แม่นมเว่ยนำถ้อยคำของไทเฮาเหลียงไปถ่ายทอดถึงจักรพรรดิอู่อัน ความโกรธของจักรพรรดิอู่อันก็หายไปครึ่งนึงทันทีเขาเอ่ยกับฮองเฮาเว่ยด้วยความโกรธ “ในเมื่อไทเฮาบอกมาเช่นนี้ เช่นนั้นก็รอวันมะรืนดีกว่า! หากหลิงอวี๋มิสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางได้ในวันมะรืน ข้าจะออกคำสั่งให้อ๋องอี้หย่ากับหลิงอวี๋แล้วค่อยลงโทษนาง!”ฮองเฮาเว่ยแอบกัดฟัน ในใจก็รู้สึกเกลียดไทเฮาเหลียงขึ้นมานางคิดว่าหากเวลายิ่งยาวนานไปจะยิ่งมีอุปสรรคมากขึ้น จึงอยากจะตัดหนทางของหลิงอวี๋เสียก่อน ไหนเลยจะคิดว่าไทเฮาเหลียงแม่เฒ่าเลวผู้นี้ จนถึงเวลานี้แล้วจะยังคงปกป้องหลิงอวี๋เช่นนี้ไทเฮาบอกมาเช่นนี้แล้ว องค์จักรพรรดิไม่มีทางเปลี่ยนใจอย่างแน่นอนฮองเฮาเว่ยจะพูดอะไรได้อีกเล่า!นางคิดว่านางได้บอกกับพระชายาเว่ยแล้ว หากพระชายาเว่ยฉลาดก็คงจะลงมือโจมตีก่อน!......ราชสำนักฝ่ายในท่านอ๋องเฉิงให้แม่นางเหยียนพาหลิงอวี๋ไปสอบปากคำทางด้านหลิงอวี๋ยังคงมิสามารถทำสิ่งใดได้ นางยังคิดมิออกว่าจะช่วยเฮ่ออันได้อย่างไรดีนางบอกเรื่องการคาดเดาของนางเกี่ยวกับพระชายาเส้าให้ท่านอ๋องเฉิงรู้ แล้วให้ท่านอ๋องเฉิงช่วยตนถ่ายทอดเรื่องเหล่านั้นไปให้เซียว
“อย่าเพิ่งใจร้อน! นั่งลงแล้วค่อย ๆ พูดกัน!”เซียวหลินเทียนเห็นรอยฟกช้ำบนใบหน้าของหลิงอวี๋ ก็อดมิได้ที่จะสัมผัสมันอย่างปวดใจ“ข้าพบเบาะแสบางอย่างแล้ว จึงเข้ามาคุยกับเจ้า”“เหล่าเอ้อร์ที่ถูกเจ้าแทงเมื่อวานนี้คือเนี่ยนซวงจากตำหนักพระชายาซิ่น พระชายาซิ่นแจ้งกับผู้ดูแลภายในว่านางหายตัวไป แต่กองทัพหลวงมิพบบุคคลนี้ในวังเลย!”“พระชายาซิ่น?” หลิงอวี๋มิได้รู้จักพระชายาในวังมากนัก“นางเป็นแม่ขององค์หญิงเจ็ด และยังมีองค์ชายอีกคนหนึ่งที่เป็นลูกแท้ ๆ ของนาง ปีนี้เขาอายุเพียงสิบขวบเท่านั้น พระชายาซิ่นไม่มีทางสร้างศัตรูกับเราเพียงเพื่อองค์ชายที่อายุน้อยเช่นนี้แน่!”เซียวหลินเทียนเล่าเรื่องตงฮุ่ยกับตงจู๋ให้หลิงอวี๋ฟัง รวมถึงความสงสัยของเขาเกี่ยวกับพระชายาเส้าด้วยหลิงอวี๋ฟังแล้วก็หัวเราะเยาะ “หม่อมฉันก็คิดว่าผู้บงการอยู่เบื้องหลังคือพระชายาเส้าเช่นกัน! วิธีการของนางฉลาดมาก คนที่นางใช้ล้วนเป็นคนที่นางให้แทรกซึมอยู่ในตำหนักของผู้อื่น! หากถูกเปิดโปงก็จะไม่มีใครสงสัยนาง!”หลิงอวี๋บอกทุกอย่างที่นางคิดให้เซียวหลินเทียนฟังเมื่อเซียวหลินเทียนฟังที่หลิงอวี๋บอกว่า คนลึกลับมิได้ฆ่าเฮ่ออัน อาจจะอยากดูว่า
