แชร์

บทที่ 1963

ผู้เขียน: กานเฟย
“น้องหญิง เหตุใดมิวิ่งไปเล่า? เสือตามมาแล้ว!”

ผู้รอบรู้วิ่งไปก็มองด้านหลังอย่างระแวงไป เขาหันกลับมาเห็นหลิงอวี๋ยืนนิ่งค้างอยู่ จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ไม่มีทางให้ไปแล้ว!”

หลิงอวี๋ชี้ไปข้างหน้า แล้วจู่ ๆ ก็มีความคิดแวบเข้ามา จึงตะโกนออกไป “พี่ชาย ข้ามีวิธีแล้ว! รีบตามข้ามาเร็วเข้า!”

“ท่านเห็นเถาวัลย์หลาย ๆ เส้นที่อยู่ตรงขอบหน้าผาหรือไม่? พวกเราล่อเสือไปที่ขอบหน้าผาแล้วกระโดดลงไป จากนั้นก็คว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้กันเถิด!”

“เถาวัลย์เหล่านั้นแข็งแรงมาก จะต้องรองรับน้ำหนักของพวกเราไว้ได้อย่างแน่นอน!”

หลิงอวี๋ยังพูดมิทันจบ เสือก็กระโจนเข้ามาแล้ว และลมที่มีกลิ่นคาวที่มันพามาด้วยก็ทำให้หลิงอวี๋อยากจะอาเจียนออกมา

และในความตื่นตระหนกนั้น นางก็รีบกระโดดขึ้นแล้วพุ่งไปที่ขอบหน้าผาอย่างรวดเร็ว

แต่ก็ยังห่างอยู่อีกหลายเมตรทีเดียว หลิงอวี๋ยังคงไปมิถึงที่ขอบหน้าผา แล้วเสือก็กระโจนเข้าใส่นาง มันอ้าปากที่เต็มไปด้วยเลือด แล้วกัดไปที่คอของหลิงอวี๋

“น้องหญิง!”

เมื่อผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็กรีดร้องออกมา แล้วเหวี่ยงกระบี่ไปที่เสือ เมื่อเสือรู้สึกถึงอันตราย มันจึงเบี่ยงหัวหนีไป ทำให้กระบี่ของผู้รอบรู้
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1964

    “เสือมาแล้ว!”ในตอนที่เซียวหลินเทียนเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยพร้อมด้วยคนที่กำลังวิ่งหนีเหล่านั้นมุ่งหน้ามา ที่มุมริมฝีปากของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มที่มีความหมายขึ้นมาทันทีก่อนหน้านี้ตนวางแผนให้หานอวี้ล่อลวงให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมา มิคาดคิดเลยว่าโอกาสจะเข้ามาหาถึงที่เช่นนี้เขามองหาทิศทางที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยวิ่งหนี แล้วก็วิ่งเข้าไปหานางมิรู้ว่าหลิงอวี๋วิ่งหนีไปที่ใดแล้ว ดังนั้นเขาขอจัดการกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก่อนแล้วค่อยไปตามหานางแล้วกันจ้าวหรุ่ยหรุ่ยวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนกโดยมิมองทาง แม้ว่านางจะรู้ตัวแล้วว่าเซียวหลินเทียนตามตนมา แต่ก็มิได้ระวังตัว คิดเพียงว่าอีกฝ่ายก็คงหนีเสืออยู่เหมือนกันด้วยจำนวนของเสือนั้นมีจำกัด เมื่อคนที่วิ่งหนีแยกทางกันออกเป็นหลายทาง จึงทำให้ความสนใจของเสือถูกแยกออกไปจ้าวหรุ่ยหรุ่ยวิ่งไปอีกสักพัก เมื่อนางมิได้ยินเสียงคำรามของเสือแล้ว นางจึงถอนหายใจโล่งอกไปได้นางพิงต้นไม้แล้วหายใจพลางหันกลับไปมองอย่างระมัดระวังบุรุษที่ตามตนมาเมื่อครู่ก็หายไปแล้วเช่นกัน เขาคงจะหนีไปทางอื่นแล้วจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมองไปรอบ ๆ พยายามแยกแยะทิศทางที่จะออกไปจากป่าทึบนี้แต่รอบ ๆ ล้วนเป็นต้นไม้ใหญ่ส

