หลิงอวี๋ถูกแม่นมเจี่ยกับนางรับใช้จับไว้จนมิสามารถขยับได้เลยหลังจากนั้นไม่นาน เมื่อนางรู้สึกว่านางกำลังจะหายใจไม่ออก แม่นมเจี่ยก็ปล่อยมือออกแม่นมเจี่ยหัวเราะอย่างเต็มที่ “เจ้าได้กลืนยานี้ไปแล้ว ตอนนี้เจ้าอยากอาเจียนก็อาเจียนออกมามิได้แล้ว! แค่รอจนกว่าผิวหนังกับเนื้อของเจ้าจะเปื่อยเน่าแล้วตายไปในวันพรุ่งเสียเถอะ!”แม่นมเจี่ยจ้องมองหลิงอวี๋อย่างดุร้ายอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนางเห็นว่าหลิงอวี๋หมดแรงแม้แต่จะอาเจียนแล้วนางก็ออกไปพร้อมกับนางรับใช้อย่างสบายใจอ้วก… อ้วก...หลิงอวี๋อาเจียนอยู่หลายครั้ง แต่มิสามารถอาเจียนออกมาได้เลยจริง ๆนางพาตัวเองเข้าไปในไร่ยาในมิติ บนพื้นยังมีกล่องเหล็กที่ตนเอาขึ้นมาจากสระน้ำวางอยู่หลิงอวี๋เห็นขวดยาเล็ก ๆ นั้น สิ่งที่หลานฮุ่ยจวนทิ้งไว้น่าจะเป็นยาแก้พิษ!นางไม่มีแรงที่จะตรวจสอบว่าตนได้รับพิษชนิดใดอีกต่อไปแล้ว จึงเทยาออกมาเม็ดหนึ่งแล้วกลืนลงไปเม็ดยานี้เข้าปากไปแล้วรู้สึกสดชื่น และมีกลิ่นหอมแปลก ๆ เสียดายที่มีแค่สามเม็ดเท่านั้นไม่นานหลังจากที่หลิงอวี๋กลืนยาเข้าไป การมองเห็นก็พร่ามัว ความรู้สึกง่วงนอนก็เข้ามาครอบงำ นางฝืนมิไหวแล้วจึงหลับไปอีกครั้งนาง
ราชสำนักฝ่ายในท่านอ๋องเฉิงมาพบหลิงอวี๋ในตอนเช้าตรู่ ทางเขามิพบเบาะแสอะไรที่เป็นประโยชน์เลย หวังว่าหลิงอวี๋จะคิดหาวิธีช่วยเฮ่ออันได้แล้วเขาคิดเช่นเดียวกับไทเฮาเหลียง แม้ว่าหลิงอวี๋จะมิสามารถพิสูจน์ได้ว่านางมิได้ฆ่าใคร ก็ขอเพียงให้สามารถช่วยเฮ่ออันได้การถามสถานการณ์ในวันนั้นจากปากของเฮ่ออัน ก็อาจสามารถชะลอเรื่องการสืบสวนไปได้อีกเช่นกันไหนเลยจะคิดว่าท่านอ๋องเฉิงให้แม่นางเหยียนไปพาหลิงอวี๋มา แต่แม่นางเหยียนกลับเอ่ยด้วยใบหน้าลำบากใจ “ท่านอ๋องเฉิง หลิงอวี๋มิสบาย บ่าวไปเรียกนางเมื่อเช้านี้ แต่ปลุกมิตื่นเลยเพคะ!”“บ่าวกำลังจะมารายงานท่านว่าต้องเรียกหมอให้นางหรือไม่เพคะ?”“หลิงอวี๋คงรู้ว่าวันนี้นางจะต้องถูกตัดหัว จึงกลัวจนล้มป่วย!”“ไร้สาระ มันจะเป็นไปได้เยี่ยงไร!”ท่านอ๋องเฉิงตะคอกด้วยความโกรธ “หลิงอวี๋เป็นคนใจสงบอยู่เสมอ จะกลัวง่าย ๆ ได้เยี่ยงไร! ช่างเถอะ ข้าจะไปดูเอง!”ท่านอ๋องเฉิงตามแม่นางเหยียนไปที่ห้องขัง แล้วเขาก็เห็นหลิงอวี๋กับหลิงซวนนอนอยู่บนหญ้าแห้งและสลบมิรู้ตัวจริง ๆ“อาอวี๋!”ท่านอ๋องเฉิงคุกเข่าลงแล้วผลักตัวหลิงอวี๋ หลังจากผลักอยู่นานหลิงอวี๋ก็มิขยับเหงื่อเย็นไหลออ
