“เซียวหลินเทียนอยู่ที่ภูเขาหมางหลิ่ง หลิงอวี๋ก็ด้วย รางวัลค่าหัวของพวกเขารวมกันเป็นสิบห้าล้าน ทุกคนรีบมาเร็วเข้า รีบมาจับพวกเขาเร็ว!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยค่อย ๆ หายใจดีขึ้นแล้ว จึงใช้กำลังภายในตะโกนออกไปอย่างบ้าคลั่งเมื่อครู่ตอนที่เซียวหลินเทียนบีบคอของนาง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ถือโอกาสนั้นทำบางอย่างกับอาภรณ์ของเขา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยากใช้สิ่งนี้จับตัวเซียวหลินเทียน และกำจัดอันตรายที่คุกคามตนไปให้หมดสิ้นเสียผู้บำเพ็ญตนเหล่านั้นล้วนมีความสามารถในการได้ยินที่พิเศษกว่าคนทั่วไป และเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดนี้ ก็พากันไปทางจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจากทุกทิศทุกทางในทันทีแน่นอนว่าเซียวหลินเทียนเองก็ย่อมได้ยินคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเช่นกัน แล้วเขาก็ยิ้มอย่างเย็นชา เขารู้อยู่แล้วว่าสตรีผู้นี้เจ้าเล่ห์ แล้วก็เป็นดังที่คาดไว้มิมีผิด!เซียวหลินเทียนมิได้รีบร้อนที่จะออกไป หากเขาพุ่งออกไปเช่นนี้ในเวลานี้ ก็จะเป็นการบอกคนเหล่านั้น ว่าตนก็คือคนที่พวกเขาต้องการจับกุมมิใช่หรือ?เซียวหลินเทียนซ่อนตัวอยู่ด้านหลังต้นไม้ต้นหนึ่ง แล้วสวมหน้ากากผิวหนังมนุษย์อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมออก แล้วพุ่งขึ้นไปซ่อนตัวอยู่บนกิ่งไม้ส
เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของเถาจื่อ ก็ราวกับถูกฟ้าผ่าในทันทีคนที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยนำคนเหล่านั้นไปจับตัวคือเซียวหลินเทียน!แต่เถาจื่อกลับบอกว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยวางแผนทำร้ายพี่ใหญ่ของนาง!หากเป็นเช่นนี้ พี่ใหญ่ของเถาจื่อก็คือเซียวหลินเทียนหรือ?เซียวหลินเทียนคือศัตรูของตน!แต่เถาจื่อจะให้ตนไปช่วยพี่ใหญ่ของนาง?“พี่ใหญ่ของเจ้า… คือเซียวหลินเทียนหรือ? คนที่มหาปราชญ์เสนอรางวัลค่าหัวอย่างหนักนั่นหรือ?”หลิงอวี๋ตื่นเต้นจนตัวสั่น นี่นับว่าเป็นการย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกมิพบพาน แต่ยามได้มากลับมิเสียเวลาเลยใช่หรือไม่?นางทุ่มเททุกอย่างในการตามหาเซียวหลินเทียน เพราะอยากจะแก้แค้นให้กับลูกชายของตน แต่เซียวหลินเทียนกลับเดินมาหาตนเสียเอง?“ศิษย์พี่หญิง เจ้าคงมิได้ต้องการเงินรางวัลสิบล้านเช่นกันหรอกใช่หรือไม่?”เมื่อเถาจื่อเห็นความตื่นเต้นของหลิงอวี๋ สายตาของนางก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นชา แล้วจ้องมองหลิงอวี๋“ศิษย์พี่หญิง ข้าเคารพเจ้า ยอมมาขอให้เจ้าช่วยเหลือ เพราะข้าคิดว่าเจ้ามิได้เห็นแก่อำนาจและผลประโยชน์ดังเช่นคนพวกนั้น!”“ใช่แล้ว พี่ใหญ่ของข้าคือเซียวหลินเทียน และเขาก็เป็นจักรพรรดิของฉินตะวันตกด้วย! แต
