เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเย็นชาโดยไม่แม้แต่จะมอง“อาการบาดเจ็บเหล่านั้นเกิดจากการที่คนของหยางหมิงเป็นพวกคนชั่วที่กัดกันเอง เหตุใดเล่า หยางต้าหู่ ข้ายังต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของนักโทษประหารด้วยรึ?”ที่จริงอาการบาดเจ็บเหล่านี้เกิดจากหยางเม่าทุบตี เซียวหลินเทียนเคยสัญญากับเขาไว้ว่าจะช่วยแก้แค้นให้เสี่ยวอู่ดังนั้นหลังจากจับหยางหมิงได้ เซียวหลินเทียนก็ให้ลู่หนานไปตามหยางเม่ามาหยางเม่าย่อมมิเมตตาเดรัจฉานที่ตัดหัวน้องชายของตนด้วยมืออยู่แล้ว จึงทรมานเขาอย่างหนักตลอดทั้งคืนคำพูดของเซียวหลินเทียนทำให้หยางต้าหู่พูดมิออก แม้ว่าจะรู้ว่าเซียวหลินเทียนกำลังโกหกซึ่งหน้า แต่เขาจะแตกหักกับเซียวหลินเทียนเพราะเรื่องนี้ได้หรือ?“ท่านอ๋องอี้ นักโทษที่ทำผิดเช่นนี้ตายไปก็มิน่าเสียดาย! แต่เมื่อคนตายแล้วบาปก็จะหายไป ศพของเขาจึงควรคืนกลับไปยังตระกูลหยางให้พวกเขาเอาไปฝังพ่ะย่ะค่ะ!”หยางจื้อฟางนับได้ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของหยางหมิงเช่นกัน เขาก็เกลียดเซียวหลินเทียนเพราะการตายของลูกพี่ลูกน้องของตนเองด้วยแต่เขาก็มิกล้าแตกหักกับเซียวหลินเทียนเรื่องนี้!“ใช่แล้ว!”เซียวหลินเทียนได้ถามสิ่งที่ตนอยากรู้จาก
ลู่หนานอยู่ข้าง ๆ ได้ยินสิ่งนี้ จึงเอ่ยอย่างกังวล“ท่านอ๋อง เรื่องนี้ท่านต้องฟังพระชายาพ่ะย่ะค่ะ! แม่ทัพฉินก็ติดโรคระบาดและมีไข้อยู่ตลอด พระชายายังหาวิธีช่วยเขามิได้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”“ท่านอ๋อง หากท่านติดเชื้อโรคระบาด พวกเราทุกคนจะหมดหนทางสิ้นพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อคืนนี้เซียวหลินเทียนกระโดดลงจากหน้าผาไปเจอศพที่ติดโรคระบาด พอกลับมาแล้วหลิงอวี๋ได้ยินเรื่องนี้เข้าก็ให้พวกเขาทั้งสามคนไปฆ่าเชื้อ และกำจัดเสื้อผ้าของพวกเขาไปเลยหลิงอวี๋ยังมิวางใจจึงให้ทุกคนกินยาป้องกันโรคระบาดด้วยลู่หนานเอ่ยเรื่องนี้เพียงเพื่อร่วมแสดงตามที่เซียวหลินเทียนสั่งเท่านั้น!หยางจื้อฟางขมวดคิ้ว เขาได้ยินมาว่าฉินซานติดเชื้อ แต่หาได้เห็นด้วยตาของตนเองไม่ มีหรือจะเห็นว่าเป็นจริง!ส่วนแม่ทัพหลี่ว์...เมื่อวานมันมืดมาก กับหยางจื้อฟางก็มองเห็นมิชัดเจนว่าเขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่หยางจื้อฟางกลอกตา เซียวหลินเทียนพานายทหารที่มีความสามารถทั้งสามคนนี้มา หากยืนยันแล้วว่าพวกเขาติดเชื้อและได้รับบาดเจ็บกันหมด เช่นนั้นแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะสงสัยพวกเขา แต่ไม่มีคนช่วยเขาก็มิกล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่นเป็นแน่“ท่านอ๋อง แม่ทัพทั้งสามยอมเสี
กระทั่งหยางจื้อฟางกับหยางต้าหู่มาถึงหออักษร หลิงอวี๋ก็ได้รับข่าวก่อนแล้ว จึงให้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อคืนนี้แต่งตัวเป็นหลี่ว์จงเจ๋อนอนอยู่บนเตียงส่วนฉินซานก็ให้หลี่เฉียงที่ติดเชื้อโรคระบาดปลอมตัวเป็นเขาแทน!เผยอวี้ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว จึงมิจำเป็นต้องปกปิดใด ๆเมื่อหยางจื้อฟางกับหยางต้าหู่เข้าประตูไปก็เห็นเผยอวี้เปลือยเปล่าครึ่งหนึ่ง และมีผ้าพันแผลพันรอบเอวนอนอยู่บนเตียงก่นด่าคนไปอย่างรำคาญทั้งสองคนแสร้งทำเป็นเป็นห่วงเผยอวี้ ทั้งยังไปเยี่ยมผู้ป่วยเหล่านั้นด้วย ครั้นเห็นว่าผู้ป่วยที่ติดโรคระบาดมิได้ดีขึ้นเลย ทั้งสองคนก็โล่งใจไปขณะที่ทั้งสองยังคอยสังเกตอยู่ ก็เห็นลู่หนานเรียกพระชายาอ๋องอี้ออกไปอย่างเร่งรีบ ทั้งสองจึงสบตากันและยิ่งรู้สึกว่าเซียวหลินเทียนมิใช่ปัญหาแล้วหมอเลื่องชื่อจากเมืองหลวงก็ช่วยต่อสู้กับโรคระบาดมิได้เช่นกันในช่วงนี้พวกเขาเห็นผู้ป่วยโรคระบาดมากมาย อยู่ได้ไม่กี่วันก็ตายกันหมดแล้วขอเพียงอดทนไปในสองสามวันนี้ แล้วรอจนกระทั่งท่านอ๋องอี้ป่วยตาย เช่นนั้นสิ่งที่พวกเขาทำก็สามารถปกปิดได้แล้วแม้ว่าจะคิดเช่นนี้ แต่ตอนที่หยางจื้อฟางออกไปก็ยังกำชับหยางต้าหู่อย่างมิว
“หงเอ๋อร์ มิต้องพูดแล้ว ระวังปากจะพาซวย!”ชายวัยกลางคนกลัวว่าลูกชายจะพูดอะไรที่เป็นความผิดร้ายแรงออกไป จึงรีบจับมือเขาไว้พลางกระซิบ “ดื่มชานี้ให้เสร็จแล้วเราก็ไปกันเถอะ!”“พ่อได้ยินมาว่า ท่านอ๋องอี้มาเว่ยโจวเพื่อกำจัดโรคระบาด ในเมื่อข้าหลวงมิสนใจเรื่องของเรา บางทีเราอาจจะลองเสี่ยงกับท่านอ๋องอี้ดู!”“ท่านพ่อ คนเลวก็เหมือนกันหมดทุกที่ ท่านพ่อถูกโบยไปสามสิบไม้แล้วยังมิยอมแพ้หรือ?”ชายวัยรุ่นชื่อเจิ้งหงเอ่ยด้วยความโกรธ “หากท่านอ๋องอี้ผู้นั้นเป็นเหมือนข้าหลวงแล้วทุบตีท่านพ่ออย่างมิสนถูกผิดอีกเล่า เช่นนั้นมิเป็นการเอาชีวิตไปลงนรกหรอกหรือ?”“มิไปแล้ว กินเสร็จเราก็กลับกัน!”ฉินซานเห็นพวกเขารีบกิน แล้วเจิ้งหงก็พยุงท่านพ่อเจิ้งเดินกะโผลกกะเผลกลงไปชั้นล่างเขาขยิบตาให้เหอโป ให้เหอโปอยู่สืบข่าวต่อไป จากนั้นตนก็เดินตามพวกเจิ้งหงลงไปอย่างเงียบ ๆรถม้าของเจิ้งหงหยุดที่หัวมุมถนน เจิ้งหงพยุงพ่อขึ้นรถม้าและกำลังจะเคลื่อนรถม้าออกไป ฉินซานมองไปรอบ ๆ เห็นว่าไม่มีผู้ใดสนใจตนจึงพุ่งเข้าไปในรถม้าอย่างรวดเร็ว“เจ้าเป็นใคร? เจ้าจะทำสิ่งใด?” ท่านพ่อเจิ้งอุทานอย่างตกใจเจิ้งหงก็ดึงกริชออกมาแล้วพุ่งเข้
ท่านพ่อเจิ้งพูดแล้วก็หลั่งน้ำตาอาบแก้ม “แม่ทัพฉิน นั่นเป็นเงินหนึ่งแสนกว่าเชียวหนา!”“มิเหลือแล้ว นี่มิใช่ว่าอยากให้ครอบครัวของเราหมดหนทางหรอกหรือ?”“อย่าว่าแต่เรื่องนี้เลย คนที่ตามมาลากรถกับเราล้วนแต่เป็นชาวบ้าน บางคนถูกโจรฆ่าไป ส่วนที่เหลือได้รับบาดเจ็บยังนอนอยู่ในโรงเตี๊ยมกันอยู่เลย!”“จะให้ข้าไปอธิบายเรื่องนี้กับครอบครัวของพวกเขาฟังเยี่ยงไรเล่า!”ฉินซานขมวดคิ้ว “พวกเจ้าไปร้องเรียนกับทางการแล้วหรือ? แม้ว่าข้าหลวงหยางจะมิสนใจ แต่เหตุไฉนต้องโบยเจ้าถึงสามสิบไม้กันเล่า?”“หึ… โจรอะไรกันเล่า โจรพวกนั้นก็เป็นคนของข้าหลวงหยาง หลิวฮุยที่เป็นผู้นำก็เป็นหลานชายของข้าหลวงหยาง! ข้าจำเขาได้ วันนั้นข้าเห็นเขาออกมาจากศาลาว่าการ!”เจิ้งหงเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “ท่านพ่อของข้าไปชี้ตัวเขา ข้าหลวงหยางก็บอกว่า เราใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ของราชสำนัก แล้วก็โบยท่านพ่อของข้าสามสิบไม้โดยมิสนถูกผิด!”“แม่ทัพฉิน ทางการสมรู้ร่วมคิดกับพวกโจรมาปล้นเครื่องยาสมุนไพรของเรา เราจะไปฟ้องร้องได้ที่ใดบ้าง!”ฉินซานงุนงง แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าหยางจื้อฟางเป็นคนใจกล้า แต่ฉินซานมิคาดคิดเลยจริง ๆ ว่าข้าหลวงหยางจะกล้าปล้นสิน
เพราะท่านพ่อเจิ้งแก่แล้ว หลังจากได้ยินคำพูดของฉินซานก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลดี จึงปรามเจิ้งหง“แม่ทัพฉิน ข้าเข้าใจความลำบากของท่านอ๋องอี้! เราจะออกไปหลบภัยตามที่แม่ทัพฉินบอก เพื่อให้ท่านอ๋องอี้มีเวลาตรวจสอบอย่างละเอียด!”“พวกเนื้อร้ายเหล่านี้ควรถูกกำจัดออกไปให้สิ้น มิเช่นนั้นฉินตะวันตกของเราจะตกอยู่ในอันตราย! แม่ทัพฉิน เราจะร่วมมือกับท่านติดต่อกับพ่อค้าเหล่านั้นแล้วรวบรวมหลักฐานการทำผิดของข้าหลวงหยางมาให้จงได้!”ฉินซานพยักหน้าอย่างยินดี "ท่านพ่อเจิ้ง เช่นนั้นก็ตามนี้! ในช่วงนี้ เจ้าก็ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของเว่ยโจวเอาไว้ หากเจ้ารู้ว่าท่านอ๋องอี้ยึดเว่ยโจวไว้แล้ว เจ้าก็พาคนของเจ้ากลับมาได้เลย!”“พวกเจ้าต้องระวังเรื่องความปลอดภัยด้วย!”หลังจากอธิบายเสร็จแล้ว ฉินซานก็ลงจากรถม้า กำลังจะกลับไปที่โรงน้ำชา ก็พลันเห็นความวุ่นวายที่อีกฟากหนึ่งของถนนเจ้าหน้าที่ทหารกลุ่มหนึ่งเข้ามา คนที่เป็นผู้นำเดินไปก็ตะโกนไปด้วย“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เว่ยโจวจะอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก เข้าออกเมืองจะต้องได้รับการตรวจสอบ คนที่บอกที่มาที่ไปมิได้จะถือว่าเป็นสายลับของแคว้นศัตรู และจะถูกสังหารอย่างไร้ควา
ฉินซานนึกถึงคำพูดของหลิงอวี๋ ใจเขาก็บีบรัดขึ้นทันที หรือว่าคนที่แขกที่กล่าวถึงคือหลิงเสี่ยงพี่ชายของหลิงอวี๋?ฉินซานนั่งมิติดทันที ไม่ว่าจะเป็นหลิงเสี่ยงหรือไม่ เขาก็ต้องช่วยแม่ทัพผู้นี้ให้จงได้บนถนน เจ้าหน้าที่ทหารกำลังค้นหาจากบ้านหนึ่งไปอีกบ้านหนึ่ง ฉินซานกับเหอโปคุยกันเสียงต่ำ พอแขกลุกขึ้นฉินซานก็เดินตามลงไปชั้นล่างเรื่องลับ ๆ เช่นนี้ หยางจื้อฟางไม่มีทางบอกกับภายนอก แต่แขกผู้นี้กลับรู้เรื่องราวภายในมากมายถึงเพียงนี้ ฉินซานวางแผนจะถามจากปากเขาดูอีกครั้งแขกผู้นั้นเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็พบกับเจ้าหน้าที่ทหาร ฉินซานกดปีกหมวกลง แล้วเห็นแขกทักทายนายทหารที่เป็นผู้นำกลุ่มนายทหารยิ้มพลางเอ่ย “พี่หลิว จะกลับบ้านหรือ!”หลิวเหว่ยก้าวไปวางมือบนไหล่นายทหารพลางเอ่ยยิ้ม ๆ “เมื่อไรจะออกเวรเล่า? ข้าเตรียมอาหารกับเครื่องดื่มไว้แล้ว รอพวกเจ้าออกเวรพวกเราพี่น้องจะได้จิบกันเสียหน่อย!”นายทหารยิ้มขมขื่นพลางเอ่ย “วันนี้อย่าคิดที่จะได้ออกเวรเลย หากจับนักโทษมิได้ ใต้เท้าไม่มีทางอนุญาตให้เราพักหรอก! ไว้วันอื่นเถิด!”“ทำงานหนักแล้ว เช่นนั้นก็วันอื่นเถิด!”หลิวเหว่ยปล่อยเขาไป พลางหยิบอาหารเครื่องดื่มแ
ฉินซานได้ยินแล้วรู้สึกปวดใจขึ้นมา การทรมานเช่นนี้ มีเพียงคนที่มีใบหน้าเป็นมนุษย์แต่จิตใจเป็นเดรัจฉานเยี่ยงหลิวฮุยเท่านั้นที่ทำได้ลง!“แม่ทัพผู้นี้หรือไม่ที่หนีออกจากคุกเมื่อคืนนี้?”ฉินซานเอ่ยถามหลิวเหว่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ใช่ขอรับท่าน… ท่านแม่ของข้าทำงานในคุก นางกลับมาบอกข้าเมื่อเช้า…”“นางบอกว่าแม่ทัพซ่อนชามแตก ๆ ไว้ใบหนึ่ง เมื่อผู้คุมประมาท ก็ฆ่าผู้คุมแล้วสวมเสื้อผ้าของเขาหนีออกจากห้องขัง!”“ท่านแม่ยังบอกอีกว่า แม่ทัพผู้นั้นมีบาดแผลเต็มตัว จะหนีไปได้ไกลแค่ไหนกัน!”“ท่าน ปล่อยข้าไปเถิด เมื่อท่านแม่ของข้ากลับมา ข้าจะให้นางช่วยสืบดูว่าพวกหลิวฮุยจับแม่ทัพผู้นี้ได้หรือไม่!”ฉินซานมิสนใจเขา และครุ่นคิดว่าแม่ทัพผู้นั้นจะหนีไปได้ไกลแค่ไหนในเมื่อเขาได้รับบาดเจ็บ!ทันทีที่คนของข้าหลวงหยางพบว่าเขาหลบหนีไป ก็ค้นหาเขาไปทั่วทั้งเมือง เขาไม่มีทางที่จะหลบหนีออกจากเมืองได้เลย!แต่ตอนนี้เขาซ่อนอยู่ที่ใดกัน?“พาข้าไปดูที่เรือนจำที!”ฉินซานใช้ปลายมีดจ่อที่คอของหลิวเหว่ยพลางเอ่ยขู่ “หากเจ้าเชื่อฟังข้าจะมิทำร้ายเจ้า แต่หากเจ้ากล้าเล่นตุกติกกับข้า ข้าจะแทงเจ้าเป็นอย่างแรก!”หลิวเหว่ยร้องไห