เซียวหลินเทียนเห็นครอบครัวของหลิงเสียงเซิงปฏิบัติต่อหลิงอวี๋เช่นนี้ต่อหน้าเขา ก็พลันโกรธขึ้นมาทักษะทางการแพทย์ของหลิงอวี๋ได้รับการยอมรับจากท่านฮั๋ว หลี่ว์เซียงกับตระกูลกวนปฏิบัติต่อหลิงอวี๋ด้วยความสุภาพ และจ่ายเงินให้เป็นจำนวนมากเพื่อให้ได้รับการรักษาจากหลิงอวี๋!แต่ในสายตาของครอบครัวหลิงเสียงเซิง กลับมองราวกับว่าเป็นของไร้ประโยชน์!สิ่งนี้ทำให้เซียวหลินเทียนสงสัยในเจตนาของหลิงเสียงเซิง!เขาเป็นบุตรชายแท้ ๆ ของท่านอดีตเสนาบดีจริงหรือไม่?ในใต้หล้านี้มีคนที่สามารถรักษาพ่อของตนเองได้ แต่กลับมีเหตุผลที่จะปฏิเสธหรือ?เซียวหลินเทียนยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัว เขาอดไม่ได้ที่จะกระแอมแรง ๆ พลางเอ่ยอย่างโกรธจัด“บังอาจ! คิดว่าข้าไม่มีตัวตนรึ?”ในห้องนั้นเงียบลงทันที เวลานี้หมอจางดูเหมือนจะค้นพบการมีอยู่ของอ๋องอี้แล้ว จึงก้าวถอยหลังไปอย่างรู้สึกผิดดวงตาที่เฉียบคมของเซียวหลินเทียนจับจ้องไปที่หลิงเสียงเซิงหลิงเสียงเซิงตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว!สายตานี้ของท่านอ๋องอี้… เหตุใดจึงน่ากลัวถึงเพียงนี้!ดูเหมือนว่าจะมองเจตนาของตนออกเลย!โชคดีที่หลังจากนั้นสายตาของเซียวหลินเทียนเคลื่อนไปหาหมอจาง
คำพูดนี้ของเซียวหลินเทียนทำให้หลิงอวี๋ค่อนข้างพอใจเนื่องยามนี้นางไม่สามารถหาหลักฐานใด ๆ มาพิสูจน์ได้ว่าหมอจางวางยาพิษท่านอดีตเสนาบดีการให้เขาอับอายต่อธารกำนัล ยอมรับว่าตนเป็นหมอที่ไม่ได้เรื่อง ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเช่นกัน!ยิ่งไปกว่านั้น เบื้องหลังของหมอจางจะต้องมีคนที่สั่งการอยู่แน่รอให้นางสืบให้รู้ชัดก่อนเถิดว่าใครอยู่เบื้องหลัง แล้วค่อยมาคิดบัญชีพร้อมกัน!คิดถึงตรงนี้หลิงอวี๋ก็ไม่กังวลอีก พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงรำคาญ“ออกไปกันก่อนเถิด ข้าจักไปรักษาท่านปู่ของข้าแล้ว!”เซียวหลินเทียนเห็นความกังวลของหลิงอวี๋ จึงเร่งไล่ให้ทุกคนออกไปทันทีที่หลิงเสียงเซิงได้ยินก็กังวล ลืมเรื่องความกลัวที่มีต่อเซียวหลินเทียน พลางตะโกน“ท่านอ๋องอี้ นี่เป็นเรื่องของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน ยังมิถึงคราวที่ท่านอ๋องต้องตัดสินใจ!”“หากท่านอ๋องยังเข้ามายุ่งวุ่นวายอีก พวกเราจักไปให้องค์จักรพรรดิพิพากษา!”เซียวหลินเทียนมองไปทางหลิงเสียงเซิงย่างเย็นชา ไม่สามารถระงับความโกรธของตนได้อีกต่อไป พลางตะคอกเสียงจริงจัง“อาลักษณ์หลิง ท่านอยากไปตัดสินเรื่องนี้ต่อหน้าองค์จักรพรรดิรึ? เช่นนั้นเราก็ไปกันเลยเถอะ!”“ข้
“หว่านเอ๋อร์ รีบไปเอาน้ำร้อนมา!”หลิงหว่านตกใจจนอึ้งไป พอถูกหลิงอวี๋ผลักถึงได้เรียกสติกลับมา รีบวิ่งออกไปเรียกให้คนเอาน้ำร้อนมาด้วยความตื่นตระหนกหลิงอวี๋ปิดประตูอย่างรวดเร็ว รีบวิ่งไปตรวจท่านอดีตเสนาบดีเมื่อเปิดสมุนไพรที่หมอจางห่อไว้ หลิงอวี๋ก็เห็นหนองสีเหลืองและสีแดงไหลออกมาจากบาดแผลที่ขาซ้ายของท่านอดีตเสนาบดีแผลติดเชื้อสาหัสและมีหนองแล้ว!หลิงอวี๋ไม่กังวลกับการติดเชื้อที่บาดแผล สิ่งที่นางกังวลคือสมุนไพรพิษสองชนิดที่หมอใช้กับท่านอดีตเสนาบดีนางรู้สึกได้ว่า ท่านอดีตเสนาบดีหัวใจล้มเหลวแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่หมอจางเต็มใจที่จะเดิมพันกับตน!เขาคิดว่าท่านอดีตเสนาบดีเลือดเป็นพิษแล้ว ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้แล้วสินะ!หลิงอวี๋สงบสติอารมณ์แล้วออกคำสั่ง “หลิงซวน รีบนำกล่องยาของข้าออกมา เตรียมทำการผ่าตัด!”หลิงอวี๋ฉวยโอกาสที่หลิงซวนไปเตรียมตัว รีบเข้าไปในมิติ หยิบอุปกรณ์สำหรับการล้างพิษ และเครื่องมือผ่าตัดอย่างพวกแผ่นเหล็กออกมานางได้ตรวจอาการบาดเจ็บของท่านอดีตเสนาบดีแล้ว ข้อเข่าของท่านอดีตเสนาบดีหักทั้งหมด การบาดเจ็บของหมอนรองข้อเข่าก็รุนแรงมาก!ต้องผ่าตัดแล้วตรึงด้วยแผ่นเหล็กกระทั่
หลิงอวี๋มองท่าทางดีใจเหลิงของหมอหลวงจางอย่างเย็นชา ตะโกนขึ้นฉับพลัน“หมอหลวงจาง ผู้ใดบอกเจ้าว่าท่านปู่ข้าสิ้นชีพแล้ว?”“เจ้าเป็นแพทย์แต่เอะอะก็หวังให้คนไข้ตาย เจ้าศึกษาจรรยาบรรณวิชาชีพในท้องสุนัขมาหรือไร?”หมอหลวงจางพลันยิ้มหยันกล่าวว่า“พระชายาอ๋องอี้ ข้าไม่ได้ภูมิปัญญาระดับสตรีอย่างเจ้า! หากรักษาคนไข้หายก็เรียกว่าหมอเก่ง”“ทว่าเจ้ารักษาท่านอดีตเสนาบดีตายจะพูดดีอีกก็ไร้ประโยชน์!”“ท่านอาลักษณ์หลิง เมื่อกี้คุณหนูรองเจ้าพูดถูกแล้ว หลิงอวี๋มาล้างแค้น! นางเกลียดที่ท่านอดีตเสนาบดีตัดขาดความสัมพันธ์กับนางในปีนั้น…”“หุบปาก…”เสียงสูงวัยหนึ่งดังขึ้นในห้องหมอหลวงจางยังนึกว่าตัวเองฟังผิดไป ทว่าหลิงหว่านสายตาแหลมคมเห็นท่านอดีตเสนาบดีกำลังยันกายเหยียดขึ้น“ท่านปู่ฟื้นแล้ว!”หลิงหว่านตะโกนลั่นตื่นเต้น พุ่งไปประคองท่านอดีตเสนาบดี น้ำตาไหลพรากหยดลงท่านปู่ยังรอด!พี่หลิงหลิงช่วยชีวิตท่านปู่ไว้!“ท่านพ่อ…”หลิงเสียงเซิงตะลึงงันแล้วเช่นกัน พลางมองบิดาที่หมดสติอย่างงงงันเมื่อครู่ คาดไม่ถึงว่าจะเหยียดกายลุกได้แล้วบนหน้าหวางซืองงงันเหมือนกัน วิชาแพทย์หลิงอวี๋ไม่คิดว่าจะเลิศล้ำขนาดนี้?
เซียวหลินเทียนด่าอย่างโมโหว่า “ท่านอาลักษณ์หลิง ท่านยังคือบิดาของหลิงอวี๋รึ?”“หมอหลวงจางให้ประโยชน์เจ้ามากเท่าไร เจ้าถึงช่วยคนนอกมิช่วยญาติเช่นนี้?”หลิงเสียงเซิงคอแข็งตรงเอ่ยเรียก “ท่านอ๋องอี้ กระหม่อมหยัดยืนเท็จจริงมิช่วยญาติ! เดิมทีก็มิใช่หลิงอวี๋ช่วยพ่อกระหม่อม กระหม่อมจักมิขาดจิตสำนึกพูดปด!”เซียวหลินเทียนหัวเราะเคืองขุ่นพลางตะโกน “ช่างเป็นวาจามิขาดจิตสำนึกซะจริง!”“หลิงอวี๋ เจ้ามาบอกทุกคน เจ้าช่วยท่านอดีตเสนาบดีเช่นไร?”หลิงอวี๋โดนหลิงเสียงเซิงทำรู้สึกผิดหวังเช่นกัน เจ้าพ่อแย่คนนี้จนตอนนี้ยังคิดเอาผลงานให้หมอหลวงจาง!หมอหลวงจางให้ผลประโยชน์เขามากเท่าใดกันแน่?“ท่านปู่ล้มขาหักเนื้อเยื่อได้รับบาดเจ็บ! ตามขั้นตอนรักษาทั่วไปคือจัดการแผลแบบนี้ จำเป็นต้องทำความสะอาดขูดเนื้อเสียออก หลีกเลี่ยงแผลเปื่อยติดเชื้อ!”หลิงอวี๋หัวเราะเยือกเย็นชี้ถาดยาข้างเตียงที่ยังไม่ได้เก็บกวาด“ในถาดเป็นเนื้อเสียที่หม่อมฉันช่วยท่านปู่ขูดทำความสะอาด! เดิมทีหมอหลวงจางมิได้ขูดออก เขารักษาแผลท่านปู่เช่นนี้ไม่มีทางหายได้เด็ดขาดเพคะ!”ทุกคนมองตามทิศของนิ้วมือหลิงอวี๋ก็เห็นเนื้อเสียขาวเหลืองประปรายในถาด
เมื่อคำพูดนี้ออกมา สีหน้าหลิงเสียงเซิงผกผันสิ้นทว่ากำลังมองดาบแวววับของลู่หนานยังคงกวัดแกว่งตรงหน้า แม้ยืมความกล้าหาญของหลิงเสียงเซิง เขาก็ไม่กล้าซักถามหลิงอวี๋อีกท่านอดีตเสนาบดีหัวเราะเยาะหยัน เอ่ยขุ่นเคืองว่า “หมอหลวงจาง เจ้าหลอกเอาเงินเพราะข้าพูดไม่ได้หรือ?”“ถึงแม้สติข้าเลอะเลือน แต่ยังรู้สึกตัวอยู่! เดิมทีเจ้าเข้ามาไม่ได้ป้อนยาลับอะไรข้าเลย!”“หลังเจ้าทายาสมุนไพรให้ข้า ขาข้าก็เจ็บรุนแรงเริ่มหายใจลำบาก”“ข้าฟื้นได้ ทั้งหมดคือหลานสาวข้าช่วยรักษาข้า! หากปล่อยหมอกำมะลออย่างเจ้ามารักษา ข้าคงตายไปแล้วกระมัง!”หมอหลวงจางตกใจสั่นเทิ้มทั้งร่าง คาดไม่ถึงว่าท่านอดีตเสนาบดีจะเข้าใจกระจ่าง?เช่นนั้นเขารู้เรื่องที่ตนวางยาพิษเขาหรือไม่?สมองหมอหลวงจางปั่นป่วนเร็วรี่ เรื่องวางยาพิษตีให้ตายก็ยอมรับไม่ได้!หมอหลวงจางคุกเข่าลงดังตุ้บ พูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ“ได้โปรดท่านอดีตเสนาบดีให้อภัยความผิด… ทั้งมวลคือความสับสนชั่วขณะของข้า! ถึงคิดแอบอ้างผลงานขอรับ!”“ข้าขอแสดงการขออภัยพระชายาอ๋องอี้… พระชายาอ๋องอี้ ข้าผิดแล้ว...”“ช้าก่อน!”เซียวหลินเทียนยิ้มเยาะ “หมอหลวงจางว่าโขกหัวคำนับแสดงการขออภัยแก่
หลิงเสียงเซิงเอื่อยเฉื่อยคิดไม่ถึงปัญหานี้หวางซือถลึงมองหลิงเสียงเซิงโหดเหี้ยม เหลียวมองหลิงอวี๋เอ่ยยิ้ม ๆ“อาอวี๋ เจ้าอธิบายให้หลิงหว่านกับน้องเจ้าก่อนว่าต้องดูแลท่านอดีตเสนาบดีอย่างไรเถอะ!”“ข้ากับท่านพ่อเจ้าจักไปให้คนเตรียมกับข้าวให้พวกเจ้าที่ครัว! พวกเจ้าอยู่ทานข้าวก่อนเถิดหนา!”ไม่รอหลิงอวี๋ปฏิเสธ หวางซือก็ดึงหลิงเสียงเซิงไปแล้วความโกรธหลิงเสียงเซิงเต็มท้อง เห็นโดยรอบไม่มีคนก็ด่าเสียงต่ำว่า“เมื่อกี้มิใช่พูดกับเจ้าแล้วรึ? ปล่อยหลิงอวี๋ตรวจโรคท่านพ่อมิได้ ไยเจ้ามิไล่นางไป?”“ท่านอ๋องอี้จับจ้องข้าอยู่ ข้าลงมือมิสะดวก!”“แต่เจ้าเป็นแค่สตรี อีกทั้งไม่มีตำแหน่งขุนนาง ยังกลัวท่านอ๋องอี้คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าอีกรึ?”หวางซือโน้มไปข้างหูหลิงเสียงเซิงพลางกระซิบ“ท่านสามี ท่านเลอะเลือนแล้ว!”“ท่านจักรู้แต่ฟังคำพูดขององค์ชายเว่ย มิใช้สมองลองคิดถึงหลักลึกลับซับซ้อนภายในหน่อย! ”“ภายในมีหลักลึกลับซับซ้อนอันใดเล่า?” หลิงเสียงเซิงสับสนหวางซือหัวเราะหยัน “ท่านสามี ฮองเฮาเว่ยกับองค์ชายเว่ยพอพระทัยเยี่ยนเอ๋อร์ของเรามิใช่เพราะงดงามมีคุณธรรม แต่เป็นท่านอดีตเสนาบดี!”“ตระกูลเราล้วนอาศัย
หลิงเสียงเซิงรีบกลับมาในห้อง หลิงอวี๋อธิบายการดูแลท่านอดีตเสนาบดีเช่นไรให้หลิงหว่านเสร็จแล้วแม้หลิงเยี่ยนอยู่ในห้อง แต่เดิมทีกลับไม่ได้ตั้งใจฟังที่หลิงอวี๋พูด หากมิใช่เพราะอยู่ต่อหน้าท่านปู่นางคงไปตั้งนานแล้ว“อาอวี๋ เจ้าเป็นหมอชั้นเซียนมิใช่รึ? เจ้าทำให้ท่านปู่เจ้าหายเร็วขึ้นหน่อยได้หรือไม่? ยี่สิบกว่าวันนานเกินไปแล้ว!”เมื่อหลิงเสียงเซิงเข้าประตูก็กล่าวรีบร้อนเขาคิดเหมือนกับหวางซือ หากท่านอดีตเสนาบดีพักฟื้นนานตำแหน่งแม่ทัพใหญ่นี้ก็จะรักษาไว้มิได้!หลิงอวี๋พูดไม่ออก ท่านอดีตเสนาบดีล้มขาบาดเจ็บมิใช่มีดบาดเป็นแผลนิดหน่อยนางช่วยรักษาสุดกำลังแล้ว มิเช่นนั้นตามวิชาแพทย์โบราณ ท่านอดีตเสนาบดีคงเป็นได้แค่คนพิการติดเตียงตลอดชีวิตเท่านั้น!“พอแล้ว อย่าพูดเลย ข้าเหนื่อยแล้วพวกเจ้าออกไปเถอะ!”ท่านอดีตเสนาบดีรู้อยู่แก่ใจถึงสภาพตัวเอง แม้เขาไม่รู้ว่าหลิงอวี๋กลายเป็นหมอชั้นเซียนตั้งแต่เมื่อใด แต่ก็ไม่อยากให้หลิงเสียงเซิงทำหลิงอวี๋ยุ่งยากหลิงอวี๋เห็นกำลังวังชาท่านอดีตเสนาบดีไม่ดีพูดเยอะมิได้นางปลอบท่านอดีตเสนาบดีหลายประโยคให้เขาพักผ่อนสบายใจ กล่าวว่าจะมาตรวจดูเขาอีกวันหลังพลันเข็นเซียว
อะไรนะ?ทั้งเฉียวไป๋และลุงเฉียวตางก็ตกใจมากในความของพวกเขา หลิงอวี๋มิใช่คนแดนเทพ แม้ว่านางจะได้รับหยกหล้าสุขาวดีมาก็มิสามารถใช้ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่จากมันได้ ระดับพลังการบำเพ็ญของนางจะสูงถึงขั้นที่สามารถสังหารเฉียวเค่อได้อย่างไร?แต่เมื่อเห็นสภาพของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแล้ว พวกเขามิเชื่อก็ต้องเชื่อพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่เหนือกว่าเฉียวเค่อ นางไปถึงดินแดนที่หกนานแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งอยู่ในดินแดนที่สี่เฉียวไป๋กับลุงสามตระกูลเฉียวต่างก็มิรู้ว่า หลิงอวี๋ทำลายตันเถียนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยไปแล้ว หลังจากได้ฟังคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็คิดไปจริง ๆ ว่าหลิงอวี๋ได้ชิงพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่อไป“นางสารเลวผู้นี้ นางอยู่ที่ใด ข้าจะต้องตามหาและสังหารนางให้ได้!”หัวใจของเฉียวไป๋ราวกับมีมีดมากรีด ก่อนหน้านี้คำทำนายของลุงสามตระกูลเฉียวบอกว่า เฉียวเค่อตายไปแล้ว เขาก็เชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง หวังว่าคำทำนายของลุงสามจะผิดพลาดแต่ตอนนี้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยืนยันการตายของเฉียวเค่อ ความหวังของเขาพังทลายลงไปแล้ว“ศพพี่ชายข้าอยู่ที่ใด? ข้าจะต้องตามหาเขาแล้วพาเขากลับมาฝังอย่างสงบ...”เฉียวไป๋สะอื้นไห้แม้ว่าเฉียวเค่
ชิงพลังไปหรือ?เช่นนั้นหลิงอวี๋จะมิเป็นดังเช่นเมื่อก่อนที่ไม่มีความสามารถที่จะป้องกันตัวแล้วต้องยอมให้คนอื่นรักแกหรือ?ความกังวลของเซียวหลินเทียนกัมีมากกว่าฉินซานนัก เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ตามที่หานเหมยบอกมา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับอาอวี๋ก็แยกจากกันไปแล้ว ศิษย์พี่ที่ช่วยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับหานเหมยก็คือเฉียวเค่อ!”“แต่เมื่อวานเผยอวี้ไปสืบมา เฉียวเค่อตายแล้ว แล้วใครเป็นคนสังหารเฉียวเค่อเล่า?”“หรือจะเป็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ย?”ฉินซานก็วิเคราะห์ตามไปด้วยเช่นกัน แต่รู้สึกว่าความคิดของตนนั้นเหลวไหลเกินไปเฉียวเค่อเป็นศิษย์พี่ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะสังหารเขาได้อย่างไรกัน!ยิ่งไปกว่านั้น ระดับของเฉียวเค่อก็สูงมาก คนธรรมดาไม่มีทางที่จะสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย!“หรือจะเป็นเย่หรง?”เซียวหลินเทียนนึกถึงเย่หรงที่ติดตามจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่ออยู่เช่นกัน ดังนั้นจึงพูดชื่อของเขาออกมาโดยมิรู้ตัว“ก็เป็นไปได้!”ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น ขันทีโม่ก็พาหานเหมยกลับมาหานเหมยดูท่าทางอ่อนแอ เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนก็คุกเข่าลง“ฝ่าบาท บ่าวมิได้ปกป้องฮองเฮาให้ดี ฝ่าบาทโปรดลงโทษบ่าวเถิดเพคะ!”“เจ้
เซียวหลินเทียน ฉินซานและขันทีโม่นำเกวียนทาสหญิงกลับมาที่โรงเตี๊ยมทาสคุนหลุนผู้นั้นซื่อสัตย์มาก ฉินซานบอกว่า เซียวหลินเทียนเป็นเจ้านายของเขา จากนั้นเขาก็ติดตามเซียวหลินเทียนมิยอมห่างเซียวหลินเทียนเห็นว่าเขาแข็งแกร่งราวกับหอคอยเหล็ก จึงตั้งชื่อให้เขาว่าเถี่ยจู้กระทั่งกลับมาถึงโรงเตี๊ยม เถ้าแก่จูก็บอกว่า มีสตรีสองคนมาหาพวกเขา แล้วบอกว่าเป็นคนคุ้นเคยของพวกเขาเถ้าแก่จูจัดห้องให้สตรีทั้งสองคนเป็นการชั่วคราวเมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนกลับมาแล้ว เถ้าแก่จูจึงให้เสี่ยวเอ้อร์ไปแจ้งสตรีทั้งสองคนผลก็คือคนที่มาคือเถาจื่อกับหานอวี้นั่นเอง“หานอวี้ เจอพี่หญิงของเจ้าแล้วนะ!”ฉินซานเอ่ยอย่างตื่นเต้น“อยู่ที่ใด!” หานอวี้ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น“เจ้ารอสักครู่ ข้าจะไปพานางมา!”ฉินซานรีบเดินออกไป แต่หานอวี้รอมิไหวแล้วจึงรีบตามฉินซานไปที่เรือน แล้วก็เห็นทาสหญิงถูกขังอยู่ในเกวียนหานอวี้มิได้สนใจถามฉินซานว่าทาสหญิงเหล่านี้มาจากที่ใด นางรีบเปิดประตูเกวียนนั้นแล้วดึงพวกนางออกมาทีละคนหานเหมยถูกดึงลงมา แล้วหานอวี้ก็กอดนางอย่างตื่นเต้น “พี่หญิง ในที่สุดข้าก็พบเจ้าแล้ว! เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ช่างดี
การกระทำนี้ของเซียวหลินเทียนทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงถอนหายใจโล่งอก ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่าจะยอมลดทิฐิลงขอร้องให้เซียวหลินเทียนช่วยเหลือ ไหนเลยจะคิดว่า มิต้องให้ตนเอ่ยปากเซียวหลินเทียนช่วยเหลือแล้วในใจของเก๋อเฟิ่งฉิงเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง มิรู้สึกอยากแข่งขันกับเซียวหลินเทียนอีกต่อไปแล้วนางพยักหน้าให้เซียวหลินเทียนเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาเรียบ ๆ “ในเมื่อคุณชายผู้นี้ซื้อทาสหญิงเหล่านี้ด้วยความจริงใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะมิสู้กับท่านอีก!”หม่าเฉียงเห็นเช่นนี้ก็พอใจแล้ว และแทบจะรอมิไหวที่จะลากฉินซานไปดำเนินการซื้อขายกันป้าวเฉิงมองเซียวหลินเทียนแล้วพาคนของตนเดินออกไปเขามองออกว่า เซียวหลินเทียนมิใช่คนธรรมดา แต่ตราบใดที่รับรองว่าตนจะได้ส่วนแบ่งทางการค้า เขาก็จะมิสนใจว่าเซียวหลินเทียนเป็นใครขันทีโม่ใช้เงินห้าร้อยตำลึงไปซื้อตัวทาสหญิงที่เชี่ยวชาญเรื่องการติดตามและทาสคุนหลุนที่มีพลังมากมาหม่าเฉียงมอบให้ฉินซานแม้กระทั่งเกวียน ฉินซานเห็นว่าคนตระกูลเก๋อยังมิไป จึงมิยอมปล่อยหานเหมยออกมา เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ดึงดูดความสนใจของคนตระกูลเก๋อเซียวหลินเทียนยังต้องการถามคำถามหม่าเฉีย
หลังจากเสียงนั้น คนที่มุงกันอยู่เหล่านั้นก็หลีกทางให้โดยมิรู้ตัว แล้วกลุ่มคนที่มาก็เผยตัว...เซียวหลินเทียนก็มองไปเช่นกัน แล้วก็เห็นว่าคนที่นำมาเป็นบุรุษอายุประมาณห้าสิบปี รูปร่างสูง แขนทั้งสองข้างที่เผยออกมานั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ บนนั้นมีห่วงทองคำทองรูปสัตว์ประหลาดคล้องอยู่สองห่วงด้วย“ท่านป้าว!”มีคนจากในฝูงชนนั้นตะโกนขึ้นมาเซียวหลินเทียนรู้ทันทีว่า คนผู้นี้คือป้าวเฉิงเจ้าถิ่นตลาดซื้อขายทาสแห่งนี้ป้าวเฉิงเดินเข้ามาโดยที่ลูกน้องของคนล้อมรอบอยู่ เขาสูงกว่าเซียวหลินเทียนไปครึ่งหัว เขามองเซียวหลินเทียนแล้วมองเก๋อเฟิ่งฉิง จากนั้นก็ยิ้มเย็นชา“การประมูลก็มีกฎเกณฑ์ของการประมูล ท่านสองคนรู้หรือไม่ว่า ต่อให้ตะโกนเสนอราคาสูงแค่ไหน หากตอนที่ส่งมอบจริงแล้วจ่ายมิได้จะโดนลงโทษอย่างไร?”ในเมื่อป้าวเฉิงเป็นเจ้าถิ่นลานประมูลแห่งนี้ เขาจึงมิยอมให้ใครมาสร้างปัญหาในถิ่นของตนเมื่อครู่เขาเห็นจากด้านบนว่า คนในลานประมูลมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็กังวลว่าสองคนนี้จะมาสร้างปัญหา เขาจึงลงมาดู“หากจ่ายมิได้ ท่านจะต้องอยู่ที่ลานประมูลนี้และต้องนำเงินจำนวนสามเท่าจากที่เสนอราคามาไถ่ตัว!”ผู้ค้ามนุษย์คนห
บุรุษผู้นี้ฉลาดนัก!เก๋อเฟิ่งฉิงกลุ้มอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็มิได้โกรธ สิ่งที่นางต้องการคือบุรุษที่ได้ทั้งบุ๋นและบู๊เช่นนี้ หากเซียวหลินเทียนโง่เกินไป นางก็มิสนใจแล้ว!“พี่หญิง ข้าคิดว่าคุณชายผู้นี้พูดถูกนะ!”เก๋อเฟิ่งเจียวเบียดเข้ามาแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ “ทาสหญิงเหล่านี้มิคุ้มราคาจริง ๆ หากท่านใช้เงินมากมายเช่นนี้ซื้อพวกนาง กลับไปจะต้องถูกท่านยายดุเป็นแน่!”“ท่านก็ทำตามที่คุณชายผู้นี้บอก ยอมให้เขาไปเถิด เลือกมาสองคนให้เขามอบให้ท่านเปล่า ๆ เขาจะต้องยอมแน่นอน!”เซียวหลินเทียนเกือบจะหัวเราะออกมา เขามิคาดคิดว่าความขัดแย้งภายในของตระกูลเก๋อจะชัดเจนถึงเพียงนี้ คุณหนูรองตระกูลเก๋อมาช่วยเหลือคนนอกเช่นนี้เก๋อเฟิ่งฉิงสีหน้ามิพอใจ นางคาดมิถึงว่าเก๋อเฟิ่งเจียวจะเผยจุดอ่อนของตนออกไป นี่มิใช่เป็นการบอกเซียวหลินเทียนหรือว่าหากตนเสนอราคาขึ้นอีก กลับไปจะต้องถูกท่านยายดุ?“เฟิ่งเจียว ไปยืนด้านข้างเสีย ข้าทำอะไรอย่างมีเหตุผล ท่านยายมิดุข้าหรอก!”เก๋อเฟิ่งฉิงฝืนพูดต่อไปเก๋อเฟิ่งเจียวยิ้มเยาะ “เช่นนั้นท่านมีเหตุผลอะไรก็พูดมาสิ พูดให้ชัดเจนแล้วข้าจะมิคัดค้านที่ท่านใช้เงินมหาศาลซื้อทาสหญิงเหล่านี้ มิเช่นนั้นข
เซียวหลินเทียนเห็นภาพนี้ไกล ๆ ก็รู้ว่ามีคนทำให้ฉินซานลำบากแล้วเขาเห็นซูจู๋ที่ขัดแย้งอยู่กับฉินซานก็พอจะคาดเดาเจตนาของเก๋อเฟิ่งฉิงได้เซียวหลินเทียนสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น อยากจะแข่งความรวยหรือ?เขามิเชื่อว่ากำลังทรัพย์ของคุณหนูตระกูลเก๋อจะเทียบกับตนที่เป็นจักรพรรดิได้ความเย่อหยิ่งของเซียวหลินเทียนเพิ่มขึ้นในทันที อย่างไรวันนี้เขาก็จะต้องปรามอำนาจของเก๋อเฟิ่งฉิงให้ได้เขาเดินเข้าไปด้วยใบหน้ามิสบอารมณ์เก๋อเฟิ่งฉิงเห็นว่าคนในใจเดินเข้าไปก็ตามเข้าไปด้วย“หกหมื่น!”ซูจู๋ให้ราคาเป็นสองเท่าจากที่หม่าเฉียงเสนอ หม่าเฉียงมีความสุขมาก แต่ยังฝืนมิพยักหน้าแล้วมองไปทางฉินซานฉินซานรู้ว่าเซียวหลินเทียนมิได้ใส่ใจกับเงินจำนวนนี้ เขาสามารถตัดสินใจเสนอราคาตามไปได้แต่เขาก็มองออกเช่นกันว่า วันนี้นางรับใช้ที่อยู่ตรงหน้าตั้งใจจะมีปัญหากับตน จึงกลัวว่าหากตนขึ้นราคา นางรับใช้ผู้นี้ก็จะขึ้นราคาไปด้วยแล้วเมื่อใดจึงจะสิ้นสุดเล่า?เวลานี้ฉินซานก็เห็นเซียวหลินเทียนเดินเข้ามา แล้วพยักหน้าให้เขาอย่างยากที่ใครจะสังเกตเห็นฉินซานจึงเอ่ยขึ้นมาทันที “แปดหมื่น!”เซียวหลินเทียนบอกเป็นนัยแล้วว่าเขาสามารถดันรา
ฉินซานได้รับคำสั่งแล้วไปเจรจาธุรกิจกับผู้ค้ามนุษย์ทันทีสิ่งที่เซียวหลินเทียนมิคาดคิดก็คือ วันนี้เก๋อเฟิ่งฉิงคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อและเก๋อเฟิ่งเจียวคุณหนูรองตระกูลเก๋อก็มาด้วยเก๋อเฟิ่งฉิงมองปราดเดียวก็เห็นเซียวหลินเทียนที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางผู้คนทันทีเมื่อเห็นเขาสั่งให้คนรับใช้ไปเจรจาการค้ากับผู้ค้ามนุษย์ เก๋อเฟิ่งฉิงก็กลอกตาแล้วกระซิบกับซูจู๋ทันที จากนั้นซูจู๋ก็ตามฉินซานไปเก๋อเฟิ่งเจียวมิเชื่อใจเก๋อเฟิ่งฉิง การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นี้ก็ดึงความสนใจของเก๋อเฟิ่งเจียวเช่นกัน นางจึงให้นางรับใช้ของตนตามไปดูด้วยฉินซานกำลังคุยอยู่กับหม่าเฉียงหัวหน้าผู้ค้ามนุษย์วัยสี่สิบปี“นายของเราบอกว่า เขาสนใจทาสหญิงเกวียนนี้ อยากซื้อตามราคาสูงสุด และขอเพียงให้เจ้าตอบคำถามเขามิกี่ข้อ...เรื่องดีเช่นนี้หากพลาดไปคงไม่มีอีกแล้ว เจ้าต้องคว้าโอกาสไว้!”หม่าเฉียงได้ยินเช่นนี้ก็ใจเต้นแรงทันที คุณภาพของทาสหญิงเกวียนนี้ของตนมิได้นับว่าดีมากนัก เมื่อวานมาแล้ววันหนึ่งก็ขายมิออกสักคน วันนี้มีคนอยากจะซื้อทั้งหมดในคราวเดียว แล้วเขาจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไรเล่า!“นายใหญ่อยากถามอะไรข้า?”หม่าเฉียงเอ่ยอย่างตื่นเต้น
เซียวหลินเทียนกับฉินซานแทบจะหันไปมองพร้อมกันทันทีที่ได้ยินชื่อหานเหมยแล้วก็เห็นว่าบนเกวียนคันนั้นก็มีทาสหญิงอยู่จำนวนมิน้อยสตรีคนที่ขันทีโม่พูดถึงยืนนิ่งอยู่ในมุมหนึ่งด้วยท่าทีเฉยเมย บนตัวและใบหน้าของนางเต็มไปด้วยบาดแผล ชุดก็ขาดรุ่งริ่งจนเผยผิวหนังส่วนใหญ่ออกมา“หานเหมย!”ฉินซานตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้นที่เขาเป็นฝ่ายอาสาออกมาตามหาหลิงอวี๋ครั้งนี้ เหตุผลอีกครึ่งหนึ่งก็เพื่อหานเหมยนับตั้งแต่ที่ฉินซานมีความคิดที่จะแต่งงานกับหานเหมย เขาก็ให้ความสนใจหานเหมยอย่างมากหานเหมยทำงานอย่างจริงจัง ทั้งยังขยันเรียนรู้และปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนน้อมอย่างยิ่งไป ๆ มา ๆ ฉินซานก็ตกหลุมรักหานเหมยที่ขยันและจิตใจดีผู้นี้ไปเสียแล้วเดิมทีเขาอยากหาโอกาสหยั่งเชิงหานเหมยว่าจะยินดีแต่งงานกับตนหรือไม่ ไหนเลยจะคิดว่ายังมิทันได้โอกาส หานเหมยก็หายตัวไปพร้อมกับหลิงอวี๋เสียก่อนแล้วฉินซานกังวลมาตลอดว่า หานเหมยจะถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารไปแล้วเพราะไม่มีประโยชน์และมูลค่า คาดมิถึงว่าจะได้เห็นหานเหมยยังมีชีวิตอยู่ฉินซานตื่นเต้นจนอยากจะพุ่งเข้าไปช่วยหานเหมยออกมาขันทีโม่คว้าตัวเขาไว้แล้วกระซิบ “อย่าหุนหัน