“เข้าสู่โถงพิธี! เงียบ! นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์!”หลังจากที่นักการของราชสำนักฝ่ายในตะโกนออกมา ทั้งห้องโถงก็เงียบลงเหล่าคนที่มาดูนั้นมองท่านอ๋องเฉิงที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดีอย่างสงสัยใคร่รู้นักโทษมิสามารถพูดได้แล้วคดีนี้จะพิจารณาได้อย่างไร?พระชายาเว่ยกับเฮ่อจู้ในฐานะเจ้าทุกข์ต่างมองหน้ากัน แล้วเฮ่อจู้ก็ก้าวไปคุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ท่านผู้บัญชาการขุนนางฝ่ายใน กระหม่อมต้องการฟ้องหลิงอวี๋ โทษฐานที่เพิกเฉยต่อกฎหมายและก่อเหตุฆาตกรรมในวัง จนทำให้ท่านหญิงจ่างหนิงถูกสังหารตั้งแต่อายุยังน้อย! เฮ่ออันบุตรชายของกระหม่อมก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกันและยังคงหมดสติอยู่ด้วย!”“กระหม่อมขอวิงวอนท่านผู้บัญชาการขุนนางฝ่ายในให้รักษาความยุติธรรมและลงโทษมือสังหารอย่างหนัก!”ท่านอ๋องเฉิงสีหน้ามิสู้ดี เขามองหลิงอวี๋ที่ไม่ขยับเขยื้อนเลยนี่อาจเป็นคดีที่ไม่มีเหตุผลที่สุดที่ท่านอ๋องเฉิงเคยพิจารณา นักโทษมิสามารถแก้ต่างได้ เขาเองก็มิสามารถซักถามได้ว่าถูกใส่ความหรือไม่!ตลอดหลายปีที่ผ่านมาท่านอ๋องหงซานทำงานอย่างดีเยี่ยม แม้ว่าเขาจะอายุหกสิบกว่าปีแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีสติมากกว่าท่านอ๋องเฉิงเขามองท่าทีลำบ
“ท่านอ๋องเฉิง...”เมื่อตราประทับของท่านอ๋องเฉิงกำลังจะแตะลงบนหนังสือหย่า เสียงตะโกนก็ดังมาจากไกล ๆจากนั้นมีม้าหลายตัวควบเข้ามาอย่างรวดเร็วเซียวหลินเทียนเป็นผู้นำมาแล้วตะโกนมาจากไกล ๆ “ท่านอ๋องเฉิง กระหม่อมจับมือสังหารที่ฆ่าจ่างหนิงได้แล้ว... นางสามารถพิสูจน์ได้ว่าหลิงอวี๋พูดความจริง!”ท่านอ๋องเฉิงถอนหายใจโล่งอกทันที แล้วขยำหนังสือหย่าเป็นลูกกลม ๆ โยนมันทิ้งไปพร้อมกับตะโกน“เอาตัวขึ้นมา!”“หลีกทางให้หมด!”หลี่ว์จงเจ๋อยังมิได้ไปไหนไกล เมื่อเห็นภาพนี้ก็วิ่งเข้ามาเปิดทางให้เซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนรีบควบม้ากีบขาวเข้าไป แล้วลงจากม้าที่หน้าห้องพิจารณาคดีเขาวิ่งวุ่นทั้งวันทั้งคืนเพื่อจับกุมคน แล้วรีบเดินทางกลับโดยมิกล้าหยุดพักด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าจะสายแล้วหลิงอวี๋จะถูกตัดสินเมื่อได้ยินคำพูดของท่านอ๋องเฉิง เซียวหลินเทียนก็แอบถอนหายใจโล่งอก โชคดีที่เขากลับมาทันเวลาองค์ชายเว่ยและภรรยาของเขา รวมถึงเฮ่อจู้โกรธจนใบหน้าบิดเบี้ยว!เมื่อเห็นว่าเหลือเพียงแค่ประทับตรา หลิงอวี๋ก็จะถูกหย่าร้างแล้ว และพวกเขาจะก็พาตัวนางออกไปได้!ใครจะคิดว่าเซียวหลินเทียนจะรีบกลับมาทัน!แม้ว่าพระชายาเว
เฮ่อจู้ยิ้มเยาะพลางเอ่ย “ท่านอ๋องอี้ เห็นหรือไม่ว่ากลอุบายของท่านใช้มิได้ผล! คนเราต้องการชีวิตมิได้ต้องการเงินพ่ะย่ะค่ะ!”คนที่เฝ้าดูอยู่ข้างนอกเกิดความโกลาหลขึ้นในทันทีมีคนตะโกนขึ้นมา “ท่านอ๋องอี้ ชีวิตของพระชายาอ๋องอี้คือชีวิต แต่ชีวิตของคนธรรมดาสามัญมิใช่ชีวิตหรือ? ท่านจะใส่ร้ายผู้อื่นเพื่อช่วยพระชายาของตนได้เยี่ยงไร!”“ถูกต้อง มีอำนาจแล้วยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ประหารหลิงอวี๋… ประหารหลิงอวี๋!”มีคนตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ “แล้วยังจะบอกว่าองค์ชายที่ฝ่าฝืนกฎหมายก็มีความผิดเช่นเดียวกับคนทั่วไป… พวกท่านเหล่านี้ ใช้อำนาจอิทธิพล เมื่อฆ่าคนแล้วก็ไปหาคนมารับผิดแทน บนใต้หล้านี้จะยังมีความยุติธรรมอะไรอีก!”“พวกเราคนธรรมดาสามัญ ต้องทำตามที่พวกท่านบงการหรือ?”คำพูดเหล่านี้ทำเอาเซียวหลินเทียนโกรธจนหน้าซีด คนเหล่านี้มิรู้เลยว่า “คนสามัญธรรมดา” ตรงหน้าผู้นี้แสร้งทำเป็นน่าสงสาร ตัวนางเก่งกาจมาก พวกเขาต้องทำงานหนักทั้งคืนถึงจะจับตัวนางมาได้ในกระบวนการจับกุมนาง เฉาอี้กับองครักษ์หนึ่งคนได้รับบาดเจ็บจากนางไปด้วยเมื่อตงจู๋เห็นว่านางหนีมิพ้นแล้ว นางก็ยอมจำนนให้จับ ใครจะคิดว่าเมื่อนางมาถึงราชสำนักฝ
เซียวหลินเทียนจับมือหลิงอวี๋อย่างกังวลมิรู้ว่าองค์ชายเย่จัดการเรื่องในวังเป็นเยี่ยงไรบ้าง!หากมีอะไรผิดพลาด เช่นนั้นตนจะมิสามารถเป็นมีพยานเรื่องตงจู๋ และมิสามารถปกป้องหลิงอวี๋ได้!เวลาผ่านไปทีละน้อยท่านอ๋องหงซานเอ่ยอย่างมิอดทน “ท่านอ๋องเฉิง องค์จักรพรรดิทรงตัดสินไว้ว่าจะตัดหัวหลิงอวี๋ในเวลาบ่ายสาม ตอนนี้อีกมิเท่าไร่ก็จะถึงบ่ายสามแล้ว!”“คดีนี้ของเจ้าจะยังพิจารณาอยู่หรือไม่?”เฮ่อจู้ก็เอ่ยด้วยความโกรธเช่นกัน “ท่านอ๋องเฉิง เรารอให้เสียเวลาเช่นนี้มิไหวแล้ว! ท่านต้องกำหนดเวลาให้กับเรา!”ผู้ที่รอดูอยู่ข้างนอกก็รำคาญกับการรอคอยเช่นกัน จึงพากันตะโกนขึ้นมา“ท่านอ๋องเฉิง หากท่านต้องการปกป้องหลิงอวี๋ก็ทำเช่นนี้มิได้กระมัง!”“เราทุกคนมาที่นี่เพื่อมาดูท่านพิจารณาคดีนี้ หากท่านมิรู้ว่าจะพิจารณาคดีเยี่ยงไรก็ลงไปให้ท่านอ๋องหงซานมาพิจารณาแทนเถิด!”“เปลี่ยนคน… เปลี่ยนคน...”คนในตำหนักองค์ชายเว่ยกับจวนของเฮ่อจู้เป็นผู้นำในการตะโกนองค์ชายเว่ยมองเซียวหลินเทียนอย่างภาคภูมิใจพลางเอ่ยอย่างหน้าซื่อใจคด “น้องสี่ เจ้าก็ได้เห็นแล้ว มิใช่ว่าข้ากำลังทำเรื่องให้เจ้าลำบากใจ แต่เป็นหลิงอวี๋ที่ทำเรื่องเ
