ภายใต้สายตาที่มองเห็นทุกสิ่งอย่างทะลุปรุโปร่งนั้น หลิงอวี๋รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไรก็ล้วนไร้ประโยชน์เย่ซงเฉิงเป็นปรมาจารย์ ขอเพียงเขาต้องการจะทำ เขาก็สามารถปรุงน้ำยามาล้างการแปลงโฉมของตนออกได้!หลิงอวี๋ครุ่นคิด แล้วยิ้มออกมาทันที “ที่แท้ปรมาจารย์เย่ก็เป็นเพียงคนธรรมดาเช่นกัน!”ทุกคนต่างจับจ้องหยกหล้าสุขาวดีบนตัวของตน เย่ซงเฉิงเองก็จับจ้องอยู่เช่นกัน หลิงอวี๋มิได้พูดออกมาให้ชัด แค่ใช้วิธีเช่นนี้หยั่งเชิงจุดประสงค์ของเย่ซงเฉิงเท่านั้นเย่ซงเฉิงยิ้มเล็กน้อย แล้วเอ่ยกับตนเอง “ในสมองของเจ้ายังมีเข็มเงินอยู่สี่เล่ม และเข็มเงินเหล่านี้ก็ปิดผนึกความทรงจำของเจ้าเอาไว้!”“ข้าจะปลดเข็มเงินออกจากตันเถียนของเจ้าให้ มันจะเจ็บปวดมาก เจ้าอดทนสักหน่อยนะ!”ยังมิทันที่หลิงอวี๋จะปฏิเสธ เย่ซงเฉิงก็ยกมือขึ้นทันที แล้วร่างกายของหลิงอวี๋ก็ลอยจากพื้นไปอยู่กลางอากาศนางมองเย่ซงเฉิงอย่างประหลาดใจ อยากจะดิ้นรน แต่แขนขาก็คล้ายกับว่ามีตาข่ายที่มองมิเห็นควบคุมอยู่ แม้แต่การขยับนิ้วก็ยังทำมิได้“ผ่อนคลาย! แม่หนู หากข้าคิดจะทำร้ายเจ้า เจ้าก็หนีมิพ้นหรอก!”เสียงของเย่ซงเฉิงเปลี่ยนเป็นนุ่มนวล และมือทั้งสองของเขาก็
“แม่หนู เจ้าว่าเมื่อเห็นโศกนาฏกรรมเหล่านี้แล้ว ชื่อเสียงและผลประโยชน์ยังสำคัญอยู่หรือไม่?”เย่ซงเฉิงมองหลิงอวี๋อย่างแน่วแน่หัวใจของหลิงอวี๋รู้สึกหนักอึ้ง ภาพเหล่านั้นราวกับว่ายังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำ ทำให้ใจของนางรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากเหตุใดเย่ซงเฉิงจึงให้ตนเห็นภาพที่น่าสลดเหล่านี้กัน?“เมื่อเทียบกับการแก้แค้นของธรรมชาติแล้ว ความแค้นระหว่างคนกับคนก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!”เย่ซงเฉิงเอ่ยด้วยเสียงขรึม “หลิงอวี๋ ใต้หล้านี้ไม่มีผู้กอบกู้ที่แน่นอนหรอกนะ แม้ว่าหลงอี้จะยังมีชีวิตอยู่ เขาก็มิสามารถเปลี่ยนแปลงหายนะครั้งนี้ได้เช่นกัน!”“หมอหนึ่งคนมีเพียงแค่สองมือ คนที่สามารถช่วยได้สุดท้ายแล้วก็จะมีจำกัด!”“ส่วนเจ้า เกิดมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม หยกหล้าสุขาวดีเลือกเจ้าแล้ว ก็คือโชคชะตาของเจ้า เจ้าควรใช้ความสามารถของตัวเจ้าเองเพื่อพยายามหยุดยั้งการเกิดโศกนาฏกรรม และช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือ!”หลิงอวี๋มองเย่ซงเฉิงอย่างตกตะลึง นางมีความสำคัญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?ใต้หล้าที่รกร้างและเสื่อมโทรมในแดนภาพลวงตานั้น มีราษฎรที่ไร้ที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมากเช่นนั้น นางจะมีความส
เซียวหลินเทียนเฝ้าดูอยู่บนหลังคา แต่ในห้องมิได้มีเสียงใดทั้งนั้น เมื่อมิได้ยินเสียงในห้องจึงทำให้เขารู้สึกกังวลใจขึ้นมาหลิงอวี๋คงมิถูกเย่ซงเฉิงทำร้ายใช่หรือไม่?เขายกกระเบื้องขึ้น เพราะอยากจะมองลงไป แต่ด้านล่างนั้นเป็นสีขาวทั้งหมด มองมิเห็นสิ่งใดทั้งนั้นในขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังคิดว่าจะพุ่งลงไปโดยมิสนใจอะไรทั้งนั้น เขาก็ได้ยินเสียงเย่ซงเฉิงเปิดประตูออกมาเซียวหลินเทียนมองไปทันที แล้วก็เห็นว่าแสงสีขาวนั้นสลายไปแล้ว และหลิงอวี๋ก็ยืนอยู่ภายในห้องนางมิได้เป็นอะไร!เซียวหลินเทียนถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ยังมิทันที่เขาจะดันตัวออก ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของหลิงอวี๋เสียก่อน “ลงมา!”เอ่อ ถูกจับได้เสียแล้ว!เซียวหลินเทียนครุ่นคิดแล้วก็กระโดดลงมาจากหลังคาเมื่อหลิงอวี๋เห็นคนที่ซ่อนตัวอยู่บนหลังคาอย่างชัดเจนว่าเป็นเซียวหลินเทียน นางก็ตะลึงไปเล็กน้อยเซียวหลินเทียนมิรอให้หลิงอวี๋เอ่ยปาก เขาก็เอ่ยออกมาก่อนด้วยเสียงทุ้ม “ข้ามิได้มีเจตนาร้ายต่อเจ้านะ! แม้ว่าที่ตัวเจ้าจะมีหยกหล้าสุขาวดี ข้าก็จะไม่มีทางทำอะไรเจ้าแน่!”“อาอวี๋ ข้ายอมตายเสียดีกว่าที่จะทำร้ายเจ้า!”“ข้ารู้ว่าเจ้าสูญเสียความทรงจำ
“น้องหญิง!”หลิงอวี๋แทบจะหลุดปากเรียกออกมาแต่จากนั้นนางก็รู้สึกระแวงขึ้นมา ตัวตนของนางมิได้เปิดเผยกับภายนอก แล้วน้องสาวตามหานางเจอได้อย่างไรกัน?ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ทำการแปลงโฉมแล้วด้วย มิได้เป็นแบบก่อนหน้านี้ แล้วเหตุใดเสี่ยวอวี้มาถึงได้ก็เรียกตนว่าพี่หญิงเลยเล่า?หรือว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงมิยอมแพ้ และเมื่อแผนแรกล้มเหลวก็มีแผนใหม่ขึ้นมาอีก และคิดจะใช้เสี่ยวอวี้มาพิสูจน์ตัวตนของตน?มิแน่ว่าเวลานี้พวกของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอาจจะซ่อนตัวอยู่ในความมืดและสังเกตปฏิกิริยาของนางอยู่ก็เป็นได้ขอเพียงตนยอมรับ มิเพียงแต่ตนจะตกอยู่ในอันตราย แต่เสี่ยวอวี้ก็จะตกอยู่ในอันตรายด้วยเช่นกัน!“เสี่ยวอวี้ พี่หญิงอะไร? แม่นาง เจ้าจำคนผิดหรือไม่? ข้ามิรู้จักเจ้า!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่หานเหมยตะลึงไป นางคิดว่าหากตนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแล้ว หลิงอวี๋จะจำตนได้ ไหนเลยจะคิดว่าหลิงอวี๋จะปฏิเสธเสียแล้ว“ข้าเข้าไปคุยได้หรือไม่?”หานเหมยกังวลว่าข้างนอกจะมีสายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยและตระกูลเฉียวอยู่ หากอยู่ข้างนอกนาน ๆ จะทำให้คนสงสัย นางจึงกระซิบ “พวกเราเข้าไปคุยกันให้ละเอียดเถิด!”หลิงอวี๋มีหรือจะหลงกล วัน
นายน้อย? ท่านอดีตเสนาบดี? แม่นมลี่?หลิงอวี๋มองหานเหมยอย่างงุนงง ชื่อเหล่านี้ฟังดูคุ้นหู ราวกับว่าอยู่อีกโลกหนึ่ง...“นายน้อยคือผู้ใด?”หลิงอวี๋อดมิได้ที่จะเอ่ยถามออกไป“เยวี่ยเยวี่ย พระโอรสของท่านเพคะ!”หานเหมยเอ่ยออกไปอย่างกระตือรือร้นว่า หลิงเยวี่ยฉลาดและรู้ความอย่างไรบ้าง...แต่นางเพิ่งจะพูดไปได้มิกี่ประโยค ก็ถูกหลิงอวี๋ขัดขึ้นมาก่อน “ลูกชายของข้ายังมีชีวิตอยู่หรือ?”เป็นไปได้อย่างไร!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยบอกว่าลูกชายของนางถูกเซียวหลินเทียนเตะจนซี่โครงสองซี่ และตายไปแล้ว“ยังมีชีวิตอยู่เพคะ!”หานเหมยนึกถึงคำพูดของเซียวหลินเทียนขึ้นมา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะต้องพูดสิ่งมิดีกับหลิงอวี๋ไปมิน้อยเพื่อสร้างความขัดแย้งอย่างแน่นอน หรือจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะบอกฮองเฮาว่านายน้อยตายไปแล้ว?“ฮองเฮา เช่นนั้นท่านบอกบ่าวดีหรือไม่เพคะว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยพูดอะไรกับท่านบ้าง บ่าวจะอธิบายให้ท่านฟังทีละเรื่องเพคะ!”หานเหมยมิรู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน จึงจะอธิบายให้หลิงอวี๋ฟังได้ชัดเจน ดังนั้นนางจึงเอ่ยออกไปเช่นนี้“เริ่มจากลูกชายของข้าก่อน เซียวหลินเทียนได้เตะจนซี่โครงของเขาหักหรือไม่?”หลิงอวี๋กัดฟันและเอ่ยถามออก
หลิงอวี๋คิดไปเรื่อยเปื่อยจนผล็อยหลับไปเช้าวันรุ่งขึ้น ยังมิทันที่นางจะตื่น ก็ได้ยินเย่หรงเรียกอยู่ข้างนอกแล้ว “เสี่ยวชี! เสี่ยวชี!”“คุณชายเย่ คุณหนูของข้ายังมิตื่น ขอท่านอย่ารบกวนนางเลยเจ้าค่ะ ให้นางนอนต่ออีกสักหน่อยเถิด!”หานเหมยเปิดประตู แล้วให้เย่หรงเข้ามาหลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาแล้วจึงรีบลุกขึ้น เมื่อหานเหมยได้ยินเสียงจึงนำน้ำมาให้นางหลิงอวี๋มองหานเหมยอย่างเงียบ ๆ มิว่าสตรีผู้นี้จะเป็นคนที่เซียวหลินเทียนส่งมาคอยจับตามองนางหรือไม่ ขอเพียงนางมิทำร้ายตน ตนก็จะมิทำให้นางลำบากหากนางอยากจะอยู่ก็ให้นางอยู่ไปเถิด!“บ่าวเปลี่ยนยาให้พี่สิงแล้ว เขาดูดีขึ้นมากทีเดียวเจ้าค่ะ!” หานเหมยเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้กาลเทศะ“อืม ขอบคุณ!”หลิงอวี๋รีบล้างหน้าล้างตาแล้วเดินออกไป“เสี่ยวชี เจ้า… เจ้าคือหลิงอวี๋จริง ๆ หรือ?”เย่หรงเห็นหานเหมยเดินออกไปแล้ว เขาจึงจ้องหลิงอวี๋แล้วเอ่ยถามออกมา“หากใช่แล้วอย่างไร หากมิใช่แล้วอย่างไร?”หลิงอวี๋ยิ้มบาง ๆ แล้วเอ่ยออกมาเย่หรงตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบ “เจ้าคิดว่าข้าเหมือนกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยและคนอื่น ๆ ที่อยากจะพบเจ้าเพื่อหยกหล้าสุขาวดีของเจ
หลิงอวี๋ได้ฟังแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก แต่ก็ยังมิกล้าชะล่าใจ แม้เย่ซงเฉิงจะดูไม่มีความเป็นศัตรูกับตนแต่ก็ใช่ว่าคนอื่น ๆ ในตระกูลเย่จะไม่มีความคิดอะไรเกี่ยวกับตนเอง“เย่หรง พวกเราต้องรีบกันแล้ว เรื่องที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยและฮูหยินเฉียวสร้างปัญหาไว้เมื่อวานนี้ แม้ว่าจะมิสามารถพิสูจน์ตัวตนของข้าได้ แต่จะต้องทำให้คนอีกมากสงสัยในตัวตนของข้าอย่างแน่นอน!”“พวกเราต้องช่วยเจ้าช่วยเหลือท่านแม่ของเจ้าออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด แล้วไปจากเมืองหลวงแดนเทพเสีย!”เมื่อเย่หรงเห็นว่าในตอนนี้หลิงอวี๋ก็ยังคงคิดที่จะช่วยเหลือท่านแม่ของตน ความรู้สึกเคียดแค้นที่นางปกปิดตัวตนกับเขาก็หายไปแล้วรอบตัวหลิงอวี๋เต็มไปด้วยศัตรู ดังนั้นการที่นางระมัดระวังจึงมิได้ผิดเขาเอ่ยออกมาด้วยเสียงขรึม “หากคิดจะช่วยท่านแม่ของข้าก็จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพเฉิง เจ้ามีวิธีรักษาฮูหยินของเขาหรือไม่?”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ปรมาจารย์เย่ช่วยปลดเข็มเงินออกให้ข้าแล้ว ข้าสามารถใช้หยกหล้าสุขาวดีได้แล้ว! เจ้าให้เวลาข้าหนึ่งวัน ข้าจะต้องตรวจได้แน่นอนว่าฮูหยินเฉิงถูกพิษชนิดใด!”“เย่หรง ข้าจะให้โสมเก้าคดแก่เจ้า เจ้านำไปขายเสีย พวก
สุดท้ายแล้วพวกของเถ้าแก่เหมียวก็ถูกไป่หลี่ไห่ไล่ออกไปเถ้าแก่เหมียวมีหรือจะทนได้ เขากลับบ้านไปคิดแล้วคิดอีก แล้วก็รู้สึกว่าไป่หลี่ไห่คิดว่าตระกูลของตนไม่มีคุณค่าที่จะใช้ประโยชน์แล้ว จึงคิดจะกำจัดตระกูลเหมียวให้สิ้นซากครั้งนี้ตระกูลของตนช่วยไป่หลี่ไห่จัดการกับสิงอวี๋ จนกระทั่งทำให้หลงเพ่ยเพ่ยขุ่นเคืองไปแล้วไป่หลี่ไห่คิดว่าใช้งานเสร็จแล้วจะถีบหัวส่ง เช่นนั้นครอบครัวของตนจะยังมีหนทางรอดชีวิตหรือ?เถ้าแก่เหมียวตัดสินใจแล้วให้ฮูหยินเหมียวเก็บของมีค่าตลอดทั้งคืน และถือโอกาสก่อนรุ่งสางเช่าเรือลำหนึ่งส่งภรรยากับลูกและครอบครัวทั้งหมดขึ้นเรือไปสุดท้ายเถ้าแก่เหมียวก็พาพ่อบ้านและเหล่าคนรับใช้ที่ไว้ใจได้ให้ทำการคัดลอกสำเนาเรื่องที่มิอาจให้ใครรับรู้ทั้งหมดที่ไป่หลี่ไห่ให้ตนและเหมียวหยางทำมาตลอดหลายปี รวมถึงเรื่องที่ว่าไป่หลี่ไห่ขอทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลตนไว้หลายชุด จากนั้นก็นำไปติดประกาศตามถนนใหญ่และตรอกซอกซอยก่อนรุ่งสางเถ้าแก่เหมียวถือโอกาสในยามกลางคืนออกจากบ้านแล้วหนีไป แต่การกระทำเช่นนี้ของเขา กลับทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในเมืองหลวงแดนเทพมิน้อยเลยทีเดียวในยามรุ่งสาง ตามท้องถนนและ
“ท่านผู้นำตระกูลเย่ อย่านะเจ้าคะ!”หยางหงหนิงได้ยินเช่นนั้นก็ตะโกนขึ้นมาทันที “เย่หรงทำกระไรผิดท่านลงโทษเขาก็พอแล้ว อย่าไล่เขาออกจากตระกูลเย่เลยนะเจ้าคะ!”“พี่หรง ท่านยอมรับผิดต่อหน้าท่านพ่อสิ แล้วก็ขอโทษ…”เย่หรงจ้องมองหยางหงหนิงอย่างรังเกียจ แล้วตะคอกตัดบทนางอย่างโกรธเคือง “ข้ามิได้ผิด อย่าว่าแต่เขาจะตัดชื่อข้าออกจากตระกูลเย่เลย ต่อให้จะสังหารข้า ข้าก็มิขอโทษ… แค่ก…”ทันทีที่เขาโกรธก็กระอักเลือดไหลลงมาตามมุมปากจนย้อมเสื้อตรงอกเป็นสีแดงฉานหลิงอวี๋ด่าทอออกมาด้วยความโกรธ “หุบปากไปเสีย คนอื่นมิสนใจเจ้า แล้วเจ้ายังจะมิสนใจร่างกายของตนเองอีกหรือ?”“ใจเย็น ๆ วันนี้มีเรื่องสำคัญ มิคุ้มที่จะเอาชีวิตตนเองไปเสี่ยงหรอก!”หลิงอวี๋หยิบผ้าออกมาแล้วเช็ดเลือดที่มุมปากให้เย่หรง จากนั้นนางก็เอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น “ก็แค่ออกจากตระกูลเย่มิใช่หรือ? มิต้องกังวล แม้ว่าจะไม่มีตระกูลเย่ ก็ยังมีพี่หญิงที่ยังรับเจ้าอยู่!”“ในภายภาคหน้ามิว่าจะไปที่ใด พี่หญิงก็จะอยู่กับเจ้าเสมอ!”พี่หญิงหลิงหลิง!ดวงตาของเย่หรงมีน้ำตาคลอขึ้นมาทันทีนี่ต่างหากที่เป็นครอบครัว!มิว่าเขาจะถูกหรือผิดก็ยืนอยู่เคียงข้างเขาเส
เย่หมิงเห็นดวงตาสีแดงของเย่หรงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ยังมิทันที่จะได้โต้ตอบออกไป เย่หรงก็กระโจนเข้ามากอดเอวเขาไว้แล้วดันเขาไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว“ลงมือสิ ลงมือเสียตรงนี้ หากวันนี้พวกเจ้ามิสังหารข้า พวกเจ้าก็คือไอ้ลูกหมา!”เย่หรงตะคอกออกมาด้วยความโกรธ จากนั้นก็คว้าสายคาดเอวของเย่หมิงแล้วยกเขาขึ้นมาเนื่องจากเย่หมิงก็คือคนที่เย่ซื่อเจียงสอนมาด้วยตนเอง เขาจึงพลิกตัวกลางอากาศ เมื่อหลุดจากมือของเย่หรงแล้ว เขาก็ฟาดฝ่ามือเข้าที่หน้าอกของเย่หรงกร็อบ!เมื่อเย่หรงได้ยินเสียงซี่โครงหน้าอกของตนหัก เขาก็กัดริมฝีปากล่างแน่น แล้วกลืนเลือดที่จุกอยู่ที่ลำคอกลับไปยังมิทันที่เย่หมิงจะลงสู่พื้น เย่หรงก็ฟาดฝ่ามือโจมตีเข้าที่หน้าอกของเขาอย่างรุนแรงตาต่อตา ฟันต่อฟัน เย่หรงก็แค่อยากใช้วิธีที่เย่หมิงทำกับตนทำกับเขาบ้าง!เพียงแต่ฝ่ามือของเย่หรงยังโจมตีไปมิถึงตัวของเย่หมิง เขาก็ได้ยินเสียงตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยวดังก้องมา “เจ้าเดรัจฉาน เจ้าคิดว่าบ้านตระกูลเย่เป็นสถานที่ที่เจ้าจะอาละวาดได้หรือ? ยังมิหยุดอีก!”เย่ซื่อเจียง!เย่หรงมิสามารถหยุดมือได้ กระแสพลังฝ่ามือจึงนำพาความโกรธโจมตีไปทางเย่หมิงแต
เย่ซื่อเจียงสอนการต่อสู้ให้เย่หมิงและคนอื่น ๆ เย่หรงเองก็อยากเรียนเช่นกัน แต่เย่ซื่อเจียงบอกว่าเขาไร้ซึ่งพรสวรรค์ และไล่เขาออกจากหอฝึกยุทธ์เมื่อลูก ๆ ของตระกูลเย่ไปหออักษรเขาก็ตามไปด้วย แต่ก็ไปได้มิกี่วัน เนื่องจากเขามาสายกลับเร็ว และทะเลาะวิวาทในหออักษรจึงถูกครูไล่ออกใครจะสนใจความจริงในเรื่องนี้เล่า?เขามาสายเพราะถูกคนรับใช้ใส่หมาฝู่ส่านลงในน้ำ จึงหลับเกินเวลาและที่กลับเร็วก็เพราะว่าเย่ซวินใส่ยาระบายลงในอาหารของเขา ทำให้เขาขับถ่ายรดกางเกงส่วนการทะเลาะวิวาทที่ว่าก็เพราะเย่ซวินตัดผมของเขา เขาโกรธมากจึงทะเลาะกับเย่ซวิน!และเพราะไม่มีใครปกป้องท่านแม่ของตน ความอยุติธรรมที่เขาต้องทนทุกข์เหล่านี้จึงไม่มีใครตัดสินให้เขาลูกชายที่มิเอาไหนของตระกูลเย่จึงถูกตัดสินเช่นนี้!เมื่อผู้คนเอ่ยถึงเขา ก็ล้วนเป็นน้ำเสียงดูถูกว่าเขาเป็นลูกชายที่เกเรของตระกูลเย่!ในครอบครัวนี้ นอกจากท่านอาสามที่จริงใจต่อเย่หรงแล้ว คนอื่น ๆ มีใครบ้างที่สนใจเขา?ความโกรธที่สะสมมานานของเย่หรง ก่อนหน้านี้ไม่มีเป้าหมายใดและเพียงแต่ใช้ชีวิตไปวัน ๆทว่ายามนี้เขามีแผนการที่สามารถช่วยท่านแม่ออกมาได้แล้ว อีกทั้งยังได้พ
เย่หรงนำโสมเก้าคดวิ่งรอบไปตลอดทั้งวัน แต่สุดท้ายก็ยังขายมิออกของล้ำค่าหายากเช่นนี้ หากขายในราคาต่ำไปเขาก็ทำใจมิได้ ทว่ายามนี้จะขายในราคาสูงก็หาผู้ซื้อมิได้อีกเย่หรงครุ่นคิดว่าถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังจากไปมิได้อยู่แล้ว เช่นนั้นก็รอดูสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากันดีกว่าเขากลับมาที่บ้านตระกูลเย่ เพิ่งจะมาถึงหน้าประตูก็ได้พบเข้ากับเย่ซวินและเย่หมิงซึ่งเป็นลูกชายคนโตและคนเล็กของเย่ซื่อเจียง“พี่ใหญ่ พี่สาม!”เย่หรงหลุบตาลง ทักทายแล้วคิดจะเดินเข้าไปเย่หมิงมองเย่หรงอย่างรังเกียจ ลูกชายของอนุผู้นี้เป็นศิษย์ที่มิเอาไหนของตระกูลเย่ เอาแต่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ และผูกมิตรกับคนทุกชนชั้นพวกเขาล้วนมิชอบเย่หรงแต่ท่านผู้เฒ่าเย่มองเขาด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป ทำให้เย่หมิงและพี่น้องคนอื่น ๆ ยิ่งรังเกียจเขา“วัน ๆ เอาแต่ออกไปข้างนอก หากมีเวลาเช่นนั้นก็ช่วยงานในบ้านสักหน่อย อย่างน้อยก็ดีกว่าเอาแต่ นอน ๆ มิทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน!”เย่หมิงคือคนที่เย่ซื่อเจียงสอนด้วยตนเอง ปีนี้อายุยี่สิบห้า และแต่งงานไปแล้ว รูปแบบการกระทำของเขาจะค่อนข้างมีลักษณะน่าเกรงขามแบบเย่ซื่อเจียง จึงวางท่าทีแบบพี่ชายคนโตแล้วตำหนิออกมา
“ท่านพ่อ เหตุใดท่านมิบอกเสด็จปู่เรื่องที่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของเสด็จทวดอี้หลุดออกไปภายนอกเล่าเพคะ?”หลงเพ่ยเพ่ยเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง “เมื่อก่อนเป็นเพียงตำนานมิได้ถือว่าเป็นจริง ทว่ายามนี้เนื่องด้วยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามชิ้นนี้หลุดออกไปทำให้ข่าวลือกระจายทั่วยุทธภพแล้ว ถึงอยากจะปกปิดก็ปิดมิอยู่หรอกเพคะ!”“แม้ว่าท่านลุงเจ้าแห่งทะเลจะต้องการปกปิดทุกอย่างไว้ เขาก็ปิดมิได้เช่นกัน มิช้าก็เร็วเสด็จปู่ก็จะรู้เรื่อง!”เจ้าแห่งทิศใต้ยิ้มเยาะ “ข่าวลือคืออะไรเล่า? คือเรื่องที่มิได้รับการยืนยันมิใช่หรือ!”“เจ้าบอกว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สามชิ้นหลุดออกไป เช่นนั้นเจ้าเคยเห็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สามชิ้นนี้หรือไม่?”“เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว มีข่าวลือว่าหยกหล้าสุขาวดีหลุดออกไป แต่ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว เจ้าเคยเห็นหยกหล้าสุขาวดีหรือไม่?”“เพ่ยเพ่ย ข่าวลือเหล่านี้เจ้าคิดว่าเสด็จปู่ของเจ้าจะมิรู้หรือ? แต่เนื่องจากไม่มีหลักฐาน ดังนั้นท่านลุงเจ้าแห่งทะเลของเจ้าจึงสามารถปกปิดความจริงหลอกลวงเสด็จปู่ของเจ้าได้!”“หากพวกเราใช้เรื่องที่มิได้รับการยืนยันไปกล่าวหาท่านลุงเจ้าแห่งทะเลของเจ้า เสด็จปู่ของเจ้
ตอนแรกชายาเจ้าแห่งทะเลและเจ้าแห่งทะเลออกตามล่าหลานฮุ่ยจวนโดยมิเสียดายสิ่งใดทั้งนั้น เพราะต้องการจะกดเรื่องนี้เอาไว้เพื่อทำให้แผ่นดินของตระกูลหลงมั่นคงเวลานี้ก็มิยกเว้นเช่นกัน!ชายาเจ้าแห่งทะเลกำลังครุ่นคิดอยู่ และรีบคิดหามาตรการรับมืออย่างรวดเร็วจนกระทั่งถึงตอนนี้ มหาเทพหลงยังมิรู้ว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สามชิ้นของหลงอี้กระจัดกระจายอยู่ข้างนอก หากเขารู้เข้า นางและเจ้าแห่งทะเลจะเป็นคนแรกที่ถูกมหาเทพหลงลงโทษเรื่องนี้จำเป็นต้องแก้ไขโดยด่วน!“เจ้าบอกว่าตอนนี้สิงอวี๋เป็นศิษย์ของเย่ซื่อฝานหรือ?”ก่อนหน้านี้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิสนใจเรื่องพวกนี้ แล้วนางก็มิเข้าใจสิ่งเหล่านี้ด้วย“ขอรับ!”ไป่หลี่ไห่เอ่ยออกมาเก้อเขิน “ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่านางเป็นเพียงเด็กสาวชนบทธรรมดา และมิได้ใส่ใจ ดังนั้นข้าน้อยจึงละเลยไปขอรับ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลจ้องมองไป่หลี่ไห่อย่างดุร้ายเรื่องที่เย่ซงเฉิงกลับมาแล้วชายาเจ้าแห่งทะเลก็รู้แล้วเช่นกัน หากคิดที่จะพาหลิงอวี๋ไปจากมือของเย่ซงเฉิงก็แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปมิได้เลย!ท่านผู้เฒ่าตระกูลเย่ผู้นั้นก็เป็นคนดื้อรั้นคนหนึ่งเช่นกัน เมื่อก่อนเจ้าแห่งทะเลพยายามที่จะดึงเข
สุดท้ายแล้วพวกของเถ้าแก่เหมียวก็ถูกไป่หลี่ไห่ไล่ออกไปเถ้าแก่เหมียวมีหรือจะทนได้ เขากลับบ้านไปคิดแล้วคิดอีก แล้วก็รู้สึกว่าไป่หลี่ไห่คิดว่าตระกูลของตนไม่มีคุณค่าที่จะใช้ประโยชน์แล้ว จึงคิดจะกำจัดตระกูลเหมียวให้สิ้นซากครั้งนี้ตระกูลของตนช่วยไป่หลี่ไห่จัดการกับสิงอวี๋ จนกระทั่งทำให้หลงเพ่ยเพ่ยขุ่นเคืองไปแล้วไป่หลี่ไห่คิดว่าใช้งานเสร็จแล้วจะถีบหัวส่ง เช่นนั้นครอบครัวของตนจะยังมีหนทางรอดชีวิตหรือ?เถ้าแก่เหมียวตัดสินใจแล้วให้ฮูหยินเหมียวเก็บของมีค่าตลอดทั้งคืน และถือโอกาสก่อนรุ่งสางเช่าเรือลำหนึ่งส่งภรรยากับลูกและครอบครัวทั้งหมดขึ้นเรือไปสุดท้ายเถ้าแก่เหมียวก็พาพ่อบ้านและเหล่าคนรับใช้ที่ไว้ใจได้ให้ทำการคัดลอกสำเนาเรื่องที่มิอาจให้ใครรับรู้ทั้งหมดที่ไป่หลี่ไห่ให้ตนและเหมียวหยางทำมาตลอดหลายปี รวมถึงเรื่องที่ว่าไป่หลี่ไห่ขอทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลตนไว้หลายชุด จากนั้นก็นำไปติดประกาศตามถนนใหญ่และตรอกซอกซอยก่อนรุ่งสางเถ้าแก่เหมียวถือโอกาสในยามกลางคืนออกจากบ้านแล้วหนีไป แต่การกระทำเช่นนี้ของเขา กลับทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในเมืองหลวงแดนเทพมิน้อยเลยทีเดียวในยามรุ่งสาง ตามท้องถนนและ
หลิงอวี๋ได้ฟังแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก แต่ก็ยังมิกล้าชะล่าใจ แม้เย่ซงเฉิงจะดูไม่มีความเป็นศัตรูกับตนแต่ก็ใช่ว่าคนอื่น ๆ ในตระกูลเย่จะไม่มีความคิดอะไรเกี่ยวกับตนเอง“เย่หรง พวกเราต้องรีบกันแล้ว เรื่องที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยและฮูหยินเฉียวสร้างปัญหาไว้เมื่อวานนี้ แม้ว่าจะมิสามารถพิสูจน์ตัวตนของข้าได้ แต่จะต้องทำให้คนอีกมากสงสัยในตัวตนของข้าอย่างแน่นอน!”“พวกเราต้องช่วยเจ้าช่วยเหลือท่านแม่ของเจ้าออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด แล้วไปจากเมืองหลวงแดนเทพเสีย!”เมื่อเย่หรงเห็นว่าในตอนนี้หลิงอวี๋ก็ยังคงคิดที่จะช่วยเหลือท่านแม่ของตน ความรู้สึกเคียดแค้นที่นางปกปิดตัวตนกับเขาก็หายไปแล้วรอบตัวหลิงอวี๋เต็มไปด้วยศัตรู ดังนั้นการที่นางระมัดระวังจึงมิได้ผิดเขาเอ่ยออกมาด้วยเสียงขรึม “หากคิดจะช่วยท่านแม่ของข้าก็จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพเฉิง เจ้ามีวิธีรักษาฮูหยินของเขาหรือไม่?”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ปรมาจารย์เย่ช่วยปลดเข็มเงินออกให้ข้าแล้ว ข้าสามารถใช้หยกหล้าสุขาวดีได้แล้ว! เจ้าให้เวลาข้าหนึ่งวัน ข้าจะต้องตรวจได้แน่นอนว่าฮูหยินเฉิงถูกพิษชนิดใด!”“เย่หรง ข้าจะให้โสมเก้าคดแก่เจ้า เจ้านำไปขายเสีย พวก
หลิงอวี๋คิดไปเรื่อยเปื่อยจนผล็อยหลับไปเช้าวันรุ่งขึ้น ยังมิทันที่นางจะตื่น ก็ได้ยินเย่หรงเรียกอยู่ข้างนอกแล้ว “เสี่ยวชี! เสี่ยวชี!”“คุณชายเย่ คุณหนูของข้ายังมิตื่น ขอท่านอย่ารบกวนนางเลยเจ้าค่ะ ให้นางนอนต่ออีกสักหน่อยเถิด!”หานเหมยเปิดประตู แล้วให้เย่หรงเข้ามาหลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาแล้วจึงรีบลุกขึ้น เมื่อหานเหมยได้ยินเสียงจึงนำน้ำมาให้นางหลิงอวี๋มองหานเหมยอย่างเงียบ ๆ มิว่าสตรีผู้นี้จะเป็นคนที่เซียวหลินเทียนส่งมาคอยจับตามองนางหรือไม่ ขอเพียงนางมิทำร้ายตน ตนก็จะมิทำให้นางลำบากหากนางอยากจะอยู่ก็ให้นางอยู่ไปเถิด!“บ่าวเปลี่ยนยาให้พี่สิงแล้ว เขาดูดีขึ้นมากทีเดียวเจ้าค่ะ!” หานเหมยเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้กาลเทศะ“อืม ขอบคุณ!”หลิงอวี๋รีบล้างหน้าล้างตาแล้วเดินออกไป“เสี่ยวชี เจ้า… เจ้าคือหลิงอวี๋จริง ๆ หรือ?”เย่หรงเห็นหานเหมยเดินออกไปแล้ว เขาจึงจ้องหลิงอวี๋แล้วเอ่ยถามออกมา“หากใช่แล้วอย่างไร หากมิใช่แล้วอย่างไร?”หลิงอวี๋ยิ้มบาง ๆ แล้วเอ่ยออกมาเย่หรงตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบ “เจ้าคิดว่าข้าเหมือนกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยและคนอื่น ๆ ที่อยากจะพบเจ้าเพื่อหยกหล้าสุขาวดีของเจ