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1965

    แต่มีหรือที่เซียวหลินเทียนจะหลงกลจ้าวหรุ่ยหรุ่ย เขาเข้าสนามรบตั้งแต่อายุยังน้อยมาก แล้วเขาจะมิเข้าใจวิธีการถามคำถามล่อศัตรูเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!“ดูป่าลึกแห่งนี้เถิด ข้างหน้าไม่มีหมู่บ้าน ข้างหลังก็ไม่มีร้านค้า คนที่ร่วมเดินทางมากับเจ้าก็ล้วนหนีไปกันหมดมิเหลือร่องรอยใด ๆ แล้ว!”“จ้าวหรุ่ยหรุ่ย เจ้าคิดว่าข้าจับเจ้าได้แล้ว ข้าจะปล่อยให้เจ้าหนีไปได้ง่าย ๆ รึ?”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเหยียดหยาม“การให้ข้าซักถามเจ้า มิสู้เจ้าสารภาพมาเองว่าเจ้าทำอะไรกับฮองเฮาของข้าไปบ้าง?”“หากเจ้ายอมรับสารภาพดี ๆ มิแน่ว่าข้าอาจเมตตาให้เจ้าตายแบบศพครบถ้วนก็ได้!”หัวใจของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจมดิ่งลงน้ำเสียงนี้ของเซียวหลินเทียนแสดงให้เห็นว่า เขามิคิดที่จะปล่อยตนไปแล้ว!เช่นนั้นหากตนเอ่ยออกไปก็ต้องตาย มิเอ่ยออกไปก็ต้องตายเช่นกัน แล้วเหตุใดตนจะต้องทำให้เซียวหลินเทียนสมปรารถนาด้วยเล่า!ทันทีที่มุมปากของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกระตุกขึ้นอย่างเย้ยหยัน เซียวหลินเทียนก็เห็นแล้ว“จ้าวหรุ่ยหรุ่ย เจ้ากำลังคิดว่าหากบอกก็ตาย มิบอกก็ตาย แล้วเหตุใดจะต้องบอกใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “หากเจ้ามีความคิดเช่นนี้

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1966

    ราวกับเป็นการพิสูจน์ว่าตนมิได้โกหก เซียวหลินเทียนยกมือขึ้น จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นเพียงแสงสะท้อนจากคมกริชเย็นเยียบวาบผ่านตรงหน้า แล้วใบหน้าก็รู้สึกเย็นขึ้นมาในทันที...กระทั่งเซียวหลินเทียนถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างเยาะเย้ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนใบหน้าขึ้นมา แล้วหยดเลือดนับมิถ้วนไหลลงมาตามแก้ม“เซียวหลินเทียน ท่านทำอะไรกับหม่อมฉัน?”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยตะโกนออกมาอย่างตื่นตระหนกใบหน้าของนาง?หรือว่าตนจะถูกเซียวหลินเทียนกรีดหน้านับครั้งมิถ้วน เช่นเดียวกับที่ตนทำกับหลิงอวี๋?“ก็ดังที่เจ้าทำกับอาอวี๋… หากเจ้ามิยอมบอกความจริง ก็อย่ามาหาว่าข้าไร้ความปรานี!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างดุร้าย “นี่เพิ่งเริ่มต้น หากเจ้ายังมิบอกความจริงอีก ข้าก็จะตัดเนื้อเจ้าเป็นชิ้น ๆ แล้วป้อนให้เจ้ากินไปเสีย!”เมื่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นความเกลียดชังเต็มเปี่ยมอยู่ในดวงตาของเซียวหลินเทียน ก็รู้ว่าวันนี้ตนมิสามารถหนีจากการทรมานของเขาไปได้แล้ว!หรือว่าวันนี้ตนจะต้องตายอยู่บนภูเขารกร้างแห่งนี้จริง ๆ?ไม่!นางมิยอม!“หม่อม… หม่อมทำอะไรผิด?”จู่ ๆ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ตะโกนขึ้นมา “เซียวหลินเทียน พวกท่านกำลังร

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1

    “หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2

    “อย่าตีท่านแม่ของข้า...” หลังจากที่เสี่ยวเมาล้มบนพื้น กระอักเลือดออกมาแล้วก็คลานเข้าไปหาหลิงอวี๋อย่างไม่ยินยอม ยังคิดที่จะใช้ร่างกายที่อ่อนแอของตนช่วยรับแส้ให้กับนางอีก หลิงอวี๋มองไปยังมุมปากของเสี่ยวเมาที่ยังคงมีเลือดไหลซึม ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านขึ้นมา… ในความทรงจำนั้น หลิงอวี๋ใส่ใจเสี่ยวเมาน้อยนัก ทำให้เสี่ยวเมาที่คลอดมาแข็งแรงมาก กลับยิ่งเลี้ยงดูก็ยิ่งผอมบาง... “ท่านอ๋อง… นี่? โบยต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” มือเฆี่ยนเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ลากลูกนอกสมรสนั่นออกไป โบยต่อ!” ชายหนุ่มสูงส่งราวกับเทพเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นเสี่ยวเมากระอักเลือดออกมา ก็ยังคงดูเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์ดั่งเก่า “เสี่ยวเมา ไปเถอะ ปกตินางก็ไม่ได้ดูแลเจ้าดีนัก เจ้ายังสนใจว่านางจะเป็นตายไปเพื่อเหตุอันใด!” หญิงชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่ออุ้มเสี่ยวเมาได้ก็ออกไป “อย่าตีท่านแม่… ปล่อยข้า!” เสี่ยวเมายังคงร้องตะโกนออกมาอย่างเศร้าโศก ไม่สนใจว่าตรงมุมปากของตนจะมีเลือดไหลออกมา ดิ้นรนอย่างแรงอยู่ในอ้อมแขนของหญิงชรา หญิงชรากอดเขาเอาไว้แน่น มือเฆี่ยนยังคงโบยแส้ลงไปบนกายของหลิงอวี๋ เสี่ยวเมาเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 3

    “ตึกตึก… ตึก...” ไม่รู้ว่าสลบไปนานเท่าใด หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนาฬิกาดังตึกตึกแว่ว ๆ จนลืมตาขึ้นมา... ทันใดนั้น ดวงตาของหลิงยวี่ก็สว่างขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องทดลองอิสระของตนที่วิทยาลัยแพทย์ หรือว่าตนจะเดินทางข้ามเวลากลับมาแล้ว? หลิงอวี๋ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขึ้นมา ทว่าเพียงเคลื่อนไหวร่างกายก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างเจ็บปวด และยังมีเลือดสดไหลออกมา... เธอก้มหัวลงไปมองก็พบว่าร่องรอยบาดเจ็บของแส้ก็ถูกนำกลับมาด้วย! เธออดทนต่อความเจ็บปวดตามหากล่องยา แล้วฉีดยาบาดทะยักให้กับตนเอง ก่อนจะรีบจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็ว มีรอยแส้มากมายอยู่ตรงหน้าอก แผ่นหลัง และบนใบหน้า ล้วนแต่ลึกลงสู่ผิวหนัง มองดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวและโหดร้าย ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจัดการอาการบาดเจ็บบนร่างกายอยู่ทางนี้นั้น ก็ก่นด่าสาปแช่งเซียวหลินเทียนไปพลาง สาปแช่งให้เขาไม่ได้ตายดี ขาดลูกหลานสืบสกุล... เมื่อคำด่า “ขาดลูก” สองคำนี้ออกมา ก็คิดถึงเสี่ยวเมาที่ปกป้องตนจนไม่อาจสาปแช่งต่อไปได้ เธอไม่ได้หวังให้เสี่ยวเมาตายไป! บาดแผลของหลิงอวี๋เพิ่งจะใส่ยาลงไป ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอยมา เ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 4

    หลิงอวี๋คิดที่จะหยิบเครื่องมือและยาเพื่อไปช่วยรักษาเสี่ยวเมา ทว่าประตูห้องใหญ่ก็ถูกเปิดขึ้นในทันที นางรับใช้แม่นมที่อยู่ด้านนอกอาจจะเข้ามาได้ทุกเมื่อ หลิงอวี๋จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม ทำได้เพียงแต่สงบนิ่งรอคอยเวลา พ่อบ้านฟั่นด้านนอกนั้นถูกแม่นมลี่ถามไถ่จนรู้สึกรำคาญใจ จึงใช้เท้าเตะแม่นมลี่ แล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาไร้ปรานี “ไสหัวไป สุนัขดี ๆ จะต้องไม่มาขวางทาง” เมื่อหลิงอวี๋มองออกไป ก็พบว่าแม่นมลี่ถูกผลักจนล้มลงบนพื้นอย่างแรง ดูเหมือนว่า แม่นมลี่เองก็คงจะถูกแส้หวดมาก่อน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บนใบหน้ายังมีคราบเลือดอยู่ไม่น้อย... “แม่นมลี่ เจ้าอย่ามามัวเสียเวลาอีกเลย รีบจัดการเก็บกวาดอยู่ในเรือนบุหงาเสียดี ๆ เถิด!” นางรับใช้ที่ดูหยิ่งยโสคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของแม่นมลี่ เอ่ยออกมาอย่างได้ใจ “พ่อบ้านฟั่นได้เลื่อนขั้นให้ข้าเป็นนางรับใช้ใหญ่แล้ว ต่อไปทุกคนในเรือนบุหงาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของข้า” “ท่านอ๋องทรงรับสั่งมาแล้วว่า หากพวกเจ้ายังจะไม่เชื่อฟัง ข้าก็มีอำนาจทีจะทุบตีพวกเจ้าจนตายได้!” “หลิงผิง เจ้าเป็นนางรับใช้ข้างกายของพระชายา สัญญาทาสยังอยู่ในมือของพระชายา เจ้าม

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 5

    หลิงอวี๋ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนหลุมธรรมดา มีตะเกียงน้ำมันแสงสลัวแขวนอยู่บนกำแพงดินเก่า ๆ ส่วนเสี่ยวเมาที่นอนข้างกายเธอนั้น อาการบาดเจ็บก็สาหัสมากยิ่งขึ้น! หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดตรงหน้าอก นี่เป็นความรู้สึกของเสี่ยวเมาที่เธอรับรู้ได้! หลิงอวี๋คุ้นชินกับความรับรู้ที่เหนือธรรมชาติของตนเองได้แล้ว จึงได้คลานไปอย่างต้องการจะช่วยเสี่ยวเมาตรวจอาการอีกสักครั้ง ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงของคนพูดคุยกันอยู่ด้านนอก น้ำเสียงดูเขินอาย “พี่หลิงหลาน พี่ช่วยไปขอร้องพี่หลิงผิง ให้นางช่วยตามหมอมาให้กับคุณชายน้อยและแม่นมลี่ทีเถิด! แม่นมลี่อายุมากแล้ว นางไม่มีทางทนได้!” หลิงหลานเอ่ยออกมาด้วยความโมโห “แม่นมลี่และข้าถูกเจ้าหมูโง่นั่นทำให้ลำบากแล้ว ต่างก็ถูกเฆี่ยนกันคนละสามสิบครั้ง ทั่วทั้งร่างกายของข้าล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผล! จะมีหมอที่ไหนมาดูพวกเรากัน! ท่านหมอที่มีชื่อในเมืองหลวงล้วนแต่ถูกท่านอ๋องเรียกไปทางด้านของเฮยจื่อหมดแล้ว!” “ข้าเพิ่งจะได้ยินมาว่า หมอเหล่านั้นเองก็มิอาจทำอะไรกับอาการบาดเจ็บของเฮยจื่อได้เลย คุณชายเฮยจื่อหากว่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ พวกเราทั้งหมดคงจะต้องถ

บทล่าสุด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1966

    ราวกับเป็นการพิสูจน์ว่าตนมิได้โกหก เซียวหลินเทียนยกมือขึ้น จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นเพียงแสงสะท้อนจากคมกริชเย็นเยียบวาบผ่านตรงหน้า แล้วใบหน้าก็รู้สึกเย็นขึ้นมาในทันที...กระทั่งเซียวหลินเทียนถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างเยาะเย้ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนใบหน้าขึ้นมา แล้วหยดเลือดนับมิถ้วนไหลลงมาตามแก้ม“เซียวหลินเทียน ท่านทำอะไรกับหม่อมฉัน?”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยตะโกนออกมาอย่างตื่นตระหนกใบหน้าของนาง?หรือว่าตนจะถูกเซียวหลินเทียนกรีดหน้านับครั้งมิถ้วน เช่นเดียวกับที่ตนทำกับหลิงอวี๋?“ก็ดังที่เจ้าทำกับอาอวี๋… หากเจ้ามิยอมบอกความจริง ก็อย่ามาหาว่าข้าไร้ความปรานี!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างดุร้าย “นี่เพิ่งเริ่มต้น หากเจ้ายังมิบอกความจริงอีก ข้าก็จะตัดเนื้อเจ้าเป็นชิ้น ๆ แล้วป้อนให้เจ้ากินไปเสีย!”เมื่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นความเกลียดชังเต็มเปี่ยมอยู่ในดวงตาของเซียวหลินเทียน ก็รู้ว่าวันนี้ตนมิสามารถหนีจากการทรมานของเขาไปได้แล้ว!หรือว่าวันนี้ตนจะต้องตายอยู่บนภูเขารกร้างแห่งนี้จริง ๆ?ไม่!นางมิยอม!“หม่อม… หม่อมทำอะไรผิด?”จู่ ๆ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ตะโกนขึ้นมา “เซียวหลินเทียน พวกท่านกำลังร

