เมื่อทั้งสองเดินกลับไปก็เห็นคนยืนต่อแถวยาวรอโจ๊กอยู่ฝั่งตรงข้ามแต่จ้าวเจินเจินก็ยังไม่ปรากฏตัว!“ท่านพี่ ท่านคิดว่ามันแปลกหรือไม่? จ้าวเจินเจินไม่อยากพึ่งการแจกโจ๊กมาสร้างชื่อเสียงที่ดีหรอกหรือ? นี่มันนานแค่ไหนแล้ว? ไฉนยังมิเห็นนางอีกเล่า!”หลิงอวี๋มองไป โจ๊กทางนั้นน่าจะต้มพร้อมแล้ว แต่ยังไม่ได้แจกจ่าย “นางจะต้องมาแน่! อีกอย่างข้ากล้ารับรองกับเจ้าเลยว่านางจะหาทางอื่นสร้างชื่อเสียง!”คำพูดของหลิงอวี๋ไม่ได้เกิดจากการคาดเดา ในเมื่อจ้าวเจินเจินมาโดยมีจุดประสงค์ที่จะชะล้างเรื่องของนาง เช่นนั้นตอนนี้ก็มีผู้แจกโจ๊กที่ศาลหลักเมืองอยู่แล้ว หากนางมาก็เป็นเพียงผู้แจกโจ๊กธรรมดา ๆหากต้องการดึงความสนใจของผู้ลี้ภัยไปที่นาง มีเพียงต้องหาทางอื่นเท่านั้นในขณะที่พูดอยู่นั้น ก็มีคนตะโกนขึ้นมา "พระชายาคังมาแล้ว… พระชายาคังบอกว่ากินแค่โจ๊กคงจะไม่อิ่ม วันนี้นางจึงเตรียมหมั่นโถวขาวมาให้ทุกคนด้วย!"“โอ้โห…”เมื่อได้ยินผู้ลี้ภัยเหล่านั้นต่างก็ยินดีพวกเขาหลายคนไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว ตอนนี้ได้ยินว่าไม่ได้มีแค่โจ๊กเท่านั้นแต่ยังมีหมั่นโถวแป้งขาวด้วย ใครเล่าจะไม่ตื่นเต้น?ทันใดนั้น ผู้คนก็กรูกันไปต่
ภาพนี้ทำเอาหลิงอวี๋ตะลึงไปเลยกิ่งทองใบหยกเสียจริง คู่รักนักการเมืองที่เก่งเรื่องสร้างกระแส!นางกล้าเดิมพันเลยว่าคนที่เป็นผู้นำในการตะโกนนั้นล้วนเป็นหน้าม้าที่จ้าวเจินเจินเตรียมมา!ผู้ลี้ภัยที่แท้จริงจะมีคารมคมคายเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกันเล่า!หากคำพูดเหล่านี้ไปถึงหูของจักรพรรดิอู่อัน จักรพรรดิอู่อันจะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอนแม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่พอใจองค์ชายคังกับพระชายาของเขา ก็คงจะหายไปในทันที!ทางด้านเผยอวี้ เซียวหลินเทียนและอันเจ๋อก็เห็นภาพนี้เช่นกันเผยอวี้ก็ตกใจกับความไร้ยางอายขององค์ชายคังกับพระชายาของเขาเช่นกัน เขายิ้มอย่างขมขื่นให้เซียวหลินเทียนพลางเอ่ย “นี่เราตีงูให้กากินรึ?”แนวคิดในการแจกโจ๊กเพื่อบรรเทาภัยพิบัตินี้ดำเนินการไปทีละขั้นตอนภายใต้การนำของเซียวหลินเทียนไหนเลยจะคิดว่าองค์ชายคังกับพระชายาของเขาจะมาชุบมือเปิบ ฉกฉวยความดีความชอบทั้งหมดด้วยคำพูดที่สวยหรูไม่กี่คำกับหมั่นโถวแป้งขาวไม่กี่ตะกร้า!อันเจ๋อรู้สึกว่าถูกยั่วโมโหมากจนพูดไม่ออก เขารู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง!ความดีความชอบนี้ต้องเป็นของเซียวหลินเทียนสิ เขาถึงจะยินยอมอย่างเต็มใจ!แต่เหตุใดคนที่ทำงานหนักเช่
โจ๊กร้อนมากจนจ้าวเจินเจินกรีดร้องขึ้นมาในทันทีองค์ชายคังตะโกนด้วยความโกรธ “ใครก็ได้ จัดการไอ้อันธพาลนี่ซะ!”องครักษ์หลายคนรีบวิ่งเข้าไปจัดการชายร่างกำยำอย่างดุเดือดชายร่างกำยำหลบอย่างว่องไว พลางเอื้อมมือออกไปคว่ำตะกร้าหลายใบที่บรรจุหมั่นโถวไว้แล้วตะโกน“องค์ชายน่ารังเกียจนี่… ตนเองมีอาหารมีที่อยู่แล้วไม่สนใจความเป็นความตายของคนยากจนเยี่ยงพวกเรา! เขาเอาหมั่นโถวบูดมาแจกพวกเรา…”“ทุกคนมาร่วมมือกัน… หากพวกเขาไม่ให้ทางรอดให้เรา เราก็แสดงให้พวกเขาเห็นไปเลยว่าเราไม่ยอมถูกรังแกง่าย ๆ...”เมื่อเห็นว่าทหารองครักษ์ขององค์ชายคังกำลังจะจับชายร่างกำยำไว้ ชายร่างกำยำจึงหลบไปที่อีกฟากหนึ่งของเตา แล้วยกหม้อโจ๊กขึ้นมาโยนใส่พวกเขาในหม้อนั้นยังคงมีโจ๊กร้อน ๆ อยู่เต็มหม้อ หากถูกลวกไป ผิวหนังจะไม่ลอกออกหรือ?เหล่าองครักษ์ตื่นตระหนกกลัวว่าจะถูกโจ๊กลวกจึงจับผู้ลี้ภัยที่อยู่ข้าง ๆ มากั้นไว้ข้างหน้าตนผู้ลี้ภัยเหล่านั้นมีหรือจะสู้องครักษ์ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีได้ พวกเขาไม่สามารถหลบหลีกได้เลย ได้แต่มองโจ๊กร้อน ๆ สาดเข้าหน้าพวกเขาอย่างหวาดกลัวผู้ลี้ภัยที่อยู่ด้านหลังไม่รู้สถานการณ์ เมื่อเห็นหมั่
ยังไม่ทันที่นางจะตอบสนองอะไร ไป๋ผิงก็ลากนางออกไปหลายก้าวแล้วโครม...ตอนนี้ศาลาโจ๊กได้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว ฝุ่นที่คละคลุ้งตกลงมาบนตัวทั้งสอง จนหน้าเปรอะเปื้อนทันที...จ้าวเจินเจินตกใจมากจนนิ่งค้างไป ได้ยินเพียงเสียงใครบางคนตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “รีบมาช่วยคนเร็วเข้า… ยังมีคนอยู่ติดข้างใต้อีกมาก...”“ท่านพ่อ… ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่? ท่านอยู่ที่ใดกัน!”“ลูก… รีบช่วยลูกชายข้าที… เขาติดอยู่ข้างใน!”“พระชายา ไป๋ฮุ่ยยังอยู่ข้างในเจ้าค่ะ…”เสียงกรีดร้องโหยหวนดังเข้ามาในหูของจ้าวเจินเจินในหัวนางมีเพียงสองคำเท่านั้น… แย่แล้ว!เหตุใดศาลาโจ๊กดี ๆ ถึงกลายเป็นหายนะเช่นนี้ไปได้เล่า?จ้าวเจินเจินสั่นไปทั้งตัว สมองก็ว่างเปล่าไปหมด...“รีบไปช่วยคนเร็วเข้า…”“อันเจ๋อ… พาองครักษ์มาสองสามคน ไปหาของมาค้ำด้านนี้ไว้ก่อน!”เซียวหลินเทียนกังวลมากแล้วสั่งให้องครักษ์ช่วยคนทันใดนั้น หลิงอวี๋ก็เห็นฟางที่พังลงมาตกลงบนเตาโจ๊ก จากนั้นควันก็ลอยขึ้นมาจากตรงกลาง...“เซียวหลินเทียน เร่งพวกเขาให้เร็วขึ้นหน่อย ไฟไหม้แล้ว!”หลิงอวี๋เตือนเซียวหลินเทียนอย่างร้อนใจเซียวหลินเทียนเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็เห็นว่า
เขายังคงตะโกนอะไรบางอย่างกับตนเอง แต่นางได้ยินไม่ชัดว่าเขาพูดสิ่งใด!แต่คาดเดาว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีอะไร!กลุ่มพระชายาผิงหนานที่อยู่ไม่ไกลเร่งรีบเข้ามาอยากจะช่วยชีวิตผู้คน แล้วก็เห็นภาพนี้เข้าพระชายาผิงหนานมองใบหน้าที่ดุร้ายขององค์ชายคังอย่างรังเกียจ แล้วเห็นว่ากระโปรงของจ้าวเจินเจินเปื้อนเลือดสีแดงอยู่ นางทั้งโกรธทั้งสงสารจ้าวเจินเจิน“ซินเอ๋อร์ ไปเรียกหมอมาทำแผลให้พระชายาคัง!”เดิมทีอันซินไม่อยากไปเลย เมื่อครู่นางเห็นจ้าวเจินเจินใช้หมั่นโถวแป้งขาวมาดึงดูดผู้ลี้ภัยไปหมดจึงรู้สึกเกลียดชังมากตอนนี้เมื่อเห็นจ้าวเจินเจินอยู่ในสภาพเละเทะเช่นนี้ นางก็รู้สึกยินดี… สมน้ำหน้า!แต่เมื่อเห็นว่าขาของจ้าวเจินเจินมีเลือดออกอยู่ ความจิตใจดีของอันซินก็ยังคงเกิดขึ้นมาอยู่ดี จึงวิ่งไปที่ศาลาตรวจรักษาหลี่ชุงกับพวกแพทย์ที่ติดตามหลิงอวี๋มารีบไปช่วยคนกันแล้ว มีเพียงอวี๋หลานเท่านั้นที่เฝ้ากระท่อมยาอยู่พอได้ยินว่าอันซินมาหาหลิงอวี๋เพื่อไปรักษาจ้าวเจินเจิน อวี๋หลานก็ตะโกนขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ “สตรีสารเลวเช่นนั้นเหตุใดต้องรักษาให้นางด้วย? ปล่อยให้นางตายไปเสียเถิด!”“เจ้าดูสิ ที่นี่มีผู้บาดเจ็บต
หากเผยอวี้แต่งงานกับหลิงหว่าน มันจะกระทบต่อความก้าวหน้าในตำแหน่งของเขา!แม้ว่าฮูหยินเผยอยากจะให้ลูกชายแต่งงานก่อนออกเดินทาง แต่นางก็ไม่อยากให้การแต่งงานส่งผลกระทบต่ออนาคตของลูกชายเช่นกันตอนนั้นฮูหยินเผยไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไป แต่หลังจากกลับไปก็ไปพูดเรื่องนี้กับสามีของนางใต้เท้าเผยจึงเอ่ย “หลิงเสียงกังเป็นคนซื่อตรง อุปนิสัยของบุตรสาวที่เขาเลี้ยงดูก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร!”“แต่ความกังวลของเจ้าก็ถูกเช่นกัน หากแต่งงานกับหลิงหว่านไป ชีวิตภายหน้าของอวี้เอ๋อร์จะต้องได้รับผลกระทบเป็นแน่! เรื่องนี้ยังต้องพิจารณากันก่อน!”ทันทีที่ได้ยินสิ่งนี้ฮูหยินเผยล้มเลิกความคิดไป!วันนี้ฮูหยินเผยตามมาแจกโจ๊กด้วย จึงอยากจะมาดูว่ามีตัวเลือกอื่นอีกหรือไม่เรื่องพวกสหายสนิทของอันซิน ฮูหยินเผยได้ไปสอบถามจากพระชายาผิงหนานมาแล้วอวี๋หลานเป็นคนอารมณ์ดี มีนิสัยนุ่มนวลเผยอวี้เป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเผย ภรรยาของเขาจะต้องเป็นฮูหยินของตระกูลในภายหน้า อุปนิสัยที่นุ่มนวลนี้ไม่ใช้ตัวเลือกที่เหมาะจะเป็นนายหญิงของตระกูลส่วนเจียงอวี้เกิดมาในครอบครัวขุนนางฝ่ายบู๊ แต่ฮูหยินเผยรู้สึกว่าเจียงอวี้แข็งแกร่งเกินไป นางกล
หลิงอวี๋โกรธมากจนอยากจะตบฟางเจียอี๋ในทันที!มีคนจำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บกว่านางหลายสิบเท่ารอให้ตนช่วยชีวิตอยู่ ฟางเจียอี๋กล้าดีอย่างไรถึงให้นางมาที่นี่เพียงเพราะอาการบาดเจ็บเช่นนี้?ผู้ลี้ภัยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเหล่านั้นกังวลเพียงว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดหรือไม่ แต่ฟางเจียอี๋กลับกังวลว่าตนจะเสียโฉมหรือไม่!“พระชายาอ๋องอี้ รีบรักษาคุณหนูของข้าเร็วเข้าเถิด! เหตุใดจึงยืนงงงันอยู่เล่า?”นางรับใช้ของฟางเจียอี๋เห็นหลิงอวี๋ยืนนิ่งไม่ไหวติง ก็ผลักนางอย่างไม่อดทน“ใบหน้าคุณหนูของข้าใช้เงินดูแลไปเป็นจำนวนมาก หากเสียโฉมแล้วล่ะก็ ต่อไปพวกท่านก็อย่าคิดว่าคุณหนูของข้าจะบริจาคข้าวปลาอาหารให้อีกเลย!”หลิงอวี๋ทนไม่ไหวอีกต่อไป ความโกรธที่สั่งสมมาทำให้นางอยากหาคนระบายมานานแล้วด้วยนางรับใช้ผู้นี้แกว่างเท้าหาเสี้ยนเอง เช่นนั้นก็นับว่านางโชคร้ายก็แล้วกัน!หลิงอวี๋ยกมือขึ้นตบนางรับใช้อย่างแรง พลางตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว “ผู้ใดบอกให้เจ้ากล้ามาผลักข้า?”“เจ้ามันเป็นสุนัขรับใช้ที่ชอบกลั่นแกล้งผู้อื่นจนเป็นนิสัย ไม่แหกตาดูบ้างหรือว่าข้าเป็นใคร?”“ข้าใช่คนที่เจ้าสามารถจิกหัวใช้ได้รึ?”ขณะที่หลิงอวี๋ก่นด่าอ
นางรับใช้ทั้งสองคนของฟางเจียอี๋เองก็อายจนหน้าแดงกับพฤติกรรมที่น่าขายหน้าของเจ้านายเช่นกัน จนลืมแสดงละครแล้วรีบก้าวไปช่วยพยุงฟางเจียอี๋ลุกขึ้นนางรับใช้คนหนึ่งปัดฝุ่นตามร่างกายของนาง จากนั้นนางรับใช้อีกคนก็รีบช่วยนางจัดผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของนางให้ตรงดีที่ฟางเจียอี๋ไม่ใช่คนโง่แล้วตั้งสติได้ในทันทีจากนั้นก็ร้องพลางเอ่ยกับเซียวหลินเทียนอย่างเสียใจ“ท่านพี่หลินเทียน… ท่านดูแลพระชายาของท่านด้วยเถิด นางมาถึงก็ทุบตีนางรับใช้ของหม่อมฉันอย่างดุร้ายเลยเพคะ!”“สตรีที่วางท่าอวดดีเช่นนี้จะคู่ควรกับการเป็นพระชายาของท่านได้เยี่ยงไรกันเพคะ? หากท่านมิจัดการนาง… นางจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของท่านอ๋องนะเพคะ!”เซียวหลินเทียนมองฟางเจียอี๋อย่างเย็นชา แล้วจู่ ๆ ก็เอ่ยออกมา “พระชายาของข้าไม่มีอะไรที่ไม่ดี! ไม่จำเป็นต้องจัดการหรอก!”“หา… ท่านพี่หลินเทียน ท่านได้ยินที่หม่อมฉันพูดไม่ชัดเจนหรือ? นางรังแกคนรับใช้เพคะ…”“คนรับใช้ก็เป็นคนเช่นกัน! นางจะทุบตีใครโดยไม่สอบถามได้เยี่ยงไรเพคะ?”ฟางเจียอี๋เอ่ยอย่างกังวล “นางเลวร้ายเช่นนี้จะคู่ควรกับท่านอ๋องได้เยี่ยงไรเพคะ?”เซียวหลินเทียนจึงตอบกลับไปอย่างเย็นชาอีกค
บรรดาศิษย์น้องของเหมียวหยางจะกล้าปล่อยเหมียวหยางไปได้อย่างไร แม้ว่าเย่หรงจะเป็นศิษย์ที่มิประสบความสำเร็จของตระกูลเย่ แต่เขาก็นับว่าเป็นผู้มีอำนาจที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงแดนเทพ และความโหดร้ายของเขาก็ราวกับหมาป่าหากเขาประกาศชัดเจนว่าจะยั่วยุใคร เช่นนั้นแล้วขอเพียงยังมีลมหายใจอยู่ ต่อให้ต้องสู้จนถึงที่สุดก็จะมิยอมรามือถึงแม้ว่าเหมียวหยางจะเกลียดเย่หรงที่ทำให้จมูกของตนหัก แต่ท่าทีที่จะสู้กับเย่หรงอย่างสุดชีวิตนั้น ก็เป็นเพียงการแกล้งทำไปเท่านั้นเนื่องจากด้วยพลังของเขาแล้ว เขามิใช่คู่ต่อสู้ของเย่หรงอย่างแน่นอน มิฉะนั้นก็คงมิถึงกับถูกเย่หรงต่อยสองหมัด แล้วไม่มีแรงตอบโต้หรอก“พวกเจ้าปล่อยข้า ให้ข้าไปสู้กับเขา… เย่หรง เจ้ารู้สึกผิดแล้วกระมัง จึงได้ใส่ร้ายข้า!”เหมียวหยางตะโกนออกไปอย่างโอ้อวด “ข้ามิได้ทำลายบ้านของสิงอวี๋ มิใช่ว่าเจ้าจงใจไปทำลายบ้านของนาง เพื่อให้นางยอมขึ้นเตียงกับเจ้า และใช้โอกาสนี้สนับสนุนนางเองรึ?”น้ำโคลนสาดเข้ามาหาเย่หรงในทันทีคนจำนวนมากที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของเหมียวหยางอาจจะเป็นเรื่องจริงได้ เพราะเรื่องนี้ดูเป็นเรื่องที่เย่หรงสามารถทำได้!หลิงอวี
หยางหงหนิงยิ่งโวยวายก็ยิ่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ และดึงดูดสายตาของคุณหนูคุณชายที่ยังอยู่รอบ ๆ มิได้แยกตัวออกไปให้พากันหันมามอง"ข้าบอกว่าเจ้าต่ำต้อย แต่เจ้าก็ยังบอกว่ามิต่ำต้อย! ทุกคนมาดูอันดับหนึ่งของหอปรุงโอสถผู้นี้เถิด นางคือคนต่ำต้อยไร้ยางอาย!”“นางล่อลวงเย่หรงไปดื่มสุรา และมิรู้ว่านางใช้กลอุบายอะไร จึงทำให้เย่หรงสนับสนุนนาง!”“สิงอวี๋ ข้าขอบอกไว้เลยว่า คนต่ำต้อยเช่นเจ้า ตระกูลเย่ไม่มีทางให้เจ้าเข้าไปเป็นอันขาด และถึงแม้ว่าพวกเขาจะให้เจ้าเข้าไป เจ้าก็เป็นได้เพียงอนุเท่านั้น!”เมื่อคุณหนูเหล่านั้นรวมถึงบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าได้ยินเช่นนั้น ก็ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา“ข้าก็บอกแล้วว่านางแต่งตัวธรรมดาเช่นนั้น แล้วจะมีเงินไปศึกษาที่สำนักศึกษาชิงหลงได้อย่างไร ที่แท้นางก็อาศัยการหลอกลวงเงินของบุรุษ!”“แต่นางก็มิได้งามอะไรนักนี่ แล้วเย่หรงจะชอบนางได้หรือ?”“เจ้ามิรู้หรอก บุรุษบางคนมิได้สนใจที่หน้าตา แต่สนใจที่รูปร่าง บางทีเย่หรงอาจจะสบายใจกับการปรนนิบัติของสตรีผู้นี้ก็เป็นได้!”คำพูดนี้เหมียวหยางเป็นคนพูด เขาพูดไปพลางยิ้มอย่างหยาบคาย ทั้งยังขยิบตาอย่างคลุมเครือให้กับพวกคุณชายที่อ
จงเจิ้งเฟยส่ายหัว “ข้าเองก็มิได้รู้แน่ชัดนัก ข้าแค่ฟังมาจากคนอื่นเท่านั้น เพราะพวกนางบอกกันว่าฉินตะวันตกเป็นคนละดินแดนกับพวกเรา!”“ข้าได้ยินมาเพียงว่า ทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋ผู้นี้ยอดเยี่ยมมาก ก่อนหน้านี้ว่ากันว่า ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อท้องใหญ่ราวกับกลอง และไม่มียาใดที่สามารถรักษาได้ แต่หลิงอวี๋เป็นคนผ่าท้องของนางแล้วนำถุงน้ำที่อยู่ในท้องของนางออกมา เช่นนี้จึงรักษาโรคประหลาดของนางหายขาดได้!”“ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อได้เดินทางติดตามข้าหลวงเก๋อมาที่เมืองหลวงแดนเทพแล้ว ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปมิได้ผิดปกติใด ๆ นี่คือข้อเท็จจริง!”เหลยเหวินฟังแล้วก็รู้สึกสับสน “ดูเช่นนี้แล้ว หลิงอวี๋ก็มินับว่าเป็นคนเลว แต่เหตุใดนางจึงสังหารเฉียวเค่อเล่า!”หลิงอวี๋ฟังอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ แล้วนางก็ยิ่งอยากรู้อดีตของตนมากขึ้นไปอีกตนเป็นคนแบบใดกันแน่?เหตุใดจึงมีศัตรูมากถึงเพียงนี้?ดูท่าทางจะต้องไปถามผู้รอบรู้เสียหน่อยแล้ว บางทีการรู้เรื่องในอดีตของตน อาจจะทำให้นางฟื้นความทรงจำที่หายไปได้เร็วขึ้นก็ได้ขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกันอยู่ ก็เห็นหยางหงหนิงพาสหายอีกสองคนเดินเข้ามา“เฟยเฟย พวกเจ้าค
เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของเย่หรง ก็อดมิได้ที่จะยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อยดูภายนอกเย่หรงกำลังบอกว่าตนเป็นคนขี้ขลาด แต่แท้จริงแล้วหลิงอวี๋กลับฟังออกว่าเย่หรงกำลังทำลายความเชื่อมั่นของฮูหยินเฉียวอยู่เขาใช้คำพูดของฮูหยินเฉียวมาเตือนผู้ที่คิดจะให้เบาะแสเพื่อเงิน ให้หยุดอยู่ที่ตรงนี้ลองคิดดูเถิด ฮูหยินเฉียวบอกว่าหลิงอวี๋เป็นคนโหดเหี้ยมไร้ความปรานี และหลิงอวี๋ก็สามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ หากใครจะเปิดโปงหลิงอวี๋ เช่นนั้นหลิงอวี๋จะทนเก็บความโกรธเอาไว้มิแก้แค้นได้หรือ?เป็นดังที่คาด คำพูดนี้ของเย่หรงทำให้คนจำนวนหนึ่งมิกล้าทำต่อไปแล้ววรยุทธ์ของเย่หรงมิได้อ่อนแอ เขาเองยังบอกว่ามิสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ และสู้หลิงอวี๋มิได้ด้วยเช่นนั้นหากเปลี่ยนเป็นตนเอง ตนจะสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้หรือ?คนที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานีเช่นหลิงอวี๋นี้ อย่าได้ไปยั่วยุนางจะเป็นการดีกว่าแม้ว่าเงินห้าล้านจะน่าดึงดูดใจ ทว่าหากชีวิตหาไม่แล้ว ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!มุมปากของเซียวหลินเทียนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเช่นกัน เขาก็ฟังออกถึงความหมายของเย่
เช่นนี้ก็แสดงว่า เฉียวไป๋เองก็รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าคนที่ช่วยเขาไว้คือศัตรูของเขา?หลิงอวี๋แอบดีใจที่ตนเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง หลังจากที่หนีออกมาจากเงื้อมมือของเก๋อฮุ่ยหนิง มิเช่นนั้นหากใช้ใบหน้าก่อนหน้านี้ ก็คงจะถูกเก๋อฮุ่ยหนิงสังหารไปแล้วใช่หรือไม่?ดูท่าทางต่อไปตนจะมิสามารถใช้มีดผ่าตัดรักษาคนได้อีกต่อไปแล้ว!หลิงอวี๋ค้นพบแล้วว่า ที่เมืองหลวงแดนเทพนั้นล้วนเป็นหมอโอสถที่รักษาโรค มิว่าจะเป็นโรคอะไร หมอโอสถก็ล้วนใช้เพียงโอสถในการรักษาโรคเท่านั้นส่วนการผ่าตัดนั้น ในตอนนี้กลายเป็นวิธีการรักษาเฉพาะตัวของนางไปแล้วประเดี๋ยวก่อน จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงอวี๋ตนเป็นคนที่รักษาดวงตาของฮูหยินเว่ยจนหาย ตอนนั้นมีหมอจำนวนมากบอกว่าดวงตาของฮูหยินเว่ยมิสามารถรักษาได้แล้ว หากพวกนางเองก็ได้เห็นหมายจับค่าหัวด้วย พวกนางจะไปเปิดโปงตนให้กับตระกูลเฉียวหรือไม่?ตั้งแต่ที่ตนลงมาจากเรือของตระกูลเว่ย ก็ทำเพียงเปลี่ยนกลับเป็นชุดสตรี แต่มิได้เปลี่ยนการแปลงโฉม!ยิ่งไปกว่านั้น ผู้รอบรู้ก็มิได้แปลงโฉมด้วย เช่นนั้นขอเพียงติดตามเบาะแสเหล่านี้มา การจะตามหาตนก็มิใช่เรื่องยากแล้ว!หากต้องการให้ตนป
ขณะที่ก้าวเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ ทีละก้าว หลิงอวี๋ก็มองพิจารณาฮูหยินทั้งสองของตระกูลเฉียวไปอย่างเงียบ ๆฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเฉียวเป็นเสาหลักของตระกูลเฉียว เฉียวต้าลูกชายของนางซึ่งเป็นผู้นำตระกูลเฉียวตายไปแล้ว และเฉียวเค่อหลานชายที่เป็นที่รักมาโดยตลอดก็ตายไปแล้วเช่นกันฮูหยินผู้เฒ่าที่อายุหกสิบกว่าผู้นี้แก่ตัวลงมากภายในชั่วข้ามคืน และในช่วงนี้ก็นอนซมอยู่บนเตียงอยู่ตลอด นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่นางออกจากบ้านตั้งแต่ที่ลูกชายตายไปนางแต่งตัวเรียบหรูสุภาพเช่นเดียวกับฮูหยินเฉียว และเนื่องจากนางกินโอสถชะลอวัยมาหลายปี ดังนั้นแม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเฉียวจะอายุหกสิบแล้ว แต่บนใบหน้าของนางก็ไม่มีริ้วรอยแม้แต่น้อย ดูแล้วคล้ายกับเป็นพี่น้องกับฮูหยินเฉียวเลยทีเดียวผมของนางก็เป็นสีดำสนิททั้งหมดเช่นกัน เพียงแต่เป็นเพราะอาการป่วย จึงทำให้สีผิวดูขาวซีดไปเล็กน้อยรูปร่างของฮูหยินเฉียวสูงใหญ่กว่าสตรีทั่วไป นางสูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร กระดูกก็ใหญ่เช่นกัน ดูมีความสามารถมาก และระหว่างคิ้วกับตาของนางนั้นก็ล้วนเป็นความมุ่งมั่นตัดสินใจอย่างเด็ดขาด“ฮูหยินผู้เฒ่าเฉียว ฮูหยินเฉียว...”จงเจิ้งเฟยพาเหลยเหวินกั
น่าสนใจ!เซียวหลินเทียนเห็นกระบวนการทั้งหมดนั้น แล้วก็รู้สึกว่าการมาเข้าร่วมงานเลี้ยงชมบุปผาที่น่าเบื่อในวันนี้ ก็มิได้น่าเบื่อถึงเพียงนั้นแล้วเขาหันไปหาเถาจื่อแล้วเอ่ยออกไป “ศิษย์พี่หญิงของเจ้าผู้นี้น่าสนใจมาก เจ้าจงเข้าใกล้นางเข้าไว้!”เถาจื่อดูท่าทีสับสน “นายท่านอู่ ท่านแน่ใจว่านางมิใช่คุณหนูมิใช่หรือเจ้าคะ? เหตุใดจึงต้องเสียเวลาไปกับนางด้วยเจ้าคะ?”เซียวหลินเทียนส่ายหัว “ไม่ ข้ามิอาจแน่ใจได้หรอก! คุณหนูของพวกเจ้าฉลาดถึงเพียงนั้น หากนางตั้งใจจะซ่อนตัวขึ้นมาจริง ๆ ก็มีวิธีมากมายนัก!”“ข่าวล่าสุดที่สือหรงส่งมาก็คือ คุณหนูของพวกเจ้าติดตามฮูหยินเว่ยมาที่เมืองหลวงแดนเทพ ขอเพียงนางอยู่ในสังคมเมืองหลวงแดนเทพนี้ นางจะต้องมาศึกษาที่สำนักศึกษาชิงหลงอย่างแน่นอน!”“สิ่งที่พวกเราต้องให้ความสำคัญก็คือสตรีที่โดดเด่นเหล่านี้ เราจะต้องตรวจสอบพวกนางทีละคน จนกว่าจะพบคุณหนูของเจ้า!”เซียวหลินเทียนเชื่อว่า ด้วยความฉลาดของหลิงอวี๋แล้ว นางไม่มีทางเป็นคนธรรมดาอย่างแน่นอน ขอเพียงคอยจับตามองสตรีที่โดดเด่นเหล่านี้เข้าไว้ เขาจะต้องหาหลิงอวี๋พบได้อย่างแน่นอน“ฉินซาน เจ้ากลับไปบอกให้สือหรงสืบประวัติของส
หลิวซานและเหล่าบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็พากันตำหนิหลิงอวี๋หลิวซานเป็นผู้นำดุด่าขึ้นมา “ใช่แล้ว ตนเองสร้างปัญหาไปทั่ว เมื่อถูกคนมาทำลายบ้านยังจะมาใส่ร้ายศิษย์พี่ของพวกเราอีก คงมิใช่ว่าเจ้ายากจนไม่มีเงิน จึงคิดจะขู่กรรโชกเงินจำนวนหนึ่งไปสร้างบ้านใหม่ใช่หรือไม่!”บัณฑิตคนหนึ่งก็เอ่ยออกมาอย่างดูถูกเช่นกัน “ดูจากอาภรณ์ที่นางใส่แล้ว ก็คงมิได้อยู่อาศัยในที่ที่ดีนักหรอก คงจะไปทำให้ใครขุ่นเคืองเข้าจึงถูกทุบน่ะสิ!”“ใช่แล้ว ที่อยู่ของพวกเรามีความปลอดภัยดี ไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแน่!”“สิงอวี๋ เจ้าช่างน่ารังเกียจเสียจริง! เมื่อครู่ศิษย์พี่ของเราล้อเล่นจึงพูดเช่นนั้นออกไป คาดมิถึงเลยว่าจะถูกเจ้าใส่ร้าย! เช่นนั้นหากเป็นข้าที่พูดเช่นนั้นออกไป เจ้าก็จะบอกว่าข้าทำลายบ้านเจ้าใช่หรือไม่?”จงเจิ้งเฟยกับเหลยเหวินจึงดึงหลิงอวี๋ไปถามด้วยความเป็นห่วง “บ้านของเจ้าถูกทุบจริงหรือ?”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องวุ่นวายในบ้านที่เห็นท่ามกลางสายฝนเมื่อวานนี้ แล้วพยักหน้าอย่างแน่วแน่นางมองเหมียวหยางอย่างเย็นชา เขายังคงหัวเราะอย่างมิกลัวเกรง พร้อมกับทำท่าทางท้าทายราวกับว่า ‘เจ้าทำอะไรข้ามิไ
เสียงของหลิงอวี๋มิได้ดัง แต่ก็แน่วแน่มีพลังพอ ทำให้คุณหนูคุณชายที่อยู่ในบริเวณนั้นได้ยินกันหมดเซียวหลินเทียนเพิ่งลงจากรถม้ามาพร้อมกับพวกเถาจื่อ เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวหลินเทียนก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วก็หันไปมองน้ำเสียงนี้ พลังเช่นนี้ เหตุใดจึงคล้ายกับหลิงอวี๋มากถึงเพียงนั้นอย่ารังแกคนหนุ่มสาวที่ยากจน!ตอนนั้นที่หลิงอวี๋ถูกพวกเสิ่นจวนกลั่นแกล้งที่ภัตตาคาร หลิงอวี๋ก็เคยพูดในทำนองเดียวกันนี้“ใต้หล้านี้หากมีคนใส่ร้ายข้า หลอกลวงข้า ดูหมิ่นข้า เย้ยหยันข้า ดูถูกข้า เหยียดหยามข้า รังเกียจข้า หลอกลวงข้า ข้าควรจะลงโทษอย่างไร?”“ขอเพียงอดทนกับเขา ยอมเขา ตามใจเขา หลีกเลี่ยงเขา อดกลั้นกับเขา เคารพเขา เมินเฉยเขา และรอไปสักสองสามปีแล้วค่อยดูเขา!”พวกของเสิ่นจวนที่เคยรังแกหลิงอวี๋ในอดีตนั้น ในตอนนี้ต่างก็มีจุดจบที่น่าสังเวชทั้งสิ้น มีเพียงหลิงอวี๋เท่านั้น ที่ก้าวหน้า กลายเป็นหมอที่มีชื่อเสียง เป็นฮองเฮาที่ผู้คนนับล้านในฉินตะวันตกเคารพ!สตรีหน้าตาธรรมดาและแต่งตัวซอมซ่อตรงหน้าเขาผู้นี้ ก็มีพลังของหลิงอวี๋อยู่เช่นกันใครจะรู้ว่านางจะเป็นดังเช่นหลิงอวี๋หรือไม่ หนึ่งปีหลังจากนี้นางอาจ