องค์ชายเว่ยทั้งโกรธและเกลียดตระกูลหยาง พวกเขากล้าสมคบคิดกับแคว้นศัตรู เอาชื่อของตนไปทำเรื่องที่ทำลายชื่อเสียงให้เสียหายหลังจากที่องค์ชายเว่ยรายงานเรื่องหยางซ่างจื้อแล้ว เขาก็ยังเอาหลักฐานอีกจำนวนมากที่หยางซ่างจื้อขูดเลือดขูดเนื้อราษฎรมารายงานองค์จักรพรรดิด้วยทั้งยังเสนอตัวว่าจะไปจับกุมหยางซ่างจื้อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่จุนโจวด้วยตนเอง ‘อย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม’ ด้วยขณะที่จักรพรรดิอู่อันลังเลว่าควรจะส่งเขาไปจับหยางซ่างจื้อหรือไม่ สาส์นของเซียวหลินเทียนก็ถูกส่งกลับมาพอดีจักรพรรดิอู่อันโกรธมากเมื่อเห็นว่าครอบครัวของหยางซ่างจื้อขายอาวุธ อาหาร และเครื่องยาสมุนไพรให้กับฉีตะวันออกในเวลานี้ จ้าวฮุยพ่อแท้ ๆ ของจ้าวเจินเจินก็ถือโอกาสซ้ำเติม พลางเอ่ยกับจักรพรรดิอู่อัน“ฝ่าบาท หยางซ่างจื้อกับแม่ทัพเซี่ยล้วนเป็นคนสนิทขององค์ชายเว่ย! ครั้งล่าสุดที่เหมืองก็มีคนค้นพบว่าคนขององค์ชายเว่ยกำลังแอบสร้างอาวุธอยู่มิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”“อาวุธเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็กระจัดกระจายไปมิรู้ว่าไปที่ใดบ้าง ที่แท้หยางซ่างจื้อกับแม่ทัพเซี่ยก็ลักลอบเอาออกไปกับขายให้กับฉีตะวันออก!”“แม้ว่าตอนนี้ทั้งสี่
ท่านอ๋องเฉิงได้รับจดหมายลับของเซียวหลินเทียน จึงร่วมมือกับเซียวหลินเทียนจับกุมกับเจ้าหน้าที่เหล่านี้ด้วยความรวดเร็วแม้ว่าองค์ชายเว่ยจะรู้เรื่องนี้ในภายหลัง ทว่าก็สายเกินไปแล้วมีคนเกี่ยวพันมากมายถึงเพียงนี้ หรือว่าเขาจะต้องฆ่าปิดปากทีละคนเล่า?เช่นนั้นจะไม่เป็นการบอกองค์จักรพรรดิตรง ๆ หรือว่าตนเองเป็นฆาตกร?คดีแล้วคดีเล่าล้วนมีความเกี่ยวข้องกับองค์ชายเว่ยทั้งทางตรงและทางอ้อม กอปรกับมีจ้าวฮุยเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟอีกต่อให้จักรพรรดิอู่อันโง่เขลาก็รู้ว่าองค์ชายเว่ยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ขณะที่เขาส่งคนสนิทไปจับหยางซ่างจื้อที่หลบหนีไป ก็สั่งให้คนกักขังองค์ชายเว่ยไว้ในตำหนักองค์ชายเว่ยด้วยแค่รอเซียวหลินเทียนพาหยางต้าหู่และคนอื่น ๆ กลับมายังเมืองหลวง จากนั้นค่อยสืบสวนคดีด้วยกันเมื่อจักรพรรดิอู่อันได้รับสาส์นกราบทูลก็สั่งให้กองทัพหลวงจับตัวครอบครัวของแม่ทัพเซี่ย หยางซ่างจื้อ และรองผู้บัญชาการอู๋เข้าคุกทันทีพ่อแม่ของรองผู้บัญชาการอู๋กลับบ้านเกิดเพื่อดูแลตัวเอง จักรพรรดิอู่อันก็ส่งคนไปจับกุมและยึดทรัพย์สินของพวกเขาด้วยหลังจากตกสวรรค์มาลงนรกในชั่วข้ามคืน ฮูหยินอู๋ก็ยัง
ก่อนหน้านี้หลิงเยี่ยนปิดบังเรื่องนี้กับหลิงเสียงเซิงและหวางซือ เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับองค์ชายเว่ยในช่วงสองวันที่ผ่านมา หลิงเยี่ยนจึงเริ่มวิตกกังวล แล้วไปสารภาพกับหวางซือตอนนี้ฮองเฮาเว่ยมิอนุญาตให้หลิงเยี่ยนได้เข้าไปเป็นชายารองแล้ว เช่นนั้นจะทำอย่างไรกับเด็กในท้องของหลิงเยี่ยนเล่า?มิว่าในเมืองหลวงจะวุ่นวายแค่ไหน เซียวหลินเทียนก็ยังคงรีบไปที่เมืองหลวงตามกำหนดการระหว่างทางเซียวหลินเทียนนั้นพบปัญหามากมาย มือสังหารสามคนที่ถูกจับได้ในหอเหยี่ยวราตรี เดิมทีต้องถูกพาไปยังเมืองหลวงอย่างลับ ๆแต่มิรู้ว่าข่าวหลุดออกไปได้อย่างไร มือสังหารทั้งสามคนจึงถูกสังหารไปพร้อมกับองครักษ์ที่พาพวกเขาไปเมืองหลวงแล้วหมอเฝิงก็กินยาพิษฆ่าตัวตายระหว่างเดินทางกลับอีกเซียวหลินเทียนมิเชื่อว่าคนรักตัวกลัวตายเยี่ยงหมอเฝิงจะกินยาพิษฆ่าตัวตาย แต่หลังจากตรวจอาหารที่เขากินและผู้คุมแล้วก็มิพบอะไรน่าสงสัยเลยสุดท้ายหลิงอวี๋ก็ได้ทำการชันสูตรพลิกศพหมอเฝิง แล้วพบเข็มเงินจุ่มยาพิษร้ายแรงปักอยู่ที่คอของหมอเฝิงหลิงอวี๋จำได้ทันทีว่า ตอนหลิงผิงถูกขังอยู่ในเรือนของเกิ่งเสี่ยวหาว ชิวเหวินซวงก็ใช้เข็มเงินสังหารผู้คุมสองคนที่
เซียวหลินเทียนเรียกหาใครมิทันแล้ว หลิงอวี๋บอกว่าเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ต้องกินยาแก้พิษให้ทันเวลามิฉะนั้นพิษจะซึมเข้าสู่กระแสเลือด แล้วเขาจะหัวใจวายและตายได้ในเวลาอันสั้นเซียวหลินเทียนไม่มีเวลาแม้แต่จะสวมอาภรณ์ เขารีบหยิบยาแก้พิษที่หลิงอวี๋ให้มาแล้วกลืนลงไปทันทีในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้น เซียวหลินเทียนรู้สึกว่าตนมิสามารถยกมือขึ้นได้แล้ว ความรู้สึกเฉื่อยชานั้นแล่นไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็วหัวใจเต้นเร็วผิดปกติราวกับว่ามันจะกระโดดออกมาจากอกในไม่ช้านี้เขารู้สึกเวียนหัวจึงนั่งลงไปบนเก้าอี้ในตอนที่เซียวหลินเทียนคิดว่าตัวเองจะต้องตายเพราะหัวใจวาย ความรู้สึกเย็น ๆ ที่อธิบายมิได้ก็แพร่กระจายออกมาจากลำคอของเขาเซียวหลินเทียนรู้สึกว่าความถี่การเต้นของหัวใจของตนลดลงอย่างช้า ๆ และเขาก็มองเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ชัดเจนขึ้นยาแก้พิษที่หลิงอวี๋ให้มาออกฤทธิ์แล้ว!เซียวหลินเทียนเหงื่อท่วมตัว ประสบการณ์ความเป็นความตายในชั่วพริบตา ประสบการณ์ที่ขึ้นจากนรกสู่สวรรค์เช่นนี้เขามิอยากสัมผัสมันอีกแล้วในชีวิตนี้เซียวหลินเทียนรอจนกลับมาเป็นปกติก่อนถึงตะโกนเรียกด้วยเสียงแหบ “หลู่ชิ่ง!”หลู่ชิ่งได้
จ้าวซวนเหลือบมองหมอเฉินอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยเสียงทุ้ม “หมอเฉิน ทุกคนต้องถูกตรวจสอบทั้งหมด! หากท่านบริสุทธิ์ ไฉนต้องกลัวการตรวจสอบด้วยเล่า!”“อย่ามาพูดจาไร้สาระ ยกมือขึ้นให้ข้าตรวจสอบเดี๋ยวก็รู้!”จ้าวซวนหยิบโคมไฟรังสียูวีออกมา แม้ว่าหมอเฉินจะมิพอใจ แต่พอเห็นหมอหานกับหมอหลี่ยกมือขึ้นอย่างให้ความร่วมมือ เขาก็มองมือของตนอย่างเงียบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จึงยกมือขึ้นอย่างสบายใจจ้าวซวนส่องโคมไฟไปที่พวกเขา ครั้นเห็นว่ามือของหมอหานกับหมอหลี่ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่บนฝ่ามือทั้งสองของหมอเฉินเรืองแสงไปด้วยสีเขียว ๆ บนเสื้อผ้าของเขาก็ด้วยสีหน้าของจ้าวซวนเปลี่ยนไปทันที เขาชักดาบออกมาพร้อมกับตะโกนออกไป “มือสังหารคือหมอเฉิน จับตัวเขาไว้!”องครักษ์ที่ฉินซานพามานั้นรีบวิ่งขึ้นมาทันทีแล้วชักดาบมาล้อมหมอเฉินไว้หมอเฉินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตะโกนด้วยความโกรธ “องครักษ์จ้าว อย่ามาใส่ร้ายข้านะ… ข้านอนอยู่ในห้องตลอด มิได้ออกไปข้างนอกเลย แล้วข้าจะเป็นมือสังหารที่ลอบสังหารท่านอ๋องได้เยี่ยงไร!”“มิได้ออกไปไหนเลยรึ? เช่นนั้นที่มือเรืองแสงเต็มไปหมดนี่เจ้าจะอธิบายเยี่ยงไร?”หลิงอวี๋กับเซียวหลิ
จ้าวซวนรีบวิ่งไปคว้ากรามของหมอเฉินแล้วค้นในปากของเขาทันทีหลังจากนั้นไม่นาน จ้าวซวนก็พบฟันปลอมที่มีถุงพิษอยู่ด้วยเพื่อป้องกันหมอเฉินซ่อนเข็มพิษไว้ในร่างกาย จ้าวซวนกับองครักษ์จึงลากหมอเฉินเข้าไปในห้องแล้วเปลื้องผ้าเขาจนหมด จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเขาใหม่ในเสื้อผ้าของหมอเฉิน พวกเขาพบเข็มพิษหนึ่งห่อกับยาพิษอีกสองห่อ นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรอื่นอีกท่านจินต้าจัดให้หมอหานกับคนอื่น ๆ ไปอาศัยอยู่ในเรือนอื่น ในเรือนนี้มีเพียงคนของเซียวหลินเทียนอยู่เท่านั้นหลิงอวี๋ตรวจดูยาพิษทั้งสองห่อ ล้วนเป็นพิษที่อันตรายถึงชีวิตทั้งคู่ หากกินเข้าไปจะตายภายในไม่กี่นาทีนางแอบดีใจที่ยาพิษที่หมอเฝิงวางใส่ตนนั้นมิร้ายแรงถึงชีวิตเช่นนี้ มิเช่นนั้นตนคงทนอยู่จนพวกเซียวหลินเทียนหายาแก้พิษมิได้หรอก“หมอเฉิน ตัวตนของเจ้ามิใช่เพียงแค่หมอของโรงหุยชุนใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนกำลังสอบปากคำหมอเฉินหมอเฉินไม่มีโอกาสฆ่าตัวตายแล้ว เขาอดทนต่อความเจ็บปวดแล้วมองเซียวหลินเทียนโดยมิพูดอะไรเลยสักคำ“เจ้ากับชิวเหวินอิงเป็นพวกเดียวกันใช่หรือไม่? นางหนีออกจากตำหนักอ๋องอี้มา เป็นเจ้าที่รับนางไปอยู่ด้วยใช่หรือไม่?”หมอเฉินยั
เซียวหลินเทียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็คิดบางอย่างได้พลางเอ่ย “ท่านจินต้า ท่านคิดว่าเช่นนี้จะเป็นไปได้หรือไม่… ชิวเหวินอิงหนีออกจากตำหนักอ๋องอี้ บางทีนางอาจจะแอบเข้าไปในตำหนักองค์ชายเว่ยก็ได้!”“ตอนนี้องค์ชายเว่ยกำลังลำบาก ชิวเหวินอิงจึงส่งสัญญาณให้หมอเฉินฆ่าหมอเฝิงเพื่อที่จะไม่เปิดเผยที่อยู่ของตนเอง!”“ตราบใดที่องค์ชายเว่ยไม่ล้ม นางก็ยังมีโอกาสคอยปลุกปั่นสร้างปัญหาได้อยู่!”“ส่วนทางด้านองค์ชายคัง จ้าวเจินเจินจัดการเรื่องภายในได้ดีมาก ชิวเหวินอิงไม่มีทางแฝงตัวเข้าไปได้แน่!”ท่านจินต้าตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าลงแล้วเอ่ย “ท่านอ๋อง การคาดเดาของท่านสมเหตุสมผลแล้ว กระหม่อมจะส่งคนไปตรวจสอบรายละเอียดเรื่องคนที่ถูกเพิ่มเข้าตำหนักองค์ชายเว่ยหลังจากที่ชิวเหวินอิงจากไปดูพ่ะย่ะค่ะ!”คืนนั้น “ศพ” ของหมอเฉินถูกจ้าวซวนลากออกไปฝัง นอกจากจ้าวซวนกับคนวงในอีกสองสามคนแล้ว ไม่มีใครเลยรู้ว่าหมอเฉินยังมีชีวิตอยู่สำหรับมือสังหารที่สมควรตาย ไม่มีใครสนใจการมีอยู่ของเขาหรอกการเดินทางที่เหลือเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนมาถึงเมืองหลวงโดยสวัสดิภาพเมื่อหลิงอวี๋เห็นประตูเมืองหลวง นางก็รู้สึกสบายใจอย่าง
“ท่านแม่… ท่านแม่...”ทันทีที่หลิงอวี๋ลงจากรถม้า หลิงเยวี่ยก็พุ่งเข้ามากอดต้นขาของนางแล้วเรียกอยู่ตลอดเด็กชายเพิ่งมาถึงต้นขาของหลิงอวี๋ ใบหน้าส่วนใหญ่ของเขาจมอยู่ในกระโปรงของหลิงอวี๋แล้ว แม้ว่าหลิงอวี๋จะดึงเขา เขาก็มิยอมออกมา“ท่านแม่!”เสียงของหลิงเยวี่ยขึ้นจมูกเล็กน้อย เหมือนว่ากำลังร้องไห้อยู่เลยหลิงอวี๋คุกเข่าลงกอดเขาแล้วเอ่ยถามเสียงนุ่มนวล “เยวี่ยเยวี่ยได้รับความคับข้องใจอะไรหรือไม่? มีใครรังแกเยวี่ยเยวี่ยหรือ? บอกแม่มา แม่จะไปตีเขาจนเลือดออกเลย!”หลิงเยวี่ยส่ายหัวอย่างแรง แต่ยังคงก้มหน้าอยู่หลิงอวี๋ยิ้มพลางเอ่ย “เยวี่ยเยวี่ยร้องไห้หรือ?”หลิงเยวี่ยยังคงส่ายหัว พลางเอ่ยด้วยเสียงคับข้องใจ “เยวี่ยเยวี่ยมิได้ร้องไห้ขอรับ!”“ไม่ร้องไห้ แล้วนี่มันอะไรกัน?”หลิงอวี๋สัมผัสใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาที่เต็มไปด้วยน้ำตา“มิได้ร้องไห้… ก็มิได้ร้องไห้สิขอรับ!”หลิงเยวี่ยโผตัวไปบนไหล่ของหลิงอวี๋ ซ่อนใบหน้าเล็ก ๆ ของตนไว้ในอาภรณ์ของหลิงอวี๋“เอาเถิด ๆ… มิได้ร้องไห้ก็มิได้ร้องไห้ เยวี่ยเยวี่ยของเราคงฝุ่นเข้าตากระมัง!”หลิงอวี๋หัวเราะ เด็กผู้นี้ต้องอายแน่ ๆ!แม้ว่าปกติแล้วหลิงเยวี่ยจะมี
และหลังจากที่เซียวหลินเทียนรู้เรื่อง สายตาของเขาก็มองไปทางเผยอวี้ ฉินซาน เถาจื่อและคนอื่น ๆ อย่างเย็นชาเมื่อเผยอวี้ถูกมองเช่นนั้นก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว ฉินซานเองก็เหงื่อแตกพลั่กเช่นกันแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมิได้ก่นด่าออกมา แต่พวกเขาต่างก็รู้สึกกระวนกระวายกันไปหมดในที่สุด เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมา เขาเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึง “วันนี้คนที่ถูกจับตัวไปคือสิงจั๋ว พวกเจ้ารู้สึกว่าโชคดีใช่หรือไม่… เพราะคนที่ถูกจับตัวไปมิใช่ฮองเฮาของพวกเจ้า!”ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ทุกคนต่างก็ยืนก้มหน้าอยู่เช่นนั้นพวกเขาเพิ่งจะรู้ข่าวว่าสิงจั๋วถูกหลงเพ่ยเพ่ยส่งกลับไปที่เรือนเล็กหากคนที่ถูกจับตัวไปเป็นหลิงอวี๋ ศัตรูจะรอจนพวกเขารู้ข่าวก่อนแล้วให้ไปช่วยเหลือหรือ?เช่นนั้นจะยังทันหรือ?“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าติดตามข้าออกมาหลายเดือนแล้ว พวกเจ้าคิดถึงครอบครัวและชีวิตก่อนหน้านี้!”เซียวหลินเทียนเปลี่ยนเป็นตะคอกเสียงแข็ง “หากพวกเจ้ารู้สึกว่ามิคุ้นเคยกับการอยู่แดนเทพ เช่นนั้นใครอยากจะกลับไป ข้าก็จะมิห้าม!”เผยอวี้เหงื่อตก จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ฝ่าบาท พวกกระหม่อมประมาทละเลย สมควรได้รับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”
เป็นหนี้บุญคุณหนึ่งครั้งก็นับว่าเป็นหนี้ เป็นหนี้บุญคุณสองครั้งก็นับว่าเป็นหนี้เช่นกัน!หลิงอวี๋รับความกรุณาของหลงเพ่ยเพ่ยมาแล้ว เอาไว้ค่อยตอบแทนนางภายหน้าก็แล้วกัน!“ข้าจะไปเตรียมยา พี่ใหญ่มู่ ประเดี๋ยวเจ้าช่วยทายาให้พี่ชายข้าที!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าหน้าอกที่เปลือยเปล่าของผู้รอบรู้นั้นแทบจะไม่มีผิวหนังตรงไหนปกติดีเลย นางจึงจดจำความโหดร้ายของครอบครัวเหมียวหยางไว้ แล้วรีบออกไปเตรียมยานางรีบนำยาทากระปุกใหญ่ที่เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วไปที่ห้องของผู้รอบรู้มู่ตงก็มิได้ปฏิเสธ เขารับยามาแล้วเอ่ยออกไป “แม่นางสิง เมื่อครู่ข้าตรวจดูพี่ชายของเจ้า นอกจากบาดแผลที่ผิวหนังภายนอกเหล่านี้แล้ว แขนซ้ายของเขาก็ถูกตีจนหัก และซี่โครงก็หักไปสองซี่!”“แล้วก็…”ดูเหมือนว่ามู่ตงจะยากที่จะพูดออกมาหลงเพ่ยเพ่ยก็มองไปทางหลิงอวี๋อย่างเห็นใจเช่นกัน“แล้วก็อะไร? พี่ใหญ่มู่พูดออกมาตามตรงเถิด ข้ารับได้ทุกอย่าง!”หลิงอวี๋รู้สึกกังวลขึ้นมา แต่ใบหน้าก็ยังดูสงบอยู่“เชื้อ… เชื้อสายลูกหลานของพี่ใหญ่เจ้าถูกทำลายไปเสียแล้ว ต่อไปอาจจะมิสามารถมีทายาทสืบสกุลให้ตระกูลเจ้าได้แล้ว!”มู่ตงกัดฟันพูดออกมาหลิงอวี๋ราวกั
หลิงอวี๋นั่งอยู่เช่นนั้น มิรู้ว่านั่งอยู่นานเท่าใด เมื่อน้ำมันในตะเกียงหมดลงภายในห้องก็เข้าสู่ความมืดมิด และนางก็มิได้จุดตะเกียงอีกนางนั่งอยู่เงียบ ๆ มิได้หลับทั้งคืนแต่ก็ไม่มีความง่วงเลยแม้แต่น้อยในสมองครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย ในขณะที่กำลังคิดจนเข้าสู่ภวังค์ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก“แม่นางสิง ข้าชื่อไป๋อวี้ เป็นนางรับใช้ของท่านหญิง นางให้ข้านำข้อความมาบอกเจ้า!”หลิงอวี๋ได้สติขึ้นมาทันที จึงวิ่งออกไปเปิดประตูไป๋อวี้คือนางรับใช้ที่หลิงอวี๋พบที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้ก่อนหน้านี้ นางรับใช้ผู้นั้นที่ติดตามหลงเพ่ยเพ่ย นางสูงมาก หลิงอวี๋จึงจำนางได้“ไป๋อวี้ มีข่าวคราวพี่ชายข้าแล้วหรือ?” หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างร้อนใจไป๋อวี้ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ท่านหญิงของข้าลงมือเอง หากไม่มีข่าวอะไร จะมิเป็นการรู้สึกผิดต่อเจ้าหรือ!”“วางใจเถิด เราเจอพี่ชายของเจ้าแล้ว และท่านหญิงก็กำลังพาเขากลับมา นางเกรงว่าเจ้าจะกังวล จึงให้ข้าล่วงหน้ามาบอกเจ้าก่อน!”หลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็จ้องแล้วเอ่ยถามออกไป “ผู้ใดจับตัวเขาไป?”รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋อวี้จางหายไป แล้วมองหลิงอวี๋อย่างเห็นอกเห็นใจ “ก็เป็
หลิงอวี๋ออกจากบ้าน แล้วก็ตรงไปที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้นางให้คนเฝ้ายามไปรายงานหลงเพ่ยเพ่ย เมื่อคนเฝ้ายามได้ยินว่านางมาหาหลงเพ่ยเพ่ย ก็รีบส่งคนเข้าไปรายงานในทันทีหลิงอวี๋ยืนอยู่ที่หน้าประตู ก่อนหน้านี้นางเคยผ่านจวนเจ้าแห่งทิศใต้ และรู้สึกเพียงว่าจวนเจ้าแห่งทิศใต้นั้นหรูหรามาก นางมิเคยคาดคิดว่าวันหนึ่งตนจะต้องติดต่อกับจวนเจ้าแห่งทิศใต้หลังจากรอไปสักพัก ก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยพานางรับใช้หนึ่งคนเดินออกมาอย่างรีบร้อนเมื่อหลงเพ่ยเพ่ยเห็นหลิงอวี๋ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง “มีเรื่องอันใดหรือ? มิเช่นนั้นมืดค่ำป่านนี้เจ้าก็คงมิมาหาข้ากระมัง!”ความเฉียบแหลมของหลงเพ่ยเพ่ยทำให้หลิงอวี๋รู้สึกชื่นชมยิ่งนัก นางจึงดึงหลงเพ่ยเพ่ยไปยืนด้านข้าง แล้วเอ่ยเบา ๆ “ข้าอยากให้เจ้าช่วย เวลานี้ข้านึกมิออกว่านอกจากเจ้าแล้วจะมีผู้ใดช่วยข้าได้ ข้าจึงมาหาเจ้า!”“เจ้าอย่าได้กังวล บอกข้ามา หากข้าสามารถช่วยได้ข้าก็จะช่วยอย่างแน่นอน!” หลงเพ่ยเพ่ยเอ่ยปลอบใจหลิงอวี๋หายใจเข้าลึก ๆ ระหว่างทางที่มานางได้เตรียมคำพูดไว้แล้ว จึงเอ่ยออกไป “เจ้าก็รู้ว่าข้ามาหาโอกาสที่เมืองหลวงแดนเทพกับพี่ใหญ่ของข้า และพี่ใหญ่ก็เป็นญาติเพียงคนเดี
หลิงอวี๋ยิ้มออกมา ต่อให้นางใจดีแค่ไหนก็มีขอบเขตของตน ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นกับดักแล้วตนจะพาตัวเองเข้าไปได้อย่างไรกัน!หากตนรู้จักฮูหยินเฉิง บางทีอาจจะเสี่ยงไปช่วยชีวิตนาง!แต่ตนกับฮูหยินเฉิงมิได้รู้จักกัน มิรู้ด้วยซ้ำว่านางเป็นคนดีหรือคนเลวแม้ว่าจะเห็นใจฮูหยินเฉิงที่ต้องประสบความทรมานของการเจ็บป่วย แต่นางก็มิใช่แม่พระ มิสามารถไปช่วยชีวิตทุกคนที่เจ็บป่วยได้หรอก!หลิงอวี๋ครุ่นคิดแล้วเอ่ยกับเย่หรง “ในช่วงสองวันนี้ท่านคอยติดตามอาการป่วยของฮูหยินเฉิงไว้ และไปตรวจสอบตัวตนของแม่ทัพเฉิงให้ละเอียดอีกสักหน่อย!”“หากเขาสามารถเป็นสายลับให้ท่านไปช่วยมารดาของท่านออกมาได้จริง ๆ ข้าจะหาวิธีตามหาหลิงอวี๋มาช่วยชีวิตนาง!”สำหรับเย่หรงแล้ว คนที่สำคัญที่สุดนั้นคือมารดาของเขาหากมั่นใจได้ว่าแม่ทัพเฉิงยินดีจะช่วยเป็นสายลับให้เย่หรง ต่อให้หลิงอวี๋ต้องเสี่ยงอันตรายก็จะช่วยเย่หรงทำสิ่งนี้“เจ้ามีวิธีตามหานางหรือ?”เย่หรงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“พี่ชายข้าเก่งเรื่องการสืบหาข่าวมาก บางทีคนที่ผู้อื่นหามิเจอ เขาอาจจะตามหาเจอก็ได้!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “เอาตามนี้ก่อนแล้วกัน หากแม่ทัพเฉิงมิควรเชื่อ
วันรุ่งขึ้นเมื่อหลิงอวี๋ไปที่บ้านตระกูลเย่ นางก็บอกเรื่องหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่ซื่อฝานในบ้านตระกูลเย่นั้นเย่ซื่อฝานจัดการเพียงแค่การปรุงโอสถเท่านั้น มิได้จัดการเรื่องการบริหาร เนื่องจากการบริหารเป็นเรื่องของผู้นำตระกูลแต่ในฐานะที่เย่ซื่อฝานเป็นสมาชิกตระกูลเย่ เขาก็รู้เรื่องภายในบางส่วนเช่นกันเขาจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจัง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดเจ้าแห่งทิศใต้จึงให้หลงเพ่ยเพ่ยมาแสดงความปรารถนาดีต่อเจ้าในเวลานี้?”“ก่อนหน้านี้เขามิได้สนใจการต่อสู้ระหว่างหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ เขาแค่หวังว่าหอโอสถไป๋เป่าจะกดหอโอสถซ่างกู่ลงไปให้ถึงจุดต่ำสุดเสียก่อน จากนั้นก็ค่อยยื่นไมตรี เช่นนี้ก็จะเป็นการช่วยเหลือในยามลำบาก แล้วกูลเย่ของข้าก็จะจงรักภักดีต่อเขาอย่างสุดหัวใจ!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยขึ้นมา “หากท่านอาจารย์รู้สึกว่ามิเหมาะสม เช่นนั้นข้าก็จะรักษาระยะห่างกับหลงเพ่ยเพ่ยเจ้าค่ะ!”ถึงอย่างไรตอนนี้หลิงอวี๋ก็เป็นศิษย์ของเย่ซื่อฝาน นางจะมิละทิ้งสำนักไปทำดีกับศัตรูของอาจารย์เพื่อความปลอดภัยของตน“ไม่! มิต้อง!”เย่ซื่อฝานส่ายหัวแล้วเอ่ย “เมื่อเทียบกับเจ้าแห่งทะเละชายาเจ้าแห่งทะเล
จงเจิ้งเฟยได้ยินเช่นนั้น ก็เอ่ยขึ้นมา “ใช่แล้ว เมื่อขัดแย้งกันก็ควรจะแก้ปัญหามิใช่สร้างความบาดหมาง ท่านพ่อท่านแม่หลายตระกูลล้วนเป็นมิตรสนิทกัน ไม่มีใครอยากให้คนรุ่นหลังทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายหรอก!”“ศิษย์พี่หญิง เย่หรงกับเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เจ้าก็ไปโน้มน้าวเขาด้วยเถิด แม้ว่าจะมิยอมแต่งงานกับหยางหงหนิง ก็อย่าได้ทะเลาะกันจนตึงเครียดเกินไปนัก!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าทั้งสองคนล้วนเอ่ยเช่นนี้ นางก็คิดแล้วเอ่ยออกมา “ข้าจะไปคุยกับเย่หรงดู ขอเพียงมิบังคับให้เขาแต่งงานกับหยางหงหนิง ข้าคิดว่าเขาก็น่าจะยอมคืนดี!”“ใช่ แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมมิหวาน พวกเราล้วนรู้เหตุผลข้อนี้ดี เราไม่มีทางไปบังคับให้เย่หรงทำเรื่องเช่นนั้นแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยพยักหน้าแล้วเอ่ย “เจ้ากลับไปโน้มน้าวเย่หรงดูก่อน ประเดี๋ยววันหลังข้าจะจัดงานเลี้ยง เมื่อทุกคนมารวมตัวกัน เช่นนี้พวกเขาก็จะมิอึดอัด แล้วก็ปรับความเข้าใจกันได้!”“อืม!”หลิงอวี๋พยักหน้า และกำลังจะเดินไป หลงเพ่ยเพ่ยก็เรียกนางไว้อีก “สิงอวี๋ ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากับเหมียวหยางผู้เป็นศิษย์ของปรมาจารย์ไป่หลี่ก็ทะเลาะกันหรือ?”“เรื่องนี้ข้าจะยืนอยู่ข้างเจ้า
กระทั่งเดินตามจงเจิ้งเฟยมาถึงในศาลาแห่งหนึ่งของสำนักศึกษาชิงหลง หลงเพ่ยเพ่ยก็รออยู่ที่นั่นแล้วเมื่อเห็นหลิงอวี๋ นางก็มองพิจารณาหลิงอวี๋อย่างสงสัยใคร่รู้อยู่หลายครั้ง ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ข้าได้ยินมาว่า หงหนิงแพ้การประลองปรุงยากับเจ้า ฮ่า ๆ นางหยิ่งทะนงมาโดยตลอด ควรจะมีคนมาทำให้นางรับรู้ได้แล้วว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคนอีก!”“สิงอวี๋ เรื่องสาเหตุและขั้นตอนในการประลองของเจ้ากับหงหนิงนั้นข้ารู้ทั้งหมดแล้ว ข้ามิได้เข้าข้างผู้ใด ข้าคิดว่าเจ้าทำถูกต้องแล้ว หากใครมาใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ข้าก็จะสู้กับนางจนถึงที่สุดเช่นกัน!”หลิงอวี๋ย่อมมิเชื่อหลงเพ่ยเพ่ยเสียทั้งหมดเพราะคำพูดมิกี่คำอยู่แล้ว“คุณหนูหลงมาหาข้ามีธุระอันใดหรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถามไปตามตรงหลงเพ่ยเพ่ยยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ข้าชอบผูกมิตร และนิสัยของเจ้าก็ถูกใจข้ายิ่งนัก!”“แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ข้ายังอยากให้เจ้ากับหงหนิงปรับความเข้าใจกันอยู่ หงหนิงมิใช่คนเลว เพียงแต่นางหลงเย่หรงจนหน้ามืดตามัว จึงได้ทำเรื่องโง่ ๆ เหล่านั้นไป!”“ควรจะหาทางแก้ไขมิใช่สร้างความบาดหมางต่อกัน เจ้าเห็นแก่ข้าเถิด อย่าได้ถือสาหาความกับนางเล
เมื่อหลิงอวี๋เห็นหยางหงหนิงก็ตะลึงไปเล็กน้อย แล้วก็นึกถึงคำขู่ที่หยางหงหนิงบอกว่าจะทำให้เย่หรงแต่งงานกับนางให้ได้ภายในหนึ่งเดือนหรือว่าหยางหงหนิงทำมิได้ ในตอนนี้จึงคิดจะมาทำให้ตนลำบาก?“สิงอวี๋ เจ้าจะเป็นศัตรูกับข้าจริง ๆ หรือ?”เป็นดังที่คาด ทันทีที่เอ่ยปากหยางหงหนิงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างก้าวร้าว “เจ้าก็รู้อยู่ว่าข้าชอบเย่หรง เจ้ายังกล้าชวนเขาไปที่ภูเขาหมางหลิ่งด้วยกันอีก เจ้ายังจะเถียงว่าเจ้ามิชอบเขาอีกหรือ!”“ข้าขอเตือนเจ้า อยู่ให้ห่างจากเย่หรง มิฉะนั้นข้าจะมิเกรงใจเจ้าแน่!”หลิงอวี๋หมดคำพูดไปทันที ตนมาที่สำนักศึกษาชิงหลงเพื่อศึกษาเล่าเรียน มิใช่มาแย่งชิงบุรุษกับผู้ใด!ในหัวของหยางหงหนิงนั้นนอกจากเรื่องระหว่างบุรุษกับสตรีแล้ว ก็ไม่มีเรื่องอื่นเลยหรือ?“คุณหนูหยาง ข้าได้แสดงทัศนคติของจ้าไปอย่างชัดเจนแล้ว เย่หรงเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจะชอบใครก็เป็นอิสระของเขา!”“ข้ามิได้ตั้งใจจะแย่งเขากับเจ้า เจ้าก็อย่ามายุ่งกับข้าเช่นกัน!”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยบอกไปแล้วว่า เจ้าอย่าได้ผลักเขาให้ไกลออกไปเรื่อย ๆ แล้วเจ้าดูพฤติกรรมของเจ้าในตอนนี้สิ แพ้แล้วก็มิรักษาคำพูด แล้ว