“อาจารย์!”หลี่ชุงเข้ามา เห็นหลิงอวี๋นอนหมดสติอยู่บนเตียง น้ำตาก็ไหลออกมา“ใจเย็น ๆ ขอข้าดูก่อน!”หมอเลี่ยวรีบเข้ามา ทำใจให้สงบลงแล้วตรวจชีพจรของหลิงอวี๋ท่านอ๋องเฉิงกับฉินซานมองหมอเลี่ยวอย่างเคร่งเครียด คิ้วของหมอเลี่ยวก็ขมวดเข้าหากันอย่างหนัก!“อาอวี๋ป่วยเป็นอะไรกันแน่?”เมื่อท่านอ๋องเฉิงเห็นว่าหมอเลี่ยวมิได้พูดอะไรเลยเป็นเวลานาน ก็ตะโกนไปอย่างกังวล “ข้ามิสนใจว่าเจ้าจะใช้วิธีใด แม้ว่าเจ้าจะให้ยาเข้มข้นแก่นาง เจ้าก็ต้องปลุกนางให้ฟื้นขึ้นมาก่อนที่การพิจารณาคดีจะเริ่มขึ้น!”“แม้ว่านางได้รับบาดเจ็บ นางก็จะรักษาตัวเองให้กลับมาแข็งแรงในภายหลังได้! แต่หากนางมิสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางได้ ทุกอย่างก็จะจบลง!”หมอเลี่ยวยิ้มขมขื่นพลางเอ่ย “ท่านอ๋องเฉิง ข้าน้อยมิเข้าใจเลย... ชีพจรของพระชายายุ่งเหยิงมาก! ข้าน้อยมิรู้ด้วยซ้ำว่านางป่วยด้วยโรคอะไร แล้วจะกล้าให้ยามั่ว ๆ กับนางได้เยี่ยงไร!”“ถูกวางยาพิษหรือไม่?”ฉินซานนึกถึงที่หลิงอวี๋ถูกหมอเฝิงวางยาพิษตอนที่อยู่ที่เว่ยโจว จึงเตือนขึ้นมา“ดูคล้ายจะใช่ แต่ก็ดูคล้ายจะมิใช่...”หมอเลี่ยวส่ายหัว “หากนางถูกวางยา หัวใจของนางก็จะอ่อนแอ! แต่
“มากเกินไปแล้ว… มันจะกลั่นแกล้งกันมากเกินไปแล้ว…”ท่านอดีตเสนาบดีโกรธจนปากสั่น ในขณะเดียวกันก็รู้สึกหนาวเหน็บไปด้วยเขาทำการสงครามให้กับฉินตะวันตกมานับมิถ้วนในตลอดชีวิตของเขา ถึงไม่มีความดีความชอบแต่ก็ทำงานหนัก จักรพรรดิอู่อันจะทำให้หลานสาวของตนอับอายเช่นนี้ได้เยี่ยงไร?!แม้จะมิได้นึกถึงความดีความชอบของตน แต่หลิงอวี๋ก็เพิ่งจะเสี่ยงชีวิตเพื่อไปที่เว่ยโจวเพื่อช่วยฉินตะวันตกต่อสู้กับโรคระบาด โรงงานยาของนางก็มีส่วนช่วยฉินตะวันตกไว้อย่างมากด้วย!องค์จักรพรรดิจะลืมคุณงามความดีเช่นนี้ได้เยี่ยงไร!หลิงเยี่ยนเห็นว่าท่านอดีตเสนาบดีโกรธเช่นนี้หลังจากได้ยินข่าว ก็รู้สึกอิจฉาในใจก่อนหน้านี้ตนหวังจะหาโอกาสกำจัดหลิงอวี๋เพื่อเอาใจฮองเฮาเว่ยกับองค์ชายเว่ยแต่หลิงอวี๋ฆ่าจ่างหนิง นี่มันก็เท่ากับเป็นการตัดความเป็นไปได้ที่ตนจะแต่งงานเข้าตำหนักองค์ชายเว่ยไปเลยมิใช่หรือ?หลิงเยี่ยนเอ่ยด้วยความโกรธ “ท่านปู่ ดูเถิดว่าท่านยังคงเข้าข้างหลิงอวี๋อยู่อีก นางทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ สิ่งที่ท่านควรกังวลคือนางจะทำครอบครัวของเราเดือดร้อนหรือไม่สิเจ้าคะ!”“ท่านปู่ ท่านควรประกาศตัดความสัมพันธ์กับนางต่อธารกำนัล เร
นอกประตูราชสำนักฝ่ายใน ผู้คนที่มาเฝ้าดูยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วแม้ว่าจะยังมิถึงเวลาพิจารณาคดี แต่ถนนด้านนอกประตูก็แน่นขนัดไปหมด!“หลิงอวี๋จะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนได้หรือ?”ผู้คนที่มารวมตัวกันเป็นกลุ่ม ๆ ต่างพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้“จะเป็นไปได้เยี่ยงไร? ได้ยินมาว่าพยานกับหลักฐานครบมาก คราวนี้หลิงอวี๋ดิ้นมิหลุดแน่!”“เหตุใดหญิงผู้นี้จึงใจร้ายถึงเพียงนี้ เด็กเล็กถึงเพียงนั้นนางลงมือได้เยี่ยงไร!”หานอวี้ปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงชน รอคอยการพิจารณาคดีอย่างใจจดใจจ่อท่านอ๋องอี้ได้บอกไว้แล้วว่า ในช่วงหลายวันนี้ต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของหลิงเยวี่ย เพื่อป้องกันการแก้แค้นจากตำหนักองค์ชายเว่ยดังนั้น หานอวี้กับแม่นมลี่จึงมิกล้าบอกความจริงกับหลิงเยวี่ย และมิอนุญาตให้หลิงเยวี่ยออกจากตำหนักอ๋องอี้เลยแม้แต่ก้าวเดียววันนี้แม่นมลี่ส่งหานอวี้ออกมาสืบข่าว นางฟังคนเหล่านั้นเอ่ยถึงคุณหนูต่าง ๆ นานา ก็ทนมิได้จนอยากจะด่ากลับไปอยู่หลายครั้ง แต่เมื่อนึกถึงภารกิจของตนแล้วก็ทำได้เพียงอดทนฟังอย่างหงุดหงิด“เหตุใดยังมิเริ่มอีก!”รอกันมาเป็นเวลานานแล้ว ก็มีคนเอ่ยขึ้นมาอย่างมิอดทน“คงไม่มีการเปลี
ท่านอ๋องเฉิงมองหลิงอวี๋ที่ยังคงหลับตาแน่น แล้วถอนหายใจ “หรือนี่คือประสงค์ของสวรรค์กระนั้นหรือ?”เขาส่ายหัว มองเวลา จากนั้นก็จัดชุดให้เรียบร้อยแล้วเดินออกไปหลังจากนั้นมินาน ก็ได้ยินเสียงตะโกนของนักการดังขึ้นมาในราชสำนักฝ่ายใน “เข้าสู่… โถงพิธี!”ทุกคนต่างก็มีความกังวลนักการหญิงสองคนเดินเข้ามา ภายใต้คำสั่งของแม่นางเหยียน พวกนางแบกหลิงอวี๋มาบนแผ่นไม้แล้วมาส่งที่ห้องพิจารณาคดีฉินซานดูเป็นกังวลมาก หลิงอวี๋ที่หมดสติอยู่เช่นนี้ นางจะปกป้องตัวเองได้เยี่ยงไรเล่า!หลี่ว์จงเจ๋อก็มาด้วย เมื่อเข้าไปในประตูแล้วเห็นภาพนี้ ใจของเขาก็จมดิ่งลงเมื่อครู่เขาเพิ่งรบกวนพ่อของเขาให้ช่วยขอร้องเรื่องของหลิงอวี๋หลี่ว์เซียงส่ายหัวพลางเอ่ย “มิใช่ว่าข้ามิอยากช่วย แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฮองเฮาเว่ย หากหลิงอวี๋ไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง แม้แต่ไทเฮาก็มิสามารถขอร้องให้หลิงอวี๋ได้!”“พวกเจ้าเชื่อหลิงอวี๋เถิด! สตรีผู้นั้นเป็นคนฉลาด นางจะต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางได้อย่างแน่นอน!”“อีกอย่าง ท่านอ๋องอี้ก็ทรงปราดเปรื่องเช่นกัน พระองค์จะต้องช่วยหลิงอวี๋ได้แน่!”หลี่ว์จงเจ๋อรีบเข้ามาด้วยคว
“เข้าสู่โถงพิธี! เงียบ! นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์!”หลังจากที่นักการของราชสำนักฝ่ายในตะโกนออกมา ทั้งห้องโถงก็เงียบลงเหล่าคนที่มาดูนั้นมองท่านอ๋องเฉิงที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดีอย่างสงสัยใคร่รู้นักโทษมิสามารถพูดได้แล้วคดีนี้จะพิจารณาได้อย่างไร?พระชายาเว่ยกับเฮ่อจู้ในฐานะเจ้าทุกข์ต่างมองหน้ากัน แล้วเฮ่อจู้ก็ก้าวไปคุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ท่านผู้บัญชาการขุนนางฝ่ายใน กระหม่อมต้องการฟ้องหลิงอวี๋ โทษฐานที่เพิกเฉยต่อกฎหมายและก่อเหตุฆาตกรรมในวัง จนทำให้ท่านหญิงจ่างหนิงถูกสังหารตั้งแต่อายุยังน้อย! เฮ่ออันบุตรชายของกระหม่อมก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกันและยังคงหมดสติอยู่ด้วย!”“กระหม่อมขอวิงวอนท่านผู้บัญชาการขุนนางฝ่ายในให้รักษาความยุติธรรมและลงโทษมือสังหารอย่างหนัก!”ท่านอ๋องเฉิงสีหน้ามิสู้ดี เขามองหลิงอวี๋ที่ไม่ขยับเขยื้อนเลยนี่อาจเป็นคดีที่ไม่มีเหตุผลที่สุดที่ท่านอ๋องเฉิงเคยพิจารณา นักโทษมิสามารถแก้ต่างได้ เขาเองก็มิสามารถซักถามได้ว่าถูกใส่ความหรือไม่!ตลอดหลายปีที่ผ่านมาท่านอ๋องหงซานทำงานอย่างดีเยี่ยม แม้ว่าเขาจะอายุหกสิบกว่าปีแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีสติมากกว่าท่านอ๋องเฉิงเขามองท่าทีลำบ
“ท่านอ๋องเฉิง...”เมื่อตราประทับของท่านอ๋องเฉิงกำลังจะแตะลงบนหนังสือหย่า เสียงตะโกนก็ดังมาจากไกล ๆจากนั้นมีม้าหลายตัวควบเข้ามาอย่างรวดเร็วเซียวหลินเทียนเป็นผู้นำมาแล้วตะโกนมาจากไกล ๆ “ท่านอ๋องเฉิง กระหม่อมจับมือสังหารที่ฆ่าจ่างหนิงได้แล้ว... นางสามารถพิสูจน์ได้ว่าหลิงอวี๋พูดความจริง!”ท่านอ๋องเฉิงถอนหายใจโล่งอกทันที แล้วขยำหนังสือหย่าเป็นลูกกลม ๆ โยนมันทิ้งไปพร้อมกับตะโกน“เอาตัวขึ้นมา!”“หลีกทางให้หมด!”หลี่ว์จงเจ๋อยังมิได้ไปไหนไกล เมื่อเห็นภาพนี้ก็วิ่งเข้ามาเปิดทางให้เซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนรีบควบม้ากีบขาวเข้าไป แล้วลงจากม้าที่หน้าห้องพิจารณาคดีเขาวิ่งวุ่นทั้งวันทั้งคืนเพื่อจับกุมคน แล้วรีบเดินทางกลับโดยมิกล้าหยุดพักด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าจะสายแล้วหลิงอวี๋จะถูกตัดสินเมื่อได้ยินคำพูดของท่านอ๋องเฉิง เซียวหลินเทียนก็แอบถอนหายใจโล่งอก โชคดีที่เขากลับมาทันเวลาองค์ชายเว่ยและภรรยาของเขา รวมถึงเฮ่อจู้โกรธจนใบหน้าบิดเบี้ยว!เมื่อเห็นว่าเหลือเพียงแค่ประทับตรา หลิงอวี๋ก็จะถูกหย่าร้างแล้ว และพวกเขาจะก็พาตัวนางออกไปได้!ใครจะคิดว่าเซียวหลินเทียนจะรีบกลับมาทัน!แม้ว่าพระชายาเว