หลิงอวี๋คิดว่าท่านจินต้ามีความรู้มากมาย ดังนั้นนางจึงเขียนคำสองสามคำนั้นลงบนพื้นให้ท่านจินต้าดูท่านจินต้าดูแล้วก็เอ่ย “นี่น่าจะเป็นตัวอักษรของเยวี่ยใต้เมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว อักษรเช่นนี้เลิกใช้ไปแล้วและเขียนยากเกินไป”“เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วหลังจากที่จักรพรรดิมู่หรงเกาจู่แห่งเยวี่ยใต้ขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ได้ระดมนักวิชาการมาพัฒนาอักษร พยายามที่จะรวมเข้ากับสี่แคว้นเพื่อให้สะดวกทางการค้าระหว่างแคว้น!”“ภายใต้อิทธิพลของพระองค์ ตอนนี้ทั้งสี่แคว้นจึงมีอักษรกับภาษาที่คล้ายคลึงกันมากแล้ว!”หลิงอวี๋รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย หรือว่าท่านจินต้าเองก็มิเข้าใจคำเหล่านี้เช่นกัน?เช่นนั้นตนจะหาทางช่วยเฮ่ออันได้เยี่ยงไรเล่า?ท่านจินต้าเห็นท่าทางลำบากใจของหลิงอวี๋ จึงยิ้มแล้วเอ่ย “พระชายามิต้องกังวล อย่าคิดว่าอักษรมันซับซ้อน อักษรเหล่านี้ก็มีกฎเกณฑ์ของมัน หากอนุมานตามอักษรปัจจุบันของเรา แม้ว่าจะเข้าใจได้มิหมด แต่ก็พอจะเข้าใจความหมายทั่วไปได้!”หลิงอวี๋คิดอยู่พักหนึ่งแล้วใช้วิธีที่ท่านจินต้าสอนมาลองอนุมานดู มันก็เหมือนกับอักษรจีนตัวเต็มกับตัวย่อในยุคปัจจุบัน มีบางตัวที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แต่บางตั
เมื่อเห็นท่าทีกระตือรือร้นของหลิงอวี๋ ท่านจินต้าก็มีแรงใจขึ้นมา แล้วเอ่ยต่อ“ข้าก็ได้ยินมาจากคำบอกเล่าเช่นกัน มิรู้รายละเอียดมากนัก... ว่ากันว่ายิ่งพลังวิญญาณของพวกเขายิ่งฝึกจนอยู่ขั้นสูงเท่าไร ความสามารถก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น สามารถควบคุมอากาศให้เป็นดาบได้ ควบแน่นน้ำให้เป็นน้ำแข็งได้ ทั้งยังผนึกวิญญาณได้ด้วย! ใช้สัตว์เทพมาใช้ประโยชน์ส่วนตัวได้อีก!”เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ตะลึง เขากับท่านจินต้ามิเคยคุยกันถึงตำนานเหล่านี้เลย เขามืรู้จริง ๆ ว่ามีชนเผ่าที่มีวรยุทธที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้อยู่ในใต้หล้าด้วย“ท่านจินต้า เช่นนั้นตามที่ท่านบอก หากเราเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งเช่นนี้ วรยุทธของข้าก็อ่อนแอมากสำหรับพวกเขาใช่หรือไม่?”ท่านจินต้าพยักหน้าอย่างระมัดระวัง “หากตำนานเป็นเรื่องจริง วรยุทธของท่านอ๋องก็อ่อนแอสำหรับพวกเขาอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหัวพลางเอ่ย “ข่าวลือทั้งหมดมันเกินจริงไป! ข้ามิเชื่อว่าจะมีคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ในใต้หล้า!”แต่หลิงอวี๋กลับมิได้มองในแง่เดียวกับเซียวหลินเทียน ตัวนางเองเป็นคนที่ข้ามมิติมา ทั
หลังจากที่ทั้งสองคนออกไปแล้ว หลิงอวี๋ก็พบแนวทางแล้วก็ศึกษาตำราการแพทย์ต่อไปมิรู้เช่นกันว่าดูไปนานเท่าใดก่อนที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าสองคน คนหนึ่งก้าวหนักกับอีกคนก้าวเบาหลิงอวี๋รีบซ่อนตำราการแพทย์ไว้ในมิติทันทีทันทีที่ออกมา ก็เห็นร่างคนสองคนยืนอยู่นอกประตูห้องขังเป็นหญิงหนึ่งคน และชายหนึ่งคนร่างกายของชายผู้นั้นถูกซ่อนอยู่ในความมืด หลิงอวี๋รู้สึกถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยบนร่างกายของเขาทันทีคนลึกลับที่ปรากฏตัวในตำหนักหย่งเหอผู้นั้น!หลิงอวี๋ตกใจมาก เหตุใดสองคนนี้จึงมาปรากฏตัวในคุกของราชสำนักฝ่ายในได้?เส้นสายของพระชายาเส้ากว้างไกลมาก!“หลิงอวี๋…”ทันทีที่หญิงผู้นั้นเอ่ย หลิงอวี๋ก็ฟังออกเลยว่านี่คือหัวหน้าที่ลักพาตัวตน!เหตุใดนางจึงออกมาจากวังเล่า?หลิงอวี๋ตกใจเล็กน้อย เซียวหลินเทียนบอกว่า ในเวลานั้นมีกองทัพหลวงเห็นตงฮุ่ยกับตงจู๋จากตำหนักพระชายาฮุ่ยบริเวณใกล้กับตำหนักหย่งเหอ!เช่นนั้นหัวหน้าผู้นี้ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้นในเวลานี้หัวหน้าผู้นี้ยังกล้าออกจากวังอีก นี่มิเกรงกลัวเลยหรือ?หลิงอวี๋มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระชายาเย่ ก่อนหน้านี้นางลืมให้เซียวหลินเทียนไปเตือนองค์ชายเย่ให้
หลิงอวี๋อดมิได้ที่จะหัวเราะพลางเอ่ย “เทียนซือ เจ้าพาผู้ที่เป็นเซียนมาให้ข้าดูสิ แล้วข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้า!”สีหน้าของเก๋อเทียนซือมืดมนลง ตงจู๋จึงดุด้วยความโกรธ “หลิงอวี๋ เทียนซือของเราให้โอกาสเจ้าแล้ว เจ้าอย่ามาทิ้งเกียรตินี้ไปจะดีกว่า!”หลิงอวี๋ยิ้มเย็นชา “เช่นนี้จะเรียกว่าทิ้งเกียรติได้เยี่ยงไรรึ? เมื่อครู่เจ้าบอกว่า ข้ามิเห็นโลงศพมิหลั่งน้ำตา เช่นนั้นก็เป็นเรื่องปกติที่ข้าจะมิลงมือทำสิ่งใดหากมิได้เห็นเป้าหมายที่ชัดเจน!”“ข้าเติบโตมาถึงเพียงนี้ยังมิเคยเห็นคนที่เป็นเซียนเลย เขามิให้ข้าดู ข้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าเขาพูดความจริงเล่า?”“ดังเช่นที่ว่า ใคร ๆ ก็วาดรูปอาหารได้ แต่มันกินได้หรือไม่เล่า?”ตงจู๋ถูกหลิงอวี๋ขัดเช่นนั้นก็พูดมิออกเก๋อเทียนซือยิ้มพลางเอ่ย “เจ้านี่ฉลาดมากจริง ๆ ได้สิ การเป็นเซียนอาจจะยากสักหน่อย แต่การที่ความอ่อนเยาว์มิแก่เฒ่านั้น ตัวข้านี้แลที่เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด! หากเจ้าเรียนรู้จากข้า แม้ว่าเจ้าจะมิสามารถเป็นเซียนได้ แต่ก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกหลายร้อยปี!”“สาวน้อย หากเจ้าฉลาดมาก เจ้าสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิดและยืดอายุของเจ้าเป็นพันปีได้!
หลิงอวี๋หัวเราะเยาะ “ข้ามิรู้ว่าเหตุใดเจ้าจึงคิดว่าข้ามีตำราการแพทย์อยู่ในมือ หรือเจ้าเคยสงสัยบ้างหรือไม่ว่าแหล่งข่าวของเจ้าถูกต้องหรือไม่?”หลิงอวี๋ได้เห็นแล้วว่าความสามารถของเก๋อเทียนซือนั้นเหนือกว่าพวกของเซียวหลินเทียนมากนี่เป็นศัตรูที่น่ากลัวมากในตอนที่พวกเขายังมิสามารถจัดการกับเขาได้ ก็ทำได้เพียงพยายามหลอกเขาให้ดีที่สุด ทำให้เขาคิดว่าตำราการแพทย์มิได้อยู่ในมือของตนจริง ๆ แล้วให้เขาไปหามันที่อื่น!หลิงอวี๋เอ่ยอย่างจริงจัง “เมื่อวานข้าติดคุกก็ครุ่นคิดอยู่นานว่า ซือคงชวิ่นผู้นี้หายตัวไปสิบกว่าปีแล้ว แม้ว่าเขาจะเคยรู้จักท่านแม่ของข้า แต่พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านแม่ของข้าตายเยี่ยงไร?”“นางตายด้วยยาพิษ! หากนางมีตำราของซือคงชวิ่นอยู่ในมือ นางจะตายอย่างอนาถเช่นนั้นหรือ?”เก๋อเทียนซือขมวดคิ้ว เขาเคยสืบเรื่องเหล่านี้ แม้ว่าจะมีคนบอกว่าหลานฮุ่ยจวนตายด้วยอาการป่วยก็ตาม!แต่ตอนหลานฮุ่ยจวนตายนั้นยังเยาว์มาก หากนางมีตำราการแพทย์ของซือคงชวิ่นอยู่ในมือจริง ๆ นางจะป่วยตายได้เยี่ยงไร!ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้เขาได้สังเกตหลิงอวี๋อย่างละเอียดแล้วทั้งในตำหนักหย่งเหอและในห้องขังหลิงอวี๋มีพลังวิญ
หลิงอวี๋ถือปิ่นปักผมหมุนไปมา ทันใดนั้นก็มีแสงวาบขึ้นมาในสระน้ำ แม้ว่าแสงจะวาบผ่านแต่หลิงอวี๋ก็สังเกตมันได้นางเดินเข้าไปใกล้สระน้ำ แล้วแสงนั้นก็วูบวาบใต้น้ำ เมื่อแสงอาทิตย์เคลื่อนตัวแสงนั้นก็หายไปมีบางอย่างอยู่ใต้สระน้ำหลิงอวี๋ถอดอาภรณ์ออกแล้วกระโดดลงไปนางดำน้ำไปในที่ที่มีแสงนั้นอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็พบกล่องเหล็กฝังอยู่ในโคลนครึ่งหนึ่งหลิงอวี๋ขึ้นมาบนผิวน้ำด้วยความตื่นเต้นพลางหายใจเข้าเล็กน้อย ก่อนที่จะดำลงไปคราวนี้นางนำกล่องเหล็กขึ้นมาจากสระน้ำได้นางปีนขึ้นฝั่ง เช็ดร่างกายอย่างง่าย ๆ แล้วดูกล่องเหล็กที่ถูกปิดผนึกไว้ มีเพียงรูเล็ก ๆ ที่ด้านบนเท่านั้นดูเหมือนว่าจะเป็นรูปกุญแจ!แต่โลกนี้จะมีรูกุญแจเล็ก ๆ แบบนี้ได้เยี่ยงไร!หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว มิรู้ว่าจะเปิดกล่องเหล็กได้เยี่ยงไรทันใดนั้นนางก็เหลือบไปเห็นปิ่นปักผมรูปนกกระเรียนที่วางอยู่บนพื้น ตรงส่วนบนของมันมีขนาดที่พอจะใส่เข้าไปในรูกุญแจได้พอดีเลยมิใช่หรือหลิงอวี๋คุกเข่าลงกับพื้น แล้วเสียบปิ่นปักผมเข้าไปในรูกุญแจปิ่นปักผมมิได้เข้าไปในรูกุญแจทั้งอัน หลิงอวี๋ตื่นเต้น ถือปิ่นรูปนกกระเรียนแล้วหมุนจากนั้นก็ได้ยินเสียงแกร๊