เซียวหลินเทียนยิ้มเย็นชาเมื่อครู่หลิงอวี๋เพิ่งจะพูดต่อหน้าธารกำนัลไปว่าคนตระกูลหลิงจะมิถอยทัพรับพ่ายโดยมิสู้ เขาในฐานะสามีของหลิงอวี๋จะไปรั้งนางให้ล่าถอยได้เยี่ยงไรกัน!เซียวหลินเทียนยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ย “มันก็ไม่แน่หรอก! ข้าคิดว่าอาอวี๋ของข้าโชคดีมากในวันนี้ บางทีวันนี้ดาวนำโชคอาจส่องแสง แล้วนางก็สามารถชนะต่อไปได้อีก!”องค์ชายคังพูดไม่ออกทันที เขาส่งเสียงหึอย่างเย็นชาพลางกลอกตามีความคิดไม่ดี“น้องสี่ พวกเราดูเฉย ๆ ก็เบื่อ ไม่สู้มาลองเดิมพันกันดูสักตาเถิด!”“ข้าเดิมพันว่าเจินเจินชนะ หากข้าแพ้เดิมพัน ม้ากีบขาวที่ข้าได้มาเมื่อไม่กี่วันก่อนก็จะยกให้เจ้าเลยเป็นเยี่ยงไร?”เซียวหลินเทียนใจเต้นแรง ม้ากีบขาวเป็นม้าที่มีชื่อเสียง มันจะมีสีดำทั้งตัว และมีกีบสีขาว เวลามันวิ่งจะรู้สึกราวกับว่าวิ่งอยู่บนก้อนเมฆแม้ว่าเขาจะเคยได้ยิน แต่ก็มิเคยเห็นมาก่อนเลยเมื่อนึกถึงว่าตนยืนได้แล้วในตอนนี้ หากได้ม้าตัวนั้นมาจะต้องส่งเสริมบารมีแน่นอน!“เช่นนั้นหากเสด็จพี่สองชนะ ท่านพี่ต้องการสิ่งใด?”ดวงตาขององค์ชายคังเป็นประกายทันที พลางเอ่ย “ตอนที่น้องสี่ไปสนามรบในวันนั้น ท่านพ่อได้ให้กำลังใจเจ้า ตั้งใจ
“เจ้ามิเข้าใจหมากล้อมจริง ๆ หรือตำหนิข้าอยู่กันแน่! น้องสี่ ข้าเจตนาดีจริง ๆ นะ...”จ้าวเจินเจินแสร้งทำเป็นเอ่ยอย่างเศร้าสร้อยหลิงอวี๋ทนไม่ไหวแล้ว ยิ้มเยาะโดยไม่มองจ้าวเจินเจินพลางเอ่ย“ข้ารู้เรื่องของหลิงซินแล้ว...ดังนั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องแสดงละครต่อหน้าข้าแล้ว!”“ไม่ว่าเจ้าจะสวยแค่ไหน แสร้งทำเป็นเสียใจแค่ไหน แล้วเยี่ยงไรเล่า?”“ข้ามิใช่บุรุษนี่! อย่าใช้วิธีเดียวกับที่เจ้าใช้จัดการกับบุรุษกับข้า ข้าเห็นแล้วรังเกียจ...!”สีหน้าของจ้าวเจินเจินเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด หลิงอวี๋พูดถึงการอำพรางตัวของตนเองออกมาอย่างชัดเจนเช่นนี้ ทำให้นางหาทางลงมิได้สักเท่าไหร่นางมองขนตาที่ยาวเป็นแพของหลิงอวี๋ กับใบหน้าที่มีผิวบอบบางสวยงามที่ไร้ที่ตินั้น แล้วจู่ ๆ หัวใจก็เต็มไปด้วยความโกรธทั้งหมดเป็นเพราะหลิงอวี๋ทำลายการแต่งงานของตนจึงทำให้นางจำใจต้องแต่งงานกับเซียวหลินอี้!หลิงอวี๋มีสิทธิ์อะไรถึงยังกล้าพูดจาโอ้อวดกำลังต่อหน้าตนเองอีก!“แปะ...”จ้าวเจินเจินกดเม็ดหมากล้อมลงบนจุดเทียนหยวน เพื่อแสดงความมุ่งมั่นที่จะเป็นที่หนึ่งของตน!หลิงอวี๋ไม่คู่ควรกับเซียวหลินเทียน!เซียวหลินเทียนเองก็ไม่คู่ควรกับตน
ทุกคนด้านล่างไม่มีใครเห็นเกมหมากล้อม แต่เห็นว่าหลิงอวี๋ประมือกับจ้าวเจินเจินได้นานถึงเพียงนี้ก็ยังไม่พ่ายแพ้ก็รู้สึกประหลาดใจพระชายาอ๋องอี้ผู้นี้เล่นหมากล้อมเป็นจริง ๆ หรือ?องค์ชายคังยิ้มให้เซียวหลินเทียนอย่างไม่พอใจพลางกล่าว“เจินเจินของข้านี่ใจดีจริง ๆ ไม่อยากให้พระชายาอ๋องอี้พ่ายแพ้แบบดูแย่เกินไปนัก จึงยอมอ่อนข้อให้นางตลอด…”เซียวหลินเทียนยกมุมขึ้นยิ้มเยาะ จ้าวเจินเจินใจดีรึ?หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลิงซินและเรื่องคิดร้ายกับตน เซียวหลินเทียนก็มิสนใจจ้าวเจินเจินแล้วคนที่มองชีวิตคนไม่มีค่าอะไรเลยเพื่อบรรลุเป้าหมายเยี่ยงจ้าวเจินเจิน จะมีความเมตตาต่อหลิงอวี๋ได้เยี่ยงไรกัน!เมื่อเห็นว่าจ้าวเจินเจินกับหลิงอวี๋ต่อสู้กันมานานก็ยังไม่มีผู้ชนะ ความมั่นใจของเซียวหลินเทียนที่มีต่อชัยชนะของหลิงอวี๋ก็เพิ่มขึ้นมากหลิงอวี๋จะต้องชนะแน่นอน!อีกด้านหนึ่งฝ่ามือของหลิงหว่านมีเหงื่อออกแล้ว นางมองไปบนเวทีอย่างประหม่า ธูปใกล้จะมอดแล้ว เหตุใดยังไม่มีผู้ชนะอีกหรือ?เมื่ออันซินเห็นว่าหลิงหว่านรู้สึกกังวล ก็ปลอบนางพลางเอ่ย“หว่านเอ๋อร์มิต้องกังวลไปหรอก แม้ว่าพี่หลิงหลิงจะแพ้พระชายาคังก็มิใช่
ริมฝีปากของจ้าวเจินเจินสั่นเทาพูดมิออกนางแพ้จริงหรือ?อีกทั้งยังแพ้ให้หลิงอวี๋?การจู่โจมจ้าวเจินเจินครั้งนี้มิใช่แค่แพ้เกมหมากล้อมเท่านั้น แต่ยังแพ้คนทั้งคนอีกด้วย!หลายปีมานี้จ้าวเจินเจินได้เป็นแบบอย่างของสตรีผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวง ผู้ใดบ้างจะไม่บอกว่านางฉลาด งดงาม และมีความสามารถเหนือใคร ๆ!แต่เมื่อครู่กู่ฉินนางก็แพ้หลิงอวี๋ บัดนี้ก็มาแพ้หมากล้อมหลิงอวี๋อีก!นาง… นางรู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีขึ้นมาทันที!“เป็นไปมิได้! หลวงจีนอวี๋ ท่านต้องดูผิดไปแน่ ๆ!”องค์ชายคังตะคอก “ท่านลองดูดี ๆ อีกทีสิ...”หลวงจีนอวี๋โกรธจัดขึ้นมาทันที เป็นถึงองค์ชายคังแล้วเยี่ยงไรเล่า ความจริงก็คือความจริง เขาคิดจะใช้อำนาจมาบีบบังคับให้ตนเองกลับคำพูดหรือ?“หากองค์ชายคังสงสัยในสายตาของกระหม่อม เช่นนั้นก็ลงคะแนนเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หลวงจีนอวี๋หัวเราะเยาะพลางเอ่ย “หากคณะกรรมการตัดสินสิบคนยังมิเพียงพอ ก็เรียกให้ทุกคนในที่นี้มาดูและให้มีส่วนร่วมในการลงคะแนนได้...”“หากวันนี้กระหม่อมตัดสินผิด กระหม่อมจะไม่แตะต้องหมากล้อมอีกต่อไปในชีวิตนี้!”คำสาบานนี้รุนแรงมาก มีผู้ใดบ้างที่ไม่รู้ว่าหลวงจีนอวี๋เป็นผู้คลั
จ้าวเจินเจินตื่นตระหนก นางมิรู้ว่าองค์ชายสองกับเซียวหลินเทียนมีเดิมพันยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้!แต่นางรู้ดีถึงความโลภสามีของตนที่มีต่อดาบสามมังกร!อีกทั้งความรักที่มีต่อม้ากีบขาวด้วย!หากตนพ่ายแพ้ แล้วองค์ชายคังสูญเสียม้ากีบขาวไป องค์ชายคังจะต้องโกรธตนมากแน่!แต่นางก็บ่ายเบี่ยงมิได้จริง ๆ!ความจริงก็คือความจริง!จ้าวเจินเจินเงยหน้าขึ้นมองอย่างสิ้นหวัง ทันใดนั้นก็เห็นลูกพี่ลูกน้องของตนหลายคนอยู่ด้านล่าง แล้วดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมายังไม่อับจนหนทาง!นางยังมีความหวังที่จะกู้หน้าคืนมาได้!“ข้าขอโทษ...เมื่อครู่ข้าครุ่นคิดเรื่องหมากล้อมอยู่จึงลืมตอบไป...”“ตานี้… น้องสี่ชนะแล้ว!”จ้าวเจินเจินยิ้มอ่อนโยน “ทักษะหมากล้อมของน้องสี่ยอดเยี่ยมมาก ที่แท้เมื่อก่อนก็หลบซ่อนเอาไว้นี่เอง!”เมื่อองค์ชายคังเห็นจ้าวเจินเจินยอมรับเองว่าพ่ายแพ้ก็โกรธมากจนหันหลังเดินออกไปจ้าวเจินเจินรีบตามเขาไปพลางกระซิบบางอย่างกับเขา จากนั้นสีหน้าองค์ชายคังจึงดูดีขึ้นเขาหันกลับมาพร้อมรอยยิ้ม พลางเอ่ยกับเซียวหลินเทียน“ยังมีอักษรศิลป์กับการวาดภาพอีกมิใช่หรือ? วันนี้เจินเจินของข้าโชคไม่ดีนิดหน่อย… แต่ข้ามิเชื
“นี่มันหมายความว่าเยี่ยงไร? หมายความว่าพระชายาอ๋องอี้มิใช่คนไร้การศึกษาไร้ความสามารถเลย!”ฮูหยินที่อยู่ข้าง ๆ นางหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ย “มิใช่คนไร้การศึกษาไร้ความสามารถ แต่กลับมีชื่อเสียงแพร่ออกไปแย่มาก...ช่างน่าสนใจจริง ๆ!”“ไม่สิ ไม่แน่อาจเป็นหวางซือเองก็ได้ที่เผยแพร่ข่าวออกไป! มิฉะนั้นใครจะรู้ว่าพระชายาอ๋องอี้ไร้การศึกษาและความสามารถเล่า!”“แม่เลี้ยงก็คือแม่เลี้ยง เพื่อลูก ๆ ของตนแล้วคงมิลังเลที่จะทำลายชื่อเสียงของพระชายาอ๋องอี้!”พวกฮูหยินมองหน้ากัน พลางยิ้มอย่างรู้กันหลังจากที่หวางซือได้ยินอยู่ไม่ไกลนัก นางก็ยิ่งโกรธมากอีกด้านหนึ่ง หลิงหว่านก็ก้าวขึ้นไปบนเวทีอย่างตื่นเต้น นางรับอุปกรณ์อักษรศิลป์และวาดภาพ แล้วก็ขึ้นไปกับอันซิน“ท่านพี่หลิงหลิง ท่านพี่สุดยอดยิ่ง! ข้ายังกังวลแทนท่านพี่อยู่ข้างล่างอยู่เลย มิคิดเลยว่าท่านพี่จักทำให้ข้าประหลาดใจ!”หลิงหว่านรู้แล้วว่าทักษะการเล่นดนตรีกับหมากล้อมของหลิงอวี๋นั้น ได้เรียนรู้อย่างจริงจังหลังจากที่เซียวหลินเทียนเมินเฉยนางนางรู้สึกว่าหลิงอวี๋สามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง เปลี่ยนมุมมองของทุกคนที่มีต่อนางได้ นางเองก็ต้องเรียนรู้จากหล
รองประมุขเฉินกับประมุขซุนประกาศว่าการแข่งขันทั้งสองรายการจะแข่งขันในเวลาเดียวกันหลิงอวี๋กับอันซินยอมรับมันอย่างมีความสุขแต่จูเหวินกับลั่วอวี้จูกลับตะโกนอย่างไม่พอใจ“องค์หญิงหก หากการแข่งขันทั้งสองรายการจะจัดขึ้นในเวลาเดียวกัน เราก็มิได้ว่ากระไร แต่จะนับการลงโทษเยี่ยงไรเล่า? หากอันดับสุดท้ายดื่มสุราลงโทษเพียงสามจอกมันจะเบาเกินไปกระมัง!”เซียวทงรู้ดีว่าพวกนางกลัวว่าหากหลิงอวี๋แพ้แล้วจะได้ดื่มสุราลงโทษเพียงสามจอก ไม่ต้องใส่ชุดกระโปรงเต้นรำ นางจึงยิ้มพลางเอ่ย“ในเมื่อการแข่งขันทั้งสองจัดขึ้นในเวลาเดียวกัน เช่นนั้นบทลงโทษก็ย่อมมิใช่แค่ดื่มสุราลงโทษสามจอกแล้ว ตามกฎเมื่อครู่ คนที่ได้อันดับสุดท้ายบทลงโทษจะเพิ่มเป็นสองเท่า และต้องสวมชุดกระโปรงนั้นเต้นรำด้วย!”ลั่วอวี้จูเหลือบมองพวกองค์ชายที่ขึ้นมาดูหมากล้อมบนเวทีเมื่อครู่แล้วยังไม่ลงจากเวที โดยเฉพาะเซียวหลินเทียนพลางเอ่ย“องค์หญิง ในเมื่อเป็นกฎ เช่นนั้นผู้แพ้จะไม่สามารถหาข้อแก้ตัวเพื่อหลบหนีการลงโทษได้นะ!”เมื่อฮูหยินลั่วแม่ของลั่วอวี้จูเห็นสิ่งนี้ ก็อยากจะกอบกู้ที่บุตรีของตนทำให้เสียหน้าก่อนหน้านี้ จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างคลุมเครือเช่นกัน
องค์ชายสามรุ่ยเป็นคนสุภาพเรียบร้อย เขามิได้โดดเด่นมากนักในบรรดาองค์ชาย เห็นได้ชัดว่าดูธรรมดามากเพราะองค์ชายสามมิได้มีแม่เป็นฮองเฮาเว่ยเยี่ยงองค์ชายใหญ่ และไม่ได้มีภูมิหลังทางครอบครัวร่ำรวยเยี่ยงพระชายาเส้าแม่ขององค์ชายสอง!เบื้องหลังขององค์ชายห้าก็มีพระสนมฮุ่ย หรือแม้แต่เซียวหลินเทียน แม้ว่าพระสนมอวิ๋นจะตายไปแล้ว แต่เพราะก่อนตายพระสนมอวิ๋นเฟยเป็นที่โปรดปรานจักรพรรดิอู่อัน เซียวหลินเทียนจึงอยู่ในสายตาของจักรพรรดิอู่อันมาโดยตลอด!มีเพียงองค์ชายสามเท่านั้นที่ไม่มีภูมิหลังทางครอบครัวและไม่มีผู้อยู่เบื้องหลัง!เพราะว่าแม่ของเขาไม่มีแม้แต่ตำแหน่งพระสนม นางเป็นสตรีธรรมดาสามัญที่ดูโดดเด่นคนหนึ่งที่จักรพรรดิอู่อันตกหลุมรักเมื่อเขาออกไปข้างนอกจักรพรรดิอู่อันพานางกลับมาที่วัง แต่ในวังมีสตรีงดงามโดดเด่นอยู่มากมาย ทันทีที่ความรู้สึกแปลกใหม่หมดไป จักรพรรดิอู่อันก็ลืมนางไปแม่ขององค์ชายสามให้กำเนิดเขาได้ไม่กี่ปี ก็เสียชีวิตเพราะเศร้าหมองจากการมิได้รับความโปรดปรานหากมิใช่เพราะการไหว้บรรพบุรุษประจำปีกับงานเลี้ยงในวังที่องค์ชายสามจะต้องเข้าร่วม แม้แต่จักรพรรดิอู่อันเองก็จำไม่ได้แล้วว่าเขายังมี