หลิงอวี๋ตะลึงกับคำพูดของเถาจื่อไปครู่หนึ่ง ตอนนี้นางจึงได้รู้ว่าเรื่องที่เถาจื่อขอให้ตนทำนั้นสำคัญมากเพียงใดนางสามารถวางยาพิษสังหารเซียวหลินเทียนได้ แต่ในขณะเดียวกัน ตัวตนของเซียวหลินเทียนก็มิอาจปกปิดได้เช่นกันเช่นนั้นเถาจื่อและคนที่อยู่ในคฤหาสน์อู่ทุกคนก็จะหนีมิทัน และจะต้องถูกมหาปราชญ์สังหารจนหมดสิ้นอย่างแน่นอน!เซียวหลินเทียนสังหารลูกชายของตน แต่ชีวิตของคนจำนวนมากมายเหล่านั้นล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ หากนางวางยาพิษสังหารเซียวหลินเทียน ก็จะเป็นการสังหารคนเหล่านั้นทางอ้อมไม่มีเวลาให้หลิงอวี๋ได้คิดแล้ว เซียวหลินเทียนพี่ใหญ่ของเถาจื่อมุดตัวออกมาจากพุ่มไม้แล้วเซียวหลินเทียนพบว่าตนตกหลุมพรางแผนการร้ายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยและเช่นเดียวกับที่เถาจื่อพูดไปเมื่อครู่ เขาสามารถอาศัยวรยุทธ์ของตนหนีไปจากภูเขาหมางหลิ่งเพียงลำพังได้แต่เผยอวี้ ฉินซานและผู้คุ้มกันของคฤหาสน์อู่ที่พามาด้วย ก็จะถูกเปิดเผยตัวตนเพราะเหตุนี้ และจะต้องถูกมหาปราชญ์ล้อมโจมตีเป็นแน่เซียวหลินเทียนจะปล่อยให้เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต้องลำบากเพราะตนเพียงผู้เดียวได้อย่างไร ดังนั้นในความเร่งรีบเขาจึงนึกถึงสิงอวี๋ขึ้นมาสิงอวี๋มีความ
“ศิษย์พี่หญิง ทางลงเขาถูกปิดกั้นไปแล้ว ตอนนี้พวกเราออกไปมิได้ แกล้งทำเป็นช่วยพวกเขาจับตัวคนกันไปก่อนเถิด!”เมื่อเถาจื่อเห็นพวกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเดินไปข้างหน้า นางจึงดึงหลิงอวี๋เดินไปส่วนหลิงอวี๋ที่ล้มเลิกการแก้แค้น เพราะกังวลเรื่องความเป็นความตายของเถาจื่อและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย จึงสะบัดมือของเถาจื่อออกแล้วเอ่ยออกไปอย่างเย็นชา“เรื่องที่เจ้าให้ข้าทำข้าก็ทำให้แล้ว ข้าจะไปตามหาพี่ชายของข้า! เจ้าอย่าได้ตามข้ามา และอย่าได้คิดที่จะขู่ข้าอีก มิเช่นนั้นก็อย่ามาโทษว่าข้าไร้ความปรานี!”หลังจากพูดจบแล้ว หลิงอวี๋ก็เดินตรงไปอีกทางหนึ่ง“ศิษย์พี่หญิง!”เถาจื่อรู้สึกกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก นางรู้ว่าคำพูดที่ตนขู่สิงอวี๋ไปเมื่อครู่นั้นทำให้นางโกรธเสียแล้วที่สิงอวี๋ช่วยก็เพียงเพราะนางมิอาจทนเห็นคนมากมายต้องตายไปก็เท่านั้น“ข้าจะไปตามหาด้วยกันกับเจ้า! ข้าสาบานว่าข้าจะไม่มีทางทำร้ายเจ้าเด็ดขาด!”เถาจื่อพูดแล้วก็รีบหยิบตั๋วเงินออกมายัดให้หลิงอวี๋อย่างรวดเร็ว “ศิษย์พี่หญิง ข้าขอโทษ เมื่อครู่ข้าร้อนใจจึงขู่เจ้าไป แต่ข้ามิได้คิดจะสังหารเจ้าจริง ๆ นะ!”“นายหญิงของข้าเป็นคนจิตใจดี นางสอนพว
ในบรรดาคนเหล่านี้ นอกจากหลิงอวี๋ที่มีพลังต่ำแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น บางคนก็ใช้กระบี่ บางคนก็ใช้มีด ในเวลามินานที่ขอบหน้าผาก็มีกองเถาวัลย์อยู่กองหนึ่ง“พวกเจ้าตัดไป ข้าจะทำบันไดเอง!”หลิงอวี๋ถอดเสื้อคลุมออก จากนั้นก็ฉีกจนเป็นผ้าเส้น ๆ แล้วนำมามัดกับเถาวัลย์ไว้เมื่อเถาจื่อเห็นว่าเถาวัลย์กองอยู่มาก จึงมาผูกเถาวัลย์กับหลิงอวี๋ด้วย“ศิษย์พี่หญิง เจ้าต้องการเท่าใดก็บอกมาได้ พวกพี่ชายของข้ามีกำลังเหลือเฟือ! จัดการให้เจ้าได้สบาย!”เถาจื่อเริ่มต้นพูดคุยกับหลิงอวี๋“ขอบคุณ!”ในใจของหลิงอวี๋มีความระแวงคนพวกนี้อยู่แล้ว จึงมิได้พูดอะไรมากแล้วก้มหน้ามัดต่อไปแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะกังวลมาก เพราะเขาต้องการลงจากภูเขาไปตามหาหลิงอวี๋ที่จัตุรัสเมืองหลวงแดนเทพแต่เส้นทางลงจากภูเขาล้วนถูกตระกูลเฉียวหรือแม้แต่คนของมหาปราชญ์ปิดกั้นไว้หมดแล้ว หากเขาลงจากภูเขาไปในเวลานี้ จะต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดแน่นอน เขาจึงทำได้เพียงเลื่อนออกไปก่อนก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินซานมาที่เมืองหลวงแดนเทพ เขาได้ทำแขนเทียมครึ่งหนึ่งมาใส่แขนข้างที่ขาดไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดเผยตัวตน หลังจากที่สับเถาวัลย์ด้วยแขน
เมื่อทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน เวลาหนึ่งชั่วยามก็ผูกบันไดให้ยาวเพียงพอได้แล้ว เซียวหลินเทียนจึงช่วยหลิงอวี๋วางบันไดลงไปบันไดเหล่านั้นจมเข้าไปในหมอกหนา และมิรู้ด้วยว่าเพียงพอไปถึงด้านล่างหน้าผาหรือไม่“ข้าจะลงไปดู!”เซียวหลินเทียนจับบันไดให้มั่นคงแล้วเอ่ยออกมา“ไม่ ข้าจะลงไป!”หลิงอวี๋หยุดเขาไว้แล้วเอ่ยออกมา “ข้าน้ำหนักเบากว่าท่าน บันไดสามารถรับน้ำหนักข้าได้!”“อีกอย่าง ในหมอกหนาทึบเหล่านั้นมิรู้ว่ามีพิษอยู่หรือไม่ ข้ามีความรู้เรื่องทักษะการแพทย์ ข้าสามารถปรับตามสถานการณ์ได้!”เมื่อหลิงอวี๋เอ่ยเช่นนี้ พวกเผยอวี้ก็คิดว่าสมเหตุสมผลดี“ศิษย์พี่หญิง เช่นนั้นเจ้าระวังตัวด้วย พวกเราจะรออยู่ข้างบน หากเจ้าเจอพี่ชายของเจ้า ก็ส่งสัญญาณมา พวกเราจะดึงพวกเจ้าขึ้นมาเอง!”เถาจื่อกำชับ“อืม เช่นนั้นข้าลงไปแล้ว!”แล้วหลิงอวี๋ก็ไต่บันไดลงไปทีละขั้น ๆเซียวหลินเทียนมองอยู่ด้านข้างอย่างกังวล มิรู้ว่าบันไดนี้ปลอดภัยหรือไม่ คงจะมิพังลงกลางคันกระมัง!“พวกเจ้านำเถาวัลย์เหล่านั้นมาต่อเข้าด้วยกันเสีย หากบันไดยาวมิพอ จะได้สามารถใช้ได้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยออกมา แล้วเผยอวี้กับเถาจื่อก็รีบต่อเถาวัลย์แรก
พวกเซียวหลินเทียนรีบดึงเถาวัลย์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกเขาเห็นข้อความของหลิงอวี๋ ก็รู้สึกโล่งใจแต่เซียวหลินเทียนสังเกตเห็นจากหางตาว่ามีคำสองคำเขียนด้วยอักษรแบบย่อนี่คือความเคยชินเล็ก ๆ ของหลิงอวี๋ ตอนนั้นเซียวหลินเทียนเคยล้อเลียนหลิงอวี๋ว่าขี้เกียจ มิเขียนตัวอักษรให้สมบูรณ์แต่หลิงอวี๋กลับเอ่ยออกมาอย่างมิเห็นด้วย ‘ท่านมิคิดหรือเพคะว่าการเขียนเช่นนี้สะดวกกว่า? ราษฎรจำนวนมากมิรู้หนังสือ ก็เพราะอักษรหลายตัวมีขีดเยอะและเรียนรู้ได้ยากเพคะ!’‘หากทำให้กระชับลงเช่นนี้ เด็ก ๆ ก็จะเรียนรู้ได้ง่าย และราษฎรที่มิรู้หนังสือก็จะจำได้ง่ายด้วยเพคะ!’‘เซียวหลินเทียน เมื่อสถานการณ์ราชสำนักมั่นคงแล้ว ท่านควรส่งเสริมให้บรรดาครูปฏิวัติการเขียนตัวอักษรเพคะ เขียนตัวอักษรให้กระชับ ทำให้ราษฎรอ่านออกเขียนได้มากขึ้นด้วย!’เหอะ ๆ!เซียวหลินเทียนมองอักษรที่กระชับสองตัวนั้น พลางคิดถึงคำพูดของหลิงอวี๋ แล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา“นายท่านอู่ ท่านหัวเราะอะไรหรือ?”เผยอวี้เอ่ยถามอย่างแปลกใจ“พวกเจ้าดูเถิด นี่คือหลักฐานที่ดีที่สุด! สิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋!”เซียวหลินเทียนยื่นข้อความให้กับเผยอวี้ พร้อมก
“หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร
พวกเซียวหลินเทียนรีบดึงเถาวัลย์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกเขาเห็นข้อความของหลิงอวี๋ ก็รู้สึกโล่งใจแต่เซียวหลินเทียนสังเกตเห็นจากหางตาว่ามีคำสองคำเขียนด้วยอักษรแบบย่อนี่คือความเคยชินเล็ก ๆ ของหลิงอวี๋ ตอนนั้นเซียวหลินเทียนเคยล้อเลียนหลิงอวี๋ว่าขี้เกียจ มิเขียนตัวอักษรให้สมบูรณ์แต่หลิงอวี๋กลับเอ่ยออกมาอย่างมิเห็นด้วย ‘ท่านมิคิดหรือเพคะว่าการเขียนเช่นนี้สะดวกกว่า? ราษฎรจำนวนมากมิรู้หนังสือ ก็เพราะอักษรหลายตัวมีขีดเยอะและเรียนรู้ได้ยากเพคะ!’‘หากทำให้กระชับลงเช่นนี้ เด็ก ๆ ก็จะเรียนรู้ได้ง่าย และราษฎรที่มิรู้หนังสือก็จะจำได้ง่ายด้วยเพคะ!’‘เซียวหลินเทียน เมื่อสถานการณ์ราชสำนักมั่นคงแล้ว ท่านควรส่งเสริมให้บรรดาครูปฏิวัติการเขียนตัวอักษรเพคะ เขียนตัวอักษรให้กระชับ ทำให้ราษฎรอ่านออกเขียนได้มากขึ้นด้วย!’เหอะ ๆ!เซียวหลินเทียนมองอักษรที่กระชับสองตัวนั้น พลางคิดถึงคำพูดของหลิงอวี๋ แล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา“นายท่านอู่ ท่านหัวเราะอะไรหรือ?”เผยอวี้เอ่ยถามอย่างแปลกใจ“พวกเจ้าดูเถิด นี่คือหลักฐานที่ดีที่สุด! สิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋!”เซียวหลินเทียนยื่นข้อความให้กับเผยอวี้ พร้อมก
เมื่อทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน เวลาหนึ่งชั่วยามก็ผูกบันไดให้ยาวเพียงพอได้แล้ว เซียวหลินเทียนจึงช่วยหลิงอวี๋วางบันไดลงไปบันไดเหล่านั้นจมเข้าไปในหมอกหนา และมิรู้ด้วยว่าเพียงพอไปถึงด้านล่างหน้าผาหรือไม่“ข้าจะลงไปดู!”เซียวหลินเทียนจับบันไดให้มั่นคงแล้วเอ่ยออกมา“ไม่ ข้าจะลงไป!”หลิงอวี๋หยุดเขาไว้แล้วเอ่ยออกมา “ข้าน้ำหนักเบากว่าท่าน บันไดสามารถรับน้ำหนักข้าได้!”“อีกอย่าง ในหมอกหนาทึบเหล่านั้นมิรู้ว่ามีพิษอยู่หรือไม่ ข้ามีความรู้เรื่องทักษะการแพทย์ ข้าสามารถปรับตามสถานการณ์ได้!”เมื่อหลิงอวี๋เอ่ยเช่นนี้ พวกเผยอวี้ก็คิดว่าสมเหตุสมผลดี“ศิษย์พี่หญิง เช่นนั้นเจ้าระวังตัวด้วย พวกเราจะรออยู่ข้างบน หากเจ้าเจอพี่ชายของเจ้า ก็ส่งสัญญาณมา พวกเราจะดึงพวกเจ้าขึ้นมาเอง!”เถาจื่อกำชับ“อืม เช่นนั้นข้าลงไปแล้ว!”แล้วหลิงอวี๋ก็ไต่บันไดลงไปทีละขั้น ๆเซียวหลินเทียนมองอยู่ด้านข้างอย่างกังวล มิรู้ว่าบันไดนี้ปลอดภัยหรือไม่ คงจะมิพังลงกลางคันกระมัง!“พวกเจ้านำเถาวัลย์เหล่านั้นมาต่อเข้าด้วยกันเสีย หากบันไดยาวมิพอ จะได้สามารถใช้ได้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยออกมา แล้วเผยอวี้กับเถาจื่อก็รีบต่อเถาวัลย์แรก
ในบรรดาคนเหล่านี้ นอกจากหลิงอวี๋ที่มีพลังต่ำแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น บางคนก็ใช้กระบี่ บางคนก็ใช้มีด ในเวลามินานที่ขอบหน้าผาก็มีกองเถาวัลย์อยู่กองหนึ่ง“พวกเจ้าตัดไป ข้าจะทำบันไดเอง!”หลิงอวี๋ถอดเสื้อคลุมออก จากนั้นก็ฉีกจนเป็นผ้าเส้น ๆ แล้วนำมามัดกับเถาวัลย์ไว้เมื่อเถาจื่อเห็นว่าเถาวัลย์กองอยู่มาก จึงมาผูกเถาวัลย์กับหลิงอวี๋ด้วย“ศิษย์พี่หญิง เจ้าต้องการเท่าใดก็บอกมาได้ พวกพี่ชายของข้ามีกำลังเหลือเฟือ! จัดการให้เจ้าได้สบาย!”เถาจื่อเริ่มต้นพูดคุยกับหลิงอวี๋“ขอบคุณ!”ในใจของหลิงอวี๋มีความระแวงคนพวกนี้อยู่แล้ว จึงมิได้พูดอะไรมากแล้วก้มหน้ามัดต่อไปแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะกังวลมาก เพราะเขาต้องการลงจากภูเขาไปตามหาหลิงอวี๋ที่จัตุรัสเมืองหลวงแดนเทพแต่เส้นทางลงจากภูเขาล้วนถูกตระกูลเฉียวหรือแม้แต่คนของมหาปราชญ์ปิดกั้นไว้หมดแล้ว หากเขาลงจากภูเขาไปในเวลานี้ จะต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดแน่นอน เขาจึงทำได้เพียงเลื่อนออกไปก่อนก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินซานมาที่เมืองหลวงแดนเทพ เขาได้ทำแขนเทียมครึ่งหนึ่งมาใส่แขนข้างที่ขาดไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดเผยตัวตน หลังจากที่สับเถาวัลย์ด้วยแขน