ในที่สุดท่านอ๋องหงซานก็พบโอกาสที่จะได้ลืมตาอ้าปากแล้ว เขายืนขึ้นหยิบพระราชโองการมา พร้อมตะโกนเสียงดัง“ท่านอ๋องเฉิงรับคำสั่ง...”ท่านอ๋องเฉิงงุนงง พระชายาเว่ยขอพระราชโองการอะไรกัน? เหตุใดจึงมิได้ยินอันเจ๋อเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย!เซียวหลินเทียน ฉินซานและคนอื่น ๆ ก็ตะลึงเช่นกัน ทุกคนก็มีลางสังหรณ์ที่มิดีอยู่ในใจ!แม้ว่าท่านอ๋องเฉิงจะสับสน แต่เมื่อเห็นพระราชโองการสีทองก็ยังคงเดินลงไป แล้วยกเสื้อคลุมขึ้นพร้อมทั้งคุกเข่าลง “น้อมรับพระราชโองการ...”“ด้วยโองการแห่งฟ้า องค์จักรพรรดิได้มีพระบัญชา… หากท่านอ๋องเฉิงมิสามารถตัดสินคดีฆาตกรรมของหลิงอวี๋ได้อย่างยุติธรรมในเวลาบ่ายสาม ท่านอ๋องหงซานจะรับช่วงพิจารณาคดีของหลิงอวี๋แทน…”หัวใจของท่านอ๋องเฉิงกับเซียวหลินเทียนจมดิ่งลงหลังจากที่ท่านอ๋องหงซานอ่านจบ เขาก็วางพระราชโองการขององค์จักรพรรดิอย่างภูมิใจ “ท่านอ๋องเฉิง นี่มันบ่ายสามแล้ว ในเมื่อเจ้ามิสามารถตัดสินคดีได้ ข้าจะรับช่วงต่อคดีนี้เอง!”ท่านอ๋องหงซานเดินไปที่บนแท่นพิจารณาคดี แล้วเอื้อมมือไปหยิบค้อนขึ้นมาฟาดมันลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว“หลิงอวี๋สังหารท่านหญิงจ่างหนิง และทำให้เฮ่ออันได้รับบาดเจ็บ
หากวันนี้เซียวหลินเทียนกล้าขวางพระชายาเว่ยมิให้พาหลิงอวี๋ไป และกล้าต่อต้านกองทัพหลวง เขาจะถูกตั้งข้อหากบฏ!เซียวหลินเทียนสีหน้ามืดมนและกำมือแน่นแวบหนึ่งในความคิดเขาก็คือ แม้ว่าเขาจะต้องฆ่ากองทัพหลวงเหล่านี้ เขาก็ต้องพาหลิงอวี๋ออกไปให้ได้!แต่เมื่อเห็นสายตาตะลึงของจ้าวซวนกับคนอื่น ๆ เซียวหลินเทียนก็บังคับตนให้ละทิ้งความคิดนี้ไป...กองทัพหลวงเหล่านั้นมีทั้งดาบและธนู พวกเขาต้องได้รับคำสั่งเป็นการส่วนตัวจากองค์จักรพรรดิ ตราบใดที่ตนกล้าต่อต้าน พวกเขาจะฆ่าตนอย่างแน่นอน!ไม่มีทางที่เขาจะพาหลิงอวี๋ฝ่าลูกธนูมากมายถึงเพียงนี้ไปได้อย่างปลอดภัยเป็นแน่!ยิ่งไปกว่านั้น นี่มิใช่แค่เรื่องระหว่างตนเองกับหลิงอวี๋เท่านั้น!มีคนจำนวนมากในตำหนักอ๋องอี้ และยังมีหลิงเยวี่ยอีก แม้กระทั่งจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนและฉินซานเองก็จะลำบากไปกับตนด้วย!เซียวหลินเทียนรู้สึกเสียใจเป็นครั้งแรก!ไม่ว่าวรยุทธของเขาจะดีแค่ไหน!แต่พลังของเขาก็ยังน้อยเกินไป!เขามิสามารถต่อสู้กับอำนาจขององค์จักรพรรดิได้เลย!เซียวหลินเทียนมิเคยมีความคิดที่จะนั่งในตำแหน่งนั้นมาก่อนเลย...มีเพียงการควบคุมโชคชะตาไว้ในมือของตนเท่านั้น เขา
