวทงกำลังตั้งใจทำอย่างหนัก นางรีบเร่งทำประตูทุกครั้งที่มีโอกาสโจมตีเจียงอวี้กับสวีเยวี่ยเป็นกองหน้า เมื่อทั้งสองคนมีโอกาสได้เล่นก็ล้วนเล่นกันอย่างเต็มกำลังปีนี้เจียงอวี้อายุสิบหกปี นางรูปร่างสูงเพรียว หน้าตาก็โดดเด่น พอวิ่งไปมาก ๆ แล้วหน้าก็เริ่มแดงระเรื่อ ท่าทีเปี่ยมล้นไปด้วยพลังที่ดีต่อสุขภาพของนางต่างสร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่ได้เห็นจักรพรรดิอู่อันจ้องมองตรงไปที่นาง ดวงตาของเขากวาดไปทั่วขาเรียวยาวและหน้าอกของนางเป็นครั้งคราวหลายปีที่ผ่านมา ในวังเต็มไปด้วยความงามที่แตกต่างกัน
หลิงอวี๋ดูกังวลใจ แต่ในฐานะหัวหน้า นางรู้ว่าอารมณ์ของตนจะส่งผลต่อการเล่นของทั้งกลุ่มหลิงอวี๋ยังคงนำคนในกลุ่มอย่างสงบและมั่นคง“ทุกคน ขอเพียงทุกคนเล่นต่อไปเช่นนี้ เราก็จะไม่มีทางแพ้!”หลิงอวี๋ให้กำลังใจทุกคน พวกนางเพิ่งจะแข่งขันสนามแรกเท่านั้น แต่เยวี่ยใต้แข่งขันสนามที่สองแล้ว ในแง่ของความแข็งแกร่งทางกาย ทางเยวี่ยใต้กับทางฝ่ายตนนั้นพอ ๆ กันที่เหลือคือการแข่งขันกันระหว่างการยืนหยัดกับพลังระเบิดแล้วนางทำการปรับเปลี่ยนเช่นนี้เพราะเห็นว่าสวีเยวี่ยยังมิได้เล่นอย่างสุดกำลัง จึงฝากความหวังในการทำประตูครั้งสุดท้ายไว้ที่สวีเยวี่ยแต่คนในกลุ่มของมู่หรงชิ่งจับตาดูสวีเยวี่ยอยู่อย่างใกล้ชิด จึงไม่มีโอกาสเลยเมื่อทางตันเช่นนี้ มินานกลองก็เริ่มส่งเสียงเตือนทุกคนว่าครึ่งหลังของการแข่งขันจะจบลงในมิช้านี้แล้วตอนนี้คะแนนสองต่อสอง หากจบด้วยคะแนนนี้ก็จะเสมอกัน และยังแข่งต่อไปได้ ทว่าหากเยวี่ยใต้ชนะในช่วงสุดท้าย ฉินตะวันตกจะมิสามารถพลิกกลับมาได้อย่างมั่นคงแล้วและจะตกไปอยู่อันดับต่ำสุด“ทุกคนสู้ ๆ เรายังมีโอกาสโจมตี คราวนี้พยายามทำประตูให้ได้กันเถอะ!”เสียงของหลิงอวี๋แหบแห้ง เมื่อเห็นเจียงอวี้วิ
แม้ว่าสวี่เหยียนจะพยักหน้าแต่ในใจก็ค่อนข้างลังเลนางรู้ว่าองค์หญิงหกอยากให้พวกนางทำสิ่งใด แต่ทำเช่นนี้จะดีจริง ๆ หรือ?หากแพ้ ก็จะทำให้ฉินตะวันตกต้องอับอายขายหน้า!ก่อนหน้านี้ตอนที่นางตกลงช่วยองค์หญิงหกก็เพราะนางมิชอบหลิงอวี๋เลยจริง ๆ แต่ตอนนี้วิ่งจนทั่วสนามแล้ว เหนื่อยแทบตาย ยังต้องมาพ่ายแพ้อย่างตั้งใจอีกหรือ!มันคุ้มหรือที่จะสละชื่อเสียงของฉินตะวันตกเพื่อความแค้นส่วนตัว?ก่อนที่สวี่เหยียนจะพิจารณาได้อย่างชัดเจน นางก็เห็นสมาชิกกลุ่มเยวี่ยใต้วิ่งเข้ามาพร้อมกับลูกกลมแล้วหลิงอวี๋กับเผยเหลียนที่อยู่กองกลางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสกัดกั้นไว้ แต่ชัยชนะอยู่แค่เอื้อม ขวัญกำลังใจของสมาชิกของเยวี่ยใต้ปะทุขึ้นมา ทุกคนมิสามารถต้านทานได้เลย“เถาลี่ เฝ้าไว้!”“สวีเยวี่ย เซียวทง พวกเจ้าดูเป้าหมายของพวกเจ้าไว้!”หลิงอวี๋ออกคำสั่งอย่างเต็มกำลังสมาชิกของเยวี่ยใต้คนหนึ่งรีบวิ่งไปพร้อมกับลูกกลม สวีเยวี่ยจึงพุ่งเข้าไปแย่งลูกกลม แต่ตอนส่งไปให้เถาลี่ สมาชิกของเยวี่ยใต้ก็สกัดไว้ได้ก่อนการแข่งขันเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญแล้วพวกของเซียวหลินเทียนกับเผยอวี้ก็ยืนขึ้นแล้วมองไปอย่างกังวลจะแพ้ชนะก็ขึ้นอยู่
ฮ่า ๆๆ…กลุ่มคนจากฉีตะวันออกนำโดยเซี่ยโฮ่วตานรั่วระเบิดเสียงหัวเราะออกมา หัวเราะกันเสียตัวโยนเสียงหัวเราะดังไปถึงหูของพวกของหลิงอวี๋ พวกนางรู้สึกอับอายมาก“หลิงอวี๋ เจ้าเป็นผู้นำกลุ่มเยี่ยงไรกัน? เหตุใดเจ้าจึงจัดให้คนเยี่ยงสวี่เหยียนไปเล่นเป็นกองหลัง หากมิใช่เพราะคำสั่งที่ไร้ความสามารถของเจ้า เราก็ไม่มีทางแพ้การแข่งขันนี้ครั้งนี้หรอก!”เซียวทงแอบภูมิใจแล้วตะโกนใส่หลิงอวี๋“เมื่อครู่ ข้าก็บอกแล้วว่าเจ้ามิสามารถเป็นหัวหน้าได้ แต่เจ้าก็จะแย่งทำให้ได้ ตอนนี้เราทุกคนแพ้แล้ว! เจ้าควรเป็นคนเดียวที่จะห้อยเหรียญเหล็กขยะนั้น!”“องค์หญิงหก ท่านพูดเช่นนี้มันมิยุติธรรมกระมัง?”อันซินทนมิไหวตะโกนขึ้นมา “ทุกคนล้วนเห็นว่าสวี่เหยียนเตะลูกกลมเข้าประตูของคนอื่น หากนางมิโง่เช่นนั้น เราก็คงมิแพ้!”“ใช่ คำสั่งของพระชายาอ๋องอี้มิผิดเลย มันเป็นความผิดของสวี่เหยียน!” เจียงอวี้กับคนอื่น ๆ ก็ช่วยหลิงอวี๋พูดเช่นกันเว่ยอวิ๋นก็ตะโกนใส่สวี่เหยียนด้วยความโกรธเช่นกัน “เจ้าแค่ต้องเตะลูกกลมนั้นไปด้านข้างแล้วเราก็จะเสมอกัน แต่เจ้ากลับเตะมันเข้าประตูของพวกเขา!”“เจ้าทำเช่นนี้มันต่างอะไรกับการทำงานให้ผู้อื่นเล่
เมื่อเจิงจื่ออวี้เห็นว่าสวี่เหยียนถูกทุกคนโกรธ ก็กลัวว่าหากอยู่กับนางแล้วจะลำบากไปด้วย จึงดึงองค์หญิงหกออกไปทันใดนั้น รอบตัวของสวี่เหยียนก็ไม่มีใครเลยสักคน นางยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว ทั้งรู้สึกผิดทั้งหวาดกลัวตู้ตงหงกับฉินรั่วซือเห็นเช่นนั้นก็ไม่มีความเห็นอกเห็นใจต่อนางเลย ทั้งสองคนแอบดีใจ ดีที่ถูกหลิงอวี๋เปลี่ยนตัว มิเช่นนั้นพวกนางอาจจะทำความผิดเช่นนี้ก็ได้!เช่นนั้นก็จะถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว!หลิงอวี๋เดินเข้าไปตรงหน้าไทเฮาอย่างกลุ้มใจแล้วเอ่ยกับไทเฮาอย่างรู้สึกผิด “ไทเฮาเพคะ หม่อมฉันขอประทานอภัย หลิงอวี๋ทรยศต่อความไว้วางใจของท่าน!”ไทเฮาเหลือบมองนางแล้วเอ่ยเรียบ ๆ “เรื่องแพ้ชนะเป็นเรื่องปกติของสงคราม! อาอวี๋ แม้ว่าจะเป็นความผิดพลาดของสวี่เหยียนที่ทำให้พวกเจ้าพ่ายแพ้!”“แต่เจ้าเองก็ผิดเช่นกัน เจ้าตรองดูเอาเถิด เจ้าผิดตรงที่ใด?”หลิงอวี๋ก้มหน้าลง รู้สึกละอายใจเล็กน้อยเมื่อครู่นางกำลังสำนึกผิดอยู่ มีสิ่งหนึ่งที่เซียวทงพูดถูก นางใช้ผิดคน!นางมิควรเสี่ยง มิควรคิดว่าทุกคนล้วนเป็นสตรีฉินตะวันตก แล้วจะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของฉินตะวันตกเป็นอันดับแรกเท่านั้น!นางมิได้คำนึงถึงความเห็
ต่งเฉิงมองหลิงอวี๋พลางพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบเคราของตัวเองว่า “สาวน้อยนางนี้รู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมายเช่นนี้นับว่าหายาก!”เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มิใช่สมุนไพรธรรมดาทั้งหมด นอกจากเครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นโอสถระดับต้นแล้ว ยังมีระดับกลางและระดับสูงจำนวนเล็กน้อยอีกด้วยโดยทั่วไป ผู้เข้าสอบที่ตอบได้เจ็ดสิบถึงแปดสิบชนิดก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ทว่าหลิงอวี๋สามารถตอบได้มากกว่าหนึ่งร้อยชนิด ถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงเลยทีเดียวเพิ่งเข้ามาก็ทำคะแนนได้ดีถึงเพียงนี้ หากนางได้เรียนอย่างเป็นระบบก็คงแซงหน้าบัณฑิตคนอื่นได้ในมิช้า“ตึง ตึง ตึง!”เมื่อเสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง การสอบแข่งขันของกลุ่มนี้ก็สิ้นสุดลง“หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคะแนน!”กลองหยุดลงแล้ว และบนใบหน้าของศิษย์พี่หญิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรก นางหยิบป้ายส่งให้หลิงอวี๋พร้อมรอยยิ้ม“การสอบแข่งขันรอบต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงบ่าย! ความสามารถในการจำแนกเครื่องยาสมุนไพรของเจ้าดีที่สุดในรอบนี้ ทำให้ดีล่ะ!”“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง!”หลิงอวี๋รับป้ายมาด้วยความตื่นเต้น พลางหันไปดูผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่กำลังมองนางด้
เป็นไปตามคาด หลิงอวี๋เห็นใบหน้าที่งดงามทว่าโหดร้ายนั้น และนั่นก็คือศัตรูที่นางมิอาจลืมเลือน...จ้าวหรุ่ยหรุ่ย!ชั่วขณะนั้นดวงตาของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางนึกอยากจะรุดเข้าไปฉีกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นชิ้น ๆ เพียงหลับตา นางก็มิอาจควบคุมตนมิให้นึกถึงฉากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเตะต่อยตนความเจ็บปวดและเลือดสด ๆ อีกทั้งความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกไปทำให้หลิงอวี๋มิอาจลืมความเกลียดชังที่ตนมีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้เลย!คาดมิถึงว่าศัตรูจะปรากฏตัวต่อหน้าตนเช่นนี้!หลิงอวี๋ตื่นตัวมากจนร่างกายสั่นเทา แต่นางก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้นางมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การวู่วามลงมือมีแต่จะเป็นการรนหาที่ตายเท่านั้นหลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึกพลางมองเด็กสาวที่ประกาศสงครามกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเด็กสาวคนนี้ดูอายุราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปี มีรูปร่างสูง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และดวงตาแวววาวสดใสผมสีดำสนิทของนางถูกแสกกลางและถักเป็นเปียยาวสองข้างพันไว้รอบมวยผม ข้าง ๆ มวยผมนั้นมีปิ่นมุกปักประดับอยู่สองอันเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วงควันธูป และเมื่อดูจากเนื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นค