“ศิษย์พี่หญิง ทางลงเขาถูกปิดกั้นไปแล้ว ตอนนี้พวกเราออกไปมิได้ แกล้งทำเป็นช่วยพวกเขาจับตัวคนกันไปก่อนเถิด!”เมื่อเถาจื่อเห็นพวกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเดินไปข้างหน้า นางจึงดึงหลิงอวี๋เดินไปส่วนหลิงอวี๋ที่ล้มเลิกการแก้แค้น เพราะกังวลเรื่องความเป็นความตายของเถาจื่อและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย จึงสะบัดมือของเถาจื่อออกแล้วเอ่ยออกไปอย่างเย็นชา“เรื่องที่เจ้าให้ข้าทำข้าก็ทำให้แล้ว ข้าจะไปตามหาพี่ชายของข้า! เจ้าอย่าได้ตามข้ามา และอย่าได้คิดที่จะขู่ข้าอีก มิเช่นนั้นก็อย่ามาโทษว่าข้าไร้ความปรานี!”หลังจากพูดจบแล้ว หลิงอวี๋ก็เดินตรงไปอีกทางหนึ่ง“ศิษย์พี่หญิง!”เถาจื่อรู้สึกกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก นางรู้ว่าคำพูดที่ตนขู่สิงอวี๋ไปเมื่อครู่นั้นทำให้นางโกรธเสียแล้วที่สิงอวี๋ช่วยก็เพียงเพราะนางมิอาจทนเห็นคนมากมายต้องตายไปก็เท่านั้น“ข้าจะไปตามหาด้วยกันกับเจ้า! ข้าสาบานว่าข้าจะไม่มีทางทำร้ายเจ้าเด็ดขาด!”เถาจื่อพูดแล้วก็รีบหยิบตั๋วเงินออกมายัดให้หลิงอวี๋อย่างรวดเร็ว “ศิษย์พี่หญิง ข้าขอโทษ เมื่อครู่ข้าร้อนใจจึงขู่เจ้าไป แต่ข้ามิได้คิดจะสังหารเจ้าจริง ๆ นะ!”“นายหญิงของข้าเป็นคนจิตใจดี นางสอนพว
หลิงอวี๋ตะลึงกับคำพูดของเถาจื่อไปครู่หนึ่ง ตอนนี้นางจึงได้รู้ว่าเรื่องที่เถาจื่อขอให้ตนทำนั้นสำคัญมากเพียงใดนางสามารถวางยาพิษสังหารเซียวหลินเทียนได้ แต่ในขณะเดียวกัน ตัวตนของเซียวหลินเทียนก็มิอาจปกปิดได้เช่นกันเช่นนั้นเถาจื่อและคนที่อยู่ในคฤหาสน์อู่ทุกคนก็จะหนีมิทัน และจะต้องถูกมหาปราชญ์สังหารจนหมดสิ้นอย่างแน่นอน!เซียวหลินเทียนสังหารลูกชายของตน แต่ชีวิตของคนจำนวนมากมายเหล่านั้นล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ หากนางวางยาพิษสังหารเซียวหลินเทียน ก็จะเป็นการสังหารคนเหล่านั้นทางอ้อมไม่มีเวลาให้หลิงอวี๋ได้คิดแล้ว เซียวหลินเทียนพี่ใหญ่ของเถาจื่อมุดตัวออกมาจากพุ่มไม้แล้วเซียวหลินเทียนพบว่าตนตกหลุมพรางแผนการร้ายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยและเช่นเดียวกับที่เถาจื่อพูดไปเมื่อครู่ เขาสามารถอาศัยวรยุทธ์ของตนหนีไปจากภูเขาหมางหลิ่งเพียงลำพังได้แต่เผยอวี้ ฉินซานและผู้คุ้มกันของคฤหาสน์อู่ที่พามาด้วย ก็จะถูกเปิดเผยตัวตนเพราะเหตุนี้ และจะต้องถูกมหาปราชญ์ล้อมโจมตีเป็นแน่เซียวหลินเทียนจะปล่อยให้เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต้องลำบากเพราะตนเพียงผู้เดียวได้อย่างไร ดังนั้นในความเร่งรีบเขาจึงนึกถึงสิงอวี๋ขึ้นมาสิงอวี๋มีความ
เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของเถาจื่อ ก็ราวกับถูกฟ้าผ่าในทันทีคนที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยนำคนเหล่านั้นไปจับตัวคือเซียวหลินเทียน!แต่เถาจื่อกลับบอกว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยวางแผนทำร้ายพี่ใหญ่ของนาง!หากเป็นเช่นนี้ พี่ใหญ่ของเถาจื่อก็คือเซียวหลินเทียนหรือ?เซียวหลินเทียนคือศัตรูของตน!แต่เถาจื่อจะให้ตนไปช่วยพี่ใหญ่ของนาง?“พี่ใหญ่ของเจ้า… คือเซียวหลินเทียนหรือ? คนที่มหาปราชญ์เสนอรางวัลค่าหัวอย่างหนักนั่นหรือ?”หลิงอวี๋ตื่นเต้นจนตัวสั่น นี่นับว่าเป็นการย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกมิพบพาน แต่ยามได้มากลับมิเสียเวลาเลยใช่หรือไม่?นางทุ่มเททุกอย่างในการตามหาเซียวหลินเทียน เพราะอยากจะแก้แค้นให้กับลูกชายของตน แต่เซียวหลินเทียนกลับเดินมาหาตนเสียเอง?“ศิษย์พี่หญิง เจ้าคงมิได้ต้องการเงินรางวัลสิบล้านเช่นกันหรอกใช่หรือไม่?”เมื่อเถาจื่อเห็นความตื่นเต้นของหลิงอวี๋ สายตาของนางก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นชา แล้วจ้องมองหลิงอวี๋“ศิษย์พี่หญิง ข้าเคารพเจ้า ยอมมาขอให้เจ้าช่วยเหลือ เพราะข้าคิดว่าเจ้ามิได้เห็นแก่อำนาจและผลประโยชน์ดังเช่นคนพวกนั้น!”“ใช่แล้ว พี่ใหญ่ของข้าคือเซียวหลินเทียน และเขาก็เป็นจักรพรรดิของฉินตะวันตกด้วย! แต
“เซียวหลินเทียนอยู่ที่ภูเขาหมางหลิ่ง หลิงอวี๋ก็ด้วย รางวัลค่าหัวของพวกเขารวมกันเป็นสิบห้าล้าน ทุกคนรีบมาเร็วเข้า รีบมาจับพวกเขาเร็ว!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยค่อย ๆ หายใจดีขึ้นแล้ว จึงใช้กำลังภายในตะโกนออกไปอย่างบ้าคลั่งเมื่อครู่ตอนที่เซียวหลินเทียนบีบคอของนาง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ถือโอกาสนั้นทำบางอย่างกับอาภรณ์ของเขา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยากใช้สิ่งนี้จับตัวเซียวหลินเทียน และกำจัดอันตรายที่คุกคามตนไปให้หมดสิ้นเสียผู้บำเพ็ญตนเหล่านั้นล้วนมีความสามารถในการได้ยินที่พิเศษกว่าคนทั่วไป และเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดนี้ ก็พากันไปทางจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจากทุกทิศทุกทางในทันทีแน่นอนว่าเซียวหลินเทียนเองก็ย่อมได้ยินคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเช่นกัน แล้วเขาก็ยิ้มอย่างเย็นชา เขารู้อยู่แล้วว่าสตรีผู้นี้เจ้าเล่ห์ แล้วก็เป็นดังที่คาดไว้มิมีผิด!เซียวหลินเทียนมิได้รีบร้อนที่จะออกไป หากเขาพุ่งออกไปเช่นนี้ในเวลานี้ ก็จะเป็นการบอกคนเหล่านั้น ว่าตนก็คือคนที่พวกเขาต้องการจับกุมมิใช่หรือ?เซียวหลินเทียนซ่อนตัวอยู่ด้านหลังต้นไม้ต้นหนึ่ง แล้วสวมหน้ากากผิวหนังมนุษย์อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมออก แล้วพุ่งขึ้นไปซ่อนตัวอยู่บนกิ่งไม้ส
คำพูดนี้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เซียวหลินเทียนจึงเชื่อ“ป้าวซวนอยู่ที่ใด? หลิงอวี๋อยู่ที่ใด?”เซียวหลินเทียนซักถามออกไปจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมองเซียวหลินเทียนอย่างเย็นชา “ท่านคิดว่าหม่อมฉันจะบอกหรือ? ถึงอย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้ว เช่นนั้นหากหม่อมฉันจะตายก็จะลากหลิงอวี๋ไปรับเคราะห์ด้วย!”“เซียวหลินเทียน หากท่านอยากให้หม่อมฉันบอกที่อยู่ของป้าวซวนกับหลิงอวี๋ ท่านก็ต้องรับปากว่าจะปล่อยหม่อมฉันไปเท่านั้น!”เซียวหลินเทียนจึงเอ่ยออกไปอย่างไร้ความปรานี “จ้าวหรุ่ยหรุ่ย เจ้าไม่มีพื้นที่ให้มาต่อรองกับข้าหรอกนะ!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงเอ่ยอย่างหนักแน่น “เพคะ ท่านสามารถทรมานหม่อมฉันได้ แต่หม่อมฉันจ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงมีศักดิ์ศรี แม้ว่าท่านจะสังหารหม่อมฉัน ก็อย่าได้คิดว่าจะได้รับข่าวของพวกนางจากปากของหม่อมฉัน!”“เซียวหลินเทียน ทุกเวลาที่ท่านล่าช้าไป ก็หมายความว่าหลิงอวี๋จะยิ่งตกอยู่ในอันตราย!”“หลิงอวี๋สังหารเฉียวเค่อ ตระกูลเฉียวเกลียดนางถึงเพียงนั้น หากหลิงอวี๋ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของตระกูลเฉียวขึ้นมา พวกเขาจะต้องใช้วิธีที่โหดร้ายกว่าท่านหลายสิบเท่ามาจัดการนางอย่างแน่นอน!”“
ราวกับเป็นการพิสูจน์ว่าตนมิได้โกหก เซียวหลินเทียนยกมือขึ้น จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นเพียงแสงสะท้อนจากคมกริชเย็นเยียบวาบผ่านตรงหน้า แล้วใบหน้าก็รู้สึกเย็นขึ้นมาในทันที...กระทั่งเซียวหลินเทียนถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างเยาะเย้ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนใบหน้าขึ้นมา แล้วหยดเลือดนับมิถ้วนไหลลงมาตามแก้ม“เซียวหลินเทียน ท่านทำอะไรกับหม่อมฉัน?”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยตะโกนออกมาอย่างตื่นตระหนกใบหน้าของนาง?หรือว่าตนจะถูกเซียวหลินเทียนกรีดหน้านับครั้งมิถ้วน เช่นเดียวกับที่ตนทำกับหลิงอวี๋?“ก็ดังที่เจ้าทำกับอาอวี๋… หากเจ้ามิยอมบอกความจริง ก็อย่ามาหาว่าข้าไร้ความปรานี!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างดุร้าย “นี่เพิ่งเริ่มต้น หากเจ้ายังมิบอกความจริงอีก ข้าก็จะตัดเนื้อเจ้าเป็นชิ้น ๆ แล้วป้อนให้เจ้ากินไปเสีย!”เมื่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นความเกลียดชังเต็มเปี่ยมอยู่ในดวงตาของเซียวหลินเทียน ก็รู้ว่าวันนี้ตนมิสามารถหนีจากการทรมานของเขาไปได้แล้ว!หรือว่าวันนี้ตนจะต้องตายอยู่บนภูเขารกร้างแห่งนี้จริง ๆ?ไม่!นางมิยอม!“หม่อม… หม่อมทำอะไรผิด?”จู่ ๆ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ตะโกนขึ้นมา “เซียวหลินเทียน พวกท่านกำลังร