“หลิงอวี๋ นี่คือผลกรรมที่เจ้าฆ่าลูกสาวของข้า!”พระชายาเว่ยมิสามารถซ่อนความตื่นเต้นของตนได้เลย ยิ่งหลิงอวี๋อับอาย นางก็ยิ่งมีความสุข!นางเดินตามไปข้างหลัง เห็นว่าหลิงอวี๋กำลังจะถูกลากไปที่เกวียนบรรทุกมูลสัตว์ที่ตำหนักองค์ชายเว่ยเตรียมไว้ในที่ไกล ๆ นั้น เฉาอี้ยืนอยู่ที่ทางแยกเพื่อรอพบองค์ชายเย่เขามองความสับสนวุ่นวายอย่างกังวล และมองไปทางถนนขณะที่เขากำลังจะก่นด่านั้น ก็เห็นว่าในที่สุดก็มีม้าเร็วหลายตัวควบเข้ามา และองครักษ์คนหนึ่งก็ตะโกนมาจากไกล ๆ“พี่จ้าว องค์ชายเย่ ขันทีเซี่ยและหัวหน้าฝ่ายในมาแล้ว! ไปรายงานท่านอ๋องเร็วเข้า!”เฉาอี้พ่นลมหายใจออกมาอย่างตื่นเต้น แล้ววิ่งไปที่ห้องพิจารณาคดีพร้อมกับตะโกนไปขณะที่วิ่งไปด้วย“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเฉิง… องค์ชายเย่ ขันทีเซี่ยและหัวหน้าฝ่ายในมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”“พวกเขานำหลักฐานสำคัญมา…”เสียงนี้ดังขึ้น เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินก็รู้สึกราวกับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง เขารีบวิ่งขึ้นไปราวกับสายลมแล้วช่วยเหลือหลิงอวี๋ออกมาจากเงื้อมมือของคนรับใช้ในตำหนักองค์ชายเว่ย“องค์ชายเย่และขันทีเซี่ยนำหลักฐานสำคัญมาแล้ว!”“ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้พาหลิงอวี๋
หลังจากนั้นมินาน องค์ชายเย่ ขันทีเซี่ยและหัวหน้าฝ่ายในก็ตามหลังมาท่านอ๋องหงซานได้นั่งในห้องพิจารณาคดีของราชสำนักฝ่ายในมินาน ก็ถูกท่านอ๋องเฉิงไล่ลงมาแล้วคดีของหลิงอวี๋จะถูกพิจารณาใหม่!แม้ว่าองค์ชายเว่ย พระชายาเว่ยและเฮ่อจู้จะมิยอม แต่ขันทีเซี่ยก็มีพระราชโองการล่าสุดขององค์จักรพรรดิมา ทั้งสามคนมิยอมก็ต้องยอม!“ท่านอ๋องเฉิง กระหม่อมนำชุดดำกับลูกดอกพิษของตงจู๋มา!”องค์ชายเย่เหลือบมองเซียวหลินเทียนอย่างรู้สึกผิด จากนั้นก็โบกมือ แล้วองครักษ์ของเขาก็เอาหลักฐานเข้ามาตงจู๋ที่คุกเข่าอยู่ข้าง ๆ ก็ยังต้องโต้เถียงอยู่ในเวลานี้ นางตะโกนราวกับว่าถูกใส่ความ “องค์ชายเย่ บ่าวรู้ว่าหลิงอวี๋ช่วยพระชายาเย่ไว้ แต่ท่านจะใส่ร้ายบ่าวเพียงเพราะรู้สึกขอบคุณนางมิได้เพคะ!”“บ่าวภักดีต่อพระชายาฮุ่ย ถึงมิได้มีความดีความชอบใดแต่ก็ทำงานอย่างหนักเพคะ!”“หุบปาก!”องค์ชายเย่ตะโกนด้วยความโกรธ “พี่สะใภ้สี่ช่วยพระชายาของข้าไว้จริง ๆ! ข้ารู้สึกขอบคุณนาง แต่หัวหน้าฝ่ายในพาคนไปหาหลักฐานเหล่านี้มาด้วยตัวเอง!”“ตงเหมยผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าก็สารภาพแล้วว่านี่คือชุดดำของเจ้า!”ตงจู๋ยังคงโต้แย้งอยู่ “สิ่งที่ตงเหมยบอกน
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต