หลังจากนั้นมินาน องค์ชายเย่ ขันทีเซี่ยและหัวหน้าฝ่ายในก็ตามหลังมาท่านอ๋องหงซานได้นั่งในห้องพิจารณาคดีของราชสำนักฝ่ายในมินาน ก็ถูกท่านอ๋องเฉิงไล่ลงมาแล้วคดีของหลิงอวี๋จะถูกพิจารณาใหม่!แม้ว่าองค์ชายเว่ย พระชายาเว่ยและเฮ่อจู้จะมิยอม แต่ขันทีเซี่ยก็มีพระราชโองการล่าสุดขององค์จักรพรรดิมา ทั้งสามคนมิยอมก็ต้องยอม!“ท่านอ๋องเฉิง กระหม่อมนำชุดดำกับลูกดอกพิษของตงจู๋มา!”องค์ชายเย่เหลือบมองเซียวหลินเทียนอย่างรู้สึกผิด จากนั้นก็โบกมือ แล้วองครักษ์ของเขาก็เอาหลักฐานเข้ามาตงจู๋ที่คุกเข่าอยู่ข้าง ๆ ก็ยังต้องโต้เถียงอยู่ในเวลานี้ นางตะโกนราวกับว่าถูกใส่ความ “องค์ชายเย่ บ่าวรู้ว่าหลิงอวี๋ช่วยพระชายาเย่ไว้ แต่ท่านจะใส่ร้ายบ่าวเพียงเพราะรู้สึกขอบคุณนางมิได้เพคะ!”“บ่าวภักดีต่อพระชายาฮุ่ย ถึงมิได้มีความดีความชอบใดแต่ก็ทำงานอย่างหนักเพคะ!”“หุบปาก!”องค์ชายเย่ตะโกนด้วยความโกรธ “พี่สะใภ้สี่ช่วยพระชายาของข้าไว้จริง ๆ! ข้ารู้สึกขอบคุณนาง แต่หัวหน้าฝ่ายในพาคนไปหาหลักฐานเหล่านี้มาด้วยตัวเอง!”“ตงเหมยผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าก็สารภาพแล้วว่านี่คือชุดดำของเจ้า!”ตงจู๋ยังคงโต้แย้งอยู่ “สิ่งที่ตงเหมยบอกน
ท่านอ๋องเฉิงกุมขมับ พี่น้องทั้งสองทะเลาะกันในห้องพิจารณาคดีเหมือนเด็ก ๆ ไปได้ นี่มันอะไรกันเนี่ย!ในตอนที่ไม่มีใครสังเกตเห็น จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็ลืมตาขึ้นมานางถูกเซียวหลินเทียนอุ้มไว้ในอ้อมแขน นางลืมตาขึ้นมา พอเห็นว่าตนอยู่ในห้องพิจารณาคดีก็หลับตาไปอีกครั้งนางนึกถึงประสบการณ์ในฝันของตนสองวันที่ผ่านมา มันมืดมน กึ่งหลับกึ่งตื่น นางต้องจัดการความรู้ที่นางได้เรียนรู้ในมิติ หาทางช่วยเฮ่ออัน มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่องค์ชายเว่ยกับภรรยาของเขาจะมั่นใจได้อย่างสมบูรณ์พระชายาเว่ยกับองค์ชายเว่ยยังคงโต้เถียงกับเซียวหลินเทียนอยู่ในเวลานี้ เหยียนฮุ่ยภรรยาของเฮ่อจู้ก็อุ้มเฮ่ออันไว้แล้วเดินโซเซเข้ามาในห้องพิจารณาคดี“สามี... พระชายาเว่ย พวกท่านดูเถิด... อันเอ๋อร์มิไหวแล้ว!”หัวใจของเฮ่อจู้เต้นรัวแล้วรีบวิ่งเข้าไป แล้วก็เห็นเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเฮ่ออันที่อยู่ในอ้อมแขนของเหยียนฮุ่ยใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาซีดราวกับกระดาษ มีเพียงหายใจแต่หายใจมิเข้าเลย!เฮ่อจู้สิ้นหวังแล้ว เขาคว้าเฮ่ออันพลางตะคอกใส่เซียวหลินเทียนกับท่านอ๋องเฉิง“เซียวหลินเทียน ท่านอ๋องเฉิง พวกท่านดูลูกชายของกระหม่อมเถิด… เขากำลั
เฮ่อจู้ก็ตะโกนเช่นกัน “เสี่ยวฮุ่ย พาลูกมานี่ อย่าเชื่อหลิงอวี๋มือสังหารผู้นี้เลย!”“อันเอ๋อร์ช่วยมิได้แล้ว เหตุใดเจ้าจึงให้หญิงเลวทรามเช่นหลิงอวี๋มาทรมานเขาอีกเล่า!”เหยียนฮุ่ยเหลือบมองเฮ่อจู้อย่างดุร้าย มิสนใจเขา แล้วหันไปหาหลิงอวี๋พลางเอ่ย“พระชายาอ๋องอี้ อันเอ๋อร์ยังช่วยได้หรือไม่?”เหยียนฮุ่ยไม่มีเวลากังวลอีกต่อไปว่าหลิงอวี๋จะทำให้เฮ่ออันได้รับบาดเจ็บหรือไม่ สำหรับนาง ตราบใดที่หลิงอวี๋สามารถช่วยเฮ่ออันได้ นางก็ให้อภัยหลิงอวี๋สำหรับความผิดพลาดของนางได้!“ได้!”“ยกโต๊ะมานี่!”เซียวหลินเทียนรีบยกโต๊ะนายทะเบียนมาตรงหน้าหลิงอวี๋หลิงอวี๋อุ้มเฮ่ออันมาวางลงบนโต๊ะหลิงอวี๋รีบถอดเสื้อผ้าของเฮ่ออันออกแล้วเอ่ยกับเหยียนฮุย “ช่วยข้าประคองเขาลุกขึ้นนั่งไว้!”เหยียนฮุ่ยรีบเข้ามาช่วยหลิงอวี๋ประคองเฮ่ออันนางเห็นหลิงอวี๋ฝังเข็มที่ปากของเฮ่ออันอย่างรวดเร็วด้วยเข็มเงินแถวหนึ่งเหยียนฮุ่ยตกใจแทบแย่ หลิงอวี๋กลัวว่าเฮ่ออันจะมิตายเร็วพอหรือ นางจึงจะฝังเข็มเฮ่ออันให้ตายด้วยมือของนางเอง?เฮ่อจู้ก็ตกใจ พลางตะโกนด่าเสียงดัง “หลิงอวี๋ นี่เจ้ากำลังช่วยหรือทำร้ายกันแน่?”“ท่านอ๋องเฉิง ท่านยังมิห้า
คราวนี้มิจำเป็นที่ท่านอ๋องเฉิงต้องพูดอะไรแล้ว ใครก็ตามที่อยู่ในห้องพิจารณาคดีนั้นก็ล้วนเห็นปฏิกิริยาที่หวาดกลัวของเฮ่ออันทั้งนั้นตอนหลิงอวี๋ช่วยเฮ่ออันขึ้นมา เฮ่ออันเผชิญหน้ากับนางก็มิได้แสดงออกถึงความกลัวเลย!หากหลิงอวี๋ฆ่าจ่างหนิงและทำให้เฮ่ออันบาดเจ็บ เฮ่ออันจะยังสงบเช่นนั้นได้เยี่ยงไร?แต่พอเฮ่ออันเห็นตงจู๋ เขาก็ดูหวาดกลัวขึ้นมาทันที แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าใครเป็นมือสังหาร!สีหน้าของเฮ่อจู้ดูแย่ลงไปทันที มิรู้ว่าในใจเขาควรจะมีความสุขหรือกังวลดี!เหยียนฮุ่ยเหลือบมองเฮ่อจู้อย่างเฉยเมยไม่มีใครรู้จักสามีได้ดีเท่าภรรยาอีกแล้ว!เมื่อครู่ตอนที่เฮ่อจู้ลังเลเหยียนฮุ่ยเห็นหน้าสามีของตนชัดเจน!ตนดีใจที่ได้ยินว่าหลิงอวี๋สามารถช่วยเฮ่ออันได้!ขอเพียงยังมีความหวังสักเล็กน้อย นางก็จะมิยอมแพ้ในการช่วยเหลือลูกชายของตน!แต่ในขณะนั้นดวงตาของเฮ่อจู้ที่ฉายแววออกมา กลับกำลังสงสัยว่าควรจะให้หลิงอวี๋ช่วยดีหรือไม่!อีกทั้งหลังจากนั้นก็ยังคิดที่จะขัดขวางหลิงอวี๋มิให้ช่วยเหลือเฮ่ออันด้วย...ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าเฮ่อจู้ต้องการย้ำความผิดของหลิงอวี๋ ให้องค์ชายเว่ยกับภรรยาของเขากำจัดหลิงอวี๋
“ปัง!”ท่านอ๋องเฉิงทนมิไหวอีกต่อไปแล้วจึงเคาะค้อนลงบนโต๊ะแล้วตะคอก“พระชายาเว่ย เจ้ายังจะไร้เหตุผลและทำเรื่องวุ่นวายอีก...ในตอนแรกเจ้าก็ผลักความผิดไปให้พระชายาอ๋องอี้ว่าเป็นมือสังหาร ตอนนี้เจ้าโยงไปถึงพระชายาฮุ่ย เจ้าคิดที่จะทำลายความสงบสุขภายในราชวงศ์หรือ?”“ข้าคำนึงถึงความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกสาวของเจ้า ดังนั้นจะมิถือสาหาความกับเจ้า แต่นั่นมิได้หมายความว่าข้าจะยอมทนกับเจ้าไปตลอด!”“พระชายาเว่ย หากเจ้ากล้าทำเรื่องไร้สาระอีกครั้ง เจ้าจะถูกลงโทษตามกฎของศาล! เจ้าจะถูกเฆี่ยนตีสิบครั้งต่อหน้าธารกำนัล!”พระชายาเว่ยอ้าปาก แต่สุดท้ายนางก็มิกล้าพูดอะไรอีก แม้ว่าในใจจะแค้นมากก็ตามแต่ท่าทีของท่านอ๋องเฉิง ขอเพียงนางพูดอีก ก็คงหนีมิพ้นถูกเฆี่ยนตีสิบครั้งเป็นแน่!“หลิงอวี๋ ก้าวออกมาฟังคำตัดสิน!”หลิงอวี๋เดินไปข้างหน้าอย่างเชื่อฟังท่านอ๋องเฉิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ในคดีจ่างหนิง หลักฐานของมือสังหารตงจู๋เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้ว หลิงอวี๋กับหลิงซวนมิเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ข้าขอตัดสินว่าพ้นผิดและให้ปล่อยตัวได้!”“ตงจู๋กับตงเหมยถูกตัดสินประหารชีวิต! ให้ไปดำเนินการทันที!”......“หลิงอวี๋ขอบพระ
หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนมาถึงคุกเพื่อรับตัวหลิงซวนหลิงอวี๋ฉีดยาให้หลิงซวนและป้อนยาบางอย่างให้นาง จากนั้นหลิงซวนก็ตื่นขึ้นมาหานอวี้ตามเข้ามาแล้วพาหลิงซวนออกจากคุก“แม่นางเหยียนผู้นั้นเล่า?”หลิงอวี๋เห็นว่าป้าหลี่เป็นคนเปิดประตูห้องขังให้ตนจึงเอ่ยถามหลิงอวี๋ยังจำได้ว่า แม่นางเหยียนพาพวกแม่นมเจี่ยเข้ามาวางยาพิษตนก่อนที่ตนจะสลบไปป้าหลี่ยิ้มพลางเอ่ย “พระชายาอ๋องอี้ เมื่อครู่แม่นางเหยียนยังอยู่ที่นี่อยู่เลย แต่มิรู้ว่าไปไหนเสียแล้วเจ้าค่ะ!”“ท่านมีเรื่องอะไรกับนางหรือไม่เจ้าคะ? บ่าวจะช่วยออกไปตามหานางให้!”หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ “แม่นางเหยียนผู้นี้ดีกับหม่อมฉันมาก เมื่อคืนก่อนนางพาคนเข้ามาป้อนยาพิเศษหม่อมฉัน ท่านให้คนช่วยไปตามหานางให้หม่อมฉันทีเถิด หม่อมฉันต้องขอบคุณนางเพคะ!”เซียวหลินเทียนได้ยินก็เข้าใจเลย สีหน้าของเขามืดมนลงทันทีมิน่าหลิงอวี๋จึงหมดสติไปมิฟื้น ที่แท้ก็เป็นฝีมือของเดรัจฉานผู้นี้นี่เอง!“จ้าวซวน เจ้าพาคนไปตามหานาง!”จ้าวซวนก็เข้าใจสิ่งที่หลิงอวี๋บอกเช่นกัน จึงรีบออกมาขอให้ท่านอ๋องเฉิงส่งนักการไปช่วยตามหาคนคนนั้น!ทุกคนค้นหารอบ ๆ ในที่สุดก็พ
“อาอวี๋ เจ้าหลุดพ้นมาได้ในครั้งนี้ ฉินซาน องค์ชายเย่และทุกคนต่างก็ออกแรงกันอย่างมากทีเดียว!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างซาบซึ้งใจ “ข้าเกือบจะตำหนิน้องห้าแล้ว!”“เหตุใดหรือเพคะ?” หลิงอวี๋หมดสติอยู่จึงมิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเซียวหลินเทียนเล่าเรื่องการพิจารณาคดีในวันนี้อย่างคร่าว ๆ ให้ฟัง เมื่อนางได้ยินว่าตนหมดสติไป พระชายาเว่ยก็กล้าใช้กองทัพหลวงข่มขู่เซียวหลินเทียน ทั้งยังสวมชุดผ้ากระสอบไว้ทุกข์ให้ตนด้วยหลิงอวี๋ก็โกรธจนหน้าเคร่งขรึมไปทันทีเซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “ตอนนั้นข้าอยากจะพาเจ้าออกไปโดยมิสนใจสิ่งใดทั้งนั้น!”“แต่หากข้าทำเช่นนั้น ชีวิตของหลิงเยวี่ยและทุกคนที่ตำหนักอ๋องอี้จะต้องเสียไปเลย... และจะเดือดร้อนไปถึงท่านอดีตเสนาบดีด้วย!”“ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องได้รับความคับข้องใจ! เจ้ามิต้องกังวล ในภายหน้าข้าจะช่วยให้เจ้าได้ชำระแค้นนี้อย่างแน่นอน!”หลิงอวี๋นึกถึงอันตรายในเวลานั้น แล้วลูบมือเซียวหลินเทียนด้วยความเข้าใจ “ท่านทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วเพคะ!”“ท่านจะทำให้ทุกคนต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังเพียงเพราะหม่อมฉันคนเดียวมิได้! หม่อมฉันไม่มีทางตำหนิท่านหรอก!”เซียวหลินเท
กระทั่งกลับไปถึงตำหนักอ๋องอี้แม่นมลี่ก็พาหลิงเยวี่ยวิ่งออกมาต้อนรับหลิงอวี๋จนถึงตอนนี้หลิงเยวี่ยก็มิรู้ว่าหลิงอวี๋กลับมาจากประตูนรก เขายังเชื่อสิ่งที่แม่นมลี่บอก และคิดว่าหลิงอวี๋ออกไปตรวจรักษาให้ผู้คน“ท่านแม่… ผู้ป่วยครั้งนี้รักษายากมากใช่หรือไม่! ท่านแม่ไปตั้งหลายวันเลย! ช่วยรักษาเขาได้หรือไม่ขอรับ?”หลิงเยวี่ยเอ่ยถามอย่างกังวล“รักษาได้แล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้มพลางกอดหลิงเยวี่ย นางมองแม่นมลี่อย่างซาบซึ้งสองวันที่ผ่านมานี้ทำให้แม่นมลี่กังวลมิน้อยเลย! แต่นางก็ยังดูแลหลิงเยวี่ยได้เป็นอย่างดีถึงเพียงนี้!แม่นมลี่ปาดน้ำตาจากหางตาออกอย่างเงียบ ๆ แล้วยิ้มพลางเอ่ย “กลับมาก็ดีแล้วเจ้าค่ะ บ่าวให้สุ่ยหลิงไปตุ๋นไก่ไว้แล้ว คุณหนูไปพักผ่อนเสียหน่อยเถิด ประเดี๋ยวค่อยกินอาหาร!”“ขอบคุณแม่นม!”ความรู้สึกซาบซึ้งใจที่หลิงอวี๋มีต่อแม่นมลี่นั้นมิสามารถอธิบายออกมาได้เลย นางอุ้มหลิงเยวี่ยเข้าไปข้างในอย่างมีความสุขระหว่างทางก็เห็นว่ามีนางรับใช้ยื่นหน้าแอบมอง แต่หลิงอวี๋มิได้พูดอะไรแม้ว่าหานเหมยจะพูดมิเก่งนัก แต่ก็กระซิบ “คุณหนู ตอนคุณหนูมิอยู่ เสวี่ยฉินกับเสวี่ยเจินดิ้นรนทำทุกสิ่งเลยเจ้าค่ะ! พว
ต่งเฉิงมองหลิงอวี๋พลางพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบเคราของตัวเองว่า “สาวน้อยนางนี้รู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมายเช่นนี้นับว่าหายาก!”เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มิใช่สมุนไพรธรรมดาทั้งหมด นอกจากเครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นโอสถระดับต้นแล้ว ยังมีระดับกลางและระดับสูงจำนวนเล็กน้อยอีกด้วยโดยทั่วไป ผู้เข้าสอบที่ตอบได้เจ็ดสิบถึงแปดสิบชนิดก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ทว่าหลิงอวี๋สามารถตอบได้มากกว่าหนึ่งร้อยชนิด ถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงเลยทีเดียวเพิ่งเข้ามาก็ทำคะแนนได้ดีถึงเพียงนี้ หากนางได้เรียนอย่างเป็นระบบก็คงแซงหน้าบัณฑิตคนอื่นได้ในมิช้า“ตึง ตึง ตึง!”เมื่อเสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง การสอบแข่งขันของกลุ่มนี้ก็สิ้นสุดลง“หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคะแนน!”กลองหยุดลงแล้ว และบนใบหน้าของศิษย์พี่หญิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรก นางหยิบป้ายส่งให้หลิงอวี๋พร้อมรอยยิ้ม“การสอบแข่งขันรอบต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงบ่าย! ความสามารถในการจำแนกเครื่องยาสมุนไพรของเจ้าดีที่สุดในรอบนี้ ทำให้ดีล่ะ!”“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง!”หลิงอวี๋รับป้ายมาด้วยความตื่นเต้น พลางหันไปดูผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่กำลังมองนางด้
เป็นไปตามคาด หลิงอวี๋เห็นใบหน้าที่งดงามทว่าโหดร้ายนั้น และนั่นก็คือศัตรูที่นางมิอาจลืมเลือน...จ้าวหรุ่ยหรุ่ย!ชั่วขณะนั้นดวงตาของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางนึกอยากจะรุดเข้าไปฉีกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นชิ้น ๆ เพียงหลับตา นางก็มิอาจควบคุมตนมิให้นึกถึงฉากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเตะต่อยตนความเจ็บปวดและเลือดสด ๆ อีกทั้งความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกไปทำให้หลิงอวี๋มิอาจลืมความเกลียดชังที่ตนมีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้เลย!คาดมิถึงว่าศัตรูจะปรากฏตัวต่อหน้าตนเช่นนี้!หลิงอวี๋ตื่นตัวมากจนร่างกายสั่นเทา แต่นางก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้นางมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การวู่วามลงมือมีแต่จะเป็นการรนหาที่ตายเท่านั้นหลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึกพลางมองเด็กสาวที่ประกาศสงครามกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเด็กสาวคนนี้ดูอายุราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปี มีรูปร่างสูง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และดวงตาแวววาวสดใสผมสีดำสนิทของนางถูกแสกกลางและถักเป็นเปียยาวสองข้างพันไว้รอบมวยผม ข้าง ๆ มวยผมนั้นมีปิ่นมุกปักประดับอยู่สองอันเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วงควันธูป และเมื่อดูจากเนื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นค
ข่าวที่สือหรงนำมาให้เซียวหลินเทียนมิใช่ข่าวดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงอยู่ในตำหนักเทียนจีและมิได้มาลงทะเบียนด้วยตนเองหากอยากพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ทำได้แค่ต้องรอจนถึงวันคัดเลือกรอบแรกเท่านั้นแต่เซียวหลินเทียนก็มิย่อท้อ ถึงอย่างไรขอเพียงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยปรากฏตัว เขาก็จะไม่มีทางปล่อยนางหนีไปอีกแน่ ให้นางเป็นอิสระอีกสักสองสามวันก็คงมิเป็นไร!ในช่วงวันเวลาที่เหลือ หลายคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเช่นเดียวกับหลิงอวี๋ พวกเขาอ่านตำราอย่างหนักและเพิ่มพูนความรู้ที่ขาดไป เพื่อที่จะผ่านการคัดเลือกและได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงทว่าหลิงอวี๋มิรู้เลยว่าศัตรูของตนมาถึงเมืองหลวงแดนเทพแล้ว หลังจากเอาแต่ปิดห้องอ่านตำราเป็นเวลาหลายวันนางก็มาที่สำนักศึกษาชิงหลงที่อยู่นอกเมืองในวันแห่งการคัดเลือก โดยมีผู้รอบรู้เรื่องร่วมเดินทางด้วยหน้าทางเข้าสำนักศึกษาชิงหลงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบุรุษและสตรี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันนับพันคนผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็ทึ่งจนพูดมิออก และอ้ำอึ้งพูดออกไปว่า “รู้เช่นนี้ข้าน่าจะมาลงทะเบียนเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงกับเจ้าด้วย เฮ้อ ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้ม นางรู้ว่าผู้รอบร
“เถาจื่อ หานอวี้ วันพรุ่งพวกเจ้าไปลงทะเบียนเสีย!”เซียวหลินเทียนทำการตัดสินใจและกำชับว่า “ลงทะเบียนในชื่อของน้องสาวข้า!”“เผยอวี้ ฉินซาน พวกเจ้าสองคนก็ไปลงทะเบียนสาขาที่ตนเองชื่นชอบด้วย พวกเจ้าทั้งคู่บอกแค่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็พอ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทุกคนก็หัวเราะอย่างมีความสุข พลางพยักหน้าและจัดลำดับอาวุโสกันให้เซียวหลินเทียนเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน เถาจื่อเป็นพี่หญิงใหญ่ หานเหมยเป็นพี่น้องคนที่สาม และหานอวี้เป็นคนที่สี่เซียวหลินเทียนได้บอกจุดประสงค์ของภารกิจให้พวกเขาทราบแล้ว เถาจื่อกับหานอวี้ต้องให้ความสำคัญกับฝั่งของสตรีวันรุ่งขึ้น เถาจื่อและหานอวี้ไปลงทะเบียน และทั้งคู่ก็เลือกวิชาปรุงโอสถเนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนางเคยตามหลิงอวี๋ไปจำแนกเครื่องยาสมุนไพรหลายชนิด ในความคิดของพวกนาง การกลั่นโอสถเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการผ่านการประเมินมีชั้นเรียนที่สอนการกลั่นโอสถเพียงสองแห่งเท่านั้น ดังนั้นเถาจื่อและหานอวี้จึงต้องลงทะเบียนเรียนคนละชั้นเรียนและเถาจื่อก็ได้ลงทะเบียนเรียนชั้นเรียนของหอโอสถซ่างกู่เซียวหลินเทียน เผยอวี้และคนอื่น ๆ ก็ไปลงทะเบียนด้วยเซียวหลินเทียนลงทะ
เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย
หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ
หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“
เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี
หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห