เมื่อแม่นางชางเห็นว่าหลิงอวี๋มิแสดงปฏิกิริยาใด ๆ อีกทั้งเห็นฝูงชนข้างล่างเวทีกำลังมองตนก็รู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีนางพูดเสียงดังด้วยใจอันเด็ดเดี่ยวว่า “ขออภัย พระชายาอ๋องอี้ ข้าหูตึงฟังพลาดไป ข้าเข้าใจผิดว่าเจ้าทำสายพิณขาดจึงพูดผิดไป ข้าขออภัยอย่างสุดซึ้ง”เมื่อคนข้างล่างเวที หลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนได้ยินเสียงอันดังก้องนี้ต่างก็พึงพอใจหลิงอวี๋คลี่ยิ้มน้อย ๆ พลางพูดต่อแม่นางชางอย่างมีนัยลึกซึ้ง“แม่นางชางครั้งหน้าต้องระวังด้วย เพราะปากคือดาบสองคมสามารถประจบคนได้ก็ฆ่าคนได้เหมือนกัน…หูเฉียบไวของท่านเป็นความสามารถที่ฟ้าทรงประทาน หากใช้ให้ดีก็ถือโชคลาภของท่าน แต่หากใช้ไม่ดีจะถือเป็นโชคร้ายของท่าน!”แม่นางชางถูกหลิงอวี๋สั่งสอนต่อหน้าธารกำนัลจนทั้งภาพลักษณ์ภายนอกและภายในจิตใจล้วนสูญสิ้น ทว่านางทำได้เพียงกล่าวอย่างนบน้อมรู้สึกผิด“พระชายาอ๋องอี้พูดถูกต้อง ข้าได้รับบทเรียนแล้ว!”ก่อนหน้านี้เผยอวี้มิเข้าใจความซับซ้อนภายใน จนกระทั่งแม่นางชางถูกบีบให้ยอมรับว่าตนฟังผิดไปถึงจะกระจ่างว่าที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นครั้นเผยอวี้มองแม่นางชางยอมรับผิดก็ยิ้มหยันกล่าวคำ“ตัดสินบ้าบอกระไรกัน พิณ
ด้วยวาจาเช่นนี้ของฉินรั่วซือ เซียวทงมีปฏิกิริยากลับทันทีพลางตะโกนขึ้นอย่างรีบร้อน“พี่สะใภ้สี่ เสด็จพี่สี่ ข้ามิได้บอกว่ามิให้พวกท่านลงคะแนน อย่างนั้นมาลงคะแนนตัดสินว่าผู้ใดชนะกันเถิด!”นางส่งสายตาปลอบใจให้จ้าวเจินเจินจ้าวเจินเจินก็คิดว่าในด้านอื่นของหลิงอวี๋ต้องปล่อยไก่เป็นแน่ ฉะนั้นจึงกล่าวเห็นด้วยอย่างใจกว้าง“องค์หญิงหก ท่านอ๋องอี้ตรัสถูกต้อง กฎมีไว้เพื่อปฏิบัติตาม เรามาลงคะแนนตัดสินกันเถิดเพคะ!”บรรดานางกำนัลส่งมอบคะแนนของกลุ่มผู้ตัดสินและปรมาจารย์ทั้งสี่เซียวทงกำลังคิดวางอุบายบางอย่างทำให้หลิงอวี๋ตกสู่ที่สุดท้าย ไฉนเลยจะรู้ว่าเพราะคำพูดของเซียวหลินเทียนประโยคเดียวทำให้นางไม่มีโอกาสนี้เลย“แม่ทัพฉิน งานชมบุปผาไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมากนัก ท่านสละเวลาช่วยทุกคนอ่านคะแนนด้วยเถิด แม่ทัพฉินเป็นคนยุติธรรม ข้าเชื่อว่าทุกคนจะมิเห็นต่าง!”ท่านอ๋องเฉิงพูดคล้อยถามอย่างยิ้มแย้ม “ข้าเห็นด้วยกับคำแนะนำของอ๋องอี้!”ท่านอ๋องเฉิงมองเหตุการณ์สายพิณขาดกับหลิงหว่านออกมานานแล้ว องค์หญิงหกคงตั้งใจเจาะจงมุ่งเป้ายังหลิงอวี๋ในวันนี้แน่!เขามิอาจตำหนิองค์หญิงหกต่อหน้าธารกำนัลได้ จึงได้แต่ช่วยหลิงอว
ลั่วอวี้จูดื่มสุราลงโทษไปสามแก้ว แม้ว่าจะไม่ได้เมา แต่ก็หน้าแดงก่ำแล้วนางเห็นว่าจูเหวินเยาะเย้ยหลิงอวี๋ ก็ช่วยพูดด้วย“จูเหวินพูดถูก พระชายาอ๋องอี้ พระชายาสละสิทธิ์ไปเถิด! ดื่มสุราลงโทษสามแก้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย... ไม่เข้าใจก็อย่าแสร้งทำเป็นเข้าใจ… มันทำให้ทุกคนเสียเวลา!”สำหรับคำยั่วยุของลั่วอวี้จูกับจูเหวินนั้น หลิงอวี๋ได้แต่ยิ้มจาง ๆ ไป“คุณหนูลั่ว แทนที่จะเป็นห่วงข้า เจ้าเป็นห่วงตัวเจ้าเองก่อนเถิด! หากครั้งนี้เจ้ายังอยู่ลำดับสุดท้ายอีก เจ้าคงต้องเต้นให้ทุกคนชมแล้ว!”“ส่วนคุณหนูจู เจ้าก็ดูคุณหนูลั่วสิ นางเป็นบทเรียนสำหรับเจ้าเลยนะ!”เพื่อแสดงให้เห็นว่านางกับหลิงอวี๋มิได้เป็นพวกเดียวกัน พอหลิงเยี่ยนเห็นทั้งสองถูกหลิงอวี๋เยาะเย้ยเข้า จึงช่วยพูด“ท่านพี่ พวกนางเห็นแก่ท่านพี่นะ กลัวว่าท่านพี่เล่นหมากล้อมมิเป็นแล้วจะถูกหัวเราะเยาะจึงได้เตือน! เหตุใดท่านพี่ถึงไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่วเล่า!”พวกอันซินมองลงไป ต่างก็รู้สึกอายแทนหลิงเยี่ยนพี่น้องในบ้านเดียวกันแท้ ๆ พอมาข้างนอกไม่ช่วยเหลือพี่สาวตนเอง กลับไปร่วมกับคนนอกมาโจมตีพี่สาวของตนเองคุณหนูรองหลิงผู้นี้ช่างโง่เขลาจริง ๆ!เมื่
ธูปหนึ่งดอกผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างตัดสินผู้แพ้ชนะกันได้แล้ว หลิงเยี่ยนกับเสิ่นจวนตกรอบไป เจียงอวี้กับซ่งเสี่ยวเจิน ฝั่งเจียงอวี้ชนะไปซ่งเสี่ยวเจินยิ้มอย่างสบาย ๆ แล้วก้าวถอยหลังไปยืนด้านข้างเพื่อรอการแข่งขันรอบต่อไปทางด้านหลิงอวี๋ ลั่วอวี้จูตะโกนขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ “พระชายาอ๋องอี้ พระชายาแพ้แล้ว ดูเม็ดหมากล้อมของข้าที่ล้อมของท่านอยู่นั่นสิ!”หลิงอวี๋วางหมากบนกระดานหมากล้อมอย่างใจเย็น แล้วลุกขึ้นยืน พลางยกริมฝีปากขึ้นอย่างเยาะเย้ย“ดูเหมือนจักเป็นเจ้าที่แพ้นะ… ข้าเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ให้หลวงจีนอวี๋มาตัดสินเถิด!”ทันทีที่หลิงอวี๋เอ่ยคำเหล่านี้ออกมา พวกคนด้านล่างก็หัวเราะกันทันทีพวกคุณชายตระกูลจ้าวก็เอ่ยขึ้นมาอย่างขำขัน “แม้แต่การแพ้ชนะก็ยังดูมิออกเลย ช่างน่าอายเสียจริงที่พระชายาอ๋องอี้ยังกล้าเข้าร่วมการแข่งขันหมากล้อมอีก!”เซียวหลินเทียนเมินคำเยาะเย้ยเหล่านี้ หลังจากได้เห็นภาพการบรรเลงกู่ฉินเมื่อครู่แล้ว บัดนี้เซียวหลินเทียนมั่นใจมากกับการที่หลิงอวี๋เข้าร่วมแข่งหมากล้อมสตรีผู้นี้ฉลาดถึงเพียงนี้ การเล่นหมากล้อมเช่นนี้ แม้ว่านางจะเอาชนะจ้าวเจินเจินมิได้ แต่นางก็ไม่มีทางอ
“ข้าเลือกพระชายาอ๋องอี้...”เจียงอวี้ถือโอกาสที่ไม่มีใครพูดรีบเลือกหลิงอวี๋นางคิดเช่นนี้ หลิงอวี๋เป็นพี่สาวของหลิงหว่าน ตนมิสามารถช่วยอะไรนางได้ แต่สามารถช่วยให้นางถูกคนหัวเราะเยาะน้อยลงได้!ส่วนจ้าวเจินเจินแข่งกับจูเหวินจูเหวินแอบบ่น ทักษะการเล่นหมากล้อมของนางสามารถเอาชนะหลิงอวี๋ได้ แต่การมาแข่งกับจ้าวเจินเจินนี่นางไม่มีโอกาสชนะเลยจริง ๆเวลายังคงเป็นธูปหนึ่งดอกเช่นเดิมหลิงอวี๋นั่งลงพลางเอ่ยกับเจียงอวี้เพียงประโยคเดียว “มิต้องออมมือให้ข้า ข้าจักคว้ามงกุฎดอกโบตั๋นให้ได้!”เจียงอวี้ตกใจทันทีกับคำพูดแสดงอำนาจของหลิงอวี๋!มงกุฎดอกโบตั๋นคือสิ่งที่จะได้รับก็ต่อเมื่อเป็นที่หนึ่งทั้งดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์ และการวาดภาพ พระชายาอ๋องอี้เอาความมั่นใจจากไหนถึงกล้ามาพูดคำพูดที่ดูอวดเก่งเช่นนี้?นางมองหลิงอวี๋ แต่กลับพบว่าดวงตาของหลิงอวี๋เปล่งประกายและสายตาดูแน่วแน่ยิ่งนัก!สิ่งนี้ทำให้เจียงอวี้นึกถึงเพลง ‘สู้พายุ’ ที่หลิงอวี๋ทำให้เลือดของตนเดือดพล่านเมื่อครู่นี้!พลังของหลิงอวี๋ในเวลานี้ราวกับพายุไต้ฝุ่นที่โหมกระหน่ำกำลังคำรามเพื่อกวาดล้างทุกสิ่ง...ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่เจียงอวี
เซียวหลินเทียนยิ้มเย็นชาเมื่อครู่หลิงอวี๋เพิ่งจะพูดต่อหน้าธารกำนัลไปว่าคนตระกูลหลิงจะมิถอยทัพรับพ่ายโดยมิสู้ เขาในฐานะสามีของหลิงอวี๋จะไปรั้งนางให้ล่าถอยได้เยี่ยงไรกัน!เซียวหลินเทียนยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ย “มันก็ไม่แน่หรอก! ข้าคิดว่าอาอวี๋ของข้าโชคดีมากในวันนี้ บางทีวันนี้ดาวนำโชคอาจส่องแสง แล้วนางก็สามารถชนะต่อไปได้อีก!”องค์ชายคังพูดไม่ออกทันที เขาส่งเสียงหึอย่างเย็นชาพลางกลอกตามีความคิดไม่ดี“น้องสี่ พวกเราดูเฉย ๆ ก็เบื่อ ไม่สู้มาลองเดิมพันกันดูสักตาเถิด!”“ข้าเดิมพันว่าเจินเจินชนะ หากข้าแพ้เดิมพัน ม้ากีบขาวที่ข้าได้มาเมื่อไม่กี่วันก่อนก็จะยกให้เจ้าเลยเป็นเยี่ยงไร?”เซียวหลินเทียนใจเต้นแรง ม้ากีบขาวเป็นม้าที่มีชื่อเสียง มันจะมีสีดำทั้งตัว และมีกีบสีขาว เวลามันวิ่งจะรู้สึกราวกับว่าวิ่งอยู่บนก้อนเมฆแม้ว่าเขาจะเคยได้ยิน แต่ก็มิเคยเห็นมาก่อนเลยเมื่อนึกถึงว่าตนยืนได้แล้วในตอนนี้ หากได้ม้าตัวนั้นมาจะต้องส่งเสริมบารมีแน่นอน!“เช่นนั้นหากเสด็จพี่สองชนะ ท่านพี่ต้องการสิ่งใด?”ดวงตาขององค์ชายคังเป็นประกายทันที พลางเอ่ย “ตอนที่น้องสี่ไปสนามรบในวันนั้น ท่านพ่อได้ให้กำลังใจเจ้า ตั้งใจ
“เจ้ามิเข้าใจหมากล้อมจริง ๆ หรือตำหนิข้าอยู่กันแน่! น้องสี่ ข้าเจตนาดีจริง ๆ นะ...”จ้าวเจินเจินแสร้งทำเป็นเอ่ยอย่างเศร้าสร้อยหลิงอวี๋ทนไม่ไหวแล้ว ยิ้มเยาะโดยไม่มองจ้าวเจินเจินพลางเอ่ย“ข้ารู้เรื่องของหลิงซินแล้ว...ดังนั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องแสดงละครต่อหน้าข้าแล้ว!”“ไม่ว่าเจ้าจะสวยแค่ไหน แสร้งทำเป็นเสียใจแค่ไหน แล้วเยี่ยงไรเล่า?”“ข้ามิใช่บุรุษนี่! อย่าใช้วิธีเดียวกับที่เจ้าใช้จัดการกับบุรุษกับข้า ข้าเห็นแล้วรังเกียจ...!”สีหน้าของจ้าวเจินเจินเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด หลิงอวี๋พูดถึงการอำพรางตัวของตนเองออกมาอย่างชัดเจนเช่นนี้ ทำให้นางหาทางลงมิได้สักเท่าไหร่นางมองขนตาที่ยาวเป็นแพของหลิงอวี๋ กับใบหน้าที่มีผิวบอบบางสวยงามที่ไร้ที่ตินั้น แล้วจู่ ๆ หัวใจก็เต็มไปด้วยความโกรธทั้งหมดเป็นเพราะหลิงอวี๋ทำลายการแต่งงานของตนจึงทำให้นางจำใจต้องแต่งงานกับเซียวหลินอี้!หลิงอวี๋มีสิทธิ์อะไรถึงยังกล้าพูดจาโอ้อวดกำลังต่อหน้าตนเองอีก!“แปะ...”จ้าวเจินเจินกดเม็ดหมากล้อมลงบนจุดเทียนหยวน เพื่อแสดงความมุ่งมั่นที่จะเป็นที่หนึ่งของตน!หลิงอวี๋ไม่คู่ควรกับเซียวหลินเทียน!เซียวหลินเทียนเองก็ไม่คู่ควรกับตน
ทุกคนด้านล่างไม่มีใครเห็นเกมหมากล้อม แต่เห็นว่าหลิงอวี๋ประมือกับจ้าวเจินเจินได้นานถึงเพียงนี้ก็ยังไม่พ่ายแพ้ก็รู้สึกประหลาดใจพระชายาอ๋องอี้ผู้นี้เล่นหมากล้อมเป็นจริง ๆ หรือ?องค์ชายคังยิ้มให้เซียวหลินเทียนอย่างไม่พอใจพลางกล่าว“เจินเจินของข้านี่ใจดีจริง ๆ ไม่อยากให้พระชายาอ๋องอี้พ่ายแพ้แบบดูแย่เกินไปนัก จึงยอมอ่อนข้อให้นางตลอด…”เซียวหลินเทียนยกมุมขึ้นยิ้มเยาะ จ้าวเจินเจินใจดีรึ?หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลิงซินและเรื่องคิดร้ายกับตน เซียวหลินเทียนก็มิสนใจจ้าวเจินเจินแล้วคนที่มองชีวิตคนไม่มีค่าอะไรเลยเพื่อบรรลุเป้าหมายเยี่ยงจ้าวเจินเจิน จะมีความเมตตาต่อหลิงอวี๋ได้เยี่ยงไรกัน!เมื่อเห็นว่าจ้าวเจินเจินกับหลิงอวี๋ต่อสู้กันมานานก็ยังไม่มีผู้ชนะ ความมั่นใจของเซียวหลินเทียนที่มีต่อชัยชนะของหลิงอวี๋ก็เพิ่มขึ้นมากหลิงอวี๋จะต้องชนะแน่นอน!อีกด้านหนึ่งฝ่ามือของหลิงหว่านมีเหงื่อออกแล้ว นางมองไปบนเวทีอย่างประหม่า ธูปใกล้จะมอดแล้ว เหตุใดยังไม่มีผู้ชนะอีกหรือ?เมื่ออันซินเห็นว่าหลิงหว่านรู้สึกกังวล ก็ปลอบนางพลางเอ่ย“หว่านเอ๋อร์มิต้องกังวลไปหรอก แม้ว่าพี่หลิงหลิงจะแพ้พระชายาคังก็มิใช่
“อย่า… อย่าฆ่าข้า!”หัวหน้าเสิ่นกลัวจนร้องออกมาเสียงสั่นเขาเชื่อมั่นในวรยุทธ์ของตนว่าจะสามารถหนีไปได้อย่างราบรื่น ไหนเลยจะคิดว่าจะหนีมิพ้นหมาป่าตัวนี้!“หึ! ข้าบอกไปแล้วว่า นอกเสียจากเจ้าจะเร็วกว่าปู้ติง มิเช่นนั้นก็ให้เชื่อฟังคำของข้า! เจ้าอยากจะทนทุกข์ก่อนจึงจะยอมฟังหรือไร?”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะพลางเดินเข้าไป เรี่ยวแรงที่ตัวนางกลับคืนมาแล้วลูกปัดสีเขียวนี้มหัศจรรย์จริง ๆ!แต่หลิงอวี๋มิได้มีความคิดที่จะครอบครองเป็นของตน นี่คือของของแม่หมาป่า ในเมื่อให้ปู้ติงไปแล้วเช่นนั้นก็เป็นของปู้ติง“ปู้ติง! ปล่อยเขาเถิด!”ปู้ติงจึงปล่อยหัวหน้าเสิ่นอย่างเชื่อฟัง หลิงอวี๋ก็ลูบหัวมันอย่างเอ็นดู จากนั้นก็เอาลูกปัดสีเขียวยัดเข้าปากมันไป“เสี่ยวเจียง ปิดประตู!”หลิงอวี๋เอ่ยกับเสี่ยวเจียงที่กลัวจนสั่นมิหยุดเสี่ยวเจียงมองขาที่เลือดไหลของหัวหน้าเสิ่น เมื่อครู่หมาป่าตัวนั้นรวดเร็วมาก เขาหนีมิได้เลยมีหรือเสี่ยวเจียงจะกล้ามิฟังคำพูดของหลิงอวี๋ เขาจึงเดินไปปิดประตูด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น“ข้าถามอะไรเจ้าก็ตอบสิ่งนั้น มิเช่นนั้นครั้งต่อไปที่ปู้ติงกัดจะมิใช่ขาของเจ้า แต่เป็นคอ เข้าใจหรือไม่?”หลิ
หลิงอวี๋กุมใบหน้าตนเองอย่างสิ้นหวัง นางมิเชื่อว่าปู้ติงจะทิ้งตนไปจะต้องเป็นเพราะที่นี่อยู่ไกลจากวังเทพมากเกินไปอย่างแน่นอน ปู้ติงจึงมิได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือของตนในขณะที่หลิงอวี๋กำลังคิดที่จะพยายามกลับไปบนเตียงก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาจากด้านล่าง“นั่นคือหมาป่าหรือ? ข้ามิได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่!”“เจ้าตาฝาดแล้ว ที่นี่จะมีหมาป่ามาจากที่ใดกัน!”“แต่ข้าเห็นหมาป่าที่เป็นสีขาวราวกับหิมะทั้งตัววิ่งไปจากบนหลังคาจริง ๆ นะ...”หมาป่าตัวสีขาวราวหิมะ?หลิงอวี๋กำลังจะวางมือก็เห็นว่ามีสายฟ้าสีขาวพุ่งเข้ามาจากหน้าต่างอย่างรวดเร็วหลิงอวี๋ยังมิทันได้เห็นชัด สายฟ้านั้นก็พุ่งเข้ามาในอ้อมแขนของนาง แล้วตัวที่เป็นขนปุกปุยก็ทำให้ทั้งตัวของนางอบอุ่นขึ้นมาหลิงอวี๋ก้มหน้าลงก็เห็นดวงตาสีเขียวของหมาป่าน้อยที่มีขนตาสีขาวข้างหนึ่งดำข้างหนึ่งปู้ติง!ปู้ติงจริง ๆ ด้วย!มิเจอกันหลายวัน ปู้ติงโตขึ้นอีกแล้วและดูแข็งแรงขึ้นด้วย!หลิงอวี๋กอดปู้ติงอย่างดีใจแล้วก็จุ๊บมันไปแล้วหัวใจที่จมลงสู่ก้นบึ้งก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นทันที“ปู้ติง ข้าถูกคนวางแผนทำร้าย ตัวข้าไม่มีแรงเลย เจ้าหายาแก้พิษให้ข้าหน่อยได้ห
เด็กหนุ่มผอมบางเช่นนี้น่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของตน!หลิงอวี๋หลับตาลงอีกครั้งพลางครุ่นคิดท่านน้าหลิน เสวี่ยเหมยและอี้เหวินให้หัวหน้าเสิ่นที่เป็นผู้ส่งเสบียงพาตนลงจากเขามา จะต้องเป็นเพราะตนได้รับการยกย่องจากหวงฝู่หมิงจูจึงไปดึงดูดความอิจฉาริษยาของพวกนางเป็นแน่นางมิเชื่อว่าท่านน้าหลินเพียงแค่ต้องการให้ตนออกจากวังเทพอย่างเดียวเท่านั้นเมื่อคิดเชื่อมโยงถึงเรื่องเครื่องประดับเหล่านั้นที่หัวหน้าเสิ่นพูดถึง ทั้งยังมีเรื่องที่อี้เหวินอาศัยว่าจะให้ตนดูแลจัดการงานภายในของวังเทพแล้วพาตนไปดูโกดัง อีกทั้งยังบอกตนเรื่องที่หวงฝู่หมิงจูมีจี้หยกราตรีน้ำเงินอีกหลิงอวี๋จึงได้กล้าคาดเดาอะไรเช่นนี้ท่านน้าหลินจะต้องติดสินบนหัวหน้าเสิ่นให้พาตนลงมาจากภูเขา จากนั้นก็ใส่ร้ายว่าตนขโมยเครื่องประดับแล้วหนีไปอย่างแน่นอนขอเพียงมีหนึ่งในเครื่องประดับหนึ่งชิ้นตกหล่นหายไป หวงฝู่หลินก็จะยิ่งเชื่อว่าตนเป็นคนขโมยจากนั้นหัวหน้าเสิ่นก็จะสังหารตนหัวหน้าเสิ่นออกไปแล้ว เสี่ยวเจียงผู้นี้ก็มิใช่คู่ต่อสู่ของตน หากมิหนีเวลานี้แล้วยังจะรออะไรอีกเล่า!หลิงอวี๋คิดแล้วขยับมือเท้าอย่างเงียบ ๆมือเท้ามิได้ถูกมัดไว้ แต่ขยับเ
“ท่านสี่ เราทำอาหารกันค่อนข้างมาก จึงนำมาให้ท่านสักหน่อย!”เก๋อเฟิ่งฉิงเห็นพวกฉินซานเรียกเซียวหลินเทียนว่าท่านสี่จึงเรียกเซียวหลินเทียนเช่นนั้นตามเซียวหลินเทียนมิแม้แต่จะมองถาดของนางแล้วยกอาหารแห้งในมือขึ้น พร้อมกับเอ่ยเรียบ ๆ “ขอบคุณมาก แต่ข้ากินอิ่มแล้ว!”เขายัดอาหารแห้งที่เหลือใส่ปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยเก๋อเฟิ่งฉิงเองก็มิได้ท้อ นางวางถาดไว้ตรงหน้าเขาแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ “กินอิ่มแล้วก็กินน้ำแกงผักสักหน่อยก็ได้! จะแบ่งให้ลูกน้องของท่านก็ได้!”หลังจากพูดจบ เก๋อเฟิ่งฉิงก็หันหลังเดินไปคนที่มีตาก็ล้วนมองออกว่าเก๋อเฟิ่งฉิงกำลังเอาใจเซียวหลินเทียนอยู่สตรีพรหมจรรย์นางหนึ่งเอาใจบุรุษคนหนึ่งเช่นนี้ จะเป็นเพราะเหตุใดไปได้เล่า!“ขันทีโม่ ท่านกินเถิด!”เซียวหลินเทียนดันถาดไปให้ขันทีโม่ขันทีโม่มองอาหารตรงหน้า มีเนื้อมีผัก ดูคุณค่าทางอาหารสมบูรณ์มาก เขาจึงยิ้มแล้วเอ่ย“คุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อคงยังมิยอมถอดใจจากท่านเลยนะ! ท่านสี่ เช่นนั้น ยินดีรับไว้ดีหรือไม่?”ขันทีโม่ก็เหมือนกับคนจำนวนมากที่คิดว่าการที่เซียวหลินเทียนจะมีสนมมากมายนั้นเป็นเรื่องปกติแม้ว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อผู้นี้จะแสร
กลุ่มของเก๋อเฟิ่งฉิงกับเซียวหลินเทียนเข้าไปในเขาด้วยกันแล้วก็เห็นคนของตระกูลเฉียว แต่ทุกคนก็ต่างคนต่างไปการปะทะกันในเวลานี้มิใช่เรื่องที่ฉลาด เพราะว่าการลงมือในถิ่นของหวงฝู่หลินนั้นอาจจะทำให้หวงฝู่หลินโกรธได้แม้ว่าตระกูลหวงฝู่จะอยู่อย่างสันโดษมาหลายชั่วอายุคน แต่ในฐานะของผู้สืบทอดของตระกูลหวงฝู่หลินก็มีความเป็นไปได้ที่พลังจะสูงกว่าพวกเขาทั้งหลายสำหรับหวงฝู่หลิน ผู้นำของทั้งสองตระกูลต่างก็เสนอจุดประสงค์ที่จะดึงมาให้เป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นหากมิถึงคราวจำใจจริง ๆ เก๋อเฟิ่งฉิงกับเฉียวไป๋ไม่มีทางทำเรื่องที่จะทำให้หวงฝู่หลินขุ่นเคืองแน่เมื่อเข้าไปในภูเขาหิมะ เริ่มแรกยังมีเส้นทาง แต่เดินไปได้สิบกว่าลี้ก็ไม่มีเส้นทางแล้วทั่วทุกที่ล้วนเป็นสีขาวโพลน แม้ว่าหานเหมยจะเคยมาที่ภูเขาหิมะ แต่เมื่อเห็นสีขาวโพลนนี้นางก็หลงทางเช่นกัน มิรู้ว่าภูเขาแห่งนั้นคือภูเขาที่มีวังเทพอยู่“มิต้องรีบร้อน ค่อย ๆ หาไป ขอเพียงฮูหยินอยู่ที่วังเทพ พวกเราจะต้องตามหานางพบแน่นอน!”ต่อหน้าเก๋อเฟิ่งฉิง เซียวหลินเทียนจึงเรียกหลิงอวี๋ว่าฮูหยินหานเหมยอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ก่อนหน้านี้นางบอกอย่างมั่นใจว่าตนรู้เส้น
หวงฝู่หลินพูดถึงตรงนี้แล้วก็เปลี่ยนน้ำเสียง “ปี้ซง เสวี่ยเหมยที่อยู่ข้างกายหมิงจูผู้นั้นมิอาจใช้งานได้แล้ว!”“ที่หลิงอวี๋หายตัวไปครานี้ จะต้องมีนางสมรู้ร่วมคิดอยู่ด้วยเป็นแน่! เจ้าให้คนของเจ้าจับตาดูนางไว้แล้วให้คนคุ้มกันหมิงจูไว้ให้ดี ๆ อย่าได้เกิดเรื่องอะไรกับนางเป็นอันขาด!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ปี้ซงพยักหน้าพร้อมกับแววตาที่ล้ำลึกหวงฝู่หลินมิได้อยู่ที่วังเทพเป็นเวลานาน เดิมทียังคิดว่าลิ่งหูหลินสามารถดูแลหมิงจูเป็นอย่างดีได้ แต่ในเมื่อลิ่งหูหลินคิดมิซื่อ เช่นนั้นทาสในวังเทพเหล่านี้ก็ต้องถูกนางซื้อตัวไว้แล้วเป็นแน่! คราวนี้จะต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้วเซียวหลินเทียนคาดมิถึงเลยว่าเขามาถึงที่ภูเขาหิมะ แต่หลิงอวี๋กลับมิอยู่ที่วังเทพแล้วจะว่าไปแล้ว เซียวหลินเทียนก็เกือบจะเฉียดกับหลิงอวี๋อยู่เหมือนกันที่ด้านนอกภูเขาหิมะ กลุ่มของเซียวหลินเทียนได้พบกับกลุ่มส่งเสบียงของวังเทพหลิงอวี๋ถูกป้อนยาสลบและทำให้กระดูกอ่อนแรงไปจึงนอนหมดสติอยู่บนรถม้ากลุ่มของเซียวหลินเทียนเห็นรถม้าที่ขนของสารพัดมาก็หาได้ใส่ใจไม่ ทั้งสองคนจึงคลาดกันไปเช่นนั้นกลุ่มของเซียวหลินเทียนเข้าไปในอาณาเขตของภูเขาหิมะแล้
ธารน้ำแข็งที่ไม่มีที่สิ้นสุดเต็มไปด้วยน้ำแข็งที่สะสมมาตลอดหลายพันปี บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งถูกโซ่เหล็กขนาดเท่าแขนหลายเส้นมัดเอาไว้ และฝังอยู่ในน้ำแข็งที่สะสมอยู่นั้นฝูไห่หลับตาอยู่เหมือนยังมีชีวิต คล้ายกับคนที่กำลังหลับอยู่และสามารถตื่นขึ้นมาได้ตลอดเวลา!พ่อของหวงฝู่หลินบอกกับหวงฝู่หลินไว้ว่า “คนที่มีพลังล้ำลึกเช่นฝูไห่นี้ หากโอกาสเอื้ออำนวย แม้ว่าจะถูกฝังอยู่ในน้ำแข็งเขาก็สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้!”“ปู่ของเจ้ากับหลงอี้เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันจึงมิได้สังหารเขาไปตรง ๆ แต่ใช้วิธีเช่นนี้กักขังเขาเอาไว้แทน!”“ตระกูลหวงฝู่ของเรารับผิดชอบในการปกป้องเขา เจ้ารู้ว่าเข้ามาอย่างไรก็พอแล้ว มิต้องไปสนใจเขามากเกินไป เพราะว่าใต้หล้านี้นอกจากหลงอี้กับปู่ของเจ้าจะยินยอม มิฉะนั้นใครก็ไม่มีทางจะคืนชีพเขาได้!”นี่เท่ากับว่าเป็นโลงศพน้ำแข็งที่อยู่ในสุสานน้ำแข็งน่ะสิ!หวงฝู่หลินเห็นแล้วก็มิได้ใส่ใจ หากมิใช่เพราะท่านพ่อพาตนไป เขาก็หาทางเข้าไปมิเจออย่าว่าแต่ตลอดทางยังมีกลไกและกับดักมากมาย เพียงแค่มิระวังนิดเดียว ตัวเองก็อาจต้องตายอยู่ในธารน้ำแข็งเหล่านี้ก่อนหน้านี้หวงฝู่หลินมิ
ในขณะที่เสวี่ยเหมยกำลังระวังตัวอยู่เงียบ ๆ นั้น วังเทพก็ได้ต้อนรับแขกที่มิได้รับเชิญจากหลายทางคนเหล่านี้ก็คือเซียวหลินเทียน คนของตระกูลเฉียวและคนของตระกูลเก๋อทันทีที่คนสามกลุ่มนั้นเข้ามาในพื้นที่ของภูเขาหิมะ องครักษ์ที่ยืนเวรอยู่ด้านหน้าหุบเขาก็ส่งนกพิราบมาส่งข่าวให้หวงฝู่หลินอย่างรวดเร็วหวงฝู่หลินเห็นแล้วก็ตะลึงเป็นเล็กน้อย ตระกูลหวงฝู่มิข้องเกี่ยวกับเรื่องภายนอกมาหลายร้อยปีแล้ว คนเหล่านี้ดาหน้ามาพร้อมกันด้วยเรื่องอันใด?“ทำตามกฎเดิม มิต้องสนใจพวกเขา หากสามารถบุกเข้ามาถึงวังเทพได้ค่อยว่ากัน!”หวงฝู่หลินยิ้มอย่างดูถูกหลายร้อยปีมานี้ มีคนจำนวนนับมิถ้วนที่อยากจะบุกเข้ามาปล้นวังเทพแต่เข้ามาได้ก็กลับออกไปมิได้เขามิเชื่อว่าคนเหล่านั้นจะสามารถบุกเข้ามาในวังเทพได้อย่างราบรื่นภายใต้การวางกับดักที่ซับซ้อนและค่ายกลจำนวนมากแต่ปี้ซงมิได้มองในแง่ดีเช่นหวงฝู่หลิน เขาดูข่าวที่ส่งมาอย่างละเอียดแล้วเอ่ย “ท่านเจ้าวัง กลุ่มที่มาสองกลุ่มคือตระกูลเก๋อกับตระกูลเฉียว นี่คือคนของทางแดนเทพพ่ะย่ะค่ะ!”“หากมิได้มีเรื่องสำคัญนักพวกเขาจะมาที่แดนเทพด้วยกันได้อย่างไร?”“ส่วนคนกลุ่มนี้มิใช่คนของแดนเทพ
หวงฝู่หลินสีหน้าเปลี่ยนไป แล้วในที่สุดก็ตะโกนขึ้นมา “ปี้ซง!”ปี้ซงเดินเข้ามา“ส่งข่าวออกไปทันทีให้ป้าวเฉิงระดมคนทั้งหมดจับเป็นอาอวี๋!”ที่ตัวของอาอวี๋ยังมีตำรับยาที่หวงฝู่หลินต้องการอยู่ ก่อนที่จะได้ตำรับยานั้นมา หวงฝู่หลินต้องการให้อาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ปี้ซงเป็นคนสนิทของหวงฝู่หลินจึงเข้าใจเจตนาของหวงฝู่หลินในทันที แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “พ่ะย่ะค่ะ!”ปี้ซงรีบใช้นกพิราบส่งข่าวหาป้าวเฉิงอย่างรวดเร็วท่านน้าหลินแอบภูมิใจ หัวหน้าเสิ่นรับเครื่องประดับเหล่านั้นที่ตนให้เขาไปแล้ว จะต้องสังหารหลิงอวี๋แล้วอย่างแน่นอนแม้ว่าปี้ซงจะตามหาหลิงอวี๋กลับมาได้ หลิงอวี๋ก็เป็นศพไปแล้ว ไม่มีทางเป็นภัยคุกคามตำแหน่งของตนได้อีก“เสวี่ยเหมย เจ้านำศพปี้เอ๋อร์ไปฝังเถิด เด็กสาวผู้นี้เองก็เป็นคนที่น่าสงสารที่เจอคนมิดี!”ท่านน้าหลินแสร้งทอดถอนใจแล้วบอกหวงฝู่หมิงจูคือคนที่เสียใจที่สุดในจำนวนเหล่านี้ นางเชื่อใจอาอวี๋ถึงเพียงนั้น อาอวี๋หนีไปได้อย่างไร?หลักการที่ปกตินางสอนให้ตนในการเป็นคนนั้นเป็นของปลอมทั้งหมดเลยหรือ?หวงฝู่หมิงจูรู้สึกว่าตนถูกหักหลัง ในเวลาชั่วครู่นี้ นางได้รู้จักกับความเกลียดเป็นครั้งแรกแล้