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1965

    แต่มีหรือที่เซียวหลินเทียนจะหลงกลจ้าวหรุ่ยหรุ่ย เขาเข้าสนามรบตั้งแต่อายุยังน้อยมาก แล้วเขาจะมิเข้าใจวิธีการถามคำถามล่อศัตรูเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!“ดูป่าลึกแห่งนี้เถิด ข้างหน้าไม่มีหมู่บ้าน ข้างหลังก็ไม่มีร้านค้า คนที่ร่วมเดินทางมากับเจ้าก็ล้วนหนีไปกันหมดมิเหลือร่องรอยใด ๆ แล้ว!”“จ้าวหรุ่ยหรุ่ย เจ้าคิดว่าข้าจับเจ้าได้แล้ว ข้าจะปล่อยให้เจ้าหนีไปได้ง่าย ๆ รึ?”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเหยียดหยาม“การให้ข้าซักถามเจ้า มิสู้เจ้าสารภาพมาเองว่าเจ้าทำอะไรกับฮองเฮาของข้าไปบ้าง?”“หากเจ้ายอมรับสารภาพดี ๆ มิแน่ว่าข้าอาจเมตตาให้เจ้าตายแบบศพครบถ้วนก็ได้!”หัวใจของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจมดิ่งลงน้ำเสียงนี้ของเซียวหลินเทียนแสดงให้เห็นว่า เขามิคิดที่จะปล่อยตนไปแล้ว!เช่นนั้นหากตนเอ่ยออกไปก็ต้องตาย มิเอ่ยออกไปก็ต้องตายเช่นกัน แล้วเหตุใดตนจะต้องทำให้เซียวหลินเทียนสมปรารถนาด้วยเล่า!ทันทีที่มุมปากของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกระตุกขึ้นอย่างเย้ยหยัน เซียวหลินเทียนก็เห็นแล้ว“จ้าวหรุ่ยหรุ่ย เจ้ากำลังคิดว่าหากบอกก็ตาย มิบอกก็ตาย แล้วเหตุใดจะต้องบอกใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “หากเจ้ามีความคิดเช่นนี้

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1964

    “เสือมาแล้ว!”ในตอนที่เซียวหลินเทียนเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยพร้อมด้วยคนที่กำลังวิ่งหนีเหล่านั้นมุ่งหน้ามา ที่มุมริมฝีปากของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มที่มีความหมายขึ้นมาทันทีก่อนหน้านี้ตนวางแผนให้หานอวี้ล่อลวงให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมา มิคาดคิดเลยว่าโอกาสจะเข้ามาหาถึงที่เช่นนี้เขามองหาทิศทางที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยวิ่งหนี แล้วก็วิ่งเข้าไปหานางมิรู้ว่าหลิงอวี๋วิ่งหนีไปที่ใดแล้ว ดังนั้นเขาขอจัดการกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก่อนแล้วค่อยไปตามหานางแล้วกันจ้าวหรุ่ยหรุ่ยวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนกโดยมิมองทาง แม้ว่านางจะรู้ตัวแล้วว่าเซียวหลินเทียนตามตนมา แต่ก็มิได้ระวังตัว คิดเพียงว่าอีกฝ่ายก็คงหนีเสืออยู่เหมือนกันด้วยจำนวนของเสือนั้นมีจำกัด เมื่อคนที่วิ่งหนีแยกทางกันออกเป็นหลายทาง จึงทำให้ความสนใจของเสือถูกแยกออกไปจ้าวหรุ่ยหรุ่ยวิ่งไปอีกสักพัก เมื่อนางมิได้ยินเสียงคำรามของเสือแล้ว นางจึงถอนหายใจโล่งอกไปได้นางพิงต้นไม้แล้วหายใจพลางหันกลับไปมองอย่างระมัดระวังบุรุษที่ตามตนมาเมื่อครู่ก็หายไปแล้วเช่นกัน เขาคงจะหนีไปทางอื่นแล้วจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมองไปรอบ ๆ พยายามแยกแยะทิศทางที่จะออกไปจากป่าทึบนี้แต่รอบ ๆ ล้วนเป็นต้นไม้ใหญ่ส

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1963

    “น้องหญิง เหตุใดมิวิ่งไปเล่า? เสือตามมาแล้ว!”ผู้รอบรู้วิ่งไปก็มองด้านหลังอย่างระแวงไป เขาหันกลับมาเห็นหลิงอวี๋ยืนนิ่งค้างอยู่ จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย“ไม่มีทางให้ไปแล้ว!”หลิงอวี๋ชี้ไปข้างหน้า แล้วจู่ ๆ ก็มีความคิดแวบเข้ามา จึงตะโกนออกไป “พี่ชาย ข้ามีวิธีแล้ว! รีบตามข้ามาเร็วเข้า!”“ท่านเห็นเถาวัลย์หลาย ๆ เส้นที่อยู่ตรงขอบหน้าผาหรือไม่? พวกเราล่อเสือไปที่ขอบหน้าผาแล้วกระโดดลงไป จากนั้นก็คว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้กันเถิด!”“เถาวัลย์เหล่านั้นแข็งแรงมาก จะต้องรองรับน้ำหนักของพวกเราไว้ได้อย่างแน่นอน!”หลิงอวี๋ยังพูดมิทันจบ เสือก็กระโจนเข้ามาแล้ว และลมที่มีกลิ่นคาวที่มันพามาด้วยก็ทำให้หลิงอวี๋อยากจะอาเจียนออกมาและในความตื่นตระหนกนั้น นางก็รีบกระโดดขึ้นแล้วพุ่งไปที่ขอบหน้าผาอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังห่างอยู่อีกหลายเมตรทีเดียว หลิงอวี๋ยังคงไปมิถึงที่ขอบหน้าผา แล้วเสือก็กระโจนเข้าใส่นาง มันอ้าปากที่เต็มไปด้วยเลือด แล้วกัดไปที่คอของหลิงอวี๋“น้องหญิง!”เมื่อผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็กรีดร้องออกมา แล้วเหวี่ยงกระบี่ไปที่เสือ เมื่อเสือรู้สึกถึงอันตราย มันจึงเบี่ยงหัวหนีไป ทำให้กระบี่ของผู้รอบรู้

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1962

    “หลีกไป! อย่าบีบให้ข้าต้องลงมือ!”ใบหน้าของเย่หรงมืดมนลง จากนั้นเขาก็ขยับนิ้วแล้วกระบี่ก็โผล่ออกมาจากฝักครึ่งหนึ่งเผยอวี้กับฉินซานเห็นท่ามิดี จึงล้อมเข้ามาด้วยกันเซียวหลินเทียนไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้โดยไม่มีเหตุผลแน่ หรือว่าเขาจะพบสิ่งผิดปกติอะไร?“อู่เถา บอกให้พี่ชายของเจ้าหลีกทางไปเสีย อย่าบังคับให้ข้าลงมือ!”หลิงอวี๋ก็เอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “พวกเจ้าก็เคยเห็นวิชาพิษของข้าไปแล้ว หากมิอยากตายอยู่ในป่าลึกแห่งนี้ ก็อย่ามายั่วยุข้า!”“พี่ใหญ่…”เถาจื่อมิรู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่เช่นนี้ นางจึงมองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างสงสัย“อาอวี๋!”เซียวหลินเทียนกำลังคิดจะเรียกชื่อของหลิงอวี๋ และเปิดเผยตัวตนของตนออกมาแต่ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวุ่นวายดังมา ทั้งยังมีคนส่งเสียงร้องออกมาอีก “รีบหนีเร็วเข้า เสือโกรธแล้ว...”“โฮก… โฮก…”และแทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ก็ได้ยินเสียงคำรามของเสือดังมาหลายครั้ง ตามมาด้วยเสียงวุ่นวายที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ“เสือมาแล้ว!”“โฮก...”พวกคนที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่นั้น ได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมากวิ่งเข้ามาทางนี้ พร้อมทั้งเสียงกรีดร้อง“ช่

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1961

    ไม่! มิได้!จะทำให้เรื่องยุ่งเองมิได้!หลิงอวี๋สงบลงในทันที นางมั่นใจในการแปลงโฉมของตนหากคนผู้นี้มั่นใจว่าตนคือคนที่พวกเขาตามหา จะไม่มีทางพูดคำเหล่านี้มาหยั่งเชิงตนเป็นอันขาด!ที่นี่ไม่มีคนนอกอยู่ หากพวกเขาคิดจะลงมือก็คงจะทำไปนานแล้วเห็นได้ชัดว่า ตอนนี้พวกเขาแค่รู้สึกสงสัยเท่านั้น ก็คล้ายกับการหยั่งเชิงของตระกูลเฉียวที่งานเลี้ยงชมบุปผาของหลงอิงขอเพียงนางมิทำให้เรื่องยุ่งขึ้นมาเสียเอง พวกเขาก็จะไม่มีทางลงมือใด ๆ ในตอนนี้!“นายท่านอู่มีสายตาที่เฉียบแหลมยิ่งนัก ข้าแต่งงานแล้วจริง ๆ แล้วก็เคยตั้งครรภ์ด้วย!”“แต่ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นกับสามีของข้า ข้าเสียใจมาก จนลูกมิได้อยู่กับข้าแล้ว...”หลิงอวี๋มองตรงเข้าไปในดวงตาของเซียวหลินเทียน แล้วเอ่ยด้วยท่าทีที่มิได้ถ่อมตนหรือยโสจนเกินไปรูปร่างของสตรีที่เคยตั้งครรภ์มาแล้วนั้นแตกต่างจากสตรีที่ยังมิได้แต่งงานอย่างสิ้นเชิง หลิงอวี๋รู้ดีว่าการปฏิเสธนั้นรังแต่จะเป็นการพิสูจน์ว่าตนกังวลใจ สู้พูดออกมาอย่างเปิดเผยดีกว่าเซียวหลินเทียนจ้องมองหลิงอวี๋อยู่ตลอด เมื่อนางเห็นว่าตนพูดถึงลูกขึ้นมา มือของนางก็สั่นไปเล็กน้อยแต่นี่ก็มิสามารถพิสูจน์ได้ว่

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1960

    มีผู้บำเพ็ญตนที่ขึ้นไปหาสมบัติที่ภูเขาหมางหลิ่งอยู่มากมาย ในตอนแรกเริ่มนั้นเส้นทางที่ขึ้นภูเขายังคงเห็นผู้คนอยู่ แต่เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ผู้บำเพ็ญตนเหล่านั้นต่างก็หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนเยอะ และเข้าไปในป่าทึบเพื่อหาเส้นทางใหม่ที่ตนจะไปตามหาสมบัติ“พวกเราเองก็ไปที่ที่คนน้อยกันเถิด หากอยากเจอสมบัติดี ๆ ยิ่งอยู่สถานที่ห่างไกลก็ยิ่งมีโอกาสเจอสมบัติมาก!”เย่หรงเอ่ยให้กำลังใจทุกคนเซียวหลินเทียนจึงมองไปทางหลิงอวี๋แล้วยิ้มจาง ๆ จากนั้นก็เอ่ยออกมา “คนที่รู้เรื่องเครื่องยาสมุนไพรมากที่สุดในหมู่พวกเราก็คือคุณหนูสิง คุณหนูสิง เจ้าคิดว่าพวกเราควรจะไปอย่างไรดี?”หลิงอวี๋นึกถึงเครื่องยาสมุนไพรในประกาศรางวัล แล้วก็เอ่ยขึ้นมา “จากการเจริญเติบโตของพวกเครื่องยาสมุนไพรราคาสูงที่ข้าตามหาอยู่นั้น มันชอบอากาศเย็นและชื้น พวกเราเดินลึกเข้าไปในป่ากันเถิด!”“ไปตามที่เจ้าว่าเลย!”เซียวหลินเทียนมีข้อสงสัยอยู่ในใจ ยิ่งเขามองสิงอวี๋ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่านางคล้ายกับหลิงอวี๋น้ำเสียงของเขาจึงมีความตามใจขึ้นมาโดยมิรู้ตัวแต่หลิงอวี๋มิได้รู้สึกถึงสิ่งนั้น นางรู้สึกเพียงว่าสายตาของพี่ชายศิษย์น้องหญิงที่มองตนนั้นดูใ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1959

    เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าเย่หรงเห็นด้วย จึงมิได้คัดค้านเช่นกันผู้รอบรู้ได้สืบเรื่องภูเขาหมางหลิ่งมาแล้ว มันอันตรายมากจริง ๆ พวกเขามาสำรวจที่นี่เป็นครั้งแรก ดังนั้นหากมีผู้ช่วยเพิ่มก็คงจะปลอดภัยกว่า“ศิษย์พี่หญิง ข้าได้ยินมาว่า เหมียวหยางมีตุ่มน้ำขึ้นตามตัวหนักมาก ส่วนอาจารย์ของเขาก็หมดหนทางจัดการกับพิษนั้นแล้วเช่นกัน ข้าว่ามิต้องถึงสิบวันเขาจะต้องมาขอร้องเจ้าอย่างแน่นอน!”เถาจื่อกับหลิงอวี๋เป็นสตรีเพียงสองคนในกลุ่ม ดังนั้นจึงเดินตามแล้วเดินไปพูดคุยกันไปเซียวหลินเทียนก็กำลังคุยกับเย่หรงอยู่เช่นกันเมื่อคืนนี้เซียวหลินเทียนได้รับข้อมูลของสิงอวี๋มาแล้วจากที่คนของสือหรงไปสืบมาจากหลาย ๆ ทาง ก็พบข้อมูลเกี่ยวกับสิงอวี๋มามิน้อยตัวอย่างเช่นสิงอวี๋กับสิงจั๋วมิใช่พี่น้องกัน!สิงจั๋วเป็นศิษย์ของตำหนักปีกเงินที่ถูกไล่ออกจากตำหนักไป เมื่อสือหรงมั่นใจเรื่องตัวตนของเขาแล้ว จึงมาบอกกับเซียวหลินเทียน“ก่อนหน้านี้เจ้าตำหนักคนก่อนมีศิษย์ที่เป็นเด็กกำพร้าอยู่หลายคนขอรับ เจ้าตำหนักรับเลี้ยงสิงจั๋วผู้นี้มาตั้งแต่เขาอายุได้หกเจ็ดขวบ จวบจนกระทั่งตอนที่เขาจากไปก็มิเคยมีครอบครัวมาตามหาเขาเลย!”“ข้าได้ไป

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1958

    หลิงอวี๋หลบไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว จากนั้นนางก็เอ่ยกับบุรุษผู้นั้นอย่างเย็นชา “เห็นแก่ที่เจ้ามิได้ทำอะไรมิดีกับข้า แค่ทำไปตามคำสั่งเท่านั้น ดังนั้นข้าก็จะเมตตาผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นเจ้า!”“หากอยากจะรักษาดวงตาของเจ้า ก็รีบไปหาน้ำมาล้างสักสองสามครั้ง มิฉะนั้นหากตาบอดไปก็มิเกี่ยวกับข้านะ!”บุรุษที่อยู่ตรงข้ามผู้นั้นกำลังวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วแต่หลิงอวี๋กลับเอ่ยอย่างใจเย็น “กลับไปบอกเหมียวหยางว่า อย่าได้หาใครมาตามข้าอีก หากเขามิขอโทษข้าต่อหน้าธารกำนัล และยอมรับว่าเขาเป็นคนทำลายเรือนของข้า ข้าก็จะมิให้ยาแก้พิษกับเขาเป็นอันขาด!”“เขาจะส่งคนมาจับข้าต่อก็ได้ แต่ครั้งหน้าข้าไม่มีทางเมตตาอีกแล้ว!”หลังจากพูดจบ หลิงอวี๋ก็เดินไปดวงตาของบุรุษผู้นั้นเจ็บปวดจนบวมขึ้นมาในทันที เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของสหายตน เขาก็ตะโกนออกไป “รีบพาข้าไปหาน้ำเร็วเข้า ข้ามิอยากตาบอด...”บุรุษที่มาทีหลังเห็นจุดจบของสหายตนแล้วก็มิกล้าไปจับหลิงอวี๋อีก จึงช่วยประคองสหายของตนไปหาน้ำล้างหลิงอวี๋มิได้สังเกตเลยสักนิดว่า บนที่สูงมีบุรุษรูปร่างสูงผอมคนหนึ่งกำลังเฝ้ามองภาพนี้อยู่ทั้งหมด เขาคือสายลับจากตำหนักปีกเงิน ท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status