หากเผยอวี้แต่งงานกับหลิงหว่าน มันจะกระทบต่อความก้าวหน้าในตำแหน่งของเขา!แม้ว่าฮูหยินเผยอยากจะให้ลูกชายแต่งงานก่อนออกเดินทาง แต่นางก็ไม่อยากให้การแต่งงานส่งผลกระทบต่ออนาคตของลูกชายเช่นกันตอนนั้นฮูหยินเผยไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไป แต่หลังจากกลับไปก็ไปพูดเรื่องนี้กับสามีของนางใต้เท้าเผยจึงเอ่ย “หลิงเสียงกังเป็นคนซื่อตรง อุปนิสัยของบุตรสาวที่เขาเลี้ยงดูก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร!”“แต่ความกังวลของเจ้าก็ถูกเช่นกัน หากแต่งงานกับหลิงหว่านไป ชีวิตภายหน้าของอวี้เอ๋อร์จะต้องได้รับผลกระทบเป็นแน่! เรื่องนี้ยังต้องพิจารณากันก่อน!”ทันทีที่ได้ยินสิ่งนี้ฮูหยินเผยล้มเลิกความคิดไป!วันนี้ฮูหยินเผยตามมาแจกโจ๊กด้วย จึงอยากจะมาดูว่ามีตัวเลือกอื่นอีกหรือไม่เรื่องพวกสหายสนิทของอันซิน ฮูหยินเผยได้ไปสอบถามจากพระชายาผิงหนานมาแล้วอวี๋หลานเป็นคนอารมณ์ดี มีนิสัยนุ่มนวลเผยอวี้เป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเผย ภรรยาของเขาจะต้องเป็นฮูหยินของตระกูลในภายหน้า อุปนิสัยที่นุ่มนวลนี้ไม่ใช้ตัวเลือกที่เหมาะจะเป็นนายหญิงของตระกูลส่วนเจียงอวี้เกิดมาในครอบครัวขุนนางฝ่ายบู๊ แต่ฮูหยินเผยรู้สึกว่าเจียงอวี้แข็งแกร่งเกินไป นางกล
หลิงอวี๋โกรธมากจนอยากจะตบฟางเจียอี๋ในทันที!มีคนจำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บกว่านางหลายสิบเท่ารอให้ตนช่วยชีวิตอยู่ ฟางเจียอี๋กล้าดีอย่างไรถึงให้นางมาที่นี่เพียงเพราะอาการบาดเจ็บเช่นนี้?ผู้ลี้ภัยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเหล่านั้นกังวลเพียงว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดหรือไม่ แต่ฟางเจียอี๋กลับกังวลว่าตนจะเสียโฉมหรือไม่!“พระชายาอ๋องอี้ รีบรักษาคุณหนูของข้าเร็วเข้าเถิด! เหตุใดจึงยืนงงงันอยู่เล่า?”นางรับใช้ของฟางเจียอี๋เห็นหลิงอวี๋ยืนนิ่งไม่ไหวติง ก็ผลักนางอย่างไม่อดทน“ใบหน้าคุณหนูของข้าใช้เงินดูแลไปเป็นจำนวนมาก หากเสียโฉมแล้วล่ะก็ ต่อไปพวกท่านก็อย่าคิดว่าคุณหนูของข้าจะบริจาคข้าวปลาอาหารให้อีกเลย!”หลิงอวี๋ทนไม่ไหวอีกต่อไป ความโกรธที่สั่งสมมาทำให้นางอยากหาคนระบายมานานแล้วด้วยนางรับใช้ผู้นี้แกว่างเท้าหาเสี้ยนเอง เช่นนั้นก็นับว่านางโชคร้ายก็แล้วกัน!หลิงอวี๋ยกมือขึ้นตบนางรับใช้อย่างแรง พลางตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว “ผู้ใดบอกให้เจ้ากล้ามาผลักข้า?”“เจ้ามันเป็นสุนัขรับใช้ที่ชอบกลั่นแกล้งผู้อื่นจนเป็นนิสัย ไม่แหกตาดูบ้างหรือว่าข้าเป็นใคร?”“ข้าใช่คนที่เจ้าสามารถจิกหัวใช้ได้รึ?”ขณะที่หลิงอวี๋ก่นด่าอ
นางรับใช้ทั้งสองคนของฟางเจียอี๋เองก็อายจนหน้าแดงกับพฤติกรรมที่น่าขายหน้าของเจ้านายเช่นกัน จนลืมแสดงละครแล้วรีบก้าวไปช่วยพยุงฟางเจียอี๋ลุกขึ้นนางรับใช้คนหนึ่งปัดฝุ่นตามร่างกายของนาง จากนั้นนางรับใช้อีกคนก็รีบช่วยนางจัดผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของนางให้ตรงดีที่ฟางเจียอี๋ไม่ใช่คนโง่แล้วตั้งสติได้ในทันทีจากนั้นก็ร้องพลางเอ่ยกับเซียวหลินเทียนอย่างเสียใจ“ท่านพี่หลินเทียน… ท่านดูแลพระชายาของท่านด้วยเถิด นางมาถึงก็ทุบตีนางรับใช้ของหม่อมฉันอย่างดุร้ายเลยเพคะ!”“สตรีที่วางท่าอวดดีเช่นนี้จะคู่ควรกับการเป็นพระชายาของท่านได้เยี่ยงไรกันเพคะ? หากท่านมิจัดการนาง… นางจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของท่านอ๋องนะเพคะ!”เซียวหลินเทียนมองฟางเจียอี๋อย่างเย็นชา แล้วจู่ ๆ ก็เอ่ยออกมา “พระชายาของข้าไม่มีอะไรที่ไม่ดี! ไม่จำเป็นต้องจัดการหรอก!”“หา… ท่านพี่หลินเทียน ท่านได้ยินที่หม่อมฉันพูดไม่ชัดเจนหรือ? นางรังแกคนรับใช้เพคะ…”“คนรับใช้ก็เป็นคนเช่นกัน! นางจะทุบตีใครโดยไม่สอบถามได้เยี่ยงไรเพคะ?”ฟางเจียอี๋เอ่ยอย่างกังวล “นางเลวร้ายเช่นนี้จะคู่ควรกับท่านอ๋องได้เยี่ยงไรเพคะ?”เซียวหลินเทียนจึงตอบกลับไปอย่างเย็นชาอีกค
ในขณะนี้ หัวใจของจ้าวเจินเจินจมลึกลงไปถึงจุดต่ำสุดแล้ว!เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา จ้าวเจินเจินเพิ่งพบว่าองค์ชายคังทิ้งตนไว้ตามลำพังแล้วพาทหารองครักษ์จากไป!ตอนนั้นใจของนางว่างเปล่าไปหมด!แต่ตอนนี้ นางเพิ่งค้นพบว่าความผิดหวังที่เกิดขึ้นจากการที่เซียวหลินเทียนไม่สนใจตนนั้น มันมากกว่าความผิดหวังที่องค์ชายคังไม่สนใจตนเองมากนัก...จ้าวเจินเจินจ้องมองแผ่นหลังของเซียวหลินเทียนนิ่ง ๆคนที่เคยอุ้มตนไว กลับกลายเป็นคนแปลกหน้ากับตนไปเช่นนี้จริงหรือ?น้ำตาแห่งความคับข้องใจของนางร่วงหล่นลงมาทีละหยดโดยไม่รู้ตัวความเสียใจที่มีอยู่เต็มหัวใจไม่รู้จะไปคุยกับใคร!ตอนที่ศาลาโจ๊กพัง องค์ชายคังทิ้งนางไว้แล้วหนีไปเพียงลำพัง!หากเป็นเซียวหลินเทียน เขาจะไม่มีวันปล่อยมือนางในยามที่เกิดอันตรายแน่นอน!นางได้รับบาดเจ็บ แต่สามีของตนไม่ถามไถ่อะไรสักคำ ทั้งยังตบหน้าตนอีก!ตอนนี้ก็ทิ้งนางไว้ข้างหลังแล้วรีบร้อนเข้าวังไปหาพระชายาเส้าให้คิดวิธีแก้ไขสถานการณ์!เขาไม่รู้หรือว่าการที่ทิ้งตนไว้เผชิญหน้ากับผู้ลี้ภัยเหล่านี้ ตนอาจจะตายได้?จ้าวเจินเจินมาที่นี่เพราะอยากให้เซียวหลินเทียนจัดให้คนพาตนกลับ!แต่เซียวหลินเท
เมื่อนึกถึงผลที่ตามมาของการทำให้จ้าวเจินเจินขุ่นเคือง ฟางเจียอี๋ก็อ่อนลงแล้วยิ้มอย่างเอาใจจ้าวเจินเจินพลางเอ่ย“ท่านพี่ ข้าล้อเล่นหนา! ข้าจะทำร้ายท่านได้เยี่ยงไรกันเล่า! เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ท่านสบายพวกเราก็จะสบายไปด้วย!”เมื่อจ้าวเจินเจินเห็นว่าฟางเจียอี๋ยอมถอยแล้วจึงได้ปล่อยมือ นางเหลือบมองฟางเจียอี๋อย่างเย็นชา จากนั้นมองไปที่เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ที่กำลังยุ่งอยู่ไกล ๆ...มุมปากของจ้าวเจินเจินยกขึ้นยิ้มเยาะเซียวหลินเทียน เจ้าทำให้ข้าไม่มีความสุข เช่นนั้นเจ้าก็อย่าได้คิดจะอยู่อย่างสงบสุขได้เช่นกัน!รอข้าก่อนเถอะ ข้าไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้หรอก!สักวันหนึ่ง ข้าจะทำให้เจ้าคุกเข่าตรงแทบเท้าแล้วขอร้องข้า!……“ท่านแม่… ท่านแม่...”หลิงหว่านกำลังยุ่งอยู่กับการพันผ้าพันแผลให้กับผู้บาดเจ็บ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงร้องไห้อันเศร้าสร้อยของเด็กคนหนึ่งนางเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นเด็กอายุสี่ห้าขวบสวมชุดโทรม ๆ เดินเท้าเปล่า และร้องไห้อยู่ท่ามกลางผู้บาดเจ็บหลิงหว่านรีบพันผ้าพันแผลให้ผู้บาดเจ็บแล้ววิ่งไปจับเด็กคนนั้นไว้เด็กคนนั้นใบหน้าสกปรก ผมเผ้าติดกันราวกับฟาง ดูไม่ชัดเจนว่าเป็นเด็กผ
กระทั่งพวกหลิงอวี๋รักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดเสร็จ ก็เกือบจะถึงเวลาอาหารเย็นแล้วหลิงอวี๋หิวจนไส้กิ่ว เดินเข้าไปทรุดตัวลงบนเก้าอี้ในศาลาโอสถ“อาจารย์ ข้าเอาโจ๊กมาให้ท่านหนึ่งชาม กินเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ!”เมื่อเห็นหลิงอวี๋เหนื่อยเช่นนี้ หลี่ชุงก็ปวดใจ รีบไปเอาโจ๊กมาให้ชามหนึ่ง“ขอบใจเจ้า! เจ้าก็รีบไปกินเถอะ”หลิงอวี๋เห็นว่าหลี่ชุงเองก็ยุ่งมากเช่นกัน จึงรับโจ๊กมาแล้วเร่งให้นางไปกิน“เจ้าค่ะ… อาจารย์ มีเด็กคนหนึ่งนอนอยู่ที่มุมห้อง นามว่าเยี่ยนจื่อ ยังหาแม่ของนางไม่พบเลย โปรดช่วยดูด้วยเถิดเจ้าค่ะ!”หลี่ชุงชี้ไปที่มุมห้องหลิงอวี๋เห็นร่างเล็ก ๆ นอนซุกตัวอยู่ที่มุมห้องจึงพยักหน้าหลังจากกินโจ๊กแล้ว นางก็รู้สึกปวดปัสสาวะนึกได้ว่าห้องปลดทุกข์อยู่ด้านหลังไม่ไกลนัก เยี่ยนจื่อคงยังไม่ตื่นไปอีกสักพัก ตนไปไม่นานก็กลับมาแล้วหลิงอวี๋รีบวิ่งไปเข้าห้องปลดทุกข์ ขณะที่เสร็จสิ้นแล้วกำลังจะออกมา ก็ได้ยินเสียงคนพูดอยู่ข้างนอก“คุณหนูหลิง… เจ้าก็รู้ว่าตัวตนของท่านเป็นใคร ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนดีจึงอยากมาบอกกับเจ้าเสียหน่อย! หากอยากจะให้อวี้เอ๋อร์ของข้าแต่งงานกับเจ้าไปเป็นภรรยาก็คงจะเป็นไปไม่ได
เมื่อหลิงอวี๋พูดเช่นนั้นฮูหยินเผยก็หน้าแดงขึ้นมาเมื่อครู่นางก็กังวลเช่นกัน นางเห็นหลิงหว่านคุยกับเผยอวี้สองครั้ง กลัวว่าลูกชายของตนจะควบคุมไม่อยู่แล้วแต่งงานเอาสตรีผู้นี้เข้าบ้านแต่ตอนนี้พอถูกหลิงอวี๋ซักถาม ถึงได้พบว่าตนหุนหันพลันแล่นไป!นางลากหลิงหว่านหลบมาคุยที่นี่เพราะไม่อยากให้เรื่องใหญ่ แล้วส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของลูกชายตนพอถูกหลิงอวี๋บอกให้ไปถามเผยอวี้เรื่องนี้จริง ๆ นางก็สามารถคาดเดาความโกรธของลูกชายตนได้เลย“พระชายาอ๋องอี้ คุณหนูหลิง ข้าขอโทษ ข้าสับสนไปเอง!”เพราะว่าฮูหยินเผยมาจากตระกูลใหญ่ มีหรือจะยอมให้เรื่องมันโกลาหลยิ่งขึ้น จึงยอมโอนอ่อนให้ก่อนหลิงอวี๋เหลือบมองนาง ใต้เท้าเผยให้ความเคารพท่านอดีตเสนาบดีเป็นอย่างมาก หลังจากที่ท่านอดีตเสนาบดีได้รับบาดเจ็บเขาก็ยังเตรียมของกำนัลอันล้ำค่ามาเยี่ยมเลยส่วนเผยอวี้กับเซียวหลินเทียนก็เป็นเพื่อนสนิทกัน เมื่อนางเห็นฮูหยินเผยขอโทษ ก็ไม่อยากให้เกิดความแตกร้าวแยกระหว่างทั้งสองครอบครัวเช่นกันหลิงอวี๋ลดน้ำเสียงลงพลางเอ่ย “ฮูหยินเผย เมื่อพิจารณาถึงมิตรภาพหลายปีระหว่างสองครอบครัวของเราแล้ว เราไม่ถือสากับคำพูดไร้มารยาทที่ท่านพูดเม
“เท่านี้ก็จบแล้วไม่ใช่หรือ! เรื่องการแต่งงาน เจ้าอย่าไปคิดมากเลย… แค่หาคนที่ปฏิบัติต่อเจ้าด้วยใจจริงก็พอแล้ว!”“คนที่จับมือเจ้าให้แน่นยามตกอยู่ในอันตราย และยืนหยัดอยู่ข้างหลังเจ้าอย่างมั่นคงคอยสนับสนุนเจ้ายามที่เจ้าถูกใส่ร้าย!”เวลานี้หลิงอวี๋ไม่เพียงนึกถึงเซียวหลินเทียนเท่านั้น แต่ยังนึกถึงครอบครัวของพ่อเผิงกับเสี่ยวฮวาด้วย...ยามที่ฟันฝ่าความทุกข์ยากด้วยกัน ยอมแลกชีวิตของตนเพื่อโอกาสที่ครอบครัวจะมีชีวิตรอดต่อไป!“ท่านพี่… ข้าเข้าใจแล้ว! ขอบคุณท่านพี่!”หลิงหว่านมองหลิงอวี๋อย่างชื่นชม ความรู้สึกดูถูกตนเองถูกปัดเป่าออกไปทันทีด้วยคำพูดไม่กี่คำของหลิงอวี๋พี่หลิงหลิงบอกว่านางเป็นสมบัติล้ำค่าของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน เป็นที่รักของท่านอดีตเสนาบดี พวกเขาจะปกป้องนาง เช่นนั้นเหตุใดนางต้องรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยในสายตาของคนนอกด้วยเล่า!......เผยอวี้ไม่รู้ว่าแม่ของตนไปพูดอะไรกับหลิงหว่าน เขาพาทหารองครักษ์เดินไปรอบ ๆ และถามผู้คนมากมาย แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าแม่สืออยู่ที่ใดแต่ต่อมาจู่ ๆ เผยอวี้ก็นึกขึ้นได้ว่ามีสองศพที่ไม่มีผู้มายืนยัน จึงรีบไปดูข้างในมีศพผู้หญิงอยู่จริง ๆ อายุไม่ถึงยี่สิบปี