ข่าวที่สือหรงนำมาให้เซียวหลินเทียนมิใช่ข่าวดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงอยู่ในตำหนักเทียนจีและมิได้มาลงทะเบียนด้วยตนเองหากอยากพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ทำได้แค่ต้องรอจนถึงวันคัดเลือกรอบแรกเท่านั้นแต่เซียวหลินเทียนก็มิย่อท้อ ถึงอย่างไรขอเพียงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยปรากฏตัว เขาก็จะไม่มีทางปล่อยนางหนีไปอีกแน่ ให้นางเป็นอิสระอีกสักสองสามวันก็คงมิเป็นไร!ในช่วงวันเวลาที่เหลือ หลายคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเช่นเดียวกับหลิงอวี๋ พวกเขาอ่านตำราอย่างหนักและเพิ่มพูนความรู้ที่ขาดไป เพื่อที่จะผ่านการคัดเลือกและได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงทว่าหลิงอวี๋มิรู้เลยว่าศัตรูของตนมาถึงเมืองหลวงแดนเทพแล้ว หลังจากเอาแต่ปิดห้องอ่านตำราเป็นเวลาหลายวันนางก็มาที่สำนักศึกษาชิงหลงที่อยู่นอกเมืองในวันแห่งการคัดเลือก โดยมีผู้รอบรู้เรื่องร่วมเดินทางด้วยหน้าทางเข้าสำนักศึกษาชิงหลงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบุรุษและสตรี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันนับพันคนผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็ทึ่งจนพูดมิออก และอ้ำอึ้งพูดออกไปว่า “รู้เช่นนี้ข้าน่าจะมาลงทะเบียนเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงกับเจ้าด้วย เฮ้อ ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้ม นางรู้ว่าผู้รอบร
“เถาจื่อ หานอวี้ วันพรุ่งพวกเจ้าไปลงทะเบียนเสีย!”เซียวหลินเทียนทำการตัดสินใจและกำชับว่า “ลงทะเบียนในชื่อของน้องสาวข้า!”“เผยอวี้ ฉินซาน พวกเจ้าสองคนก็ไปลงทะเบียนสาขาที่ตนเองชื่นชอบด้วย พวกเจ้าทั้งคู่บอกแค่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็พอ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทุกคนก็หัวเราะอย่างมีความสุข พลางพยักหน้าและจัดลำดับอาวุโสกันให้เซียวหลินเทียนเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน เถาจื่อเป็นพี่หญิงใหญ่ หานเหมยเป็นพี่น้องคนที่สาม และหานอวี้เป็นคนที่สี่เซียวหลินเทียนได้บอกจุดประสงค์ของภารกิจให้พวกเขาทราบแล้ว เถาจื่อกับหานอวี้ต้องให้ความสำคัญกับฝั่งของสตรีวันรุ่งขึ้น เถาจื่อและหานอวี้ไปลงทะเบียน และทั้งคู่ก็เลือกวิชาปรุงโอสถเนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนางเคยตามหลิงอวี๋ไปจำแนกเครื่องยาสมุนไพรหลายชนิด ในความคิดของพวกนาง การกลั่นโอสถเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการผ่านการประเมินมีชั้นเรียนที่สอนการกลั่นโอสถเพียงสองแห่งเท่านั้น ดังนั้นเถาจื่อและหานอวี้จึงต้องลงทะเบียนเรียนคนละชั้นเรียนและเถาจื่อก็ได้ลงทะเบียนเรียนชั้นเรียนของหอโอสถซ่างกู่เซียวหลินเทียน เผยอวี้และคนอื่น ๆ ก็ไปลงทะเบียนด้วยเซียวหลินเทียนลงทะ
เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย
หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ
หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“
เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี
หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห