แม้ว่าหลิงอวี๋จะล้างพิษไปแล้ว แต่พิษของจินซาหลานก็ทำลายอวัยวะภายในของนางไป เมื่อนางลุกขึ้นจึงรู้สึกว่าต้องใช้แรงมากนางฉวยโอกาสเข้าไปในมิติตอนที่ไม่มีใครอยู่ ทำการล้างไตล้างเลือดให้ตนเอง และทำการทดสอบบางอย่างด้วยพิษของจินซาหลานยังคงอยู่ในร่างกายของนาง ดังนั้นนางจึงเตรียมจะล้างพิษให้ตนเองอีกครั้งความสึกหรอของร่างกายทำได้เพียงค่อย ๆ ฟื้นตัวเท่านั้นทางด้านของเซียวหลินเทียน มีแม่ทัพกู่ร่วมมือกับแม่ทัพอีกหลายคน จึงสามารถส่งต่อตำรับยารักษาโรคระบาดออกไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่กี่วันก็สามารถควบคุมโรคระบาดได้แล้วเซียวหลินเทียนให้คนไปส่งสาส์นกราบทูลองค์จักรพรรดิ จักรพรรดิอู่อันจึงอนุมัติให้เซียวหลินเทียนส่งตัวหยางต้าหู่กับแม่ทัพเซี่ยกลับไปยังเมืองหลวงพร้อมกับทรัพย์สินที่ถูกยึดโดยเร็วที่สุดและให้หลิงเสี่ยงเข้ารับตำแหน่งแม่ทัพแห่งกองทหารรักษาการณ์เว่ยโจวหลิงเสี่ยงรู้สึกกังวลใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาจากมาเป็นเวลาเจ็ดปีแล้ว เขายังหวังที่จะกลับไปยังเมืองหลวงเพื่อพบท่านปู่ ไหนเลยจะอยากให้ตนอยู่ในเว่ยโจวอีกแม้ว่าจะได้เลื่อนตำแหน่ง แต่เมื่อเข้ารับตำแหน่งนี้แล้ว การกลับเมืองหลวงก็จะอยู่ห่างไ
หลิงเสี่ยงหน้าแดงกับสิ่งที่หลิงอวี๋พูด จากนั้นก็จ้องนางแล้วเปลี่ยนเรื่องสองพี่น้องคุยกันเกือบทั้งคืนก่อนจะบอกลากันอย่างมิเต็มใจนักวันรุ่งขึ้น เซียวหลินเทียนก็พาหยางต้าหู่ แม่ทัพเซี่ยและหมอเฝิงเดินทางกลับไปยังเมืองหลวงเพราะความรักตัวกลัวตาย หมอเฝิงจึงสารภาพเรื่องที่ฮองเฮาเว่ยสั่งให้ตนวางยาพิษเซียวหลินเทียนหลังจากที่เขาลงนามกับลงนามในเอกสารแล้ว เซียวหลินเทียนจึงได้ให้ยาแก้พิษเขา แล้วคุ้มกันเขาไว้เพื่อไปเป็นพยานชี้ตัวฮองเฮาเว่ยที่เมืองหลวงเดิมทีเซียวทงรู้สึกผิดกับเรื่องที่ทำให้ฉินซานต้องลำบาก แต่เมื่อนึกถึงเรื่องเซียวหลินเทียนเกือบจะใส่ความตนเพราะหลิงอวี๋ถูกวางยาพิษ นางก็รู้สึกแค้นใจ และวางแผนว่ากลับไปเมืองหลวงแล้วจะฟ้องเสด็จพ่อกับไทเฮาเซียวหลินเทียนมองออกถึงความเกลียดชังของนาง ในวันที่ออกเดินทาง เซียวหลินเทียนจึงเข้าไปในรถม้าของเซียวทง พลางเอ่ยตรง ๆ“เซียวทง ครั้งที่แล้วที่ฮองเฮาเว่ยคิดจะให้เจ้าหมั้น ข้าได้ยินมาว่าเจ้าจะแขวนตัวตายจึงบังคับให้ฮองเฮาเว่ยล้มเลิกความคิดนี้ได้!”“แล้วเยี่ยงไรเล่า?” เซียวทงมองอย่างระมัดระวัง “เสด็จพี่อย่าคิดจะมาเสี้ยมให้เกิดความขัดแย้ง แล้วใช้หม่
ก่อนที่พวกเซียวหลินเทียนจะกลับไปถึงเมืองหลวง ที่เมืองหลวงก็มีคลื่นใต้น้ำก่อความวุ่นวายอยู่แล้วก่อนหน้านี้ข่าวที่ว่า เซียวหลินเทียนสามารถยืนได้นั้นมาถึงเมืองหลวงแล้ว จ้าวเจินเจินก็ถูกองค์ชายคังตบหน้า“นางสารเลว เจ้าบอกกับข้าเป็นมั่นเป็นเหมาะมิใช่หรือว่าเจ้าได้ยินว่าขาของเซียวหลินเทียนจะไม่มีวันลุกขึ้นได้อีกแล้ว?”“แต่ความจริงก็คือเขาลุกขึ้นยืนได้แล้ว!”องค์ชายคังโกรธมาก เมื่อก่อนตอนที่เซียวหลินเทียนนำกองทัพไปรบ ความฉลาดและความสามารถของเขาเหนือกว่าของตนยิ่งนักหลังจากที่ขาของเซียวหลินเทียนพิการ เขาก็แอบดีใจที่ฟ้าเปิดให้เขาแล้ว ต่อจากนี้เซียวหลินเทียนจะแข่งขันกับตนมิได้อีกต่อไปไหนเลยจะคิดว่าเซียวหลินเทียนออกไปข้างนอก แล้วจะสามารถยืนขึ้นได้เซียวหลินเทียนยืนขึ้นได้แล้วหรือ?จ้าวเจินเจินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นางกุมหน้าที่ถูกตบไว้ ในใจเกิดความรู้สึกเสียใจอย่างมากหากนางรู้ว่าขาของเซียวหลินเทียนสามารถรักษาได้ ไฉนนางจะยอมรับปากท่านพ่อมาแต่งงานกับองค์ชายคังเล่า!นางกับเซียวหลินเทียนต่างก็รักกัน เซียวหลินเทียนสัญญากับตนไว้ว่าจะหย่ากับหลิงอวี๋แน่นอน!หากนางยืนหยัดต่อไปอีกสักหน่อย เ
องค์ชายเว่ยทั้งโกรธและเกลียดตระกูลหยาง พวกเขากล้าสมคบคิดกับแคว้นศัตรู เอาชื่อของตนไปทำเรื่องที่ทำลายชื่อเสียงให้เสียหายหลังจากที่องค์ชายเว่ยรายงานเรื่องหยางซ่างจื้อแล้ว เขาก็ยังเอาหลักฐานอีกจำนวนมากที่หยางซ่างจื้อขูดเลือดขูดเนื้อราษฎรมารายงานองค์จักรพรรดิด้วยทั้งยังเสนอตัวว่าจะไปจับกุมหยางซ่างจื้อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่จุนโจวด้วยตนเอง ‘อย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม’ ด้วยขณะที่จักรพรรดิอู่อันลังเลว่าควรจะส่งเขาไปจับหยางซ่างจื้อหรือไม่ สาส์นของเซียวหลินเทียนก็ถูกส่งกลับมาพอดีจักรพรรดิอู่อันโกรธมากเมื่อเห็นว่าครอบครัวของหยางซ่างจื้อขายอาวุธ อาหาร และเครื่องยาสมุนไพรให้กับฉีตะวันออกในเวลานี้ จ้าวฮุยพ่อแท้ ๆ ของจ้าวเจินเจินก็ถือโอกาสซ้ำเติม พลางเอ่ยกับจักรพรรดิอู่อัน“ฝ่าบาท หยางซ่างจื้อกับแม่ทัพเซี่ยล้วนเป็นคนสนิทขององค์ชายเว่ย! ครั้งล่าสุดที่เหมืองก็มีคนค้นพบว่าคนขององค์ชายเว่ยกำลังแอบสร้างอาวุธอยู่มิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”“อาวุธเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็กระจัดกระจายไปมิรู้ว่าไปที่ใดบ้าง ที่แท้หยางซ่างจื้อกับแม่ทัพเซี่ยก็ลักลอบเอาออกไปกับขายให้กับฉีตะวันออก!”“แม้ว่าตอนนี้ทั้งสี่
ท่านอ๋องเฉิงได้รับจดหมายลับของเซียวหลินเทียน จึงร่วมมือกับเซียวหลินเทียนจับกุมกับเจ้าหน้าที่เหล่านี้ด้วยความรวดเร็วแม้ว่าองค์ชายเว่ยจะรู้เรื่องนี้ในภายหลัง ทว่าก็สายเกินไปแล้วมีคนเกี่ยวพันมากมายถึงเพียงนี้ หรือว่าเขาจะต้องฆ่าปิดปากทีละคนเล่า?เช่นนั้นจะไม่เป็นการบอกองค์จักรพรรดิตรง ๆ หรือว่าตนเองเป็นฆาตกร?คดีแล้วคดีเล่าล้วนมีความเกี่ยวข้องกับองค์ชายเว่ยทั้งทางตรงและทางอ้อม กอปรกับมีจ้าวฮุยเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟอีกต่อให้จักรพรรดิอู่อันโง่เขลาก็รู้ว่าองค์ชายเว่ยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ขณะที่เขาส่งคนสนิทไปจับหยางซ่างจื้อที่หลบหนีไป ก็สั่งให้คนกักขังองค์ชายเว่ยไว้ในตำหนักองค์ชายเว่ยด้วยแค่รอเซียวหลินเทียนพาหยางต้าหู่และคนอื่น ๆ กลับมายังเมืองหลวง จากนั้นค่อยสืบสวนคดีด้วยกันเมื่อจักรพรรดิอู่อันได้รับสาส์นกราบทูลก็สั่งให้กองทัพหลวงจับตัวครอบครัวของแม่ทัพเซี่ย หยางซ่างจื้อ และรองผู้บัญชาการอู๋เข้าคุกทันทีพ่อแม่ของรองผู้บัญชาการอู๋กลับบ้านเกิดเพื่อดูแลตัวเอง จักรพรรดิอู่อันก็ส่งคนไปจับกุมและยึดทรัพย์สินของพวกเขาด้วยหลังจากตกสวรรค์มาลงนรกในชั่วข้ามคืน ฮูหยินอู๋ก็ยัง
ก่อนหน้านี้หลิงเยี่ยนปิดบังเรื่องนี้กับหลิงเสียงเซิงและหวางซือ เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับองค์ชายเว่ยในช่วงสองวันที่ผ่านมา หลิงเยี่ยนจึงเริ่มวิตกกังวล แล้วไปสารภาพกับหวางซือตอนนี้ฮองเฮาเว่ยมิอนุญาตให้หลิงเยี่ยนได้เข้าไปเป็นชายารองแล้ว เช่นนั้นจะทำอย่างไรกับเด็กในท้องของหลิงเยี่ยนเล่า?มิว่าในเมืองหลวงจะวุ่นวายแค่ไหน เซียวหลินเทียนก็ยังคงรีบไปที่เมืองหลวงตามกำหนดการระหว่างทางเซียวหลินเทียนนั้นพบปัญหามากมาย มือสังหารสามคนที่ถูกจับได้ในหอเหยี่ยวราตรี เดิมทีต้องถูกพาไปยังเมืองหลวงอย่างลับ ๆแต่มิรู้ว่าข่าวหลุดออกไปได้อย่างไร มือสังหารทั้งสามคนจึงถูกสังหารไปพร้อมกับองครักษ์ที่พาพวกเขาไปเมืองหลวงแล้วหมอเฝิงก็กินยาพิษฆ่าตัวตายระหว่างเดินทางกลับอีกเซียวหลินเทียนมิเชื่อว่าคนรักตัวกลัวตายเยี่ยงหมอเฝิงจะกินยาพิษฆ่าตัวตาย แต่หลังจากตรวจอาหารที่เขากินและผู้คุมแล้วก็มิพบอะไรน่าสงสัยเลยสุดท้ายหลิงอวี๋ก็ได้ทำการชันสูตรพลิกศพหมอเฝิง แล้วพบเข็มเงินจุ่มยาพิษร้ายแรงปักอยู่ที่คอของหมอเฝิงหลิงอวี๋จำได้ทันทีว่า ตอนหลิงผิงถูกขังอยู่ในเรือนของเกิ่งเสี่ยวหาว ชิวเหวินซวงก็ใช้เข็มเงินสังหารผู้คุมสองคนที่
เซียวหลินเทียนเรียกหาใครมิทันแล้ว หลิงอวี๋บอกว่าเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ต้องกินยาแก้พิษให้ทันเวลามิฉะนั้นพิษจะซึมเข้าสู่กระแสเลือด แล้วเขาจะหัวใจวายและตายได้ในเวลาอันสั้นเซียวหลินเทียนไม่มีเวลาแม้แต่จะสวมอาภรณ์ เขารีบหยิบยาแก้พิษที่หลิงอวี๋ให้มาแล้วกลืนลงไปทันทีในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้น เซียวหลินเทียนรู้สึกว่าตนมิสามารถยกมือขึ้นได้แล้ว ความรู้สึกเฉื่อยชานั้นแล่นไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็วหัวใจเต้นเร็วผิดปกติราวกับว่ามันจะกระโดดออกมาจากอกในไม่ช้านี้เขารู้สึกเวียนหัวจึงนั่งลงไปบนเก้าอี้ในตอนที่เซียวหลินเทียนคิดว่าตัวเองจะต้องตายเพราะหัวใจวาย ความรู้สึกเย็น ๆ ที่อธิบายมิได้ก็แพร่กระจายออกมาจากลำคอของเขาเซียวหลินเทียนรู้สึกว่าความถี่การเต้นของหัวใจของตนลดลงอย่างช้า ๆ และเขาก็มองเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ชัดเจนขึ้นยาแก้พิษที่หลิงอวี๋ให้มาออกฤทธิ์แล้ว!เซียวหลินเทียนเหงื่อท่วมตัว ประสบการณ์ความเป็นความตายในชั่วพริบตา ประสบการณ์ที่ขึ้นจากนรกสู่สวรรค์เช่นนี้เขามิอยากสัมผัสมันอีกแล้วในชีวิตนี้เซียวหลินเทียนรอจนกลับมาเป็นปกติก่อนถึงตะโกนเรียกด้วยเสียงแหบ “หลู่ชิ่ง!”หลู่ชิ่งได้
จ้าวซวนเหลือบมองหมอเฉินอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยเสียงทุ้ม “หมอเฉิน ทุกคนต้องถูกตรวจสอบทั้งหมด! หากท่านบริสุทธิ์ ไฉนต้องกลัวการตรวจสอบด้วยเล่า!”“อย่ามาพูดจาไร้สาระ ยกมือขึ้นให้ข้าตรวจสอบเดี๋ยวก็รู้!”จ้าวซวนหยิบโคมไฟรังสียูวีออกมา แม้ว่าหมอเฉินจะมิพอใจ แต่พอเห็นหมอหานกับหมอหลี่ยกมือขึ้นอย่างให้ความร่วมมือ เขาก็มองมือของตนอย่างเงียบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จึงยกมือขึ้นอย่างสบายใจจ้าวซวนส่องโคมไฟไปที่พวกเขา ครั้นเห็นว่ามือของหมอหานกับหมอหลี่ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่บนฝ่ามือทั้งสองของหมอเฉินเรืองแสงไปด้วยสีเขียว ๆ บนเสื้อผ้าของเขาก็ด้วยสีหน้าของจ้าวซวนเปลี่ยนไปทันที เขาชักดาบออกมาพร้อมกับตะโกนออกไป “มือสังหารคือหมอเฉิน จับตัวเขาไว้!”องครักษ์ที่ฉินซานพามานั้นรีบวิ่งขึ้นมาทันทีแล้วชักดาบมาล้อมหมอเฉินไว้หมอเฉินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตะโกนด้วยความโกรธ “องครักษ์จ้าว อย่ามาใส่ร้ายข้านะ… ข้านอนอยู่ในห้องตลอด มิได้ออกไปข้างนอกเลย แล้วข้าจะเป็นมือสังหารที่ลอบสังหารท่านอ๋องได้เยี่ยงไร!”“มิได้ออกไปไหนเลยรึ? เช่นนั้นที่มือเรืองแสงเต็มไปหมดนี่เจ้าจะอธิบายเยี่ยงไร?”หลิงอวี๋กับเซียวหลิ
บัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ รวมถึงคนที่มาเฝ้าดูจำนวนมากนั้นต่างก็เข้าใจพื้นฐานของเครื่องยาสมุนไพร หลิงอวี๋จึงยิ้มเยาะแล้วเอ่ยออกมา“คุณหนูหยางของพวกเราน่าจะชอบยาระบายและยาที่ทำให้เกิดอาการคันเป็นพิเศษนะ นางจึงใส่ยาเหล่านี้ลงไปในยาพิษของนางด้วย!”หา!เมื่อเหลยเหวินและคนอื่น ๆ ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็ตกตะลึงกันไปคุณหนูบางคนถอยหลังไปสองสามก้าวโดยมิรู้ตัว นี่ก็หมายความว่าหากพิษที่หลิงอวี๋ออกฤทธิ์ มันจะต้องไหลพรวดออกมาแน่ ๆเย่หรงมองหยางหงหนิงอย่างรังเกียจ และกำหมัดแน่นเสี่ยวชีพูดถูกจริง ๆ นิสัยในการปรุงยาพิษของหยางหงหนิงนั้นมิสามารถเปิดเผยต่อหน้าทุกคนได้จริง ๆฉินซานยืนอยู่ข้างเย่หรง เมื่อครู่เย่หรงเพิ่งจะเล่าเรื่องของเขากับหยางหงหนิงให้ฟังอยู่คร่าว ๆเมื่อฉินซานได้ยินหลิงอวี๋บอกว่า หยางหงหนิงใส่สิ่งเหล่านี้ลงไปในยาพิษ เขาก็มองไปทางเย่หรงด้วยสีหน้าเห็นใจ จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วเอ่ยออกมา “ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดเจ้าจึงมิชอบนาง!”“สตรีประเภทนี้ หากเปลี่ยนเป็นข้า ข้าก็มิชอบเช่นกัน!”“นี่คือการแข่งขัน มิใช่การต่อสู้เอาเป็นเอาตายกันจริง ๆ เหตุใดต้องทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้ด
หลิงอวี๋มองปราดเดียวก็อ่านความคิดของหยางหงหนิงออกแล้ว นางจึงยิ้มมุมปาก “วิธีการเล่นเช่นนี้ก็สดใหม่ดี เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าบอกเถิด!”ทั้งสองจึงแลกเปลี่ยนยาพิษกันหยางหงหนิงหยิบผงยาใส่ปากอย่างมิใส่ใจ แล้วชิมส่วนผสมที่อยู่ในนั้น จากนั้นก็มองไปทางหลิงอวี๋และยิ้มอย่างดูถูก“ยาพิษง่าย ๆ เช่นนี้ เจ้าก็กล้านำมาใช้ในการแข่งขันหรือ สิงอวี๋ เจ้ารอไสหัวไปจากเมืองหลวงแดนเทพได้เลย!”หลิงอวี๋ก็ยิ้มบาง ๆ “พูดประโยคนี้ในตอนนี้มันยังเร็วเกินไป อีกสักครึ่งชั่วยามค่อยพูดเถิด!”“การเอาชนะเจ้า ข้ามิใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยามหรอก แค่สิบห้านาทีก็พอแล้ว!”หยางหงหนิงเอ่ยขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่งทุกคนต่างมองผงยาพิษในมือของทั้งสองคน และอยากรู้ว่าทั้งสองคนปรุงยาพิษชนิดใดเอาไว้“เข้าไปเลือกเครื่องยาสมุนไพร!”หยางหงหนิงรีบชิงเข้าไปก่อน เมื่อเห็นขวดยาก็นำมาใส่ลงในตะกร้าทันทีหลิงอวี๋มองดูก็รู้ทันทีว่าผงยาที่นางใส่นั้นคือเครื่องยาสมุนไพรของยาแก้พิษที่นางทำไว้หยางหงหนิงต้องการจะแย่งชิงเครื่องยาสมุนไพรที่หลิงอวี๋ต้องนำไปปรุงยาแก้พิษ เพื่อทำให้หลิงอวี๋มิสามารถปรุงยาแก้พิษได้หลิงอวี๋ส่ายหัวอย่างหมดคำพูด แล้วหิ้วตะก
คำถามนี้ของหลิงอวี๋ทำเอาจงเจิ้งเฟยพูดมิออกไปทันทีทั้งสองเส้นทางล้วนเป็นทางตันทั้งสิ้น!หลิงอวี๋ใช้คำเปรียบเทียบนี้เพื่อบอกจงเจิ้งเฟยว่า มิว่านางจะยั่วยุหยางหงหนิงหรือไม่ หยางหงหนิงก็มิยอมปล่อยนางไปอยู่ดีในเมื่อล้วนเป็นทางตันทั้งหมด แล้วไฉนมิหยิบไม้ขึ้นมาสู้สักครั้งเล่า?หากวิชาพิษของหลิงอวี๋สามารถเอาชนะหยางหงหนิงได้ เช่นนั้นจะทำให้หยางหงหนิงรวมถึงเหมียวหยางที่คอยรังแกหลิงอวี๋อยู่เสมอนั้นรู้สึกหวาดกลัวได้!จะเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่แข็งแกร่งกว่าตนอย่างไรก็ล้วนต้องก้มหัวให้!หากทักษะด้อยกว่าผู้อื่น เช่นนั้นตายไปก็ยังดีกว่าตายเพราะถูกข่มเหงรังแก เป็นการตายอย่างกล้าหาญ!จงเจิ้งเฟยเข้าใจสิ่งที่หลิงอวี๋บอกแล้วและนางก็มองหลิงอวี๋ด้วยความชื่นชมความเด็ดเดี่ยวและความแข็งแกร่งของศิษย์พี่หญิงนั้นดูเป็นบุรุษยิ่งกว่าบุรุษเสียอีก!จงเจิ้งเฟยรู้สึกว่า นี่ต่างหากคือจุดเด่นภายใต้รูปลักษณ์ธรรมดาของศิษย์พี่หญิง นางเป็นสตรีก็ยังเคารพหลิงอวี๋ เช่นนั้นขอเพียงมิใช่บุรุษที่หยาบคายเช่นเหมียวหยาง จะมีใครบ้างที่มิชอบสตรีเช่นหลิงอวี๋?“หงหนิงออกมาแล้ว! สิงอวี๋ ถึงตาเจ้าแล้ว หาก
“ได้ ตกลงตามนี้!”หลิงอวี๋จ้องหยางหงหนิงอย่างกดดัน “ต้องยอมรับผลแพ้ชนะ ถึงเวลานั้นหากแพ้ เจ้าก็อย่าได้พูดอะไรที่มิเหมาะสมออกมา!”หยางหงหนิงเอ่ยอย่างแน่วแน่ “ต้องยอมรับผลแพ้ชนะ! หลงอิง พวกเราขอยืมห้องปรุงโอสถของเจ้าสักหน่อยนะ!"หลงอิงเป็นเจ้าภาพในวันนี้ นางมิชอบมาก ๆ ที่มีคนมาสร้างปัญหาขึ้นในงานเลี้ยงชมบุปผาของตน ทำให้รายการที่ตนเตรียมไว้มิได้นำออกมาแต่หยางหงหนิงพูดไปแล้ว ดังนั้นต่อให้นางมิชอบก็มิอาจปฏิเสธได้“เสี่ยวอวี๋ มิต้องพนันแล้วได้หรือไม่ เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของหงหนิงหรอก! เจ้ายอมแพ้ แล้วขอโทษหงหนิงเสียเถิด!”หลงอิงดูท่าทางเป็นห่วงหลิงอวี๋“คุณหนูหลง ข้ามิสามารถขอโทษคนที่ใส่ร้ายข้าในเรื่องที่ข้ามิได้ทำได้หรอก!”หลิงอวี๋รู้ว่าฮูหยินทั้งสองของตระกูลเฉียวอยู่ด้วย และตามหลักแล้วตนมิควรทำตัวโดดเด่นให้เป็นจุดสนใจแต่นางอดกลั้นความโกรธไว้มากแล้ว นางต้องระบายออกมาเหมียวหยางอาศัยอำนาจมาทำลายบ้านของตน และตอนนี้หยางหงหนิงก็อาศัยอำนาจกล้ามาใส่ร้ายตนโดยไม่มีหลักฐานอีก หากวันนี้ตนทนเงียบมิพูดอะไร เช่นนั้นต่อไปก็จะมีข่าวลือที่ยิ่งกว่านี้แพร่กระจายออกไปแม้ว่าหลิงอวี๋จะอยากเก็บตัวอยู่
บรรดาศิษย์น้องของเหมียวหยางจะกล้าปล่อยเหมียวหยางไปได้อย่างไร แม้ว่าเย่หรงจะเป็นศิษย์ที่มิประสบความสำเร็จของตระกูลเย่ แต่เขาก็นับว่าเป็นผู้มีอำนาจที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงแดนเทพ และความโหดร้ายของเขาก็ราวกับหมาป่าหากเขาประกาศชัดเจนว่าจะยั่วยุใคร เช่นนั้นแล้วขอเพียงยังมีลมหายใจอยู่ ต่อให้ต้องสู้จนถึงที่สุดก็จะมิยอมรามือถึงแม้ว่าเหมียวหยางจะเกลียดเย่หรงที่ทำให้จมูกของตนหัก แต่ท่าทีที่จะสู้กับเย่หรงอย่างสุดชีวิตนั้น ก็เป็นเพียงการแกล้งทำไปเท่านั้นเนื่องจากด้วยพลังของเขาแล้ว เขามิใช่คู่ต่อสู้ของเย่หรงอย่างแน่นอน มิฉะนั้นก็คงมิถึงกับถูกเย่หรงต่อยสองหมัด แล้วไม่มีแรงตอบโต้หรอก“พวกเจ้าปล่อยข้า ให้ข้าไปสู้กับเขา… เย่หรง เจ้ารู้สึกผิดแล้วกระมัง จึงได้ใส่ร้ายข้า!”เหมียวหยางตะโกนออกไปอย่างโอ้อวด “ข้ามิได้ทำลายบ้านของสิงอวี๋ มิใช่ว่าเจ้าจงใจไปทำลายบ้านของนาง เพื่อให้นางยอมขึ้นเตียงกับเจ้า และใช้โอกาสนี้สนับสนุนนางเองรึ?”น้ำโคลนสาดเข้ามาหาเย่หรงในทันทีคนจำนวนมากที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของเหมียวหยางอาจจะเป็นเรื่องจริงได้ เพราะเรื่องนี้ดูเป็นเรื่องที่เย่หรงสามารถทำได้!หลิงอวี
หยางหงหนิงยิ่งโวยวายก็ยิ่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ และดึงดูดสายตาของคุณหนูคุณชายที่ยังอยู่รอบ ๆ มิได้แยกตัวออกไปให้พากันหันมามอง"ข้าบอกว่าเจ้าต่ำต้อย แต่เจ้าก็ยังบอกว่ามิต่ำต้อย! ทุกคนมาดูอันดับหนึ่งของหอปรุงโอสถผู้นี้เถิด นางคือคนต่ำต้อยไร้ยางอาย!”“นางล่อลวงเย่หรงไปดื่มสุรา และมิรู้ว่านางใช้กลอุบายอะไร จึงทำให้เย่หรงสนับสนุนนาง!”“สิงอวี๋ ข้าขอบอกไว้เลยว่า คนต่ำต้อยเช่นเจ้า ตระกูลเย่ไม่มีทางให้เจ้าเข้าไปเป็นอันขาด และถึงแม้ว่าพวกเขาจะให้เจ้าเข้าไป เจ้าก็เป็นได้เพียงอนุเท่านั้น!”เมื่อคุณหนูเหล่านั้นรวมถึงบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าได้ยินเช่นนั้น ก็ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา“ข้าก็บอกแล้วว่านางแต่งตัวธรรมดาเช่นนั้น แล้วจะมีเงินไปศึกษาที่สำนักศึกษาชิงหลงได้อย่างไร ที่แท้นางก็อาศัยการหลอกลวงเงินของบุรุษ!”“แต่นางก็มิได้งามอะไรนักนี่ แล้วเย่หรงจะชอบนางได้หรือ?”“เจ้ามิรู้หรอก บุรุษบางคนมิได้สนใจที่หน้าตา แต่สนใจที่รูปร่าง บางทีเย่หรงอาจจะสบายใจกับการปรนนิบัติของสตรีผู้นี้ก็เป็นได้!”คำพูดนี้เหมียวหยางเป็นคนพูด เขาพูดไปพลางยิ้มอย่างหยาบคาย ทั้งยังขยิบตาอย่างคลุมเครือให้กับพวกคุณชายที่อ
จงเจิ้งเฟยส่ายหัว “ข้าเองก็มิได้รู้แน่ชัดนัก ข้าแค่ฟังมาจากคนอื่นเท่านั้น เพราะพวกนางบอกกันว่าฉินตะวันตกเป็นคนละดินแดนกับพวกเรา!”“ข้าได้ยินมาเพียงว่า ทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋ผู้นี้ยอดเยี่ยมมาก ก่อนหน้านี้ว่ากันว่า ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อท้องใหญ่ราวกับกลอง และไม่มียาใดที่สามารถรักษาได้ แต่หลิงอวี๋เป็นคนผ่าท้องของนางแล้วนำถุงน้ำที่อยู่ในท้องของนางออกมา เช่นนี้จึงรักษาโรคประหลาดของนางหายขาดได้!”“ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อได้เดินทางติดตามข้าหลวงเก๋อมาที่เมืองหลวงแดนเทพแล้ว ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปมิได้ผิดปกติใด ๆ นี่คือข้อเท็จจริง!”เหลยเหวินฟังแล้วก็รู้สึกสับสน “ดูเช่นนี้แล้ว หลิงอวี๋ก็มินับว่าเป็นคนเลว แต่เหตุใดนางจึงสังหารเฉียวเค่อเล่า!”หลิงอวี๋ฟังอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ แล้วนางก็ยิ่งอยากรู้อดีตของตนมากขึ้นไปอีกตนเป็นคนแบบใดกันแน่?เหตุใดจึงมีศัตรูมากถึงเพียงนี้?ดูท่าทางจะต้องไปถามผู้รอบรู้เสียหน่อยแล้ว บางทีการรู้เรื่องในอดีตของตน อาจจะทำให้นางฟื้นความทรงจำที่หายไปได้เร็วขึ้นก็ได้ขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกันอยู่ ก็เห็นหยางหงหนิงพาสหายอีกสองคนเดินเข้ามา“เฟยเฟย พวกเจ้าค
เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของเย่หรง ก็อดมิได้ที่จะยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อยดูภายนอกเย่หรงกำลังบอกว่าตนเป็นคนขี้ขลาด แต่แท้จริงแล้วหลิงอวี๋กลับฟังออกว่าเย่หรงกำลังทำลายความเชื่อมั่นของฮูหยินเฉียวอยู่เขาใช้คำพูดของฮูหยินเฉียวมาเตือนผู้ที่คิดจะให้เบาะแสเพื่อเงิน ให้หยุดอยู่ที่ตรงนี้ลองคิดดูเถิด ฮูหยินเฉียวบอกว่าหลิงอวี๋เป็นคนโหดเหี้ยมไร้ความปรานี และหลิงอวี๋ก็สามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ หากใครจะเปิดโปงหลิงอวี๋ เช่นนั้นหลิงอวี๋จะทนเก็บความโกรธเอาไว้มิแก้แค้นได้หรือ?เป็นดังที่คาด คำพูดนี้ของเย่หรงทำให้คนจำนวนหนึ่งมิกล้าทำต่อไปแล้ววรยุทธ์ของเย่หรงมิได้อ่อนแอ เขาเองยังบอกว่ามิสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ และสู้หลิงอวี๋มิได้ด้วยเช่นนั้นหากเปลี่ยนเป็นตนเอง ตนจะสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้หรือ?คนที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานีเช่นหลิงอวี๋นี้ อย่าได้ไปยั่วยุนางจะเป็นการดีกว่าแม้ว่าเงินห้าล้านจะน่าดึงดูดใจ ทว่าหากชีวิตหาไม่แล้ว ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!มุมปากของเซียวหลินเทียนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเช่นกัน เขาก็ฟังออกถึงความหมายของเย่
เช่นนี้ก็แสดงว่า เฉียวไป๋เองก็รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าคนที่ช่วยเขาไว้คือศัตรูของเขา?หลิงอวี๋แอบดีใจที่ตนเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง หลังจากที่หนีออกมาจากเงื้อมมือของเก๋อฮุ่ยหนิง มิเช่นนั้นหากใช้ใบหน้าก่อนหน้านี้ ก็คงจะถูกเก๋อฮุ่ยหนิงสังหารไปแล้วใช่หรือไม่?ดูท่าทางต่อไปตนจะมิสามารถใช้มีดผ่าตัดรักษาคนได้อีกต่อไปแล้ว!หลิงอวี๋ค้นพบแล้วว่า ที่เมืองหลวงแดนเทพนั้นล้วนเป็นหมอโอสถที่รักษาโรค มิว่าจะเป็นโรคอะไร หมอโอสถก็ล้วนใช้เพียงโอสถในการรักษาโรคเท่านั้นส่วนการผ่าตัดนั้น ในตอนนี้กลายเป็นวิธีการรักษาเฉพาะตัวของนางไปแล้วประเดี๋ยวก่อน จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงอวี๋ตนเป็นคนที่รักษาดวงตาของฮูหยินเว่ยจนหาย ตอนนั้นมีหมอจำนวนมากบอกว่าดวงตาของฮูหยินเว่ยมิสามารถรักษาได้แล้ว หากพวกนางเองก็ได้เห็นหมายจับค่าหัวด้วย พวกนางจะไปเปิดโปงตนให้กับตระกูลเฉียวหรือไม่?ตั้งแต่ที่ตนลงมาจากเรือของตระกูลเว่ย ก็ทำเพียงเปลี่ยนกลับเป็นชุดสตรี แต่มิได้เปลี่ยนการแปลงโฉม!ยิ่งไปกว่านั้น ผู้รอบรู้ก็มิได้แปลงโฉมด้วย เช่นนั้นขอเพียงติดตามเบาะแสเหล่านี้มา การจะตามหาตนก็มิใช่เรื่องยากแล้ว!หากต้องการให้ตนป